แชร์

บทที่ 449

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-06 18:00:00
ทั่วป๋าจิ่นกล่าวว่า: "ตอนนั้นพายุทรายลูกใหญ่จนเกินไป มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย"

หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงกล่าวว่า: "ในเมื่อองค์ชายใหญ่บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ก็คงต้องเป็นอุบัติเหตุ พอมาลองคิดดูแล้ว วันนั้นลมพายุทรายก็แรงจริงๆ ข้าจำได้ว่าวันนั้นองค์ชายใหญ่เกือบจะถูกยิงเหมือนกัน แถมเกือบจะถูกยิงตั้งสี่นัดแหนะ โชคดีที่องค์ชายใหญ่ดวงเฮง ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงจะไม่ได้มายืนคุยกับข้าอยู่ที่นี่หรอก "

เดิมทีทั่วป๋าจิ่นพูดคุยกับนางด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อเขาได้ยินนางพูดแบบนี้ เขาก็หัวเราะไม่ออกทันที ลักษณะท่าทางที่ทุลักทุเลที่น่าอับอายในอดีตผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง สีหน้าของทั่วป๋าจิ่นเดี๋ยวโกรธเดี๋ยวซีด ไม่ต้องบอกว่าย่ำแย่แค่ไหน

“อย่าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป พวกเรามาคุยเรื่องอื่นดีกว่า…” ทั่วป๋าจิ่นเปลี่ยนเรื่องได้ทันเวลา

แต่ในกรณีของหลินซวงเอ๋อร์ เรื่องบางอย่างถ้านางไม่อยากปล่อยผ่าน ทำอย่างไรก็คงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้

หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ไม่ทราบว่าองค์ชายใหญ่เรียกหาข้าทีเรื่องอะไรหรือ? ข้าอาศัยอยู่ที่จ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 450

    " แม้ว่าข้าจะเคยบาดหมางกับใต้เท้าฉีเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องโหดร้ายเช่นนี้ ข้าได้สังหารผู้คุมขังสองคนนั้นแล้ว ถือว่าเป็นการขอโทษใต้เท้าฉี อีกอย่าง ยาสมานแผลชั้นเยี่ยมสองสามขวดนี้ รบกวนพระชายาเยี่ยเอาไปที่ศาลต้าหลี่ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของใต้เท้าฉีด้วย…"หลินซวงเอ๋อร์เอามือไปไว้ข้าหลัง มองเขาด้วยใบหน้าที่ระมัดระวังทั่วป๋าจิ่นยิ้มแล้วยกล่าวว่า: "ล้วนเป็นยาสมานแผลชั้นเยี่ยม มีประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผลนอกกายมากที่สุด ศาลต้าหลี่เย็นชื้นมาก ถ้าไม่รักษาใต้เท้าฉีให้ดีๆ วันนี้อาจจะทนไม่ไหวก็ได้"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ไม่รบกวนองค์ชายใหญ่ดีกว่าเพคะ ยาอันนี้ ข้าไม่สามารถรับเอาไว้ได้จริงๆ"ทั่วป๋าจิ่นพูดว่า: "เพราะเหตุใด?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "สวามีของข้าเคยบอกว่า สิ่งของของคนนั้น จะรับเอาไว้ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่"ทันใดนั้นทั่วป๋าจิ่นก็ค่อยๆกำนิ้วเอาไว้แน่น แทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่หลินซวงเอ๋อร์กล่าวเน้นย้ำว่า: "สวามียังบอกอีกว่า คนที่ทำดีกับเรา มักจะหวังผลตอบแทน ดังนั้นชานี้ ข้าจะดื่มมั่วซั่วไม่ได้เด็ดขาด"“สวามีของเจ้าสอนเจ้าพูดจาได้คมคายดีนี่…” ทั่วป๋

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 451

    เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนที่มีไหวพริบมาก ทันทีที่ลูกศรพุ่งออกมา เขาก็สังเกตเห็นแล้ว เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว หันกลับมาแล้วดึงดาบออกมาจากเอวเพื่อสกัดกั้นทันทีแต่ทว่า ก่อนที่เขาจะหันกลับมา หลินซวงเอ๋อร์ตอบสนองเร็วกว่า เข้าไปขวางอยู่ข้างหน้าเขาเหมือนครั้งที่แล้ว และพยายามใช้ร่างกายสกัดกั้นลูกธนูที่กำลังพุ่งเข้ามาในช่วงเวลาคับขันนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้นึกถึงอย่างอื่นเลย เขาเหยียดแขนออกไป โอบหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้แล้วหมุนตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ลูกธนูดอกนั้นจึงเฉียดไหล่เขาไปพอดีหลังจากถูกโจมตีอย่างรุนแรงแล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงมองไปตามทิศทางที่ลูกศรยิงมาก็มองเห็นร่างร่างหนึ่งอย่างรวดเร็วเยี่ยเป่ยเฉิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดาบอันแหลมคมที่อยู่ในมือก็พุ่งออกไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอย ร่างนั้นก็ถูกดาบอันแหลมคมแทงทะลุ ทั้งคนทั้งดาบถูกตอกเข้ากับภูเขาจำลองทันทีสีหน้าของหลินซวงเอ๋อร์ซีดเผือด หัวใจของนางเต้นแรงมาก จากนั้นก็ได้ยินเสียงแทบจะโกรธสุดขีดของเยี่ยเป่ยเฉิง“ หลินซวงเอ๋อร์! ใครใช้ให้เจ้ามาขวางหน้าข้า?”น้ำเสียงที่ต่ำทุ้มของเขาน่ากลัวมาก ปะปนกับความโกรธที่เหมือนฟ้าร้อง ดวงตาที่เมินเฉยเย็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-07
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 452

    แต่ทว่า เขาคิดไม่ถึงว่า ทั่วป๋าจิ่นจะกระตือรือร้นที่จะฆ่าเขาขนาดนี้!เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวเยาะเย้ยว่า "ฝ่าบาทมาได้เหมาะเจาะมาก ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ได้เป็นอะไร"ทั่วป๋าจิ่นกล่าวว่า: " ท่านลุงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว มือสังหารคนนี้น่าจะหนอนบ่อนไส้ของแว่นแคว้นศัตรู พรางตัวอยู่ในวังมาหลายเดือนแล้ว ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้..."ในขณะที่พูด องครักษ์ก็นำตัวผู้ลอบสังหารมาที่ตรงหน้าพวกเขาดาบที่เยี่ยเป่ยเฉิงเพิ่งจะขว้างไปไม่ได้โจมตีส่วนสำคัญของเขา แต่เฉียดหัวใจของเขาไปหนึ่งนิ้วดังนั้น เมื่อองครักษ์จับตัวผู้ลอบสังหารมาที่ตรงหน้าพวกเขา เขายังพอมีลมหายใจอยู่ทั่วป๋าจิ่นกล่าวว่า: " ท่านลุงไม่ต้องกังวล มือสังหารคนนี้เหิมเกริมมาก ข้าจะพาเขาไปที่กรมราชทัณฑ์เพื่อเค้นคำสารภาพ ทำให้เขาเปิดเผยคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา พอถึงตอนนั้น ข้าจะต้องให้คำอธิบายแก่ท่านลุงได้อย่างแน่นอน! "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "เหตุใดถึงไม่ถามตอนนี้ล่ะ? เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ถ้าเขาตายในมือของท่านจะทำอย่างไร? ถ้าอย่างนั้นก็จะคงจะไม่มีพยานหลักฐานแล้วน่ะสิ?"สุดท้าย หลินซวงเอ๋อร์ก็กล่าวเสริมอีกว่า: "ถ้าจะถาม ก็ให้ถามตอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-07
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 453

    ซี่โครงของเหลิ่งเยวี่ยหักจนหมด นอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับได้ทั่วป๋าจิ่นกำหมัดแน่น จนมีเสียงดังกรอบแกรบทั่วป๋าจิ่นคิดไม่ถึงว่า เยี่ยเป่ยเฉิงจะกล้าทำร้ายนางกำนัลส่วนตัวของเขาจนพิการไปต่อหน้าต่อตา! ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว!เขายังไม่ทันได้ซักไซ้เอาความ เยี่ยเป่ยเฉิงก็เริ่มพูดก่อน ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: " ปกติแล้วฝ่าบาทอบรมสี่งสอนทาสรับใช้เช่นนี้หรือ? โอหังอวดดี ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! หากมีครั้งต่อไป ข้าจะไม่หักแค่เพียงซี่โครงของนางแน่! "ทั่วป๋าจิ่นอยากจะสับเยี่ยเป่ยเฉิงออกเป็นชิ้นๆใจจะขาด! แต่ไม่กล้าขัดแย้งหมางใจกับเขาซึ่งๆหน้า จึงทำได้แค่กระตุกมุมปากอย่างแข็งทื่อ กัดฟันแล้วกล่าวว่า: " ท่านลุงสั่งสอนถูกต้องแล้ว ข้ากลับไปแล้วจะอบรมสั่งสอนให้ดี ท่านลุงจะได้ไม่ต้องลำบาก! "เยี่ยเป่ยเฉิงหันหลังกลับ และกำลังจะพาหลินซวงเอ๋อร์จากไป คิดไม่ถึงว่า เสียงของทั่วป๋าจิ่นจะดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง: " ข้าว่าบาดแผลตรงไหล่ของท่านลุงหนักเอาการอยู่นะ หวังว่าท่านลุงจะรักษาเนื้อรักษาตัวของตนเองเป็นอย่างดี... "เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดเดิน จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่มาจากบาดแผลบนไหล่หลินซวงเอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-07
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 454

    ทั่วป๋าจิ่นหัวเราะ: "คนนับร้อยฆ่าตัวตายหมดเลยหรือ? เจ้าคิดว่าคนอื่นจะไร้สมองเหมือนเจ้าหรือ?"องครักษ์ลับคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับเสียงดัง "พลั่ก" และมีสีหน้าซีดเผือดทั่วป๋าจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า: "เห็นได้ชัดว่านายอำเภอคนนั้นพยายามปกปิด เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ดังนั้นจึงเผาสังหาร ราษฎรที่ติดเชื้อทั้งหมด... "องครักษ์ลับ: "ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!"……บรรยากาศในรถม้าอึมครึมมาก ทั้งสองคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรพอปิดม่านรถม้า ก็บดบังแสงจากภายนอก ทำให้ภายในรถม้ามืดเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่ในรถม้า เหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิงที่อยู่ข้างๆเป็นครั้งคราวเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง จากมุมของหลินซวงเอ๋อร์ จะมองเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมของเขาเท่้านั้นดูเหมือนเขาจะยังโกรธอยู่ จึงหลับตาลงเล็กน้อยและไม่ยอมมองนาง ริมฝีปากอันเรียวบางเม้มจนเป็นเส้น คิ้วที่โฉบเฉี่ยวขมวดกันเล็กน้อย เค้าโครงหน้าที่คมเข้ม บุคลิกที่โดดเดี่ยวเย็นชาทำให้คนรู้สึกยำเกรง ในขณะที่ทำให้ผู้คนหวาดเกรงโดยไม่มีเหตุผลก็สามารถทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เช่นกันในที่สุดหลินซวงเอ๋อร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-07
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 455

    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างยากลำบากในที่สุด ประตูที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออก แพทย์เดินออกมาด้วยสีหน้าที่หนักใจ“ท่านหมอ ลูกชายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” บนใบหน้าของกงชิงเยวี่ยมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้ง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านป้าจ้าวช่วยพยุงนางไว้ตลอดเวลา แม้แต่จะยืนให้มั่นคงก็ทำไม่ได้แพทย์ส่ายหัวถอนหายใจแล้วกล่าวว่า: " ท่านอ๋องโดนพิษประหลาด บาดแผลที่ไหล่กลายเป็นสีดำ พิษนี้รุนแรงมาก ดูเหมือนจะเป็นพิษที่พบเห็นได้เฉพาะหนานเจียงเท่านั้น ถ้าหายาแก้พิษ ไม่ได้ ภายในสามวัน พิษก็จะเข้าสู่ไขกระดูก แม้ว่าแพทย์หัวถัวจะยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่อาจช่วยเขาได้… "จำไม่ได้ว่าเป็นแพทย์คนที่เท่าไหร่แล้วที่พูดแบบนี้สีหน้าของกงชิงเยวี่ยซีดเผือด ร่างกายโซเซกลับไปสองสามก้าวท่านป้าจ้าวรีบพยุงนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว และปลอบโยนทั้งน้ำตาว่า: " นายหญิง ต้องดูแลตนเองให้ดีๆ บางทีอาจจะมีวิธีอื่นก็ได้... "กงชิงเยวี่ยกล่าวอย่างโศรกเศร้าว่า: "เชิญแพทย์มานับไม่ถ้วนแล้ว แต่พวกเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน... แพทย์เสิ่นไม่ได้อยู่ในวัง ลูกชายของข้าอยู่ได้แค่เพียงสามวันเท่านั้น เขาจะรอได้อย่างไร?"

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-08
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 456

    หลินซวงเอ๋อร์กล่าวพร้อมสะอื้นไห้ว่า "แต่ข้าได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลก ล้วนส่งเสริมและยับยั้งกัน ไม่ว่าจะเป็นพิษชนิดใด ล้วนมียาที่สามารถแก้พิษได้... "แพทย์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่าง จึงพูดกับหลินซวงเอ๋อร์ว่า: " สิ่งที่แม่นางพูด ทำให้ข้านึกอะไรออก ว่ากันว่า บนโลกใบนี้มีงูประเภทหนึ่ง เรียกว่างูทองดำหางแดง ถ้าสามารถจับงูตัวนี้ได้ ให้เอาดีงูออกมาลอกหนังงูออกแล้ว แล้วนำมาต้มกับเลือดงู สามารถแก้สารพัดพิษ และรักษาโรคได้ทุกชนิด "หลินซวงเอ๋อร์ค่อยๆหายใจถี่ขึ้น: "ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็มีวิธีแก้พิษให้สวามีของข้าแล้วน่ะสิ?"“เพียงแต่ว่า…” แพทย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์ก็เต้นแรงทันที“เพียงแต่ว่าอะไร?” หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะถามแพทย์กล่าวต่อว่า " งูนั้นดุร้ายสุดขีด และมีพิษร้ายแรงมาก ถ้าไม่ทันได้ระวังตัวแล้วถูกมันกัด จะต้องตายอย่างแน่นอน... ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยของงูชนิดนั้นยากที่จะคาดเดาได้ และจับยากมาก แม้แต่ร้านขายยาทั่วทั้งเมืองฉางอาน ตลอดครึ่งชีวิตของข้า ไม่เคยเห็นงูชนิดนี้มาก่อนเลย... "“ข้าได้ยินมาว่า งูตัวนี้มีสีทอง สีทองอันแวววาวนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-08
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 457

    งูทองดำหางแดงหาได้ยากมากในเมือง และจะต้องไปหาในภูเขาลึกที่อยู่นอกเมืองหลินซวงเอ๋อร์ขี่ม้า มุ่งไปทางเหนือของเมือง นางจำได้ว่ามีภูเขาป่าทางตอนเหนือของเมืองอยู่ลูกหนึ่ง ป่าเต็มไปด้วยหนาม เปียกชื้นเดินลำบาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ย่างกรายเข้าไปแต่พวกเขาไม่รู้ว่า งูทองดำหางแดง ชอบสิ่งแวดล้อมที่เปียกชื้นที่สุด และชอบหลบอยู่ใต้หนามการเดินทางในครั้งนี้ หลินซวงเอ๋อร์ได้เตรียมตัวมาอย่างดี นางรวบผมอันยาวสลวยขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าธรรมดา ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่นางเคยใส่ตอนทำงานเบ็ดเตล็ดทั่วไป แม้ว่าเนื้อผ้าจะหยาบ และไม่พอดีตัวเล็กน้อย แต่สามารถทำให้ตนเองเดินเข้าป่าหนามได้สะดวกมาก นางพกยาไปอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นยาทา ยากิน เอาไปทั้งหมดดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า หลินซวงเอ๋อร์สวมหมวกไม้ไผ่บนศีรษะ ไม่เพียงแต่ปกปิดแสงแดดเท่านั้นยังปกปิดใบหน้าอีกด้วย ดูไปแล้วช่ำชองเล็กน้อยลูกม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จับสายบังเหียนไว้แน่น ไม่กล้าที่ผ่อนคลายเลยแม้แต่เพียงครู่เดียวนางจำเป็นต้องไปหางูทองดำหางแดง ก่อนพระอาทิตย์ตกดินให้ได้ มิฉะนั้น ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน ตามนิสัยของงูทองดำหางแดงแล้ว พวกมัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-08

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status