แชร์

บทที่ 279

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ต่อมา เสวียนอู่ก็ไม่โน้มน้าวใจ หันหลังกลับแล้วจากไป

หลังจากนั้นไม่นาน เสวียนอู่ก็กลับมาอีกครั้ง อุ้มผ้าปูที่นอนและหมอนใหม่เอาไว้ในมือ เดินผ่านหลินซวงเอ๋อร์ ผลักเปิดประตูห้องหนังสือ แล้วเดินเข้าไป

หลินซวงเอ๋อร์จ้องมองการกระทำของเสวียนอู่อย่างงุนงง

เมื่อเสวียนอู่ออกมา หลินซวงเอ๋อร์ก็ถามเขาอย่างงุนงงว่า: " คืนนี้ท่านอ๋องไม่กลับไปที่ห้องหรือ?"

เสวียนอู่กล่าวว่า: " ท่านอ๋องบอกว่า คืนนี้จะนอนที่ห้องหนังสือ แม่นางหลินไม่ต้องรอท่าน และให้รีบกลับไปพักผ่อน "

หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้น

หรือว่า เป็นเพราะตนเอง เขาถึงไม่อยากกลับไปนอน?

แต่หลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจเล็กน้อย

ในเมื่อเบื่อนางแล้ว เหตุใดต้องนอนห้องหนังสือให้ลำบากด้วย? ขับไล่นางออกไปไม่ดีกว่าหรือ?

อันที่จริงแล้วไม่ต้องขับไล่ก็ได้ คืนนี้นางจะกลับไปที่นอนที่ห้องของตนเอง และจะไม่ย่างกรายเข้าไปในเรือนอวิ๋นซวนอีก...

จมูกของหลินซวงเอ๋อร์ปวดแสบ น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่อล้นในนัยน์ตา

นางกำลังจะหันหลังกลับแล้วจากไป แต่หลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ว ก็รู้สึกว่าควรจะชี้แจงต่อหน้าเขาให้ชัดเจน

ในเวลานั้น เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งอยู่บนเก้ากี้ที่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Marilyn Mo
อ่านต่อตรงใหนคะ หายไปเลย
goodnovel comment avatar
Wattana
แต่ละตอนสั้นมากอ่านไม่เกิน1นาทีล่ะลงแค่1-2ตอนแล้วไม่ได้โบนัสอีก,เอาใจแฟนหน่อย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 280

    หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ยอมให้นางเข้าไป ก็คิดว่าจะวิ่งตากฝนกลับไปตอนที่นางกำลังจะวิ่งลุยฝน ประตูห้องหนังสือก็เปิดออก จากนั้นเสวียนอู่ก็เดินออกมา“แม่นางหลิน ท่านอ๋องบอกว่าให้เจ้าเข้าไปได้”หลินซวงเอ๋อร์ชะงักไป: " ท่านอ๋องยอมให้ข้าเข้าไปแล้วหรือ? "เสวียนอู่พยักหน้า หันหลังกลับแล้วจากไปหลินซวงเอ๋อร์ก้าวเท้า เดินเข้าไปอย่างช้าๆภายในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง หลินซวงเอ๋อร์จึงมองเห็นเขาทันทีเขาไม่ได้อ่านตำราเลย ในมือถือถ้วยชาใบหนึ่งอยู่ ท่าทางดูผ่อนคลายมาก ไม่เหมือนอย่างที่เสวียนอู่พูดเลยว่า เขามัวแต่ยุ่งงานราชการ จนลืมกินลืมนอนไม่นาน หลินซวงเอ๋อร์ก็สังเกตเห็นชุดเครื่องนอนใหม่ปูอยู่บนเก้าอี้ มันเป็นชุดเดียวกันกับที่เสวียนอู่ นำเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ เขาวางแผนที่จะค้างคืนอยู่ในห้องหนังสือจริงๆหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงนาง?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จมูกของหลินซวงเอ๋อร์ก็ปวดแสบ ก็รู้สึกเศร้าใจมากไม่ควรจะติดเขาเกินไปจริงๆ นี่เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน เขาก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตนเองเสียแล้วหลินซวงเอ๋อร์ยืนรออยู่นอกประ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 281

    ในรถม้าเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งอยู่บนเบาะนั่งอันนุ่มนวล เสื้อคลุมทับซ้อนกันอย่างพิถีพิถัน ห้อยสลวยอยู่บนเบาะนั่งอย่างเป็นธรรมชาติ มือทั้งสองข้างของเขาวางลงบนเข่าอย่างสบายๆ และหลับตาเพื่อพักผ่อนม่านรถม้าถูกปิดลง ทำให้ปิดกั้นภาพที่อยู่ภายใน กลิ่นไม้จันทน์เย็นจางๆลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจ เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาทรมานนางครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อคืนนี้ ร่างกายจึงอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ อาการปวดท้องน้อยก็เพิ่มมากขึ้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายรถม้าแล่นไปบนถนนอย่างราบรื่น และค่อยๆมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเห็นได้ชัดว่าพลังของเยี่ยเป่ยเฉิงดีขึ้นกว่าสองวันที่แล้วมาก หลินซวงเอ๋อร์คิดว่า ยานั้นมีประสิทธิภาพดีจริงๆ ดูเหมือนว่าจะต้องให้เขากินมันต่อไป...ระหว่างทาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าพูด หรือแม้แต่จะหายใจ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่ได้ลืมตามองนางเช่นเดียวกันม่านรถปลิวไสว แสงจากภายนอกลอดเล็ดผ่านหน้าต่างแล้วสาดส่องเข้ามาในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นหัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะจากมุมที่นางอยู่ สามารถเห็นโครงหน้าด้านข้างของเยี่ยเป่ยเฉิงได้พอดี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 282

    ดูเหมือนว่าเขาจะโอ๋นางจนเสียนิสัย“ หลินซวงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าข้าเป็นสัตว์ร้ายหรือ?”" ก็ใช่... " หลินซวงเอ๋อร์เกือบจะโพล่งออกมา แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดุร้ายของเยี่ยเป่ยเฉิง นางก็กลืนน้ำลายลงไปตามสัญชาตญาณ และกล่าวเสริมทันที: " ไม่ใช่สักหน่อย... " แต่การเคลื่อนไหวของมือกลับไม่เป็นเช่นนั้น นางแกะนิ้วของเยี่ยเป่ยเฉิงออกทีละนิ้ว และพยายามเอามือขนาดใหญ่ของเขาออกจากร่างของตนเองแต่แม้นางจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับนิ้วของเขาได้เลยหลังจากนั้นไม่นาน นางก็เลิกดิ้นรน และปล่อยให้เขาโอบกอดนางเอาไว้ตลอดทางโชคดีที่เยี่ยเป่ยเฉิงซื่อสัตย์ ตลอดทางเขาแค่กอดนางเอาไว้เท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรนางอีกขณะที่รถม้าแล่นไปอย่างช้าๆ จู่ๆเขาก็ถามนางขึ้นมาอย่างลอยๆหนึ่งประโยค“ร่างกายรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” เขาถามด้วยน้ำเสียปกหติ แต่หยั่งลึกเข้าไปในใจ มีเสน่ห์น่าดึงดูด ฟังไปแล้วไพเราะเพราะพริ้งเป็นอย่างมาก“อืม?” หลินซวงเอ๋อร์หันไปมองเขา ดูไปแล้วน่ารักเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของนาง ริมฝีปากอันเรียวบางของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย: "ดูเหมือนว่าจะหายดีแล้ว"ที่แท้เขาก็ถามถึงอาการป

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 283

    เยี่ยเป่ยเฉิงไปที่ตำหนักหลวนจินเพียงลำพังเพื่อรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ ขันทีเว่ยได้เตรียมรถเกี้ยวคันหนึ่งให้หลินซวงเอ๋อร์เป็นพิเศษรถเกี้ยวพาหลินซวงเอ๋อร์เดินผ่านสวนจักรพรรดิ ผ่านตำหนักวิจิตรงดงามมากมาย และตรงไปที่ตำหนักคุนหนิงตำหนักคุนหนิง เป็นที่ประทับของไทเฮาในพระตำหนัก มุมชายคาพระตำหนักยกสูงขึ้น ดูเหมือนจะกำลังจะหลุดลอยออกไป ตรงทางเดินประดับไปด้วยอัญมณีภาพวาดอันวิจิตร ดูหรูหรางดงามเป็นอย่างยิ่งบังเอิญว่า องค์หญิงฮุ่ยอี๋เพิ่งกลับมาจากถวายพระพรพระสนมเอกเซียวตอนที่รถเกี้ยวเข้าไปในตำหนักคุนหนิง ก็บังเอิญเห็นนางเข้าพอดีรถเกี้ยวถูกคลุมด้วยผ้าทุกด้าน เหลือเพียงหน้าต่างเล็กๆบานหนึ่งเท่านั้น มืออันเรียวงาม เปิดผ้าม่านขึ้นครึ่งหนึ่ง ทำให้เผยใบหน้าด้านข้างครึ่งหนึ่งออกมา แต่กลับงดงามเป็นที่สุดฮุ่ยยี่หยุดเดิน มองจากระยะไกล แต่ก็ทำได้แค่มองคร่าวๆเท่านั้นนางจึงถามจ้าวชิงชิงที่ตามมาอยู่ข้างหลังว่า "นั่นใคร?"จ้าวชิงชิงจะจำหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ได้อย่างไร แม้ว่านางจะกลายเป็นขี้เถ้า นางก็สามารถจำได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น" องค์หญิงไม่รู้หรือเพคะ นั่นก็สาวใช้ที่ไร้ยางอาย จากจวนหย่งอัน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 284

    จ้าวชิงชิงคิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่จะกระตุ้นให้ฮุ่ยอี๋โกรธเคืองหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ นางยังพูดดูถูกตนเอง นางจึงรีบอธิบายทันทีว่า: "องค์หญิง ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับท่านเฉยๆ "ฮุยยี่เยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า: " ข้าเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ต้องการเจ้ามาทวงความยุติธรรมให้ข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าดูแลตนเองให้ดีก่อนเถิด ระวังจะเป็นปลาหมอตายเพราะปาก !"ฮุยยี่รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง จ้าวชิงชิงก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ก็ปิดปากเงียบอย่างชาญฉลาด จากนั้นก็หาข้ออ้างแล้วรีบจากไปหลังจากที่จ้าวชิงชิงจากไปแล้ว สาวใช้ข้างกายก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: "องค์หญิง ท่านไม่เกลียดสาวใช้คนนั้นจริงๆหรือ? เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ท่านหญิงพูดก็เป็นความจริง ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ท่านจ้วงหยวนก็คงจะไม่ปฏิเสธงานสมรสกับท่าน "ฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: " หรือว่าเจ้ามองไม่ออกว่า จ้าวชิงชิงต้องการใช้มือของข้า เพื่อระบายความโกรธให้นาง? เจ้าไม่รู้จักนิสัยใจคอของของท่านลุง แล้วข้าจะไม่รู้เลยหรือ?ในเมื่อเขากล้าเฆี่ยนตีจ้าวชิงชิง กล้าทำร้ายจ้าวเจาหยางจนพิการ ถ้าข้ากล้าทำร้ายหลินซวงเอ๋อร์แม้แต่เพียงปลายเล็บ ต

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 285

    เยี่ยเป่ยเฉิงเดินตามขันทีที่นำทางไปตำหนักหลวนจินขณะนั้น องค์จักรพรรดิอยู่ในตำหนักแล้ว และกำลังเปิดอ่านหนังสือที่อยู่ในมือเยี่ยเป่ยเฉิงเข้าไปในตำหนัก ขันทีก็ถอยออกไป ในตำหนักเหลือแค่เยี่ยเป่ยเฉิงและองค์จักรพรรดิสองคนเท่านั้นองคฺจักรพรรดินั่งอยู่ข้างโต๊ะ สายตายังคงจับจ้องไปที่หนังสือที่อยู่ในมือ และกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า: "ครั้งนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามาพบตามลำพัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "กระหม่อมเดาว่า เพราะเรื่องที่ท่านอ๋องหนิงร้องเรียนกระหม่อม"องค์จักรพรรดิจึงค่อยๆวางหนังสือที่อยู่ในมือลง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วกล่าวว่า: " จ้าวเจาหยาง เป็นบุตรชายเอกของท่านอ๋องหนิง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านอ๋องหนิงจะมีบุตรชาย แต่เจ้ากลับทำให้จ้าวเจาหยางไม่สามารถมีทายาทได้ ก็เท่ากับว่าทำให้จวนหนิงหวังไม่มีทายาทสืบสกุล เจ้าลงมือรุนแรงเกินไป "“ด้วยเหตุนี้ เหล่าขุนนางทั้งหลายจึงร่วมมือกันประท้วง และยื่นหนังสือกล่าวโทษเจ้า ต่างก็บอกว่าเจ้าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา โหดเหี้ยมทารุณ ไร้ความเมตตาปราณี! ทำให้ข้า ลำบากใจยิ่งนัก…”เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง และกล่าวอย่าง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 286

    จักรพรรดิ:"....."ในที่สุด จักรพรรดิก็ลุกขึ้นจากที่ประทับ แล้วมาที่ข้างแท่นนั่งเพื่อเชิญเยี่ยเป่ยเฉิงนั่ง จากนั้นก็ให้นางกำนัลเตรียมชาชั้นเยี่ยมให้เขาจักรพรรดิพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: " สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนก่อน มันเป็นความผิดของข้าเอง ท่านอย่าไปใส่ใจเลย ท่านยังคงเป็นเสาหลักของต้าซ่ง ข้าจะไม่ยอมให้ท่านวางมือจากการงานเด็ดขาด "เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "แต่กระหม่อมไม่เข้าใจมนุษยสัมพันธ์ และเป็นคนที่ตรงไปตรงมาตลอด สิ่งที่ขุนนางทั้งหลายพูดนั้นถูกต้อง กระหม่อมโหดเหี้ยมจนเป็นนิสัย ไร้ความเมตตาปราณี เป็นปีศาจที่สังหารผู้คนโดยที่ไม่กะพริบตา"จักรพรรดิกล่าวปลอบใจว่า: " พวกเขาทั้งหมดเป็นล้วนเป็นขุนนางที่ร่ำเรียนได้อย่างถ่องแท้แต่ประยุกต์ใช้ไม่เป็น ทำได้แค่อ่านตำรานักปราชญ์เท่านั้น ท่านยังคงเป็นเทพแห่งสงครามของต้าซ่ง คนที่สังหารล้วนเป็นคนที่สมควรตาย! หากพวกเขายังคงใส่ร้ายเจ้าต่อไป มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร! "เยี่ยเป่ยเฉิงจิบชา แล้วกล่าวว่า "แต่กระหม่อมยังอยากที่จะวางมือจากการงาน"จักรพรรดิรู้สึกกระวนกระวานใจเล็กน้อย: “ท่านกังวลอะไรหรือ?”เย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 287

    หลังจากนั้นไม่นาน ไทเฮาก็ยิ้มแล้วให้นางกำนัลช่วยพยุงหลินซวงเอ๋อร์ขึ้นมา แล้วให้นางนั่งลงหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองไทเฮาที่นั่งอยู่บนที่ประทับหงส์ทอง เมื่อเห็นสีหน้าที่ใจดีมีเมตตา และท่าทางที่เป็นมิตรของนาง ความไม่สบายที่อยู่ในใจก็ค่อยๆหายไปไทเฮาคงรู้ว่านางรู้สึกวิตกกังวลใจเล็กน้อย อย่างไรเสียนางก็มีสถานะที่ต่ำต้อย ในชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสได้เข้าวัง ไม่ต้องพูดถึงการเรียกนางเข้าเฝ้าตามลำพัง นี่เป็นสิ่งที่ผู้อื่นปรารถนาแต่ก็ทำไม่ได้ไทเฮาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในจวนก่อนสักสองสามประโยค จุดประสงค์ก็คือเพื่อทำให้หลินซวงเอ๋อร์วางกำแพงที่อยู่ในใจลงไทเฮาถามหนึ่งคำถาม หลินซวงเอ๋อร์ก็ตอบหนึ่งประโยค และไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ค่อย ลดกำแพงในใจลง ไทเฮาก็เปลี่ยนเรื่อง และกล่าวว่า "ข้าได้ยินว่าเยี่ยเป่ยเฉิงอยากจะสมรสกับเจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ท่านอ๋องกล่าวเช่นนั้นเพคะ"ไทเฮากล่าวว่า: " แต่สถานะของเจ้าแตกต่างกันมากเกินไป หากเจ้ายืนกรานที่จะสมรสกับเขา แม้ว่าเจ้าจะเข้าไปในจวนหย่งอันแล้ว คนที่มีสถานะด้อยกว่าก็ใช่ว่ายอมรับพระชายาอย่างเจ้า "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ซวงเอ๋อร

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status