แชร์

บทที่ 253

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
เมื่อสัมผัสได้ว่าไป๋อวี้ถังผิดปกติไป หลินซวงเอ๋อร์จึงถามอย่างกังวลว่า: "พี่ไป๋ ท่านเป็นอะไรหรือ?"

ไป๋อวี้ถังระงับความรู้สึกไม่สบายทางร่างกายเอาไว้ แล้วถามนางด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้มว่า: "เจ้าทาอะไรลงบนตัวหรือ?"

หลินซวงเอ๋อร์ก็เข้าใจทันที ต้องเป็นสิ่งที่หญิงชราเหล่านั้นทาลงบนตัวของนางเมื่อสักครู่นี้แน่ ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ผู้หญิงเหล่านั้นทาลงเป็นตัวข้า ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร"

ในตอนแรก หลินซวงเอ๋อร์ก็คิดว่ามันเป็นยาพิษอะไร แต่พอนางดมดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร แต่กลิ่นนั้นแปลกอย่างอธิบายไม่ถูก

ไป๋อวี้ถังก็ตระหนักได้ทันที มิน่าล่ะเขาถึงมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ที่แท้ต้นตอมาจากกลิ่นหอมอันนี้เอง!

ในขณะนี้ เขาถูกกลิ่นหอมนี้ทำให้รู้สึกเบลอ จึงไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้ จึงทำได้แค่พาหลินซวงเอ๋อร์วิ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

ทันใดนั้น ไป๋อวี้ถังก็หยุดเดิน

ใต้เท้า คือเหวที่ไร้ก้นบึ้ง ถ้าก้าวไปข้างหน้าอีก จะต้องตายอย่างแน่นอน!

ฝนตกในยามค่ำคืน อากาศชื้นถนนลื่น พวกนักฆ่าขี่ม้า อีกสักพักก็คงจะไล่ตามพวกเขาทัน

กีบม้าเหยียบลงบนพื้น ทำให้โคลนกระเซ็นไปทั่ว

หลินซวง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 254

    หลินซวงเอ๋อร์คิดว่าครั้งนี้จะต้องตายอยู่ที่นี่แน่ ตอนที่ตกลงมาจากหน้าผานางกลัวมากจนต้องหลับตาลง สองมือเกาะตัวไป๋อวี้ถังเอาไว้แน่นทันใดนั้น การเคลื่อนไหวที่ดิ่งลงไปก็หยุดกะทันหัน ความเจ็บปวดที่คาดคิดเอาไว้ไม่ได้เกิดขึ้นหลินซวงเอ๋อร์ลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นไป๋อวี้ถังใช้มือข้างหนึ่งกอดนางเอาไว้ และเอามืออีกข้างหนึ่งจับเถาวัลย์ที่เติบโตอยู่บนขอบหน้าผาพวกเขาห้อยอยู่บนหน้าผาเช่นนี้ จนกระทั่งนักฆ่าที่อยู่ด้านบนจากไป จากนั้นไป๋อวี้ถังก็กอดหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้แล้วค่อยๆไต่ลงหน้าผาทีละน้อยฝนตกกระหน่ำลงมาอีกครั้งทำให้เถาวัลย์ที่ไป๋อวี้ถังจับเอาไว้ลื่น แขนของเขาเกี่ยวรอบเอวของหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ ทำให้ยากต่อการออกแรงทั้งสองด้านโชคดีที่ฝนในครั้งนี้ ทำให้กลิ่นหอมบนร่างกายของนางเจือจางลงไปมาก สติของเขาจึงค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนเดิม“ แม่นางซวงเอ๋อร์ เจ้าต้องกอดข้าเอาไว้แน่นๆนะ”เสียงทุ้มลึกของไป๋อวี้ถังดังก้องอยู่ข้างหูฝนยังค่อยๆชะล้างยาสลบที่อยู่บนร่างกายของหลินซวงเอ๋อร์ ทำให้นางมีพละกำลังเพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของไป๋อวี้ถัง นางจึงเริ่มโอบคอของเขา และเอาขาทั้งสองข้างคาดเอวของเขาเอา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 255

    ไม่รู้ว่า ฝนหยุดตกตั้งแต่เมื่อไหร่ ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดนึกไม่ถึงว่าจะมีดวงดาวจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นเปลวไฟส่องสว่างให้ถ้ำอันมืดมิดอบอุ่นและสว่างไสวเสื้อผ้าของหลินซวงเอ๋อร์ถูกผู้หญิงเหล่านั้นโยนทิ้งไปแล้ว ตอนนี้ เสื้อผ้าที่นางสวมใส่เป็นเสื้อผ้าที่พวกนางจัดเตรียมไว้สำหรับนางโดยเฉพาะเสื้อผ้าบางๆสองชิ้น ไม่ได้ทำให้อบอุ่นมากนัก แถมตอนนี้ยังเปียกปอนไปทั้งตัว จึงทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหนาวมากยิ่งขึ้นไป๋อวี้ถังถอดเสื้อคลุมของตนเอง แล้วบิดน้ำออก แล้วปูไว้บนหินข้างๆเขาเพื่ออบให้แห้งตอนที่เขาหันกลับมามอง ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์นั่งยองๆอยู่ข้างกองไฟ ขดตัวเป็นลูกบอล มือทั้งสองข้างกอดเข่าของตนเองเอาไว้แน่น และหนาวจนตัวสั่นตัวเขาเขยิบตำแหน่ง หันหลัง แล้วใช้ร่างกายของตนเองขวางปากถ้ำที่มีลมหนาวพัดเข้ามาตลอดเวลา แล้วพูดกับหลินซวงเอ๋อร์ว่า: " แม่นางซวงเอ๋อร์ เสื้อผ้าบนร่างกายของเจ้าเปียกไปหมดแล้ว เอามาตากไฟเถิด เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา "เมื่อพิจารณาว่าร่างกายของนางแข็งแรงไม่เท่าผู้ชาย ท่าทางที่สั่นเทานั้นน่าสงสารมาก นางเหมือนกับนกตัวน้อยที่ขนเปียกปอน ทำให้ไป๋อวี้ถังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร จนแทบจะ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 256

    ด้านนอกถ้ำมืดสนิท มีเพียงพระจันทร์เต็มดวงลอยอยู่เหนือยอดไม้ บางครั้งก็มีเสียงเห่าหอนของหมาป่าดังมาจากระยะไกลเป็นครั้งคราว ทำให้หลินซวงเอ๋อร์หวาดกลัวจนต้องขดอยู่ตรงมุมถ้ำหลินซวงเอ๋อร์หวาดกลัวสุดขีด เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายก็ยังแห้งไม่สนิท นางจึงขดตัวอยู่ที่มุมถ้ำอยู่อย่างนี้ และมองดูกองไฟที่อยู่ตรงหน้าอย่างขี้ขลาดไป๋อวี้ถังอาจจะไม่ชอบนางแล้ว ถึงได้ทิ้งนางเอาไว้ในป่าเขาลําเนาไพรตามลำพัง แล้วจากไปหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเสียใจสุดขีด น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดนางคิดถึงเยี่ยเป่ยเฉิงมากขึ้นเรื่อยๆนางคิดว่า ถ้าเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ที่นี่ก็คงจะดี ตอนที่นางหวาดกลัว เขาจะโอบกอดนาง และปลอบโยนนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และเขาจะไม่มีวันทิ้งนางไว้ที่นี่ตามลำพังแต่ว่า เหตุใดเขาถึงไม่อยู่ล่ะ?เหตุใดทุกครั้งที่นางตกอยู่อันตราย เขาถึงไม่อยู่?นัยน์ตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาของนางพร่าเลือน จ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไร้ขอบเขตอย่างสิ้นหวัง เมื่อความสิ้นหวังที่อยู่ในใจทะลักออกมา ก็เป็นเหมือนกับน้ำท่วมที่เกิดจากเขื่อนแตก“ ท่านอ๋อง ข้ากลัวมากเลย เมื่อไหร่ท่านจะกลับมา...”หลินซวงเอ๋อร์ขยุมแขนเสื้อเอาไว้แล้วเช็

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 257

    แต่ถนนบนภูเขานั้นขรุขระ เขาไม่กล้าใก้นางเสี่ยงอันตราย จึงทิ้งนางเอาไว้ในถ้ำ เพราะคิดว่า ในถ้ำมีไฟ นางอยู่ที่นี่จะเป็นการดีที่สุดแต่ตอนนี้เมื่อมองดูท่าทางน้ำตานองหน้าของนางแล้ว เขาก็รู้ว่าตนเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่นางอยู่ที่นี่คนเดียวจะต้องหวาดกลัวอย่างแน่นอน คงจะทำอะไรไม่ถูก และรู้สึกไม่ปลอดภัยมาก เมื่อสักครู่นี้ คิดไม่ถึงว่านางจะคิดว่าตนเองไม่ต้องการนางอีกต่อไปแล้วเขาจะไม่ต้องการนางได้อย่างไร?แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตของตนเอง เขาก็จะไม่มีวันทิ้งนางไว้ตามลำพังไป๋อวี้ถังรู้สึกเศร้าใจสุดขีด แล้วกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง กระซิบปลอบใจนางสักพัก คนที่อยู่ในอ้อมแขนขถึงค่อยๆหยุดร้องไห้เมื่อเห็นว่าไป๋อวี้ถังไม่ได้ทิ้งนางไว้ตามลำพัง หัวใจที่สิ้นหวังของหลินซวงเอ๋อร์ก็สงบลงในที่สุดนางสะอื้นไห้อยู่ครู่หนึ่ง มองไป๋อวี้ถังด้วยนัยน์ตาสีแดง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สะอึกสะอื้นว่า: " เมื่อสักครู่นี้ ท่านไปทำอะไรหรือ? เหตุใดถึงได้กลับมาเอาป่านนี้? "เขารู้หรือไม่ว่า นางเกือบจะคิดว่าตนเองจะตายอยู่ที่นี่แล้วเมื่อฟังเสียงเห่าหอนของหมาป่าที่อยู่ข้างนอก หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกกลัวสุดขีดจริงๆไป๋

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 258

    ภูเขาที่อยู่ด้านนอกเงียบสงบ และมีแต่เสียงแมลงและกบร้องเท่านั้นเมื่อมองผ่านปากถ้ำไป ก็จะมองเห็นดวงดาว พร่างพราวไปทั่วท้องฟ้าอย่างคลุมเครือไป๋อวี้ถังผ่าท้องของปลาไนตัวใหญ่ที่เขาจับมาได้ แล้วใช้ไม้เสียบวางลงบนราวไม้เพื่อย่างไฟหลินซวงเอ๋อร์หิวตั้งนานแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นคู่นั้นจ้องมองไปที่ปลาย่างตาเป็นมัน“พี่ไป๋ ข้าคิดว่าพี่เก่งมากเลย” หลินซวงเอ๋อร์เอามือทั้งสองข้างต้ำคางเอาไว้ และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมไป๋อวี้ถังไป๋อวี้ถังพลิกปลาไนตัวใหญ่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า: "เก่งตรงไหนหรือ?ถ้าเก่งจริงๆ พี่ก็ไม่ต้องพาเจ้าหนีมาที่ก้นหน้าผา"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " นี่ยังไม่เก่งอีกหรือ? ท่านอ๋องบอกว่าท่านเป็นขุนนางที่เก่งมากคนหนึ่ง ท่านเป็นคนที่ควบคุมดูแลขุนนางที่อยู่ในพระราชสำนักทั้งหมด อีกอย่าง ท่านยังมีวรยุทธ์ที่สูงส่งมาก ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเป็นตัวถ่วงของท่าน คนเลวเหล่านั้นก็คงจะทำให้ท่านลงมาที่ก้นหน้าผาไม่ได้ "รอยยิ้มที่มุมปากของไป๋อวี้ถังค่อยๆปรากฏขึ้น เขาถามนางอย่างอบอุ่นว่า: "แค่นี้ก็เก่งกาจแล้วหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว: "อืม ~ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นั้น พี่ยังจับปลาเป็นด้วย แถ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 259

    หลินซวงเอ๋อร์กินปลาย่างกับผลเบอร์รี่ หลังจากกินอิ่มแล้วก็ค่อยๆผล็อยหลับไปไป๋อวี้ถังปูหญ้าแห้งไว้ในถ้ำ เพื่อให้หลินซวงเอ๋อร์ได้นอนบนหญ้าแห้งเมื่อรู้สึกง่วงพอหิ่งห้อยบินเหนื่อยแล้ว ก็เกาะอยู่บนผนังหินของถ้ำ แมลงที่อยู่นอกถ้ำยังคงร้องเหมือนเดิม หลินซวงเอ๋อร์นอนตะแคงข้างอยู่บนหญ้าแห้ง บนตัวคลุมด้วยเสื้อคลุมที่เพิ่งจะแห้งของไป๋อวี้ถัง เมื่อฟังเสียงแมลงในภูเขา นางก็ค่อยๆผล็อยหลับไปแสงไฟกะพริบไปมา ปกคลุมใบหน้าของไป๋อวี้ถัง เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดเขานั่งข้างกองไฟ แล้วเติมฟืนแห้งเข้าไปในกองไฟเป็นครั้งคราวหุบเขาแห่งนี้เงียบสงบมาก เท่าที่เห็นทุกที่เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวขจี ในอากาศยังมีกลิ่นสดชื่นของดินโคลนหลังฝนตกอีกด้วย แต่ทว่า เนื่องจากใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ในหุบเขาที่มืดครึ้ม จึงมีอุณหภูมิที่ต่ำมากในตอนกลางคืนดังนั้นในถ้ำจึงต้องการไฟ เขาจึงต้องคอยเฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้ไฟดับลงตกกลางดึกหลินซวงเอ๋อร์หนาวจนตัวสั่น เสียงครวญครางเบาๆราวกับว่าเป็นสัตว์ตัวน้อยดังออกมาจากในปากของนางตอนที่หนีเอาชีวิตรอดเมื่อสักครู่นี้ นางไม่รู้ว่า ทั้งร่างกายนางตึงเครียดไปหมด หลังจากหลับไปแล้ว ร่างกายข

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 260

    อุณหภูมิบนร่างกายของเขาร้อนมากแขนของไป๋อวี้ถังที่โอบกอดนางเอาไว้แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาจ้องมองนางแบบนี้เป็นเวลานาน ถึงลองเอื้อมมือออกไป สัมผัสคิ้วและใบหน้าของนาง อย่างระมัดระวัง การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยน ราวกับว่าได้สัมผัสกับสมบัติล้ำค่า เพราะกลัวว่าจะนางจะบอบช้ำอาจเป็นเพราะอุณหภูมิสูงเกินไป หลินซวงเอ๋อร์จึงผลักเขาเบาๆ แล้วพลิกตัวเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังให้กับเขา และขดตัวเข้าไปในมุมโดยที่ไม่รู้ตัวมือของไป๋อวี้ถังว่างเปล่า คนที่อยู่ในอ้อมแขนขยับออกห่างจากเขาไปเล็กน้อยเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นโอบแขนรอบเอวของนางเอาไว้ ดึงนางกลับมาด้วยความดื้อดึงและเผด็จการเล็กน้อย แล้วกักนางไว้ในอ้อมแขนของตนเขาก้มศีรษะลง เอาหัวซุกเข้าไปในคอพับอันหอมนุ่มนวลของนาง ความใคร่ในนัยน์ตาของเขาก็เพิ่มมากขึ้น“ ท่านอ๋อง …” เสียงพึมพำเบาๆของนางดังก้องอยู่ข้างหู ราวกับว่านางกำลังละเมอ“ร้อนไปนิดหน่อย อย่ากอดแน่นขนาดนั้น…” หลินซวงเอ๋อร์บิดตัวเพราะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย และพยายามจะหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาอีกครั้งไป๋อวี้ถังกระชับแขนของเขา เพื่อป้องกันไม่ให้นางหนีไป" ซวงเอ๋อร์ ให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถิด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 261

    กองไฟที่อยู่ในถ้ำเหลือเพียงแค่ถ่านไฟ และมีควันลอยขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นรุ่งสางไป๋อวี้ถังนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งชั่วยามสุดท้ายถึงได้นอนหลับแบบตื้นๆทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆดังมาจากด้านนอกถ้ำ ไป๋อวี้ถังกระตุกคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆลืมตาขึ้นมา พร้อมกับแววตาที่เยือกเย็น“ ใต้เท้า ข้าน้อยมาช่วยเหลือล่าช้าเกินไป ใต้เท้าได้โปรดลงโทษด้วย!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหูของไป๋อวี้ถัง เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาจึงค่อยๆลดลงองครักษ์ลับจำนวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่นอกถ้ำ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากไป๋อวี้ถัง พวกเขาทั้งหมดทำได้แค่ยืนอยู่ข้างนอกที่รออยู่ข้างนอก คือองครักษ์ลับที่เขาฝึกฝนมาเป็นอย่างดีไป๋อวี้ถังหันไปด้านข้าง พยายามปลุกหลินซวงเอ๋อร์ให้ตื่นในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์ยังคงหลับสนิทอยู่ มีเมฆสีแดงสองก้อนอยู่บนแก้มของนาง ดูไปแล้วน่ารักมากไป๋อวี้ถังเรียกนางเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็ไม่ตอบสนอง แต่ลมหายใจของนางกลับค่อยๆหนักขึ้นจากนั้นเขาถึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป จึงเอื้อมมือออกไปแตะที่หน้าผากของนาง ก็ตกใจที่พบว่าหน้าผากของนางร้อนมาก ร่างกายของนางก็ร้อนเช่นกันนางมีไข้สูงตั้งแต่เมื่อไหร่?สมควรตาย!

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status