ม่านซือซือนั่งรถม้าคันเล็กเพื่อกลับตำหนักจันทร์ส่องหล้า พอได้ครึ่งทาง นางรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ การหายใจติดขัด จึงสั่งให้หยุดรถม้า และช่วงเวลาดังกล่าว ในตรอกเล็กๆ มีขอทานพเนจรถูกทหารของเมืองหลวงไล่ตะเพิด ม่านซือซือได้ยินเสียงทุบตี เสียงร้องโอดโอยใจพลันนึกสงสาร ประกอบกับสุนัขทั้งสองตัวเห่าเสียงดังขรม เสียงพวกมันฟังแล้วชวนให้สงสัย“ข้าจะลงไปดูสักหน่อย”เหม่ยหลานที่มาด้วยเห็นท่าไม่ดี จึงออกปากห้าม“ฮูหยิน เรื่องบางเรื่องท่านควรปล่อยผ่าน อย่าได้ยื่นมือไปยุ่งจำได้หรือไม่ รัชทายาทเตือนไว้อย่างไร”ม่านซือซือฉุกคิดอยู่ประเดี๋ยว ทว่านิสัยนางเป็นเช่นนี้ เมื่อเห็นคนเดือดร้อนก็ไม่อาจนิ่งเฉย “แต่ข้าคิดว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ”หญิงสาวสังหรณ์ใจบางอย่าง พอเปิดผ้าม่านดู นางเห็นร่างที่นอนกองอยู่กับพื้น ชายขอทานถูกทหารถ่มน้ำลายใส่ บางคนเตะที่ชายโครงเขาราวกับเป็นที่ระบายอารมณ์“สั่งให้พวกเขาหยุดเดี๋ยวนี้!”เมื่อตวาดขึ้นแล้ว ม่านซือซือจึงก้าวลงจากรถม้า เป็นตอนนั้นที่ขอทานกำลังจะถูกหิ้วปีกไปทิ้งนอกประตูเมือง ทว่าพอพวกเขาเห็นว่านางลงจากรถม้าที่มีป้ายตำหนักจันทร์ส่องหล้า จึงต่างพากันถอยเปิดทางให้
เมื่อกลับถึงตำหนักจันทร์ส่องหล้า หมอจากสำนักแพทย์ได้เข้ามาดูอาการของคนตั้งท้อง“จ้าวฮูหยินตากลมและคงแพ้เกสรดอกไม้ ให้นางพักสักวันสองวัน หากอาการไม่ดีขึ้นข้าจึงจะฝังเข็มให้” หมอจากสำนักการแพทย์เอ่ย และม่านซือซือเห็นด้วย“จริงอย่างที่ท่านหมอกล่าว เมื่อข้านอนเต็มอิ่มและกินอาหารถูกปากคงแข็งแรงดังเดิม”ถึงเหม่ยหลานได้ยินม่านซือซือกล่าวอย่างมั่นใจ แต่สีหน้านางกลับยังฉายความวิตก โดยเฉพาะยามนึกถึงตี้หยงชุนและเอี๊ยะถัง ซึ่งนางไม่ไว้ใจ ดังนั้นจึงรีบส่งข่าวนี้ให้จ้าวเล่อซีทราบทันทีและนับจากเหตุการณ์ที่พบเอี๊ยะถังกับตี้หยงชุน ราวๆ ห้าวันต่อมา ม่านซือซือมีเรื่องให้ขบคิด หนึ่งในนั้นคือการที่เสี่ยวเหยาทำพิธีกรรมแปลกประหลาด พิธีของนางมีทั้งการเล่นเครื่องดนตรีทั้งเครื่องเป่าเครื่องสายซึ่งส่งเสียงชวนให้จิตใจเศร้าหมอง นอกจากนั้นยังมีการเผากระดาษ เส้นผม เล็บ อีกทั้งทาเลือดหมูดำที่ขอบประตูกับหน้าต่าง“ดูแล้วเหมือนไสยเวทของเผ่านอกกำแพงเมือง”เหม่ยหลานอธิบายให้ม่านซือซือเข้าใจ พอนางเห็นด้วยตาตนเองก็พลอยให้รู้สึกสงสารเสี่ยวเหยา นางเป็นสตรีที่มาจากเรือนวิวาห์ที่น่าสงสาร เมื่อก่อนมุ่งหวังอยากเป็นผู้หญิงของจ้
เป็นม้าโยกให้เจ้าเพลินใจ ม่านซือซือเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนางไม่ทันได้ตั้งตัว พอคลำหาเสียงตัวเองพบจึงรีบคว้าไว้แล้วเอ่ยถามเหม่ยหลาน“บิดาข้ามีโทษร้ายแรงเพียงใด!”เหม่ยหลานมองม่านซือซือ เห็นสิ่งชั่วร้ายที่กำลังตามรังควานหญิงสาว เรื่องนี้ไม่ง่าย คนที่จ้องเล่นงานนางไม่ได้คิดเพียงแค่อยากเอาชีวิต ม่านซือซือ แต่มีจุดมุ่งหมายคืออยากทำให้จ้าวเล่อซีคลั่งเพื่อจะได้ควบคุมเขาได้ดังเดิม“เฮ้อ นางเป็นถึงลูกสาวสุดที่รักของเจ้ากรมการปกครอง ฝ่ายนั้นมีสายเครือญาติของมเหสีอี้เหอ ถึงยามนี้นางไม่ได้ถือตราหงส์ดั่งเดิมแต่นางยังมีอำนาจอยู่บ้าง และเกากงกงไม่ได้สร้างฐานกำลังมาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน อีกทั้งสกุลอี้ทำชั่วมานานจึงยากนักที่จะล่มสลายลงได้ง่ายๆและการวางแผนร้ายเพื่อฆ่าคน โดยเฉพาะผู้ที่จะขึ้นเป็นพระชายาของรัชทายาท ย่อมมีโทษร้ายแรง!”“แต่ท่านพ่อไม่มีทางทำเรื่องนี้” ม่านซือซือสั่นผวา การที่บิดามาเมืองหลวง นางไม่อยากเชื่อว่าจะทำให้เขาต้องพบกับความหายนะ ทั้งหมดเป็นแผนของคนที่คิดชั่วกับจ้าวเล่อซีหรอกหรือ โดยหวังจะใช้นางเป็นเครื่องมือ“ฮูหยิน เมื่อเขาเป็นบิดาท่าน เรื่องนี้ย่อมเกี่ยวพันถึงชื่
ในอ่างอาบน้ำไม้ขนาดใหญ่ ที่โรยด้วยกลีบดอกไม้และสมุนไพร และมีไม้หอมซึ่งยามนี้ถูกจุดเอาไว้ส่งกลิ่นสดชื่นในห้องอาบน้ำ พร้อมสร้างความรัญจวนใจต่อทั้งคู่จ้าวเล่อซีประกบอยู่ด้านหลังม่านซือซือ ร่างสามีกับภรรยาต่างเปลือยเปล่าและชโลมด้วยน้ำมันหอมระเหยทั้งตัว ซึ่งช่วยให้ผ่อนคลายยามนั้น จมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอนาง พรมจูบ จูบแล้วดูดกระตุ้นในจุดที่ไวต่อความรู้สึกของคนตั้งครรภ์“อ๊ะ... ดูเหมือนท่านพี่นั้นเชื่องช้ามิต่างจากตาแก่ ดูสิตอนนี้น้องน้อยของสามียังคอพับคออ่อนเสียด้วย หรือว่ามันสิ้นรักต่อภรรยาแล้ว”ชายหนุ่มไฉนจะไม่รู้ว่าม่านซือซือแกล้งยั่วเย้า และถึงจะเป็นจริงอย่างคำนางกล่าวก็เป็นเพราะเขาห่วงครรภ์ของนาง อีกทั้งอยากเล้าโลมให้มาก คืนนี้เขาต้องการร่วมรักอย่างหวานซึ้งมากกว่าการรุกหนักหน่วงแล้วต่างฝ่ายต่างนอนหลับอย่างอ่อนเพลีย จ้าวเล่อซีปรารถนาอยากโอบกอดม่านซือซือ ให้กายผสานกายและใจเชื่อมถึงกัน‘ฮูหยิน เป็นเจ้าที่เร่งเร้าเอาแต่ใจ กำลังจะเป็นมารดาของลูกน้อยในไม่กี่เดือนข้างหน้า ต้องค่อยๆ กินรู้หรือไม่ซือซือ’เมื่อรับรู้ในสิ่งที่ชายหนุ่มสื่อสาร นางก็ครางหวานล้ำ ด้วยสองมือของเขาสอดใต้วงแขนเรียวเสลา และ
สตรีที่เคียงคู่มังกร จ้าวเล่อซีไปพบเสี่ยวเหยาที่เรือนของนาง เมื่อได้เห็นบุรุษที่สวมหน้ากากขาวผู้มีเรือนกายสูงใหญ่ เสี่ยวเหยาก็มีน้ำตาเอ่อคลอหน่วย“ทะ ท่านพี่...”“สามหาว เจ้ามีสิทธิ์เรียกรัชทายาทเช่นนั้นรึ!” อาเฟยตวาดใส่เสี่ยวเหยา และนางรีบยกมือปาดน้ำตาที่นองหน้าก่อนเอ่ยเสียงสั่นๆ“รัชทายาทเล่อซี”“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องพึงระลึกไว้ รัชทายาทสูงส่งเพียงใด และเจ้าเป็นเพียงสาวใช้ในเรือน ได้รับการดูแลถึงเพียงนี้ก็นับว่าโชคดี อย่าได้ก่อเรื่องใดอีก มิเช่นนั้น ผ้าขาวหรือจอกสุราเจ้าก็จะไม่ได้รับ แต่เป็นการถูกตัดลิ้น เลาะฟัน แล้วตัดเส้นเอ็นแทน แน่นอนเจ้าจะไม่ตายในทันที แต่จะทุกข์ทรมานนานแสนนานจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”เสี่ยวเหยาพรั่นพรึงต่อคำพูดอาเฟย นางรู้เรื่องนี้ดี ด้วยที่แคว้นของนางมีวิธีทรมานคนสารพัด การที่นางมาเป็นสาวใช้ของจ้าวเล่อซีคือคำสั่งมารดาซึ่งหวังจะผูกไมตรีต่อชายหนุ่ม ทว่านางไร้วาสนา จ้าวเล่อซีไม่เคยชายตาแลนาง มิหนำซ้ำเขายังปล่อยนางทิ้งๆ ขว้าง ๆ ความสาวที่มีนับวันยิ่งโรยราลง เช่นนี้นางมีชีวิตอยู่ก็เหมือนดอกไม้ที่ขาดน้ำ นับวันยิ่งเหี่ยวเฉา มินานคงแห้งตายไป“เสี่ยวเหยามีชีวิตอยู่เพื่อรั
ภายในคุกของศาลไท่หยาง บรรยากาศอึมครึมอยู่มาก และทั้งที่เป็นคุกประจำแคว้นและขังเฉพาะขุนนาง ทว่ากลับดูทรุดโทรมไม่ได้รับการดูแลรักษาให้ดีม่านซือซือก้าวลึกไปข้างใน คราแรกจ้าวเล่อซีจะเข้ามาเป็นเพื่อนด้วยแต่นางปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าอยากพูดคุยกับบิดาอย่างเป็นส่วนตัวและกลัวว่าม่านเจิ้นจะอึดอัดด้วยบิดาเป็นคนถือหน้าตาตนเองเป็นสำคัญ อีกอย่างนางยังกระอักกระอ่วนใจในสถานการณ์ซึ่งบิดาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชื่อเสียงจ้าวเล่อซีด่างพร้อยเมื่อพ่อลูกได้พบหน้า ม่านเจิ้นก็แสดงความละอายใจที่เกิดเรื่องเช่นนี้ “พ่อไม่เคยคิดร้ายต่อเจ้า ซือเอ๋อร์อย่าได้เชื่อคนอื่น พ่อรักเจ้าตลอดมา และหวังจะให้เจ้าพบกับความสุข”ม่านซือซือไม่เคยสงสัยในตัวบิดา และเขาตกเป็นเครื่อง มือของคนชั่ว ทว่าคนชั่วนั้นคือผู้ใด อีกทั้งเจ้าเมืองกุ้ยโจวมาเกี่ยวข้องกับการที่นางจะได้เป็นพระชายาของจ้าวเล่อซีตั้งแต่เมื่อไหร่“อยู่ที่นี่ท่านพ่อสะดวกสบายหรือไม่ มีเรื่องใดที่อยากให้ข้าช่วยจงบอกเถิด”ม่านเจิ้นส่ายหน้าช้าๆ เขาไม่รู้ว่าตนจะหลุดพ้นจากกรงขังได้หรือไม่ ใจหนึ่งก็กลัวแต่อีกใจห่วงคนข้างหลัง“คนที่คิดแค้นต่อรัชทายาทมุ่งร้ายต่อเจ้า พวกเขารู้ว่า
อารมณ์ขันร้ายกาจของจ้าวเล่อซีใครต่างรู้ดี โดยเฉพาะอาเฟยที่อยู่ใกล้ชิดมาตั้งแต่เขาแบเบาะ “ม่านเจิ้นถูกภรรยาที่มาจากสกุลใหญ่โขกสับและวาง อำนาจอยู่เหนือเขาเสมอ แต่เขาก็รักฮูหยินมิน้อยทั้งที่รู้ว่านางไม่ใช่ธิดาของตน แต่การที่เขาตั้งใจผลักไสนางให้เอี๊ยะถังและสร้างข่าวให้ฮูหยินมัวหมองจนนางไม่อาจเข้าคัดเลือกเป็นนางกำนัล ก็ดูเหมือนมีสิ่งที่น่าสงสัยมิน้อย”คราวนี้หลิวฟ่านเป็นผู้เอ่ย นางรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้เพราะเคยเห็นม่านซือซือมาซื้อของที่ร้านขายยานางอยู่บ้าง และหลายครั้งอีกฝ่ายมีเงินไม่พอก็เป็นนางที่สั่งให้คนในร้านจัดหาให้ กระทั่งม่านซือซือเริ่มคบหาเอี๊ยะถังอย่างลับๆ หลิวฟ่านก็รู้ว่าม่านซือซือคงต้องการผู้ชายสักคนเป็นหลักยึด เพื่อให้นางไม่ต้องถูกแม่ใหญ่ส่งตัวไปเป็นอนุของตาเฒ่าหื่นกามที่ไหน‘เจ้าคิดว่าใครบีบบังคับให้เขาทำเรื่องนี้’ จ้าวเล่อซีหันไปทางหลิวฟ่าน“ตามที่หม่อมฉันตรองดูแล้ว ม่านเจิ้นมิได้ถูกใครบังคับ เขาเพียงแค่เซ่อซ่าและเชื่อคนง่ายไปสักหน่อย กล่องไม้ของเซี่ยอี๋ได้ถูกสับเปลี่ยนก่อนมอบให้ฮูหยินโดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ส่วนเหตุการณ์ก่อนหน้า เขาก็คงได้ยินกิตติศัพท์ของมเหสีอี้เหอว่าเ
นางจิ้งจอกเริงสวาท จ้าวเทียนฉางมองพรมขนจิ้งจอก ที่ถูกส่งเข้ามาในห้องบรรทมของตน คราแรกเขาประหลาดใจเมื่อเหล่าขันทีซึ่งดูแลตำหนักนี้บอกว่าเป็นของขวัญจากคณะทูตต่างแดนที่มาค้าขายกับแคว้นชิง และขุนนางในกองคลังมีความประสงค์อยากถวายพรมเลอค่านี้กับเขา ทั้งที่เมื่อก่อนพวกมันล้วนมองข้ามหัวเขาไปเสียหมดกระนั้นเรื่องสำคัญไม่ได้เกี่ยวกับที่มาของพรม หากเป็นสตรีที่ซ่อนกายอยู่ข้างในมากกว่าเมื่อพรมถูกคลี่ออก สตรีรูปร่างสมส่วนจึงปรากฏให้เขาเห็น นางมิใช่หญิงงามหากเทียบกับเหล่านางสนมที่เขาเคยพบ ทว่าหญิงผู้นี้โดดเด่น ท่าทางปราดเปรียว อีกทั้งยังซ่อนความลึกลับเย้ายวนอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากสนมนางใดสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจจนไม่อาจไล่ตะเพิดนางออกจากห้อง เพราะเมื่อเผยกายออกจากพรมหนังแกะหนานุ่มนั้น สตรีนางนี้ไม่ได้ไว้ผมยาวสลวย เมื่อเปิดผ้าคลุมศีรษะเขาเห็นว่านางโกนผมจนเกลี้ยงประหนึ่งนักพรตหญิง หรือนางชีจากสำนักบนภูเขาสูง“หลิวฟ่าน...”เขาจดจำนางได้ นางผู้นี้รับใช้อยู่ในตำหนักของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อน จู่ๆ นางหายตัวไป เขาเคยอยากตามหานาง แต่เป็นเพราะช่วงเวลาดังกล่าวอาเฟยมักลอบเข้ามาหาเขาและสร้างเรื่องมากมา
รูปภาพของหนูพิฆาตดาวเหนือลอยไปอยู่ในมือของบุรุษผู้นั้น เขาอมยิ้มน้อยๆ และออกจะประหลาดใจ“ไม่สมกับเป็นแมวแห่งวังหลวงสักนิด ไล่จับข้าไม่ได้ก็ให้ผู้ใหญ่ออกหน้า นางไม่คิดอายผู้อื่นเลยหรือไร!”เขาว่าแล้วจึงก้าวตรงไปยังถนนหลักของเมืองหลวง ใบหน้างามไม่ได้ปกปิดด้วยสิ่งใดจึงโดดเด่นนักราวกับเทพเซียนชายหนุ่มก้าวต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าว เสียงผู้คนก็ดังขึ้น“ต้อนรับท่านเขย แคว้นชิงขอต้อนรับท่านเขย”หลังจากนั้นก็มีการจุดประทัด และเหล่าชายงามออกมาเต้นระบำกลางถนน รอยยิ้มของผู้คนประดับบนใบหน้าของชาวเมือง และเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะดังไม่หยุดฝูเอ๋อร์ยืนอยู่บนระเบียงสูง นางมองมายังบุรุษผู้มาเยือน“ชายงามอย่างเขา จะให้ตกอยู่ในมือผู้อื่นได้อย่างไร”อาเฟยมองเด็กน้อยที่เขาเคยอุ้มชูแล้วหัวเราะ ส่วนเหม่ยหลานได้แต่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยที่จ้าวเล่อซีกับม่านซือซือหาผู้ชายให้ฝูเอ๋อร์ทั้งทีกลับเลือกวิธีการเอิกเกริกนัก“เขาเป็นใครข้าแทบไม่รู้จัก อยู่ๆ ฝูเอ๋อร์ก็อยากให้มาเป็นสามี” เหม่ยหลานเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้มใจ“แม่นมหลาน ข้าเพียงคิดเชยชมความงามของหนูตัวน้อย”“หนู!” เหม่ยหลานทวนคำฝูเอ๋อร์เสียงดัง พลางมองลงไปจากตรงนี้ก็
ตอนพิเศษสมรสพระราชทานสิบห้าปีผ่านไป เม่าเฉิงเซ่อ คือนามของฝูเอ๋อร์ สตรีที่ยามนี้มีฝีมือหาตัวจับยาก นางได้รับการถ่ายทอดวรยุทธ์จากไท่ซางฮวงเล่อซี และอีกผู้ชี้แนะก็คือเฟยกงกง รวมถึงพิษที่ใช้ในการทำอาวุธลับจากหวังกวง และเหม่ยหลานพยายามเหลือเกินที่จะฝึกให้นางเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อม แต่ฝูเอ๋อร์ปฏิเสธ นางอยากเป็นตัวของตัวเอง เรื่องนี้ทำให้ตี้หยงชุนหนักใจ แต่เขาก็ทำสิ่งใดไม่ได้จึงได้แต่ตามใจ พร้อมคอยสอนเรื่องการเป็นหน่วยสอดแนมและวิชาต่างๆ ที่เขารู้ให้นางได้ฝึกฝนและถึงนางยังไม่ได้เป็นอันดับต้นๆ ในใต้หล้า แต่ที่เมืองหลวงนางคือจอมยุทธ์หญิงที่ชื่อเสียงโด่งดังและชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเป็นที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้นางยังได้ซ่งถิงอี้และเสี่ยวเหยาคอยแนะนำหลายสิ่งที่สตรีสมควรรู้ด้วย คืนนี้ หลังจากที่นางแวะไปทักทายเหล่าองค์หญิงและองค์ชาย รวมถึงเดินหมากกับจักรพรรดิไฉ่ซานเป็นเวลาราวๆ หนึ่งชั่วยาม นางก็เริ่มออกทำงานของตน เกือบครึ่งเดือนแล้วที่วังหลวงมีหนู หนูสกปรกลักลอบเข้ามา มันก่อกวนความสงบและแอบขโมยหลายสิ่งไป“พี่หญิง เราเห็นว่าเรื่องนี้ให้องครักษ์จัดการดีหรือไม่”“ฝ่าบาท จะเป็นไปได้อย่างไร หม่อ
จ้าวเล่อซีตรวจฎีกาเป็นประจำ นั่นคืองานหลักของเขา บางคราม่านซือซือคอยอยู่ช่วยงาน ยามนี้องค์ชายน้อยพูดเป็นคำๆ เสียงใสๆ เสมือนช่วยสอนให้คนเป็นพ่อสื่อสารได้ดีขึ้นและเสียงทุ้มต่ำของจ้าวเล่อซีมักจะดังกังวาน แล้วตามด้วยเสียงของไฉ่ซาน“ขะ ข้าจะไปล่าสัตว์!”“ยังไม่ถึงเวลา เจ้าต้องขี่ม้าให้ได้เสียก่อน” จ้าวเล่อซีบอกองค์ชายน้อย ซึ่งตอนนี้เขาเกือบสามขวบแล้ว“มะ ม้า”“ใช่ ฮ่อ ฮี้ ฮ่อ ฮี้ ที่เจ้าชอบอย่างไรเล่า” จ้าวเล่อซีเอ่ยและวางงานตรงหน้า เขาทำท่าควบม้าให้ลูกชายดู จากนั้นเด็กน้อยก็ขอปีนขึ้นหลังเขา แสดงความต้องการให้บิดาเป็นม้าให้เขาขี่“ไฉ่ซานลงมาเดี๋ยวนี้ ไม่สมควรจริงๆ” ม่านซือซือไม่อยากเอ็ดลูกชาย นางต้องการต่อว่าคนเป็นพ่อมากกว่าที่ตามใจเขาอยู่ตลอด“ลูกกำลังฝึกขี่ม้า จะได้ไปล่าสัตว์”“แต่ท่านคือจักรพรรดิเล่อซี หาใช่ม้าให้ไฉ่ซานขี่” ด้วยเกรงความไม่เหมาะสมนางจึงเสียงดังสักหน่อย“ซือซือผ่อนปรนบ้าง ลูกอยากเล่นสนุกเท่านั้น”จ้าวเล่อซีว่า แล้วจึงปล่อยไฉ่ซานลง จากนั้นก็สืบเท้าเข้ามาหาม่านซือซือก่อนยิ้มใส่ตาของนาง“ข้ารู้ หมู่นี้ข้าเอาแต่มุ่งมั่นภารกิจบ้านเมืองเกินไปเสียหน่อยคงทำให้เจ้าที่อยู่วังหลังเ
หยกงามเย้าหยอกบุปผาร่างสูงใหญ่ของจ้าวเล่อซียืนอยู่บนกำแพงเมืองอันเป็นป้อมปราการสูงเด่นและมั่นคง เขาไม่ชอบอยู่ในวังหลวงเท่าใด ทว่าจุดที่เขายืนอยู่นี้เป็นเขาสูง มองเห็นแผ่นดินด้านล่างในมุมกว้าง โดยเฉพาะตำหนักที่ครั้งหนึ่งบิดาเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ข้างใน จักรพรรดิเล่อซี คนทั้งใต้หล้าเรียกขานเขาเช่นนั้น ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ใคร่สนใจตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ นอกจากนั้นยังมีคำพูดมากมายที่หลุดลอดเข้าหูเขา‘ผู้นั่งบัลลังก์มังกรของพวกเราเป็นใบ้เยี่ยงนั้นหรือ’‘เช่นนั้นจะว่าราชการอย่างไร’‘หูได้ยินหรือไม่...ไอ้หยา...เช่นนี้ จักรพรรดิเล่อซีคงมีกรรมหนัก’จ้าวเล่อซีหาได้ใส่ใจต่อเรื่องเหลวไหลเหล่านั้น เขาออกว่าราชการโดยได้รับความช่วยเหลือจากอาเฟยและขุนนางต่างๆ มากมาย ซึ่งล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของมารดาเขาและอดีตจักรพรรดิอี้คังยามนี้เขายังไม่ได้มีความตั้งใจสละบัลลังก์ กระนั้นก็ไม่ได้บริหารบ้านเมืองเต็มตัว เพียงแค่ทำตามหน้าที่อย่างสมควร และต้องยอมรับว่าอี้เหอชั่วช้าก็จริง เกากงกงก็เป็นคนโลภมุ่งหาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ทว่าในสิ่งที่พวกเขากระทำเรื่อยมา สวรรค์ยังเมตตาให้แคว้นชิงมีคนดีค้ำจุนบ้านเมือง จ้าวเล่อซีได้อ
มังกรคืนบัลลังก์อี้เหอซ่อนตัวอยู่ในตำหนักของนาง ถึงกุ้ยเฟยฟ่านจิงจะมีคำสั่งให้นางออกเดินทางไปยังอารามบนภูเขาสูงนอกเมือง แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดเวลา ประหนึ่งฝ่ายนั้นต้องการให้ทุกคนในวังได้เห็นว่าสตรีที่แสนร้ายกาจ ยามนี้ไม่มีแม้แต่สติจะประคองตน และอาภรณ์สีขาวที่กุ้ยเฟยฟ่านจิงมอบให้นางกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายที่อี้เหอหวาดกลัวจับจิตยามนี้หญิงวัยกลางคนผมขาวโพลนไปทั้งศีรษะอีกทั้งบางส่วนหลุดร่วง นางคอยถามหาเกากงกง แต่อีกฝ่ายหายตัวออกไประยะหนึ่งแล้ว ซึ่งมีคนพบเห็นร่างของขันทีชราที่ไร้ศีรษะ หลายคนคะเนว่าคงเป็นเกากงกงผู้ชั่วช้า เพราะที่ข้อเท้าศพมีรอยสักเป็นชื่อเดิมของอีกฝ่าย“ละ แล้ว ลูกชายข้า มู่จิ้น จักรพรรดิแห่งแคว้นชิงเล่า เหตุใดเขาถึงไม่กลับมา...”อี้เหอเดี๋ยวสติกลับคืนเดี๋ยวทำมันหลุดหาย นางร้องอยู่เช่นนั้นให้คนต้องนึกสงสาร แต่พอคิดถึงสิ่งที่นางกระทำ พร้อมกับการขุดพื้นที่ตำหนักของนางและแปลงดอกไม้รวมถึงสระเลี้ยงปลาหลายแห่ง ก็พบโครงกระดูกมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้สายตาคนที่มองอี้เหอเปลี่ยนไปถึงนางไม่ได้ถูกจับเข้าไปรับโทษในคุกหลวง แต่อยู่กับความกลัวและทุกข์จากการกินไม่ได้นอนไม่หลับ ดังนั้นนางจึงร้องขอส
ร่างหนาของเขาสั่นสะท้าน เจ็บปวด เสียวซ่าน และคลั่งไคล้ในรสสวาทเกินหยั่งถึงนิ้วเรียวสวยจับเหล็กสวนแท่งหยกของเขาแล้วดึงออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มคำรามเสียงดังราวกับสัตว์ป่าจ้าวเล่อซีสั่นไปทั้งร่าง เมื่อครู่เขาเกือบหลั่งออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ แต่ม่านซือซือไม่ยอมรามือง่ายๆ นางมองไปที่แก่นกายเขาที่ถูกมัดเอาไว้ ก่อนจับชัก ชักรัวแรงอย่างไร้ความปรานี “อ่า...อะ...อ่า...” ชายหนุ่มส่งเสียงต่ำๆ ติดกัน ความอุ่นร้อนลวกมือทำให้ม่านซือซือรัญจวนใจ ยิ่งนางเร่งการเคลื่อนไหวข้อมือมากเท่าใด ความแข็งขันของเขาก็เต้นตุบๆ ในอุ้งมือนุ่มนิ่มมากเท่านั้นกระทั่งเขาเจียนปลดปล่อย ม่านซือซือจึงหยุด แล้วบีบที่ไข่คู่แฝดเขาจ้าวเล่อซีทั้งจุกทั้งหัวเสียอย่างหนัก เขาดิ้นปัดไปมา แสดงความต้องการให้นางจับจูงพาเขาสู่ปลายทางสวรรค์เสียในตอนนี้“ท่านยอมแพ้แล้วรึ”นางถามอย่างยั่วแหย่ จากนั้นจึงหยุดใช้มือกับความยิ่งใหญ่ของบุรุษ และปลายลิ้นเรียวของนางโลมเลียปลายหัวหยัก ทั้งเย้าหยอก ดูดแรงๆ จนเกิดเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้จ้าวเล่อซีหลั่งยามนั้น ทั้งมือทั้งปากของนางเล่นสนุกกับชายหนุ่มอย่างถึงอกถึงใจ“ปะ ปล่อ
หญิงสาวมองใบหน้าคมคาย มองแล้วนางจึงใช้ปลายแหลมของมีดสั้นไล้ไปตามแก้ม ริมฝีปากบาง และปลายคางที่มีเคราเขียวครึ้ม“ท่านคือโจรราคะ...” นางถามเขาเสียงหวานจ้าวเล่อซีครางเสียงประหลาดๆ ของเขาเป็นการปฏิเสธ“มิใช่ แล้วเหตุใดแท่งหยกของท่านในร่มผ้าถึงได้พองราวกับพวกวิปริต ถูกโซ่ล่ามเอาไว้แท้ๆ กลับมีตัณหา อย่างคนหน้าไม่อาย”ม่านซือซือว่าแล้วก็เริ่มสนุก เมื่อรู้ว่าตนกำลังจะเป็นฝ่ายควบคุมจ้าวเล่อซีสักครั้ง“รัชทายาท ท่าน...ยอมรับมาเสียดีๆ ท่านวางแผนให้ข้าเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์สัตตบงกชใช่หรือไม่...”จ้าวเล่อซีหัวเราะเสียงดังหึๆๆ น้ำเสียงเขาเย้ายั่วนางยิ่งนัก“และไม่ใช่เพียงแค่สตรีโฉมงามผู้นี้ อีกหลายชีวิตท่านก็สร้างเรื่องให้พวกนางต้องเป็นสาวใช้ของท่าน เพื่อทำงานเสี่ยงอันตรายมากมายบ้างก็ส่งไปเป็นมือสังหารหรือบำเรอกามให้ชายชั่ว”ริมฝีปากบางยกยิ้ม ยิ้มเขาทั้งหล่อเหลาและร้ายกาจ“ท่านเป็นบุรุษที่หน้าซื่อใจคด หลอกล่อผู้อื่น เช่นนี้ควรได้รับโทษสถานหนัก”จากนั้น มีดสั้นของนางจึงจัดการเสื้อผ้าของจ้าวเล่อซี นางตัดเสื้อเขาออก และกางเกงถูกกรีดให้เป็นริ้วๆ ก่อนจะเริ่มฉีกมันด้วยสองมือเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดฟังแล้วชวนให
แก้เผ็ดสามี จ้าวเล่อซีนิ่งขรึมตลอดระยะเวลา ที่เดินทางมาหานางอันเป็นที่รัก สงครามทำให้เขาเปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยอยู่ในสนามรบ แต่การศึกและต้องห้ำหั่นหลายคนที่เขารู้จักจนเสียเลือดเสียเนื้อ แล้วส่งลูกเมียคนเหล่านั้นไปใช้ชีวิตในพื้นที่ทุรกันดาร ทำให้จ้าวเล่อซีมีความเครียดสะสม บางคืนเขาฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาก็เหม่อลอย เมื่อเขานึกถึงคำพูดของถานปิง อีกฝ่ายถูกปลูกฝังว่าห้ามรักสตรีนางใด นอกจากนั้นเขาจะมีบุตรไม่ได้เนื่องจากพิษที่อยู่ในร่างกายเขาอาจส่งผลถึงทายาท แต่หลายสิ่งที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายมันคือคำลวง!ยามนี้ เบื้องหน้าเขาคือเด็กทารกร่างอวบผิวขาวอมชมพูที่ใบหน้างดงามดั่งมารดา หากมีแท่งหยกน้อยๆ อันประจักษ์แจ้งต่อทุกสายตาว่าเขาสมชายชาตรี ซึ่งทำให้เขาอดภูมิใจไม่ได้เมื่ออ๋องน้อยเห็นหน้าเขาก็ร้อง ร้องเสียงดังราวกับกลัว คนแปลกหน้า ม่านซือซือทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ เรื่องที่นางกังวลใจนับว่ามีความคิดโง่เขลา“คราแรกภรรยากลัวเหลือเกิน... เมื่อคลอดอ๋องน้อย เขาไม่มีเสียงร้องสักแอะ”ม่านซือซือเอ่ยถึงเหตุการณ์ในวันนั้น หัวใจนางหล่นหายและคิดว่าคงเป็นบาปกรรมของตน ถึง
เมื่อเหม่ยหลานเอ่ยจบ นายกองและแม่ทัพหลายคนก็รู้สึกตัวว่ามีอาวุธแหลมคมจ่อที่ลำคอพวกเขา ซึ่งทหารเหล่านี้ไม่ทันเฉลียวใจด้วยซ้ำว่ามีมือสังหารลอบปะปนเข้ามาในกลุ่มของพวกตนตั้งแต่เมื่อใด “พวกเจ้าใช้วิธีชั้นต่ำเช่นนี้ คิดหรือว่าจะเอาชนะกองกำลังอันแข็งแกร่งของข้าได้” แม่ทัพถานปิงเอ่ย และคนที่ตอบคือบุรุษที่องอาจสง่างามแต่แรกจ้าวเล่อซีไม่ได้ต้องการบีบบังคับถานปิง อย่างไรอีกฝ่ายก็มีศักดิ์เป็นตาของเขา ทว่าอีกด้านหนึ่งที่เขารับรู้ ชายสูงวัยผมหงอกผู้จับดาบฆ่าคนมาชั่วชีวิตมีจิตใจอำมหิต ฆ่าได้แม้กระทั่งภรรยาและลูกของตน รวมถึงพยายามหลอกใช้เขาเรื่อยมา และเขาในยามนั้น เพื่อความอยู่รอดจำเป็นต้องแสร้งตกเป็นเครื่องมือของอีกฝ่าย เป็นองค์ชายใบ้ผู้คลั่งรักบ้าตัณหา กระทั่งเขาได้พบกับมารดาฝูเอ๋อร์ นางเป็นสตรีที่ควรมีชีวิตสุขสบายได้เป็นฮูหยินของบุรุษที่คู่ควรกับนาง ทว่านางถูกส่งตัวมายังคฤหาสน์สัตตบงกชในช่วงที่กำลังเดินทางไปเป็นเจ้าสาวของสกุลคหบดี‘ท่านตา... กำแพงเมืองนี้ บิดาข้าต้องสังเวยชีวิต ถูกแยกร่างและเสียบศีรษะประจานให้เสื่อมเสียเกียรติ’“ฮ่าๆๆ แล้วอย่างไร คนที่ทำก็คือเกากงกงกับนางแพศยาอี้เหอ”‘แต่แรกหลาน