“อายอันใดกันเล่า นี่พวกเอ็ง ผัวเมียเขาจะรักกัน จะนั่งเป็นก้างชิ้นใหญ่อยู่ทำไม เจ้าเข้ม”เสียงเชิงดุแต่บ่าวไพร่กลับก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม เพราะรู้ใจท่านเจ้าของเรือนดีว่าอยากอยู่กับเมียรักมากแค่ไหน เจ้าเข้มจึงพาต้อนบ่าวไพร่ลงเรือนเสียให้หมดให้คุณหลวงได้อยู่กับเมียรักและฟูมฟักกันให้ชุ่มปอด ให้สมกับความคิดถึงที่ต้องจากลากันหลายวัน“คุณพี่เจ้าขา มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำให้ชื่นใจก่อนนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวน้องจะเตรียมเสื้อผ้าให้”แม่พิศยังคงไว้ตัวหันไปหยิบจับเสื้อผ้า ก่อนจะยิ้มน้อยๆ เมื่อถูกผัวรักโอบกอดจากเบื้องหลัง“อาบเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พี่อยากให้แม่พิศถูหลังให้”ฝ่ามือขืนเรือนร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลนั้นให้หันมา แม่พิศในวันนี้งดงามเสียยิ่งกว่าวันแรกที่ได้ครองคู่ อาจเพราะได้อยู่ดีกินดีมีความสุข มีบ่าวไพร่ปรนนิบัติพัดวีมิได้ขาด แลได้ยาดีที่หามาปรนเปรอ แม่พิศจึงดูสาวสะพรั่งกว่าเดิม ผิวพรรณผุดผ่องดูมีเลือดฝาดแห่งวัยสาว และกลิ่นกายก็ยังหอมกรุ่นจนคุณหลวงห่วงหาอยากจะกลับเรือนเสียทุกครั้งที่ไปไกล“พี่คิดถึงแม่พิศเหลือเกิน นอนที่ไหนก็ไม่เหมือนได้นอนกอดแม่พิศที่เรือน พี่คิดถึงแม่พิศจนใจจะขาดอยู่แล้ว”“น้องก็คิดถ
หล่อนไม่รู้หรอกว่าการเป็นเมียที่ดีนั้นต้องทำถึงเพียงนี้หรือไม่ รู้แต่เพียงว่าสิ่งที่ทำนี้สุขหัวใจเหลือเกิน และคุณหลวงก็พอใจ ทั้งรักและหลงใหลหล่อนมากขึ้น เรียกว่าสิ่งใดก็ตามที่หล่อนเอ่ยปากไม่มีที่จะไม่ได้ แม้แต่เรือนหลังใหม่ของพ่อแม่ คุณหลวงท่านก็เมตตาให้ช่างไปจัดสร้างให้ อย่างนี้แล้วสิ่งที่ทำนี้คงไม่ผิด“แม่พิศ... แม่พิศรู้หรือไม่ว่าพี่รักแม่พิศมากเหลือเกิน ไม่เคยมีใครทำให้พี่ได้มากเท่าที่แม่พิศทำ แม่พิศทำให้พี่มีความสุขอย่างที่สุด สิ่งที่แม่พิศปรนนิบัติพี่นี้ พี่เชื่อว่าไม่มีเมียของเรือนใดจะทำได้มากเท่า”หลวงสรเดชฯ ประคองเรือนร่างอวบอิ่มเปล่าเปลือยของเมียรักขึ้นมา กอดตวัดรัดหล่อนด้วยวงแขนอย่างแสนรักแสนเสน่หายิ่ง ไม่เคยมีใครทำให้เท่าที่แม่พิศคนนี้ทำจริงๆ แม้แต่บ่าวไพร่ที่เป็นเมียเล็กเมียน้อยที่ท่านมีอยู่กลาดเกลื่อนก็ไม่เคยมีใครปรนนิบัติพัดวีได้เสมอเหมือนเท่าแม่พิศคนนี้ โชคดีของเขาที่สุดที่ได้แม่พิศมาเป็นเมีย“ก็น้องรักคุณพี่นี่เจ้าคะ สิ่งใดที่ทำแล้วคุณพี่มีความสุข น้องก็จะทำโดยไม่รั้งรอ ขอแค่คุณพี่เมตตาน้องตลอดไป แค่นี้น้องก็มีความสุขยิ่งนักแล้ว ชีวิตหญิงจะมีความสุขใดเท่าที่สามีรักล่ะ
“คุณพี่เจ้าขา... คุณพี่... อูย... น้องเสียว คุณพี่เจ้าขา...”“อืม... พี่ก็เสียว แม่พิศอร่อยสุดๆ อูย... อร่อยที่สุด โอว...”เสียงเนื้อแนบเนื้อกระทบเข้าหากันแนบแน่บ สลับกับเสียงห่อริมฝีปากร้องครางและซู้ดซี้ดดุจคนกินของเผ็ดร้อนดังระงม แม่พิศแหงนใบหน้ากรีดร้องครวญครางตามที่ใจอยากพูด“คุณพี่เจ้าขา... น้องเสียว... คุณพี่เจ้าขา... น้องเสียว...”เพราะในยามนี้ผัวรักต้องการเสพสังวาสไม่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างร้องครวญ ผัวรักกระแทก หล่อนก็กดกระหน่ำลง มันคือความสุขสมจนลืมเลือนสิ่งรอบตัวจนหมดสิ้นต่างฝ่ายต่างเสพสมกันและกันจนลืมเลือนมื้ออาหาร ลืมเลือนไปว่า ณ เวลานี้บ่าวไพร่คงรอตั้งสำรับคาวหวาน แต่จะเป็นไรไปเล่าในเมื่อขณะนี้คุณหลวงผัวรักก็กำลังเสพทั้งมื้อคาวและหวานไปพร้อมๆ กันอยู่แล้ว..เข้มเมียงมองเข้าไปในเรือน เนิ่นนานแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววที่คุณหลวงและคุณพิศจะออกมาจากห้อง บ่าวไพร่ก็นั่งตบยุงคอยอยู่ด้านล่าง แลอาหารคาวหวานที่จัดเตรียมไว้ก็จะเย็นชืดเสียหมดดวงตามุ่งมั่นของเข้มจึงมองตรงไปยังใต้ถุนเรือน ก่อนจะหันมองบ่าวไพร่ซึ่งมองมาที่มันอย่างใคร่รู้ว่าจะแก้ไขหรือจะสั่งการเช่นใด ก่อนบ่าวหญิงคนหนึ่งจะปิดปา
“ดีเจ้าค่ะคุณน้า ดีทุกอย่าง เจ้าเข้มหาหยูกหายามาให้คุณพระท่านดื่มมิได้ขาด คุณพระท่านยิ่งคึกคักไม่ต่างจากม้าศึก แต่... แต่ลูกก็ไม่มาเจ้าค่ะ หลานไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดีแล้ว คุณพระท่านอยากได้ลูกเหลือเกิน ถ้าเกิดโชคร้าย หลานมีให้ท่านไม่ได้จริงๆ ท่านจะมิคิดจงเกลียดจงชังหลานหรือเจ้าคะ”แม่พิศพูดกับคุณน้าพินพลางซับหยาดน้ำตา เพราะความกลัดกลุ้มนี้จึงต้องนำเรื่องมาปรึกษาและหวังจะได้คำแนะนำที่ดีที่ทำให้หล่อนคลายทุกข์คลายโศกได้บ้าง “อืม... มันจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า คุณพระท่านจะเป็นหมัน” “เป็นหมันหรือเจ้าคะ” “ก็ใช่น่ะสิ หรือไม่ก็ตัวแม่พิศเองนั่นแหละที่อาจจะเป็นหมัน” “หลานก็มีลูกไม่ได้สิเจ้าคะ” แม่พิศน้ำตาร่วงเผาะ เริ่มคิดถึงชะตาชีวิตของตนเอง วาสนาการเป็นเมียเดียวแห่งคุณพระคงจะสิ้นลงก็ครานี้ “น้ายังไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะแม่พิศ เอาเป็นว่าน้าจะถามผู้รู้ให้ก็แล้วกัน แล้วจะลองถามเพื่อนฝูงตามพระตำหนักอื่นๆ ให้ด้วย ว่าจะมีหนทางใดให้แม่พิศได้ลูกสมใจได้บ้าง”แม่พินพยายามพูดปลอบใจเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของหลานสาว เดิมทีที่แม่พิศออ
พระสรเดชมนตรีหันไปจ้องมองแม่พิศเมียรักอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง ว่าสิ่งที่แม่พิศพูดออกมานั้นคือเรื่องจริง จะมีเมียคนไหนที่คิดจะทำอย่างที่แม่พิศบอกท่านหรือไม่ ขึ้นชื่อว่าหญิงก็ล้วนใคร่อยากให้สามีมีตนเป็นเมียเดียวกันทั้งนั้น และตลอด 20 ปีที่ผ่านมาท่านก็ไม่เคยนอกใจหรือมีเมียเล็กเมียน้อยให้แม่พิศต้องหมองเศร้า แต่เหตุใดวันนี้แม่พิศถึงได้เอ่ยเยี่ยงนี้“แม่พิศพูดอะไรอย่างนั้นเล่า แม้แม่พิศจะมีลูกให้พี่ไม่ได้ พี่ก็ไม่ได้จะโทษว่าเป็นความผิดของแม่พิศนี่นา อาจเป็นตัวพี่เองที่ไม่มีวาสนาจะมีบุตรไว้สืบทอดเชื้อสาย แม่พิศไม่ต้องทำเยี่ยงนี้ดอก แค่พี่มีแม่พิศเพียงคนเดียว พี่ก็ไม่ต้องการใครคนอื่นอีกแล้ว”คำพูดของผัวรักเรียกรอยน้ำตาได้จากหน่วยตาสวย ทำไมเล่าหล่อนจะไม่รู้ว่าคุณพระนั้นรักหล่อนมากแค่ไหน เพียงแต่หากหล่อนไม่ทำเช่นนี้ หนทางภายภาคหน้าอาจจะต้องวุ่นวายอย่างที่คุณน้าพูดไว้ก็เป็นได้ หากทางญาติฝ่ายคุณพระทำอย่างที่คาดคิดกันไว้เล่า หล่อนจะแก้ไขสิ่งใดได้ทัน สู้หล่อนเป็นคนหยิบยื่นสิ่งนี้ให้คุณพระเองจะดีเสียกว่า อย่างน้อยนั้นเมียบ่าวหล่อนก็หามาเองย่อมควบคุมให้อยู่ในโอวาทได้“คุณพี่เจ้าขา ยิ่งคุณพี่ดีกับน้อ
ฝ่ามือฟอนเฟ้นเต้าอวบอิ่มอย่างแสนรักแสนเสน่หา การเสพสมกับนางบ่าวไพร่ไม่ได้ให้ความเพลิดเพลินเจริญใจใดๆ เลย เพราะนางบ่าวสาวเหล่านั้น แม้จะอวบอิ่มสมวัยสาว แต่ก็ไร้เสน่ห์ใดๆ ที่จะทำให้คุณพระคึกคักได้เท่าร่วมสังวาสกับแม่พิศ ทั้งจริตจะกร้านบ้างก็มากไป บ้างก็น้อยไปจนคล้ายกับว่าท่านกำลังเสพสมกับหุ่นไล่กา หากจะมีเสียงครางเล็กๆ และเสียงเร่งเร้ายามความกำหนัดล้นปรี่ ท่านคงจะมีความสุขได้มากกว่านี้“ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ น้องเตรียมนังเล็กๆ ไว้ให้คุณพี่อีกตั้งหลายคน”“แต่ไม่มีใครให้พี่ได้ชื่นใจเท่าแม่พิศเลยสักคน เถอะนะ ขอให้พี่ได้ชื่นใจแม่พิศทุกคืนทุกวันเถิด พี่ทนไม่ไหวแล้ว”“เจ้าค่ะๆ ตามใจคุณพี่เถิดเจ้าค่ะ”แม่พิศรับคำเพราะฝ่ามือที่คลึงเคล้นทำให้ต้องสมยอมเสียทุกครั้ง แต่หล่อนยังหมายมั่นว่าต้องทำให้ได้ตามที่ตั้งใจ ตราบใดที่ญาติทางฝ่ายคุณพระยังไม่ปักใจว่าผู้ที่ให้ลูกไม่ได้นั้นคือตัวคุณพระ หล่อนก็ต้องปิดทุกทางไม่ให้มีทางฝ่ายไหนนำเสนอลูกสาวเรือนใดเข้ามาแทรก ระหว่างหล่อนและคุณพระโดยเด็ดขาดฝ่ามือฟอนเฟ้นไปตามร่างอวบอิ่มของเมียรักคุกรุ่นไปด้วยแรงปรารถนา แตะตรงไหน ต้องที่ใด แม่พิศก็สะดุ้งบิดกายไปมา และเมื่อค
“น้องดีใจที่รู้ว่าคุณพี่ไม่ได้มีใจให้นังพวกนั้นและขอบพระคุณคุณพี่มากที่สุด ที่รักและปรารถนาในตัวน้องแต่เพียงผู้เดียว แต่ลูกก็คือสิ่งที่เราต้องมีนะเจ้าคะ แม้จะไม่ใช่ลูกของน้อง น้องก็สัญญาว่าจะรักและดูแลประดุจเลือดในอก” เสียงหวานสั่นสะอื้นฮึกฮักแต่ก็ต้องพูดต่อให้จบ“คุณพี่อดใจรอหน่อยนะเจ้าคะ สำหรับนังพวกนั้นน้องจะนำมาฝึกงานให้คล่องแคล่ว น้องรับรองเจ้าค่ะ ว่าในค่ำคืนต่อไปนังพวกนั้นต้องให้ความสุขแก่คุณพี่ได้ไม่ต่างจากน้อง หากนังคนไหนไม่ได้ความ น้องจะปลดออกเจ้าค่ะ”แม่พิศชักแม่น้ำหลายสายมารวมกัน เพื่อให้ผัวรักเห็นตามที่หล่อนพูด“เฮ้อ! พี่คงจะแพ้แม่พิศตามเคย”“แพ้ที่ไหนกันเจ้าคะ คุณพี่นั่นแหละจะมีความสุขจนลืมน้อง”“ใครเล่าจะลืมได้ พี่อยากอาบน้ำ แม่พิศอาบน้ำให้พี่หน่อยนะ”ฝ่ามือลูบไล้ไปตามทรวงอกอวบอิ่มพลางเกลี่ยไล้ปลายยอดอย่างเอาใจ แม่พิศพยักหน้าน้อยๆ อมยิ้ม ก่อนคุณพระลุกขึ้นและโอบอุ้มเมียรักเข้าไปในห้องอาบน้ำแลเสียงน้ำไหลลงจากสุหร่ายที่คุณพระสั่งคนมาติดตั้งเพื่อเอาใจเมียรักก็ดังขึ้นสอดประสานกับเสียงหอบหายใจระรัวเร็วของคนทั้งคู่ ให้รู้ว่าการอาบน้ำในครั้งนี้คงกินเวลานับครึ่งชั่วยามอีกเป็นแน่
“คืนนี้นังคนไหนล่ะ”“ก็นังคนที่พูดมากแหละเจ้าค่ะ บ่าวน่ะอยากรู้นักว่ามันจะทำได้อย่างที่บ่าวสอนหรือเปล่า นังพวกนี้หัวเราะต่อกระซิกกันตลอด พอขึ้นเตียงก็นอนทื่อเป็นตอไม้” ปลายน้ำบ่งบอกว่าหมั่นไส้ที่สุด“อย่างนั้น ข้าเปลี่ยนเป็นเอ็งละกันอิ่ม”“เปลี่ยน เปลี่ยนอันใดเจ้าคะ”“ก็เปลี่ยนค่ำคืนนี้ให้เป็นหน้าที่ของเอ็งยังไงล่ะ รู้ดีนัก ก็ปรนนิบัติคุณพระท่านให้ดีล่ะกัน”“ว้าย! คุณก็ บ่าวแก่แล้วนะเจ้าคะ จะให้โลดโผนโจนทะยานแบบนั้นก็คงไม่เหมาะ กระดูกกระเดี้ยวบ่าวได้หักแน่”“ที่พูดนี่หมายถึงว่าถ้าเอ็งไม่แก่ เอ็งก็จะเอาอย่างนั้นเรอะ นังอิ่ม”“คุณก็... บ่าวไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ เคยกราบเคยไหว้ท่านทุกวันแล้วจะให้ไป...”นางอิ่มทำท่าหวั่นเกรงเพราะไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เป็นเมียท่าน แต่หากเป็นจริงก็คงจะดี คิดได้ดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะหัวหดเมื่อคุณนายพิศปรายตามองมาแม่พิศส่ายศีรษะพลางคิดว่า ขนาดนางอิ่มที่คุ้นเคยกับคุณพระเป็นอย่างดียังไม่กล้าที่จะปรนนิบัติคุณพระท่าน แล้วนางบ่าวเพิ่งแตกเนื้อสาวเยี่ยงนั้นจะอาจหาญกล้าโลดแล่นไปตามแรงปรารถนาของคุณพระท่านหรือ คงจะเป็นเรื่องยาก..ในยามดึกเมื่อส่ง
แม่จันทร์สะอื้นฮึกฮัก เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าความเจ็บปวดร้าวรวดดั่งถูกมีดแหลมคมปักกรีดอยู่กึ่งกลางร่างกายนี้ จะมลายคลายลงได้อย่างไร เมื่อมันเจ็บเสียจนหล่อนไม่กล้าที่จะร่ำร้อง ด้วยกลัวว่าเพียงร่างกายขยับ ความเจ็บปวดนั้นจะทวีทบเท่า แลถึงตอนนั้นร่างกายนี้อาจตายเสียก็ได้ ทว่าแม้นเจ็บเพียงใด สัญชาตญาณก็ยังร้องสั่งให้แม่จันทร์มอง เพื่อให้รู้ที่มาของความเจ็บนั้น และสิ่งที่แม่จันทร์เห็นก็ทำให้ริมฝีปากต้องอ้าค้างมากขึ้น ด้วยไม่ใช่มีดพร้าที่ทิ่มตำร่างกาย แต่กลับเป็น ‘ท่อนเนื้อ’ ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากกึ่งกลางกายของท่านกำลังทิ่มตำที่โพรงดอกไม้ สีหน้ารวดร้าวของท่านและคำสอนของแม่ที่แว่วมาในความคิดทำให้แม่จันทร์ต้องยิ้มทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะนี่คงเป็นลำดับขั้นสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะพานพบกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อริมฝีปากของท่านทาบลงมาบนกลีบปากนุ่มก่อนจะบดเบียดยั่วเย้าอย่างอ่อนโยน ตามติดมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่เกลี่ยไล้ไปมาอยู่บนกลีบปาก นั่นทำให้แม่จันทร์ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก “เจ้าคุณอา...” พระยาสรเดชฯ อมยิ้มในสีหน้า ดวงตาคมเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยกาลเวลาทอดมองหญิงสาวที่สั่นประหม่าไปทั้งร่าง จนลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าต้องรักษากิริยาและต้องเรียกท่านว่าเช่นไร ทว่าสิ่งที่แม่จันทร์เป็นอยู่นี้ก็ช่างน่าเอ็นดูนัก “ที่ไม่ให้เรียกเยี่ยงนั้น เพราะพี่อยากให้แม่จันทร์เรียกพี่ว่า ‘เจ้าคุณพี่’ จะได้รึไม่” “เจ้าค่ะ เจ้าคุณพี่”
เสียงมโหรีขับขานท่วงทำนองกล่อมหอดังแผ่วแว่วมาในห้อง ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงต้องกระชับฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยประหม่านัก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ่าวซึ่งออกไปส่งผู้หลักผู้ใหญ่และขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานก็จะกลับเข้ามา และเมื่อนั้นลำดับขั้นของงานวิวาห์จึงจะถือว่าสัมฤทธิ์ผล เจ้าสาวคนสวยชำเลืองมองที่นอนหนานุ่มขึงผ้าปูสีชมพูปักลวดลายดอกไม้กระจิริดดูอ่อนหวาน ทั้งข้าวของที่ใช้ทำ ‘พิธีเรียงหมอน’ ก็ยังวางเรียงรายกันอยู่อย่างสงบนิ่ง ฟักเขียว แมวคราว ไก่ขาว ไม้เท้า ถ้วยน้ำ และหินบดยา ถูกวางอยู่มุมซ้ายของเตียง ถุงเงินและถุงทอง ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ถูกเปิดและหยิบเอาถั่ว งา และดอกไม้เหล่านั้นออกมาโปรยบนที่นอนเพื่อเป็นมงคล เมื่อนึกถึงเหตุที่เพิ่งผ่านไปเจ้าสาวก
ฟาววววววว... ควับ! “กรี๊ดดดดด...” สิ้นสุดเสียงกรีดร้องร่างที่สะบักสะบอมไปด้วยบาดแผลของนางแพงก็มีอันสิ้นสติไปด้วยความเจ็บปวด แต่คุณพระท่านก็ยังไม่หนำใจ ทั้งที่ตนเองก็หอบตัวโยนด้วยลงแรงไปกับหวายทั้งตัว คุณพระท่านร้องสั่งให้ข้าทาสไปนำเกลือเม็ดละลายน้ำเอามาสาดใส่บาดแผลของนางแพงให้มันฟื้นคืนขึ้นมาอีก เพื่อจะให้เรือนร่างนี้ได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้ เพราะมันเจ็บกาย แต่ท่านนั้นเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รักมากก็แค้นมาก หวงมากก็อยากจะให้ตายคามือด้วยความทรยศ “สาดเข้าไป! เอาให้มันเจ็บมันแสบ มันจะได้รู้ว่าใครอย่าบังอาจมาทำเรื่องอัปรีย์จัญไรบนเรือนกูอีก ไอ้อีหน้าไหนที่มันกล้า มันจะต้องโดนเยี่ยงน
ฉาด! ฝ่ามือกระทบใบหน้าของนางแพงอีกครั้งให้หันไปตามแรงตบ เมื่อนางแพงเอาแต่ยิ้มและหัวเราะขันกับคำพูดของตนเอง มันทำความเสื่อมเสียเพียงผู้เดียวยังไม่พอ ยังจะริปากดีป้ายสีให้แม่พิศเมียรักต้องมัวหมองไปด้วย “ตบอีกสิเจ้าคะ ตบให้อีแพงมันตายไปเลย ไม่ต้องรอหวายแล้วเจ้าค่ะ แค่น้ำมือคุณท่าน อีแพงก็แทบจะตายคามืออยู่แล้ว แต่ก่อนตายขออีแพงได้พูดให้หมดเปลือกเถิด อีแพงคบชู้ อีแพงยอมรับ แต่หากคุณนายพิศคบชู้เล่าเจ้าคะ คุณท่านจะทำเช่นไร จะลงโทษคุณนายเทียบเท่ากับอีแพงรึไม่ หรือจักส่งคุณนายไปให้กองโปลิศตัดสิน ให้ประณามหยามเหยียดไปทั่วพระนคร ว่าลูกสาวบ้านนี้สัญชาติคบชู้สู่ชาย บ้านใดนำไปเป็นลูกเป็นเมีย ก็รังแต่จะเสื่อมเสียคบชู้อยู่ร่ำไป” “อีแพง!” 
“เอ็งช่างกล้าพูดนักนังแพง...” น้ำเสียงเอ่ยออกมาด้วยความเข่นเครียด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอิ่มของเมียสาวคราวลูกสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น คุณพระท่านยิ่งสะท้อนไปถึงหัวใจ เพราะนางแพงเมียทาสผู้นี้ ท่านสนิทเสน่หามันยิ่งนัก กลับมาคืนเรือนครั้งนี้ ท่านก็หวังจะโอ้โลมมันให้มีความสุข เพราะทิ้งร้างให้เปล่าเปลี่ยวอยู่นาน จนต้องสั่งให้เจ้าเข้มมาแจ้งข่าวกับแม่พิศว่าท่านจะคืนเรือนในวันนี้ ให้นางแพงได้เตรียมตัวต้อนรับท่านเถิด แต่กลับกลายเป็นว่านางแพงมันมีความสุขจนแทบจะสำลักอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าท่านคืนเรือนวันนี้ มันก็ยังกล้าที่จะพาไอ้บุญทิ้งไปร่วมรักกันบนเรือน บนเตียงที่ทับรอยของท่าน รวมทั้งคำรักที่มันพร่ำพลอดแก่กันและกันนั้น แปลว่านางแพงผู้นี้ไม่เคยเห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด มันไม่คิดถึงความสุขสบายที่ท่านปรน
ริมฝีปากยังคงแนบชิดแต่ท่อนแขนช้อนเรือนร่างอวบอิ่มขึ้นโอบอุ้มพาก้าวเดินไปสู่เตียงสี่เสาที่มีม่านลูกไม้สีขาวประดับอยู่ ร่างงดงามถูกวางไว้บนฟูกนุ่มที่ขึงเรียบตึงด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูอ่อน กอปรกับแสงไฟสีนวลจากตะเกียงก็ช่วยส่งขับให้ผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนนี้ให้ยิ่งนวลน่าลูบไล้ฝ่ามือลงไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น “พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงรักพี่เหลือเกิน” “พี่ก็รักแม่แพงยิ่งนัก” แม่แพงคล้องฝ่ามือรอบลำคอแกร่งของไอ้ทาสวัยหนุ่มพลางรั้งใบหน้าคมเข้มนั้นเข้าหาตัว ความแข็งแกร่งนี้ที่หล่อนปรารถนา ความเข้มแข็ง ดุดัน ของคนรุ่นหนุ่ม หาใช่ความแก่ชราของชายวัยคราวพ่อเฉกเช่นคุณพระท่าน และเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ แม่แพงก็หลับตาพ
“อา... บุญทิ้งจ๋า... กระแทกลงมาแรงๆ เลย บุญทิ้งจ๋า...” “ขอรับคุณท่าน ไอ้ทิ้งจะกระแทกให้แหลกคา...” ขาดคำของบุญทิ้ง ไอ้ทิ้งน้อยก็โจนทะยานไปข้างหน้า ทะลวงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายพิศอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคุณนายกรีดร้องด้วยความสุข ไอ้ทิ้งน้อยก็พ่นพิษร้อนออกมาอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน โพรงดอกไม้ตอดตุบจนบุญทิ้งต้องซุกซบใบหน้าลงไปที่เต้าอวบอิ่มของคุณนายพิศ พร้อมทั้งจูบซับปลายยอดงอนงามด้วยความซ่านเสียวและพิศวาส ความร้อนแรงของคุณนายเจ้าของเรือนยังมีให้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ตราบจนเสียงไก่ขันดังแว่วมา ไอ้ทิ้งน้อยจึงจำต้องอำลาโพรงน้ำหวานกลับไป เพื่อทำหน้าที่ทาสในเรือนเฉกเช่นเดิม.. 
“ขอบใจแพง” “ใช่ ข้าขอบใจที่แม่แพงจะไม่นำเรื่องของบุญทิ้งไปบอกคุณพระท่าน” “เอ่อ... เจ้าค่ะ” แม่แพงก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคุณนายพิศ ด้วยไม่รู้ว่าคุณนายรู้เรื่องมากไปกว่านี้รึไม่ และคำพูดต่อมาของคุณนายก็ทำให้แม่แพงเข้าใจว่าคุณนายพิศไม่ได้รู้เรื่องระหว่างตนกับบุญทิ้ง “ข้าหลงผิดไปเอง ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่กระทำผิดเยี่ยงนั้นอีก” เสียงสะอื้นของคุณนายพิศทำให้แม่แพงต้องมองคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนด้วยความเห็นใจและสะท้อนในหัวอกตัวเองอย่างที่สุด เพราะสิ่งที่คุณนายพิศตั้งมั่นว่าจะไม่ทำผิดนั้น บัดนี้ตัวของแม่แพงเองนั่นแหละที่กร