“คืนนี้นังคนไหนล่ะ”“ก็นังคนที่พูดมากแหละเจ้าค่ะ บ่าวน่ะอยากรู้นักว่ามันจะทำได้อย่างที่บ่าวสอนหรือเปล่า นังพวกนี้หัวเราะต่อกระซิกกันตลอด พอขึ้นเตียงก็นอนทื่อเป็นตอไม้” ปลายน้ำบ่งบอกว่าหมั่นไส้ที่สุด“อย่างนั้น ข้าเปลี่ยนเป็นเอ็งละกันอิ่ม”“เปลี่ยน เปลี่ยนอันใดเจ้าคะ”“ก็เปลี่ยนค่ำคืนนี้ให้เป็นหน้าที่ของเอ็งยังไงล่ะ รู้ดีนัก ก็ปรนนิบัติคุณพระท่านให้ดีล่ะกัน”“ว้าย! คุณก็ บ่าวแก่แล้วนะเจ้าคะ จะให้โลดโผนโจนทะยานแบบนั้นก็คงไม่เหมาะ กระดูกกระเดี้ยวบ่าวได้หักแน่”“ที่พูดนี่หมายถึงว่าถ้าเอ็งไม่แก่ เอ็งก็จะเอาอย่างนั้นเรอะ นังอิ่ม”“คุณก็... บ่าวไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ เคยกราบเคยไหว้ท่านทุกวันแล้วจะให้ไป...”นางอิ่มทำท่าหวั่นเกรงเพราะไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เป็นเมียท่าน แต่หากเป็นจริงก็คงจะดี คิดได้ดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะหัวหดเมื่อคุณนายพิศปรายตามองมาแม่พิศส่ายศีรษะพลางคิดว่า ขนาดนางอิ่มที่คุ้นเคยกับคุณพระเป็นอย่างดียังไม่กล้าที่จะปรนนิบัติคุณพระท่าน แล้วนางบ่าวเพิ่งแตกเนื้อสาวเยี่ยงนั้นจะอาจหาญกล้าโลดแล่นไปตามแรงปรารถนาของคุณพระท่านหรือ คงจะเป็นเรื่องยาก..ในยามดึกเมื่อส่ง
สุดท้ายความร้อนรุ่มจากสัมผัสของชายอื่นที่ไม่ใช่ผัวรักก็ทำให้แม่พิศร้อนรนจนอยู่ไม่ไหวต้องใช้หยาดน้ำรดรินร่างกายเสียตอนดึก ทว่าก็ยังไม่หาย ความรุ่มร้อนยังกำซาบให้หล่อนไม่อาจข่มตาข่มใจจนถึงยามนี้ดวงตาสวยหวานแต่สั่นไหวมองผ่านบานหน้าต่างออกไปยังทิศทางของท่าน้ำ สถานที่ที่ความกำซาบละเรื่อยอยู่บนเนื้อตัวตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงในขณะนี้ เมื่อสำนึกในหัวใจนั้นร้องบอกว่าหล่อนพึงพอใจสัมผัสจาบจ้วงของไอ้ทิ้ง และใคร่อยากให้ฝ่ามือหยาบใหญ่นั้นแตะต้องสัมผัสเนื้อกายของหล่อนให้มากยิ่งกว่านี้อยากให้ฝ่ามือนั้นลูบไล้ไปตามเนื้อตัว อยากได้ยินเสียงชมไม่ขาดปากว่าเรือนร่างนี้หอมกรุ่นแค่ไหน และอยากยิ่งกว่านั้นก็คือ อยากได้ปลายลิ้นร้อนๆ มาลากไล้ให้ความฉ่ำชื้นกับเนื้อกายนี้ อยากให้ฝ่ามือ จมูก ริมฝีปาก และความยิ่งใหญ่นั้นสอดประสานดับความร้อนรุ่มในกายให้จางลงอยาก... อยาก... และก็อยาก...เลือดลมวิ่งพล่านซ่านกระสันไปทั่วทั้งเนื้อตัว เมื่อฝ่ามือบอบบางนั้นกำลังลูบไล้อยู่ที่ดอกไม้งามฉ่ำน้ำอย่างไม่รู้ตัว และเพียงขยับกายเสียดสี ทั่วทั้งร่างก็สะท้านไหวเสียจนแม่พิศอยากจะกรีดร้องด้วยความขัดใจเมื่อความปรารถนานั้นไม่ได้รับการเติ
บุญทิ้งล้วงมือไปที่ขอบเอวปลดปมผ้าโจงที่ผูกขัดไว้แน่นให้คลายออก เพราะตอนนี้ไอ้ทิ้งน้อยมันอึดอัดและจุกแน่นด้วยอยากจะออกมาอวดลมอวดน้ำค้างด้านนอกนักหนา และทันทีที่ผ้าโจงหลุดร่วงไปอยู่ที่หัวเข่า ไอ้ทิ้งน้อยก็ออกมาโลดแล่นผงกหัวเตรียมพร้อมที่จะจ้วงแทงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของนางเรียมทันที“อูย... น้องเรียมจ๋า พี่ทิ้งจะเข้าแล้วนะจ๊ะ”“จ้ะพี่ทิ้ง เข้ามาเลย เรียมอยากจะแย่อยู่แล้ว”เรียมตอบรับเสียงหวานพลางกระดกหัวขึ้นดูความยิ่งใหญ่ของบุญทิ้งที่มันชอบนักหนา โดยเฉพาะที่มันเป็นคนเดียวที่ได้ครอบครองบุญทิ้งทาสหนุ่มที่นางทาสสาวๆ ทั้งเรือนใฝ่ฝันหา แม้ต้องหาทางหลบเลี่ยงแม่ออกมาให้ได้มันก็จะทำ และกว่าจะรอให้แม่หลับสนิทเพื่อจะดอดออกมาก็ค่อนดึกแต่เพราะแน่ใจว่ายังไงเสียบุญทิ้งก็ต้องรอคอย บุญทิ้งเองก็ติดใจของอร่อยทั้งเผ็ดทั้งมันบนเรือนร่างของมันเช่นกัน เมื่อของอร่อยเจอของอร่อย ใครเล่าจะพลาดได้ และแค่ไอ้ทิ้งน้อยกดหัวลง นางเรียมก็ผวาตวัดเกี่ยวข้อเท้าไว้ที่บั้นท้ายรัวเร็วของบุญทิ้งในทันที“โอว... พี่ทิ้งจ๋า... อูย... พี่ทิ้ง... พี่ทิ้งจ๋า แรงๆ เลยจ้ะ แรงๆ เลย เรียมชอบ อูย... อูย... ซี้ด... ซี้ด... อูย... พี่ทิ้งจ๋
กายแกร่งที่โน้มลงไปใกล้พร้อมใช้ไอ้ทิ้งน้อยถูไถไปที่ต้นขาของนางเรียมทำให้นางทาสสาวต้องหดต้นขาหนี แต่นั่นยิ่งทำให้บุญทิ้งได้ใจขยับกายคลานเข้าไปใกล้ “ว้าย! พี่ทิ้งน่ะบ้า ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับเรือนแล้ว ประเดี๋ยวแม่ตื่นขึ้นมาไม่เห็นฉันจะยุ่ง” “ทีเมื่อกี้ไม่เห็นน้องเรียมร้องว่าจะกลับเรือนเลย” “ก็... ก็... ไม่พูดกับพี่ทิ้งแล้ว ขอโจงให้ฉันด้วยพี่” “อยากได้ก็เข้ามาเอาสิ” เมื่อคว้าร่างของนางเรียมไม่ได้ บุญทิ้งก็คว้าผ้าโจงขึ้นมาถือไว้ โดยจงใจวางทาบไว้บนไอ้ทิ้งน้อยเพื่อหวังให้นางเรียมมาคว้าผ้าไปปิดบังโคกด้านล่างนางทาสสาววัยละอ่อนแต่เคยคุ้นกับความใหญ่โตของบุญทิ้งมาแล้วหลายครั้ง มองผ้าโจงของตนเองที่ปิดทับ... และมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นอย่างตื่นตัวเต็มที่เรียมกลืนน้ำลายลงคออย่างนึกขยาดแต่ก็นึกถึงความซ่านเสียวที่สิ่งนั้นสร้างให้ ชั่งใจว่าจะคว้าผ้าหรือจะวิ่งหนีไปทั้งที่ท่อนล่างเปล่าเปลือยฉ่ำน้ำค้างอย่างนี้ดีและสิ่งที่เลือกก็ทำให้นางเรียมต้องร้องวี้ดว้าย ก่อนที่เสียงร้องนั้นจะกลายเป็นเสียงครางกระเส่าอตามติดมาด้วยเสียงเนื้อกระท
วันรุ่งขึ้นแม่พิศรับอาหารเช้าด้วยความรู้สึกอิดโรยไม่ชื่นมื่น ด้วยกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ก็กว่าชั่วยาม หลังจากรีบรุดกลับขึ้นเรือน ทว่าสายตาของใครบางคนที่พบเจอเมื่อคืนก็ยังรบกวนจิตใจของหล่อนจนถึงบัดนี้ “คุณเจ้าขา คุณไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ” “ทำไมหรืออิ่ม” “บ่าวเห็นคุณรับข้าวได้น้อย หรือว่าไม่ถูกปากเจ้าคะ บ่าวจะได้ให้นังพวกนี้ไปปรุงมาใหม่ หรือคุณอยากรับอะไรเป็นพิเศษ บ่าวจะไปจัดหามาให้ บ่าวจะไปคุมที่โรงครัวเองเลยเจ้าค่ะ” “โรงครัวรึ” “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปดูแลจัดหามาให้คุณเอง ขอให้คุณรับอาหารได้เยอะๆ คุณกินน้อยเ
นางเรียมโผเข้าหาอ้อมกอดของบุญทิ้งในทันทีที่ร่างสูงใหญ่โผล่พ้นแนวทึบของพุ่มไม้ออกมา พลางร้องไห้กับอกแกร่งอย่างสั่นสะอื้น“พี่ทิ้ง... ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากเป็นเมียคุณพระ พี่ทิ้งช่วยฉันด้วย”“น้องเรียมจะให้พี่ช่วยอย่างไร”“บอกคุณนายท่านทีว่าพี่รับฉันเป็นเมียแล้ว คุณนายท่านจะได้ไม่ส่งฉันไปให้คุณพระ นะพี่ทิ้ง บอกคุณนายท่านที ฮือ... ฉันไม่อยากเป็นเมียคุณพระนะพี่ ฉันอยากเป็นเมียพี่คนเดียวเท่านั้น”“โธ่... พี่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า พี่เป็นข้าน้ำเงินของท่าน ต้องรอกี่เดือนกี่ปีก็ไม่รู้กว่าพ่อกับแม่จะมีเงินมาไถ่ตัว แล้วพี่จะอาจหาญไปขัดคุณนายท่านได้อย่างไรกัน ทั้งน้องเรียมก็เป็นทาสในเรือนของท่าน เป็นสมบัติของคุณพระของคุณนาย คำใดที่คุณนายว่าไว้ เราจะขัดท่านได้รึ”“แล้วพี่จะให้ฉันไปนอนกับคุณพระท่านรึไง พี่ไม่หึงไม่หวงฉันเลยรึพี่ หรือพี่ไม่มีเยื่อใยกับฉันเลย”“น้องเรียม ใช่ว่าพี่ไม่หึงไม่หวง กายนี้ เนื้อนี้ พี่หวงแหนนัก พี่ใคร่พรมจูบเอ็งไปทั้งเนื้อตัว ทั้งวันทั้งคืน แต่น้องเรียมจะให้พี
บุญทิ้งตื่นจากภวังค์ก่อนจะยิ้มและค่อยๆ เลียไล้ปลายยอดแข็งสู้ลิ้นอย่างบางเบา เพราะนางเรียมนี้จริตจะกร้านเกินตัวจริงๆ อย่างนี้แล้วเห็นทีนางเรียมจะได้เป็นทาสนางแรกที่คุณพระท่านพึงใจก็เป็นไปได้“น้องเรียมจ๋า จำที่พี่สอนเอาไว้ให้ดี น้องเรียมต้องโอนอ่อนผ่อนตามที่คุณพระท่านต้องการทุกอย่าง และหากเป็นไปได้น้องเรียมต้องทำอย่างนี้”“ทำอย่างไหนหรือจ๊ะ พี่ทิ้งจ๋า...”“อย่างนี้ไงเล่า”“ว้าย! พี่ทิ้งก็ อะไรก็ไม่รู้”นางเรียมร้องวี้ดว้ายแต่ก็มองไอ้ทิ้งน้อยตาไม่กะพริบ เมื่อบุญทิ้งนอนราบกับผืนหญ้าและปล่อยให้ไอ้ทิ้งน้อยตั้งโด่ แข็งเด่นจนแทบจะทิ่มหน้าทิ่มตาของนางเรียม และไม่เพียงแค่นั้นเมื่อบุญทิ้งรั้งฝ่ามือของนางเรียมเข้ามาจับ นางเรียมก็กลัวเสียจนต้องฝืนมือเอาไว้“จับเถอะน้องเรียม พี่กำลังจะสอนสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องการ ถ้าน้องเรียมทำให้คุณพระท่านเยี่ยงนี้ น้องเรียมจะได้เรือนใหม่ แม่รินก็จะได้สบาย จับสิจ๊ะ พี่จะสอน”นางเรียมกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งกล้าทั้งหวั่นปะปนกัน ทว่าไอ้ทิ้งน้อยที่ผงกหัวทักทายก็ทำให้มันอยากรู้ว่าความแข็งขืนที่ทำให้ลมหายใจแทบขาดห้วงไปด้วย
แต่สิ่งที่แม่พิศคิดไว้กลับกลายเป็นอีกทางเมื่อคุณพระต้องไปรายงานข้อราชการในวัง จึงให้เจ้าเข้มล่วงหน้ามาแจ้งให้แม่พิศทราบว่าคุณพระจะกลับเรือนในช่วงเย็น เพื่อที่แม่พิศจะได้ไม่ต้องรอคอยแม่พิศนั้นเข้าใจในงานราชการของคุณพระดี เพราะอยู่กินเป็นผัวเมียร่วม 20 ปี ทว่าครานี้แม่พิศกลับร้อนรุ่มกลุ้มใจอยู่มาก เพราะความคาดหวังในอีกคราต้องพังทลาย เมื่อคราก่อนคุณพระก็รีบรุดออกจากเรือนแต่เช้าตรู่ แลครานี้ก็จะกลับมาในช่วงเย็นอีกหากแม้นว่าหล่อนจะสกัดกั้นตัวคุณพระไว้ที่เรือนใหญ่ คงต้องอับอายพวกบ่าวไพร่ที่ไม่ส่งคุณพระให้ร่วมห้องกับนางเรียมในค่ำคืนนี้เป็นแน่ ยิ่งคิดแม่พิศก็ยิ่งกลัดกลุ้มความกระสันซ่านในกามารมณ์ช่างมีพิษอานุภาพร้ายแรงถึงเพียงนี้ เพราะความรุนแรงของพิษดำฤษณานั้นกำลังเล่นงานแม่พิศให้อยู่ไม่เย็นเป็นไม่สุข ทั้งร้อนเร่ารุมเร้าจนเนื้อกายสะบัดร้อนสะบัดหนาว ทรมานกายและทรมานใจอย่างที่สุด“คุณเจ้าขา เป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ ประเดี๋ยวช่วงเย็นคุณพระท่านก็กลับมาเรือนแล้วเจ้าค่ะ”นางอิ่มวางมือบนฝ่าเท้าของคุณนายพิศ สีหน้าไม่สดชื่นของนายสาวนั้นทำให้นางอิ่มไม่สบายใจเลย ทั้ง
แม่จันทร์สะอื้นฮึกฮัก เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าความเจ็บปวดร้าวรวดดั่งถูกมีดแหลมคมปักกรีดอยู่กึ่งกลางร่างกายนี้ จะมลายคลายลงได้อย่างไร เมื่อมันเจ็บเสียจนหล่อนไม่กล้าที่จะร่ำร้อง ด้วยกลัวว่าเพียงร่างกายขยับ ความเจ็บปวดนั้นจะทวีทบเท่า แลถึงตอนนั้นร่างกายนี้อาจตายเสียก็ได้ ทว่าแม้นเจ็บเพียงใด สัญชาตญาณก็ยังร้องสั่งให้แม่จันทร์มอง เพื่อให้รู้ที่มาของความเจ็บนั้น และสิ่งที่แม่จันทร์เห็นก็ทำให้ริมฝีปากต้องอ้าค้างมากขึ้น ด้วยไม่ใช่มีดพร้าที่ทิ่มตำร่างกาย แต่กลับเป็น ‘ท่อนเนื้อ’ ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากกึ่งกลางกายของท่านกำลังทิ่มตำที่โพรงดอกไม้ สีหน้ารวดร้าวของท่านและคำสอนของแม่ที่แว่วมาในความคิดทำให้แม่จันทร์ต้องยิ้มทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะนี่คงเป็นลำดับขั้นสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะพานพบกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อริมฝีปากของท่านทาบลงมาบนกลีบปากนุ่มก่อนจะบดเบียดยั่วเย้าอย่างอ่อนโยน ตามติดมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่เกลี่ยไล้ไปมาอยู่บนกลีบปาก นั่นทำให้แม่จันทร์ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก “เจ้าคุณอา...” พระยาสรเดชฯ อมยิ้มในสีหน้า ดวงตาคมเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยกาลเวลาทอดมองหญิงสาวที่สั่นประหม่าไปทั้งร่าง จนลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าต้องรักษากิริยาและต้องเรียกท่านว่าเช่นไร ทว่าสิ่งที่แม่จันทร์เป็นอยู่นี้ก็ช่างน่าเอ็นดูนัก “ที่ไม่ให้เรียกเยี่ยงนั้น เพราะพี่อยากให้แม่จันทร์เรียกพี่ว่า ‘เจ้าคุณพี่’ จะได้รึไม่” “เจ้าค่ะ เจ้าคุณพี่”
เสียงมโหรีขับขานท่วงทำนองกล่อมหอดังแผ่วแว่วมาในห้อง ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงต้องกระชับฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยประหม่านัก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ่าวซึ่งออกไปส่งผู้หลักผู้ใหญ่และขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานก็จะกลับเข้ามา และเมื่อนั้นลำดับขั้นของงานวิวาห์จึงจะถือว่าสัมฤทธิ์ผล เจ้าสาวคนสวยชำเลืองมองที่นอนหนานุ่มขึงผ้าปูสีชมพูปักลวดลายดอกไม้กระจิริดดูอ่อนหวาน ทั้งข้าวของที่ใช้ทำ ‘พิธีเรียงหมอน’ ก็ยังวางเรียงรายกันอยู่อย่างสงบนิ่ง ฟักเขียว แมวคราว ไก่ขาว ไม้เท้า ถ้วยน้ำ และหินบดยา ถูกวางอยู่มุมซ้ายของเตียง ถุงเงินและถุงทอง ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ถูกเปิดและหยิบเอาถั่ว งา และดอกไม้เหล่านั้นออกมาโปรยบนที่นอนเพื่อเป็นมงคล เมื่อนึกถึงเหตุที่เพิ่งผ่านไปเจ้าสาวก
ฟาววววววว... ควับ! “กรี๊ดดดดด...” สิ้นสุดเสียงกรีดร้องร่างที่สะบักสะบอมไปด้วยบาดแผลของนางแพงก็มีอันสิ้นสติไปด้วยความเจ็บปวด แต่คุณพระท่านก็ยังไม่หนำใจ ทั้งที่ตนเองก็หอบตัวโยนด้วยลงแรงไปกับหวายทั้งตัว คุณพระท่านร้องสั่งให้ข้าทาสไปนำเกลือเม็ดละลายน้ำเอามาสาดใส่บาดแผลของนางแพงให้มันฟื้นคืนขึ้นมาอีก เพื่อจะให้เรือนร่างนี้ได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้ เพราะมันเจ็บกาย แต่ท่านนั้นเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รักมากก็แค้นมาก หวงมากก็อยากจะให้ตายคามือด้วยความทรยศ “สาดเข้าไป! เอาให้มันเจ็บมันแสบ มันจะได้รู้ว่าใครอย่าบังอาจมาทำเรื่องอัปรีย์จัญไรบนเรือนกูอีก ไอ้อีหน้าไหนที่มันกล้า มันจะต้องโดนเยี่ยงน
ฉาด! ฝ่ามือกระทบใบหน้าของนางแพงอีกครั้งให้หันไปตามแรงตบ เมื่อนางแพงเอาแต่ยิ้มและหัวเราะขันกับคำพูดของตนเอง มันทำความเสื่อมเสียเพียงผู้เดียวยังไม่พอ ยังจะริปากดีป้ายสีให้แม่พิศเมียรักต้องมัวหมองไปด้วย “ตบอีกสิเจ้าคะ ตบให้อีแพงมันตายไปเลย ไม่ต้องรอหวายแล้วเจ้าค่ะ แค่น้ำมือคุณท่าน อีแพงก็แทบจะตายคามืออยู่แล้ว แต่ก่อนตายขออีแพงได้พูดให้หมดเปลือกเถิด อีแพงคบชู้ อีแพงยอมรับ แต่หากคุณนายพิศคบชู้เล่าเจ้าคะ คุณท่านจะทำเช่นไร จะลงโทษคุณนายเทียบเท่ากับอีแพงรึไม่ หรือจักส่งคุณนายไปให้กองโปลิศตัดสิน ให้ประณามหยามเหยียดไปทั่วพระนคร ว่าลูกสาวบ้านนี้สัญชาติคบชู้สู่ชาย บ้านใดนำไปเป็นลูกเป็นเมีย ก็รังแต่จะเสื่อมเสียคบชู้อยู่ร่ำไป” “อีแพง!” 
“เอ็งช่างกล้าพูดนักนังแพง...” น้ำเสียงเอ่ยออกมาด้วยความเข่นเครียด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอิ่มของเมียสาวคราวลูกสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น คุณพระท่านยิ่งสะท้อนไปถึงหัวใจ เพราะนางแพงเมียทาสผู้นี้ ท่านสนิทเสน่หามันยิ่งนัก กลับมาคืนเรือนครั้งนี้ ท่านก็หวังจะโอ้โลมมันให้มีความสุข เพราะทิ้งร้างให้เปล่าเปลี่ยวอยู่นาน จนต้องสั่งให้เจ้าเข้มมาแจ้งข่าวกับแม่พิศว่าท่านจะคืนเรือนในวันนี้ ให้นางแพงได้เตรียมตัวต้อนรับท่านเถิด แต่กลับกลายเป็นว่านางแพงมันมีความสุขจนแทบจะสำลักอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าท่านคืนเรือนวันนี้ มันก็ยังกล้าที่จะพาไอ้บุญทิ้งไปร่วมรักกันบนเรือน บนเตียงที่ทับรอยของท่าน รวมทั้งคำรักที่มันพร่ำพลอดแก่กันและกันนั้น แปลว่านางแพงผู้นี้ไม่เคยเห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด มันไม่คิดถึงความสุขสบายที่ท่านปรน
ริมฝีปากยังคงแนบชิดแต่ท่อนแขนช้อนเรือนร่างอวบอิ่มขึ้นโอบอุ้มพาก้าวเดินไปสู่เตียงสี่เสาที่มีม่านลูกไม้สีขาวประดับอยู่ ร่างงดงามถูกวางไว้บนฟูกนุ่มที่ขึงเรียบตึงด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูอ่อน กอปรกับแสงไฟสีนวลจากตะเกียงก็ช่วยส่งขับให้ผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนนี้ให้ยิ่งนวลน่าลูบไล้ฝ่ามือลงไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น “พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงรักพี่เหลือเกิน” “พี่ก็รักแม่แพงยิ่งนัก” แม่แพงคล้องฝ่ามือรอบลำคอแกร่งของไอ้ทาสวัยหนุ่มพลางรั้งใบหน้าคมเข้มนั้นเข้าหาตัว ความแข็งแกร่งนี้ที่หล่อนปรารถนา ความเข้มแข็ง ดุดัน ของคนรุ่นหนุ่ม หาใช่ความแก่ชราของชายวัยคราวพ่อเฉกเช่นคุณพระท่าน และเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ แม่แพงก็หลับตาพ
“อา... บุญทิ้งจ๋า... กระแทกลงมาแรงๆ เลย บุญทิ้งจ๋า...” “ขอรับคุณท่าน ไอ้ทิ้งจะกระแทกให้แหลกคา...” ขาดคำของบุญทิ้ง ไอ้ทิ้งน้อยก็โจนทะยานไปข้างหน้า ทะลวงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายพิศอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคุณนายกรีดร้องด้วยความสุข ไอ้ทิ้งน้อยก็พ่นพิษร้อนออกมาอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน โพรงดอกไม้ตอดตุบจนบุญทิ้งต้องซุกซบใบหน้าลงไปที่เต้าอวบอิ่มของคุณนายพิศ พร้อมทั้งจูบซับปลายยอดงอนงามด้วยความซ่านเสียวและพิศวาส ความร้อนแรงของคุณนายเจ้าของเรือนยังมีให้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ตราบจนเสียงไก่ขันดังแว่วมา ไอ้ทิ้งน้อยจึงจำต้องอำลาโพรงน้ำหวานกลับไป เพื่อทำหน้าที่ทาสในเรือนเฉกเช่นเดิม.. 
“ขอบใจแพง” “ใช่ ข้าขอบใจที่แม่แพงจะไม่นำเรื่องของบุญทิ้งไปบอกคุณพระท่าน” “เอ่อ... เจ้าค่ะ” แม่แพงก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคุณนายพิศ ด้วยไม่รู้ว่าคุณนายรู้เรื่องมากไปกว่านี้รึไม่ และคำพูดต่อมาของคุณนายก็ทำให้แม่แพงเข้าใจว่าคุณนายพิศไม่ได้รู้เรื่องระหว่างตนกับบุญทิ้ง “ข้าหลงผิดไปเอง ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่กระทำผิดเยี่ยงนั้นอีก” เสียงสะอื้นของคุณนายพิศทำให้แม่แพงต้องมองคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนด้วยความเห็นใจและสะท้อนในหัวอกตัวเองอย่างที่สุด เพราะสิ่งที่คุณนายพิศตั้งมั่นว่าจะไม่ทำผิดนั้น บัดนี้ตัวของแม่แพงเองนั่นแหละที่กร