หลังจากเงียบมาเป็นเวลานาน ฟิลิปโยนก้นบุหรี่ทิ้งและเดินออกจากโรงพยาบาลไปขึ้นรถเบนซ์ที่จอดอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้ารถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ กลางดึกคืนนั้น ผ่านถนนเส้นหลักของเมืองริเวอร์เดล ข้ามสะพานสการ์เลตและมุ่งสู่ความมืดของหุบเขาสองฝากฝั่ง รถขับเลียบภูเขาไปเรื่อย ๆ และไปหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซีรัสคฤหาสน์ซีรัสที่นี่คือคฤหาสน์ที่หรูหราและราคาแพงที่สุดในริเวอร์เดลเพียงแค่ค่าก่อสร้างก็มีมูลค่าถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์! พวกเขาต้องถางป่ากว่าครึ่งเขาเพื่อสร้างคฤหาสน์หลังนี้การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน แล้วเสร็จสามปีให้หลังต้องใช้แรงงานคน ทรัพยากรและเงินจำนวนมากกับโครงการใหญ่โครงการนี้สิ่งที่ลึกลับที่สุดเกี่ยวกับคฤหาสน์นี้ก็คือไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้คือใครมีข่าวลือมากมายว่าเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ร่ำรวยมหาศาลและทรงอิทธิพลเป็นอย่างมาก ผู้ทรงอิทธิพลบางคนถึงกับบอกว่าใครก็ตามที่ได้มาเป็นแขกที่คฤหาสน์แห่งนี้จะได้เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมของพวกเขาในอนาคต และนั่นก็เป็นเรื่องจริงสี่ปีก่อน เจ้าของคฤหาสน์เชิญแขกมาพักสี่คน และไม่นานหลังจากน
“คุณพยายามจะทำอะไร?” สีหน้าของฟิลิปเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาเริ่มกังวลขึ้นมาเขารู้แนวทางของเกียด้าดี ผู้หญิงคนนี้ไม่ลังเลที่จะกำจัดคู่แข่งของเธอให้พ้นทางรวมถึงลูกชายในไส้ของเธอเองเมื่อตอนที่เขาอายุแปดขวบ เธอสั่งให้ใครบางคนขับรถชนเขาจนตายเหตุผลมีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเธอเกรงว่าเขาจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการครอบครองตระกูลคลาร์คเสือนั้นดุร้ายแต่มันก็ยังไม่กินลูกของมันแต่ในสายตาของเกียด้าแล้ว อำนาจเป็นสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวสำหรับเธอ เมื่อเกียด้าพูดถึงการแต่งงานของฟิลิปและลูกสาวของเขา เขาเริ่มกระวนกระวายใจนี่เป็นเหตุผลหลักที่ว่าทำไมฟิลิปจึงไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา“ไม่ต้องกังวลไป พวกเขาเป็นลูกสะใภ้และเชื้อสายของตระกูลคลาร์ค ถ้านายอ้อนวอนฉัน ฉันจะปล่อยพวกเขาไป” รอยยิ้มของเกียด้านสามารถทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นเข้าไปถึงกระดูกดำเลย มันเป็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียน“ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนนะ อย่ามาแตะต้องวินน์และมิล่าไม่อย่างนั้นแล้วผมจะทำให้คุณต้องเสียใจ” ฟิลิปกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเกียด้าหัวเราะออกมาแต่ยังคงท่าทีสงบนิ่ง เธอหยิบกล่องปักผ้าออกมาจากใต้โต๊ะกาแฟ มันเป็นก
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของป้าพอลล่า เธอทำตัวเหินห่างและดูถูกทุกคนเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก ซาแมนธาอิจฉาวินน์มาตลอด เธอเปรียบเทียบตัวเองกับวินน์ตลอด“ซาแมนธา ช่วยรอพวกเราอีกเดี๋ยวเถอะนะ เราใกล้จะเสร็จแล้ว” วินน์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพยมุมปากของซาแมนธายกขึ้นพร้อมกับสีหน้าอวดดี เธอตะโกนใส่ฟิลิป “หลบทางสิ ขยะไร้ประโยชน์ มายืนทำอะไรตรงนี้?!” ฟิลิปยิ้มก่อนจะก้าวหลบให้พ้นทางเธอซาแมนธาพรวดพราดผลักเขาให้พ้นทาง เธอเช็ดมือที่เสื้ออย่างรังเกียจและพึมพำขึ้น “เหม็น”หลังจากที่ซาแมนธาเดินจากไปอย่างอวดดี ทุกคนในครอบครัวก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนักมาร์ธาตบลงที่โต๊ะและเริ่มก่นด่า “ซาแมนธาหมายความว่ายังไง?! แม่ตัวดี! กล้ามาบ้านฉันแล้วยังมาบ่นนู่นนี่อีก! เธอมีอะไรให้อวดหนักหนา? สามีที่รวยของเธองั้นเหรอ? เธอยังบอกอีกว่าบ้านของเราเหม็นอับ ฉันล่ะโมโหจริง ๆ”ความโกรธของมาร์ธาปะทุออกมาเหมือนภูเขาไฟระเบิดเธอคาดเอาไว้แล้วว่ากลับไปที่บ้านวันนี้จะต้องโดนญาติ ๆ ของเธอพูดถากถางแน่นอนวินน์เองก็รู้สึกท้อแท้แต่เธอก็ยังคงปลอบแม่ของเธอ “แม่คะ ใจเย็นก่อน อย่างน้อยเธอก็ยังอุตส่าห์มารับพวกเรา เรามาพยายามรับมือทุกอ
ซาแมนธาช่างหลงตัวเองนักเมื่อเห็นวินน์ทำหน้าเศร้า เธอยิ่งรู้สึกภูมิใจมากขึ้น “วินนี่ เธอปล่อยให้ฟิลิปซื้อของแบบนี้ให้คุณตาได้ยังไง? ถ้าเธอไม่มีเงินเธอบอกฉันได้นะ เพราะถึงยังไงฉันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ”พูดเช่นนั้นแล้วซาแมนธาก็หยิบกระเป๋าเงินหลุยส์ของเธอออกมาจากกระเป๋าถือกุชชี่ หยิบบัตรออกมาและยื่นให้วินน์ “นี่ คิดซะว่าเป็นน้ำใจจากฉัน น่าจะมีประมาณ 10,000 ดอลลาร์ในบัตรนี้ มันเหลือจากที่แฟรงค์ซื้อกระเป๋าให้กับฉัน รับไปซะแล้วไปซื้ออะไรดี ๆ ให้คุณตา นี่มันก็แค่เศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉัน” สีหน้าของซาแมนธาในตอนนี้เต็มไปด้วนความหยิ่งยโสในสายตาเธอ วินน์ก็แค่ตัวตลก“ขอบใจนะ ซาแมนธา” ก่อนที่วินน์จะได้พูดอะไร ฟิลิปก็ยื่นมือไปรับบัตรมาจากซาแมนธาขณะที่ยิ้มกว้างซาแมนธาขำพรืดและส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ‘ทำไมถึงหน้าไม่อายได้ขนาดนี้’วินน์จ้องเขม็งไปที่ฟิลิป เธอกำลังจะพูดแต่ฟิลิปก็กุมมือเธอไว้และพูดขึ้น “ซาแมนธาอุตส่าห์มีน้ำใจเราก็ควรรับไว้ ผมจะคืนเงินซาแมนธาทีหลังเอง” ฟิลิปไม่อยากให้มีเรื่องอึดอัดใจระหว่างวินน์และซาแมนธาวินน์ปิดปากเงียบไปและยอมรับฟังแต่ใบหน้าของเธอนั้นร้อนผ่าวเธอไม่เ
บ๊อบไม่ได้สนใจที่จะห้ามปรามแม้แต่น้อย เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชอบฟิลิปเช่นกัน ดังนั้นเขาต้องให้บทเรียนแกไอ้หมอนั่นสักหน่อย ไอ้ขยะนั่นจำเป็นต้องรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้ามาในบ้านตระกูลเยทส์ได้“คุณตาครับ ยังไม่แน่นอนว่าคนอื่น ๆ จะมาถึงตอนไหน คุณตาไปพักก่อนเถอะ ผมจะอยู่รอเอง”เอริคที่อยู่ข้าง ๆ บ๊อบพูดขึ้นด้วยท่าทีสำรวม โดยปกติแล้วเอริคเป็นคนเย็นชาและหยิ่งยโสมากบ๊อบพยักหน้า จ้องมองไปที่หลานชายอย่างรักใคร่หลังจากที่เขาส่งบ๊อบเข้าไปด้านใน เอริคก็เดินออกไปอีกครั้งครั้งนี้มีกลุ่มวัยรุ่นยืนอยู่ที่ประตู พวกเขาคือเหล่าเด็ก ๆ ตระกูลเยทส์“เอริค แกมีแผนยังไง?”หนุ่มน้อยคนนึงท่าทีหยิ่งยโส แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงพูดขึ้นเขาคือลูกชายคนเล็กของปีเตอร์ เยทส์ ที่เป็นพี่ใหญ่ของตระกูลเยทส์ เขาอายุเท่ากันกับเอริคและพวกเขาก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กดังนั้นลักษณะนิสัยของพวกเขาจึงคล้ายกัน พวกเขาทั้งคู่เป็นหนุ่มเพลย์บอยเงินหนาเอริคยิ้มเย็นออกมาและพูดขึ้น “มาลงโทษไอ้ขี้ขลาดนั่นให้ได้รับความอัปยศอดสูมากที่สุดกันเถอะแล้วก็ทำให้วินน์ต้องอับอายซะ”แอรอนพยักหน้าอย่าง เห็นด้วย เสียงหัวเราะเยาะอย่าง
ทุกคนตกตะลึงพูดไม่ออกไปเมื่อได้ยินในสิ่งที่ฟิลิปพูด! ไอ้คนไร้ค่าฟิลิปกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเอริคงั้นเหรอ?นั่นมันเหนือความคาดหมาย! ไอ้คนไม่เอาถ่านมันสู้กลับ! พวกเขายืนอยู่ที่เยทส์ คอร์ทยาร์ด ที่ปกครองโดยคนตระกูลเยทส์!เขาไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำนี้เลยงั้นเหรอ? เอริคหน้าเสีย ท่าทีของเขาหยิ่งจองหองและพูดขึ้นอย่างโกรธจัด “ฟิลิปนี่แกกล้าด่าฉันแบบนั้นงั้นเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใครถึงมาพูดกับฉันแบบนี้? แกเป็นใครถึงได้มางานวันเกิดครอบ 70 ปีของคุณปู่? ฉันจะไม่ปล่อยให้แกผ่านประตูไปได้แน่วันนี้! ไอ้ขยะเอ๊ย! แกคิดว่าแกเป็นใครวะ?” เอริครู้สึกรำคาญใจ เขาไม่คาดคิดว่าคนไม่เอาถ่านอย่างฟิลิปจะมาด่าเขาแบบนี้มันเป็นคำสบประมาทต่อตัวเขาและต่อตระกูลเยทส์อีกด้วยแอรอนรีบตอบรับเห็นด้วยกับเอริค เขาชี้หน้าฟิลิปด้วยท่าทีหยิ่งยโสและร้องลั่น “รีบขอโทษเอริคซะ ไม่อย่างนั้นแกจะไม่ได้รับการต้อนรับที่เยทส์ คอร์ดยาร์ดในวันนี้ ได้ยินรึเปล่า ไอ้คนไร้ค่า?!”ที่ประตูทางเข้าคอร์ทยาร์ด เหล่าสมาชิกตระกูลเยทส์และเครือญาติต่างพากันชะเง้อมอง เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างพากันชี้ไปที่ฟิปและวินน์พ
มาร์ธาก็ตื่นตระหนกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นท่าทีโกรธจัดของฟิลิปในตอนนี้'อะไรคือสิ่งที่ทำให้ท่าทางของคนอ่อนแอเปลี่ยนไปในทันที? เขากล้าเถียงฉันกลับมาตั้งสองครั้งแล้ว'เอริคมีความสุขเกินจะบรรยาย เขายังไม่ได้ใช้กลอุบายอย่างเต็มที่เลยแต่ครอบครัวจอห์นสตันก็เริ่มทะเลาะกันเองแล้วดูเหมือนว่ามาร์ธาจะไม่ชอบฟิลิปจริง ๆ เขาใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้มาร์ธาจ้องที่ฟิลิป ดึงชาร์ลส์แล้วเข้าไปในบริเวณบ้านซาแมนธาที่หายไปนาน เธอยืนอยู่ข้างพอลล่า คิ้วของเธอกระตุก ในขณะที่เธอสังเกตสิ่งที่แสนตลกนี้อย่างเย็นชา'วินน์ โอ้ วินน์ เธอมีชีวิตที่น่าเศร้า เธอแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์'ซาแมนธาพึมพำคำสองสามคำในใจ และกำลังจะหันหลังกลับและเดินเข้าไปในบ้านอย่างไรก็ตาม เมื่อวินน์เดินนำฟิลิปเข้าไปในบ้าน เอริคก็หยุดพวกเขาอีกครั้ง“วินน์ อย่างที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ ฟิลิปไม่คู่ควรจะเข้าสู่ประตูของครอบครัวเยทส์!” จมูกของเอริคเชิดขึ้น เขาดูหยิ่งยโสมากในสายตาของเขา ฟิลิปคือขยะ และครอบครัวเยทส์ไม่ต้อนรับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้อารอนยังยืนอยู่ที่ประตูเพื่อกั้นพวกเขาวินน์ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาอ
ฟิลิปนั่งถัดจากวินน์และแน่นอนว่าเขาสังเกตเห็นเอริคกับอารอนกำลังเดินไปมา พวกเขามีรอยยิ้มที่ไม่จริงใจบนใบหน้า“ฟิลิป ทำไมนายถึงมานั่งอยู่ที่ลานด้านนอกใกล้ประตูล่ะ? ตรงนี้คือที่ที่ฉันเคยให้อาหารหมาของฉันนะ”เอริคมองฟิลิปและยิ้มอย่างเย็นชา เผยแววตาของการเยาะเย้ยในดวงตาของเขาวินน์หน้าแดงด้วยความโกรธ เธออยากจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่หยุดเธอไว้ฟิลิปยิ้มอย่างใจเย็น “ลานด้านนอกและห้องโถงก็เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนั่งกินตรงไหน แถมห้องโถงยังเป็นของครอบครัวเยทส์อีกด้วย ฉันไม่สนใจมันหรอก”ฟิลิปอดทนมานานแล้ว เขาไม่รังเกียจที่จะทำตัวอวดดีสักหน่อยที่สำคัญที่สุด เอริคแสดงออกถึงความเกลียดชังมากเกินไป เขาทำบางสิ่งที่เล็กน้อยให้เป็นเรื่องใหญ่“ฮิฮิ นายนี่มันไม่ธรรมดาจริง ๆ นายรู้วิธีที่จะคุยโม้ นายก็แค่เศษขยะ เรากำลังทำบุญโดยให้นายกินอาหารบนโต๊ะในบ้านร่วมกับครอบครัวเยทส์คนอื่น ๆ เข้าใจไหม ไอ้คนไร้ค่า?!” เอริคเย้ยหยันเจสขมวดคิ้ว ในตอนแรกนั้นเจสสามารถเข้าไปนั่งในห้องโถงได้ แต่เพื่อดูแลวินน์ เธอจึงตัดสินใจนั่งที่ลานด้านนอก“พอแล้วเอริค นายหุบปากไม่ได้เหรอ? จำเป็นต้องทะเลาะกับฟิลิปขนาดนั้นเลยใช่ไห