Home / วาย / ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า / บทที่ 6 (2.2) +7 แล้วไยยังมิสำเร็จ

Share

บทที่ 6 (2.2) +7 แล้วไยยังมิสำเร็จ

last update Last Updated: 2025-02-24 14:52:19

     ทว่า...ทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด!

     ทันทีที่สตรีกลุ่มหนึ่งถูกส่งเข้าไปในห้องที่คุณชายว่านอยู่ต่อมาก็เกิดเสียงโวยวายขึ้นมา จากนั้นทั้งนางรำ นักเล่นดนตรี และสตรีร่างงดงามที่นุ่งน้อยห่มน้อยอีกห้าหกคนก็ถูกโยนออกมาจนหมด เจ้าของหอเริงรมย์ที่คราแรกแย้มยิ้มส่งคนของตัวเองเข้าไปก็หน้าเจื่อนทันที

     ไม่นานเกินรอคุณชายว่านก็ตามออกมาติด ๆ เพื่อเดินทางออกจากหอ ก่อนไปยังเหลือบตามองเจ้าของหอเริงรมย์ด้วยความไม่พอใจอย่างไม่คิดจะปิดบัง

     กู่ซิงอีที่แสร้งทำเป็นเดินมาเก็บโต๊ะอยู่ที่กลางโถงใหญ่ก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ได้ทั้งหมด เขารีบหันตัวหลบยามที่ว่านฟู่เฉิงกำลังถูกพาตัวออกไปที่ประตู โดยมีเจ้าของหอเริงรมย์วิ่งตามอยู่ด้านหลังพร้อมตะโกนกล่าวขอโทษขอโพยยกใหญ่

     ครานี้กู่ซิงอีกระจ่างแจ้งแล้วว่าจะใช้สตรีมาล่อลวงคนผู้นี้ไม่ได้!

     วันต่อมาคราวนี้เซี่ยลู่หลินได้ออกมาข้างนอกจึงนัดเจอกับเขาที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักแต่ก็เป็นที่ประจำของพวกเขาไปแล้ว

     “เสี่ยวลู่...เจ้าไม่ลองไปคุยกับคุณชายว่านโดยตรงดู” กู่ซิงอีคราแรกใจเย็น แต่ครานี้เริ่มคิดหนักเพราะไม่กี่วันก็จะถึงงานหมั้นแล้ว

     เซี่ยลู่หลินเอนตัวนอนแนบไปกับโต๊ะราวกับทั่วทั้งร่างไร้กระดูกไปเสียแล้ว ท่าทางกิริยาดูไม่สมกับเป็นสตรีที่ถูกเลี้ยงดูอบรมมาเป็นอย่างดี “เขาน่ากลัวขนาดนั้น แค่เห็นไกล ๆ ข้ายังขาสั่นไม่หยุด แล้วไหนเลยจะกล้าไปพูดคุยด้วยอีก”

     กู่ซิงอีพลันนึกถึงท่าทีฉุนเฉียวแต่สง่างามของคุณชายว่านในเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมาทันที เสี่ยวลู่กล่าวถูกแล้วจริง ๆ คนผู้นี้สายตาน่ากลัวยิ่งนัก ขนาดเขามิใช่ผู้ที่ถูกสายตาคมกล้านั้นมองมายังขนลุกไปทั่วกายด้วยความหวาดหวั่น

     “หรือเจ้าลองหนีไปดีหรือไม่” กู่ซิงอีคิดแผนใหม่ได้ ดวงตาเป็นประกายยกยิ้มถามสหายรัก หากหนีไปก็จบเรื่องแล้ว

     “อาอี!” เซี่ยลู่หลินตกใจสะดุ้งพรวดเด้งตัวขึ้นมานั่งตัวตรง “ข้าทำสิ่งใดเป็นบ้างนอกจากที่บิดาให้คนมาสอนสั่ง หากหนีไปเกรงว่าคงอดตายกับคนรักเป็นแน่!” สิ่งที่บิดาให้คนมาสอนก็ใช่ว่านางจะทำมันออกมาได้ดีเสียหน่อย นอกจากมีฐานะของคุณหนูรองตระกูลใหญ่ค้ำคอแล้วที่เหลือนางต่างก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอันใดเลยสักนิด กระทั่งเงินทองยังถูกผู้เป็นบิดาจำกัดให้ใช้ ขนาดค่าไถ่ตัวแม่นางฉีหย่ายังต้องรบกวนกู่ซิงอีเป็นคนออกให้ หากนางหนีไปแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองได้เล่า

     “...” กู่ซิงอีไม่กล้ากล่าวว่าที่นางพูดล้วนจริงทั้งหมด และก็ไม่กล้าถามถึงคนรักของนางว่าอีกฝ่ายก็ทำอะไรไม่เป็นเหมือนกันหรือเหตุใดถึงได้ไม่ลองวิธีนี้ดู แม้ทั้งคู่จะเป็นสหายคนสนิทแต่ก็ไม่ก้าวก่ายกันเกินไป “เช่นนั้นข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าแล้วโกหกว่าเราสองคนเป็นคู่รักกันดีหรือไม่?”

     “...” ดวงตาของเซี่ยลู่หลินทอแสงเปล่งประกาย ขยับตัวไปด้านหน้า แต่แล้วก็ดูท้อแท้อีกครั้ง คราวนี้คล้ายว่าท้อแท้ถึงขีดสุดแล้วด้วย “ไม่ได้สิ หากเรื่องถึงหูบิดาข้าคนที่โดนเล่นงานก็จะเป็นเจ้าแทน”

     กู่ซิงอีเม้มปากพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง เมื่อก่อนทั้งคู่แอบมาเล่นด้วยกันบ่อย ๆ นายท่านเซี่ยก็ให้คนมากีดกันออกจากกันเพราะกลัวบุตรสาวของตนจะถูกมองไม่ดี กลัวจะมาหลงรักตนเข้า แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็แอบมาเล่นด้วยกันอยู่ดี แต่ก็ไม่เคยเกิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หรือมีใจเสน่หาต่อกันอย่างที่นายท่านเซี่ยกังวล

     ตัวเขาย่อมรู้ดีว่านายท่านเซี่ยแทบจะสามารถสั่งคนมาสังหารเขาทิ้งได้เลยด้วยซ้ำ และมีครั้งหนึ่งที่เขาโดนคนเดินตามตลอดทางหลังจากที่นัดพบกับเซี่ยลู่หลินเมื่อสองปีก่อน ดีที่ยามนั้นหนีรอดมาได้ ถึงแม้ไม่รู้ว่าคนที่ตามเขามามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายท่านเซี่ยหรือไม่แต่กู่ซิงอีเชื่อไปเก้าส่วนแล้วว่านายท่านเซี่ยนั่นแหละเป็นคนจ้างมา ดังนั้นพอคิดมาถึงตรงนี้ก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก ตัวเขาพอมีเงินทองอยู่บ้างไม่ถึงขั้นยากจนข้นแค้น แต่ก็ไม่ใช่คนมีอำนาจ ตนจะเอาอะไรไปสู้นายท่านเซี่ยได้กัน “เช่นนั้นก็ไปพบคุณชายว่านแล้วก็ก่อกวนให้เขาทนไม่ไหวเป็นอย่างไร”

     “แต่คุณชายว่านน่ากลัวขนาดนั้น” เซี่ยลู่หลินเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว นี่ต่างจากการไปขอให้อีกฝ่ายยกเลิกงานหมั้นตรงไหนกัน

     “ไม่น่ากลัวหรอกน่า” กู่ซิงอีโกหก ตบไหล่คนตัวเล็กไปเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ ทั้งกล่าวปลอบนางและหว่านล้อมไปในตัวว่าหากนางยังกลัวอยู่อย่างนี้ในอนาคตคงต้องแต่งให้คุณชายว่านแน่นอน

     ในตอนที่ได้ไปทำงานในตระกูลว่านเขาย่อมตระหนักถึงนิสัยบางส่วนของคุณชายว่านได้บ้างแล้ว แทบไม่อยากให้สหายแต่งงานไปกับคนเย็นชาเช่นนั้นเลย หากใครได้ตบแต่งไปคงไม่มีความสุขเท่าไรนัก พอคิดถึงภรรยาในอนาคตของคุณชายว่านขึ้นมา กู่ซิงอีก็ทอดถอนใจ เสียใจกับคนผู้นั้นอยู่หลายครา

     เซี่ยลู่หลินพอได้ฟังก็ทำใจอยู่นานถึงยอมตกลงในที่สุด แต่ก็ขอร้องให้กู่ซิงอีไปด้วยกัน

     ทั้งคู่จึงเตรียมของไปเยี่ยมอีกฝ่ายในวันนั้นทันที เป็นขนมฝีมือของเซี่ยลู่หลินที่มีฤทธิ์ขั้นสูงยิ่งกว่ายาพิษ!

     วันนี้เองก็เป็นวันที่ว่านฟู่เฉิงต้องมาที่ร้านว่านกลางตลาดพอดี

     ด้วยความที่เซี่ยลู่หลินมีฐานะเป็นว่าที่คู่หมั้นดังนั้นการผ่านเข้าไปด้านในจึงเป็นเรื่องง่ายดาย

     ส่วนกู่ซิงอีก็ปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ถือตะกร้าสานสองชั้นอยู่ด้านหลังตามสหายของตนมาติด ๆ เขาทำผมแบบใหม่แถมวาดหน้าวาดตาให้ดูมีอายุ ฝีมือการแปลงโฉมที่ชวนตกตะลึงเช่นนี้เซี่ยลู่หลินเห็นคราแรกยังเอ่ยชม ดังนั้นไม่มีทางถูกจับได้!

     เซี่ยลู่หลินพอมาถึงก็ทำความเคารพอีกฝ่ายด้วยท่าทางอ่อนช้อย “คุณชายว่าน ข้า...”

     “คุณหนูรองเซี่ยไม่ต้องมากพิธี” ว่านฟู่เฉิงยังคงกล่าวเนิบช้าตามนิสัยเดิมที่ดูสูงศักดิ์และสง่างาม แต่หัวคิ้วกลับไม่มุ่นเข้าหากันเหมือนอย่างเคย “เชิญนั่งเถิด”

     กู่ซิงอีได้เห็นถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าคุณชายว่านก็ทำสีหน้าแบบอื่นเป็นกับเขาด้วย ก่อนจะเดินพาตะกร้าขนมไปยื่นให้หลี่เซียว ยามที่เดินไปใกล้สองนายบ่าวเขาก็พยายามก้มหน้าลงต่ำและทำหลังค่อมอยู่ตลอดเวลา

     เซี่ยลู่หลินที่ผสานมือไว้อยู่ตรงเอวก็กำมือแน่นขึ้นด้วยความประหม่า มุมปากที่ยกยิ้มกระตุกเล็กน้อย กลัวแผนการของตนจะถูกจับได้ ทว่าพอได้นั่งลงและได้เห็นว่าคุณชายว่านไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ได้มองเห็นจากที่ไกล ๆ ก็สงบใจลงไปได้บ้าง กล่าวตามที่ได้นัดแนะกับสหายของตนว่า “อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานหมั้นแล้วแต่เราทั้งคู่ไม่เคยได้รู้จักกันเลย ข้าจึงเสียมารยาทมาพบท่านด้วยตนเอง หวังว่าคุณชายว่านจะไม่ขุ่นเคือง”

     ความจริงการมาพบว่านฟู่เฉิงก่อนทั้งที่ตนเองเป็นสตรีเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างมาก แต่นี่ก็เป็นแผนการของพวกนางอยู่แล้วที่ต้องการดูแย่ในสายตาของคุณชายว่าน และอีกฝ่ายก็ช่างน่าแปลกนักที่มาขอนางหมั้นหมายแต่ก็ไม่เคยมาพบกันสักครั้ง ทว่านางก็มิได้ถือสาเพราะที่ผ่านมานางเองก็ไม่ได้อยากเจอเขาอยู่แล้ว ที่มาเจอครั้งนี้ก็แค่มาทำให้เขาไม่ชอบตัวเองก็เท่านั้น เซี่ยลู่หลินยังกล่าวเสริมอีกว่า “ข้าทำขนมมาฝากคุณชายว่านด้วย หวังว่าท่านคงไม่รังเกียจ”

     “ลำบากเจ้าแล้ว” ว่านฟู่เฉิงกล่าวเสียงเบามองขนมที่คนสนิทวางลงที่โต๊ะให้

     “...” เซี่ยลู่หลินจงใจยกยิ้มบางเบาเพื่อทำให้ดูนุ่มนวลกว่ายามปกติ แต่ดวงตาก็หยุดมองขนมบนโต๊ะนิ่งงัน

     จังหวะนั้นกู่ซิงอีก็หันไปรับถาดใส่กาน้ำชามาจากบ่าวรับใช้ของร้านว่านพอดี ครั้นบ่าวคนนั้นพอส่งของเสร็จก็จากไป ในห้องทำงานของว่านฟู่เฉิงจึงเหลือคนเพียงสี่คนเท่าเดิม

     ตัวเขาพอรับกาน้ำชามาแล้วก็นำมารินส่งให้เซี่ยลู่หลิน การกระทำช่างแยบยลคล้ายตนเองเป็นบ่าวมาแต่ไหนแต่ไร คราวนี้เขาแสดงได้ค่อนข้างดี ไม่ดูเงอะงะเหมือนตอนที่ช่วยดูแลคุณชายว่านเลยสักนิด อาจเป็นเพราะสนิทใจกับสหายอยู่แล้วด้วยจึงทำทุกอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ และในตอนที่กำลังส่งจอกชาให้คนที่นั่งอยู่เขาก็มองขนมในจานบนโต๊ะทำงานของคุณชายว่านเหมือนกัน

     ดังนั้นสองคนนี้ คนหนึ่งส่งจอกชาโดยไม่มองเจ้านาย อีกคนก็รับจอกชาโดยไม่มองบ่าวของตน ต่างมองไปทางโต๊ะทำงานของคุณชายว่านเป็นตาเดียว

     ว่านฟู่เฉิงหยิบขนมในจานขึ้นมากัดไปหนึ่งคำเล็กแล้วกินเข้าไปโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด หน้าตาก็ยังดูปกติดี ไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดแปลกออกมา

     กู่ซิงอีที่ยืนติดอยู่กับเซี่ยลู่หลินก็โดนคนที่นั่งอยู่หยิกเข้าที่แขนเบา ๆ เขารีบเอาแขนหลบ สองตาเขาเองก็เห็นเหมือนกันว่าคุณชายว่านกินเข้าไปแล้วแต่กลับยังรักษาหน้าตาไว้ได้ปกติไม่เหมือนคนอื่นที่เคยได้ลิ้มรสฝีมือนางมาก่อนหน้านี้เลยสักนิด

     ...หรือฝีมือสหายของเขาจะพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้วนะ ตอนทำเสร็จก่อนออกมาเมื่อครู่ก็ไม่มีใครกล้าลองชิมสักคน ขนาดโยนให้นกแถวนั้นกินนกยังไม่ชายตาแลบินลงมาเลย

     ครั้นพอในห้องเงียบเกินไป กู่ซิงอีจึงเอาหลังมือเคาะไปที่หัวไหล่เซี่ยลู่หลินเพื่อส่งสัญญาณ

     “คุณชายว่าน ไม่ทราบว่าคุณชายว่านมีขนมที่ชอบทานหรือไม่” เซี่ยลู่หลินในตอนนี้ท่าทางอ่อนหวานไม่เหมือนยามที่อยู่กับกู่ซิงอีสักนิด ราวกับเป็นคนละคน ทว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 7 (2.2) ละครฉากนี้ มีเพียงผู้เดียวที่มองออก

    “ไม่มีอะไรชอบเป็นพิเศษ” อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา นี่เป็นการถามคำตอบคำที่ดูยาวขึ้นกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น และมีเพียงกู่ซิงอีและหลี่เซียวที่รู้ว่าคุณชายว่านพยายามรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ขนาดไหน “ฮ่า ๆ ๆ” ในตอนนั้นคนที่เรียบร้อยอ่อนหวานมาตลอดก็ระเบิดหัวเราะออกมา “คุณชายว่านคุณสนุกยิ่งนัก! ฮ่า ๆ” กู่ซิงอีพยายามกดยิ้มไว้ไม่หัวเราะตามสหายของตน ท่าทางสตรีที่หัวเราะไม่สนใจหน้าตาเช่นนี้ คุณชายว่านคงไม่ชอบกระมัง ทว่าเมื่อเหลือบตามองกลับพบว่าอีกฝ่ายยังมีท่าทางสงบนิ่งเช่นเดิม กินขนมเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น มีเพียงหลี่เซียวที่ขมวดคิ้วเข้าด้วยกันด้วยความแปลกใจแทน พอเห็นว่าการหัวเราะหยาบคายไม่ได้ผล กู่ซิงอีก็แกล้งทำจอกชาที่รับคืนมาจากเซี่ยลู่หลินในตอนนั้นร่วงหลุดออกจากมือ จอกชาตกกระทบพื้นเสียงดังเคร้ง! ก่อนจะแตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง เสียงก้องกังวานจึงดังขึ้นอีกหลายครั้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กู่ซิงอีเหยียบเท้าของเซี่ยลู่หลินอย่างแรงว่าให้รีบทำตามแผนที่เหลือแทน “อ๊ะ ขอโทษขอรับ ขอโทษขอรับ เป็นบ่าวไม่ระวังเอง คุณหนูรองเจ็บตรงไหนหรือไม่ขอรับ” กู่ซิงอีรีบนั่งคุกเข่าลง

    Last Updated : 2025-02-25
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 8 (1.2) ตอนนี้ก็ตลก ตั้งใจหลอกผู้อื่น ไหงกลายเป็นตนเองที่ถูกจับได้

    ระหว่างทางไปบ้านของตนจำต้องผ่านจวนตระกูลว่านก่อน กู่ซิงอีพลันหยุดมองดูต้นพลับต้นเดิม ส่งเสียงเหอะออกมาอย่างเย้ยหยัน ยกสุรากระดกขึ้นจนหมดไหแล้วโยนไหสุราทิ้งไว้ที่พุ่มหญ้าแถวนั้น ใบหน้าที่ถูกสีชมพูอ่อนจางเคลือบไว้หนึ่งชั้นก็กระตุกยิ้มขึ้นในความมืด ดวงตาเปล่งประกายกว่าเดิมเล็กน้อย นึกครึ้มใจหาทางปีนเข้าไปด้านในจวนของผู้อื่น กาลก่อนเขาเคยแอบมาปีนกำแพงเพื่อตามดูว่านฟู่เฉิงก็จริงแต่ก็เข้าไปถึงด้านในไม่ได้ ทำได้แต่มองอยู่ข้างนอก ทว่าภายหลังจากที่ได้เข้าไปทำงานในจวนตระกูลว่านแล้วและทำหน้าที่เป็นคนเดินตรวจเวรมาก่อนย่อมรู้ว่ายามไหนที่จะหลบพ้นสายตาผู้คนในจวนได้ แถมจากที่ชอบปีนเข้าไปหาเซี่ยลู่หลินบ่อย ๆ ก็ทำเรื่องแบบนี้อย่างเคยชินจนกลายเป็นอาชีพไปเสียแล้ว ต่อให้เมาก็มิใช่เรื่องยากที่จะปีนเข้าไป ใกล้กับห้องนอนของคุณชายว่านที่เป็นลานกว้างนอกจากต้นพลับที่มีลูกดกแล้วก็ยังมีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่กลางลานด้วย เป็นต้นไม้ที่ใบของมันยังเหลืออยู่มากพอให้เขาหลบซ่อนตัวได้พอดี ครั้นพอเข้ามาในจวนได้กู่ซิงอีก็ปีนขึ้นไปหลบอยู่บนนั้นด้วยความคล่องแคล่ว หวังคิดจะหลอกผีเจ้าของจวนเสียหน่อย อีกฝ่ายอ

    Last Updated : 2025-02-25
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 8 (2.2) ชื่อตอน แค่คนผ่านทาง

    ท่าทางการเดินไต่ตัวบนกำแพงจวนก็ดูคล่องแคล่วยิ่งนัก หลอมรวมกับยามนั้นมีสายลมของสารทฤดูพัดผ่านมาพอดี ชายเสื้อสะบัดพลิ้วไหวชวนให้คิดว่านี่อาจเป็นปีศาจตนใดมาล่อลวงผู้คนเข้าแล้ว ภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับเขาเป็นผู้เมามายเสียเองจนเห็นภาพหลอน ทว่าเสียงเท้าหนัก ๆ ที่กระโดดลงมาจากกำแพงของเจ้าตัวก็ทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่เป็นภาพที่เขาคิดไปเอง รอยยิ้มที่แต่งแต้มไว้บนใบหน้าก็ดูต่างไปจากเดิมอยู่บ้าง สรุปแล้วเมื่อวานหรือวันนี้กันแน่ที่เมามาย ว่านฟู่เฉิงจึงคิดว่าหรือไม่แน่วันนี้ก็คงเมาเหมือนเดิมนั่นแหละ ในใจพลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ตัวเขาเป็นคนจริงจังทำงานเป็นเวลาและไม่ชอบคนเหลาะแหละ คนที่กำลังเดินเข้ามาหาทำตัวราวกับคนว่างงาน ตั้งแต่ที่ได้สบตากันวันนั้นก็เจอคนผู้นี้ป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวมาโดยตลอด วันนี้ก็โผล่มาอีกแล้ว แถมถ้าเมามาอีกจะคิดสิ่งใดได้นอกจากเป็นคนไม่เอาการเอางานผู้หนึ่งที่วัน ๆ คงเอาแต่สำมะเลเทเมาไปเรื่อยเปื่อย ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ตัวของคนผู้นี้มักจะมีกลิ่นหอมของสุราติดมาด้วยตลอด “วันนี้ไม่มีดวงจันทร์แล้ว...” กู่ซิงอีเงยหน้ามองท้องฟ้ามือผสานไว้ด้านหลังก่อนจะเดินมาหาคนที่น

    Last Updated : 2025-02-25
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 9 (1.2) ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

    วันนี้ว่านฟู่เฉิงออกมาจัดการงานที่ร้านว่านเวลาเดิม ที่ต่างไปจากเดิมคือจากเคยนั่งสงบสุขด้านในรถม้ามาตลอดบัดนี้ด้านข้างกลับมีคนผู้หนึ่งมาเคาะที่ผนังรถม้าของเขาอยู่สามครั้ง ว่านฟู่เฉิงไม่เปิดม่านดู คร้านจะใส่ใจ ยังคงนั่งนิ่งอยู่ด้านในเหมือนเดิม เป็นหลี่เซียวที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับหันหลังไปมองแทน ยามนั้นก็ได้เห็นบุรุษงดงามผู้หนึ่งเดินเอามือไพล่หลังตามอยู่ข้างรถม้าไม่ห่าง “ไม่ทราบว่าน้องชายท่านนี้มีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่” แม้อีกฝ่ายจะแต่งตัวดูคล้ายชาวบ้านธรรมดาแต่ใบหน้าที่โดดเด่นและท่าทางการเดินกลับดูต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง หลี่เซียวจึงไม่กล้าเสียมารยาทล้วนถามด้วยความนอบน้อม ในใจก็รู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้เแปลก ๆ แต่ก็นึกไม่ออกในทันทีว่าเคยเจอคนที่รูปหน้าหมดจดขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ “ข้าแค่มาทักทายคุณชายว่านเท่านั้น” กู่ซิงอียกยิ้มตอบ พอหลี่เซียวเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็พลันนึกถึงคนเมื่อวานที่ยืนอยู่ข้างคุณชายก่อนจะปีนกำแพงออกไปได้ขึ้นมา ‘แค่คนผ่านทางมา’ คำคำนั้นของคุณชายเขายังจำได้ขึ้นใจ เป็นแค่คนผ่านทางมาที่ปีนกำแพงจวนของผู้อื่น แถมคุณชายก็มิไ

    Last Updated : 2025-02-27
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 9 (2.2) เป็นผู้ใดที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้กันเล่า/บุกห้องยามค่ำคืน

    ว่านฟู่เฉิงขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยิน เขาขยับเก้าอี้รถเข็นกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง คนผู้นี้ทั้งที่เข้าใจสิ่งที่เขากล่าวกลับยังตีสองหน้า โบ้ยไปทางอื่น และก็ไม่ใช่ว่าเขาขยันจนดึกดื่นเสียหน่อย แต่เพราะวันนี้ทั้งวันไม่มีสมาธิทำงานเอาแต่นึกถึงผลซานจาสีแดงเคลือบน้ำตาลนั้นต่างหาก! ใช่...นึกถึงผลไม้สีแดง มิใช่ริมฝีปากของอีกคนในห้อง! ตอนนี้พอได้หวนนึกถึงผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ส่งเสียงน่าหนวกหูก็เผลอจ้องมองไปที่ริมฝีปากสีชมพูจางของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ว่านฟู่เฉิงเหม่อลอยไปชั่วขณะก่อนจะรั้งสติกลับมาได้ทัน พอพินิจใบหน้าของกู่ซิงอีที่กำลังมองไปทางอื่นอยู่ก็ลอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพราะกลัวจะถูกจับได้ว่าตนจ้องมองเจ้าตัวมากเกินไป เกิดมายี่สิบสี่ปีเขาเพิ่งเคยนึกอิจฉาใบหน้าของผู้อื่นก็ตอนนี้เอง แสงเทียนวูบไหวในห้องสาดส่องใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่ายให้เด่นชัด หากกล่าวว่าคนในห้องของเขาผู้นี้คือสตรีก็ไม่มีใครกล้าเถียง แต่เพราะรูปร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีใครมิรู้ว่าเป็นบุรุษ แถมคนผู้นี้เคยอุ้มเขาขึ้นมานั่งบนรถเข็นได้อย่างง่ายดายราวกับไม่เปลืองแรงเลยสักนิด เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษเพียง

    Last Updated : 2025-02-27
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 10 (1.2) สองเคียงคู่ ผสานกลมกลืน

    ว่านฟู่เฉิงเห็นกู่ซิงอีไม่กล่าวอะไรก็คิดว่าสมุดเล่มต่อไปไม่มีปัญหา แต่เมื่อเปิดดูกลับพบว่ามีหน้าหนึ่งถูกพับมุมไว้ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามันถูกพับไว้ด้วยความผิดพลาดจากคนของเขาหรือเพราะความตั้งใจของกู่ซิงอีกันแน่ หลังจากได้ตรวจดูแล้ว มุมปากที่มักจะกดลงเล็กน้อยก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นเพียงการกระทำเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็จางหายไป ไม่คิดว่าคนที่พูดมากผู้นี้จะรู้เวล่ำเวลา เห็นเขามีสมาธิจดจ่ออยู่ก็ไม่รบกวน และทั้งที่เจออะไรผิดแผกไปก็ไม่ทักท้วงเสียงดังให้วุ่นวายหรือรำคาญใจ ทำเพียงใช้การพับกระดาษเป็นสัญลักษณ์ไว้ให้เท่านั้น หวนนึกถึงหลายวันก่อนที่เขาอยากได้กู่ซิงอีมาทำงานให้ข้างกายเพราะพบว่าคนผู้นี้คล้ายไม่ได้มองว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น แม้จะยื่นมือมาอุ้มเขาขึ้นจากพื้นแต่ก็แทบจะไม่มองมาที่เขาเลย ไม่มีความเวทนาหรือสงสารเจือปนอยู่ในความรู้สึก ครานั้นอาจเป็นครั้งแรกที่ว่านฟู่เฉิงเดาถูกว่ากู่ซิงอีสามารถทำงานข้างกายตนได้ และเมื่อรวมเข้ากับตอนนี้ก็ทำได้ดีเกินคาด สามารถทำงานเข้ากันโดยที่ไม่ต้องบอกหรือสอนสิ่งใด เพียงยืนอยู่ข้างกัน ทำส่วนที่ควรทำ เวลางานจากเดิ

    Last Updated : 2025-02-27
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 10 (2.2) ถึงทางตันแล้ว

    “กลับได้แล้วข้าจะเข้านอน” ว่านฟู่เฉิงปรับน้ำเสียงให้เข้มขึ้น ใช้ปลายพู่กันจิ้มไปที่หน้าผากของคนที่เกือบจะเอาหน้าจุ่มแท่นฝนหมึกไปหนึ่งที “คุณชายว่าน...” กู่ซิงอีสะลึมสะลือเรียกเจ้าของห้องเสียงเบา ลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่างปีนออกไปทั้งที่ตายังลืมขึ้นมาแค่ส่วนเดียวดูเหมือนไม่ได้สติ ว่านฟู่เฉิงที่มองตามนึกกลัวว่าเขาจะสะดุดเข้าสักทีจนล้มเจ็บตัวไป ที่ไหนได้กลับพบว่ากู่ซิงอีที่กำลังจะจากไปได้กล่าวฝันดีเขาออกมาหนึ่งประโยคพร้อมยกยิ้มอ่อนโยนยิ่งกว่าแสงแดดมาให้ ในน้ำเสียงเนิบนาบแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังง่วงงุนอยู่จริง ๆ และอาจเพราะเสียงที่ค่อนข้างเบาราวกับลอยมาตามสายลมทำให้คนฟังรู้สึกคันยุบยิบที่ข้างหูลามเลียให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหนึ่งครั้ง การกระทำนั้นของกู่ซิงอีทำให้ว่านฟู่เฉิงนั่งเหม่อไปนาน จ้องมองบานหน้าต่างที่ไร้โจรถ่อยในชุดฟ้าไปนานแล้ว ที่ผ่านมาทุกครั้งก่อนจากไปกู่ซิงอีมักจะพูดฝันดีกับเขาเสมอ หึ ประโยคฝันดีนั้น เขาไม่ได้ยินมานานเท่าไรแล้วนะ... .......... รุ่งอรุณมาเยือน แสงสีทองสาดส่องประกายจนเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสามารถขับไล่น้ำค้างยา

    Last Updated : 2025-02-27
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 11 (1.2) ล่มงานหมั้น

    เช้าตรู่วันงานหมั้นของสองตระกูลใหญ่ นอกจากทั้งสองจวนจะวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า ชาวเมืองเองก็รีบตื่นมาดูขบวนของตระกูลว่านกันถ้วนหน้าเช่นกัน ดังนั้นรอบบริเวณที่ตั้งของจวนจึงมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะกว่าปกติ ว่านฟู่เฉิงเป็นคนที่ทำทุกอย่างตรงเวลาเสมอ แม้สภาพร่างกายจะแตกต่างจากคนทั่วไปแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการไปไหนมาไหนช้ากว่าเวลานัดหมาย เพราะเขาได้คิดคำนวณไว้อย่างดีแล้ว อีกทั้งวันนี้ก็เป็นวันสำคัญที่ต้องส่งของหมั้นและทำพิธี ดังนั้นจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัว ไม่นานก็ได้เวลาไปขึ้นรถม้าที่จอดรอไว้อยู่แล้ว ด้านหลังรถม้าคือหีบใส่ของมากมายที่ยาวไปจนถึงด้านในเรือนหลังแรก หีบแต่ละใบก็จะมีคนคอยดูแลยกเดินตามไปตลอดทาง จวนตระกูลว่านยามนี้แทบจะนำบ่าวชายเดินขบวนไปด้วยกันทั้งหมดอยู่แล้ว ความจริงแล้วของเหล่านี้จำต้องส่งมอบก่อนถึงวันหมั้น เขายังคิดว่าจะส่งไปในอีกสองวันจากนี้แต่ตระกูลเซี่ยเร่งรัดงานหมั้นเข้ามาพอดีเลยนำไปพร้อมกันเสียเลย หลี่เซียวเมื่อพาเจ้านายของตนขึ้นไปบนรถม้าแล้วก็ปิดประตูลงให้และเตรียมจะเดินทางไปที่จวนตระกูลเซี่ยต่อ แต่เขากลับได้รับแจ้งข่าวว่าของหมั้นหายไ

    Last Updated : 2025-02-27

Latest chapter

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ตราบจนนิรันดร์

    ค่ำคืนวันนี้ไร้ดวงจันทร์คอยส่องแสงอย่างเคย ทางเบื้องหน้ามืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นทางเดิน แต่กู่‍ซิง‍อีกลับไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะยามนี้เขาได้ขี่อยู่บนหลังผู้อื่น ลำตัวแนบชิดกับคนที่กำลังเดินอยู่จนไร้ช่องว่างระหว่างกาย รับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่สั่นไหวเบา ‍ๆ‍ ทำให้รู้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่กับตนเสมอ กู่‍ซิง‍อีกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวคอคนออกแรงอยู่เพิ่มขึ้นอีกนิด “อีกนานหรือไม่” เขาเอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกว่าตนถูกแบกมาไกลมากแล้ว กระนั้นว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดิน “เสี่ยว‍อี เหนื่อยแล้วหรือ” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเดินช้าลงและย่ำเท้าด้วยความเบา ด้วยเกรงว่าตนอาจจะเดินเร็วไปจนตัวสะเทือนทำให้คนที่อยู่บนหลังรู้สึกไม่สบายตัว “ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ท่านเป็นคนแบกข้าอยู่นะ” กู่‍ซิง‍อีซบคางลงที่ไหล่ของว่าน‍ฟู่‍เฉิง ใจจริงแล้วเขาอยากให้เวลาหยุดอยู่เช่นนี้ตลอดไปเลยต่างหาก ถึงได้กำลังกลัวว่าจุดหมายปลายทางจะมาถึงเร็วเกินไป กระนั้นก็ยังอดห่วงว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงจะหนักอยู่ดีเลยไม่ได้บอกความในใจออกไป กู่‍ซิง‍อีเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงถูกเขาแบกขึ้นบนหลังเดินไ

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 10 กาลก่อนท่านเป็นคนเอ่ย ว่าข้าไร้มารยาท

    หลี่เซียวที่กำลังเดินอยู่ในจวนก็พบกับคุณชายของตนกำลังเดินมาหาด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาไม่ได้เดินไปหาอย่างที่ควรจะเป็น กลับรอคุณชายเดินเข้ามาหาตนที่หยุดรออยู่ก่อนแล้วแทน พลางคิดในใจว่า เอาอีกแล้ว ‍!‍ “เห็นเสี่ยว‍อีของข้าหรือไม่” นั่นไง จะมีสิ่งใดที่เขาเดาผิดไปจากท่าทางเร่งรีบของคุณชายได้อีก ‍!‍ “เมื่อ‍ครู่พอคุณชายกู่เตรียมรากบัวต้มน้ำตาลอยู่ในครัวเสร็จแล้วคิดจะถือนำไปให้คุณชายด้วยตัวเอง แต่ไม่ทันระวังเผลอสะดุดจนของในมือหกรดตัวเอง ตอนนี้น่าจะกำลังไปเปลี่ยนชุดขอรับ” “สะดุดหรือ ‍!‍ แล้วเสี่ยว‍อีบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงพูดค่อนข้างเร็วอย่างหาได้อยาก แทบจะยืนไม่ติดที่อยู่แล้ว ตอนนี้ร่างกายอยู่ตรงนี้แต่หัวใจกลับลอยไปไกลแล้ว “ไม่เป็นอะไรมากขอรับ คุณชายกู่ทรงตัวได้ทันจึงไม่ได้ล้มพับไปกับพื้น แถมรากบัวก็มิได้ร้อนมากและก็เพียงเปื้อนโดนปลายอาภรณ์เล็กน้อยเท่านั้น” สิ่งที่หลี่เซียวไม่ได้กล่าวจนหมดก็คือกู่‍ซิง‍อีนั้นร้อนรนขนาดไหนหลังจากทำขนมหกใส่ตัวเอง เอ่ยปากบ่นอยู่หลายประโยคว่าชุดนั้นคุณชายเป็นคนเลือกให้ตนเองกับมือแถมยังแพงมากด้วย ครั้นบ่นเสร็จก็รีบจาก

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 9 ถูกจับได้เสียแล้ว

    ด้วยเพราะรู้ว่ากู่‍ซิง‍อีหลับลึกขนาดไหน ว่าน‍ฟู่‍เฉิงจึงใช้เรื่องนี้ในการแอบเอาเปรียบกู่‍ซิง‍อีอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นเมื่อคืนที่เขาตื่นมากลางดึกและพบว่ามีใครแอบขยับมาซุกกายแนบชิดตนอยู่ แบบนั้นมีหรือจะอดใจไหว เผลอกัดกู่‍ซิง‍อีไปหลายทีจนกระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนจะรู้สึกตัวเขาถึงได้แสร้งหลับลงไปตามเดิม แต่กลับไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เมื่อก่อนจะแอบทำทีไรต้องหักห้ามใจตลอด แต่บัดนี้ทั้งคู่ตบแต่งกันแล้ว เขาขอเชยชมสักนิดก็คงไม่เป็นไรกระมัง แต่อาจเพราะเผลอตัวมากไป กลับกระทำการไม่แนบเนียน โดนจับได้ตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมา “คุณ‍ชาย‍ว่าน เมื่อคืนทำอะไรแปลก ‍ๆ‍ หรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงหันมองคนที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เพราะกู่‍ซิง‍อีขี้ร้อนเป็นทุนเดิมเวลาสวมเสื้อผ้านอนมักจะมัดหลวม ‍ๆ‍ พอตื่นนอนมาทีไรเสื้อผ้าที่มัดไม่แน่นก็จะหลุดลุ่ยอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนบางส่วนที่มีรอยช้ำจาง ‍ๆ‍ ผมดำเงาชี้ฟูเล็กน้อย ดวงตาก็หรี่เล็กลงยังไม่ทันลืมตาได้เต็มที่ แต่กลับถามเหมือนรู้บางอย่างเช่นนี้ เล่นเอาคนที่กำลังยกน้ำชาไปให้รู้สึกร

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.2 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา

    รุ่งอรุณก่อนวันงานเทศกาลฉีเฉียว “เสี่ยว‍อี เจ้ากำลังจะไปที่ใด” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาและกำลังลุกขึ้นนั่งก็ทันได้เห็นกู่‍ซิง‍อีที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเข้าพอดี แถมดูท่าทางรีบร้อนเหมือนจะออกไปจากห้อง เมื่อถามเสร็จเขาก็เบนสายตามองดูท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง ฟ้ายังไม่ทันสว่างเท่าไรนักน่าจะเลยยามเฉิน[1]มาเพียงไม่นาน ([1] ยามเฉิน คือ 07.00 – 08.59 น. ) แน่นอนว่าปกติทั้งสองคนต่างพากันตื่นเช้ากว่านี้นัก แต่เมื่อวานคุยกันแล้วว่าจะหยุดทำงานสามวัน เหตุใดกู่‍ซิง‍อีถึงลุกมาแต่งตัวคล้ายจะไปทำงานอีก ต่อให้ปกติพวกเขาจะสลับทำงานที่จวนและที่ร้านว่าน และวันนี้คือวันที่ต้องทำงานที่จวน ทว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยากให้ดูไม่มีความน่าสงสัยจึงเปลี่ยนเป็นหยุดงานทั้งหมดแทน คำกล่าวเช่นนั้นก็รวมถึงงานที่จวนก็ไม่ต้องทำมิใช่หรือ หยุดก็คือหยุด ไหนเลยกลับคาดไม่ถึงว่ากู่‍ซิง‍อีจะไม่เข้าใจสิ่งที่หมายถึงให้หยุดอยู่จวนจริง ‍ๆ‍ ครั้นพอได้เห็นอีกฝ่ายแต่งตัวก็คิดว่าจะออกไปที่ห้องทำงาน “ไปร้านขนมไฉ่ที่ข้าชอบอย่างไรเล่า นานครั้งเราถึงจะว่างในช่วงเช้าแบบนี้ รอบนี้ก็ไม่ต้องวานให้คนอื่นไปต่อแถวแทน ได้

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (4.4)

    อีกทั้งด้ายแดงที่เด่นชัดแม้อยู่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้จากข้อมือแต่ละข้างของว่าน‍ฟู่‍เฉิงและกู่‍ซิง‍อีก็ดูคล้ายกันยิ่งนัก คนแอบมองจิตใจลนลานรีบหันกลับไปด้วยดวงตาเบิกโพลง ก้าวเดินตามหลังคนนำทางไปติด ‍ๆ‍ ด้วยท่าทางที่เร่งรีบขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังโดนไฟไล่เผาก้นมา สิ่งที่คนภายนอกกล่าวมาเรื่องฮูหยินของตระ‍กูล‍ว่านไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัดหลอมรวมกับการกระทำของคนทั้งสองด้านหลัง และยังบวกกับก่อนหน้านี้ที่ได้พูดคุยกับกู่‍ซิง‍อีก็คล้ายว่างานทั้งหมดของตระ‍กูล‍ว่านได้ตกอยู่ในมือกู่‍ซิง‍อีแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่นึกขึ้นได้จึงไม่ใช่ตนคิดไปเองแน่ ‍ๆ‍ ทว่าเซี่ย‍หลี่‍จวินแม้จะได้ล่วงรู้ความลับเรื่องนี้เข้าแต่ก็ไม่ได้คิดจะป่าวประกาศให้คนอื่นได้รับรู้หรอก เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก เนื่องจากตระ‍กูล‍ว่านเป็นคนเปิดเส้นทางหลายสายให้เขา ดังนั้นนอกจากแตะว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้แล้ว ก็ยิ่งห้ามทำให้กู่‍ซิง‍อีไม่พอใจอีกด้วย ‍!‍ ถ้าล่วงรู้อนาคตได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินมาเป็นแบบนี้เขาคงจะเห็นใจกู่‍ซิง‍อีอีกสักหน่อย บางทีตัวเขาอาจได้ผลประโยชน์มากกว่าให้บุตรสาวของตนตบแต่งกับน้องชายบุญธรรมของว่าน‍ฟู่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (3+4.)

    “ขอรับ ‍!‍” หลี่เซียวรีบร้อนรับคำก่อนจากไป ฉี‍หย่าหันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ นางจะถูกปฏิบัติอย่างนี้จริง ‍ๆ‍ หรือ นางไม่งดงามหรือไรทำไมคุณ‍ชาย‍ว่านถึงไม่คิดจะสนใจหรือเมตตานางสักนิด แม้จะต้องยอมรับว่าสองคนตรงหน้านางรูปงามไร้ที่ติ แต่นางไม่คิดว่าตนเองจะด้อยค่าถึงเพียงนี้ ‍!‍ จังหวะนั้นเองประตูห้องบานเดิมพลันเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นนาย‍ท่าน‍เซี่ยเดินออกมา พอเห็นบ่าวในจวนของตนที่นั่งกองกับพื้นก็ฉงน ที่แท้คนที่ส่งเสียงดังเมื่อ‍ครู่ก็คือฉี‍หย่าสาวรับใช้ที่บุตรสาวทิ้งไว้ที่จวนเมื่อสองปีก่อน สตรีนางนี้แม้หน้าตาจะงดงามแต่กลับทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีดีแค่ดนตรีกับร่ายรำ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการทำงานในจวนได้เล่า ดังนั้นสำหรับเขาแล้วนางแทบไม่มีสิ่งใดให้ใช้งานได้เลย ตัวเขาแทบไม่อยากพามาทว่านางก็ดื้อดึงขอตามมาจนได้ เขายังกลัวว่าฮูหยินของตนจะเข้าใจผิดด้วยซ้ำ บัดนี้ยังจะมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก ช่างน่าขายหน้าจริง ‍ๆ‍ เซี่ย‍หลี่‍จวินหันมองว่าน‍ฟู่‍เฉิงด้วยความระวัง กลัวว่าสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะถูกยกเลิกเพียงเพราะบ่าวรับใช้ในจวนของตนเอง “คุณ‍ชาย‍ว่าน เป็นข้าไม่อบรมบ่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (2.4)

    แล้วนางไหนเลยจะคาดเดาอนาคตได้ ตนย้ายไปอยู่ตระ‍กูล‍เซี่ยเพียงไม่นานยังไม่มีโอกาสได้มาพบคุณ‍ชาย‍ว่านเลยสักครั้ง คุณชายผู้นี้ก็ตบแต่งภรรยาเสียแล้ว แต่นางยินยอม ยินยอมเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่งของเขาก็ได้ การค้าของตระ‍กูล‍ว่านเติบโตในชั่วข้ามคืนแค่ไหน ใครในเมือง‍จางไม่รู้บ้างเล่า ดังนั้นทุกวันนางจึงตั้งตารอคอยมาโดยตลอด กาลก่อนแม้คุณ‍ชาย‍ว่านจะนั่งเก้าอี้รถเข็นแต่อย่างไรก็ยังรูปงามมากนัก บัดนี้พอเดินเหินได้ปกติด้วยใบหน้าสง่างามเป็นทุนเดิมก็ไม่ต่างอะไรกับเทพเซียนลงมาเดินบนดิน พอได้พบเห็นคนที่ตนคะนึงหาอีกคราก็พาให้หัวใจนางเต้นผิดจังหวะ ใบหน้าพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “คุณ‍ชาย‍ว่าน...” นางเอ่ยเรียกเสียงหวาน “...เจ้ามาทำไม” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงกลับไม่สบอารมณ์ทันทีที่ได้เจอนาง นึกรังเกียจสายตาเช่นนี้ยิ่งนัก หากเป็นกู่‍ซิง‍อีมองเขาด้วยสายตาแบบนี้เจ้าตัวคงไม่อาจหนีรอดเขาไปได้ แต่พอเป็นสตรีตรงหน้าส่งสายตาเฉกเช่นนี้มาให้เขากลับรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา ถึงขั้นดึงหลี่เซียวมาบังตัวเองไว้ครึ่งหนึ่ง “คุณ‍ชาย‍ว่านถามเช่นนี้ ข้าเสียใจยิ่งนัก” ฉี‍หย่าตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เดินก้าว

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (1.4)

    วันนี้หลี่เซียวรอจังหวะที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยู่ตัวคนเดียวถึงได้มีโอกาสเข้ามาเตือนอะไรบางอย่าง “คุณชาย ไม่รู้ว่าสองสามวันที่ผ่านมาคุณชายเห็นรายงานร้านค้าที่เพิ่มขึ้นมาในถนนสายฝนแล้วหรือยังขอรับ” “มีงานเทศกาลหรือ ‍?‍” ช่วงนี้งานปกติที่เขาเคยทำล้วนส่งมอบให้ฮูหยินของตนเกือบทั้งหมด ส่วนตัวเองไปมองหาลู่ทางการขยายกิจการแทน ขณะนี้เองก็กำลังดูเครื่องประดับที่ส่งมาจากแคว้นอื่นด้วยความตั้งใจ พอถูกถามจึงไม่ได้ทันคิดถึงว่าวันนี้คือวันที่เท่าไร มีงานอะไรสำคัญหรือไม่ เพราะนอกจากจะนับวันรอที่จะได้หยุดเพื่อออกไปชมต้นไม้ใบหญ้าลำธารกับคนของใจแล้ว วันเวลาอย่างอื่นล้วนไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่ที่ถามออกไปได้อย่างแม่นยำและถูกถึงเก้าส่วนก็เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาล้วน ‍ๆ‍ เนื่องจากถนนสายฝนเป็นหนึ่งในกิจการร้านค้าที่เขามีมากที่สุดในเมือง‍จาง หากมีร้านค้าเพิ่มขึ้นมาก็หมายถึงมีการแบ่งพื้นที่หน้าร้านแต่เดิมจากหนึ่งเป็นสองร้าน หรือก็คืออาจมีงานเทศกาลยามค่ำคืนร่วมด้วย แถมบางครั้งยังเป็นตระ‍กูล‍ว่านที่ต้องออกหน้ารับจัดงานด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าในส่วนนี้เขาย่อมมีผู้ดูแลแทนอยู่แล้วเลยไม่ค่อยสนใจที่หลี่เซี

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 7 ตกถังข้าวสารแล้ว งานไม่ต้องทำก็ได้

    ใกล้เข้าเหมันตฤดูแล้ว ว่าน‍ฟู่‍เฉิงยืนกอดอกมองคนขนของเข้ามาในจวน เขาสั่งไหมาเยอะมาก เอามาทุกขนาดที่หาได้ หากคำนวณผ่านตาคร่าว ‍ๆ‍ ตั้งแต่ครึ่งก้านธูปที่แล้วไหที่ถูกขนเข้าไปก็ปาไปหลายร้อยใบแล้ว กู่‍ซิง‍อีที่เดินหาวหวอดออกมาก็มองตามกลุ่มคนมากมายซึ่งกำลังพากันขนไหเข้าไปด้านหลังจวน “ท่านสั่งไหมาทำไมเยอะแยะ” เมื่อเดินเข้ามาใกล้ถึงคนรักของตนก็เอ่ยถามออกไป “ไว้ให้เจ้าหมักสุรา” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงกล่าวแย้มยิ้ม ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาจนถึงตนเอง ว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ก้าวยาว ‍ๆ‍ เดินไปหยุดยืนข้างกายดวงใจของตนแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจมองมาทางนี้จึงขยับหอมแก้มกู่‍ซิง‍อีด้วยความรวดเร็วไปหนึ่งที กู่‍ซิง‍อีตกใจจนตัวแข็ง รีบหันมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครก็โล่งใจ แต่อดที่จะมองค้อนเขาไปทีหนึ่งมิได้ “เหอะ ท่านยังคิดจะใช้ข้าทำงานอีก ‍!‍ ข้าตกถังข้าวสารแล้ว ไหนเลยจะไปทำงานให้เหนื่อย” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้เสียใจหรือน้อยใจกลับยกยิ้มมองกู่‍ซิง‍อีและพูดเสริมว่า “ข้าสั่งทำห้องหมักสุราโดยเฉพาะไว้ให้เจ้าแล้วไม่ต้องรวมกับครัวของจวนแบบครั้งก่อนอีก และทั้งข้าว ไห เชือก ผ้ากรองก็มีให้ใช้ไม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status