“ไอ้ดาวรอฉันด้วยดิวะ ฉันยิ่งขาสั้น ๆ อยู่” จันทร์เจ้ารีบส่งเสียงร้องบอกเมื่อปลาดาวไม่มีทีท่าว่าจะหยุดวิ่ง
นี่เธอออกตัววิ่งมานานแล้วนะยังตามปลาดาวไม่ทันเลย ไม่ได้แข่งวิ่งโอลิมปิกสักหน่อย ทำไมต้องวิ่งเร็วด้วยก็ไม่รู้ ไม่เห็นใจคนขาสั้นที่เร่งวิ่งตามมาเอาซะเลย
“แล้วแกจะตามฉันมาทำไมจันทร์เจ้า ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
“ฉันก็เป็นห่วงแกนะสิ นี่มันก็มืดแล้วกลับโรงแรมกันเถอะนะ” จันทร์เจ้าที่เห็นว่าเพื่อนหยุดวิ่งแล้วหันมาพูดกับตนแบบนั้น ก็ถอนหายใจก่อนจะบอกออกไป
จะให้เธอปล่อยเพื่อนไว้คนเดียวได้ยังไง ปลาดาวเวลาโกรธหรือเสียใจยิ่งชอบหายตัวไปอยู่เงียบ ๆ คนเดียวอยู่เรื่อย นั่นทำให้เพื่อนในกลุ่มค่อนข้างเป็นห่วงอย่างมาก แล้วยิ่งวันนี้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจด้วยแล้ว ถ้าเธอไปตามมาแล้วปลาดาวคิดทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาก็แย่น่ะสิ ด้านมารินยังมีกอหญ้าอยู่ยังไงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ เธอถึงได้ตัดใจวิ่งมาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับปลาดาวแทน ที่ตอนนี้ดูท่าจะบอบช้ำทางใจที่สุด
ปลาดาวได้ยินจันทร์เจ้าพูดออกมาแบบนั้นก็ระบายยิ้มบาง ๆ รู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่อย่างน้อยเพื่อนคนนี้ก็อยู่ข้าง ๆ เธอ หญิงสาวจึงได้แต่ตอบจันทร์เจ้ากลับไปว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถึงยังไงเธอคงตัดใจได้ไวแน่ จันทร์เจ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยปากตอบว่าจะเลี้ยงเหล้าปลอบใจ สุดท้ายสองสาวจึงไปนั่งอยู่ที่บาร์กันเพียงสองคน
บีชบาร์
บีชบาร์ คือบาร์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมที่แก๊งรวมดาวพักอยู่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน ที่เหล่าผีเสื้อราตรีมักออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกกัน
หญิงสาวสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้านที่ไม่เป็นที่สะดุดตานัก ถึงจะบอกว่าไม่เป็นที่สะดุดตาก็คงไม่ได้ แม้โต๊ะที่หญิงสาวเลือกนั่งจะเป็นมุมอับ แต่หน้าตาและความสวยของคนทั้งสองก็เรียกเหล่าหมู่มวลภมรเข้ามาหาได้ไม่ยาก
จันทร์เจ้าได้แต่ส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้กับผู้ชายเหล่านั้นทั้งยังกล่าวปฏิเสธไปโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด ด้วยถ้อยคำที่ใครได้ยินก็ต่างคิดเช่นเดียวกันว่าอยากจะสั่งสอนหญิงสาวตรงหน้าให้สิ้นฤทธิ์ ที่พวกเขารู้สึกเช่นนั้นก็คงไม่แปลก แล้วจะไม่ให้พวกเขารู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อเธอพูดว่า
‘มารยาทรู้จักไหม นั่งมุมอับขนาดนี้ยังจะหน้าด้านเข้ามาทักอีก ออกไปเลยนะ ไม่ต้องชวน ไม่ต้องจีบ น่ารำคาญ’
และก็อีกหลายคำที่หลุดออกจากปากสวยของเธอ ด้านคนที่ได้ยินคำพูดนี้ก็ได้แต่ถอยกลับไปคนแล้วคนเล่า ทั้งก่อนจากยังมองใบหน้าของจันทร์เจ้าอีกครั้งก่อนจะหลุดคำพูดที่ทำให้หญิงสาวอดรู้สึกหัวร้อนไม่ได้
‘หน้าตารึก็สวยดี ไม่น่าปากเสียเลย’ หลายครั้งที่ได้ยินคำพูดนี้ จันทร์เจ้าแม่สาวสุดแสบก็แทบถลาไปซัดหน้าคนพูดเข้าให้สักหลายที ติดก็แต่เพื่อนสาวคนสนิทอย่างปลาดาวที่คอยห้ามปรามไว้
“เบา ๆ ก็ได้แก นี่อะไรพอมาถึงก็กระดกเลย” จันทร์เจ้าเอ่ยเตือนเพื่อน ทั้งยังมองด้วยความเป็นห่วง
จะไม่ให้เอ่ยห้ามยังไงไหว ก็แม่เจ้าประคุณเล่นดื่มเอา ๆ ตั้งแต่มาถึงด้วยเครื่องดื่มสุดโปรดอย่าง Long Island ที่เจ้าตัวชื่นชอบ จนตอนนี้ใบหน้าของเพื่อนสนิทคนนี้แดงก่ำบ่งบอกความเมาอย่างเห็นได้ชัด
“จะทำไมล่ะ ก็ฉันอยากจะเมานี่”
‘ฟังซะที่ไหน’ จันทร์เจ้าส่ายหัวไปมาพูดในใจด้วยความปลดปลง ก่อนจะปรายสายตาไปบนโต๊ะของพวกเธออีกครั้ง กวาดสายตามองบรรดาแก้วเหล้าและเครื่องดื่มที่ถูกสั่งมาแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจให้กับตัวเอง
‘เงินฉันทั้งนั้น รถ คอนโดฯ ยังผ่อนไม่หมด ยังจะกล้าพูดว่าเลี้ยงอีกนะ จันทร์เจ้านะจันทร์เจ้า! พูดออกไปได้ยังไงเนี่ย ฮือ... เงินฉัน เงินที่รัก’
ประโยคดังกล่าว เป็นประโยคที่หญิงสาวพูดในใจกับตัวเองเท่านั้น ไม่ได้พูดให้อีกคนได้ยิน ในเมื่อออกปากพูดออกไปแล้วว่าจะเลี้ยงเธอก็จะเลี้ยง คนอย่างจันทร์เจ้าพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีวันคืนคำหรอก เพียงแต่ว่าพอมองรายการเครื่องดื่มที่สั่งมาแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดและเสียดายเงินที่ต้องถูกควักจ่ายออกไป
“แกนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง ปวดฉี่ว่ะ” หลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายหลายแก้ว ผลข้างเคียงของคนดื่มเครื่องดื่มก็เริ่มออกฤทธิ์ ตอนนี้จันทร์เจ้าปวดฉี่มากและต้องการเข้าห้องน้ำที่สุด เท่านั้นยังไม่พอ ใบหน้าของเธอยังเห่อร้อนและรู้สึกตึง ๆ จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป หลังจากบอกเพื่อนและเห็นเพื่อนรับปากดีแล้วว่าจะไม่ไปไหน เธอจึงได้ลุกออกจากโต๊ะและตรงไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวทันที
“อืม... คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น ลมทะเลปะทะหน้าสักหน่อยเราน่าจะสดชื่นขึ้น กลับมาไอ้ดาวคงไม่ไปไหน” หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ จันทร์เจ้าก็อยากไปเดินรับลมทะเล เพื่อที่ร่างกายจะได้สดชื่นปัดเป่าความร้อนแรงของแอลกอฮอล์ออกไป เธอเดินออกมามองไปยังจุดที่ปลาดาวนั่งอยู่เพียงเล็กน้อย แล้วตัดใจออกไปเดินรับลมที่ชายหาดแทน
ซ่า ซ่า ท่ามกลางความเงียบสงบยามค่ำคืนของทะเลมีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรและเสียงคลื่นทะเลกระทบชายหาดเท่านั้น จันทร์เจ้าเดินทอดน่องไปตามชายหาดยาวไปเรื่อย ๆ สองตาก็มองปูลมที่วิ่งล้อแสงจันทร์บนชายหาดไปด้วย ลมทะเลพัดพาเส้นผมปลิวไสวทั้งยังปะทะใบหน้าสวยทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกสดชื่นขึ้น จนไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เธอเดินห่างไกลจากบีชบาร์มามากพอสมควรแล้ว หญิงสาวยังเดินต่อและครุ่นคิดถึงการดำเนินชีวิตของตัวเองนับจากนี้ต่อไปทั้งอย่างนั้น “จะเอาไงต่อไปดีวะเนี่ย เงินเก็บก็น้อยนิด งานก็ถูกพัก ผู้จัดการบ้านั่นก็ไม่ยอมสืบสาวราวเรื่อง เอะอะพักงาน ๆ วู้ว!” หญิงสาวบ่นพึมพำพร้อมกับสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อต้องนึกถึงสาเหตุที่ต้องทำให้เธอโดนพักงานแบบนี้จันทร์เจ้าประกอบอาชีพเป็นไกด์นำเที่ยวของบริษัททัวร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้มาจากที่รุ่นพี่ที่รู้จักเห็นแววจึงได้ลองพาเธอไปดูการทำงานจริงของอาชีพนี้ โดยตอนแรกให้เธอศึกษาวิธีการการเป็นมัคคุเทศก์เบื้องต้นก่อน จากนั้นรุ่นพี่คนดังกล่าวก็เริ่มชักชวนเธอเก็บประสบการณ์โดยการออกพื้นที่ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่พี่เขาเป็นไกด์นำเที่ยว เมื่อได้ดูได้เห็นบ
เมื่อวิเคราะห์และหาข้อสรุปกับตัวเองได้แล้ว จันทร์เจ้าก็เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะพูดออกไปว่า“ฉันไม่แน่ใจว่าใครชนใคร แต่ฉันมั่นใจแน่ ๆ ว่าคุณพาร่างกายใหญ่โตอย่างกับยักษ์นี่มาชนฉัน ถึงฉันจะผิดที่ก้มหน้าไม่มองทาง แต่คุณซึ่งต้องเห็นฉันแน่ ๆ อยู่แล้วแล้วยังพาตัวเองมาขวางทางเดินฉันแบบนี้เรียกว่าอะไร จงใจหรือเปล่า”“แต่ก็นะ อย่างว่า... ทั้งฉันและคุณต่างก็ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน เอาเป็นว่าเราผิดกันคนละครึ่งก็แล้วกัน”“...”“เฮ้อ! วันนี้ฉันมีเรื่องเยอะแล้ว ฉันจะไม่เอาเรื่องคุณก็แล้วกันนะ แต่ถ้าหากเจอกันครั้งหน้า คุณไม่รอดแน่!” พูดจบร่างปลอดโปร่งของจันทร์เจ้าก็สะบัดก้นเดินจากไป หากเธอหันกลับมามองอีกสักนิดจะเห็นว่าคู่กรณีดังกล่าวยกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ สายตาแสดงออกถึงความพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด“หึ! ผู้ชายบ้า หน้าตาก็ดีนิสัยใช้ไม่ได้เลย กวนโอ๊ยจริง ๆ เจอกันคราวหน้าแม่จะซัดให้ร่วง!!! ไม่สิ! ต้องบอกว่าอย่าเจอกันอีกเลยจะดีกว่า สาธุ!”ด้านจันทร์เจ้าหลังจากที่เดินหนีผู้ชายปริศนาคนนั้นแล้ว หญิงสาวก็อดบ่นพึมพำกับตัวเองไม่ได้ เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเองไปมา หญิงสาวตอบไม่ได้เช่นกันว่าทำไมถึงมีความรู้ส
“ฟองทางนี้!” จันทร์เจ้าเอ่ยเรียกหญิงสาวรุ่นน้องเจ้าถิ่นอย่างฟองคลื่นให้เข้ามาหา วันนี้เธอมีนัดกับฟองคลื่นด้วยเรื่องที่จะไปตรวจดูกล้องวงจรปิดที่บีชบาร์เพื่อดูว่าปลาดาวออกจากบาร์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่หรือไปกับใคร“พี่จันทร์มารอฟองนานหรือยังคะเนี่ย” ฟองคลื่นฉีกยิ้มน่ารักก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ไม่นาน เรารีบไปกันเถอะ พี่เป็นห่วงดาว” จันทร์เจ้าพูดด้วยความกระวนกระวายใจ“ค่ะ”หลังจากนั้นสองสาวก็ตรงไปที่บีชบาร์ทันที บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่ลองเช็กห้องพักของโรงแรมดูก่อนว่ามีห้องไหนที่ปลาดาวเข้าพักหรือเปล่า ต้องบอกก่อนว่าฟองคลื่นให้คนจัดการเรื่องนี้แล้วทั้งยังให้ไปตรวจสอบโรงแรมใกล้ ๆ แล้วว่ามีที่ไหนที่ปลาดาวเช็กอินบ้างก็ปรากฏว่าไม่พบ ดังนั้นทั้งสองจึงเลือกที่จะตรงไปที่บีชบาร์เลย“พี่จันทร์อย่าเครียดไปเลยค่ะ ฟองเชื่อว่าพวกเราต้องเจอพี่ดาวแน่” เมื่อเห็นว่าคนข้างตัวหน้านิ่วคิ้วขมวด ฟองคลื่นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปลอบและให้กำลังใจ มือนิ่มของเธอยื่นไปจับมือนิ่มของจันทร์เจ้าก่อนจะกุมไว้หลวม ๆ จันทร์เจ้าที่ได้รับสัมผัสนั้นและรับรู้ถึงความห่วงใยก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังไม่วางใจนัก“สวัสดีค่ะ”“อ้าวคุณ
จันทร์เจ้าแม้จะไม่อยากสนทนาไม่อยากตอบหรือพูดคุยผู้ชายตรงหน้าก็ได้กล้ำกลืนความไม่ชอบนั้นไว้ในใจ เพราะตอนนี้เพื่อนของเธอสำคัญที่สุด ดังนั้นหญิงสาวจึงตอบกลับไปว่า “เพื่อนฉันหาย เลยอยากจะดูว่าก่อนหน้าที่เพื่อนฉันจะหายไปมีใครมาลักพาตัวเพื่อนฉันไปหรือเปล่า”“หึ! เพื่อนคุณหาย เลยอยากจะมาดูกล้องวงจรปิดของบาร์?”“ใช่!”“ตลกแล้ว นี่คุณรู้กฎระเบียบของที่นี่หรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถาม จันทร์เจ้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาจึงได้หลุดหัวเราะจนหญิงสาวต้องส่งสายตาไม่พอใจให้ถึงได้หยุด“คุณนี่ตลกดีนะ รู้ทั้งรู้ว่าระเบียบเป็นยังไงก็ยังจะมาขอดู ทำไมไม่รีบทำตามกฎระเบียบล่ะ หรือไม่ก็แจ้งความสิ”“ถ้ามันแจ้งได้ฉันก็แจ้งแล้วสิ นี่...” ‘คุณไม่รู้เหรอว่ามันยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง’ คือคำพูดในหัว เพราะต้องหยุดพูดเมื่อฟองคลื่นเข้ามากระตุกเสื้อเธอไว้ก่อนจะพูดว่า“พี่จันทร์คะ ใจเย็นค่ะคนตรงหน้าคือคุณชลธีเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของโรงแรมค่ะและเป็นเจ้าของบาร์นี้ ถ้าพี่จันทร์ต้องการดูกล้องวงจรปิดต้องขออนุญาตจากเขาแล้วค่ะ ที่สำคัญเลยคนคนนี้ค่อนข้างมีอำนาจนะคะ ฟองไม่ค่อยกล้ายุ่งด้วยหรอกค่ะ เขาค่อนข้างน่ากลัว” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกถึงสถานะ
“ว่ายังไง ตกลงหรือเปล่า”จันทร์เจ้ามองคนหน้าตายด้วยสายตาขุ่นเคือง เธอได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปมา ในขณะเดียวกันสมองของเธอก็ขบคิดอย่างหนัก“ถ้ายังไม่ตกลงจะกลับไปคิดก่อนก็ได้นะ ผมไม่รีบ” ผู้ชายตรงหน้าเธอพูดออกมาอย่างสบายใจ ในขณะที่เธอนั้นร้อนรนเพราะเป็นห่วงเพื่อนอย่างเห็นได้ชัด“เอ่อ... คุณชลคะ” ในขณะที่ฟองคลื่นจะพูดอะไรบางอย่างก็ต้องหุบปากลงเมื่อเจอสายตาคมกริบมองมา จันทร์เจ้าเห็นแบบนั้นก็ไม่พอใจเธอจ้องเขากลับอย่างเอาเรื่องราวกับงูพิษที่พร้อมจะฉกเขาตลอดเวลา ในสายตาของชลธีแล้วเธอช่าง น่าเอ็นดู...“คิดดูดี ๆ นะ เพราะผมไม่ได้เดือดร้อน แต่ถ้าคุณไม่ตกลงก็แค่ทำตามกฎระเบียบมาตรการต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ทางที่ดีคุณจะแจ้งความก็ได้นะ แต่ถ้าให้ดีผมแนะนำให้คุณทำตามข้อตกลงของผมดีกว่า เร็วกว่าเยอะ”“ฉันขอเวลาคิดก่อน ขอตัว” พูดจบจันทร์เจ้าก็คว้ามือฟองคลื่นมากุมไว้แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ชลธีมองตามแผ่นหลังของเธอไปจนสุดสายตาก่อนจะหลุดยิ้มออกมา สายตาแสดงออกถึงความพอใจและถูกใจอย่างสุดซึ้ง“เอ่อ... คุณชลธีครับ”“มีอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวผมจะไปดูกล้องวงจรปิดสักหน่อย อ้อเรียกพนักงานที่ทำงานเมื่อคืนมาพบผมด้วย” ชล
ทว่าเมื่อนึกถึงปลาดาวที่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง ใบหน้าของเพื่อนสนิทก็ลอยเข้ามาในความคิด บวกกับที่ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ ความคิดที่ว่าจะไม่ยอมรับข้อตกลงก็มลายหายไป ใบหน้าของจันทร์เจ้าสลดลงอีกครั้ง มือบางยกน้ำมะพร้าวขึ้นดื่มแล้วมองไปยังท้องทะเลสายตามาดมั่น แล้วจึงพูดออกมาว่า“เป็นเบ๊ก็เป็นเบ๊สิ กลัวที่ไหนกัน ถ้าเรารู้ความเป็นไปของไอ้ดาว ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามข้อตกลงสั่ว ๆ ของอีตาบ้านั่นก็ได้ หึ! คิดจะกดขี่ข่มเหงไอ้จันทร์เจ้าคิดน้อยเกินไปแล้ว”“... แล้วเจอกันนะไอ้คุณชลธี!”“ตอนนี้ยังแจ้งความไม่ได้ ต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมง แล้วนี่กี่โมงแล้วเนี่ย” จันทร์เจ้าพูดกับตัวเอง ก่อนจะยกแขนซ้ายที่มีนาฬิกาข้อมือสวมไว้อยู่ขึ้นเพื่อดูเวลา แล้วดวงตาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นเวลาที่ปรากฏบนหน้าปัดนาฬิกาชัด ๆ“บ่ายแล้วเหรอเนี่ย! นี่เรานั่งนานแค่ไหนกัน... เอาไงดีจะกลับไปบอกนายชลธีว่ายอมรับข้อตกลงเลยดีไหม”“ไม่เอาดีกว่า รอก่อน รอแจ้งความก่อนดีกว่า แต่กว่าจะแจ้งความได้คงต้องเป็นพรุ่งนี้ ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ งั้นกลับห้องพักไปตั้งตัวก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”จันทร์เจ้าพูดและตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพ ก็เดินกลับโรง
เช้าวันถัดมาจันทร์เจ้าตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น หญิงสาวรีบแต่งตัวด้วยชุดทะมัดทะแมงเพราะวันนี้เธอตั้งใจจะไปแจ้งความเรื่องคนหายดู อาศัยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกแรงเผื่อว่าจะได้รู้ความเป็นไปของปลาดาวเร็วขึ้นหลังจากทานข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ตรงดิ่งไปที่สถานีตำรวจในท้องที่ ทว่าเพียงเธอแจ้งความประสงค์ไป ทางตำรวจกลับไม่รับเรื่อง! ทั้งยังอ้างว่ายังไม่ครบ 24 ชั่วโมง มันจะไม่ครบได้ยังไง มันครบตั้งแต่ตีหนึ่งที่ผ่านมาแล้ว!แต่แล้วจันทร์เจ้าก็เข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อเธอเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเจ้าหน้าที่ ทั้งยังดูหลุกหลิกชอบกล หญิงสาวก็เข้าใจแล้วว่าที่เจ้าหน้าที่ไม่รับเรื่องของเธอต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆ ซึ่งมันก็มีไม่กี่อย่าง ถ้าเธอเดาไม่ผิดคงจะมีคนใช้อำนาจในทางมิชอบแน่ และแล้วก็เป็นจริงอย่างที่จันทร์เจ้าคิดเมื่อเธอเดินทางมาที่บีชบาร์อีกครั้งมาเพื่อพบชลธี!“ไง? ตำรวจไม่รับแจ้งเหรอคุณ”“เป็นฝีมือคุณใช่ไหม” เห็นสีหน้าเย้ยหยันสายตาท้าทายของผู้ชายตรงหน้าแล้ว จันทร์เจ้าก็มั่นใจว่าสิ่งที่เธอคิดมันถูก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคุยกันดี ๆ หญิงสาวก็ถามชลธีด้วยน้ำเสียงห้วนจัด ใบหน้าดุกร้าว
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมคุณถึงโทรไปนัดแนะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้”“ใช่! ก็นะผู้ชายคนนั้นเป็นญาติกับหุ้นส่วนผมนี่ ถ้ามีเรื่องทำนองนี้ออกไปคงไม่ดีใช่ไหมล่ะ”“แต่นั่นเพื่อนฉันนะ ฉันอยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอก” จันทร์เจ้าที่ได้ฟังชลธีพูดก็ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมทั้งหมุนตัวหันหลังเตรียมเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อถูกชลธีเอ่ยทัก“นั่นคุณจะรีบไปไหน”“ก็ไปบอกฟองคลื่นเพื่อหาทางจัดการเรื่องนี้น่ะสิ” หญิงสาวมองมาที่ชายหนุ่มด้วยสายตารำคาญ ขณะเดียวกันชลธีที่ได้ฟังคำพูดของเธอก็มองมาที่เธอด้วยสายตาระอาเช่นกัน“หึ! นี่คุณคิดว่าฟองคลื่นจะทำอะไรได้งั้นเหรอ คุณคิดว่าหลังจากคุณบอกฟองคลื่นและฟองคลื่นไปบอกพ่อของเธอแล้ว พรุ่งนี้คุณจะสามารถไปพาเพื่อนคุณกลับมาเลยได้รึไง”“ก็ใช่น่ะสิมีอะไรยากกัน” ได้ฟังคำตอบของเธอแล้วชลธีได้แต่ส่ายหัวก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ“คุณฟังผมนะ ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า คุณครามไม่ได้อยู่ที่นี่หรือบ้านพักของเขา ผมคิดว่าเขาคงกลับเกาะส่วนตัวที่เลี้ยงฟาร์มมุกไว้แล้วล่ะ”ได้ยินดังนั้นตัวของจันทร์เจ้าก็ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้เช่นเดิม สีหน้าของเธอเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด“และที่สำ
จันทร์เจ้าอึ้งของจริงแล้วตอนนี้ ก็ว่าอยู่ทำไมเขามีท่าทางจริงจังผิดปกติ และเหมือนว่าจะทำเรื่องสำคัญ แต่เธอไม่คิดว่าเรื่องสำคัญที่ว่าคือการขอเธอแต่งงานแบบนี้ หญิงสาวพูดไม่ออกตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนคนที่เพิ่งพูดว่าขอแต่งงานใจเสีย“จันทร์ครับ พี่รักจันทร์นะ รักจันทร์คนเดียว เรายังไม่ต้องแต่งกันตอนนี้ก็ได้ แต่จันทร์อย่าปฏิเสธพี่เลยนะครับ” พูดแล้วก็จะร้อง ใบหน้าของชลธีเหยเก ชายหนุ่มรับไม่ได้ถ้าเขาจะถูกคนที่รักปฏิเสธ มาถึงตอนนี้จันทร์เจ้าเรียกสติคืนกลับมาได้แล้ว“พี่ชลใจเย็น ๆ นะคะ จันทร์ไม่ได้จะปฏิเสธสักหน่อย”“จริงนะครับ”“จริงสิคะ”ชลธีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ“แต่จันทร์ขอเวลาหน่อยนะคะ จันทร์ไม่อยากให้เราด่วนตัดสินใจ ทุกวันนี้ที่เราอยู่และเข้าใจกันมันก็ดีอยู่แล้ว ให้ความสัมพันธ์ของเราเป้นแบบนี้ไปก่อนนะคะ”“เรายังมีหลายเรื่องที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน โดยเฉพาะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามอาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ ถึงแม้ตอนนี้เราสองคนจะยังไม่แต่งงานกันแต่เราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ พี่ชลอย่ารีบไปเลยนะคะ และก็อย่ากังวลด้วย ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนก
วันนี้จันทร์เจ้าและชลธีมาร่วมแสดงความยินดีกับฟองคลื่น รุ่นน้องสาวคนนี้กำลังเข้าพิธีแต่งงานกับภาสกรเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาบรรยากาศงานแต่งงานยามเย็นที่จัดริมทะเลเป็นอะไรที่ลงตัวมาก จันทร์เจ้าชื่นชอบซุ้มดอกไม้ทางเข้างานที่สุด เพราะว่านอกจากจะหอมแล้วยังสวยด้วยแต่ที่สวยที่สุดเห็นที่จะเป็นเจ้าของอย่างเจ้าสาวป้ายแดงที่ชื่อว่า ฟองคลื่นคนนี้นี่แหละจันทร์เจ้ารู้สึกยินดีกับรุ่นน้องสาวมาก เห็นคนที่ตัวเองรักและเอ็นดูมีความสุขกับคู่ชีวิตและสิ่งที่เจ้าตัวเลือก ตัวเธอเองก็ดีใจและมีความสุขไปด้วยส่วนเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เอ่ยทักทายกันตามปกติก่อนจะแยกไปอยู่ที่คู่ใครคู่มันจันทร์เจ้าไม่ได้ร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวจนจบงาน ไม่ได้อยู่สนุกในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี เพราะเพียงแค่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้มาแล้วปลาดาวรับได้ เธอก็ถูกชลธีพาตัวกลับมาที่เกาะทันทีชายหนุ่มพูดกับเธอว่า วันนี้เธอสวยแปลกตาจึงไม่อยากให้ผู้ชายที่มาร่วมงานมองเธอเยอะเกินไป เขาหึงหวงเกินกว่าจะเห็นเธอยิ้มให้คนอื่นได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่เธอรู้จักก็ตามตอนแรกก็ตั้งใจจะต่อว่าเขาอยู่หรอกที่เขาพาเธอกลับออกจากงานก่อนงานเลิก ครั้นพอได้ยินคำพูดของ
“มานั่งสิครับ จันทร์บ่นว่าอยากกินซูชิไม่ใช่เหรอ นี่พี่สั่งให้คนงานซื้อมาให้เลยนะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”‘นั่นไง ว่าแล้วเชียว นี่คงจะสั่งตั้งแต่เช้าก่อนที่คนงานจะเอารังนกที่เพิ่งเก็บใหม่ออกไปส่งสินะ บวกลบเวลากลับมาถึงเกาะก็น่าจะเวลาประมาณนี้พอดี ซื้อหวยทำไมไม่ถูกนะ’ เธอพูดคนเดียวในใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้เงียบ ๆชลธีจัดการส่งจานซูชิและสลัดต่าง ๆ ให้เธอ ส่วนเขานั่งทานข้าวสวยกับต้มยำแทน ระหว่างทานชลธีก็บริการจันทร์เจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง“ไวน์ไหมครับ”“จะมอม?”“เปล่าครับเปล่า ไวน์นี้มีกลิ่นหอม จันทร์น่าจะดื่มได้พี่เลยลองชวนน่ะครับ ถ้าจันทร์ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มพูดกลบเกลื่อนความเสียดายเอาไว้เขาอุตส่าห์วางแผนนี้ไว้ในใจ ตั้งใจให้เธอดื่มไวน์ เธอจะได้เมา หลังจากนั้นจะได้คุยกันง่ายขึ้น ไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่ยอมดื่ม“คิดนานไหมแผนนี้”“แผน?”“อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส มันไม่เนียน แล้วก็เอาไปไกล ๆ คนไม่ถูกโฉลกกับไวน์ยังจะเอาเข้ามาใกล้อีก” ได้ยินหญิงสาวพูดด้วยความไม่พอใจ ชลธีก็รีบหยิบแก้วไวน์ออกห่างจากหญิงสาวทันที“จันทร์ครับ ดีกันเถอะนะ อย่างอนเลยนะครับ พี่ไม่รู้จะง้อจันทร์ยังไงแล้ว” ชายหน
วันเวลาขับเคลื่อน หมุนเวียนผ่านไป ตอนนี้ก็ผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่จันทร์เจ้าและชลธีกลับมาจากกรุงเทพฯ ตลอดเวลาที่จันทร์เจ้าอยู่กับชลธีที่เกาะรังนกแห่งนี้ทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้นิสัยกันมากขึ้น ได้ปรับตัวเข้าหากัน ความรู้สึกที่มีให้กันก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันทว่าสุขมักคู่กับทุกข์ คนเราจะมีสุขเพียงอย่างเดียวหรือทุกข์เพียงอย่างเดียวไม่ได้มันต้องคละเคล้ากันไปเพื่อเป็นสีสันของชีวิต จันทร์เจ้าและชลธีก็เช่นกัน พวกเขาทะเลาะกันบ้างในบางครั้ง งอนบ้างในบางคราตามปกติของคู่รักทั่วไปทว่าวันนี้ดูจะต่างออกไป เพราะเหมือนว่าจันทร์เจ้าจะงอนชลธีหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนเรื่องอะไรนั้นเป็นเพราะว่า ชลธีแอบดูหนังโป๊! แถมยังเป็นหนังโป๊ญี่ปุ่นซะด้วย เรื่องนี้ทำเอาจันทร์เจ้าที่น้อยนักจะงอนชายหนุ่มสักครั้งถึงกับงอนไปเลยสองวันเต็ม และวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่เธอไม่ยอมคุยกับเขาแต่จะพูดว่าเธองอนเขาก็ไม่ถูกนัก จันทร์เจ้าไม่ได้งอนเสียทีเดียว เธอแค่ไม่พอใจและหึงหวงเขามากกว่า หึงที่เขาดูผู้หญิงคนอื่น หึงที่เขาไปนั่งดูหนังรักผู้ใหญ่ที่ผู้หญิงสวย ๆ ลีลาเร่าร้อนนำแสดงเธอหึง หึงมากด้วย!“จันทร์ครับ ไม่คุยก
“สวยจังเลยนะคะ” จันทร์เจ้าพูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งสุดสายตาของหญิงสาวกำลังมองดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำ ตั้งแต่อยู่ที่เกาะรังนกนี้ หญิงสาวจะชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกมาก ทว่าถึงจะชอบเธอก็ไม่ได้มีโอกาสดูบ่อยนักนั่นก็เพราะว่าหญิงสาวมักจะถูกชายหนุ่มรบกวนทุกที บางครั้งก็ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินจนมดค่ำ บางครั้งก็รบกวนเธอยามเช้า ทำให้หญิงสาวพลาดภาพสวย ๆ นี้ทุกนี้ดังนั้นทุกครั้งที่เธอเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินเธอจะชมว่าสวยอยู่เสมอ“ใช่สวย สวยมาก” คนพูดไม่ได้มองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นแต่อย่างใด สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางเนียนนุ่มนั่นต่างหากวันนี้เป็นวันสบาย ๆ ของเขาและเธอ งานในเกาะก็มีคนคอยดูแลอยู่แล้ว พวกเขามาที่เกาะรังนกแห่งนี้ก็เหมือนกับปลีกวิเวกมาพักผ่อนเสียมากกว่า อ้อ ถึงจะปลีกวิเวกแต่ก็ยังสามารถติดต่อได้เช่นเคยจันทร์เจ้าหันหน้ากลับมามองชลธีก่อนจะเห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มให้บาง ๆ ในใจของเธอกำลังรู้สึกมีความสุขอย่างมาก นอกจากแม่ที่จากไปและเพื่อน ๆ ในกลุ่มยังจะมีใครดีกับเธอเท่าเขาอีก“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดออกมาโด
3 วันต่อมา“สรุปพี่ชลจะบอกจันทร์ได้หรือยังคะ ว่าเราจะไปไหนกัน” จันทร์เจ้าหันไปถามชลธีที่กำลังขับรถ ซึ่งเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะพาเธอไม่ไหนตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาชลธีก็ให้เธออาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขับรถออกมาโดยที่ไม่บอกอะไรเธอเลย พอถามก็ไม่ตอบ“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้ครับ” ชลธีตอบก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาจันทร์เจ้าก็เห็นรั้วบ้านหลังใหญ่รั้วหนึ่ง ชลธีขับรถไปยังรั้วหน้าบ้านนั้นช้า ๆ รอไม่นานก็มีคนเปิดประตูรถให้แล้วเขาก็ขับเข้าไปภายในพร้อมทั้งขับไปจอดยังโรงจอดรถอย่างคุ้นเคย“สรุปที่นี่คือ?”“บ้านพี่เองครับ”“หา!!!”“ไม่หาครับ ไปครับลงพ่อแม่พี่รอแล้ว”“เดี๋ยวสิพี่ชล หมายความว่ายังไงที่บอกพ่อแม่พี่รอ นี่อย่าบอกนะว่า”“ใช่แล้วครับ พี่พาจันทร์เจ้ามาเปิดตัวกับที่บ้าน ไปครับ ลงรถ” ไม่พูดเปล่าชลธีเปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว ส่วนจันทร์เจ้าที่ยังไม่หายตกจเธอยังนั่งนิ่งอยู่ เดือดร้อนชายหนุ่มต้องเปิดประตูปลดเข็มขัดนิรภัยและประคองเธอลงจากรถ“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” จันทร์เจ้าพูดพร้อมยึดประตูรถไว้แน่น“ไม่ได้ครับ อย่าให้พ่อแม่พี่รอนาน ไปเร็ว”“แต่ว่า”“ไม่มีแต่แล้วครับ จันทร์อย่าลืมสิว่าเราไม่ได
โดยปกติหากไม่มีเรื่องอะไรในใจปลาดาวจะต้องสดใสซึ่งผิดกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ตอนเธอถามและอีกฝ่ายตอบกลับว่าสบายดี จันทร์เจ้าจึงไม่ได้เชื่อมากนัก ด้วยความที่สนิทกันจึงดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก ทั้งยังโกหกไม่เนียนจันทร์เจ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนและมีอะไรเกิดขึ้นที่เกาะหรือเปล่า พอจี้ถามมากเข้า ปลาดาวก็เอาแต่บอกว่าขอเวลา หากสบายใจเมื่อไหร่จะเล่าให้เธอฟังเป็นคนแรก จันทร์เจ้าถึงได้ยอมหยุดไม่เอ่ยปากถามให้เพื่อนต้องอึดอัดใจอีก“อยากกอดแกจังเลยไอ้จันทร์ ขอฉันกอดแกได้มั้ย”จันทร์เจ้าไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับส่งยิ้มให้เพื่อนพร้อมทั้งกางแขนออกกว้าง เพียงเท่านั้นปลาดาวก็พุ่งเข้ากอดเธอทันที จันทร์เจ้ากอดปลาดาวกลับด้วยความเป็นห่วง มือของเธอลูบหลังเพื่อนไปมาอย่างปลอบโยน แม้เธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่ก็พอคาดเดาได้ลาง ๆ ว่าคงมีเรื่องไม่สบายใจมาก ๆ แน่‘เฮ้อ ช่างเถอะ มันบอกแล้วว่าถ้าดีขึ้นจะเล่าให้ฟังเอง แกก็ไม่ต้องคิดมากหรอกจันทร์ เรื่องบางเรื่องก็ต้องให้เจ้าตัวคิดและตัดสินใจเอง เราจะเข้าไปยุ่งมากไม่ได้หรอก’ พูดในใจเสร็จจันทร์เจ้าก็ดันตัวเพื่อนออกพร้อมยิ้มกว้างให้ปลาดาว“ยิ้มทำไม”“เรามาถ่า
2 เดือนต่อมา“เตรียมเอกสารสำคัญเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ชลจะเอาอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ”“ไม่แล้วครับ เราไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวตกเครื่อง”จบคำพูดของชลธีจันทร์เจ้าก็พยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปนั่งในรถ ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้านั้นทั้งสองไม่ได้เก็บตั้งแต่แรกแล้ว เพราะไม่ตั้งใจเอาไปตั้งแต่แรกหลังจากจัดเตรียมเอกสารและตรวจสอบเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็ขับรถออกจากบ้านพักทันทีเพื่อไปที่สนามบิน เพื่อที่จะได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ กลับเมืองแห่งแสงศรีนั่นเองในที่สุดชลธีและจันทร์เจ้าก็เดินทางมาถึงสนามบินได้ตรงเวลา ทั้งสองขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินในที่สุด และใช้ช่วงเวลาระหว่างเครื่องบินออกเดินทางหลับพักผ่อนเอาแรง กระทั่งเครื่องบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งสองคนจึงได้ลงจงจากเครื่องบินแล้วนั่งแท็กซี่กลับคอนโดของจันทร์เจ้าเดิมทีชลธีต้องกลับบ้านแต่ด้วยความที่ตั้งแต่จันทร์เจ้ากับเขาอยู่ด้วยกันตลอดทำให้ชายหนุ่มติดเธอมาก สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจกลับไปที่คอนโดของหญิงสาวนั่นเอง อ้อ ก่อนมาคอนโดจันทร์เจ้า ชลธีได้ให้แท็กซี่ชับไปที่คอนโดเขาก่อนเพื่อไปเอาเสื้อผ้า เสร็จแล้วทั้งสองก็เดินทางด้วยรถยนต์คัน
รุ่งเช้ามาเยือน จันทร์เจ้าตื่นและลุกออกมาจากที่นอนด้วยความกระปรี้กระเป่า เธอเข้าไปอาบน้ำด้วยความสดชื่น ก่อนจะลงมาทำอาหารอย่างง่ายเช่นไข่ดาวทอดกับขนมปังปิ้งเป็นมื้อเช้า“ไปกับพี่ไหมครับ พี่จะเข้าโรงแรม” ชายหนุ่มเอ่ยถามหลังทานอาหารเช้าเสร็จ“ไปค่ะ จันทร์จะไปนอนอาบแดด” ชายหนุ่มได้ยินก็ขมวดคิ้วลงส่งสายตาไม่พอใจไปหาหญิงสาว“อะไรคะ”“ห้ามสั้น”“จันทร์ไม่ใส่สั้นหรอกน่า ทำอย่างกับว่าใส่เสื้อผ้าโชว์ได้อย่างนั้นแหละ รอยที่พี่ทำไว้เมื่อวันก่อนยังเด่นชัดอยู่ขนาดนี้ ใครเขาจะกล้าใส่กัน”“จะไปรู้เหรอ พี่ก็บอกไว้ก่อน เคยได้ยินว่าสามารถเอาเครื่องสำอางกลบรอยได้นี่”“โอ๊ย! จันทร์ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ เปลือง! รอยสองรอยพอว่า นี่เป็นสิบรอยใครมันจะไปกลบไหว ซื้อมาตั้งแพงจะมาหมดเพราะรอยดูดแบบนี้ไม่ได้ มันเปลืองเข้าใจไหมคะ”“เอ่อ... ครับ” ชลธีพูดเพียงเท่านี้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาอีกเช่นกัน เพราะอึ้งตั้งแต่ที่ได้ยินเธอพูดว่าเปลืองแล้ว เพิ่งจะได้รู้ว่าเธอค่อนข้างงกก็ครั้งนี้แหละจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ชลธีไปหยิบเอกสารในห้องทำงาน จันทร์เจ้าก็เก็บจานไปแล้ว พร้อมแล้วทั้งสองถึงได้ขับรถออกมาจากบ