บทนำ
จิตตรานักอ่านตัวยง หนังสือนิยายของเธอเต็มผนังห้องทั้งสี่ด้าน เธออ่านไปก็มักจะก่นด่าพระเอกโง่ นางเอกโง่ ส่วนนางร้ายหากเจอในชีวิตจริงจะจิกหัวตบด้วยเปลือกทุเรียน นั่นเป็นความคิดของเธอในสมัยยังสาว
เมื่อเหี่ยวย่นลูบไล้ไปยังหน้าปกนิยายเล่มโปรด ชีวิตของเธอนั้นไม่ต่างจากนิยายนักหรอก แต่ชีวิตเธอไม่ได้เหมือนนางเอกในนิยาย กลับเมื่อนางร้ายในนิยายเล่มนี้ หยิ่งผยองคิดว่าตนเหนือกว่าผู้หญิงคนอื่นด้วยเกิดมามีรูปโฉมงดงามสะดุดตา คิดว่าความสวยคือใบเบิกทางทุกอย่าง กว่าจะรู้ตัวว่าความสวยนั่นไม่จีรัง
เธอก็ไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่คนที่รักเธอสุดหัวใจก็ตายจากไปก่อนที่เธอจะมีโอกาสได้ตอบแทนความรักของเขา
บทที่1
หญิงชราอายุร้อยปีที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเอื้อมมือเหี่ยวหยุ่นตามสังขาลไปหยิบรูปและจดหมายเก่า ๆ ที่เสียบเอาไว้ในหนังสือนิยายเล่มโปรดขึ้นมาดู
ทั้งสองอย่างนั้นเป็นของคนสำคัญของเธอมอบเอาไว้ให้เมื่อนานมาแล้ว เป็นของคนที่เธอรู้ว่ารักก็เมื่อมันสายไปเสียแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เพราะนี่เป็นจดหมายฉบับสุดท้ายของเขาที่ส่งมา
เธอรู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุจนขาเสียเดินไม่ได้ จึงไม่กล้ามาพบหน้าเธอ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นอีกฝ่ายก็ยังนึกถึงเธอมากกว่าตัวเอง
เงินค่าใช้จ่ายที่เธออาศัยและรักษาตัวอยู่ที่บ้านพักคนชราราคาแพงแห่งนี้ ก็ล้วนเป็นเงินของเขาทั้งนั้น ทุกครั้งที่ทนายของเขามา เธอพยายามถามหาเรื่องราวของไห่ฮวน เธอพยายามอยู่หลายครั้งจนเลิกไปในที่สุดเมื่อรู้ว่าทนายคนนั้นจะไม่บอกอะไรเลยแม้แต่น้อย
ทนายคนนี้มาทุกเดือนจนฟางเหนียงคิดว่าเขาคงจะมาจนกว่าเธอจะสิ้นใจไป
ส่วนนิยายในมือนั่นคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ นิยายเล่มโปรดเป็นนิยายจีนเกี่ยวกับยุคแปดศูนย์ที่เธออ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนหนึ่งคือชอบเนื้อหาและเรื่องราวที่นักเขียนบรรจงเขียนขึ้นมาอย่างตั้งใจและอีกส่วนหนึ่งคือราวจะตอกย้ำการกระทำผิดพลาดของตัวเธอเองเสียมากกว่า
นั่นก็เพราะบทของนางร้ายที่ถูกเขียนเอาไว้ในนิยายช่างคล้ายกับเธอยิ่งนัก
เพราะเลือกสามีผิดชีวิตจึงต้องมาเดียวดายอยู่เพียงลำพังในบ้านพักคนชรา ไร้ลูก ไร้หลาน แล้วอย่าได้ถามหาสามีตัวดีเลยหลังจากนอกใจซ้ำซากและให้อภัยอีกไม่รู้กี่หน จนในสุดท้ายเธอก็เลิกตามหึงหวงเขา ส่วนลูกหลังจากผิดหวังจากสามีเธอก็ทุ่มเทกายใจและความหวังเอาไว้ที่ลูก ไม่รู้ว่ากลายเป็นการผลักให้ลูกและหลานไกลห่างเธอออกไปมากกว่าเดิม จนในสุดท้ายพวกเขาก็ไม่แม้แต่จะมาเยี่ยมเยียนเธอ แค่คิดฟางเหนียงก็รู้สึกอยากจะถอนหายใจออกมาแรง ๆ แต่มันก็รู้สึกเสียด ๆ ที่อก นั่นคงเพราะเธออายุมากแล้ว ไม้ใกล้ฝั่งอย่างเธอแค่จะลุกขึ้นมาในแต่ละวันก็ยากลำบากแล้ว
และเธอก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เหมือนอย่างวันนี้ฟางเหนียงขยับตัวไม่ได้ดั่งใจด้วยซ้ำ แค่จะหยิบรูปมือก็สั่นจนมันร่วงลงไปที่อก ที่เดียวกับหัวใจที่ที่คนคนนั้นควรจะอยู่
หากเธอเลือกคนที่ดูไม่มีอะไรอย่างไห่ฮวน มันคงจะดีกว่าเฟิ่งหลุนไหม ทั้ง ๆ ที่เธอรักเขาแท้ ๆ แต่เพราะทรัพย์สมบัติ ในตอนนั้นเธอยังสาวยังสวย พอมีคนผู้ชายมาให้เลือกมากมายจึงตัดสินใจเลือกคนที่ฐานะ หยิ่งผยองว่าตนเองเหนือกว่าผู้หญิงคนอื่น ใครจะรู้เล่าว่าคนที่ดูไม่มีอะไรเช่นนั้นจะสามารถหาเงินทองมาได้มากขนาดนี้และร่ำรวยขึ้นมาจนมีฐานะในที่สุด
ตอนนี้เธอไม่ได้อยากได้ทรัพย์สมบัติของเขาหรอก เพราะถ้าเธออยากทนายก็เคยบอกว่าจะยกสินทรัพย์ทั้งหมดที่ไห่ฮวนหามาได้ให้เธอ
ที่เธอยังคงคิดถึงอยู่ทุกวันคือความรักที่เธอไม่มีวันหากได้จากที่ไหนจากไห่ฮวนต่างหาก หญิงชรายังคงคิดทบทวนความผิดตัวเองซ้ำ ๆ ยิ่งอ่านนิยายเล่มโปรดเมื่อใดก็มองเห็นตนเองที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายนางร้ายในนิยายก็มีจุดจบเช่นเดียวกับเธอ ฟางเหนียงอยากแก้ไขความคิดตื้อเขินของตนเองในอดีตเหลือเกิน หรือหากเป็นไปได้เธอก็อยากแก้ไขนิยายเรื่องนี้ให้นางร้ายไม่เดินทางผิดจนไม่อาจกลับไปแก้ไขได้เช่นเธอ
ฟางเหนียงเคยแม้กระทั่งเขียนจดหมายไปหานักเขียนที่เขียนนิยายเรื่องนี้ ให้ช่วยแก้ไขบทของนางร้าย อย่างน้อย ๆ ให้นางร้ายได้สำนึกได้ก่อนจะสายก็ยังดี แต่นักเขียนก็ปฏิเสธกลับมาอย่างสุภาพว่า
นิยายจบลงแล้วไม่อาจกลับไปแก้ไขให้เป็นไปตามใจคนอ่านได้ ขอให้นักอ่านเคารพในต้นฉบับของนักเขียน
“เห้อ คนผิดไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวเลยงั้นหรือ”
ฟางเหนียงถอนหายใจยาว ยิ่งหายใจแรงมากเท่าไรก็ยิ่งจุกเสียดที่หน้าอก มันเจ็บหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ออก
“แฮ่ก”
หญิงชราพยามยามตะเกียดตะกายสูดลมหายใจเข้าปอด แต่ก็ไม่เป็นผล ฟางเหนียงรู้สึกนัยตาหนักอึ้งจึงค่อย ๆ หลับตาลง
จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายได้หยุดลง
ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว
เธอจากโลกนี้ไปเงียบ ๆ เพียงลำพัง ไม่มีแม้แต่ลูกหลานมาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย
“ฟางเหนียง ฟางเหนียง” หญิงชราได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่ข้าง ๆ กาย
“คุณคะ ฉันปลุกลูกสาวของคุณไม่ตื่น ไม่รู้ว่าฟางเออร์เป็นอะไร” เสียงของหญิงสาววัยกลางคนตะโกนเรียกสามีที่กำลังจะออกไปทำงาน
ฟางเหนียงได้ยินเสียงเรียกชื่อตนซ้ำ ๆ ก็งัวเงียลุกขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกว่าเพื่อทรมารจากการหายใจไม่ออก แต่ก็จำต้องลืมตาตื่น เพราะดูแล้วเสียงนั่นคงไม่หยุดง่าย ๆ
“ฟางเออร์ตื่นแล้วเหรอลูกแม่ตกใจแทบแย่ เราทำแม่ใจหายหมดปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น คุณคะไม่ต้องแล้วลูกตื่นแล้วค่ะ” เธอรีบตะโกนบอกสามีก่อนที่จะทำให้เรื่องวุ่นวายในยามเช้าทำเขาไปทำงานสาย
“ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ” ผู้เป็นสามีเอ่ยถามภรรยา
“ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ”
ฟางเหนียงกำลังงงกับภาพตรงหน้า ทั้ง ๆ ที่สองคนที่บอกว่าเป็นพ่อและแม่ของเธอดูหน้าตาเหมือนพ่อแม่ของเธอไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่ไม่ใช่นี่มันไม่ใช่บ้านเมื่อก่อนของเธอ ไม่ใช่ห้องและเตียงนอนของเธอ
“ลูกเองก็ตื่นได้แล้วไปเรียนได้แล้วกว่าจะสอบเข้ามหาลัยได้ไม่ใช่เรื่องง่ายของคนยุคนี้ ในเมื่อสอบได้แล้วก็ไม่ควรขี้เกียจรู้ไหม” ประโยคที่คุ้นเคยทำให้ฟางเหนียงยิ่งสงสัย แต่สิ่งที่เธอมั่นใจมหาลัยเพิ่งสามารถสอบเข้าได้ตอนที่เธอแก่เกินจะเรียนแล้ว แค่หยิบปากกายังไม่ไหวจะไปเขียนหนังสือได้อย่างไร แต่ก็คิดได้ไม่ทันไรก็ถูกหญิงวัยกลางคนที่เอ่ยราวกับเป็นแม่ของเธอนั้นดันหลังให้แต่งตัวออกจากบ้านมาเพื่อที่จะไปเรียน
ฟางเหนียงจำต้องทำตามอย่างงุนงง แต่เมื่อเดินออกมากไกลจากบริเวณบ้านก็อดแปลกใจกับบรรยากาศทั่ว ๆ รอบ ๆ ตัวไปไม่ได้ ที่บ้านของเธอไม่ได้ใช้คูปองเพื่อแลกของแล้วเช่นนั้นก็อาจจะอยู่ช่วงยุคแปดศูนย์หรือเปล่า เมื่อเผลอคิดไปอย่างนั้นความทรงจำบางอย่างก็ย้อนกลับมา
ไม่ใช่ว่าตอนนี้เธอกำลังเป็นยายแก่อายุร้อยปีกำลังนอนรอความตายอยู่หรือ เธอกำลังตกใจกับความคิดก่อนที่บรรดาชายหนุ่มในหมู่บ้านจะเอ่ยทักทายเธอ
“ฟางเหนียงไปเรียนเหรอ แม่ฉันได้เสื้อไหมพรมยี่ห้อใหม่ในเมืองมาเธออยากได้ไหม แวะมาเอาที่บ้านฉันก่อนสิ”
ฟางเหนียงส่งสายตารังเกียจให้อีกฝ่ายในทันที สองขารีบสับเดินอย่างเร่งรีบเพื่อหนีคนที่เข้ามาทักทายเธอ ตลอดทางเธอต้องเจอกับอะไรแบบนี้จนกระทั่ง
“คุณฟางเหนียงผมไปส่งที่รถรางไหมครับ” หญิงสาวได้ยินเสียงก็จำได้ในทันที เสียงของสามีเก่าเธอ เฟิ่งหลุน อยู่ด้วยกันมากี่สิบปีทำไมจะจำเสียงนั่นไม่ได้
“ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงห้วน
ฟางเหนียงเดินทางไปเรียนตามปกติ น่าแปลกที่เธอใช้ชีวิตได้ถูกต้องไปหมดทุกอย่างราวกับรู้ว่าอะไรคืออะไร เพียงแต่มันก็ยังมีจุดที่น่าสงสัยอยู่หลายอย่าง เธอใช้ชีวิตทั้งวันราวกับว่าเคยชินและทำมันอยู่เป็นประจำ จนคล้ายจะมากระจ่างกับเรื่องราวทั้งหมดก็เมื่อตอนที่เธอกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น
พ่อและแม่ของเธอกำลังรับข้าวของจากชายหนุ่มในหมู่บ้าน ฟางเหนียงเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจคนทั้งสองที่เป็นผู้ให้กำเนิด
และถึงแม้จะยังสับสนอยู่มาก แต่ตอนนี้ฟางเหนียงคิดว่าตนเองได้เข้ามาอยู่ในเรื่องราวของนิยายเล่มโปรดที่เธออ่านอยู่เป็นประจำ และดูเหมือนว่าจะแทนที่ในส่วนของนางร้ายเสียด้วย แต่น่าแปลกทำไมทุกคนที่นี่ถึงเป็นคนในชีวิตจริง ทั้งพ่อแม่ กระทั่งเฟิ่งหลุน ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไปได้ไหมที่ไห่ฮวนก็จะอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของนางร้ายคนนี้ได้ไหม หรือนี่จะเป็นโอกาสแก้ตัวที่เธอขอก่อนตาย
บทที่2“ฟางเออร์เป็นอะไรไปเล่าลูก ไม่ใช่ลูกหรอกหรือที่บอกว่าที่ยังไม่ต้องการมีคู่หมั้นคู่หมายหรือคนรักก็เพราะอยากจะเลือกคนที่มาเป็นสามีให้ดีที่สุดน่ะ” คำของแม่ทำให้ฟางเหนียงยิ่งมั่นใจ คำพูดมั่นอกมั่นใจอย่างนี้เป็นของแม่ของหลินเฟยนางร้ายในหนังสือแน่ ๆ แต่ทำไมถึงไม่ให้เธอเป็นหลินเฟย แต่กลับให้เธอเป็นตัวของเธอเอง นี่คงเป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้แก่คนใกล้ตายสินะไม่สิเธอคงตายไปแล้วถึงได้มาอยู่ที่นี่ แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่เธอก็จะพยายามทำให้มันดีที่สุด ในแบบที่ไม่เหมือนเดิม ในแบบที่ดีกว่าเดิม“ไม่แล้วค่ะ หนูไม่อยากคิดแบบนั้นอีกแล้ว” ฟางเหนียงเอ่ยก่อนจะลุกออกไป พ่อแม่ได้แต่สงสัยกับอาการราวผีเข้าของลูกสาว แล้วยังคำแทนตัวนั่นอีก “คุณไม่ใช่ปกติลูกเรียกตัวเองฟางฟางเหรอ” คนเป็นพ่อก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อลูกสาวเดินกลับมาหา“ตอนนี้ปีอะไรคะ”“1982ไงลูก” คนเป็นแม่ตอบฟางเหนียงฟังคำตอบแล้วก็กลับขึ้นไปห้องของตัวเอง ถ้าหากเธอไม่ทำอะไรเลย ชีวิตของเธอก็หมายถึงหลินเฟยที่เธอเข้ามาสวมบทบาทอยู่ในตอนนี้ก็จะต้องแต่งงานกับลูกชายคนโตของตระกูลหวังที่เป็นเศรษฐีใหม่ หลังจากปี 1979 ที่ทางรัฐ
บทที่3ซินเทียกับหลงกู๋เห็นบุตรสาวทำสีหน้าไม่พอใจก็ปล่อยมือออกจากบรรดาของเหล่านั้น แต่ก็รับกระต่ายมาแล้วเพราะมันก็แค่กระต่ายตัวหนึ่ง ของมีค่าและแพงกว่านี้ยังรับมาได้กะอิแค่กระต่าย อย่างไรผู้ชายหลายคนก็ใช้วิธีนี้หาทางเข้าหาฟางเหนียงอยู่แล้วหลังจากกระดาษและของกินไม่กี่อย่างทั้งสองก็ไม่กล้าจะรับอะไรอีกเพราะกลัวลูกสาวจะไม่พอใจ ก่อนที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะเร่งเดินตามลูกสาวให้ทัน แต่กลับเจอฟางเหนียงรออยู่ที่หน้าบ้าน“เมื่อเช้าหนูบอกกับพ่อแม่แล้วว่าถ้าพ่อแม่รับของใครอีกหนูจะแต่งงานกับเขาไปให้จบ ๆ พ่อแม่คิดว่าหนูพูดเล่นเหรอคะ หนูบอกชัดเจนแล้วว่าให้เลิกนิสัยรับของคนอื่นไปเรื่อยแบบนี้” แม้ว่าจะคุยกันระหว่างพ่อแม่ลูก แต่ชายหนุ่มหลายคนก็ได้ยินคำของหญิงสาวชัดเจน“ก็ลูกทำตัวเหมือนกับผีเข้าตั้งแต่เมื่อวานแม่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนไม่จริงล่ะฟางเอ๋อร์” ซินเทียกระซิบบอกลูกสาวฟางเหนียงถอนหายใจก่อนจะหันมองบรรดาชายหนุ่มที่มาออกันอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอ แต่ไห่ฮวนกลับยืนอยู่ที่มุมหนึ่งหน้าประตูด้วยท่าทางเจียมตัวกว่าคนอื่น“ฟางเหนียงเมื่อครู่แม่ของคุณรับของจากผมไปแล้วนะเช่นนั้นก็แสดงว่า
บทที่4ยุคนี้การแต่งงานไม่ได้ดูยุ่งยากวุ่นวายเหมือนแต่ก่อน ก็แค่กินเลี้ยงกันในบ้านไม่ได้มีพิธีมากมาย แค่จดทะเบียนถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐานเท่านั้นก็ถือว่าสมบูรณ์ เรื่องราวระหว่างฟางเหนียงและไห่ฮวนเกิดขึ้นรวดเร็วจนทุกคนในหมู่บ้านไม่อาจจะห้ามตัวเองไม่ให้นินทาเรื่องของทั้งสองคนได้ถึงขั้นมีคนบอกว่าสินสอดก็คงมีแค่กระต่ายตัวนั้นในวันนั้นนั่นแหละ อันที่จริงมันก็ถูกประมาณนั้น เพราะฟางเหนียงบอกกับไห่ฮวนว่าไม่ต้องจ่ายสินสอดให้กับเธอแม้ไห่ฮวนจะบอกว่าตนเองเอาของไปขายแค่ไม่กี่อย่างก็พอแล้วก็ตามเธออ่านนิยายเรื่องนี้มาแล้วย่อมรู้ว่าเขามีสมบัติมากกว่าที่คิด นั่นก็เพราะว่าระหว่างที่คน ๆ นี้โตขึ้น ในนิยายเขียนเอาไว้ว่าเขาจับสัตว์ที่สามารถใช้เป็นอาหารไปแลกกับของมีค่าในบ้านของคนในหมู่บ้านปัญหาก็คือหากอยู่ดี ๆ นำของเหล่านั้นไปขายช่วงนี้เรื่องเก่าของเขาอาจจะแดงขึ้นมา เพราะในเวลานั้นการล่าสัตว์ผิดกฎหมาย แต่เพราะในนิยายนั้นเจ้าตัวนำของเหล่านั้นไปขายเพื่อช่วยเหลือนางร้ายของเรื่องตอนที่นางร้ายบาดเจ็บเพราะถูกสามีอย่างคุณชายหวังซ้อม ยอมเปิดเผยความผิดของตนเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวที่แต่งงานไปแล้ว แต่เขายอมทำไปเพื
บทที่5หลังจากทานอาหารเช้าด้วยกันเสร็จเรียบร้อย“เดี๋ยวให้ผมขี่จักรยานไปส่งไหมครับ” ไห่ฮวนเสนอก่อนจะเงียบไปเมื่อคิดได้ว่าฟางเหนียงอาจจะอายเพื่อนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยหรือเปล่าที่ต้องอยู่กับเขา “ได้สิคะ” ฟางเหนียงไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ชายหนุ่มฟัง ตอนที่แต่งงานกันเธอก็ไม่ได้โกหกอะไรเขาเลยแม้แต่นิดย้อนกลับไปตอนก่อนแต่ง“ทำไมถึงยอมแต่งกับผมล่ะครับ” ไห่ฮวนถามด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างตึงเครียด “ก็เพราะคุณให้ของขวัญเป็นคนแรกไงคะ” ฟางเหนียงไม่ได้โกหก เธอก็แค่บอกไม่หมดก็เท่านั้น และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มหมองลงไปในทันทีแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ต้องกลั้นใจไม่เอ่ยปากความจริงออกไป จะบอกไปได้อย่างไรว่าเขามีใบหน้าเหมือนคนที่เธอรัก และเธออยากมีโอกาสอีกครั้งกับเขา เรื่องแบบนั้นมันเหลือเชื่อเกินไป“ถ้าผมทำอะไรให้ไม่พอใจก็บอกได้นะครับ” ฟางเหนียงส่ายหน้า “ทำไมล่ะครับ” ไห่ฮวนถามด้วยความสงสัย “มันไม่ใช่ว่าต้องเป็นคำว่า หากมีอะไรไม่เข้าใจกันก็บอกเหรอคะ ไม่ว่าจะฉันหรือคุณที่ทำดี หรือไม่ดี เราก็ควรจะพูดคุยกัน คำที่คุณว่าเมื่อครู่มันเหมือนกับบอกถ้ามีอะไรให้ฉันด่าคุณได้เลย แบบนั้นไม่เอาหรอกค่ะ”
บทที่6ฟางเหนียงกลับมาบ้านหลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยวันสุดท้าย ทุกอย่างผ่านไปด้วยความวุ่นวายกับการเรียนและพบปะเพื่อนฝูง ใจเธอยังมีความคิดเรื่องแผนการในอนาคตที่ต้องคุยกับไห่ฮวนอีกมากมาย เมื่อกลับถึงบ้าน เธอพบว่าไห่ฮวนกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว ชายหนุ่มหันมายิ้มเมื่อเห็นเธอเข้ามา“เหนื่อยไหมครับ วันนี้ที่มหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เหนื่อยเท่าไรค่ะ แค่ยุ่ง ๆ นิดหน่อย” ฟางเหนียงตอบพร้อมกับถอดเสื้อคลุมและวางกระเป๋าลงบนโต๊ะหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ฟางเหนียงและไห่ฮวนนั่งลงที่ห้องนั่งเล่น ฟางเหนียงเริ่มต้นพูดถึงแผนการที่เธอคิดไว้“ไห่ฮวนค่ะ ฉันคิดว่าเราน่าจะเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ด้วยกันนะคะ เราสามารถใช้สิ่งที่เรามี เช่น การล่าสัตว์และการขายสินค้าท้องถิ่น เพื่อเริ่มต้น” ฟางเหนียงกล่าวด้วยความมุ่งมั่น“จะขายอาหารป่าอย่างนั้นเหรอ” ไห่ฮวนย้อนคำพูดของภรรยาฟางเหนียงพยักหน้ารับ “ฉันมีสูตร” ชายหนุ่มที่ไม่เคยปล่อยให้ภรรยาทำอะไรเลยแม้แต่งานบ้านก็ทำหน้าไม่แน่ใจ แต่เพราะเขาเป็นคนที่ยอมฟางเหนียงทุกอย่างจึงบอกว่าจะไปหาต้นทุนมาให้แต่ ภรรยาคนสวยกลับบอกว่าเธอมีต้นทุนอยู่แล้ว ที
บทที่7“มีอะไรกินก็เก็บเอาไว้กินกันเองเถอะไม่เห็นจะต้องเอามาให้พ่อกับแม่เลยสักนิด แล้วเครื่องปรุงพวกนี้ไม่ใช่ว่ามันแพงหรือยังไง” เพราะพ่อกับแม่คิดเหมือนกันว่าชายหนุ่มไม่ได้มีอาชีพเป็นจริงเป็นจังก็แค่รับจ้างไปเรื่อย ๆ บางทีก็ไม่ได้ออกไปไหนด้วยซ้ำจึงเหมาคิดเอาว่าเงินทองของไห่ฮวนน่าจะไม่พอใช้แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ที่จริงก่อนหน้าจะออกมาจากบ้านฟางเหนียงก็เพิ่งบอกสามีว่าไม่ต้องจัดการเรื่องเงินในกระเป๋าเธอก็ได้ แต่ไห่ฮวนก็มักจะเอาเงินมาใส่เพิ่มให้เสมอ ๆ เธอรู้ว่าสามีของเธอมี แต่เธอไม่ได้เลือกเขาเพราะเรื่องนี้สักหน่อย อยู่กันมาจะครบปีแล้วจนตอนนี้เธอจะเรียนจบอยู่แล้วสามีของเธอก็ไม่กล้าแตะต้องเธอสักนิดทุกวันเอาแต่ไปรับไปส่ง เอาอาหารไปส่งให้พ่อแม่เธอ กลับมาทำงานบ้าน ไปขายของ ไปหาของป่าแล้วก็วนกลับมาเตรียมอาหารเย็นเอาไว้ให้เธอทุกอย่างในบ้านเธอไม่ต้องทำไม่ต้องแตะต้องเลยแม้แต่นิด ปกติอยู่บ้านพ่อแม่ก็ไม่เคยทำอยู่แล้ว พอมาอยู่กับไห่ฮวนยิ่งไม่ต้องทำเข้าไปใหญ่เธอไม่รู้หรอกว่าตัวละครนี้ในนิยายจะทำถึงขั้นนี้ให้นางร้ายหรือไม่ แต่ไห่ฮวนที่เธอรู้จักน่ะทำเช่นนี้แน่ ๆ“เขาเอามาให้แม่ก็รับ
บทที่8เพราะกำลังลองผิดลองถูกกับสูตรอาหารที่ว่า จึงทำให้ช่วงนี้ฟางเหนียงอยู่ตัวคนเดียวบ่อย แม้ไห่ฮวนจะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องขึ้นเขาไป และฟางเหนียงก็ไปซื้อของบางอย่างที่ตลาด ของที่หาจากในป่าบนเขาไม่ได้ การได้พบเจอพวกเด็กปากมากที่เอาแต่ล้อเธอว่าเป็นเมียนายพรานตัวเหม็นทำให้แม้แต่พ่อค้าแม่ค้าก็ยังหัวเราะเยาะเธอ แต่ที่พ่อค้าแม่ค้าหัวเราะไม่ใช่เพราะคำว่า เมียนายพรานตัวเหม็น แต่เป็นเพราะไม่ว่าเด็กที่ล้อจะเป็นหญิงหรือชาย ฟางเหนียงก็ไม่ได้กังวลใจแม้แต่น้อยที่จะหยิบเอาไม้หรือก้อนหินข้างทางมาโยนใส่ ก่อนจะตะโกนขู่กลับว่าจะหักขาเด็กเหล่านั้น บางครั้งก็ขู่นัดเด็กชายไปเจอกันตัวต่อตัวในป่า ซึ่งทำให้คนที่พบเห็นบางคนหัวเราะซะด้วยซ้ำเพราะมันน่ารัก“ระวังเอาไว้เถอะ ถ้าจับได้จะหักขาให้ไม่เหลือเลย” ฟางเหนียงตะโกนไล่หลังไป“เด็กพวกนี้ไม่รู้จักไห่ฮวน เขาเก่งจะตายก่อนหน้าจะประกาศค้าเสรีถ้าไม่ได้เจ้าเด็กนั่นป่านนี้ครอบครัวน้าอาจจะแย่แล้วก็ได้” ที่จริงฟางเหนียงก็รู้เรื่องเช่นนี้บ้างอยู่แล้วว่าไห่ฮวนหาของป่ามาแลกกับทุกอย่างไม่ได้ต้องการจะร่ำรวย แต่ต้องการจะให้คนมีกินกันนั่นก็เพราะช่ว
บทที่9“เรียนจบมาก็สูงไม่รู้ทำไมถึงได้คิดจะไปเปิดร้าน”“ป้ายุ่งเรื่องตัวเองไปเถอะ” ยังไม่ทันที่หญิงมีอายุจะพูดจบไห่ฮวนก็หันไปพูดใส่หน้าอย่างไม่รักษาน้ำใจจนฟางเหนียงที่เดินมาด้วยกันตกใจ“ทำไมไปว่าป้าเขาอย่างนั้น” ไห่ฮวนส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก คุณเข้าบ้านไปก่อนเถอะ ผมจะไปหาอะไรบนเขาหน่อยนี่ก็อีกสักพักกว่าจะมืด” ฟางเหนียงพยักหน้า ไห่ฮวนตามติดเธอตลอด ถึงจะบอกว่าไปเขาแต่พอถึงแยกสุดท้ายก็ยังมาเดินส่งเธอจนเข้าบ้านก่อนที่จะย้อนกลับไปอีกทางเพื่อขึ้นเขาทุกคนดูจะเป็นห่วงกับเรื่องที่เธอกำลังจะทำนี่ แต่ฟางเหนียงกลับไม่กลัวหรือกังวลแม้แต่นิด แน่นอนว่าคนที่เป็นห่วงและกังวลไม่มีไห่ฮวนอยู่ในนั้น เขานั้นเชื่อใจเธอจนชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ไม่ว่าเธอจะทำอะไรไห่ฮวนก็เห็นด้วยทุกอย่าง แต่เขาไม่ควรห่วง นั่นก็เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้ครั้งแรกเพราะสูตรอาหารที่ทุกคนกินแล้วก็ชมเนี่ย ไม่ได้เป็นสูตรทั่ว ๆ ไปแต่เธอลงคอร์สเรียนมาเพื่อเปิดร้านของตัวเองในชาติก่อนเพราะถึงแม้เฟิ่งหลุนจะรวย แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้เงินกระเด็นมาถึงเธอเลยแม้แต่นิด เธอก็จึงต้องออกไปหาเงินใช้เองแน่นอนว่าสิ่งที่เธอเคยลงคอร์สเป็นสูตรที่เก่
บทที่31ฤดูเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่าจนตอนนี้ผมที่เคยยาวสลวยก็เริ่มมีสีขาวแซม ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นการแก่อีกครั้งของฟางเหนียง แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีตรงไหนหญิงชราพิงไปที่ไหล่ของชายชราข้าง ๆ เธอ ““เมื่อยไหมคะ” เธอถาม “ไม่เมื่อยหรอกเพื่อคุณผมทำได้อยู่แล้ว” ลูก ชายคนโตพาภรรยาและหลานมาเยี่ยมพ่อแม่ก็ต้องเลี่ยนกับความรักที่หวานมาก ๆ ของทั้งคู่“อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกหวานกันอีกเหรอครับ” ลูกชายคนโตถามอย่างสงสัย ““หันไปถามลูกสะใภ้สิว่าอีกสิบยี่สิบ หรือห้าสิบปีอยากอยู่กับเราแบบนี้ไหม” ไห่ฮวนถามลูฟางกชายฟางเหนียงหลุดหัวเราะไห่ฮวนในตอนนี้ช่างไม่คุ้นชินในความรู้สึกของเธอเลยแม้แต่น้อย ปกติแล้วอีกฝ่ายจะไม่ปากจัดแบบนี้ แต่พออายุมากขึ้นคงเป็นความกล้าที่จะพูดเรื่องที่อยู่ในใจมากขึ้นหรือเปล่าเจ้าตัวถึงได้ดูเหมือนจะขี้บ่นมากขึ้นแต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบนะ “อย่าแกล้งลูกสิคะ” ฟางเหนียงห้ามสามี “ลูกก็แค่อิจฉาคุณเท่านั้นน่ะแหละ” และเพราะคำนั้นก็ทำให้ไห่ฮวนข่มลูกชายได้อีกครั้ง “เอาเถอะครับผมยอมแล้ว ว่าแต่น้องมาเมื่อกี้ไปไหนแล้วล่ะครับ” พี่ชายคนโตที่นาน ๆ จะได้กลับมาเจอกับน้องสาวเอ่ยถาม ““
บทที่30ฟางเหนียงถูกรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เธอได้แต่คิดว่าถ้าเธอเข้าไปในนิยายยุคปัจจุบันสามีของเธอคงเข้ามาในห้องคลอดกับเธอด้วยได้ แต่ตอนนี้คงทำได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องคลอดเท่านั้น“อาไห่เป็นอย่างไรบ้าง” พ่อของฟางเหนียงได้ยินว่าลูกสาวจะคลอดก็เร่งลางานกลับมา ก่อนจะมาก็แวะรับคนเป็นแม่จากร้านอาหาร ซึ่งบรรดาลูกจ้างทุกคนก็ต่างตื่นเต้นกันใหญ่ที่รู้ว่าเจ้านายของพวกเธอและเขากำลังจะคลอดลูกไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของไห่ฮวนที่มาถึงที่บ้านก็เจอกับป้าข้างบ้านบอกให้มาที่โรงพยาบาลทั้งสองกับหลานอีกคนก็เร่งมาที่โรงพยาบาลพอดี“อาฮวน ลูกสะใภ้แม่เป็นอย่างไรบ้าง” ไห่ฮวนส่ายหน้าเพราะเขาไม่รู้ “ยังอยู่ในห้องเลยครับ “เอาไว้ผมค่อยแนะนำทุกคนนะครับ ตอนนี้ผม...” ทุกคนตบไหล่ชายหนุ่ม นั่นก็เพราะความตื่นเต้นที่ไห่ฮวนมีทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร ต่างก็เคยได้ท้องได้คลอดกันมาแล้ว ยกเว้นแต่หลานที่ถูกพามาด้วยที่ค่อนข้างจะตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างไปหมด“อุแว้ อุแว้” เสียงของเด็กที่ร้องดังลั่นห้องทำให้ไห่ฮวนหันมาบอกกับทุกคน “นั่นเสียงลูกผม เสียงลูกผมแน่ ๆ” ชายหนุ่มพูดอย่างยินดี เขาตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว ไม่นานน
บทที่29ตั้งแต่หญิงสาวเริ่มท้องไห่ฮวนก็ดูแลเธอดีมาก ๆ อีกฝ่ายแทบจะอุ้มเธอไปอาบน้ำและจัดการทุกอย่างให้เลยด้วยซ้ำ เล็บเท้าก็จัดการตัดให้ ทั้งยังนวดขาให้บ่อย ๆ เพราะรู้ว่าเธอเมื่อย ทุกอย่างที่ไห่ฮวนทำมันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตอนที่คบอยู่กับเฟิ่งหลุน แม้ว่าอีกฝ่ายจะถูกตัดสินไปแล้ว เธอไม่ได้สนใจหรอกว่าตัดสินว่าอย่างไร แค่เฟิ่งหลุนได้รับผลของการกระทำนั่นก็ดีแล้ว ดีสำหรับทุกคนตอนที่เธอท้องชาติก่อน เธอมีแต่ความรู้สึกแย่ ๆ ต่างกับตอนนี้ที่มีแต่รอยยิ้มในทุกวัน กิจการดี พ่อแม่ก็มีความสุข แม้แต่คนของครอบครัวสามีก็มีความสุข“แม่บอกว่าถ้าคุณคลอดเธอจะมาที่นี่” ฟางเหนียงยอมรับว่าตกใจมาก ๆ ที่ได้ยินอย่างนั้น “แล้วคุณแม่ของคุณจะเดินทางคนเดียวได้เหรอ”“จะได้อย่างไรกันล่ะ พ่อไม่มีทางยอมหรอก ก็คงจะมาด้วย แล้วก็ให้หลานคนโตดูแล โชคดีที่พวกเขามีลูกก่อนหน้านี้ไม่ต้องถูกบังคับให้มีคนเดียว”ฟางเหนียงอยากบอกว่าอีกสิบกว่าปีเดี๋ยวพวกเราก็มีได้อีก ก็ดีเหมือนกันห่างจากคนแรกประมาณสิบปีแต่ไม่รู้ว่าถึงวันนั้นเธอจะยังสามารถมีลูกได้ไหม“สักวันอาจจะมีการเปลี่ยนกฎก็ได้นะคะ” ไห่ฮวนพยักหน้า“ก็อาจจะเป็นไปได้” เ
บทที่28ฟางเหนียงใช้เวลาที่นี่ส่วนใหญ่ในการสอนทุกคนที่อยากเรียนให้ทำเนื้อแห้งแล้วใส่ถุงที่จริงแค่เพียงทำลงไปขายในเมืองข้างล่างวันแรกก็ขายหมดในทันที“สูตรนี้อร่อยจริง ๆ และยังเก็บเอาไว้ทยอยกินได้ด้วย คิดเองเหรอ” ฟางเหนียงไม่เอาความดีเข้าตัว“ซื้อมาจากร้านที่เมื่อก่อน ไห่ฮวนเขาส่งเนื้อให้ค่ะ ร้านที่พวกเราเซ้งมา” คนเป็นพ่อสามีพยักหน้า“อย่างนี้ก็ดีเนอะ ขอบใจหนูมากนะ ลูกชายของพ่อมันซื่อบื้อ หากไม่มีหนูก็ไม่รู้จะมีวันนี้ได้หรือเปล่า” ฟางเหนียงส่ายหน้า “ที่จริงเขาเป็นคนมีความสามารถและนิสัยดีมากนะคะ” หญิงสาวชื่นชมสามีของตัวเองไห่ฮวนที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องก็ชะงักเพื่อแอบฟัง“เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าสิ่งที่เขามีมันไม่มีค่าอะไร ทั้ง ๆ ที่มันหาค่าไม่ได้ ทั้งความสามารถที่เขามีหรือแม้แต่ของในบ้านรวมถึงครอบครัวที่นี่ด้วย” คนอื่น ๆ ที่ได้ฟังก็พยักหน้าตาม“จะว่าไปความคิดหนูนี่เป็นผู้ใหญ่ดีจังเลยนะ” ฟางเหนียงแอบยิ้มจะไม่เป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไร เธอใช้ชีวิตที่แย่มาก่อนแล้ว แย่ตั้งแต่ต้นจนจบ และตอนนี้ได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง แก่กว่าทุกคนในห้องอีกมั้งอายุความคิดของเธอเนี่ยแต่ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ไม่
บทที่27“ผมเฝ้ามองคุณมานานขนาดนี้จะไม่รู้ได้อย่างไงว่าคุณเป็นคนยังไง เหนื่อยไหม ตรงด้านหลังมีน้ำตกนะได้ยินเสียงไหม ที่พ่ออยากให้พักที่นี่ก็คงเพราะน้ำตกนั่นแหละ” ทั้งสองเก็บของก่อนจะไปเล่นน้ำตกแม้ว่าจะบอกว่านี่คือการมาเยี่ยมบ้านของไห่ฮวน แต่แท้จริงแล้วเป็นการมาผ่อนคลายซะมากกว่า “แย่แล้วสิ อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ เลย” ตอนแรกคิดอย่างนั้นแล้ว แต่ยิ่งอยู่ ๆ ไป ที่จริงก็ยังไม่ถึงวัน แต่ก็ไม่อยากกลับซะแล้ว“มนตร์เสน่ห์ของชนบทมั้ง มันไม่วุ่นวายเหมือนหมู่บ้านที่เราอยู่คุณว่าไหม” ฟางเหนียงเห็นด้วยกับคำของสามี “แต่ถ้ามีลูก อยู่ในเมืองก็จะมีโรงเรียนที่ดี”“ยังไม่มีสักคนเลยนะ คิดเรื่องนี้แล้วเหรอ” ฟางเหนียงหันมายิ้มอาย ๆ ให้กับสามี “ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ มีสิคะ” เธอไม่ได้อยากจะยั่วเขาหรอก แต่เธอกลัว กลัวว่าสักวันหากเขาจากไปก่อน หรือเธอจากไปก่อน เราคนใดคนหนึ่งจะเหงา ถ้ามีลูก พวกเขาก็คงจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่เขา คงไม่เหมือนตอนเธอที่ต้องตายเพียงลำพัง“ผมสัญญาเลยปีหนึ่งผมจะทำให้คุณท้องให้ได้” ฟางเหนียงตาโต ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวกลับเข้าไปในเรือน แน่นอนว่าไม่มีใครรบกวนพวกเขาน
บทที่26“อาฮวนแม่คิดถึงจังเลย หน้าตาเปลี่ยนไปหมดจนแม่จำแทบไม่ได้แล้ว หล่อกว่าพ่อของเราตอนหนุ่ม ๆ อีกนะเนี่ย” คนเป็นแม่เมื่อเห็นลูกชายที่ไม่ได้เจอกันนานก็ร้องไห้ออกมา “หนูคงเป็นภรรยาอาฮวนสินะ ฟางเหนียงใช่ไหมลูก น่ารักสวยจริง ๆ ตอนเด็กว่าสวยแล้วยิ่งโตยิ่งสวย”“เก่งด้วยนะครับแม่ แม่ครับลุงถังมาส่งพวกเราที่นี่”“พ่อลุงถังมาส่งลูกเอาข้าวสารให้เขาสักกระสอบสิ ค่ารถเท่าไรก็ไม่คุ้มหรอกกว่าจะมาถึงนี่ได้ มานี่มาลูกสะใภ้ของแม่ไปไหว้คุณปู่กับคุณย่าด้วยกันนะคะลูก” ไห่ฮวนกับพ่อของเขามองแม่ที่ดูจะดีใจเป็นพิเศษที่สะใภ้สวยก็เร่งพาทุกคนไปที่ห้องของปู่กับย่า“หลาน ๆ ทุกคนจำพี่ฮวนได้ไหม แล้วนี่น้าสะใภ้”“โหสวยอย่างกับเทพธิดา”“พูดอย่างนี้เคยเห็นหรือไง” ฟางเหนียงอดหัวเราะไม่ได้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น “เป็นอย่างนี้กันทุกวันไหมคะ” หญิงสาวอดถามไม่ได้ “ก็อย่างนี้นั่นแหละ อยู่กันหลายคน ต่างคนต่างแย่งกันพูด”“แต่แม่เราเขาพูดมากสุด” คนเป็นพ่อกระซิบเบา ๆ ซึ่งคิดว่าถ้าแม่ได้ยินจะต้องโดนดีเป็นแน่บรรยากาศทั้งหมดไม่เหมือนกับที่ฟางเหนียงคิดเอาไว้เลย เธอคิดว่าที่นี่จะต้องเหมือนกับชนบทหลาย ๆ ที่ที่เคยเห็นผ่านรูป แต
บทที่25ผ่านไปกว่าเดือนจากเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นร่างกายของทั้งสองก็ดีแล้วแต่จิตใจก็ยังมีระแวงอยู่บ้าง ที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน บางทีคราวนี้ก็มีพ่อกับแม่ของหญิงสาวมาเป็นเพื่อนด้วยเพราะกังวล ทั้้ง ๆ ที่ทั้งคู่บอกว่าไม่ต้องก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะความเป็นห่วงพ่อแม่ของไห่ฮวนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็โวยวายจะมาที่เมืองหลวง แต่เขาก็บอกว่าจะไปหาที่นั่นอยู่แล้วจะพาลูกสะใภ้ไปด้วยทั้งคู่ถึงได้ยอมอย่างไรไปทางนั้นก็ดีกว่าเพราะปู่ย่าของพวกเขาแก่ชรามากแล้วคงเดินทางไปไหนมาไหนไม่ไหว และที่นั่นก็มีญาติฝั่งเขาอยู่หลายคน ไปทีเดียวจะได้ทำความรู้จักทั้งหมด“เก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยัง” ไห่ฮวนถามฟางเหนียง ของของเขาไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไปมากหรอก ผู้ชายแค่มีชุดให้เพียงแค่นั้นแล้วก็ขนมของเล่นจากที่นี่ ของบำรุงฝากพ่อแม่ปู่ย่าเท่านั้นก็พอแล้ว“แล้วทางตายายของคุณ” ฟางเหนียงถามอย่างระวัง เธอต้องรู้เรื่องก่อนไม่อย่างนั้นจะไปทำอะไรป้ำ ๆ เป๋อ ๆ คงจะขายหน้าน่าดู“ท่านเสียไปแล้วเห็นแม่บอกว่าอย่างนั้นนะ ผมเองก็ไม่ได้เจอหรอก เพราะมาอยู่ที่นี่” พอได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งสงสัย “แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ บ้านคุณเหมือนอย
บทที่24ฟางเหนียงและไห่ฮวนอยู่ที่โรงพยาบาล พ่อแม่ของหญิงสาวต่างกังวลมากหลังจากได้ยินข่าว ฟางเหนียงรู้สึกตกใจมากกับความจริงทั้งหมดที่ได้รู้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอข้ามมิติมาหรือเปล่า ความบาดหมางของคุณชายหวังกับภรรยาที่ควรจะแค่ซ้อมเมียและคนในบ้านเป็นใจพร้อมทั้งรับเมียน้อยเข้ามาอยู่ด้วยกลับตาลปัตรไปหมดอย่างนี้“เจ็บไหม” ฟางเหนียงถามสามี แต่เขากลับส่ายหน้าไห่ฮวนมองภรรยาด้วยความเป็นห่วง “คุณต่างหาก ผมแค่โดนข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่คุณล้มลงไปที่พื้นแข็งมานะ เจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า” ฟางเหนียงส่ายหน้า เธอดีใจที่สุด ขาของเขานั้นยังคงใช้ได้ดี มีเพียงแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น“ฉันไม่ควรเข้าไปกับคุณเลย เกือบไม่รอดแล้ว” ฟางเหนียงคิดว่าตัวเองทำให้เขาบาดเจ็บ “ถ้าคุณไม่เข้าไปด้วยผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ” ดวงตากลมเงยขึ้นมองสามี “ทำไมล่ะ” ไห่ฮวนยิ้ม “เพราะผมระวังมากกว่าปกติเสมอเมื่อมีคุณ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ“พ่อกับแม่ก็เป็นห่วงแทบแย่ มาหวานกันอยู่ตรงนี้ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก” ทั้งสองคนส่ายหน้า“ใครจะไปนึกว่าเรื่องจะถึงขั้นนี้” คนเป็นพ่อเอ่ย แม่ของฟางเหนียงก็รีบย้ำทันที“น่ากลัวมากจริง ๆ ไม่รู้ถ้า
บทที่23ทั้งสองเดินผ่านป่าที่เขาเคยออกล่าสัตว์ประจำแล้วไห่ฮวนก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ “ฟางเหนียงเข้ามาใกล้ ๆ ผม” ร่องรอยแปลก ๆ ที่เห็นทำให้เขากังวล แน่นอนว่าป่าแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เขาที่เข้าไปล่าสัตว์ และก็ไม่ได้มีแค่คนกลุ่มเขา พวกเขาไม่ใช้กับดักที่เป็นอันตรายเพราะมันทำให้เนื้อสัตว์ไม่ดีถ้ามาเอาไปช้าแล้วสัตว์ตายก่อน และยังอันตรายต่อคนเดินไปเดินมาแต่เมื่อครู่เขาเห็นไม้ไผ่เพิ่งถูกตัดไปใหม่ ๆ แน่นอนว่าไม่แปลก คนก็ตัดกันไปเยอะ แต่มันแปลกตรงที่คนที่ตัดดูเหมือนจะอยากให้มันแหลมมาก ๆ “เดินตามผมเท่านั้น” ไห่ฮวนบอกภรรยา ในเมื่อเข้ามาแล้วก็คงจะทำอะไรอีกไม่ได้ ต้องวนไปให้ครบทางเพื่อออกไปเท่านั้น เพราะหากย้อนกลับไปทางเก่าอาจจะทำให้คนที่ดักอยู่จัดการพวกเขาได้ง่ายกว่าเดิม มือของชายหนุ่มกระชับหน้าไม้ในมือเอาไว้แน่น เขาหวังว่าจะมาจับสัตว์มีพิษอย่างงู หรืออะไรที่ใหญ่กว่านั้นแต่ไม่ต้องเข้าใกล้จึงเอาหน้าไม้มาด้วย ไม่นึกว่าจะเอามาได้ถูกวันฟางเหนียงเดินตามสามีของตนด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัวแต่เธอก็พยายามเชื่อใจเขาให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าถ้าเขามีสมาธิจะไม่เกิดอะไรขึ้นแน่ ๆ หญิงสาวบีบมือของเขาราวกับให้กำลังใ