ซ่งรั่วเจินฟังคำบอกเล่านั้นแล้ว ดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจ นี่คงไม่ใช่...เจ้าสาวผีหรอกนะ?เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับนางแต่อย่างใด อันที่จริงในหมู่ชาวบ้านก็มักเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นบ่อยๆ กระทั่งว่าจัดงานแต่งงานกับผีก็ยังมี แต่เห็นได้ชัดว่าครอบครัวคนผู้นี้ไม่รู้เรื่อง ทั้งยังถูกผีสาวตามพัวพันสำเร็จแล้วด้วย?“เจ้าว่าเรื่องนี้แปลกไหม?”ฉู่อวิ๋นกุยมีสีหน้าร้อนใจ ถ้าเป็นตอนก่อนหน้าที่จะได้รู้จักซ่งรั่วเจิน เขาจะต้องไม่คิดอะไรมากเป็นแน่ คงคิดแค่ว่าเจ้าหมอนี่หมกมุ่นตอนกลางวันเอาไปฝันตอนกลางคืน พูดตรงๆ ก็คือแตกหนุ่มแล้วแต่หลังจากที่เขาได้เห็นสีหน้าที่ทั้งอิดโรยและไม่น่ามองของจ้าวซวี่ไป๋ก็รู้สึกว่าจะต้องมีปัญหาแน่นอนซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดยืนยันออกมาตรงๆ“จากที่ท่านพูดมา สถานการณ์ก็ประหลาดอยู่บ้างจริงๆ นั่นแหละ แต่ตกลงแล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ยังต้องไปดูด้วยตาตัวเองก่อนจึงจะยืนยันได้”“ตอนนี้สุขภาพเขาย่ำแย่ลงทุกที ท่านบอกว่าเขาล้มป่วยหนัก รู้หรือไม่ว่าป่วยเป็นอะไร?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉู่อวิ๋นกุยส่ายศีรษะ “หมอหลายคนไปดูอาการให้แล้ว แต่ดูเหมือนก็ตรวจไม่พบอะไร
“ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเจ้าได้รับความตกใจ หลังกลับมาก็มีไข้สูงไปสามวัน ต่อมาถึงได้ดีขึ้น”เนื่องจากตอนนั้นนี่เป็นเรื่องครึกโครมมาก เขาจึงจำเรื่องนี้ได้แม่น ตอนนั้นคนที่กลับมาล้วนถูกสั่งสอนอย่างหนัก ฉู่จวินถิงจึงมีความประทับใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งตอนนั้นเขายังพยายามทำความเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้โดยละเอียด หลังจากจ้าวซวี่ไป๋ทะเลาะกับแม่นางผู้นั้น สองฝ่ายก็แยกทางกัน พวกเขาไปเล่นบริเวณไม่ไกลออกไป ทั้งยังไม่คิดว่าแม่นางผู้นั้นจะเกิดเรื่องไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดอยู่ดีๆ จึงพลัดตกน้ำฉู่อวิ๋นกุยนึกถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่จึงลูบแขนโดยไม่รู้ตัว “แม่นางซ่ง เจ้าคงไม่ได้หมายความว่าแม่นางในความฝันของซวี่ไป๋คือเพื่อนเล่นสมัยเด็กผู้นั้นหรอกนะ?”หลังจากซ่งรั่วเจินได้ยินว่าที่นั่นเคยมีคนจมน้ำตายมาก่อนจริงๆ ทั้งยังเป็นแม่นางที่รู้จักก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง“ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้นี้ ถ้าไม่มีต้นสายปลายเหตุเสียเลย จู่ๆ ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางมาพัวพันกะทันหันเช่นนี้”“แม่น้ำทุกสายล้วนเคยมีคนตายมาก่อน คนที่ตกน้ำยิ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่คนส่วนใหญ่ หลังจากตกน้ำก็ไม่
หวงซือถิงได้ยินวาจานั้นแล้วก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อโดยไม่รู้ตัว ดวงตาแฝงรอยคาดหวังหลังจากพบกันคราวก่อน นางก็พบว่าท่าทีของอวิ๋นเฉิงเจ๋อเย็นชาอย่างมาก แม้นางจะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน แต่ก็เข้าใจว่านั่นไม่ใช่ท่าทางของคนที่ได้พบคนในดวงใจเดิมทีเขาก็ไม่ได้เต็มใจมาพบนาง เพราะได้รับความช่วยเหลือจากญาติผู้ใหญ่จึงมีโอกาสเจอหน้ากัน กระทั่งว่าตอนจากลา ท่าทีของเขาก็แสดงออกชัดเจนยิ่งว่าไม่มีความคิดจะแต่งงาน อย่ามาเสียเวลากับเขาเลยแต่ตอนนั้นนางพบอวิ๋นเฉิงเจ๋อครั้งแรกก็ตกหลุมรักทันที ตอนนี้ถึงวัยออกเรือนแล้วจึงอยากจะลองดูสักครั้งในเมื่อเขาไม่มีคนในดวงใจ เช่นนั้นตนเองก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีโอกาสเอาเสียเลยอวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอย่างนั้นก็รู้ว่าอวิ๋นเนี่ยนชูกำลังโกรธเคืองเขาอยู่จึงกล่าวว่า “ระวังคำพูดและการกระทำ เรื่องที่ไม่มีมูลก็อย่าพูดจาส่งเดช จะทำให้ชื่อเสียงแม่นางหวงเสื่อมเสียเอาได้”“เรื่องที่ไม่มีมูล?”ดวงตาอวิ๋นเนี่ยนชูฉายแววตกตะลึงพลางมองไปทางหวงซือถิงโดยไม่รู้ตัว แล้วก็มองเห็นความผิดหวังบนสีหน้าของอีกฝ่ายแววตานางเปลี่ยนไปหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว เห็นทีแม่นางผู้นี้คงเหมือนกับนางสินะ...
“วันนี้พ่อของหม่อมฉันเข้าวังไปแล้ว ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายที่เมืองผิงหยาง วันนี้กลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถาม“วางใจเถอะ เดิมทีท่านลุงก็เป็นขุนนางจงรัก คราวนี้สาเหตุที่อยู่ที่เมืองผิงหยางนานขนาดนี้ก็เป็นเพราะถูกบังคับ”“วันนี้รองแม่ทัพคนอื่นๆ ก็เข้าวังไปด้วยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เสด็จพ่อก็ทรงนึกเสียดายที่ท่านลุงพลีชีพไปในสมรภูมิ ตอนนี้เห็นเขากลับมาแล้วก็ดีพระทัยมาก”ซ่งรั่วเจินได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยวางใจ “เช่นนั้นก็ดีเพคะ”“ข้ารู้ว่าหลังจากท่านลุงกลับมาจะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้นในสมรภูมิไปง่ายๆ เป็นแน่ แต่เรื่องก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็คงใช้วิธีการตุกติกไปแล้ว ดังนั้นคิดจะพลิกคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้งคงไม่ง่ายดายปานนั้น”“รอจนเจ้ากลับไปแล้วก็ลองเกลี้ยกล่อมท่านลุงดู อย่าได้ร้อนใจเกินไป ความจริงจะต้องถูกตรวจสอบออกมาได้ไม่ช้าก็เร็ว”“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ”ซ่งรั่วเจินมองฉู่จวินถิงอย่างลึกซึ้ง เขาคาดเดาความคิดในใจของท่านพ่อได้จริงๆ ด้วย แต่คิดจะทำเรื่องนี้หาได้ง่ายดายไม่ แต่ดำย่อมไม่อาจกลายเป็นขาว ความจริงจะต้องปรากฏออกมาในสักวันณ ต
ทุกคนล้วนฝันกันทั้งนั้นฝันเป็นเรื่องราวติดต่อกันหลายวัน เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อนทว่าทุกวันล้วนฝัน สรรพสิ่งในฝันแทบเหมือนเป็นโลกอีกใบ เรื่องแบบนี้พวกเขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่นางในฝันที่จะแต่งงานด้วยในตอนนี้!ซ่งรั่วเจินกลับไม่ประหลาดใจนัก เพียงแต่นึกยินดีอยู่บ้างโชคดีที่พวกนางมาได้ค่อนข้างทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้สักหลายวัน รอจนคนทั้งสองแต่งงานกันจริงไปแล้ว นั่นก็จะช่วยยากจริงๆ แล้ว...“ฮูหยิน ท่านอ๋องทั้งสองมาแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมรีบมารายงานนายหญิงจ้าวได้ยินคำรายงานนี้ก็ออกมาจากในห้องทันที เห็นพวกฉู่จวินถิงอยู่ข้างนอกก็รีบร้อนแสดงคารวะ “คารวะท่านอ๋องทั้งสอง”“ท่านป้า ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะรู้เรื่องซวี่ไป๋จึงตั้งใจมาเยี่ยมโดยเฉพาะ” ฉู่อวิ๋นกุยกล่าวตามตรงสายตานายหญิงจ้าวตกลงบนร่างซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้ตัว นางย่อมเคยได้ยินมาก่อนว่าแม่นางตระกูลซ่งผู้นี้เชี่ยวชาญวิชาคุณไสย ตอนนั้นไม่เพียงช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวแท้ๆ จนเจอ ต่อมายังเปิดโปงความจริงเรื่องที่ตระกูลหลิ่วสลับตัวลูกอีกด้วยเดิมนางก็คิดว่าจะไปเชิญพระอาจารย์ที่มีวิชาแก่กล้ามาดูว่าลูกชายต้องคุ
“ผีสาวอะไรกัน เหมียวเหมี่ยวคือนางเซียน เจ้าอย่าใส่ร้ายนาง!” จ้าวซวี่ไป๋เลือดขึ้นหน้า“นางเซียน?” ฉู่อวิ๋นกุยแทบหัวเราะออกมาเพราะความโมโห “ถ้าเป็นนางเซียนจริง ตอนนี้เจ้าก็ควรกระปรี้ประเปร่าอิ่มเอิบ ทั้งยังเป็นไปได้ว่าอาจมีอายุยืนเป็นร้อยปีเพราะได้รับความช่วยเหลือจากนาง แต่เจ้าดูซิว่าตอนนี้เจ้ามีสารรูปแบบไหน?”“เจ้าดูตัวเองในกระจก สารรูปเหมือนใกล้จะลงโลงแบบนี้ เมื่อก่อนเจ้าชอบอ้างว่าตัวเองไม่มีทางถูกความรู้สึกบังตา จะต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ไม่ใช่หรือไร?”“ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ข้าแนะให้เจ้าใคร่ครวญดูให้ดีเสียเถอะ!”จ้าวซวี่ไป๋รับกระจกที่ฉู่อวิ๋นกุยโยนมาให้แล้วเหลือบมองไปโดยจิตใต้สำนึก หลังจากเห็นใบหน้าที่ซูบตอบซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย ในใจก็ต้องตกตะลึง เหมือนคิดไม่ถึงว่าตนเองจะกลายเป็นแบบนี้ซ่งรั่วเจินเพิ่งเคยเห็นท่าทางเดือดดาลเช่นนี้ของฉู่อวิ๋นกุยเป็นครั้งแรก เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองเป็นสหายสนิทกันอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่โมโหถึงขั้นนี้“เจ้าดูอะไรออกหรือยัง? เป็นเพราะผีสาวตามรังควานจริงๆ หรือ?” ฉู่จวินถิงถามซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ท่านดูพลังชีวิตของเขา พลังหยางแทบถู
“จ้าวฮูหยิน สถานการณ์ของคุณชายจ้าวมิอาจปล่อยให้ล่าช้าได้อีก หากปล่อยให้ล่าช้าต่อไป เกรงว่ายากที่จะมีชีวิตรอด” ซ่งรั่วเจินเหลือบตามองเฉียนหย่าหลินเล็กน้อย “หากคุณชายจ้าวต้องเป็นอะไรไปเพราะการขัดขวางของท่าน ท่านจะรับผิดชอบไหวใช่หรือไม่?” เฉียนหย่าหลินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไรไร้สาระ? ซวี่ไป๋จะไม่เป็นอะไร!” ก่อนหน้านี้ฉู่อวิ๋นกุยก็รู้เรื่องที่เฉียนหย่าหลินกับซ่งรั่วเจินขัดแย้งกันมาก่อน วันนี้จึงถือเป็นการได้เห็นว่า แท้จริงแล้วสตรีนางนี้บ้าคลั่งขนาดไหน ฉู่เทียนเช่อสามารถทนกับฮูหยินเช่นนางได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งมากยิ่งนัก! “ไสหัวไป!” ฉู่จวินถิงส่งสายตาหนึ่งที เพื่อให้อวิ๋นหยางไล่เฉียนหย่าหลินออกไปทันที “ท่านน้า ท่านดูสิว่าพวกเขาทำกับข้าเช่นไร! ท่านอย่าทำร้ายซวี่ไป๋เลยนะ!” เฉียนหย่าหลินพูดด้วยความร้อนรน นายหญิงจ้าวมีสีหน้าอับอาย พลางกล่าวว่า “ขออภัยจริง ๆ เฉียนหย่าหลินชินกับความเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก พูดจาไม่คำนึงถึงความเหมาะสม พวกท่านทั้งหลายอย่าถือสาเลยนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วจ้าวซวี่ไป๋กับเฉียนหย่าหลินเป็นญา
ในช่วงฤดูที่สายหมอกและสายฝนโปรยปราย จ้าวซวี่ไป๋ได้บังเอิญพบเจอกับแม่นางเหมียวเหมี่ยวที่ลืมพกร่มมา นางมีผิวพรรณขาวผ่องงดงาม ราวกับดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานอยู่ริมทาง ทั้งบริสุทธิ์ อ่อนโยน และดูไร้เดียงสา จนผู้คนอดไม่ได้ที่จะอยากปกป้อง ยามที่นางยิ้มก็ยิ่งอ่อนหวาน ราวกับรอยยิ้มนั้นได้แทรกซึมเข้าสู่หัวใจผู้คน จ้าวซวี่ไป๋พูดไปพูดมาก็อดไม่ได้ที่จะเผลอเผยรอยยิ้มออกมา ครั้นเมื่อกล่าวถึงช่วงท้าย แก้มก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม ซ่งรั่วเจินสบตากับคนอื่น ๆ แวบหนึ่ง แม้เขาจะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจน แต่ทุกคนล้วนเข้าใจดีว่า การพบเจอกันเช่นใดที่สามารถทำให้จิตใจของบุรุษว้าวุ่น จนถูกช่วงชิงวิญญาณไปโดยสิ้นเชิง รสชาติแห่งความลุ่มหลงในความฝันนี้ คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาเป็นแน่ “อวิ๋นอ๋อง ก่อนหน้านี้ท่านกล่าวว่าคุณชายจ้าวเคยมีสหายรักตั้งแต่วัยเยาว์ที่พลัดตกน้ำตายเมื่อหลายปีก่อน มีนามว่าอะไรหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม ฉู่อวิ๋นกุยขมวดคิ้ว “ข้ากับแม่นางผู้นั้นมิได้สนิทสนมกันนัก อีกทั้งยังผ่านมาหลายปีเช่นนี้ กล่าวตามตรง ข้าก็จำมิได้” “นางคือเฉียนชิ่งเหมียว” นายหญิงจ้าวรีบเอ่ยขึ้น “เฉี
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ