“เช่ออ๋องไม่ได้หย่านางโดยตรง เพียงลดขั้นเป็นชายารอง ทั้งยังยอมก้มศีรษะให้ข้าเพราะเรื่องนี้ ตระกูลเฉียนย่อมเห็นแก่น้ำใจตรงนี้”“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ถูกหลอกใช้แล้วน่ะสิเพคะ?”ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้วแน่น คนในราชวงศ์พวกนี้ไม่มีใครธรรมดาสักคนจริงๆ ด้วย ถึงจะดูเหมือนมีความคิดเรียบง่าย แท้จริงกลับมีความคิดคดเคี้ยว เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย!ฉู่จวินถิงเห็นความขุ่นเคืองจากสีหน้าซ่งรั่วเจินแล้วก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “เช่ออ๋องตั้งใจจะเปลี่ยนตัวชายาอยู่แล้ว แต่แค่กำลังมองหาโอกาสที่เหมาะสมอยู่เท่านั้น คนที่หมายตาไว้ถ้าไม่ใช่ข้าก็เป็นองค์ชายใหญ่”“ยามนี้องค์ชายใหญ่เก็บงำประกาย ข้าเดิมก็เป็นตัวเลือกของเขาอยู่แล้ว ผลลัพธ์เช่นนี้อยู่ในความคาดหมาย เรื่องนี้ย่อมทำให้แผนการของเขาสำเร็จลุล่วง แต่น้ำสามารถหนุนเรือได้ฉันใดก็สามารถคว่ำเรือได้ฉันนั้น”ซ่งรั่วเจินได้ยินดังนั้นก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วน แผนลับเหล่านี้ในสายตาของพวกฉู่จวินถิงก็คือแผนการอันเปิดเผยราชครูกู้ทราบว่าครั้งนี้ซ่งรั่วเจินร่วมทางมาด้วย เพิ่งมาถึงก็ได้ยินคนทั้งสองกำลังพูดถึงเรื่องชายารองของเช่ออ๋องกันอยู่ฉู่อ๋องโดดเด่นอย่างมากในหมู่องค์ชาย เพียง
บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความชื่นมื่น กู้หวยซวี่ฟังพวกเด็กๆ พูดจาเคล้าเสียงหัวเราะ รอยยิ้มไม่เคยคลายไปจากใบหน้า“ท่านตา ท่านอยู่ในราชสำนักมาหลายปี ไม่มีเรื่องสนุกอันใดมาเล่าให้พวกข้าฟังบ้างหรือขอรับ?” ซ่งจืออวี้ถามกู้หวยซวี่ครุ่นคิดแล้วก็ไม่ได้พูดถึงคนอื่น แต่เล่าเรื่องตลกที่กู้ชิงเหยี่ยนและกู้ชิงซิวก่อไว้ในอดีต ทุกคนฟังจนหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง“จริงสิ หลังจากใต้เท้าอวิ๋นหย่าแล้ว อนุอวิ๋นก็เริ่มแผลงฤทธิ์ภายในจวน น้องหญิงห้าเคยได้ยินหรือไม่?”ซ่งจิ่งเซินเอ่ยสัพยอกยิ้มๆ รู้สึกเพียงสมน้ำหน้าใต้เท้าอวิ๋น ภรรยาที่ดีขนาดนั้นกลับไม่ต้องการ มิหนำซ้ำยังโปรดปรานอนุย่ำยีภรรยาเอก เอาอกเอาใจอนุอวิ๋นจนเคยตัว“เพราะเรื่องเงินหรือเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถามซ่งจิ่งเซินพยักหน้า “วันนั้นตอนที่คนจวนสกุลอวิ๋นนำเงินสามแสนตำลึงมาส่งก็มีสีหน้าไม่น่ามองแล้ว ได้ยินว่าวันนั้นป้าจางพาคนกลุ่มหนึ่งไปขนสิ่งของจากจวนสกุลอวิ๋น เอิกเกริกกันไม่เบาเชียวละ”“อนุอวิ๋นเห็นสิ่งของถูกขนไปจนหมด ในใจถึงกับหลั่งเลือด ถึงตอนท้ายยังเข้ามาขวางตรงๆ หาว่าป้าจางมาปล้นเอาซึ่งหน้า แทบจะลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว”“แล้วภายหลังเรื่อง
ฉู่จวินถิงมองท่าเรือตรงหน้า คิ้วคมขมวดเข้าหากันน้อยๆ อุทกภัยครานี้ประหลาดมาก ทั้งที่ไม่ใช่ฤดูกาลที่มีฝนตกชุกแบบช่วงเดือนห้าเดือนหก แต่กลับมีฝนตกต่อเนื่องกันเป็นเวลานานหลายวันแล้วไม่เพียงเท่านี้ อากาศหนาวปานนี้ น้ำในแม่น้ำเย็นเฉียบเสียดกระดูก คนที่ถูกน้ำท่วมกวาดไปด้วยยากจะรอดชีวิตมาได้ ถึงจะลี้ภัยมาตลอดทางก็ยังลำบากตรากตรำกว่าช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่นหลายเท่าตัวกู้หวยซวี่ย่อมสังเกตเห็นแล้วเช่นกัน เขาตีหน้าขรึม แววตาซับซ้อน “เงินบรรเทาภัยพิบัติจากราชสำนักส่งลงมาแล้ว แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไร”“เรือพวกเราขนเสบียงช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาด้วย เมืองใกล้เคียงก็เปิดยุ้งฉางแจกจ่ายเสบียงแล้ว แต่ชาวบ้านกลับยังคงอพยพลี้ภัย จะต้องมีปัญหาในเรื่องนี้เป็นแน่”“ที่นี่อยู่ใกล้เมืองผิงหยางแล้ว พวกเราลงไปดูกันสักหน่อยดีกว่า” ฉู่จวินถิงกล่าว“ดี”ซ่งรั่วเจินก็สังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างสถานการณ์ของท่าเรือตรงหน้ากับสถานที่ที่พวกนางผ่านมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน ประจวบกับพี่ห้าบอกว่าตอนนี้ถึงเวลานำเรือจอดเทียบฝั่งพอดี ทุกคนยังอุดอู้มาหลายวันจนจวนจะทนไม่ไหวแล้วขึ้นฝั่งไปเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อย
คนกลุ่มหนึ่งกำลังขนสินค้าอยู่บนท่าเรือ “พวกเจ้าเร็วหน่อย ยังอยากซื้อข้าวสารอยู่หรือไม่? ถ้ายังชักช้าแบบนี้ ข้าจะเปลี่ยนคนแล้วนะ!”ซ่งรั่วเจินเห็นชายวัยกลางคนร่างผอมแห้งคนหนึ่งแบกสินค้าสองกระสอบไว้บนหลัง เมื่อเห็นว่ายังมีคนวางกระสอบที่สามไว้บนร่างเขาก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “พอแล้ว เขาแบกไม่ไหวแล้วนะ!”สินค้าสองกระสอบใหญ่นี้ก็หนักมากอยู่แล้ว หากเป็นคนที่มีเรี่ยวแรงดีก็แล้วไป แต่ชายผู้นี้ผอมแห้งอย่างมาก ใบหน้าซูบตอบ สองตาไร้แวว เห็นได้ชัดว่ากำลังฝืนทนอยู่“ไสหัวไปให้พ้น ธุระกงการอันใดของเจ้า มีที่ให้เจ้าสอดปากด้วยรึ?”ผู้ดูแลไล่ซ่งรั่วเจินด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร สาวใช้คนหนึ่งยังกล้ามายุ่งเรื่องของพวกเขา?เขากำลังจะก้าวเข้ามาก็เห็นฉู่จวินถิงที่อยู่ข้างกายอีกฝ่าย เพียงเหลือบมองครั้งเดียว ผู้ดูแลก็เก็บงำท่าทีลงหลายส่วนโดยไม่รู้ตัวการแต่งกายและสง่าราศีของชายตรงหน้าล้วนไม่สามัญ ไม่คล้ายว่าจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปจึงกล่าวว่า “พวกท่านเป็นใคร? นี่เป็นเรื่องในตระกูลเซียวของพวกข้า คนที่ไม่เกี่ยวข้องถอยไปไกลๆ”“โครม!”ขณะกำลังพูดอยู่ ชายที่ซ่งรั่วเจินพูดถึงก่อนหน้านี้ก็ล้มคะมำลงบนพื้น เห็นกับตาว่าสิ
ขณะนั้นทั้งใบหน้าของผู้ดูแลบวมปูดขึ้นมา เขาถูกตีจนฟันร่วงไปสองซี่ยามพูดจาจึงมีลมเล็ดออกมาด้วย “จับพวกนั้นให้ข้า วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนพวกมันให้ได้!”เมื่อคนทั้งโขยงกรูเข้ามา พวกอวิ๋นหยางก็ก้าวออกมาข้างหน้าทันที กลุ่มคนที่มีคนหลากหลายปะปนถูกซัดจนลงไปนอนสะเปะสะปะโอดครวญอยู่บนพื้นภายในเวลาสั้นๆ“น้องสาม เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เมื่อฉู่เทียนเช่อและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มาถึงก็เห็นภาพความวุ่นวายเช่นนี้จึงอดสงสัยไม่ได้ฉู่จวินถิงเหลือบมองคนทั้งสองแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้อธิบาย หากมองไปทางผู้ดูแลอย่างเย็นชา “เจ้านายของพวกเจ้าคือใคร?”“พวกเจ้าจงใจมาหาเรื่องสินะ?” ผู้ดูแลมองผู้คนที่นอนกองอยู่บนพื้น ในใจลอบตระหนก แต่ครั้นคิดถึงผู้เป็นนายก็กล่าวอย่างย่ามใจว่า “ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ พวกข้าเป็นคนของตระกูลเจียง เจ้ากล้าก่อกวนเรื่องของตระกูลเจียง จะต้องได้เห็นดีกันแน่!”“ตระกูลเจียงใช่ไหม?” ฉู่จวินถิงทวนสองคำนั้นเบาๆ เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจแล้วว่าอีกไม่นานจะไปพบหัวหน้าตระกูลเจียงสักหน่อย“กล้าล่วงเกินเจ้านายพวกข้าในเมืองไห่เทียน เจ้าชะตาขาดแล้ว!” ผู้ดูแลยิ้มเหี้ยมหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เห็นอย่างนั้นก็เดินไปถึงข้า
เพื่อให้ลูกๆ ได้กินเยอะขึ้นอีกนิด จ้าวเหยียนจึงกินข้าวน้อยมาก ถึงได้หมดแรงเป็นลมไประหว่างขนสินค้าเช่นนี้“เมืองไห่เทียนดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในเขตอุทกภัย ถึงจะมีผู้อพยพลี้ภัยเข้ามาจำนวนมาก แต่ทางการเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายเสบียงอาหารแล้ว ชาวบ้านไม่น่าจะถึงขั้นตกอยู่ในสภาพนี้กระมัง?”ซ่งรั่วเจินมองไปทางฉู่จวินถิง ดวงตาฉายแววกังขา อุทกภัยครานี้หนักหนาถึงเพียงนี้ ราชสำนักให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ยามนี้สถานการณ์ควรจะดีขึ้นได้แล้วถึงจะถูกฉู่จวินถิงย่อมตระหนักถึงจุดนี้เช่นกัน เมืองไห่เทียนอยู่ห่างจากเมืองผิงหยางอีกระยะหนึ่ง ที่นี่ยังเป็นถึงขนาดนี้ สามารถจินตนาการได้เลยว่าสถานการณ์ในเมืองผิงหยางมีแต่จะเลวร้ายยิ่งกว่า“เรื่องนี้ต้องตรวจสอบโดยละเอียด” กู้หวยซวี่เอ่ยเสียงขรึมสถานการณ์แบบนี้คนมีสายตาเฉียบแหลมมองปราดเดียวก็ดูออกว่ามีปัญหา ขุนนางท้องถิ่นกลับปล่อยปละละเลย ปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้โดยไม่รายงานไปยังราชสำนักจิตใจของทุกคนล้วนหนักอึ้ง แต่กลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าซ่งจิ่งเซินอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เขาเคยมาค้าขายที่เมืองไห่เทียน เคยติดต่อกับคหบดีตระกูลเจียงมาก่อนจึงรู้ว่าหัวหน้า
ทุกคนสุ่มหาหอสุราแห่งหนึ่ง ไม่ว่าช่วงเวลาแบบไหนก็มักมีคนที่ร่ำรวยเงินทอง ด้วยเหตุนี้ แม้ในหอสุราจะไม่นับว่าคึกคัก แต่ก็มีคนกินอาหารกันอยู่หลายโต๊ะขณะเตรียมจะรับประทานอาหาร หลิงเชี่ยนเอ๋อร์มองซ่งรั่วเจินที่ปลอมตัวเป็นสาวใช้พลางกล่าวว่า “เจ้าไปบอกให้เสี่ยวเอ้อร์ยกชามาอีกกา”ก่อนหน้านี้นางก็สังเกตเห็นแล้วว่าสาวใช้ผู้นี้รู้วิชาแพทย์ ไม่เพียงเท่านี้ พวกฉู่อ๋องยังดูจะคุ้นเคยกับนางเป็นอย่างมากราชครูกู้เป็นญาติกับตระกูลซ่ง จะรู้จักสาวใช้ของตระกูลซ่งก็ไม่แปลก แต่ด้วยนิสัยของฉู่จวินถิงก็ยังสนิทสนมกับสาวใช้คนหนึ่งมากเช่นนี้นับว่าแปลกจริงๆคิดไปคิดมาก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว...สาวใช้ผู้นี้เป็นคนข้างกายซ่งรั่วเจินคิดถึงตรงนี้ หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าน่าขัน ซ่งรั่วเจินคงกังวลว่าฉู่อ๋องจะไปชอบแม่นางคนอื่นขณะอยู่ข้างนอก แต่ตนเองไม่สามารถตามมาด้วยได้จึงให้ซ่งจิ่งเซินลงใต้มาค้าขาย ทั้งยังให้เขาพาสาวใช้ข้างกายนางตามมาด้วยสินะ?“คิดไม่ถึงว่าซ่งรั่วเจินผู้นี้จะมีฝีมืออยู่จริงๆ!”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์แค่นหัวเราะ ก่อนนี้ได้ยินมาตลอดว่าฉู่อ๋องดีต่อซ่งรั่วเจินอย่างยิ่ง ปกป้องนางไปเสียทุกอย่าง กร
“แม่นาง เมื่อครู่ข้าปากไวไปหน่อย เจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจเลย”เสี่ยวเอ้อร์พูดออกมาแล้วค่อยนึกได้ว่าเจ้านายของซ่งรั่วเจินก็มาค้าขายเหมือนกัน พูดจาแบบนี้มิเท่ากับด่าเจ้านายของอีกฝ่ายไปด้วยหรอกหรือ?ซ่งรั่วเจินกลับแบมือด้วยสีหน้าไม่แยแส “ไม่เป็นไร พ่อค้าย่อมหากำไรอยู่แล้ว ข้าเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ข้าก็คิดเหมือนเจ้านั่นแหละ”เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินดังนั้นก็พลันรู้สึกสนิทสนมขึ้นมาไม่น้อย ยามพูดจาก็ระวังตัวน้อยลงหลายส่วน“ใช่ไหม? ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ว่ามันแปลกจริงๆ นายอำเภอของพวกข้าเดิมทีเป็นขุนนางเปี่ยมเมตตาที่ใครต่อใครล้วนสรรเสริญ แต่หลังเกิดอุทกภัยที่เมืองผิงหยาง เขาก็เหมือนเปลี่ยนนิสัยไปเลยอย่างไรอย่างนั้น”“รวมหัวกับพ่อค้าของทางการ ปล่อยให้พวกพ่อค้าเพิ่มราคาสินค้า รอจนถึงตอนที่พวกข้าตระหนักถึงความผิดปกติอยากไปซื้อเสบียงก็ไม่ขายเสบียงกันแล้ว”“หลังจากนั้นพอนำเสบียงออกมาอีกที ราคาก็เพิ่มเป็นสามเท่า ชาวบ้านอย่างพวกข้าเดิมทีก็แค่หาเลี้ยงครอบครัวหาเช้ากินค่ำ อยู่ดีๆ ก็แพงขึ้นขนาดนี้ จะมีปัญญาซื้อเสียที่ไหน?”“โชคดีที่เจ้านายของพวกข้าจิตใจดี ข้าทำงานอยู่ที่นี่ ยามปกติถ้ามีอาหารเหลือยังแบ่งปันให้พวกข
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ