ซ่งรั่วเจินฟังคนข้างกายเฉียนหย่าหลินใส่ร้ายตนเอง ถ้อยคำน่าขันขึ้นทุกประโยค ดวงตางามฉายแววเยาะหยันเดิมเข้าใจว่าแม่นมกับสาวใช้เหล่านี้เป็นเพียงข้ารับใช้ คิดไม่ถึงว่ายังเป็นนักแต่งเรื่องอีกด้วย!ดูปากนั่นสิ แต่งเรื่องเก่งไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว!แต่ถ้าจะแสดงละครแข่งกัน นางยังจะแพ้อีกงั้นรึ?“ท่านอ๋อง หม่อมฉันกับพระชายาไม่เคยรู้จักกัน ทั้งยังไม่เคยเจอกันมาก่อน”“วันนี้พระชายามาเยือนกะทันหัน ทั้งยังพาแม่นมสาวใช้มาด้วยมากมายท่าทางน่ากลัวนัก หม่อมฉันเพิ่งมาถึง พระชายาก็สั่งให้ข้ารับใช้ในจวนทุกคนออกไป”“หลังจากพวกเขาไปกันหมดแล้ว พระชายาก็หาว่าหม่อมฉันจงใจยั่วยวนเช่ออ๋อง ที่ช่วยคนในเขตล่าสัตว์ก็เพราะต้องการสร้างบุญคุณเพื่อหวังผลตอบแทน”“หากไม่ใช่เพราะหม่อมฉันเที่ยวตามยั่วยวน ท่านอ๋องก็ไม่มีทางมาขอบคุณถึงจวนด้วยตนเอง บอกว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนที่จะมาขอโทษถึงจวนด้วยตัวเองเพคะ!”ฉู่เทียนเช่อใจกระตุกวูบ เฉียนหย่าหลินเสียสติไปแล้วจริงๆ ด้วย คำพูดพรรค์นี้ก็ยังกล้าพูดออกมาได้!ซ่งรั่วเจินก้มหน้า เช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงตรงหางตาแล้วเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ได้ยั่วยวนท่านอ๋องเลยนะเพคะ จนใจที่พระชายาไ
“แม่นางซ่งกับน้องสามมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน นางก็คือว่าที่พระชายาฉู่อ๋อง เจ้าเป็นพี่สะใภ้ แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้ากล่าวหาว่านางยั่วยวนข้า คิดจะยุแยงความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างข้ากับฉู่อ๋องงั้นรึ?”เฉียนหย่าหลินได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็พลันเผือดสีโทษหนักปานนี้ นางแบกรับไม่ไหวจริงๆ!ตอนนี้เดิมก็เป็นช่วงเวลาเปราะบาง ถ้านางกล้าทำให้เกิดช่องว่างระหว่างอ๋องทั้งสอง เกรงว่าราชวงศ์คงไม่ปล่อยนางไว้แน่!“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเด็ดขาดเพคะ หม่อมฉันมิกล้าเพคะ!”ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ “พี่สะใภ้หาว่าแม่นางซ่งยั่วยวนข้ากับเสด็จพี่รองในเวลาเดียวกัน มิเท่ากับกล่าวหาว่าพวกข้าโง่เขลาเบาปัญญาหรือไร?”“เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับความสามัคคีในหมู่พี่น้องเป็นที่สุดแล้ว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของข้ากับเสด็จพี่ล้วนต้องจบสิ้น”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วบางขึ้นน้อยๆ ฉู่จวินถิงไม่ปล่อยนางไปจริงๆ ด้วย“เสด็จพี่ แต่งภรรยาแต่งผู้มีคุณธรรม พี่สะใภ้ทำลายชื่อเสียงท่าน ข้าคงไปยุ่งไม่ได้ แต่ชื่อเสียงของข้ายังต้องรักษาไว้ ชื่อเสียงรั่วเจินก็ต้องรักษาไว้เหมือนกัน!”คำพูดของฉู่จวินถิงกลายเป็นฟางเส้นสุ
“ในที่สุดก็ไปสักที พระชายาเช่ออ๋องนี่เสียสติไปแล้วจริงๆ มีเวลาขนาดนี้ไม่สู้กลับไปจัดการอนุในจวนนางให้ดี มาทำกร่างที่จวนตระกูลซ่งของพวกเราทำไมกัน?”ซ่งจืออวี้มีสีหน้ารังเกียจ ยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของการเลือกภรรยาที่มีคุณธรรมและสติปัญญามากขึ้นเช่ออ๋องมีพระชายาเช่นนี้ ก็นับว่าโชคร้ายเสียจริง!“ใครจะไปรู้เล่า?”ซ่งรั่วเจินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ อารมณ์ดีที่เคยมีอยู่ถูกทำลายไปเสียแล้ว“ท่านอ๋องทรงเหนื่อยแล้วใช่ไหมเพคะ? หม่อมฉันจะไปชงชาให้ท่านอ๋องเองเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มก่อนจะทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งไว้ แล้วรีบดึงซ่งจืออวี้ออกไปข้างนอกฉู่จวินถิงมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่จากไปอย่างเร่งรีบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตา นี่คือ...การร้อนตัวหรือไม่?เพิ่งออกมาได้ไม่นาน ซ่งจืออวี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า "น้องหญิงห้า เจ้ารีบเร่งข้าออกมาทำอะไร?”“วันนี้ฉู่อ๋องช่วยข้าลากิจโดยเฉพาะ และยามนี้ก็มาหาเจ้า พวกเราทิ้งเขาไว้ลำพังเช่นนี้คงไม่ค่อยดีนักนะ?”“ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินโบกมือ “ท่านกับท่านอ๋องมาถึงตั้งแต่เมื่อไร? ได้ยินคำพูดของข้าก่อนหน้านี้มากน้อยเพียงไหน?”ซ่งจืออวี้นึกถึงคำพ
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเล็กน้อย "รบกวนท่านแล้ว"“ไม่รบกวนหรอก ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินจะไปกับเจ้าด้วย ข้าก็วางใจมากแล้ว”หลังจากฉู่จวินถิงได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกว่าการจัดเตรียมของสกุลซ่งนั้นเหมาะสมอย่างมาก การที่ทั้งกองคาราวานเดินทางไปด้วยกันจะไม่ดึงดูดความสนใจ และยิ่งปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย“เจ้าออกเดินทางครั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นรู้จะดีที่สุด เพราะยังไม่สามารถหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังไต้ซือเทียนจีได้ สุดท้ายแล้วก็ไม่ปลอดภัย”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเล็กน้อย "หม่อมฉันเข้าใจแล้ว จะระวังตัวเพคะ"“นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า”……ในพลบค่ำวันนั้น เนื่องจากราชครูกู้ต้องเดินทางไปทางใต้ ผู้คนในสกุลซ่งจึงมารวมตัวกันที่จวนตระกูลกู้อีกครั้ง ทว่ายังคงไม่พบกู้ชิงเจ๋อ“นายท่านสามกู้ บัดนี้ไม่คิดจะกลับมาแล้วหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามในบรรดาสามพี่น้องสกุลกู้ กู้ชิงเจ๋อพึ่งพาสกุลกู้มากที่สุด ทว่าตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ออกจากสกุลกู้ ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลยกู้ฮวนเอ๋อร์ส่ายศีรษะ “ไม่อยากกลับมาที่ไหนกัน? เป็นท่านปู่ที่ไม่ยอมให้เขากลับมาต่างหาก”“ญาติผู้พี่ ท่านไม่รู้หรอกว่าท่านลุงสามน
“อะไรนะ? จงใจทำอย่างนั้นหรือ?”กู้ฮวนเอ๋อร์มีสีหน้าตกตะลึง ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ "ญาติผู้พี่ ท่านไปรู้อะไรมาใช่หรือไม่? "เพราะตื่นเต้นเกินไป เสียงของกู้ฮวนเอ๋อร์จึงดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในชั่วพริบตา สายตาของทุกคนที่กำลังรับประทานอาหารต่างหันมาจับจ้องที่นาง“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้า ข้าตื่นเต้นเกินไป”กู้ฮวนเอ๋อร์มีสีหน้ากระอักกระอ่วน รีบโบกไม้โบกมือ ทว่ากู้ชิงเหยี่ยนและกู้ชิงซิวที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอะไรบางอย่าง ทั้งสองจึงสบตากัน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิมหลังจากมื้อเย็นผ่านพ้นไป ซ่งรั่วเจินก็ถูกท่านตาและท่านลุงทั้งสองเรียกเข้าไปในห้องหนังสือตามคาดกู้ฮวนเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็อยากตามเข้าไปด้วย ทว่ากลับถูกไล่ออกมาอย่างไม่ลังเล “เจ้าไปเรียกเยี่ยนโจวกับอี้อันญาติผู้พี่ของเจ้ามาเสีย”กู้ฮวนเอ๋อร์ “…”ไม่นานนัก ซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันก็มาถึงพร้อมกับกู้ชิงฉือเมื่อทั้งสามถูกเรียกตัวมา ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว?“รั่วเจิน เจ้าสงสัยว่าหลิ่วอวิ๋นเวยไม่ได้ถูกไฟคลอกตายใช่หรือไม่ แต่ถูกคนช่วยเหลือไว้?” กู้ชิงซิวตรงเข้าประเด็นเมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา
“ท่านพ่อ ชิงเจ๋อเป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เดิมทีข้าไม่ควรพูดเช่นนี้ออกมา ทว่ายามนี้สิ่งที่เขาทำล้วนไม่ได้นึกถึงพวกเราเลย”“เดิมทีกู้อวิ๋นเวยก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องที่นางแหกคุก ไม่รู้ว่าสกุลหลิ่วมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากนางต้องซ่อนตัวก็ควรไปซ่อนที่สกุลหลิ่ว ทว่านางกลับไม่ได้ไป”“ชิงเจ๋อรู้มานานแล้วว่านางไม่ใช่น้องสาวของพวกเรา ทว่ากลับยังคงดื้อรั้นไม่ฟังผู้ใด”“แม้ว่าเราจะไม่คิดถึงตนเอง ก็ควรต้องคำนึงถึงบุตรหลานของสกุลบ้าง หากถูกพิพากษาว่ามีความผิด ทั้งสกุลจะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย" กู้ชิงเหยี่ยนกล่าวเสียงหนักแน่นกู้ชิงซิวกำหมัดแน่น ในใจทั้งโกรธทั้งเสียใจ สุดท้ายแล้วพวกเขาคิดง่ายเกินไป!เดิมทีคิดว่าแค่ขับไล่กู้ชิงเจ๋อออกไป สักวันหนึ่งเขาก็จะคิดได้เอง ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะยิ่งเดินยิ่งผิด จนถึงยามนี้ก็ยังไม่สำนึก ก่อหายนะใหญ่หลวง จนพวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะหยุดยั้ง"ท่านพ่อ บัดนี้เราทำได้เพียงตัดแขนเพื่อรักษาชีวิต หยุดการกระทำที่ผิดพลาด ฉวยโอกาสก่อนที่เรื่องจะแดงจัดการปัญหาทั้งหมดเสีย”“มีเพียงหนทางนี้เท่านั้น ที่จะรักษาสกุลของเราไว้ได้! "
เมื่อหวังซื่อเห็นกู้ชิงเจ๋อมีท่าทางเช่นนี้ เพียงรู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุดพวกเขาแต่งงานกันมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี นางให้กำเนิดบุตรให้เขาและดูแลทุกอย่างในจวน ทว่าสุดท้ายกลับไม่สำคัญเท่ากับคำพูดเพียงประโยคเดียวของหลิ่วอวิ๋นเวยเพียงกลัวว่าหากยามนี้นางประกาศว่าจะไปแจ้งทางการ กู้ชิงเจ๋ออาจจะสังหารนางเพื่อหลิ่วอวิ๋นเวยจริงๆ! ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้?“ข้าจะไม่พูด” หวังซื่อเอ่ยปากช้าๆ “แม้ว่าพวกท่านจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ข้าและลูกๆ ยังอยากมีชีวิตอยู่”กู้ชิงเจ๋อได้ยินคำพูดนี้จึงขมวดคิ้วมุ่น เพียงรู้สึกว่าหวังซื่อดูแปลกไปเล็กน้อย ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จึงกล่าวว่า“เจ้าจงอย่าปล่อยให้ข่าวนี้หลุดออกไป ยามนี้สถานการณ์ของอวิ๋นเวยสุ่มเสี่ยงมากพอแล้ว รอข้าหาจังหวะส่งนางออกจากเมืองหลวงได้ก็พอ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้หรอก”หวังซื่อกลับยิ้มอย่างกะทันหัน กล่าวว่า "นายท่าน ไม่ว่าพวกท่านจะเป็นอย่างไรข้าก็จะไม่ถามถึง แม้จะต้องอยู่ในเรือนตลอดไปก็ไม่เป็นไร"นางรู้จักหลิ่วอวิ๋นเวยมานานขนาดนี้ จะไม่รู้ถึงนิสัยของนางได้อย่างไร?หากตั้งใจจะจากไปจริงๆ ก็คงไม่มาที่นี่ ยามนี้นางเสียโฉมแล้ว หลังออกจากเมืองหลวงไ
กู้ชิงเจ๋อได้เห็นหวังซื่อรับหนังสือหย่าแล้วก็จากไป รู้สึกแปลกใจอย่างสุดระงับ ครู่ต่อมาต้องการไล่ตามไปดู กลับถูกหลิ่วอวิ๋นเวยขวางไว้“พี่สาม ให้นางไปเถอะ พวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจนาง!”“รอถึงวันพรุ่งนี้ นางจะต้องร้องไห้ขอร้องท่าน หลังหย่าแล้วยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ? บ้านมารดานางก็ไม่มีวันรับนางไว้”“ท่านดีต่อนางมากมาโดยตลอด ครั้งนี้จะต้องสั่งสอนนาง ภายภาคหน้าถึงจะไม่กล้าได้คืบเอาศอกอีก”กู้ชิงเจ๋อพูดอย่างลังเล “ข้าไปดูสักหน่อยเถอะ วันนี้นางแตกต่างจากที่ผ่านมาอยู่บ้าง”“พี่สาม ข้าไม่สบายจริงๆ...” หลิ่วอวิ๋นเวยตัวอ่อนล้มลงไปกู้ชิงเจ๋อเห็นสถานการณ์แล้วก็รีบประคองหลิ่วอวิ๋นเวย ทันใดนั้นไม่ใส่ใจหวังซื่ออีก เอ่ยออกมาอย่างห่วงใย “หลายวันมานี้เจ้าลำบากแล้ว พักผ่อนดีๆ ก่อนเถอะ!”“เจ้าค่ะ” หลิ่วอวิ๋นเวยพยักหน้า ภายในสายตาสะท้อนความลำพองใจหวังซื่อ ยังคิดสู้กับนางรึ?หลังหวังซื่อออกจากลานบ้านแล้ว น้ำตาไหลเปรอะเปื้อนหน้า นึกถึงความทุกข์ที่ได้รับหลายปีที่ผ่านมา คิดเพียงว่าคล้ายเป็นเรื่องน่าขันอย่างหนึ่งเมื่อแรกนางพูดปลอบตนเองอยู่ตลอด กู้ชิงเจ๋อดีต่อน้องสาว นั่นเพราะเขายึดมั่นในคุณธรรมหนัก
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ