“น้ำโลหิตหยดเดียวเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอกเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มบางพลางโบกมือ เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามเป็นคนสำนักวิชาเต๋าเหมือนกัน ใช้น้ำโลหิตระบุตำแหน่งจะแม่นยำกว่าตอนนี้เวลาที่พวกเขามีอยู่เหลือไม่มากแล้ว ไม่อาจล่าช้าไปกว่านี้“ถ้าไม่หาตัวเขาให้เจอ หม่อมฉันไม่เพียงแต่ต้องเป็นห่วงท่านพ่อ แต่ยังต้องเป็นห่วงคนที่บ้านอีกด้วย แบบนี้มิทุกข์ใจแย่หรือเพคะ?”ฉู่จวินถิงขมวดคิ้วมุ่น “ไม่ใช้น้ำโลหิต เจ้าสามารถระบุตำแหน่งคร่าวๆ ของเขาได้หรือไม่?”“หม่อมฉันแน่ใจแค่ว่าเขาอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง” ซ่งรั่วเจินบอกกล่าวตามตรง “เขารู้ว่าพวกเรากำลังตามหาเขาอยู่จึงใช้ลูกไม้บางอย่างด้วยเหมือนกัน”ฉู่จวินถิงบอกให้อวิ๋นหยางนำแผนที่เมืองหลวงมาแผ่นหนึ่งแล้วกางออกตรงหน้าซ่งรั่วเจิน “เจ้าบอกขอบเขตคร่าวๆ ให้ข้า ข้าจะนำกำลังไปค้นหา”“ขอบเขตไม่แคบ ถ้าค้นหาไปทีละบ้าน ไม่เพียงแต่จะยากกว่าเดิม แต่ยังจะทำให้ชาวบ้านวิตกกังวล” ซ่งรั่วเจินเอ่ยอย่างอดไม่ได้“ไม่เป็นไร แค่บอกว่ามีโจรคนหนึ่ง ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น”ฉู่จวินถิงมีท่าทียืนกราน “เจ้าเชื่อข้า ก็แค่สิ้นเปลืองกำลังหน่อยเท่านั้น แต่จะต้องหาคนพบอย่าง
“มาเพื่อขอร้องให้อนุอย่างนั้นหรือ?” ซ่งจืออวี้อดทึ่งไม่ได้ “ก่อนหน้านี้อวิ๋นฮูหยินฝันร้ายก็ไม่เห็นว่าใต้เท้าอวิ๋นจะมาหาพวกเราเลย!”สีหน้ากู้หรูเยียนค่อนข้างเย็นชา “เขาเป็นพวกเลอะเลือนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ดีชั่วอย่างไรก็เป็นขุนนางในราชสำนัก แต่กลับทำเรื่องอย่างการโปรดปรานอนุเหยียบย่ำภรรยาออกมาได้ หลายปีมานี้ไม่เคยให้เกียรติจางเหวินอย่างที่สมควรได้รับเลย!”“ตอนนี้จะหย่ากันแล้ว เขาก็ยังขัดขวางทุกวิถีทางเพราะกลัวว่าจะทำให้ชื่อเสียงตัวเองด่างพร้อย หรือจะต้องให้ชั่วชีวิตของจางเหวินพินาศไปเพราะน้ำมือเขาอย่างนั้นรึ?”“ตอนนี้กลับมาขอร้องถึงจวนเพื่ออนุคนเดียว ช่างน่าขันโดยแท้!”สีหน้าของพี่น้องตระกูลซ่งก็ไม่น่ามองเช่นกัน พวกเขารู้แล้วว่าที่ท่านป้าจางเกือบเอาชีวิตไม่รอดเป็นเพราะอนุอวิ๋นทำร้าย ใต้เท้าอวิ๋นจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอนตามหลักแล้ว อนุวางแผนทำร้ายนายหญิงของบ้าน ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้เดิมก็สมควรโบยให้ตาย แต่ใต้เท้าอวิ๋นกลับไม่เพียงไม่ทำเช่นนั้น แต่ยังพาคนมาขอร้องพวกเขาอีก จะทำกันเกินไปแล้ว!ตอนที่จางเหวินมาตระกูลซ่งก็เจอกันโดยบังเอิญที่หน้าประตูพอดี สีหน้าบึ้งตึงลงทันใดอวิ๋นหง
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งมาถึงประตูทางเข้าก็ได้ยินเสียงทะเลาะกัน กู้หรูเยียนได้ยินคำพูดที่อวิ๋นหงหล่างพูดออกมาแล้วก็รู้สึกว่าน่าขันนักไม่แปลกเลยที่จางเหวินไม่ยอมทนอีกต่อไป ใครจะทนต่อไปได้ไหว?“นายหญิงของบ้านควรมีจิตใจกว้างขวางก็จริง แต่ใต้เท้าอวิ๋นให้ท้ายอนุมารังแกนายหญิงของบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า ยังจะต้องอดทนต่อไปอีกงั้นรึ?”“โปรดปรานอนุเหยียบย่ำภรรยานั้นผิดมหันต์ ใต้เท้าอวิ๋นสามารถกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้โดยไม่ละอายปาก ออกจะน่าขันเกินไปแล้ว!”กู้หรูเยียนดึงมือจางเหวินเดินเข้าไปข้างใน ในดวงตาคือความรังเกียจที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว“อนุคนหนึ่งขึ้นเขาไปขอให้ผีสางมาทำร้ายนายหญิงของบ้านจนเกือบทำให้เจ้าเอาชีวิตไม่รอด ยามนี้ตัวเองถูกคุณไสยสะท้อนกลับ ยังมีหน้ามาขอความช่วยเหลือจากพวกข้าอีก ช่างไม่มียางอายแม้แต่น้อยนิดโดยแท้!”ช่วงนี้ตระกูลอวิ๋นเกิดเรื่องติดต่อกัน อวิ๋นซีหว่านก่อเรื่องขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเรื่องไปถึงทางการจนสูญเสียสัญญาหมั้นหมายไปอวิ๋นฮูหยินต้องการหย่าร้าง ตอนแรกคนมากมายไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ จนกระทั่งมารู้เรื่องในภายหลังจึงเข้าใจว่าใต้เท้าอวิ๋นทำกันเกินไปแล้วชาวบ้า
ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นกู้หรูเยียนโกรธขนาดนี้มาก่อน นางมีนิสัยอ่อนโยนมาโดยตลอด มักจะผ่อนปรนให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็กและจัดการเรื่องเล็กให้หมดไป ทว่าวันนี้กลับโกรธมากผิดปกติ นับว่าเป็นเรื่องคาดไม่ถึงจางเหวินเองก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกัน ทว่าเมื่อเห็นกู้หรูเยียนยืนหยัดปกป้องตน ความอัดอั้นที่อยู่ในใจมานานก็จางหายลงไปมาก“หรูเยียน ขอบใจเจ้ามาก” นางเผยรอยยิ้มบางและกล่าวว่า “อวิ๋นหงหล่างเป็นคนเช่นไร ตลอดหลายปีมานี้ข้าได้เห็นชัดเจนแล้ว”“เมื่อนึกย้อนไปยามที่เขาแสร้งเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก จนทุกคนในจวนต่างก็คิดว่าเขาเป็นบุรุษผู้อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพเรียบร้อย หากแต่งกับข้าแล้วย่อมไม่มีทางรังแกข้าเป็นแน่”“สุดท้ายแล้ว ในยามนั้นข้าตาบอดเอง จึงมองไม่ออกเลยว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งของเขา และยังเชื่อว่าเป็นความจริง"“วันนี้เขาพาอนุอวิ๋นมาขอความช่วยเหลือ ช่างน่าขันยิ่งนัก!”กู้หรูเยียนคิดถึงเมื่อครู่ที่อวิ๋นหงหล่างพูดขอโทษออกมา ทว่าอนุอวิ๋นกลับแสร้งทำเป็นทรงตัวไม่อยู่ เขาจึงผลักจางเหวินออกไปโดยไม่รู้ตัว แม้แต่นางเองเองที่มองอยู่ยังรู้สึกโกรธ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจางเหวินเลย เกรงว่าใ
จางเหวินมีแววตาซับซ้อน เอ่ยออกมาอย่างสงบ ทว่าแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวังหากนางมีญาติฝ่ายมารดาคอยสนับสนุน การขอหย่าก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าบัดนี้นางมีตัวคนเดียว ญาติฝ่ายมารดาและอวิ๋นหงหล่างต่างก็คัดค้านเรื่องนี้ หากอวิ๋นหงหล่างไม่ยอมตกลง ก็ยากมากที่จะประสบความสำเร็จ“ท่านป้าจาง หากท่านตั้งใจจริง เช่นนั้นวันนี้ย่อมเป็นโอกาสที่ดี”ซ่งรั่วเจินมองด้วยแววตาจริงจัง “ในเมื่อใต้เท้าอวิ๋นต้องการช่วยอนุอวิ๋น ไม่ต่างอะไรกับการที่เรากำจุดอ่อนของเขาไว้ในมือ มีเพียงเขาตกลงหย่าเท่านั้น ข้าถึงจะยื่นมือเข้าไปช่วย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางเหวินก็ตระหนักได้ในทันที ใจมั่นใจว่าอวิ๋นหงหล่างที่กัดไม่ปล่อยตลอดหลายวันมานี้ ทว่าหากเงื่อนไขคืออนุอวิ๋น เขาย่อมตอบตกลงเป็นแน่คิดไม่ถึงเลยว่า... เมื่อถึงเวลาที่ต้องหย่าร้าง ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากอนุอวิ๋นถึงจะสำเร็จ ช่างน่าขันนัก!“แค่หย่ายังไม่พอ รวมถึงเนี่ยนชูและอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ในอนาคตพวกเขาจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก ยังมีทรัพย์สินที่พึงได้จากการหย่า ท่านควรต้องพิจารณาให้ดี”“นอกจากเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อ ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่นใด” จางเหวินเอ่ยเสียง
หลังจากอวิ๋นหงหล่างเห็นกู้หรูเยียนพาจางเหวินเข้าไปด้านในก็คิดจะตามเข้าไปด้วย ใครจะคิดว่ายังไม่ทันจะก้าวเข้าประตูก็ถูกขวางไว้เสียก่อน"พวกเจ้ามาขวางข้าทำไม? ข้ารู้จักกับฮูหยินของพวกเจ้า เมื่อครู่ไม่เห็นหรืออย่างไร?" อวิ๋นหงหล่างพูดด้วยความโกรธ"ฮูหยินของพวกเราไม่ได้บอกให้ท่านเข้าไป"เมื่อเห็นองครักษ์เฝ้าประตูมีสีหน้าเป็นปกติ เมื่อครู่เขายืนอยู่ตรงนี้และเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนใต้เท้าอวิ๋นภายนอกดูเป็นคนมีศีลธรรมสูงส่ง แท้จริงแล้วกลับหลงใหลอนุจนละเลยภรรยา ยามนี้แม้กระทั่งชื่อเสียงก็พังพินาศไปสิ้นแล้ว ยังจะกล้าข่มเหงอวิ๋นฮูหยินต่อหน้าผู้คนอีก แม้แต่พวกเขาก็ทนดูไม่ไหวแล้ว"ยามนี้เจ้าเข้าไปแจ้งเสียก่อน ฮูหยินของพวกเจ้าย่อมไม่มีทางไม่ให้ข้าเข้าไป!"อวิ๋นหงหล่างสีหน้าถมึงทึง หันไปมองอนุอวิ๋นใบหน้าซีดเซียวที่อยู่ข้างๆ เขาเองก็จนปัญญาจึงต้องพานางมาที่นี่อนุอวิ๋นอยู่ดีๆ ก็ราวกับถูกเข้าสิง ไม่หลับไม่นอนทั้งคืนตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเห็นชื่อของอนุอวิ๋นอยู่ในรายชื่อของอ๋องฉู่ เขาก็เข้าใจได้ทันที และยังไปสืบดูว่าจางเหวินเป็นอย่างไรบ้างเมื่อรู้ว่าจางเหวินได้พบกับซ่งรั
“ท่านพ่อมองว่าข้าขัดหูขัดตาพอดี ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปเลย จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงของท่านในอนาคต!” “เจ้าพูดอะไร?” อวิ๋นหงหล่างโกรธจนทนไม่ไหว ยกมือขึ้นแล้วตบไปทันที “ข้าเห็นว่ายามนี้เจ้าชักจะเกินไปแล้ว แม่ของเจ้าไม่รู้ว่าสอนอะไรเจ้าทุกวัน ถึงได้สอนให้เจ้าไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้!” ทว่าอวิ๋นหงหล่างไม่สามารถตบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูได้ เพราะถูกอวิ๋นเฉิงเจ๋อป้องกันไว้ “ทำไม? เจ้าก็จะไร้กฎเกณฑ์ไปด้วยกันหรือ?” อวิ๋นหงหล่างสีหน้าบึ้งตึง “หลายปีที่ที่เจ้าอยู่ในจวนอวิ๋น ข้าไม่เคยละเลยเจ้าเลย!”“ยามที่บิดามารดาของเจ้าตาย หากไม่ใช่ข้ารับเจ้ากลับมา เจ้าจะประสบความสำเร็จเช่นวันนี้ได้อย่างไร?” เมื่อคิดว่าเขาให้บุตรีตบแต่งกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเด็กนั่นแล้ว ทว่าเขากลับไม่พอใจ แม้กระทั่งยังเผยเรื่องนี้ออกมา จนทำให้ยามนี้เขาถูกสหายร่วมงานล้อเลียน เขาก็แทบอยากจะทุบตีสิ่งอกตัญญูนี้ให้ตายตกไปเสีย! หากรู้เช่นนี้ ในยามนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่ยอมให้จางเหวินรับเด็กเหลือขอผู้นี้กลับมาอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้าใจความคิดของอวิ๋นหงหล่างดี ช่วงนี้เขาได้พบอวิ๋นหงหล่า
จางเหวินฟังอวิ๋นหงหล่างที่กล่าวหาอย่างมั่นใจ แววตาจึงเริ่มแสดงความเย้ยหยัน“แค่ให้ท่านรอเดี๋ยวเดียวกลับโกรธขนาดนี้ หลายปีก่อนหน้าข้ารอคอยมานานกว่านี้มาก แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นท่าน ช่างไม่มีความอดทนแม้แต่น้อย”อวิ๋นหงหล่างโกรธจัด “เจ้าพูดอะไรนะ?”“หูตึงจริงๆ แม้แต่คำพูดก็ยังได้ยินไม่ชัด!” สีหน้าของจางเหวินเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “คราวหน้าเลือกบ่าวรับใช้ที่ฉลาดกว่านี้มาอยู่ข้างกายเสียสิ จะได้พูดย้ำรอบสองให้ท่านฟัง”บรรยากาศที่ตึงเครียดในตอนแรกถูกทำลายลงด้วยสองประโยคของจางเหวิน จนบางคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่อวิ๋นหงหล่างเคยถูกจางเหวินทำให้อับอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?เห็นได้ชัดว่าในอดีตจางเหวินมีนิสัยดีมาก เขาพูดอะไรก็มักได้ตามนั้น มีน้อยครั้งที่ทะเลาะกันก็เพื่อลูก เขาก็สามารถเข้าใจได้ ตั้งแต่นางขอหย่าเมื่อไม่นานนี้ก็กลายเป็นเหมือนเม่น ไม่ว่าจะพูดอะไรล้วนโต้กลับ ยามนี้คำพูดยิ่งฟังดูไม่เข้าหูมากขึ้นไปอีก!“ยามนี้เจ้าช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย เสียมาดความเป็นนายหญิงไปหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ลูกๆ ถูกสอนให้เสียคนกันหมด!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางเหวินก็เหลือบมองไปที่อวิ๋นเนี่ยนชูและถามว่า "ยาม
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ