ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
“แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล
“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า
ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หล
จวนตระกูลซ่งหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่
สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใดซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสียมองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าวซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว
ฉู่อวิ๋นกุยกวาดสายตามองไปโดยจิตใต้สำนึก แม้ปกติฉู่จวินถิงสวมชุดไหนก็ดูดีมากอยู่แล้ว แต่การตัดเย็บของอาภรณ์ชุดนี้แตกต่างออกไปเป็นพิเศษ ขับเน้นให้รูปร่างเขาดูสูงเพรียวกว่าเดิม ทำให้ดวงตาเขาพลันสว่างวาบ“ข้านึกแล้วเชียวว่าเหตุใดวันนี้จึงรู้สึกว่าท่านดูหล่อเหลากว่าปกติ การตัดเย็บของอาภรณ์ชุดนี้ทำได้ไม่เลวจริงๆ กองภูษาทำงานได้ดูดีเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”ฉู่อวิ๋นกุยมีสีหน้าสงสัย เมื่อขยับเข้าไปพินิจดูโดยละเอียดก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง “แต่ทักษะการเย็บปักดูเหมือนจะอ่อนด้อยไปหน่อยนะ”ฉู่จวินถิงปัดมือฉู่อวิ๋นกุยออก “อย่าแตะ เดี๋ยวทำเลอะ”ฉู่อวิ๋นกุย “???”หร่วนอวี้เฉิงได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองจึงขยับเข้ามาร่วมวงด้วยเช่นกัน สังเกตสีหน้าของฉู่จวินถิงรวมถึงระดับความเอาใจใส่ที่มีต่ออาภรณ์ชุดนี้แล้วก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา“จวินถิง อาภรณ์ชุดนี้ของเจ้าคงไม่ใช่แม่นางซ่งให้มากระมัง?”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น มุมปากของฉู่จวินถิงก็โค้งขึ้นมาอีกครั้งจนดูเหมือนจะหุบไม่ลงเลยทีเดียว เขามองหร่วนอวี้เฉิงเป็นเชิงชมเชย “ตาแหลม!”ฉู่อวิ๋นกุย “!!!”“มิน่าเล่าถึงได้ทะนุถนอมอาภรณ์ชุดนี้เสียขนาดนั้น!” ฉู่อวิ
ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงวันเกิดของฉู่มู่เหยา ซ่งรั่วเจินแต่งตัวอย่างพิถีพิถันแล้วจึงตามพี่ชายทั้งสามคนไปเข้าวังพร้อมกันงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงหกคราวนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากคนที่นางเชิญมาด้วยตนเองแล้ว บุตรชายหญิงที่ยังไร้พันธะหมั้นหมายของขุนนางขั้นสี่ขึ้นไปก็มาร่วมงานเช่นกันได้ยินว่าตอนแรกไม่ได้วางแผนไว้เช่นนี้ ภายหลังไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงเสียอย่างนั้น ทุกคนคาดเดากันว่าคงทำเช่นนี้เพื่อคัดเลือกคู่ครองให้กับบรรดาองค์ชายองค์หญิง ด้วยเหตุนี้ คุณชายและคุณหนูทุกคนที่มาร่วมงานจึงเตรียมตัวมาอย่างดี“น้องหญิงห้า ชุดที่เจ้าทำให้ข้าชุดนี้พอดีตัวดีจริงๆ นอกจากใส่สบายแล้วยังดูดีอีกด้วย!”ซ่งจืออวี้สวมชุดที่ซ่งรั่วเจินมอบให้เขามา ในใจรู้สึกยินดียิ่งนัก มิน่าเล่ากิจการร้านลั่วเสินจึงรุ่งเรืองปานนั้น ชุดที่น้องหญิงห้าออกแบบช่างไม่เหมือนใครเลยจริงๆเขารู้สึกว่าไม่เคยมีชุดไหนที่ดูดีเท่าชุดนี้มาก่อนเลย!ซ่งจิ่งเซินกับซ่งอี้อันก็สวมชุดที่ซ่งรั่วเจินให้พวกเขามาอย่างพร้อมใจยิ่ง วันที่พวกเขาได้รับชุด ทุกคนมีความสุขมากวันนี้ประสบโอกาสเหมาะพอดีก็ย่อมต้องนำออกมาสวม“น้องหญิงห้า ข้า
“หลายปีมานี้เขาไม่เคยชอบพอแม่นางคนไหนมาก่อน ยามนี้ยากนักกว่าจะมีแม่นางที่ชอบ ไยท่านต้องคัดค้านความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วย แบบนี้มิเท่ากับทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านแม่ลูกหรือเพคะ?”“นอกจากนี้...ยามนี้เกรงว่าคนที่ชอบพอแม่นางซ่งจะไม่ได้มีแค่ฉู่อ๋องเพียงคนเดียว”“อันที่จริงหลังพิธีล่าสัตว์ครั้งนั้น ข้าก็รู้แล้วว่าถังเสวี่ยหนิงไม่เหมาะสมจริงๆ แต่ถังฮูหยินจงใจเข้าวังมาขอร้อง ข้าจึงอดทนรอดูต่อไป ตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้เสียแล้วก็ยิ่งไม่เหมาะสมกับฉู่อ๋อง”ฮองเฮาเอ่ยขึ้นช้าๆ สาเหตุที่วันนี้โมโหเช่นนี้ก็เพราะรู้สึกว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เหล่าสนมในวังหลายคนล้วนแต่เยาะเย้ยเสียดสีนาง ทำให้นางเสียหน้า“แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลิงไท่ซือจะกลับเมืองหลวงแล้ว? หลานสาวของเขาหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอ๋อร์คุ้นเคยกับฉู่อ๋องมาตั้งแต่เล็ก ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าในใจจวินถิงคิดอย่างไรกันแน่”ลู่หมิ่นฮุ่ยอึ้งไป “ข้าจำได้ว่าแม่นางคนนั้นหน้าตางดงามมาตั้งแต่เล็ก ชอบตามหลังฉู่อ๋องอยู่ทั้งวัน ยามนั้นยังเคยพูดเย้าว่าวันหน้าจะให้ทั้งคู่แต่งงานกัน”“แต่ภายหลังหลิงไท่ซือย้ายไปจากเมืองหลวง ตอนนี้จะกลับมาแล้วงั้นหรือ?”……ณ จ
ลู่หมิ่นฮุ่ยได้ยินดังนั้นก็รู้สึกยินดียิ่งนัก “พี่หญิง ท่านดูออกก็ดีแล้วเพคะ ถังเสวี่ยหนิงผู้นี้ไม่ใช่คู่ครองที่เหมาะสมจริงๆ”“เรื่องระหว่างพิธีล่าสัตว์คราวก่อนก็ทำความผิดใหญ่หลวงไปแล้ว ถ้าบอกว่านางบริสุทธิ์จริงๆ ถูกหลอกลวงมา ข้ากลับเชื่อไม่ลง”ฮองเฮาได้ยินแล้วก็เงียบไป เรื่องคราวก่อนคนมีวิจารณญาณล้วนมองพิรุธออก แม้สุดท้ายจะยืนยันแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับถังเสวี่ยหนิง แต่นั่นก็เป็นเพราะนางไม่ฉลาดเองถึงได้ถูกคนวางหลุมพรางเอาเช่นนั้นหลังเกิดเรื่องนี้ นางก็กระจ่างแล้วว่าถังเสวี่ยหนิงเป็นพวกไม่มีสมองจริงๆคงเป็นเพราะครอบครัวให้ท้ายมาจนชิน เข้าใจว่าทุกเรื่องจะเป็นไปตามที่นางต้องการ นิสัยเช่นนี้ หากได้เป็นชายาฉู่อ๋องจริงๆ นอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ยังจะกลายเป็นตัวถ่วงเสียอีก“พี่หญิง ความจริงข้ารู้สึกว่าแม่นางซ่งผู้นั้นก็ดีมากนะเพคะ ท่านดูจากเรื่องแจกโจ๊กคราวนี้สิ เห็นได้ชัดว่าถังเสวี่ยหนิงจงใจหาเรื่องนาง”“แต่ท่านดูสิว่าแม่นางซ่งทำอย่างไร? นางไม่ชิงดีชิงเด่น ยอมแบกรับคำครหาอยู่หลายวัน นางยังไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย”“ด้วยฐานะของพวกเรา จำเป็นต้องเข้าใจความสำคัญของภาพรวม ไม่อาจทำลายเรื่องสำค
กู้ชิงเหยี่ยนพยักหน้า “ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีคนพูดว่าจวนอัครมหาเสนาบดีร่ำรวยถึงเพียงนี้ ใช่หรือไม่ว่าท่านอัครมหาเสนาบดีรับสินบน”“เช้าวันนี้ ฝ่าบาทตำหนิอัครมหาเสนาบดีถังอย่างแรงที่ห้องทรงพระอักษร เสียงด่าดังมากจนภายนอกได้ยิน”ราชครูกู้พูดเนิบนาบอย่างไม่ใส่ใจ ภายในเสียงกลับเผยกลิ่นอายที่ได้รับชมละครฉากสนุกหลายส่วนเรื่องถังเสวี่ยหนิงทำร้ายรั่วเจินในพิธีล่าสัตว์ เขาย่อมรู้ ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องสกุลซ่งแจกจ่ายโจ๊ก ถังเสวี่ยหนิงเองก็แจกจ่ายโจ๊ก แต่ยังต้องการแจกจ่ายซาลาเปาเนื้อ สองคนได้พบกันที่ประตูเมืองทิศประจิม เขาได้ยินเรื่องรั่วเจินสั่งให้คนเก็บแผงไปทั้งหมดนี้แล้ว จะต้องเป็นเพราะหลานสาวถูกรังแก กลับอดกลั้นไว้ มิได้บอกผู้อาวุโสอย่างพวกเขาเหล่านี้บัดนี้ถังเสวี่ยหนิงก่อเรื่องโง่งมเหล่านี้ออกมา ก็สมควรแล้ว!พี่น้องสกุลซ่งสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนรู้สึกมีความสุขในคราวเคราะห์ของผู้อื่นคิดใช้วิธีการเช่นนี้มารังแกน้องหญิงห้า ยกหินใส่เท้าตน บัดนี้อัครมหาเสนาบดีถังจะต้องปวดหัวแน่“ฮองเฮาอยากให้ถังเสวี่ยหนิงเป็นลูกสะใภ้มาโดยตลอด ก็ไม่รู้บัดนี้นึกเสียใจภายหลังไปแล้วหรือไม่?”ซ่งอี้อันหรี่ตาลง ด
กู้ฮวนเอ๋อร์เผยสีหน้าโศกเศร้า “ข้าไม่ทันระวังจริงๆ...”ซ่งรั่วเจิน “...”นางเข้าใจอวิ๋นอ๋องแล้ว คนรักหน้าตาอย่างเขาคนหนึ่ง น่ากลัวว่าไม่เคยขายหน้าเช่นนี้มาก่อนความรักครั้งนี้ของกู้ฮวนเอ๋อร์...ลำบากโดยแท้!“ญาติผู้พี่ ท่านมีวิธีอันใดหรือไม่? ข้าชอบอวิ๋นอ๋องด้วยใจจริง ได้ยินมาว่าเขาชอบฟังบทเพลงผีผา ข้ายังเตรียมหาอาจารย์ไว้เรียนเป็นพิเศษอีกด้วย”“ครั้งก่อนฮองเฮาเรียกข้าเข้าวัง เดิมทีก็ตั้งใจให้ข้าและอวิ๋นอ๋องได้รู้จักกัน แต่เพียงเขาได้ยินชื่อของข้า คนก็ไม่มาแล้ว!”กู้ฮวนเอ๋อร์ก้มหน้า ใบหน้าเรียวเล็กปกปิดความผิดหวัง “เดิมทีข้าเพียงแอบชอบ กลับไม่มีความยึดมั่น อย่างไรเสียเขาก็มีฐานะสูงศักดิ์ ใช่ว่าข้าจะคู่ควรกับเขา ทว่าบัดนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว ข้าจึงอยากลองดู”ซ่งรั่วเจินเข้าใจแล้ว กู้ฮวนเอ๋อร์เข้าตาฮองเฮา อวิ๋นอ๋องเองก็เป็นคนในหัวใจนาง หากอวิ๋นอ๋องยินดีอยู่ร่วมกันกับนาง นั่นก็คือคู่สร้างคู่สมเรื่องแต่งงานของสตรี ส่วนใหญ่ล้วนฟังคำสั่งฟ้าบัญชาสวรรค์ บัดนี้โอกาสอยู่ตรงหน้า ขอเพียงพยายามก็สามารถแต่งงานกับคนที่ชอบได้ ย่อมต้องสู้สุดจิตสุดใจดูสักครั้ง“ญาติผู้น้องฮวนเอ๋อร์ ข้าไม่เคยได
มือสองข้างของนางประสานกัน ท่าทีสับสน “คือ...ข้า...”“ไม่ขอปิดบัง แท้จริงแล้วข้าชอบอวิ๋นอ๋อง” กู้ฮวนเอ๋อร์สารภาพออกมา“แค่กๆๆ” สายตาซ่งรั่วเจินเผยแววตกตะลึง “อวิ๋นอ๋อง?”กู้ฮวนเอ๋อร์รีบปิดปากซ่งรั่วเจิน พูดว่า “ญาติผู้พี่ ท่านเบาลงเสียงหน่อย อย่าให้คนอื่นได้ยินเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินเองก็สนใจขึ้นมาแล้ว “เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ?”กู้ฮวนเอ๋อร์เล่าเหตุการณ์ที่นางได้พบอวิ๋นอ๋องเป็นครั้งแรกวันนั้นนางตั้งใจแต่งตัวไปเข้าร่วมงานเลี้ยงชมดอกบัว ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกแม่นางที่ปกติมีความสัมพันธ์ไม่ดีขัดขาเข้า คนมิอาจควบคุมตนเองได้จึงล้มหงายหลังข้างหลังก็คือสระบัว หากตกลงไป น่ากลัวว่าต้องกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวงแน่โชคดีตอนนี้เองอวิ๋นอ๋องบังเอิญผ่านมา ประคองนางไว้ นี่ถึงทำให้นางรอดพ้นจากความอับอายนี้ไปได้ซ่งรั่วเจินได้ยินเรื่องวีรบุรุษช่วยสาวงามแล้ว เนตรขนงเจือรอยยิ้มแม้ว่าเรื่องทำนองนี้จำเจอย่างมาก แต่ไม่พูดไม่ได้ว่าสำหรับสตรีแล้ว นี่ก็คือช่วงเวลาทำให้ใจคนหวั่นไหวได้อย่างง่ายดายที่สุด“นับตั้งแต่นั้นมา ข้าก็มักอยากลอบไปดูอวิ๋นอ๋องอยู่ตลอด แต่ข้าไม่กล้าเป็นฝ่ายเข้าไปพูดกับอวิ๋นอ๋องก่อน
วันนี้ซ่งรั่วเจินถูกเรียกมาตั้งแต่เช้า ติดตามมารดาและพวกพี่ชายไปสกุลกู้“ก่อนหน้านี้นับญาติกันอย่างกะทันหันเกินไป วันนี้ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ พวกเจ้าเองก็ถือโอกาสนี้รู้จักเหล่าญาติพี่น้องเถอะ”บนรถม้า กู้หรูเยียนยิ้มกว้างเล่าสถานการณ์ของลูกหลานสกุลกู้ ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็ได้รู้ว่าสกุลกู้มีคนมากมายจากการแนะนำนี้ท่านลุงใหญ่กู้ชิงเหยี่ยนและท่านป้าสะใภ้สวี่ซื่อคลอดลูกสาวสองคนลูกชายสองคน แบ่งออกเป็นลูกชายคนโตกู้จิ่งหลิน ลูกชายคนรองกู้ชิงฉือ ลูกสาวคนที่สามกู้หนานเวย และลูกสาวคนสุดท้องกู้เจาหยวนท่านลุงรองกู้ชิงซิวและป้าสะใภ้หลิงซื่อมีลูกชายสามคนลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายคนโตกู้มู่เฉิน ลูกชายคนรองกู้หลินเซียว ลูกชายคนที่สามกู้สือเหย่และลูกสาวคนเล็กกู้ฮวนเอ๋อร์ภายในนั้น นอกจากกู้เจาหยวน กู้สือเหย่และกู้ฮวนเอ๋อร์ที่ยังไม่แต่งงาน คนอื่นล้วนแต่งงานแล้วส่วนท่านลุงสามกู้ชิงเจ๋อ ทุกคนมิได้เอ่ยถึงอย่างรู้ใจกัน เพราะเรื่องของกู้อวิ๋นเวย กู้ชิงเจ๋อยังมิอาจแยกแยะถูกผิดได้ บัดนี้มิได้อาศัยในสกุลกู้“หรูเยียน ในที่สุดพวกเจ้าก็มาแล้ว หลายวันนี้เจ้าลิงซุกซนเหล่านี้ล้วนบ่นว่าอยากพบญาติผู้พี่ผู้น้องอยู่ตลอด
ผู้ดูแลเผยสีหน้าเอือมระอา ทุกวันเพียงแค่เงินแจกจ่ายโจ๊กก็ใช้จ่ายไปไม่น้อย ครั้นเปลี่ยนเป็นแจกจ่ายซาลาเปาเนื้อราคาก็ชวนให้คนตกตะลึง อีกเดี๋ยวจะต้องไปคลังขอเบิกเงินอีกแล้ว...ซ่งจิ่งเซินและซ่งจืออวี้มองบรรยากาศครึกครื้นที่ประตูเมืองทิศทักษิณแห่งนั้น เอ่ยออกมาอย่างสลดใจ “ความยิ่งใหญ่เช่นนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมาก่อน สกุลถังเงินหนาไม่ผิดไปดังคาด!”“น้องสี่ อัครมหาเสนาบดียอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เหตุใดกับเรื่องนี้ถึงได้โง่งมนัก ปล่อยให้ถังเสวี่ยหนิงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้?”ซ่งจืออวี้เผยสีหน้าสงสัย คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนอาจไม่เข้าใจ แต่อัครมหาเสนาบดีไม่มีทางไม่รู้ผลลัพธ์ที่ตามมาของการกระทำนี้ซ่งจิ่งเซินหัวเราะเบาๆ “ได้ยินมาว่าเมื่อคืนดื่มสุราจนเมามาย น่ากลัวว่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้”“หากรู้เข้า จะต้องไม่ปล่อยให้นางทำเรื่องเหลวไหลแน่ แต่เรื่องนี้ชุลมุนวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ ต่อให้หลังผ่านวันนี้ไปจะห้ามเอาไว้ น่ากลัวว่าไม่ทันการณ์แล้ว”“ฉวยโอกาสในครั้งนี้ พวกเราเองก็หาเงินได้มาก อย่างไรเสียจวนถังก็ไม่ขาดเงินอยู่แล้ว”“สกุลถังแจกจ่ายโจ๊ก พวกเราหาเงินได้อย่างไร?” ซ่งจืออวี้ตกตะลึงซ่งจิ่งเซิ