Share

บทที่ 594

Author: จี้เวยเวย
“อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึม

ใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”

นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”

“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?”

ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”

“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”

ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ตระกูลหลิ่วอย่าปากดีกันให้มากนัก ความจริงเปิดเผย เดี๋ยวมีอึ้ง
goodnovel comment avatar
Puy Arunee
กำลังสนุกหวังว่า..ยังมีตอนต่อไปให้ได้อ่านต่ออีกนะคะ
goodnovel comment avatar
Pimwipa
ลงหลายตอนหน่อยได้ไหมคะ มันตื่นเต้นนน 🥹🥹
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 742

    ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเล็กน้อย "รบกวนท่านแล้ว"“ไม่รบกวนหรอก ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินจะไปกับเจ้าด้วย ข้าก็วางใจมากแล้ว”หลังจากฉู่จวินถิงได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกว่าการจัดเตรียมของสกุลซ่งนั้นเหมาะสมอย่างมาก การที่ทั้งกองคาราวานเดินทางไปด้วยกันจะไม่ดึงดูดความสนใจ และยิ่งปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย“เจ้าออกเดินทางครั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นรู้จะดีที่สุด เพราะยังไม่สามารถหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังไต้ซือเทียนจีได้ สุดท้ายแล้วก็ไม่ปลอดภัย”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเล็กน้อย "หม่อมฉันเข้าใจแล้ว จะระวังตัวเพคะ"“นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า”……ในพลบค่ำวันนั้น เนื่องจากราชครูกู้ต้องเดินทางไปทางใต้ ผู้คนในสกุลซ่งจึงมารวมตัวกันที่จวนตระกูลกู้อีกครั้ง ทว่ายังคงไม่พบกู้ชิงเจ๋อ“นายท่านสามกู้ บัดนี้ไม่คิดจะกลับมาแล้วหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามในบรรดาสามพี่น้องสกุลกู้ กู้ชิงเจ๋อพึ่งพาสกุลกู้มากที่สุด ทว่าตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ออกจากสกุลกู้ ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลยกู้ฮวนเอ๋อร์ส่ายศีรษะ “ไม่อยากกลับมาที่ไหนกัน? เป็นท่านปู่ที่ไม่ยอมให้เขากลับมาต่างหาก”“ญาติผู้พี่ ท่านไม่รู้หรอกว่าท่านลุงสามน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 741

    “ในที่สุดก็ไปสักที พระชายาเช่ออ๋องนี่เสียสติไปแล้วจริงๆ มีเวลาขนาดนี้ไม่สู้กลับไปจัดการอนุในจวนนางให้ดี มาทำกร่างที่จวนตระกูลซ่งของพวกเราทำไมกัน?”ซ่งจืออวี้มีสีหน้ารังเกียจ ยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของการเลือกภรรยาที่มีคุณธรรมและสติปัญญามากขึ้นเช่ออ๋องมีพระชายาเช่นนี้ ก็นับว่าโชคร้ายเสียจริง!“ใครจะไปรู้เล่า?”ซ่งรั่วเจินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ อารมณ์ดีที่เคยมีอยู่ถูกทำลายไปเสียแล้ว“ท่านอ๋องทรงเหนื่อยแล้วใช่ไหมเพคะ? หม่อมฉันจะไปชงชาให้ท่านอ๋องเองเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มก่อนจะทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งไว้ แล้วรีบดึงซ่งจืออวี้ออกไปข้างนอกฉู่จวินถิงมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่จากไปอย่างเร่งรีบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตา นี่คือ...การร้อนตัวหรือไม่?เพิ่งออกมาได้ไม่นาน ซ่งจืออวี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า "น้องหญิงห้า เจ้ารีบเร่งข้าออกมาทำอะไร?”“วันนี้ฉู่อ๋องช่วยข้าลากิจโดยเฉพาะ และยามนี้ก็มาหาเจ้า พวกเราทิ้งเขาไว้ลำพังเช่นนี้คงไม่ค่อยดีนักนะ?”“ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินโบกมือ “ท่านกับท่านอ๋องมาถึงตั้งแต่เมื่อไร? ได้ยินคำพูดของข้าก่อนหน้านี้มากน้อยเพียงไหน?”ซ่งจืออวี้นึกถึงคำพ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 740

    “แม่นางซ่งกับน้องสามมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน นางก็คือว่าที่พระชายาฉู่อ๋อง เจ้าเป็นพี่สะใภ้ แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้ากล่าวหาว่านางยั่วยวนข้า คิดจะยุแยงความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างข้ากับฉู่อ๋องงั้นรึ?”เฉียนหย่าหลินได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็พลันเผือดสีโทษหนักปานนี้ นางแบกรับไม่ไหวจริงๆ!ตอนนี้เดิมก็เป็นช่วงเวลาเปราะบาง ถ้านางกล้าทำให้เกิดช่องว่างระหว่างอ๋องทั้งสอง เกรงว่าราชวงศ์คงไม่ปล่อยนางไว้แน่!“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเด็ดขาดเพคะ หม่อมฉันมิกล้าเพคะ!”ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ “พี่สะใภ้หาว่าแม่นางซ่งยั่วยวนข้ากับเสด็จพี่รองในเวลาเดียวกัน มิเท่ากับกล่าวหาว่าพวกข้าโง่เขลาเบาปัญญาหรือไร?”“เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับความสามัคคีในหมู่พี่น้องเป็นที่สุดแล้ว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของข้ากับเสด็จพี่ล้วนต้องจบสิ้น”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วบางขึ้นน้อยๆ ฉู่จวินถิงไม่ปล่อยนางไปจริงๆ ด้วย“เสด็จพี่ แต่งภรรยาแต่งผู้มีคุณธรรม พี่สะใภ้ทำลายชื่อเสียงท่าน ข้าคงไปยุ่งไม่ได้ แต่ชื่อเสียงของข้ายังต้องรักษาไว้ ชื่อเสียงรั่วเจินก็ต้องรักษาไว้เหมือนกัน!”คำพูดของฉู่จวินถิงกลายเป็นฟางเส้นสุ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 739

    ซ่งรั่วเจินฟังคนข้างกายเฉียนหย่าหลินใส่ร้ายตนเอง ถ้อยคำน่าขันขึ้นทุกประโยค ดวงตางามฉายแววเยาะหยันเดิมเข้าใจว่าแม่นมกับสาวใช้เหล่านี้เป็นเพียงข้ารับใช้ คิดไม่ถึงว่ายังเป็นนักแต่งเรื่องอีกด้วย!ดูปากนั่นสิ แต่งเรื่องเก่งไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว!แต่ถ้าจะแสดงละครแข่งกัน นางยังจะแพ้อีกงั้นรึ?“ท่านอ๋อง หม่อมฉันกับพระชายาไม่เคยรู้จักกัน ทั้งยังไม่เคยเจอกันมาก่อน”“วันนี้พระชายามาเยือนกะทันหัน ทั้งยังพาแม่นมสาวใช้มาด้วยมากมายท่าทางน่ากลัวนัก หม่อมฉันเพิ่งมาถึง พระชายาก็สั่งให้ข้ารับใช้ในจวนทุกคนออกไป”“หลังจากพวกเขาไปกันหมดแล้ว พระชายาก็หาว่าหม่อมฉันจงใจยั่วยวนเช่ออ๋อง ที่ช่วยคนในเขตล่าสัตว์ก็เพราะต้องการสร้างบุญคุณเพื่อหวังผลตอบแทน”“หากไม่ใช่เพราะหม่อมฉันเที่ยวตามยั่วยวน ท่านอ๋องก็ไม่มีทางมาขอบคุณถึงจวนด้วยตนเอง บอกว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนที่จะมาขอโทษถึงจวนด้วยตัวเองเพคะ!”ฉู่เทียนเช่อใจกระตุกวูบ เฉียนหย่าหลินเสียสติไปแล้วจริงๆ ด้วย คำพูดพรรค์นี้ก็ยังกล้าพูดออกมาได้!ซ่งรั่วเจินก้มหน้า เช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงตรงหางตาแล้วเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ได้ยั่วยวนท่านอ๋องเลยนะเพคะ จนใจที่พระชายาไ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 738

    “ข้าว่าเรื่องนี้ก็เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้จะดีกว่า ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปเชิญเช่ออ๋องมาแล้วละ”หลังนางกลับบ้านเดิม เช่ออ๋องก็มารับนางเป็นการเฉพาะ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นอย่างหาได้ยากถ้าเช่ออ๋องรู้ว่าตนเองมาหาเรื่องถึงตระกูลซ่งจะต้องพิโรธมากเป็นแน่!“นั่นจะได้อย่างไรกัน?” ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “พี่สะใภ้ถึงขั้นตั้งใจมาคาดคั้นถึงตระกูลซ่ง เห็นได้ชัดว่าเข้าใจผิดมากเพียงใด ถ้าข้าไม่มาเห็นเข้าพอดี เกรงว่าป่านนี้ซ่งรั่วเจินคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว”“นอกจากนี้ อีกสองวันข้าก็จะลงใต้แล้ว ถ้าไม่อธิบายเรื่องเข้าใจผิดกันให้ชัดเจน พอข้ากลับมาก็ไม่ได้เห็นซ่งรั่วเจินแล้วน่ะสิ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าติดต่อกัน กล่าวด้วยสีหน้าเจ็บช้ำใจว่า “ท่านอ๋องพูดถูกเพคะ หม่อมฉันหวาดกลัวยิ่งนัก!”ซ่งจืออวี้เห็นน้องสาวของตนเองแสดงละครร่วมกับฉู่อ๋อง ใบหน้าพระชายาเช่ออ๋องเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำ เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงแล้วเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว จนเขาอดตะลึงไม่ได้ความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้านี้ช่างรวดเร็วมากจริงๆ!หลังจากอวิ๋นหยางไปเชิญเช่ออ๋อง พระชายาเช่ออ๋องก็กระวนกระวายอย่างเห็

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 737

    น้ำเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้คนทั้งสองภายในห้องต่างนิ่งอึ้งไป ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงที่เดินเข้ามาในห้องอย่างแช่มช้า ดวงตางามก็ฉายแววตกใจเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไร?คงไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของตนเองหรอกนะ?ซ่งจืออวี้อ่านสายตาน้องสาวตนเองออกจึงเหยียดริมฝีปากอย่างอ่อนใจ หัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ของซ่งรั่วเจินจึงหยุดเต้นไปในที่สุดได้ยินแล้วจริงๆ ด้วย!ชั่วขณะที่พระชายาเช่ออ๋องเห็นว่าฉู่อ๋องมาแล้ว ใบหน้าก็พลันถอดสี คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงเพียงนี้!ความลนลานวาบผ่านดวงตานาง แต่ก็กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยว่า “ที่แท้ก็ฉู่อ๋องมานี่เอง”“ข้าเพิ่งมาถึงก็ได้ยินว่าพี่สะใภ้กำลังข่มขู่คนอยู่ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้นหรือถึงได้มาขู่เอาชีวิตคนในจวนสกุลซ่งเช่นนี้?”ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่จวินถิงมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ใดๆ เลยสักนิด น้ำเสียงผ่อนคลายเรียบเรื่อยราวกับเป็นการถามไถ่ธรรมดาทั่วไป ทว่าความกดดันที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างรวมถึงสายตาเย็นเฉียบทำให้คนเข้าใจว่า เขามีโทสะแล้ว“ซ่งรั่วเจินไม่เคารพข้า...”พระชายาเช่ออ๋องยังพูดไม่จบ ฉู่จวินถิงก็กล่าวขึ้นว่า “อ้อ? พี่สะใภ้มาถึงตระก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 736

    “ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ วันนี้ข้าให้โอกาสเจ้ารักษาก็คือให้เกียรติเจ้า!”“ถ้าฉู่อ๋องรู้ว่าเจ้าไปยั่วยวนเช่ออ๋องลับหลังเขา เจ้าคิดว่าฉู่อ๋องยังจะชอบเจ้าอยู่งั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินอย่างนั้นก็แทบจะหัวเราะออกมา นางยั่วยวนเช่ออ๋อง?“พระชายาเช่ออ๋อง ท่านคิดว่าหม่อมฉันสมองไม่ดีหรือสายตามีปัญหาหรือเพคะ?”“ฉู่อ๋องยังไม่แต่งงาน กล้าหาญชาญศึกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นบุรุษรูปงามของเมืองหลวง ไยหม่อมฉันจะต้องปล่อยมือจากฉู่อ๋องไปยั่วยวนเช่ออ๋องด้วยเพคะ?”เมื่อซ่งจืออวี้มาหาน้องหญิงห้าเป็นเพื่อนฉู่อ๋อง ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็ได้ยินคำพูดเช่นนี้ดังออกมาจากข้างใน เขาเบิกตากว้างอย่างอดไม่อยู่เหตุใดสตรีวิปลาสผู้นี้จึงมาใส่ร้ายน้องหญิงห้าส่งเดชเช่นนี้!“เช่ออ๋องไม่ดีตรงไหน? ฉู่อ๋องเย็นชาเสียขนาดนั้น เหมือนก้อนหินไม่มีผิด ถ้าไม่ระวังก็อาจเสียชีวิตเอาได้ ไหนเลยจะอ่อนโยนเหมือนเช่ออ๋อง?”พระชายาเช่ออ๋องแย้งกลับมาอีกประโยค “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ามันไม่รู้จักพอ!”“ฉู่อ๋องหน้าตาหล่อเหลาปานนั้น ถึงเขาจะตีหน้าเย็นชาทั้งวันแต่ก็เป็นชายรูปงามที่หาได้ยากนักในโลกนี้ ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 735

    ซ่งรั่วเจินเพิ่งมาถึงโถงหน้าก็เห็นพระชายาเช่ออ๋องที่แต่งกายอย่างหรูหราอาภรณ์สีชมพูตัดเย็บจากผ้าแพรชั้นดี คลุมทับด้วยเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว รูปโฉมนางเหมือนสาวน้อยที่งดงามน่ารัก ผิวพรรณขาวบริสุทธิ์ ดวงตาชั้นเดียวเชิดขึ้นเล็กน้อยทอประกายคมกริบแม่นมสี่คนกับสาวใช้สี่คนยืนอยู่ข้างกาย กล่าวได้ว่าวางมาดใหญ่โตยิ่งนัก“คารวะพระชายาเช่ออ๋องเพคะ”ซ่งรั่วเจินแสดงคารวะ นางรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามจับจ้องตนเองตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว แต่การจ้องมองเช่นนี้...แสดงท่าทีของผู้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ในใจก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วนเห็นที...จะไม่ได้มาดีสินะ!“เจ้าก็คือซ่งรั่วเจิน?”พระชายาเช่ออ๋องมองประเมินซ่งรั่วเจิน ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าแม่นางผู้นี้เป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถอาศัยสถานะหญิงที่เคยถอนหมั้นไปเข้าตาฉู่อ๋องได้แล้วสายตาฉู่อ๋องสูงส่งมาแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ไม่เคยต้องตาแม่นางคนใดมาก่อน แต่กลับถูกนางล่อลวงจนลุ่มหลงหัวปักหัวปำ ชั่วขณะนี้เมื่อได้เห็นแล้วก็จำต้องยอมรับว่างดงามจริงดังกล่าว“เพคะ” ซ่งรั่วเจินตอบรับ “ไม่ทราบว่าพระชายาเช่ออ๋องมาหาหม่อมฉันด้วยธุระอันใดหรือเพคะ?”“ข้าไ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 734

    พี่ใหญ่ถูกลอบโจมตีจนเกือบไม่รอดชีวิตกลับมา หลังกลับมาแล้วขาทั้งสองข้างยังพิการ ท่านพ่อก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยถ้ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้...“ส่วนจิ่งเซิน เขาได้ทำการค้าบ่อยๆ เชี่ยวชาญการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คน พวกเจ้าเดินไปทางไปด้วยกันสามารถปลอมเป็นกลุ่มพ่อค้าที่ไปค้าขาย ผู้คนจะได้ไม่สงสัยโดยง่าย” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวซ่งจิ่งเซินพยักหน้ารัวๆ “ใช่แล้ว มีข้าอยู่ด้วย สามารถตัดความยุ่งยากไปได้มากที่สุดแล้ว!”ทุกคนล้วนเข้าใจเรื่องนี้ดี ยามออกไปข้างนอก การมีไหวพริบในการจัดการเรื่องราวเฉพาะหน้าสามารถลดปัญหาได้ นอกจากนี้ ซ่งจิ่งเซินก็ยังมีประสบการณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครด้วยซ้ำ แค่นำกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางก็สามารถตบตาผู้คนได้อย่างง่ายดายกู้หรูเยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมากจึงกล่าวว่า “เจินเอ๋อร์ ทำตามที่พี่ใหญ่เจ้าพูดเถอะนะ? เช่นนี้พวกข้าจะได้คลายใจ”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองพวกซ่งจืออวี้สองฝาแฝดก็เห็นพวกเขาพยักหน้าเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนลูกไก่จิกข้าวสารกระนั้น นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ งั้นประเดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าต้องเตรียมสิ่งใดไปบ้าง”“น้องหญิงห้า เรื่องนี้เจ้ายกให้เป็นหน้าที

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status