อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ยิ้มเหมือนจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง “ผู้ชายดีๆ ในเมืองหลวงมีไม่น้อย หลังจากหม่อมฉันถอนหมั้น คนที่มาทาบทามสู่ขอหม่อมฉันก็มีมากมาย...”“ยังมีมากมายอีกด้วย? ไหนลองบอกข้ามาซิว่ามีใครบ้าง?”ฉู่จวินถิงรู้ว่าแม่นางผู้นี้กำลังหยอกเย้าตนเองอยู่ แต่ครั้นคิดถึงว่าตอนนั้นนางไม่มีความคิดจะแต่งงานกับเขาเลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ยามนี้ไม่แน่ว่าคงแต่งงานกับคนอื่นไปแล้วก็เป็นได้มือของเขาเกาะกุมเนื้ออ่อนบริเวณเอวนาง ออกแรงเล็กน้อยก็ทำให้นางหัวเราะคิกขึ้นมา“ฮ่าๆ จั๊กจี้ ท่านปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ”ซ่งรั่วเจินกลัวจั๊กจี้มาแต่ไหนแต่ไร ทั้งร่างพลันอ่อนระทวย ดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดของฉู่จวินถิง“ท่านปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้นะ เร็วเข้า!”ฉู่จวินถิงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ข้าไม่ปล่อย เจ้าบอกข้ามาก่อนว่ามีใครบ้าง”“ไม่มี ไม่มี นอกจากท่านก็ไม่มีใครทั้งนั้น”ซ่งรั่วเจินอ้อนวอนอย่างอ่อนใจ นางคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงจะมาไม้นี้ ยื่นมือเข้าไปคิดจะจั๊กจี้เขาบ้าง แต่กลับพบว่าเนื้อบนตัวชายหนุ่มแข็งกว่านางมากนัก เมื่อแตะถูกบริเวณเอวอย่างไม่ทันระวังก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงเค้าโครงกล้ามเนื
ฉู่อวิ๋นกุยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ชั่วชีวิตนี้ข้าคงคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยนิสัยของเสด็จพี่จะมีวันที่เตรียมการเช่นนี้เอาไว้ด้วย”ก่อนหน้านี้เมื่อเสด็จพี่พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เค้นสมองครุ่นคิด แต่นอกจากเรื่องดอกไม้ไฟแล้ว ความคิดอื่นๆ ล้วนถูกปฏิเสธทันควันเมื่อเทียบกันในยามนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่าความคิดพวกนั้นของตนเองไม่เข้าท่าเอาเสียจริงๆซ่งรั่วเจินขึ้นเรือที่ตกแต่งอย่างหรูหราไปกับฉู่จวินถิงแล้วค่อยพบว่าคนอื่นๆ ไม่ได้ตามมาด้วยจึงอดถามไม่ได้ว่า “มีแค่พวกเราสองคนหรือ?”ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวตรงหน้า สายตาตกลงบนริมฝีปากสีกุหลาบนั้น ความรู้สึกอ่อนนุ่มเมื่อครู่ก่อนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในห้วงคำนึง เพียงปรารถนาจะลิ้มรสอย่างเต็มที่สักคราเขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่นระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง “อืม มีแค่พวกเรา”แววตาของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นลึกล้ำขึ้นมา กระทั่งน้ำเสียงก็ยังแหบพร่าอยู่บ้างครู่ก่อนยังมีท่าทางอบอุ่นดุจอาบไล้อยู่ในสายลมวสันต์อยู่แท้ๆ ฉับพลันนั้นก็เปลี่ยนเป็นเปี่ยมแรงกดดัน ดวงตาคู่นั้นยังคงอ่อนโยนเปี่ยมแววรักใคร่ ทว่าแฝงไว้ซึ่งแววคุกคาม
ซ่งหลินมองรอยยิ้มของลูกสาวตนเอง ในใจรู้สึกเป็นสุขอย่างไม่อาจพรรณนา ประกอบกับได้ยินคำพูดของภรรยาตนเองพอดี เขาจึงอดกล่าวขึ้นไม่ได้ว่า“ตอนนี้ท่าทีของข้าดีมากแล้ว ไม่ว่าพ่อตาบ้านไหนก็เห็นลูกเขยขัดตาทั้งนั้นแหละ แต่ฉู่อ๋องผู้นี้ นิสัยไร้ที่ติเลยจริงๆ”“ในอดีตตอนข้าอยู่ในสนามรบมักได้หารือกับเขาบ่อยๆ เป็นสุภาพบุรุษที่หาได้ยากคนหนึ่ง ทั้งยังมีความรับผิดชอบ เขาจะไม่ทำให้เจินเอ๋อร์ผิดหวังแน่นอน”คิดถึงว่าตอนแรกเขาก็คิดว่าฉู่จวินถิงเป็นลูกเขยที่ดีคนหนึ่ง ไม่ว่าลูกสาวสกุลใดได้แต่งงานกับเขา จะต้องได้มีชีวิตที่ดีพร้อมอย่างแน่นอน แต่เจ้าหมอนี่นิสัยเย็นชาเกินไป ไม่ถูกใจลูกสาวบ้านไหนสักคน เขาจึงเลิกล้มความคิดนี้ไปใครเลยจะคาดว่าวกไปวนมาสุดท้ายทุกอย่างก็กลายเป็นจริง ฉู่อ๋องถึงกับต้องการแต่งงานกับลูกสาวเขาคนเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อพวกสหายเก่าแก่ได้รู้เรื่องนี้ แต่ละคนก็มีสีหน้าเหมือนเห็นผี ในใจเขาไม่ต้องบอกเลยว่าปลาบปลื้มมากแค่ไหน!กู้หรูเยียนพยักหน้าน้อยๆ “สายตาของเจินเอ๋อร์ก็ดีเหมือนกัน โชคดีที่ถอนหมั้นเสียตั้งแต่ตอนนั้น มิฉะนั้นถ้าเข้าไปอยู่ในจวนสกุลหลิน พ่อแม่อย่างพวกเราก็ทำผิดต่อนางมากเกินไ
แต่หลังจากที่กู้ฮวนเอ๋อร์ได้ยินว่าญาติผู้พี่ไม่เคยได้สิ้นเปลืองความคิดเพื่อเรื่องนี้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับเป็นฉู่อ๋องเสียอีกที่สะสางทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งยังยอมรับต่อหน้าฮองเฮาว่าเขาเป็นฝ่ายพยายามเอาชนะใจนาง ญาติผู้พี่ยังไม่แน่ว่าจะรับปาก นางจึงตระหนักว่าที่แท้สตรีก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเหมือนญาติผู้พี่ได้เหมือนกันไม่ต้องก้มศีรษะให้ครอบครัวสามี ทั้งยังไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว นางมีความกล้าถอนหมั้นในวันแต่งงาน ทั้งยังไม่เกรงกลัวถ้อยคำซุบซิบนินทาต่อให้ใครจะคิดว่านางไม่คู่ควรกับฉู่อ๋อง ทว่าในสายตาฉู่อ๋อง สิ่งที่กลัวกลับเป็นการทำให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจฉู่มู่เหยาก็เข้าใจความคิดของกู้ฮวนเอ๋อร์เช่นกัน ถึงนางจะเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ไม่กล้ามีความคิดเช่นพี่สะใภ้แต่เมื่อได้เห็นพี่สะใภ้และเสด็จพี่เช่นนี้ นางก็อวยพรให้พวกเขาจากใจจริงแม้ว่าชั่วชีวิตนี้ตนเองไม่แน่ว่าจะสามารถใช้ชีวิตแบบพี่สะใภ้ได้ แต่เพียงได้เห็นว่าพวกเขาทำได้ นางก็รู้สึกเป็นเกียรติแล้วสี่พี่น้องสกุลซ่งเห็นว่าฉู่จวินถิงให้ความสำคัญกับน้องสาวของพวกตนเช่นนี้ก็อดมองตากันไม่ได้ ใบหน้