พลั่ก!ซ่งจืออวี้ยกเท้าถีบไป๋จวิ้นอวี่อย่างไม่ลังเล กล้าคิดแตะต้องน้องสาวของเขาต่อหน้าต่อตา อยากตายนักหรือ!ขณะเดียวกัน ฉู่จวินถิงก็ลงมือด้วยเช่นกันฉู่จวินถิงเหวี่ยงพัดในมือไปออกไป มันพุ่งกระแทกใบหน้าของไป๋จวิ้นอวี่อย่างรุนแรง!ไป๋จวิ้นอวี่ล้มลงอย่างแรง มือเท้าชี้ขึ้นฟ้าอย่างไม่เป็นท่า ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาที่หน้าท้อง ใบหน้าบวมเป่ง เลือดกำเดาไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง สภาพของเขาช่างน่าเวทนายิ่งนักซ่งจืออวี้หันไปมองฉู่อ๋องด้วยความแปลกใจ เขาจะปกป้องน้องหญิงห้าของเขาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เหตุใดฉู่อ๋องถึงได้ลงมือปกป้องน้องหญิงห้าเช่นกัน?พัดเล่มนั้น...ดูท่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกระมัง?แต่กลับโยนทิ้งไปแบบนี้!ซ่งรั่วเจินมองสอง ‘ผู้พิทักษ์’ ข้างกาย นางได้แต่ถอนใจเบา ๆ ในใจว่า ‘ยังไม่ทันได้ให้โอกาสนางลงมือเลย!’ขณะเดียวกัน ไป๋จวิ้นเทาคว้าคอเสื้อไป๋จื่อมู่ไว้แน่น พร้อมพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า“ไป๋จื่อมู่ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่? ท่านแม่ข้าเลี้ยงเจ้ามาหลายปี เจ้ากลับร่วมมือกับซ่งรั่วเจินเพื่อฆ่านาง ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”“พรุ่งนี้ข้าจะให้ทุกคนรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า พวกเจ้าสมคบคิ
คนต่ำช้าพวกนี้!“อั่ก!”หลี่ว์เหวินซิ่วกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองจับจ้องซ่งรั่วเจินเขม็ง“ข้าพูดออกมาหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าควรช่วยข้าได้แล้วกระมัง?”“ถ้าท่านขอร้องข้าตั้งแต่สามวันก่อน ข้าพยายามสุดความสามารถอาจยังช่วยเหลือท่านได้ แต่ข้าก็บอกแล้วว่าหากผ่านพ้นคืนนั้นไป พระหรือเทพก็ยากจะช่วยเหลือได้แล้ว”“ตอนนี้ไอพยาบาทแทรกซึมเข้าร่างท่านมากจนกลายเป็นไอมรณะ นอกจากนี้ คนที่ถูกท่านทำร้ายจนตายก็ไม่ยินดีอโหสิกรรมให้ท่าน ข้าทำได้เพียงช่วยยื้อเวลาให้ท่านเท่านั้น” ซ่งรั่วเจินตอบด้วยสีหน้าลำบากใจไป๋จวิ้นเทาหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเจ้าช่วยไม่ได้งั้นรึ?”“ท่านช่วยได้งั้นรึ?” ซ่งรั่วเจินย้อนถาม“เจ้าช่วยไม่ได้แล้วมาอวดดีอยู่ตรงนี้ทำไม? หากแม่ข้าตาย เจ้าก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้!”ไป๋จวิ้นเทาตวาดเสียงกร้าว ทว่าชั่วพริบตาถัดมาก็ถูกฝักดาบฟาดอย่างรุนแรงจนสลบไป“หนวกหู”ฉู่จวินถิงแววตาเฉยเมย ถ้อยคำเพียงสองพยางค์กลับทำให้ทุกคนจากจวนสกุลไป๋ไม่กล้าโวยวายอีกแม้แต่คำเดียวไป๋จวิ้นอวี่เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว มีบทเรียนให้เห็นเมื่อครู่จึงเพียงถามเสียงอ่อน“แม่นางซ่ง เจ้าเ
“ท่านอ๋อง ส่งน้องหญิงห้ามาให้กระหม่อมเถิะพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่งจืออวี้กล่าวขึ้นอย่างอดไม่อยู่ฉู่จวินถิงฝีเท้าเร็วยิ่ง น้ำเสียงเร่งร้อน “รถม้าอยู่ข้างนอก รีบไปหาหมอสำคัญกว่า”ซ่งรั่วเจินรู้สึกได้ว่าน่าจะพ้นสายตาคนสกุลไป๋แล้วจึงลอบลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมาดูลาดเลา แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความร้อนใจของฉู่จวินถิงท่าทางแบบนั้น...ร้อนใจจริงๆ ด้วย“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ” ซ่งรั่วเจินกระซิบบอก “หม่อมฉันจงใจแสดงละครตบตาพวกเขาเพคะ”ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอด ดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นซีดขาว แลดูอ่อนแออย่างยิ่ง ขณะพูดจาแววตาหลุกหลิก สะท้อนความร้อนตัวออกมาหลายส่วน เขานึกฉุนจนหัวเราะออกมา“แสดง? แล้วทำไมหน้าเจ้าถึงซีดขนาดนั้น?”“ดีชั่วอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นหมอคนหนึ่งเหมือนกันนะเพคะ แสร้งเป็นลมก็พอจะมีชั้นเชิงอยู่บ้าง” ซ่งรั่วเจินอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนแสร้งเป็นลมแสร้งโง่ ทักษะจำเป็นแบบนี้จะขาดไปได้อย่างไรกันเล่า?ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยความอ่อนใจ “จู่ๆ เจ้าจะแสร้งเป็นลมทำไม?”“ถ้าหม่อมฉันไม่แสร้งเป็นลม คนสกุลไป๋สองคนนั้นจะยอมปล่อยหม่อมฉันไปหรือเพคะ? ท่าทางเหมือนสุน
ด้วยเหตุนี้ พวกหลิ่วหรูเยียนก็ได้เห็นซ่งจืออวี้ที่เพิ่งจากไปวกกลับมาอีกครั้ง จึงถามด้วยสีหน้าสงสัย “จืออวี้ ไยเจ้าจึงกลับมาแล้วเล่า?”“ท่านแม่ ท่านอ๋องบอกว่าไม่เป็นไรขอรับ” ซ่งจืออวี้ว่าแล้วก็เดินไปถึงข้างกายหลิ่วหรูเยียน ลดเสียงบอกต้นสายปลายเหตุทั้งหมดแก่มารดาหลิ่วหรูเยียน “...”“ไป๋โหว ลูกสาวข้าได้ทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือไป๋ฮูหยินแล้ว เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้ว ตอนนี้พวกข้าอับจนปัญญาจริงๆ รีบพาไป๋ฮูหยินกลับไปเถิดเจ้าค่ะ” หลิ่วหรูเยียนกล่าวไป๋เฉิงหงยังคงมีท่าทางแบบคนที่ได้รับความสะเทือนใจใหญ่หลวง จนได้ยินคำกระตุ้นเตือนนี้จึงได้สติคืนมา เขาพยักหน้าติดต่อกัน“วันนี้มารบกวนที่จวนพวกท่าน ข้าทำไม่เหมาะสมเอง วันหลังจะมาเยือนเพื่อขออภัยอีกครั้ง ขอตัว”ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทามองดูใบหน้าซีดเผือดของมารดา แม้จะรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ซ่งรั่วเจินเป็นลมไปแล้ว เห็นทีคงอับจนหนทางจริงๆ จึงทำได้เพียงจากไปพร้อมกัน...ในเวลาเดียวกัน หลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มาถึงประตูจวนสกุลซ่งแล้ว“ซวงซวง เจ้าจะต้องได้ยินผิดไปเป็นแน่ เหตุใดฉู่อ๋องจะต้องมาหาซ่งรั่วเจินกลางดึกด้วย?”หลินจือเยว่ย่นคิ้ว ยิ่ง
เดิมนั้นซ่งรั่วเจินอธิบายทุกอย่างต่อฉู่จวินถิงเสร็จแล้วก็จะลงมา แต่ฉู่จวินถิงบอกว่าแสดงละครทั้งทีก็ต้องแสดงให้จบฉากในเมื่อแสร้งเป็นลมแล้วก็ส่งขึ้นรถม้าไปก่อน รอจนคนสกุลไป๋จากไปหมดแล้วค่อยกลับมาก็ได้ นางคิดดูแล้วก็เห็นด้วย อย่างไรเสียจากตรงนี้ไปถึงรถม้าก็ไม่ได้ไกลกันมากใครเลยจะคาดคิดว่าเพิ่งออกมาจากประตูใหญ่ก็ต้องมาเจอสถานการณ์เช่นนี้?หลินจือเยว่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าซ่งรั่วเจินจะยั่วยวนฉู่อ๋องได้สำเร็จจริงๆ นางเป็นสตรีที่ถูกถอนหมั้นคนหนึ่ง เหตุใดฉู่อ๋องจึงพึงใจนางได้?ด้วยฐานะของนาง ต่อให้ไปเป็นอนุในจวนฉู่อ๋องก็ยังไม่คู่ควร!“ซ่งรั่วเจิน มิน่าก่อนหน้านี้เจ้าถึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อถอนหมั้นกับข้า ที่แท้ก็เพราะหมายตาฉู่อ๋องไว้นี่เอง!”“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทะเยอทะยานขนาดนี้ แต่เจ้าไม่ควรเหยียบย่ำความจริงใจของคุณชายสวีเลย ตระกูลซ่งอบรมลูกสาวมาเช่นนี้งั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินถ้อยคำใส่ร้ายต่างๆ นานาถาโถมเข้ามาหาก็สุดจะกลั้นเพลิงโทสะในใจได้ไหว ขณะคิดจะลุกขึ้นมาก็ได้ยินฉู่จวินถิงพูดว่า“อย่าลืมสิ เจ้ายังเป็นลมอยู่นะ”ซ่งรั่วเจิน “??? ถึงเป็นลมก็โมโหจนตื่นแ
“เมื่อครู่นี้แม่นางซ่งใช้พลังกายไปจนหมดสิ้นเพื่อช่วยเหลือไป๋ฮูหยินจึงเป็นลม ข้ากำลังจะพานางไปหาหมอหลวง” ฉู่จวินถิงกล่าว“หา...หาหมอหลวง?” หลินจือเยว่งุนงง ไม่ใช่ถลาเข้าซบอก แต่เป็นลมจริงๆ งั้นหรือ?ฉินซวงซวงก็อึ้งไปเช่นกัน หันไปมองเหอเซียงหนิงโดยสัญชาตญาณ “เจ้าบอกว่าตระกูลซ่งกับตระกูลสวีจะหมั้นหมายกันแล้วไม่ใช่หรือ?”คราวก่อนสวีฮูหยินแสดงออกว่าชมชอบซ่งรั่วเจินต่อหน้าคนมากมาย นอกจากนี้ สวีเฮ่ออันยังจำเพาะเชิญซ่งรั่วเจินไปล่องเรือด้วยกัน นางไม่ได้เพิ่งจะได้ยินเหอเซียงหนิงมาปรับทุกข์ให้ฟังเป็นครั้งแรก คำพูดคำจาบอกชัดว่าการหมั้นหมายเป็นเรื่องแน่นอนไปแล้ว จึงคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสดีในการเปิดโปงซ่งรั่วเจินถ้าสองครอบครัวยังไม่ได้หมั้นหมาย สิ่งที่พูดมาเมื่อครู่นี้ก็กลายเป็นการใส่ร้ายน่ะสิ?ความร้อนตัววาบผ่านแววตาเหอเซียงหนิง นางอธิบายว่า “ข้าได้ยินว่าตระกูลสวีอยากหมั้นหมายจริงๆ นะ จึงอยากให้คุณชายสวีได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางก่อนจะหมั้นหมายกัน”ฉินซวงซวงได้ยินดังนั้นก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนนี้นางถามยืนยันแล้ว เห็นเหอเซียงหนิงยืนยันหนักแน่น นางถึงได้วางแผนเย็นวันนี้ขึ้นมาไม่เพียงแ
“จือเยว่ ข้าเองก็ถูกเซียงหนิงโกหกเหมือนกัน นางบอกว่าซ่งรั่วเจินหมั้นหมายกับคุณชายสวีแล้ว แต่ยังไปรบเร้าพัวพันฉู่อ๋อง”“ข้าไม่อยากให้พวกเขาถูกซ่งรั่วเจินปั่นหัวถึงได้ทำแบบนี้!”ฉินซวงซวงจ้องเหอเซียงหนิงอย่างโกรธเคือง “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นการโกหกข้า ทำร้ายข้าแบบนี้ เจ้าได้ประโยชน์อะไรงั้นรึ?”เหอเซียงหนิงตกใจจนอึ้งงัน เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ทำให้นางตกใจจนไม่กล้าออกจากบ้านไปพักใหญ่ วันนี้จึงพาสวีเฮ่ออันมาดูโฉมหน้าที่แท้จริงของซ่งรั่วเจินโดยเฉพาะเดิมนั้นแค่อยากมองจากไกลๆ ก็พอแล้ว แต่ตอนที่นางมาถึง พวกฉินซวงซวงก็เผชิญหน้ากับฉู่อ๋องไปแล้ว เรื่องราวถึงได้ลุกลามบานปลายมาถึงขั้นนี้“เรื่องนี้จะโทษข้าได้อย่างไร? ข้าแค่บอกว่าแม่นางซ่งกับฉู่อ๋องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาต่อกัน ข้าเป็นใครกันถึงจะกล้ามาจับผิดฉู่อ๋อง?”เหอเซียงหนิงคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว “ฉู่อ๋องทรงปรีชา ต่อให้ข้ากินดีหมีหัวใจเสือมาก็ไม่กล้าทำเช่นนี้หรอกเพคะ!”เห็นเหอเซียงหนิงโยนความผิดทั้งหมดมาให้ตัวเอง ฉินซวงซวงก็โกรธแค้นจนสุดจะระงับ“เป็นเพราะเจ้าชอบคุณชายสวีเองชัดๆ พอรู้ว่าคุ
“ใต้เท้า เรื่องเล็กแค่นี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะเจ้าค่ะ”อวิ๋นหยางมองไปทางเจ้านายของตนเอง เห็นท่านอ๋องไม่ได้ปฏิเสธก็ตอบว่า “ได้”ฉินซวงซวงเห็นแม่นมเดินมาทางตนเองด้วยสีหน้าดุร้าย หัวใจพลันกระตุกวูบ รีบร้อนเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันผิดไปแล้ว ต่อไปไม่กล้าอีกแล้วเพคะ!”แม่นมหยางเงื้อมือฟาดลงไป “สำนึกผิดก็ควรรับโทษ!”เพียะ!ใบหน้าฉินซวงซวงถูกตบจนหันไปอีกทาง นางเอ่ยอย่างร้อนใจ “หม่อมฉันทำไปเพื่อท่านอ๋องนะเพคะ!”เพียะ!“ซ่งรั่วเจินไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนที่เห็นจากเปลือกนอก ท่านอ๋องอย่าถูกนางหลอกเชียวนะเพคะ...”เพียะ!แม่นมหยางเห็นฉินซวงซวงยังไม่ยอมหุบปากจึงลงมือหนักหน่วงกว่าเดิม สตรีผู้นี้มาหาเรื่องคุณหนูห้าครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้แย่งคู่หมั้นของคุณหนูห้าไปแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะมาทำลายชื่อเสียงของคุณหนูห้า วันนี้นางจะต้องตบปากสตรีผู้นี้เสียให้เข็ด!“อีกคนก็ต้องตบเหมือนกัน”อวิ๋นหยางส่งสายตาให้แม่นมอีกคน เขาติดตามท่านอ๋องมาหลายปีย่อมไม่จำเป็นต้องรอให้ท่านอ๋องออกปากสั่งไปเสียทุกเรื่องเหอเซียงหนิงใบหน้าเผือดสี ความเจ็บปวดจากการถูกตบปากคราวก่อนยังชัดเจนประหนึ่งเพิ่งเกิดขึ้น แผลเพิ่งห
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข