“จืออวี้ ที่เจ้าพูดว่าเยียนหรานกับหลินจือเยว่สนิทสนมกันมาก ข่าวนี้จริงหรือ?”หลิ่วหรูเยียนถามด้วยความตกใจ แม้ก่อนหน้านี้เฟยเยี่ยนจะเคยพูดว่าเจินเอ๋อร์ไม่ควรถอนหมั้น เจินเอ๋อร์ก็เคยเอ่ยขึ้นว่าควรให้เยียนหรานแต่งงานกับเขาแทนแต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตระกูลหลินประสบปัญหาต่อเนื่อง คนทั่วไปต่างหลีกเลี่ยงกันทั้งนั้น แต่เยียนหรานกลับพุ่งเข้าไปเช่นนี้ หรือนางจะไปเฝ้าตระกูลหลินที่มีแต่เปลือกเปล่าหรืออย่างไร?“ใครจะสนว่าจริงหรือไม่ ข้าได้ยินคนพูดถึงจริง ๆ ตอนนั้นข้าก็ยังคิดว่าแปลกเหมือนกันเลยขอรับ” ซ่งจืออวี้กล่าวซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ท่านแม่ เรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นโดยไม่มีมูล ท่านไม่ได้เห็นหรือว่าท่านน้าหน้าถอดสีไปแล้ว? เรื่องนี้ต้องมีปัญหาแน่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นเรื่องของตระกูลซุน แม้ซุนเยียนหรานจะคิดจะแต่งเข้าไปในตระกูลหลินจริง นั่นก็คงไม่เกี่ยวกับพวกเขา“วันนี้จวนเซียงอ๋องส่งเทียบเชิญมาให้ ช่างแปลกนัก ตระกูลเรามิได้มีความเกี่ยวข้องกับจวนเซียงอ๋องมากมาย แต่คนที่มาเป็นถึงผู้ดูแลของจวนเซียงอ๋อง แถมยังมีท่าทางสุภาพยิ่ง”เมื่อย้อนคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั
“ข้าจะไม่มีวันแพ้นังแพศยานั่น นางคิดจะใช้กลอุบายหลอกผีมาทำร้ายข้า ไม่มีทางเสียหรอก!”ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทาหันมามองหน้ากัน พวกเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางวิญญาณ แต่สภาพของมารดาในตอนนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก“ท่านโหว สองวันนี้ทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่มาดูข้า?” หลี่ว์เหวินซิ่วถาม“ท่านพ่ออยู่ที่เรือนนั้นตลอด ได้ยินว่าพี่ใหญ่พบอวี้เยว่หลิงเมื่อคืน แต่ท่านพ่อกลับไม่เห็น ดังนั้นท่านถึงได้ซึมเซาเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งวัน”ไป๋จวิ้นเทาเพิ่งจะไปหาไป๋เฉิงหงมา แต่เขากลับเพียงแค่สั่งให้ไปตามหมอมารักษามารดา ส่วนตนเองยังคงอยู่ในเรือนนั้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะออกมาเลย“ทำไมกัน? นังแพศยานั่นตายไปแล้ว เขายังจะคอยคิดถึงนางอีกหรือ?”ในดวงตาของหลี่ว์เหวินซิ่วเต็มไปด้วยความไม่ยอม ทั้ง ๆ ที่นางคือภรรยาที่ท่านโหวแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามพิธี แต่เพราะในตอนนั้นร่างกายของนางไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เสียที ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ชอบหน้านางในตอนนั้นมีหญิงมากมายที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเป็นอนุภรรยา แต่นางไม่ยอมให้อนุเหล่านั้นตั้งครรภ์และชิงความโดดเด่นไปก่อน และไม่ต้องการถูกผู้คนหัวเราะเยาะว่าไม่มีลูก จึงเป็นฝ่าย
ราตรีดำมืดดุจน้ำหมึกสีเข้ม รอบข้างเงียบสงัด แม้ในเรือนจะจุดเทียน แต่ทันทีที่เสียงกรีดร้องของหลี่ว์เหวินซิ่วดังขึ้น ก็ทำให้ทุกคนต่างสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป?”สองพี่น้องไป๋จวิ้นอวี่พุ่งตัวเข้าไปในห้อง ก็เห็นหลี่ว์เหวินซิ่วใช้มือทั้งสองข้างบีบคอตนเองอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว ราวกับจะบีบคอตนเองจนตาย“ท่านแม่ อย่าทำให้พวกเราตกใจเช่นนี้เลย!”สายตาของไป๋จวิ้นเทาเต็มไปด้วยความหวาดผวา ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้แต่ก้าวเดียว“เร็วเข้า ท่านหมอ รีบมาดูอาการของท่านแม่ข้า!” ไป๋จวิ้นอวี่ตะโกนอย่างร้อนรนแต่เมื่อหมอหลายคนเห็นฉากแปลกประหลาดนี้ ไหนเลยจะมีใครกล้าเข้าใกล้ พวกเขาต่างพากันวิ่งหนีออกไปด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับร้องตะโกนว่า“ผีหลอก!”“ผีหลอกแล้ว!”ไป๋จวิ้นอวี่รู้สึกโกรธจัด แต่ทำได้แค่วิ่งเข้าไปพร้อมตะโกนเรียกให้ไป๋จวิ้นเทามาช่วยกันแกะมือของหลี่ว์เหวินซิ่วออก แต่กลับพบว่าหลี่ว์เหวินซิ่วมีแรงมากผิดปกติ แม้พวกเขาสองคนร่วมกันก็ยังไม่สามารถปลดมือออกได้ทันใดนั้น หลี่ว์เหวินซิ่วพลันเปลี่ยนมาบีบคอไป๋จวิ้นอวี่แทน ในดวงตาของนางเต็มไปด้
“เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าเพียงคนเดียวที่ได้ยิน ซวงซวงก็ได้ยินเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาน่าจะไปแล้ว”สีหน้าของสวีเฮ่ออันเปลี่ยนไปทันที “อะไรนะ?”ทันใดนั้น สวีเฮ่ออันก็ไม่สนใจจะพูดอะไรอีก รีบเร่งตรงไปยังตระกูลซ่งทันที เรื่องที่อวิ๋นเฉิงเจ๋อถูกลอบโจมตีในวันนี้ อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน ฉินซวงซวงมีเรื่องบาดหมางกับซ่งรั่วเจินอยู่ก่อนแล้ว หากคืนนี้จับโอกาสได้ ไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเกิดข่าวลืออะไรขึ้นบ้าง......ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูจวนตระกูลซ่งดังสนั่น ผู้คุ้มกันเปิดประตูออก มองไปที่กลุ่มของไป๋จวิ้นอวี่ด้วยความประหลาดใจ“พวกเราต้องการพบซ่งรั่วเจิน! รีบให้พวกเราเข้าไปเดี๋ยวนี้!”ไป๋จวิ้นอวี่ร้อนรนจนทนไม่ไหว หากไม่รีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้แล้ว!บ่าวในจวนตระกูลซ่งมองหน้ากัน ก่อนจะนึกถึงคำสั่งที่แม่นางของพวกเขาเคยสั่งไว้ จึงไม่ขัดขวางทว่าทันทีที่ไป๋จวิ้นอวี่และกลุ่มคนเข้ามาในจวนตระกูลซ่งได้ไม่นาน ไป๋จื่อมู่และไป๋เฉิงหงก็ได้ข่าวและรีบตามมาทันทีพวกเขาไม่คาดคิดว่าไป๋จวิ้นอวี่และคนอื่น ๆ จะก่อเรื่องเช่นนี้ กลุ่มคนมากมายมาบุกจวนตระกูลซ่งในยาม
หลี่ว์เหวินซิ่วมองเส้นดำบนฝ่ามือตนเองอย่างตกใจ เหลือเพียงนิดเดียวเส้นนั้นก็จะถึงปลายนิ้ว นางตกใจจนล้มทรุดลงกับพื้น “เหตุ...เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...”ไป๋เฉิงหงและคนอื่น ๆ เห็นเส้นดำชัดเจนบนมือของหลี่ว์เหวินซิ่ว ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกส่วนหนึ่งเพราะรู้ว่าหลี่ว์เหวินซิ่วเหลือเวลาอีกเพียงเล็กน้อย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะตะลึงกับความสามารถของซ่งรั่วเจิน เดิมทีเส้นนั้นไม่มีอยู่เลย แต่เพียงแค่นางวาดยันต์ ทุกอย่างก็ปรากฏออกมา“ซ่งรั่วเจิน เจ้ารีบช่วยข้า ข้าไม่อยากตาย!”หลี่ว์เหวินซิ่วมองดูเส้นดำที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปยังปลายนิ้ว นางไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ท่านไม่อยากตาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเยาะเบา ๆ นางเกลียดคนอย่างหลี่ว์เหวินซิ่วที่สุดคนที่ไม่เคยเห็นค่าชีวิตของผู้อื่น ชอบชี้นิ้วสั่งการไปทั่ว แม้แต่ตอนที่ขอให้คนช่วยเหลือก็ยังทำตัวสูงส่ง ไม่รู้เลยว่าเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน?“ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีวิธีช่วยข้า แต่กลับตั้งใจไม่ช่วย ไยเจ้าช่างอำมหิตนัก?”หลี่ว์เหวินซิ่วโกรธจัด แล้วหันไปชี้นิ้วใส่ไป๋จื่อมู่ด้วยความเดือดด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าขอพูดให้ชัด ข้าจะไม่เอาทรัพย์สินจากจวนโหวแม้แต่น้อย““นับจากวันนี้ไป ข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนไป๋โหวอีกต่อไป!”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทามองหน้ากันด้วยความยินดีที่แทบปกปิดไม่มิดส่วนไป๋เฉิงหงสีหน้าย่ำแย่ “เจ้าพูดบ้าอะไร? เจ้าคือบุตรของข้า จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนโหวได้อย่างไร?”“ข้าและท่านแม่ของข้าไม่ควรจะอยู่ในจวนโหวตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นนางคิดจะพาข้าไป แต่ท่านที่ขัดขวางนางไว้”“ตอนนี้ข้าอยู่ในจวนโหว ก็กลายเป็นหนามยอกอกของพวกเขามานานแล้ว แม้แต่ท่านพ่อเมื่อครู่ก็ยังไม่เชื่อข้าเลยมิใช่หรือ?”ในดวงตาของไป๋จื่อมู่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้ความจริง แม้เขาจะเกลียดหลี่ว์เหวินซิ่ว แต่คนที่เขาเกลียดมากกว่าคือไป๋เฉิงหงเพราะหลี่ว์เหวินซิ่วไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง แต่ไป๋เฉิงหงคือบิดาของเขา ชายที่เคยหลอกลวงมารดาของเขา ทำลายชีวิตนาง และปิดบังความจริงจากเขามาตลอดหากไม่ใช่เพราะแม่นมสวี เขาคงตายไปแล้ว เช่นเดียวกับมารดาของเขาแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไป๋เฉิงหงกลับยังสงสัยว่าเขาวางแผนใส่ร้ายหลี่ว์เหวินซิ่ว
พลั่ก!ซ่งจืออวี้ยกเท้าถีบไป๋จวิ้นอวี่อย่างไม่ลังเล กล้าคิดแตะต้องน้องสาวของเขาต่อหน้าต่อตา อยากตายนักหรือ!ขณะเดียวกัน ฉู่จวินถิงก็ลงมือด้วยเช่นกันฉู่จวินถิงเหวี่ยงพัดในมือไปออกไป มันพุ่งกระแทกใบหน้าของไป๋จวิ้นอวี่อย่างรุนแรง!ไป๋จวิ้นอวี่ล้มลงอย่างแรง มือเท้าชี้ขึ้นฟ้าอย่างไม่เป็นท่า ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาที่หน้าท้อง ใบหน้าบวมเป่ง เลือดกำเดาไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง สภาพของเขาช่างน่าเวทนายิ่งนักซ่งจืออวี้หันไปมองฉู่อ๋องด้วยความแปลกใจ เขาจะปกป้องน้องหญิงห้าของเขาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เหตุใดฉู่อ๋องถึงได้ลงมือปกป้องน้องหญิงห้าเช่นกัน?พัดเล่มนั้น...ดูท่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกระมัง?แต่กลับโยนทิ้งไปแบบนี้!ซ่งรั่วเจินมองสอง ‘ผู้พิทักษ์’ ข้างกาย นางได้แต่ถอนใจเบา ๆ ในใจว่า ‘ยังไม่ทันได้ให้โอกาสนางลงมือเลย!’ขณะเดียวกัน ไป๋จวิ้นเทาคว้าคอเสื้อไป๋จื่อมู่ไว้แน่น พร้อมพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า“ไป๋จื่อมู่ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่? ท่านแม่ข้าเลี้ยงเจ้ามาหลายปี เจ้ากลับร่วมมือกับซ่งรั่วเจินเพื่อฆ่านาง ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”“พรุ่งนี้ข้าจะให้ทุกคนรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า พวกเจ้าสมคบคิ
คนต่ำช้าพวกนี้!“อั่ก!”หลี่ว์เหวินซิ่วกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองจับจ้องซ่งรั่วเจินเขม็ง“ข้าพูดออกมาหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าควรช่วยข้าได้แล้วกระมัง?”“ถ้าท่านขอร้องข้าตั้งแต่สามวันก่อน ข้าพยายามสุดความสามารถอาจยังช่วยเหลือท่านได้ แต่ข้าก็บอกแล้วว่าหากผ่านพ้นคืนนั้นไป พระหรือเทพก็ยากจะช่วยเหลือได้แล้ว”“ตอนนี้ไอพยาบาทแทรกซึมเข้าร่างท่านมากจนกลายเป็นไอมรณะ นอกจากนี้ คนที่ถูกท่านทำร้ายจนตายก็ไม่ยินดีอโหสิกรรมให้ท่าน ข้าทำได้เพียงช่วยยื้อเวลาให้ท่านเท่านั้น” ซ่งรั่วเจินตอบด้วยสีหน้าลำบากใจไป๋จวิ้นเทาหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเจ้าช่วยไม่ได้งั้นรึ?”“ท่านช่วยได้งั้นรึ?” ซ่งรั่วเจินย้อนถาม“เจ้าช่วยไม่ได้แล้วมาอวดดีอยู่ตรงนี้ทำไม? หากแม่ข้าตาย เจ้าก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้!”ไป๋จวิ้นเทาตวาดเสียงกร้าว ทว่าชั่วพริบตาถัดมาก็ถูกฝักดาบฟาดอย่างรุนแรงจนสลบไป“หนวกหู”ฉู่จวินถิงแววตาเฉยเมย ถ้อยคำเพียงสองพยางค์กลับทำให้ทุกคนจากจวนสกุลไป๋ไม่กล้าโวยวายอีกแม้แต่คำเดียวไป๋จวิ้นอวี่เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว มีบทเรียนให้เห็นเมื่อครู่จึงเพียงถามเสียงอ่อน“แม่นางซ่ง เจ้าเ
เหอเซียงหนิงตัวไร้ประโยชน์คนนี้ถึงขั้นคิดดึงนางมารับเคราะห์ไปด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดว่าไม่อยากดึงนางออกมาถังเสวี่ยหนิงก็ยืนอยู่ทางฝั่งนาง สกุลถังเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหลวง เดิมทีก็ไม่กลัวสกุลซ่ง ตัวโง่งมคนนี้ใช้ประโยชน์จากสกุลถังเป็นโล่กำบัง ต้องการโยนความผิดมาที่ตน!“หากไม่ใช่เจ้า ข้าจะตกลำบากถึงขั้นนี้ได้เยี่ยงไร?”เหอเซียงหนิงไม่ใส่ใจความสัมพันธ์อะไรอีกแล้ว นางย่อมรู้ว่าสกุลถังยอดเยี่ยมกว่าสกุลฉิน ไฉนเลยนางจะกล้าป้ายความผิดให้สกุลถัง?ต่อให้ทำสำเร็จ ตนเองก็ถูกตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ล่วงเกินสกุลถังยังมีผลดีอะไรกันเล่า?“เจ้าเกลียดซ่งรั่วเจินมาโดยตลอด เก็บข้าไว้ก็เพื่อใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น”“เดิมทีก็ไม่ต้องตกลำบากถึงขั้นนี้ มุ่งร้ายต่อซ่งรั่วเจินมีอะไรดีต่อข้าเล่า? อย่างไรเสียคุณชายสวีก็ไม่ชอบข้า ปาไข่กระทบหินเช่นนี้ข้ายังไม่กลายเป็นตัวโง่งมอีกหรือ?”“ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของเจ้า ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าหวังดีรับเจ้าไว้ เจ้าจะเนรคุณปรักปรำข้า!” ฉินซวงซวงพูดอย่างโมโหซ่งรั่วเจินมองสองคนตรงหน้าทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้รู้สึกแปลกใจที่ฉินซวงซวงเก็บเหอ
“ข้า ข้าเปล่า”เหอเซียงหนิงว้าวุ่นหนัก ไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถึงจะดี นึกเสียใจภายหลังคิดว่าสมควรยอมแพ้ตั้งแต่ตอนที่กังวลใจ บัดนี้ชุลมุนวุ่นวายจนจบไม่ลงแล้ว“เจ้ายังพูดว่าเปล่า? พวกเขาล้วนสารภาพแล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเจ้า หากเจ้าไม่ได้ทำจริงก็สาบานต่อฟ้าสิ!”ถังหงจี้สีหน้าปึ่งชา มีตัวอย่างดั่งเช่นพวกอวิ๋นจู๋สองคน ขอเพียงโยนความผิดทั้งหมดให้ถังเสวี่ยหนิงก็เพียงพอแล้ว“ข้า ข้า...” เหอเซียงหนิงรีบหันมองทางฉินซวงซวง หวังให้นางช่วยตนคิดหาวิธีก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่เป็นนางรับปากว่าจะจัดการทั้งหมดอย่างดี ไม่มีวันเกิดข้อผิดพลาด!จากนั้น ฉินซวงซวงเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้ ถูกเปิดโปงอย่างว่องไวก็ตกตะลึงเหม่อไป รีบหลบเข้ากลุ่มคน ต้องการลอบออกจากที่นี่นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เข้ามาพัวพันกับตนเองไม่ได้อีก หาไม่แล้วจะต้องซวยไปด้วยกัน!เพียงเหอเซียงหนิงมองไปก็เห็นฉินซวงซวงเตรียมพาหลินจือเยว่หนีไป ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้นางไปเช่นนี้ได้?“เป็นฉินซวงซวง! เป็นนางบงการให้ข้าทำเช่นนี้!”ทุกคนล้วนหันมองตามมือของเหอเซียงหนิงไป ก็ได้เห็นใบหน้าร้อนตัวของฉินซวงซวง ท่าทางคือกำลังต้องการหนีไ
ได้ยินถ้อยคำเจ้าเล่ห์ของเหอเฉิงหยาง พี่น้องสกุลซ่งรู้สึกเพียงน่าขันก่อนหน้านี้ดีดลูกคิดว่องไวจนแผนการภายในใจแทบจะระเบิดออกมาใส่หน้าพวกเขาแล้ว บัดนี้เพียงหนึ่งประโยคขอขมาก็อยากให้เรื่องจบลง ฝันหวานเกินไปแล้วกระมัง!ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันสบตากันแวบหนึ่ง เกิดความคิดแล้วซ่งรั่วเจินกำลังจะอ้าปากก็มองเห็นสายตาของพี่ชายทั้งสอง ทันใดนั้นเข้าใจแล้วว่าตนเองไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไป“ก่อนหน้านี้เหอเซียงหนิงถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอ ตัดขาดความสัมพันธ์กับสกุลเหอไปแล้ว”“ได้ยินมาว่ายามนางถูกขับไล่ออกไปก็ได้เงินติดตัวไปไม่มาก ทว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกนางซื้อมา พูดว่าไม่มีคนช่วยเหลือ นั่นเป็นไปไม่ได้”“คุณชายเหอ เจ้าไม่คิดจะอธิบายสักหน่อยหรือ?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถามสายตาซ่งอี้อันตกลงบนตัวถังหงจี้ ครุ่นคิดพลางพูด “หรือว่าคนที่มีส่วนร่วมด้วยก็คือสกุลถังกันเล่า? มิสู้พวกเจ้าพูดออกมาตามตรง มีฮองเฮาและท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนศาลาว่าการแล้ว”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนย่อมรู้ความหมาย“พูดไปแล้วก็จริงเสียด้วย! เหอเซียงหนิงกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่มีที่ไป ทำได้เพียงไปอาศัยที่
เมิ่งชิ่นพูดแขวะ “เพียงได้เห็นท่าทางร้อนตัวเช่นนี้ก็รู้ว่าหลอกลวง ยังไม่ต้องพูดว่าตนเองต่ำช้าแต่ยังทำให้สองคนต้องตายไปอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร มิสู้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด!”ฉู่จวินถิงสบมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถรังแกนางได้นาง...จะต้องไม่ใช่ซ่งรั่วเจินในตอนแรก กลับเป็นแม่นางที่เขาชมชอบด้วยใจจริงบางที ความหมายในการเกิดใหม่ของเขาก็คือได้พบกับนาง“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” สายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องคนที่เหลือเหล่านั้น หยิบกระดาษเขียนยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นอย่างไม่ใส่ใจ“ข้าไม่มีความอดทนมากถึงเพียงนั้น พวกเจ้ารู้ความสักหน่อย อย่าให้ข้าถามทีละคนเลย”เดิมทีคนเหล่านั้นก็ตกใจจนหน้าเผือดซีดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ฟ้าสว่างจ้ากลับเกิดฟ้าผ่าได้ คราวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมีวิธีอีกอย่างที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ จึงรีบพูดความจริงทั้งหมดออกมา“ข้าพูด ข้าจะพูดทั้งหมดเลย!”“เรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเท็จ เป็นเหอเซียงหนิงมอบเงินให้พวกเรา ให้พวกเรารวมหัวกันพูดปด”“พวกเราตอบตกลงก็เพราะเงิน ขอร้องแม่นางซ่งได้โปรดไว้ชีวิตพว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ