แม่ลูกกินข้าวกันเสร็จก็เริ่มทำความสะอาดบ้าน เว่ยเถียนเถียนสำรวจดูข้าวของในบ้านว่ามีอะไรพอใช้ได้บ้าง เธอเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดดูภายในตู้พบว่ามีหม้อใบใหญ่สภาพดีวางอยู่บนชั้นล่างสุด ข้าง ๆ กันมีถังและกะละมังสองสามใบ เธอยังเห็นกระทะและอุปกรณ์ครัวอื่น ๆ อีกเล็กน้อยที่สามารถใช้ในการทำอาหารได้ เธอคิดกับตัวเองว่า “เราควรจะใช้ของเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ เริ่มจากทำอะไรที่ง่าย ๆ และราคาไม่แพงขายก่อน”
เมื่อหันไปมองลูกชายที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่ ความทรงจำของเจ้าของร่างก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ เธอนึกถึงตอนที่จางเสวียอี้ยังเด็กเขาชอบกินน้ำเต้าหู้มาก เว่ยเถียนเถียนมักจะต้มน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ ให้เขากินทุกเช้าก่อนที่เธอจะออกไปทำงานที่คอมมูน ความสุขของลูกชายในตอนนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยลืมเลือน
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงตัดสินใจที่จะทำน้ำเต้าหู้ขาย เธอเดินเข้าไปใกล้ลูกชายที่กำลังเช็ดโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง
"เสวียอี้" เธอเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
จางเสวียอี้เงยหน้าขึ้นมองแม่ "ครับแม่ มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ"
"แม่ว่าพวกเราทำน้ำเต้าหู้ขายกันดีไหม น่าจะเป็นอะไรที่ทำง่ายและขายง่ายที่สุด" เว่ยเถียนเถียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"ดีเลยครับแม่ ผมชอบน้ำเต้าหู้ของแม่มาก แล้วผมก็คิดว่าคนอื่นก็น่าจะชอบด้วย" จางเสวียอี้ตาเป็นประกาย
ทั้งสองคนเริ่มวางแผนการทำน้ำเต้าหู้ เว่ยเถียนเถียนคิดถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นทำการค้านี้
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ใบอนุญาตเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ซึ่งลูกชายของป้าเหลียนเป็นคนเดินเรื่องให้ เว่ยเถียนเถียนดีใจมาก เย็นวันนั้นเธอรีบกลับเข้าไปในห้วงมิติเพื่อไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำน้ำเต้าหู้ เธอเดินตรงไปยังชั้นวางที่มีวัตถุดิบต่าง ๆ จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็เอารายการวัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับทำน้ำเต้าหู้ออกมา ซึ่งก็ได้แก่ ถั่วเหลืองจำนวนมากพอสมควร น้ำตาล เกลือ ใบเตย รวมทั้งพวกขวดแก้วสำหรับใส่น้ำเต้าหู้ด้วย
เธอค่อย ๆ ขนของออกมาจากมิติ ขนอยู่หลายรอบกว่าจะเสร็จ เมื่อตรวจดูของโดยละเอียดอีกครั้งว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องแล้วค่อยไปอาบน้ำเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยเถียนเถียนและจางเสวียอี้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความขะมักเขม้น พวกเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขายน้ำเต้าหู้ที่คิดจะทำกันไว้ หลังจากทบทวนแผนการทำงานเรียบร้อยแล้วสองแม่ลูกก็เริ่มลงมือทำงานทันที
เว่ยเถียนเถียนยกโต๊ะที่ใช้กินข้าวในบ้านมาตั้งไว้หน้าร้านเพื่อใช้เป็นที่วางน้ำเต้าหู้และอุปกรณ์ต่าง ๆ เธอจัดเรียงหม้อและกระชอนให้เป็นระเบียบ ขณะที่จางเสวียอี้กำลังจุดไฟในครัวเพื่อเตรียมต้มน้ำสำหรับทำน้ำเต้าหู้
"เสวียอี้...ลูกต้องระวังอย่าให้ไฟแรงเกินไปนะ" เว่ยเถียนเถียนกล่าวขณะจัดเตรียมถั่วเหลือง "เราไม่ต้องการให้ถั่วเหลืองสุกมากเกินไปจนเสียรสชาติ"
"ครับแม่ ผมจะระวัง" จางเสวียอี้ตอบกลับขณะตั้งใจดูแลไฟในเตา
เว่ยเถียนเถียนเริ่มนำถั่วเหลืองที่แช่น้ำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมาเทใส่กระชอนเพื่อให้สะเด็ดน้ำออก จากนั้นเธอเริ่มใส่ถั่วเหลืองลงในเครื่องโม่อันเล็ก
"เสวียอี้...ลูกช่วยแม่โม่ถั่วเหลืองหน่อยนะ แม่จะไปเตรียมน้ำสำหรับต้มน้ำเต้าหู้" เว่ยเถียนเถียนพูดพร้อมกับยื่นกวักมือเรียกลูกชาย
จางเสวียอี้มานั่งที่หน้าเครื่องโม่แล้วเริ่มโม่ถั่วเหลืองอย่างตั้งใจ เขามองเห็นถั่วเหลืองที่ค่อย ๆ กลายเป็นน้ำเต้าหู้สีขาวข้นด้วยความตื่นเต้น
"แม่...ผมโม่ถั่วเหลืองเสร็จแล้ว" เด็กน้อยเรียกแม่อย่างตื่นเต้น
เว่ยเถียนเถียนเดินกลับมาพร้อมกับหม้อที่ใส่น้ำสะอาด เธอเทน้ำเต้าหู้ที่โม่เสร็จแล้วลงในหม้อ จากนั้นก็เริ่มตั้งหม้อบนเตาที่จางเสวียอี้ได้จุดไฟไว้
"เราต้องคอยคนไม่ให้น้ำเต้าหู้ติดก้นหม้อด้วยนะ เพราะถ้ามันติดก้นหม้อแล้วจะทำให้น้ำเต้าหู้มีกลิ่นไหม้" เว่ยเถียนเถียนกล่าวขณะคนหม้อน้ำเต้าหู้เบา ๆ
"ครับแม่ ผมจะช่วยคนเอง" จางเสวียอี้ตอบขณะที่รับไม้พายจากแม่แล้วเริ่มคนหม้อน้ำเต้าหู้
เวลาผ่านไปสักพัก น้ำเต้าหู้เริ่มเดือดและมีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว เว่ยเถียนเถียนเริ่มใส่ใบเตยลงไปในหม้อน้ำเต้าหู้เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
"ตอนนี้เราต้องรอให้น้ำเต้าหู้เดือดเต็มที่ก่อนแล้วเราจะใส่น้ำตาลลงไป" เว่ยเถียนเถียนอธิบาย
“ครับแม่” เด็กน้อย็กน้อยด็ดพยักหน้าเข้าใจ
เมื่อเห็นว่าน้ำเต้าหู้เดือดเต็มที่ เว่ยเถียนเถียนจึงเริ่มใส่น้ำตาลลงไปในหม้อ แล้วใช้ไม้พายคนให้น้ำตาลละลายเข้ากับน้ำเต้าหู้
"แม่...ใส่เกลือตอนนี้เลยไหม" จางเสวียอี้ถาม
"ยังหรอก เราต้องรอให้น้ำตาลละลายหมดก่อน" เว่ยเถียนเถียนตอบขณะคนหม้อน้ำเต้าหู้ต่อไป
เมื่อเห็นว่าน้ำตาลละลายหมดแล้ว เว่ยเถียนเถียนจึงใส่เกลือลงไปเล็กน้อยแล้วคนให้เข้ากัน
"ตอนนี้เรารอให้น้ำเต้าหู้เย็นลงหน่อยก่อนจะกรองอีกที" เว่ยเถียนเถียนกล่าว
เว่ยเถียนเถียนยกหม้อมาวางไว้บนโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้หน้าบ้านจากนั้นนำกระชอนมาวางบนหม้อใบใหม่ แล้วค่อย ๆ เทน้ำเต้าหู้ผ่านกระชอนเพื่อกรองเอากากถั่วออก
"เราต้องกรองให้สะอาดนะลูก ไม่งั้นน้ำเต้าหู้จะไม่เนียน เวลาดื่มจะไม่อร่อย" เว่ยเถียนเถียนอธิบายขณะกรองน้ำเต้าหู้
"ครับแม่ ผมจะจำไว้" จางเสวียอี้ตอบขณะช่วยแม่กรองน้ำเต้าหู้
เมื่อทุกอย่างพร้อม สองแม่ลูกก็ช่วยกันตะดกนเรียกลูกค้าให้มาซื้อน้ำเต้าหู้ เว่ยเถียนเถียนรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นลูกชายมีส่วนร่วมในการทำงานและช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างสังเกตเห็นร้านน้ำเต้าหู้ใหม่ที่เปิดตั้งอยู่หน้าบ้านของเว่ยเถียนเถียน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาเริ่มแวะเข้ามาดู น้ำเต้าหู้เป็นอาหารที่เหมาะจะกินในตอนเช้า ให้ความสดชื่นและอิ่มท้อง หลายคนจึงตัดสินใจซื้อเพื่อลองชิม
สองแม่ลูกยิ้มต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น เธออธิบายว่าพวกเขาทำน้ำเต้าหู้ด้วยถั่วเหลืองคุณภาพดีและผสมด้วยใบเตยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม น้ำเต้าหู้มีรสชาติหอมหวาน กลมกล่อม และมีความสดใหม่ ลูกค้าหลายคนที่ได้ลองชิมต่างพากันชื่นชมน้ำเต้าหู้ของพวกเขา
"น้ำเต้าหู้ของคุณนี่อร่อยจริง ๆ ค่ะ หอมหวานกำลังดี" ลูกค้าหญิงคนหนึ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"ใช่ค่ะ ฉันต้องซื้อกลับบ้านไปให้ครอบครัวลองชิมบ้างแล้ว" อีกคนหนึ่งเสริม
เว่ยเถียนเถียนรู้สึกดีใจที่ได้รับคำชมจากลูกค้า เธอเริ่มรู้ว่าการทำน้ำเต้าหู้ขายนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการสร้างรายได้ในช่วงแรก จางเสวียอี้เองก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยแม่ทำงานและเห็นลูกค้าพึงพอใจ
วันนี้เว่ยเถียนเถียนทำน้ำเต้าหู้ไม่เยอะ เพราะเธอเพียงแค่จะลองดูว่าผลตอบรับจะเป็นยังไง แต่ผลตอบรับกลับดีเกินคาด น้ำเต้าหู้ที่เธอทำขายหมดภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง บรรยากาศของร้านที่เคยเงียบเหงาในช่วงเช้าตรู่กลับกลายเป็นที่คึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของลูกค้า
เว่ยเถียนเถียนและจางเสวียอี้รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่น้ำเต้าหู้ของพวกเขาได้รับความนิยม พวกเขามองเห็นอนาคตที่สดใสรู้สึกมีความหวังในชีวิตมากขึ้น
หลังจากลูกค้าคนสุดท้ายกลับไป สองแม่ลูกจึงเริ่มเก็บของและจัดระเบียบหน้าร้าน เว่ยเถียนเถียนยิ้มให้กับจางเสวียอี้ด้วยความภูมิใจ
"เสวียอี้...วันนี้พวกเราทำได้ดีมากจริง ๆ" เธอกล่าวขณะที่เก็บขวดใส่น้ำเต้าหู้ที่ว่างเปล่า
"ผมก็ไม่คิดว่าน้ำเต้าหู้ของพวกเราจะได้ขายดีขนาดนี้เหมือนกันครับ ขอให้ขายดีแบบนี้ทุกวันเลย" จางเสวียอี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“มันต้องแน่นอนอยู่แล้ว ก็น้ำเต้าหู้ของพวกเราอร่อยนี่นา” เว่ยเถียนเถียนพูดพร้อมลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ
เว่ยเถียนเถียนรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าที่ได้ทำงานในวันนี้นั้นคุ้มค่ามาก การได้ทำงานร่วมกับลูกชายและเห็นรอยยิ้มของลูกค้าเป็นสิ่งที่เติมเต็มความสุขในใจของเธอ พวกเขาทั้งสองมีความหวังว่าจะสามารถทำน้ำเต้าหู้ขายเป็นกิจการเล็ก ๆ ที่มั่นคงได้ในอนาคต
หลังจากที่เห็นผลตอบรับจากการขายน้ำเต้าหู้ในวันแรกดีเกินคาดเว่ยเถียนเถียนก็เริ่มคิดแผนการสำหรับวันถัดไป เธอตัดสินใจว่าจะเพิ่มปริมาณน้ำเต้าหู้ให้มากขึ้นและยังมีความคิดที่จะเพิ่มเมนูใหม่คือปาท่องโก๋เข้ามาขายควบคู่กันด้วย เนื่องจากน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เป็นของคู่กันที่หลายคนชื่นชอบเช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยเถียนเถียนปลุกจางเสวียอี้แต่เช้าเพื่อมาขายย้ำเต้าหู้ช่วย หลังจากปิดร้านก็ชวนกันไปตลาดเพื่อหาซื้อของที่จำเป็นสำหรับการขยายกิจการเล็ก ๆ ของพวกเขา"เสวียอี้...วันนี้เราจะไปซื้อหม้อใบใหญ่กว่าเดิมนะ จะได้ทำทีเดียวได้เยอะ ๆ หน่อย" เว่ยเถียนเถียนบอกลูกชายจางเสวียอี้พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น การได้ไปเดินตลาดและช่วยแม่เลือกของเป็นสิ่งที่เขาอยากทำเป็นอย่างยิ่งทั้งสองเดินทางมาถึงตลาด เว่ยเถียนเถียนเดินเลือกหม้อขนาดใหญ่กว่าที่เคยใช้ พร้อมทั้งเลือกเตาที่สามารถวางได้หน้าร้าน เพื่อจะได้ทำน้ำเต้าหู้สด ๆ ให้ลูกค้าดูได้เลย นอกจากนี้ยังเดินหาซื้ออุปกรณ์สำหรับการทำปาท่องโก๋ ทั้งกระทะใบใหญ่ ตะหลิว ไม้นวดแป้ง และอื่น ๆ อีกมากมายหลังจากได้ของครบทั้งสองคนก็เดินทางกลับบ้าน จางเส
หัวหน้าหมู่หยางป๋อประจำการอยู่ที่ค่ายทหารชายแดนได้รับอนุญาตให้ลาพักเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่เขาต้องใช้ชีวิตในค่ายทหารมากว่าหกปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงหยางป๋อเดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลาร่วมสามวันสามคืน เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีในเมืองเขาก็ก้าวลงจากรถไฟด้วยท่าทางองอาจ มาดมั่น ชุดเครื่องแบบทหารที่ตัดเย็บอย่างดีทำให้ดูมีสง่าราศี รูปร่างสูงใหญ่ของเขาและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงทำให้ผู้คนรอบข้างต่างต้องชื่นชม หยางป๋อในวัยยี่สิบหกปีนั้นเป็นหนุ่มหล่อที่มีเสน่ห์อย่างมาก ใบหน้าคมเข้มและดวงตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมองตามด้วยความสนใจสายลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านมาพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่น หยางป๋อสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกสดชื่นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องอดทนกับการฝึกซ้อมและภารกิจหนักหน่วงที่ค่ายทหารมาตลอด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่ได้กลับมาเจอครอบครัวเขามองไปรอบๆ สถานีรถไฟที่คุ้นเคย เห็นร้านค้าขนาดเล็กที่ยังคงตั้งอยู่ในที่เดิม ๆ ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึก
หยางป๋อเดินทางกลับมาถึงบ้าน สายลมอ่อนพัดผ่านท้องทุ่งนาและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม บรรยากาศที่บ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความตื่นเต้น เมื่อคนในครอบครัวเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้าน นางหลิวหู่แม่ของหยางป๋อรีบวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า นางโผกอดลูกชายแน่น หยางสุ่ยพ่อของหยางป๋อซึ่งเป็นชายชราที่ยังแข็งแรงแม้จะมีอายุแล้วก็ยิ้มกว้างพลางตบหลังลูกชายเบา ๆ"ต้าป๋อ ลูกกลับมาแล้ว แม่คิดถึงลูกมาก" นางหลิวหู่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ"ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่ครับ" หยางป๋อตอบพลางยิ้มให้แม่ของเขา เขาหันไปกอดพ่อและยิ้มให้กับน้องสาวที่กำลังยืนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวทันทีที่ข่าวการกลับมาของหยางป๋อแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนบ้านที่สนิทกับบ้านหยางเขาก็เริ่มทยอยกันมาเยี่ยมเยียน ทุกคนต่างนำของขวัญและสิ่งของมามอบให้เขาเป็นการต้อนรับกลับบ้าน มีทั้งผลไม้สด อาหารพื้นบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ในค่ำคืนนั้นคนบ้านหยางได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่ลานบ้าน แสงไฟจากโคมสว่างไสวทั่วบริเวณ กลิ่นหอมของอาหารที่นางหยางเจี่ยทำเองลอยมาตามลม มีทั้งเป็ดตุ๋น หมูสามชั้นต้มซีอ
บทที่ 11 ความฝันของเด็กชายเช้าวันถัดมาหยางป๋อตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นาฬิกาในบ้านยังแสดงเวลาเพียงแค่ตีห้า เขาหยิบชุดธรรมดาที่ดูดีและเหมาะสมมาสวมใส่ เลือกเสื้อผ้าสีเรียบแต่มีรสนิยมที่สะท้อนถึงความเรียบร้อย เมื่อลงมาจากบ้านก็คว้าเสื้อคลุมและหมวกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไปยังลานหน้าบ้านพ่อแม่และน้องสาวของเขายืนอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นเขากำลังเตรียมตัวออกจากบ้านในช่วงเวลาตรู่จึงหากันมองอย่างสงสัย ในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมถึงต้องเร่งรีบออกจากบ้านแต่เช้าขนาดนี้"ลูกชายของแม่จะไปไหนตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้" นางหลิวหู่ถามด้วยความสงสัยขณะยืนอยู่ที่หน้าบ้านหยางป๋อหันมาหาแม่และยิ้มอย่างอบอุ่น "ผมแค่จะเข้าไปในเมืองนิดหน่อยครับ ผมต้องการซื้อของบางอย่าง และยังมีเรื่องที่อยากทำ""พี่ชายจะไปซื้ออะไรเหรอคะ" หยางเสี่ยวเจียงน้องสาวของเขาถามขึ้น"พี่ตั้งใจจะซื้ออาหารเช้าให้พวกเราน่ะ พี่ชอบน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาก” หยางป๋อตอบ&ld
บทที่ 12 ลูกค้าประจำหยางป๋อยังคงมาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ในตอนเช้าทุกวัน ทั้งสองคนค่อยๆสนิทสนมกันมากขึ้น จากที่เคยซื้อกลับไปกินที่บ้าน ตอนนี้เว่ยเถียนเถียนได้จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เขานั่งกินที่ร้านแล้ว จางเสวียอี้ก็ดีใจมากที่ได้พบกับคุณลุงทุกวัน พอได้พูดคุยกันมากขึ้นเด็กน้อยก็ยิ่งชื่นชอบเขาเช้าวันหนึ่งในขณะที่หยางป๋อนั่งกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ จางเสวียอี้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม“คุณลุงหยางครับ เล่าเรื่องในค่ายทหารให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” จางเสวียอี้ถามด้วยความตื่นเต้นหยางป๋อยิ้มและวางถ้วยน้ำเต้าหู้ลง “ได้สิ ชีวิตในค่ายทหารนั้นมีหลายอย่างที่น่าสนใจ เสวียอี้อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”จางเสวียอี้ตาเป็นประกาย นั่งลงข้างๆ เขา “ในค่ายทหารมีอะไรบ้างครับคุณลุง”หยางป๋อเริ่มเล่า “ในค่ายทหาร พวกเรามีกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำกันทุกวัน เราตื่นเช้ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจากนั้นเราก็ทำการฝึกซ้อมร่างกาย วิ่งออ
บนชั้นสิบสี่ในตึกแห่งหนึ่งใจกลางกรุงปักกิ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายในอาคารสำนักงานหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยุ่งอยู่กับงานที่กองจนแทบจะสูงท่วมหัว ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ต่างก็มีชะตากรรมที่ไม่ต่างกันเจินเหยาหญิงสาววัยสามสิบปีผู้มุ่งมั่นในการทำงานและการเรียน หลังจากใช้เวลาในวัยหนุ่มสาวไปกับการทำงานเพื่อสร้างฐานะ เจินเหยาได้เข้าทำงานในบริษัทส่งออกวัตถุดิบจำพวกอาหารแห้งจากประเทศจีน งานของเธอเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงานกับลูกค้าต่างประเทศ รวมถึงการจัดการเรื่องเอกสารศุลกากรเพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยความรับผิดชอบและความสามารถที่โดดเด่น เจินเหยาได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารและได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายอยู่เสมอหลังจากส่งอีเมลแจ้งข่าวดีให้กับลูกค้าและหัวหน้าแล้วเจินเหยาก็รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก เธอหันมองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาเกือบห้าทุ่ม วันนี้เป็นวันที่งานของเธอต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ เมื่อสินค้าไม่ผ่านด่านศุลกากรขาเข้าของประเทศปลายทาง ทำให้เกิดความล่าช้าและอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท เจินเหยาจำเป็นต้องรีบแก้ไขสถานการณ์นี้ให้เร็วที
ที่หมู่บ้านหนี่จวงเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว หมู่บ้านหนึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลเสฉวนซึ่งค่อนข้างยากจน คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ต่างทำงานที่คอมมูนมีส่วนน้อยที่จะไปรับจ้างหรือว่าทำงานอย่างอื่นในเมือง ด้วยสังคมสมัยนั้นยังไม่เปิดกว้างชาวบ้านเหล่านี้จึงไม่ค่อยมีทางเลือกสักเท่าไร จะทำมาค้าขายขายอะไรก็เป็นเรื่องยากไปหมด อีกทั้งเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยจะดีเว่ยเถียนเถียนหญิงสาวหน้าตางดงามผิวพรรณผุดผ่องราวกับลูกคุณหนูแต่ต้องทนทุกข์กับชีวิตที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องเจอ เธอต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวสามีที่ไม่สนใจทำงานทำการใด ๆ นอกจากการใช้จ่ายเงินของเธอไปวัน ๆวันหนึ่งเว่ยเถียนเถียนกลับมาจากคอมมูนหลังจากทำงานเก็บผักมาตลอดทั้งวัน เธอเดินเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ร่างกายของเธออ่อนแรงจากการทำงานหนักบนแปลงผักกลางแดด แสงแดดที่แผดเผาทำให้ผิวที่เคยขาวนวลกลายเป็นคล้ำขึ้นและหยาบกร้าน แต่เธอยังต้องอดทนเพื่อครอบครัวที่เธอได้ถูกบังคับให้ดูแลเมื่อเปิดประตูเข้าบ้านสิ่งแรกที่เธอเห็นคือแม่สามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น แม่สามีของเธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีหน้าตาหยิ่งยโส เธอสวมเสื้อผ้าอย
เช้าวันต่อมาเว่ยเถียนเถียนตื่นขึ้นมาตามปกติ หลังจากค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความฝันอันเงียบสงบ การตื่นนอนในบ้านเล็ก ๆ ที่เธออาศัยอยู่ไม่ได้เป็นเวลาที่เธอรู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย เสียงไก่ขันบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของวันใหม่ แต่สำหรับเว่ยเถียนเถียนมันคือการเริ่มต้นของวันแห่งความเหนื่อยล้าและความกดดันที่ต้องเผชิญกับครอบครัวสามีที่เรียกร้องสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดทันทีที่เธอลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มจัดการกับงานบ้านประจำวัน เสียงเรียกจากแม่สามีก็ดังขึ้นจากห้องข้าง ๆ "เถียนเถียน รีบมานี่สิ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ"เว่ยเถียนเถียนรีบลุกไปหาแม่สามีที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยมีน้องสาวสามีนั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมจะออกไปข้างนอก เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจะไปเที่ยวตลาดในเมืองอย่างที่เคยทำบ่อย ๆ"เถียนเถียน แม่กับน้องสาวจะไปตลาดในเมืองวันนี้ เอาเงินมาให้พวกเราหน่อย" แม่สามีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเกรงใจใด ๆ"แม่คะ วันนี้ฉันอาจจะให้เงินไม่ได้ค่ะ พอดีว่ามีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องจัดการด้วย" เว่ยเถียนเถียนพยายามพูดอย่างสุภาพเพื่อหลีกเลี่ยงก
บทที่ 12 ลูกค้าประจำหยางป๋อยังคงมาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ในตอนเช้าทุกวัน ทั้งสองคนค่อยๆสนิทสนมกันมากขึ้น จากที่เคยซื้อกลับไปกินที่บ้าน ตอนนี้เว่ยเถียนเถียนได้จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เขานั่งกินที่ร้านแล้ว จางเสวียอี้ก็ดีใจมากที่ได้พบกับคุณลุงทุกวัน พอได้พูดคุยกันมากขึ้นเด็กน้อยก็ยิ่งชื่นชอบเขาเช้าวันหนึ่งในขณะที่หยางป๋อนั่งกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ จางเสวียอี้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม“คุณลุงหยางครับ เล่าเรื่องในค่ายทหารให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” จางเสวียอี้ถามด้วยความตื่นเต้นหยางป๋อยิ้มและวางถ้วยน้ำเต้าหู้ลง “ได้สิ ชีวิตในค่ายทหารนั้นมีหลายอย่างที่น่าสนใจ เสวียอี้อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”จางเสวียอี้ตาเป็นประกาย นั่งลงข้างๆ เขา “ในค่ายทหารมีอะไรบ้างครับคุณลุง”หยางป๋อเริ่มเล่า “ในค่ายทหาร พวกเรามีกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำกันทุกวัน เราตื่นเช้ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจากนั้นเราก็ทำการฝึกซ้อมร่างกาย วิ่งออ
บทที่ 11 ความฝันของเด็กชายเช้าวันถัดมาหยางป๋อตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นาฬิกาในบ้านยังแสดงเวลาเพียงแค่ตีห้า เขาหยิบชุดธรรมดาที่ดูดีและเหมาะสมมาสวมใส่ เลือกเสื้อผ้าสีเรียบแต่มีรสนิยมที่สะท้อนถึงความเรียบร้อย เมื่อลงมาจากบ้านก็คว้าเสื้อคลุมและหมวกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไปยังลานหน้าบ้านพ่อแม่และน้องสาวของเขายืนอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นเขากำลังเตรียมตัวออกจากบ้านในช่วงเวลาตรู่จึงหากันมองอย่างสงสัย ในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมถึงต้องเร่งรีบออกจากบ้านแต่เช้าขนาดนี้"ลูกชายของแม่จะไปไหนตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้" นางหลิวหู่ถามด้วยความสงสัยขณะยืนอยู่ที่หน้าบ้านหยางป๋อหันมาหาแม่และยิ้มอย่างอบอุ่น "ผมแค่จะเข้าไปในเมืองนิดหน่อยครับ ผมต้องการซื้อของบางอย่าง และยังมีเรื่องที่อยากทำ""พี่ชายจะไปซื้ออะไรเหรอคะ" หยางเสี่ยวเจียงน้องสาวของเขาถามขึ้น"พี่ตั้งใจจะซื้ออาหารเช้าให้พวกเราน่ะ พี่ชอบน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาก” หยางป๋อตอบ&ld
หยางป๋อเดินทางกลับมาถึงบ้าน สายลมอ่อนพัดผ่านท้องทุ่งนาและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม บรรยากาศที่บ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความตื่นเต้น เมื่อคนในครอบครัวเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้าน นางหลิวหู่แม่ของหยางป๋อรีบวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า นางโผกอดลูกชายแน่น หยางสุ่ยพ่อของหยางป๋อซึ่งเป็นชายชราที่ยังแข็งแรงแม้จะมีอายุแล้วก็ยิ้มกว้างพลางตบหลังลูกชายเบา ๆ"ต้าป๋อ ลูกกลับมาแล้ว แม่คิดถึงลูกมาก" นางหลิวหู่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ"ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่ครับ" หยางป๋อตอบพลางยิ้มให้แม่ของเขา เขาหันไปกอดพ่อและยิ้มให้กับน้องสาวที่กำลังยืนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวทันทีที่ข่าวการกลับมาของหยางป๋อแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนบ้านที่สนิทกับบ้านหยางเขาก็เริ่มทยอยกันมาเยี่ยมเยียน ทุกคนต่างนำของขวัญและสิ่งของมามอบให้เขาเป็นการต้อนรับกลับบ้าน มีทั้งผลไม้สด อาหารพื้นบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ในค่ำคืนนั้นคนบ้านหยางได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่ลานบ้าน แสงไฟจากโคมสว่างไสวทั่วบริเวณ กลิ่นหอมของอาหารที่นางหยางเจี่ยทำเองลอยมาตามลม มีทั้งเป็ดตุ๋น หมูสามชั้นต้มซีอ
หัวหน้าหมู่หยางป๋อประจำการอยู่ที่ค่ายทหารชายแดนได้รับอนุญาตให้ลาพักเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่เขาต้องใช้ชีวิตในค่ายทหารมากว่าหกปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงหยางป๋อเดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลาร่วมสามวันสามคืน เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีในเมืองเขาก็ก้าวลงจากรถไฟด้วยท่าทางองอาจ มาดมั่น ชุดเครื่องแบบทหารที่ตัดเย็บอย่างดีทำให้ดูมีสง่าราศี รูปร่างสูงใหญ่ของเขาและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงทำให้ผู้คนรอบข้างต่างต้องชื่นชม หยางป๋อในวัยยี่สิบหกปีนั้นเป็นหนุ่มหล่อที่มีเสน่ห์อย่างมาก ใบหน้าคมเข้มและดวงตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมองตามด้วยความสนใจสายลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านมาพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่น หยางป๋อสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกสดชื่นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องอดทนกับการฝึกซ้อมและภารกิจหนักหน่วงที่ค่ายทหารมาตลอด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่ได้กลับมาเจอครอบครัวเขามองไปรอบๆ สถานีรถไฟที่คุ้นเคย เห็นร้านค้าขนาดเล็กที่ยังคงตั้งอยู่ในที่เดิม ๆ ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึก
หลังจากที่เห็นผลตอบรับจากการขายน้ำเต้าหู้ในวันแรกดีเกินคาดเว่ยเถียนเถียนก็เริ่มคิดแผนการสำหรับวันถัดไป เธอตัดสินใจว่าจะเพิ่มปริมาณน้ำเต้าหู้ให้มากขึ้นและยังมีความคิดที่จะเพิ่มเมนูใหม่คือปาท่องโก๋เข้ามาขายควบคู่กันด้วย เนื่องจากน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เป็นของคู่กันที่หลายคนชื่นชอบเช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยเถียนเถียนปลุกจางเสวียอี้แต่เช้าเพื่อมาขายย้ำเต้าหู้ช่วย หลังจากปิดร้านก็ชวนกันไปตลาดเพื่อหาซื้อของที่จำเป็นสำหรับการขยายกิจการเล็ก ๆ ของพวกเขา"เสวียอี้...วันนี้เราจะไปซื้อหม้อใบใหญ่กว่าเดิมนะ จะได้ทำทีเดียวได้เยอะ ๆ หน่อย" เว่ยเถียนเถียนบอกลูกชายจางเสวียอี้พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น การได้ไปเดินตลาดและช่วยแม่เลือกของเป็นสิ่งที่เขาอยากทำเป็นอย่างยิ่งทั้งสองเดินทางมาถึงตลาด เว่ยเถียนเถียนเดินเลือกหม้อขนาดใหญ่กว่าที่เคยใช้ พร้อมทั้งเลือกเตาที่สามารถวางได้หน้าร้าน เพื่อจะได้ทำน้ำเต้าหู้สด ๆ ให้ลูกค้าดูได้เลย นอกจากนี้ยังเดินหาซื้ออุปกรณ์สำหรับการทำปาท่องโก๋ ทั้งกระทะใบใหญ่ ตะหลิว ไม้นวดแป้ง และอื่น ๆ อีกมากมายหลังจากได้ของครบทั้งสองคนก็เดินทางกลับบ้าน จางเส
แม่ลูกกินข้าวกันเสร็จก็เริ่มทำความสะอาดบ้าน เว่ยเถียนเถียนสำรวจดูข้าวของในบ้านว่ามีอะไรพอใช้ได้บ้าง เธอเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดดูภายในตู้พบว่ามีหม้อใบใหญ่สภาพดีวางอยู่บนชั้นล่างสุด ข้าง ๆ กันมีถังและกะละมังสองสามใบ เธอยังเห็นกระทะและอุปกรณ์ครัวอื่น ๆ อีกเล็กน้อยที่สามารถใช้ในการทำอาหารได้ เธอคิดกับตัวเองว่า “เราควรจะใช้ของเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ เริ่มจากทำอะไรที่ง่าย ๆ และราคาไม่แพงขายก่อน”เมื่อหันไปมองลูกชายที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่ ความทรงจำของเจ้าของร่างก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ เธอนึกถึงตอนที่จางเสวียอี้ยังเด็กเขาชอบกินน้ำเต้าหู้มาก เว่ยเถียนเถียนมักจะต้มน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ ให้เขากินทุกเช้าก่อนที่เธอจะออกไปทำงานที่คอมมูน ความสุขของลูกชายในตอนนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยลืมเลือนเมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงตัดสินใจที่จะทำน้ำเต้าหู้ขาย เธอเดินเข้าไปใกล้ลูกชายที่กำลังเช็ดโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง"เสวียอี้" เธอเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงอบอุ่นจางเสวียอี้เงยหน้าขึ้นมองแม่ "ครับแม่ มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ""แม่ว่าพวกเราทำน้ำเต้าหู้ขายกันดีไหม น่าจะเป็นอะไรที่ทำง่ายแ
เว่ยเถียนเถียนตื่นขึ้นมาในตอนบ่าย ทว่าเธอก็ยังรู้สึกปวดหัวอยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะความตึงเครียดที่เจอมาตลอดทั้งวันก็เลยทำให้ไม่สบายเนื้อสบายตัวสักเท่าไร ส่วนลูกชายวัยห้าขวบของเธอนั้นกำลังเดินไปเดินมาเพื่อสำรวจห้องเช่าที่ซึ่งเป็นบ้านใหม่ของพวกเขาอยู่เธอหันไปพูดกับจางเสวียอี้ลูกชายอันเป็นแสงสว่างในชีวิตของเธอ "แม่ขอพักผ่อนต่อสักหน่อยนะเสวียอี้ ส่วนลูกอยากไปสำรวจรอบ ๆ บ้านใหม่หรือเปล่า"จางเสวียอี้ยิ้มอย่างกระตือรือร้น "ครับแม่ ผมอยากไปสำรวจดูรอบ ๆ นิดหน่อย จะได้รู้ว่าแถวบ้านใหม่นี้มีอะไรบ้าง”"งั้นก็ไปเถอะ แต่อย่าไปไกลเกินไปนะและกลับบ้านก่อนค่ำด้วย" เว่ยเถียนเถียนยิ้มให้ลูกชายจางเสวียอี้พยักหน้าและออกจากบ้านเช่าด้วยความตื่นเต้น เขามองดูรอบ ๆ บริเวณที่พักใหม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกอย่างดูแปลกตาและน่าสนใจสำหรับเด็กน้อยอย่างเขา บ้านเช่าของพวกเขาอยู่ใกล้กับตลาด ทำให้ได้เห็นผู้คนมากมายที่มาเดินซื้อของ จางเสวียอี้เดินผ่านร้านค้าต่าง ๆ ที่มีสินค้ามากมายทั้งของกิน ของใช้ และของตกแต่งในขณะที่จางเสวียอี้สำรวจตลาดก็ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเรา
“ฉันมีเรื่องหนึ่งที่จะขอร้องค่ะ” เว่ยเถียนเถียนพูดขึ้น“เรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะ ถ้าถูกต้องตามหลักฏหมายย่อมได้อย่างแน่นอน” หัวหน้าหมู่บ้านตอบ“ฉันอยากให้ลูกชายไปกับฉันด้วยค่ะ” เว่ยเถียนตอบเสียงดังเพื่อประกาศให้ชาวบ้านที่อยู่ที่นั่นรู้ตัว “เพราะว่าบ้านจางตอนนี้ไม่มีเงินเลย ช่วงที่ผ่านก็ใช้เงินมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ฉันเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านมาตลอด จางกวนหย่งเองก็ไม่มีงานการให้ทำเป็นหลักแหล่ง แม้กระทั่งงานที่คอมมูนเขาก็ไปไม่ทำเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นฉันคิดว่าเขาและแม่ของเขาไมสามารถเลี้ยงดูอบรมให้ลูกชายของฉันเป็นคนดีได้ ดังนั้นการให้เขาไปอยู่กับฉันจะเป็นการดีที่สุด” เว่ยเถียนเถียนอธิบาย“ได้ยังไงกัน เด็กแซ่จางก็ต้องเป็นลูกหลานบ้านจาง ยังไงเขาก็ต้องอยู่ที่นี่” นางหยางเจี่ยรีบคัดค้านขึ้นมาทันที“แต่ว่าฉันมีเงินมากพอที่จะเลี้ยงลูกได้” เว่ยเถียนเถียนยืนยัน “และฉันก็มั่นใจว่าจะสอนลูกให้เป็นคนดีได้ ไม่ใช่ครอบครัวที่พ่อติดการพนัน ย่าและอาสาวที่เอาแต่ใช้เงินไปวัน ๆ“แล้วออกจากบ้านไปเธอจะไ
เจินเหยาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก มือข้างหนึ่งสัมผัสไปที่ศีรษะพบว่าเลือดไหลออกมานิดหน่อย เธอเริ่มจำได้ว่าตอนที่ปวดหัวรุนแรงนั้นอาจจะล้มแล้วไปกระแทกอะไรเข้า แต่เมื่อลืมตาขึ้นมากลับต้องตกใจอย่างมากเพราะที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่กลับเป็นบ้านแบบชนบทหลังหนึ่งเธอพยายามมองไปรอบ ๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน บ้านหลังนี้ดูเก่าและมีสภาพทรุดโทรม มีเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ดูเหมือนทำเองและไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยใด ๆ ที่เธอคุ้นเคย เจินเหยารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกตาและเหมือนกับว่าอยู่คนละยุคสมัยอย่างไรอย่างนั้นเสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากด้านข้าง เจินเหยาหันไปมองตามเสียงนั้นพบว่าเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณห้าขวบ เด็กน้อยนั่งอยู่ข้าง ๆ และกำลังร้องไห้เสียใจ แต่เมื่อเขาเห็นว่าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าและร้องตะโกนด้วยความดีใจ "แม่ฟื้นแล้ว ๆ!"เด็กน้อยพุ่งเข้ามากอดเจินเหยาด้วยความรักและความห่วงใย ทำให้รู้สึกอึดอัดแต่ก็อบอุ่นในเวลาเดียวกัน เธอพยายามปรับตัวและหันกลับมามองเด็กน้อยที่กอดเธอแน่น น้ำตาของเขายังเปียกแก้มอยู่และแววตาก็เต็มไปด้วยความหวังเ