บทที่ 44 ยุวปัญญาชนผู้มาใหม่“สิ่งที่แกพูดมาหมายความว่ายังไง” เจิ้งเจี้ยนซานตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น จึงรีบถามกลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ก็หมายความว่าฉันมีสามีและแต่งงานด้วยการจดทะเบียนอย่างถูกต้องแล้วนะสิ คุณมากล่าวหาว่าฉันเป็นว่าที่ภรรยาคุณ ฉันสามารถแจ้งความข้อหมิ่นประมาทและทำลายชื่อเสียงได้น่ะ” ช่ายเหมยฮวาลุกขึ้นและมายืนเคียงคู่กับสามีในนามพร้อมกับจับมือเขาไว้ ก่อนจะไขข้อข้องใจให้กับชายแปลกหน้าคนนี้ด้วยตัวเธอเอง แถมยังข่มขู่กลับเล็กน้อย“หมายความว่าอย่างไรแต่งงานแล้ว เป็นไปไม่ได้ ก็ฉันวางสินสอดกับแม่ของเธอแล้วนะ แบบนี้ฉันไม่ยอมแน่” เจิ้งเจี้ยนซานพูดขึ้นมาอย่างไม่ยินยอม“แม่ฉันตายไปนานแล้ว หากฉันเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นปี่เจียวหลาน ถ้าฉันพูดถูกต้องคุณก็มาผิดที่แล้วล่ะเพราะฉันไม่ใช่ลูกสาวของเธอ” ช่ายเหมยฮวาตอบกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยวเธอคิดไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้น และดีที่เธอกับถังอี้คุนได้จดทะเบียนกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วตามที่เธอขอร้องเขา เมื่อชายแปลกหน้าคนนี้มาที่นี่ ก็ทำอะไรเธอไม่ได้แล้วเจิ้งเจี้ยนซานไม่คิดว่าหญิงสาวที่เขาถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกจะแต่งงานแล้ว
บทที่ 45 คนคุ้นเคย‘ไม่คิดว่าเธอจะทำอาหารอร่อยกว่าพ่อครัวตระกูลฉินเสียอีก ทั้ง ๆ ที่เธอมีความบกพร่องทางการสื่อสาร’ ความคิดนี้ฉินหยางตงไม่กล้าพูดออกมา แต่เขาก็ชื่นชมเธอในใจ ‘อีกทั้งหน้าตาของลูกสาวบ้านรองถังคนนี้ ยังงดงามและน่าเอ็นดูเหลือเกิน เอ๊ะ!! นี่เรากำลังคิดอะไรเนี่ย’พอรู้ว่าตนเองคิดเพ้อเจ้อ ผู้กองหนุ่มจึงรับสลัดความคิดนั้นออก และลงมือกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยต่อไปจากตอนแรกชายหนุ่มทั้งสามคนตั้งใจว่ากินเพียงเล็กน้อยตามมารยาทและจะรอกินมื้อเย็นทีเดียว แต่กลับกลายเป็นว่าเวลานี้ทั้งสามคนขอเติมข้าวคนละสองชามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่นานอาหารที่อยู่บนโต๊ะก็หมดจนไม่เหลือติดจานเลยถังลู่เหมยก้มหน้าแอบยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ ก่อนจะเงยหน้ายิ้มหวานให้ทั้งสามคนแล้วถามด้วยน้ำเสียงสดใส“อร่อยใช่ไหม เย็นนี้มากินอีกนะ อาเหมยทำให้”“เอ่อ...” ทั้งสามคนได้ยินคำชวนอย่างไร้เดียงสา ก็ได้แต่สบตากัน นั่นเพราะใจหนึ่งอยากปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่อีกใจก็อยากมาตามคำเชิญเพราะว่าอาหารมื้อนี้อร่อยจริง ๆ“ถ้าให้มากินอีกพวกเราก็เกรงใจมากครับ” ฉีหยวนเป็นคนพูดขึ้นคนแรกหลังจากสบสายตากันแล้ว“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เราทำงาน
บทที่ 46 เริ่มสืบความจริงเช้าวันต่อมา...ข่าวฆาตกรรมต่อเนื่องเริ่มกระจายไปทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็นในหมู่บ้านหรือในเมือง รวมถึงหมู่บ้านใกล้เคียงต่างก็พูดถึงอย่างกันหวาดกลัวชาวบ้านแต่ละที่ต่างก็นั่งจับกลุ่มคุยกันและคาดเดาเหตุการณ์ไปต่าง ๆ นานา‘หึ แบบนี้จะต้องให้ตายไปอีกกี่คน ตำรวจถึงจะลงมือทำงานนะ ทำงานล่าช้าแบบนี้ก็แย่น่ะสิ’ถังลู่เหมยรู้สึกหงุดหงิดที่เจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้าโดยไม่รู้เลยว่าผู้กองคดีร้ายแรงมือดีได้มาปรากฏตัวตรงหน้าเธอแล้วแต่ต่อให้มีเรื่องราวร้ายแรงอย่างไร หญิงสาวและแม่ก็ยังไปขายของในเมืองเหมือนเดิมวันนี้ถังลู่เหมยก็มาขายของตามปกติ เมื่อจัดร้านเรียบร้อยแล้ว ก็มองเห็นกลุ่มเด็กเร่ร่อนเดินเข้ามาด้วยเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้าน จึงยิ้มให้พวกเขาอย่างเอ็นดู ‘อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้วสินะ’ หญิงสาวคิดในใจอย่างยินดี“พวกเรามาแล้ว” อู่เหลยพูดขึ้นพร้อมกับโค้งเพื่อขอบคุณถังลู่เหมย เด็กๆ คนอื่นก็ทำตามเหนียงฟางเห็นแบบนี้ก็แปลกใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะเธอมีงานอื่นต้องรีบทำ เธอเชื่อว่าทุกอย่างที่ถังลู่เหมยทำลูกสาวจะต้องตัดสินใจดีแล้ว“มีใครจะช่วยที่ร้าน แล้วมีใครจะเอาของไ
บทที่ 47 ซื้อจักรเย็บผ้าถังลู่เหมยได้ยินแบบนั้น ใจของเธอก็คิดไปถึงชายปริศนาทั้งสามคน ที่เธอเจอในตอนที่ไปแจกจ่ายเสบียงในชุมชนครั้งนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำให้เธอคาดคะเนว่า เรื่องการหายตัวไปของหญิงสาวในช่วงนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งสามคนนั้นอย่างแน่นอน‘หากเป็นอย่างที่คาดคิดแล้วล่ะก็ ฆาตกรนั่นจะเป็นใครกันนะ แต่ยังไงก็น่าจะใช่คนกลุ่มเดียวกับสามคนนั้นที่เรากับพี่ใหญ่เคยเห็นแน่นอน’ หญิงสาวคิดในใจ“สิ่งที่เล่ามาก็น่าสงสัย ยังไงถ้าได้ไปใกล้ๆ โรงเรียนก็ลองสืบข่าวมาก็แล้วกัน” ถังลู่เหมยเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะพูดกับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ทำงานเป็นสายข่าวของเธอ“ครับ เดี๋ยวผมกับน้อง ๆ ไปสืบข่าวเพิ่มเติมมาให้” อู่เหลยพยักหน้ารับอย่างแข็งขันหญิงสาวและอู่เหลยพูดคุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาสมทบกับแม่ที่รออยู่ด้านนอกพร้อมกับเด็กทั้งกลุ่มนั้น“แม่คะ พวกเรากลับกันเถอะ ฉันว่าจะแวะร้านสหกรณ์สักหน่อย” ถังลู่เหมยยิ้มให้กับแม่ก่อนจะชักชวนกันกลับบ้าน“ไปสิ แม่ก็อยากจะได้ของบางอย่างเหมือนกัน” เหนียงฟางก็พยักหน้ารับทันทีอย่างรู้กัน“อย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปนะทุกคน พรุ่งนี้มาพบกันใหม่” ถังลู่เหมยหันไปบ
บทที่ 48 ทำตัวน่าสงสัยฉินหยางตงร่วมประชุมอยู่ด้วย ได้แต่สบตากับลูกน้องคนสนิททั้งสอง แม้จะมองว่าชาวบ้านที่นี่น่าจะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถละทิ้งข้อสงสัยต่าง ๆ ไปได้ จากการเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนมาหลายปี เขามองว่าทุกอย่างล้วนน่าสงสัย ยังไงก็คงต้องสืบหาอีกทีหนึ่ง จากนั้นจึงฟังหัวหน้าหมู่บ้านพูดต่อ“เอาล่ะ อย่างไรฉันก็ขอให้ทุกคนคอยจับตามองด้วยก็แล้วกัน หากมีอะไรผิดสังเกตและดูน่าสงสัย ให้รีบมารายงานฉันด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่หมู่บ้านเราเท่านั้นที่ต้องทำ หมู่บ้านข้าง ๆ กันและหมู่บ้านใกล้เคียงแถวนี้ ก็ได้รับคำสั่งมาแบบนี้เหมือนกัน” หัวหน้าหมู่บ้านรีบอธิบายต่อ เพราะกลัวว่าชาวบ้านจะเข้าใจผิดคิดว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษกว่าหมู่บ้านอื่น“ฉันเข้าใจนะว่าหมู่บ้านเรามีแต่คนดี ไม่น่าจะมีพวกฆาตกรเข้ามาหลบอาศัยอยู่ในนี้ แต่อย่าลืมว่าก่อนที่จะมีข่าวการฆาตกรรม มีใครเพิ่งเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเราบ้าง” ห่าวซือเจียพูดขึ้นพร้อมกับปลายสายตาไปมองบ้านรอง ที่แม้เวลานี้จะมีเพียงถังเยี่ยเพียงคนเดียวที่มาร่วมประชุมด้วย“พี่สะใภ้พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง คิดว่าลูกสะใภ้ของฉันเป็นฆาตกรอย่างนั้นเห
บทที่ 49 ผิดผีกันแล้วหลายวันต่อมา...แม้ว่าช่วงนี้จะยังไม่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น แต่ชาวบ้านยังคงหวาดกลัวเนื่องจากยังจับฆาตกรไม่ได้ เวลานี้แต่ละบ้านพอฟ้าเริ่มมืดก็รีบพากันเข้าบ้านนอนกันแล้ว จะมีก็แต่ถังลู่เหมยและพี่ชายที่มักจะแฝงตัวกับความมืด เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านและสืบข่าวเรื่องหญิงสาวในเมืองหายไป“อาเหมย พี่มีเรื่องสงสัย” จู่ ๆ ถังอี้คุนก็พูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดไม่น้อย“พี่ใหญ่มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าที่ทำงานมีปัญหา” หญิงสาวถามกลับทันที เนื่องจากกลัวว่าพี่ชายจะเกิดเรื่องที่ทำงาน“เปล่าหรอก ไม่ใช่ที่ทำงาน แต่พี่สงสัยว่าทำไมเราต้องมาสืบเรื่องผู้หญิงที่หายไปด้วย ในเมื่อมันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเราเลย พี่ไม่อยากเห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่พี่กลัวอาเหมยเกิดอันตรายน่ะ” ชายหนุ่มตอบตามความคิดและความรู้สึก เขามองว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับชาวบ้านธรรมดาอย่างตนเองและน้องสาวที่ต้องมาสืบเรื่องราวที่อันตรายแบบนี้ อีกอย่างดูเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่เหมือนถังลู่เหมยเข้าใจที่พี่ชายกำลังจะสื่อ ‘เพราะฉันคืออดีตตำรวจมาก่อนน่ะสิ และมองดูแล้วว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับพวกค้ามนุษย์ เลยอย
บทที่ 50 ตามหาคนทำผิดเมื่อรู้ว่าถังลู่เหมยถูกคนทำร้าย ทั้งถังเยี่ยและถังอี้คุนส่งเสียงขึ้นมาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนชั่วกล้าทำร้ายหญิงสาวที่ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าสติของเธอไม่ดี“ครับ เรื่องนี้ผมถามอาเหมยตอนที่เธอฟื้นขึ้นมา แต่น่าแปลกนะครับ ใครกันที่คิดจะเอาชีวิตเธอ เท่าที่เห็นก็มีแต่คนเอ็นดูเธอทั้งนั้น” ชายหนุ่มตอบออกไปตามตรง และถามกลับไปอย่างสงสัยเรื่องนี้ฉินหยางตงก็แปลกใจมากเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าจะมีคนคิดร้ายกับหญิงสาวที่สติไม่ดีอย่างถังลู่เหมย เพราะจากที่ได้ฟังเรื่องราวของเธอมา ก็ได้รู้ว่าทุกคนเอ็นดูเธอมากกว่าจะเกลียดชัง“นั่นสิครับ อาเหมยมีความคิดไม่ต่างจากเด็กสิบกว่าขวบ ไม่เคยทำร้ายใคร ทุกคนจึงเอ็นดูเธอมาก ใครกันนะกล้าทำร้ายอาเหมยได้ลงคอ” ถังเยี่ยพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ “มีสิครับพ่อ ก่อนหน้านี้ก็บ้านใหญ่ที่ไม่ชอบอาเหมยของเรา พ่ออย่าลืมว่าไม่นานมานี้ แม่กับอาเหมยมีเรื่องกับอาสะใภ้สามจนทำให้เธอต้องเข้าคุกไปหลายวัน คนพวกนั้นคิดจะปล่อยอาเหมยเหรอ ทำใครไม่ได้ก็มาลงกับน้องที่ไม่มีทางสู้” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยความโมโห เขามั่นใจมากกว่าทั้งหมดนี้จะต้องเป็นฝีมือของบ้านใหญ่เรื่องนี้ถังเ
บทที่ 51 รับผิดชอบด้วยการแต่งงานฉินหยางตงได้ยินอย่างนั้นจึงได้พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็คงต้องถามฝ่ายหญิงเสียก่อน“ทำไมต้องไปถามลู่เหมยล่ะ อย่าลืมนะว่าลูกสาวของเธอ เป็นหญิงบ้าของบ้านทั้งสติไม่สมประกอบ เธอจะตัดสินใจและตอบด้วยตัวเองได้อย่างไรกัน”ชาวบ้านคนหนึ่งที่รู้สึกอิจฉาหญิงบ้าประจำหมู่บ้าน ที่ ได้แต่งงานกันกับชายหนุ่มยุวปัญญาชนที่มาจากเมืองหลวง จึงพูดกับถังเยี่ยอย่างไม่คิด“แล้วเธอคิดดีแล้วเหรอที่จะแต่งงานกับคนสติไม่ดีแบบนี้ ตัดสินใจดี ๆ นะ” แถมยังหันไปถามฉินหยางตงและบอกให้เขาตัดสินใจดี ๆ อีกด้วย“ครับ ผมจะแต่งงานกับเธอ ต่อให้ถังลู่เหมยจะเป็นอย่างไรในสายตาคนอื่น แต่สำหรับผม เธอคือหญิงสาวทั่วไป เธอทำกับข้าวอร่อย และดูใสซื่อมาก เธอไม่เคยคิดร้ายกับใคร ๆ” ฉินหยางตงมองหน้าชาวบ้านคนนั้นแล้วตอบกลับมาอย่างหนักแน่นทันที เขารู้สึกไม่พอใจมากที่มีคนพูดถึงถังลู่เหมยไม่ดีแบบนี้ จึงพูดปกป้องเธอด้วยการพูดถึงส่วนดีของเธอออกมาได้อย่างไม่ติดขัดการกระทำของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของพ่อลูกบ้านรองถัง ทั้งสองมีความพึงพอใจไม่น้อย ที่ฉินหยางตงออกมาปกป้องถังลู่เหมย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอสติไ
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์หลังจากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว เรื่องที่ช่ายจื่อเฉิงจัดการก็เงียบไปเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจบเรื่องนี้ด้วยวิธีใด และไม่มีใครได้พบเห็นสามแม่ลูกนั้นอีกเลย บ้างก็ว่าปี้เจียวหลานหนีตามใครบางคนไปส่วนทั้งสองคนนั้นก็มีข่าวลือว่าไม่ใช่ลูกของนายท่านช่าย ในวงสังคมต่างพูดถึงเรื่องนี้และมีข่าวลือแตกต่างกันไปคนละแบบ ซึ่งไม่รู้ว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือเรื่องเท็จ แต่สิ่งที่จริงนั้นคือทั้งสามคนหายไปจากวงสังคมของปักกิ่ง“ความโหดร้ายของช่ายจื่อเฉิงไม่มีใครเทียบได้หรอก สมัยที่เขายังเป็นหนุ่มก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นฝีมือ กว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นมาได้จนมีทุกอย่างเหมือนทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน” ฉินจิ้งเหยาพูดขึ้นมาท่ามกลางทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง“ช่างมันเถอะค่ะคุณลุง อย่างไรเรื่องราวก็จบลงแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากรับรู้ว่าสามคนแม่ลูกนั่นไปอยู่ที่ไหน ขอแค่ไม่มาวุ่นวายกับพวกเราก็พอแล้วค่ะ”ช่ายเหมยฮวาพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ เธอไม่อยากรับรู้อะไรมากนัก แต่คิดว่าทั้งสามคนคงยังมีชีวิตอยู่ เพราะตอนนี้เธอเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงขอร้องพ่อไปว่าไม่ว่าพ่อจะจัดการสาม
บทที่ 87 ได้เวลาจัดการให้สิ้นซาก“พี่รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ ลางสังหรณ์มันบอกอะไรแปลก ๆ ทำให้พี่ไม่สบายใจ เลยอยากกลับมาเยี่ยมคุณพ่อ” เธอตอบกลับน้องสะใภ้ไปตามตรงเพราะสายตาซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด“อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เดี๋ยวรอพี่หยางกลับมาก่อนค่อยปรึกษากันอีกทีว่าจะทำอย่างไร” ถังลู่เหมยพูดขึ้นและจับมือพี่สะใภ้ไว้เพื่อปลอบโยน จะว่าไปเรื่องนี้เธอก็ไม่รู้สถานการณ์ในบ้านตระกูลช่ายเลย เพราะไม่เคยสอบถามสามีถึงเรื่องบ้านของพี่สะใภ้ เธอรู้เพียงว่าพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่ลงรอยกันกับแม่เลี้ยงตนเอง รวมถึงน้องทั้งสองคนที่เกิดจากแม่เลี้ยงด้วย“เรื่องตระกูลช่าย ลุงสืบมาให้เรียบร้อยแล้ว รอหลานมาจัดการด้วยตนเอง แต่ยังไม่มีเวลาที่จะส่งข่าวไป ไม่คิดว่าวันนี้เหมยฮวาจะมาด้วยตนเอง” จังหวะนั้นนายท่านฉินที่เดินลงมาจากชั้นบนก็พูดขึ้น แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่แววตาก็ฉายแววกังวลออกมาเรื่องที่เขาให้คนสืบไว้นั้นจะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้าย แต่ถึงอย่างไรให้หลานสาวตัดสินใจด้วยตนเองดีกว่า อีกอย่างเขากับน้องเขยก็ไม่ได้สนิทติดเชื้อกันมากนัก จะมาให้เจ้ากี้เจ้าการเรื่องในครอบครัวอีกฝ่ายก็คงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้ง
บทที่ 86 ครอบครัวพร้อมหน้าหญิงสาวที่ถูกมัดอยู่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเรียบนิ่ง แต่ดวงตานั้นกลับแข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ พูดจบถังลู่เหมยก็ลุกขึ้น พร้อมกับเชือกที่มัดแขนอยู่ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย จากนั้นจึงเดินมายืนประจันหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “แบบนี้ฉันคงปล่อยให้เธอใช้ชีวิตตามใจชอบอีกไม่ได้แล้วนะ หลี่ซิงหง”“ทะ ทำไมแกไม่ได้ถูกมัดไว้เหรอ” หลี่ซินหงเห็นอย่างนั้นก็ตกใจสุดขีด เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือก ก่อนจะมองรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าชายฉกรรจ์ที่คิดว่าเป็นคนของตนเองไปยืนอยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอติดกับดักแล้ว ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่เคียดแค้น“แกก็ไม่ใช่คนที่นี่สินะ แกมัน...”คราวนี้ถังลู่เหมยไม่ตอบคำถามนี้ และไม่รออีกฝ่ายพูดจนจบประโยค เธอเลือกที่จะเดินไปใกล้กว่าเดิม ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมว่า “หุบปากของหล่อนให้สนิท ถ้าพูดเรื่องนี้ออกมาแม้แต่คำเดียว วันนั้นจะเป็นวันที่เธอพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต เพราะฉันจะตัดลิ้นของเธอออกมาย่างให้หมากิน จำไว้”พูดจบเธอเดินไปหาสามีที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะมีเ
บทที่ 85 จัดการขั้นเด็ดขาดถังลู่เหมยและป๋ายหลานกลับบ้านด้วยรถยนต์ของตระกูลฉินเหมือนเดิม แต่ในขณะที่กำลังนั่งรถอยู่นั้น ก็มีรถยนต์ขับตามมาหนึ่งคัน ก่อนที่รถคันนั้นจะขับแซงขึ้นมาและปาดหน้าให้รถที่ถังลู่เหมยนั่งอยู่จอดลงอย่างกะทันหัน“เกิดอะไรขึ้น” ป๋ายหลานถามขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับกุมมือลูกสะใภ้ไว้แน่น“มีรถมาจอดปาดหน้ารถของเราครับคุณนาย น่าจะเป็นโจรมาปล้น” คนขับรถวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย“ตายแล้ว แล้วเราจะทำยังไงดีละเนี่ย” ป๋ายหลานพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกว่าเดิม แม้ว่าเรื่องนี้ลูกชายกับสะใภ้บอกว่ามันอาจจะเกิดขึ้นและทั้งสองหาทางแก้ไขไว้แล้วก็ตาม“ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณแม่อยู่ในรถก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปดูเอง” ถังลู่เหมยบีบมือของแม่สามีเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีปกติ โดยไม่มีอาการหวาดกลัวใด ๆ เลย“ระวังตัวด้วยนะอาเหมย” ป๋ายหลานบอกกับลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง“ค่ะคุณแม่” หญิงสาวรับปากแม่สามี จากนั้นก็พูดกับคนขับรถว่า“ลุงไม่ต้องลงไปหรอกค่ะ ดูแล้วพวกมันมาไม่กี่คนเอง เดี๋ยวฉันจัดการได้ อีกอย่างมีคนของพี่หยางตงแอบติดตามมาด้วย แต่หากเกิดอะไรขึ้นก็รีบพาคุณแม่ไปยังที่ปลอดภัยห
บทที่ 84 ซ้อนแผน“ได้สิ พี่เคยบอกแล้วว่าหากเหมยฮวาอยากไปเมื่อไร พี่ก็พร้อมจะพาไปเสมอ ถ้าอย่างนั้นเราไปปักกิ่งกันเถอะ พี่เองก็ไม่เคยได้พบพ่อตามาก่อน อย่างน้อยก็ได้ไปยกน้ำชาสักครั้งก็ยังดี” ถังอี้คุนพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนแม้ว่าเขากับภรรยาจะจดทะเบียนและแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว แต่เรื่องที่พบหน้ากับพ่อตานั้น เขายังไม่เคยเจอและไม่เคยยกน้ำชามาก่อน ซึ่งมันก็คงไม่ดีแน่หากใครได้รับรู้เรื่องนี้ ดังนั้นการที่ภรรยาคิดจะเดินทางไปปักกิ่งในครั้งนี้ เขาจึงเห็นว่าสมควรแล้ว“ถ้าลูกทั้งสองคนตั้งใจจะไปปักกิ่ง พ่อกับแม่ก็ตั้งใจจะไปกับลูกด้วย การเอาลูกสาวของเขามาโดยไม่มีการพูดจาสู่ขอกับพ่อของเหมยฮวา พ่อก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ไปครั้งนี้จะได้สู่และให้ทั้งสองคนยกน้ำชาให้ถูกต้อง” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาหลังจากได้ยินความตั้งใจของลูกชายและสะใภ้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ติดอยู่ในใจของเขาและภรรยามาตลอด เขามีลูกสาวก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี“อย่างนั้นพวกลูกหลานไปกันเถอะนะ เดี๋ยวแม่กับตาเฒ่าจะเฝ้าบ้านให้เอง” ย่าถังพูดสนับสนุนขึ้นมา เมื่อได้ยินลูกและหลานพูดถึงเรื่องที่จะไปปักกิ่งเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้อง“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันทั้งหมด
บทที่ 83 ข่าวสำคัญหลังจากวันนั้น นี่ก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่หลี่ซินหงไม่สามารถดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ได้ นั่นก็เพราะว่าถังลู่เหมยนั้นไม่ได้ออกจากบ้านตระกูลฉินอีกเลย เพราะผู้เป็นแม่สามีได้ซื้อของมากมายมาให้เธอจนแทบจะใช้ไม่หมดอยู่แล้ว ซึ่งแม้จะอยากออกไปหาลู่ทางเพื่อทำการค้าของตนเอง แต่เธอก็ไม่ขัดขืนเพราะไม่อยากทำให้ทุกคนลำบากใจ โดยเฉพาะสามีของเธอทุกวันถังลู่เหมยจะทำอาหารให้ทุกคนในบ้านกิน และนั่งฟังแม่สามีเล่าเรื่องต่างๆ ในปักกิ่งให้ฟัง ป่ายหลานสอนมารยาทการเข้าสังคมให้เธออย่างใส่ใจ ซึ่งถังลู่เหมยก็ไม่ขัดอะไรเพราะเห็นสีหน้าของแม่สามีดูมีความสุขที่ได้สอนและจับเธอแต่งตัว“อาเหมยอีกสามวันจะมีงานสังคม โดยตระกูลฉินเป็นประธาน เธอเตรียมตัวด้วยนะ แม่จะพาอาเหมยออกงานอย่างเป็นทางการ” ป๋ายหลานเดินมาบอกลูกสะใภ้ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องโถง ถึงเรื่องที่ตระกูลฉินจะเป็นประธานในงานเลี้ยงสมาคมการค้าในครั้งนี้ และเธอตั้งใจให้สะใภ้ได้ไปร่วมงานด้วย หลายวันมานี้เธอยอมรับสะใภ้คนนี้ได้อย่างเต็มหัวใจแล้ว ถังลู่เหมยได้ยินอย่างนั้นก็อมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจเพราะนี่คือการยอมรั
บทที่ 82 นี่คือลูกสะใภ้ฉันหลังจากที่หลี่ซินหงกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี่ เธอเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จากับใคร จนผู้เป็นแม่ต้องเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ“ลูกยังคิดมากเรื่องของผู้กองฉินเหรอ”“ฉันก็ไม่อยากคิดมากหรอกนะคะแม่ แต่เมื่อใจมันรักไปแล้วก็ยากที่จะห้าม เวลานี้ฉันเลยรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องทำใจว่าฉันคงไม่มีวาสนาได้เป็นคนที่เขารัก”หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและแสร้งบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อย เพื่อให้ผู้เป็นแม่เห็นใจและสงสาร แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้รักเขามากมายขนาดนั้น เธอเพียงแค่ต้องการเขามาเป็นของเธอก็เท่านั้นเอง อีกทั้งตระกูลฉินก็ร่ำรวยอีกด้วย “ดีแล้วที่ลูกทำใจได้ อย่างไรก็มองหาคนใหม่ก็ได้นะลูก เผื่อว่าเขาจะรักลูกแม่ด้วยใจจริง”หย่วนเฟิงพูดกับลูกสาวอย่างอ่อนโยนและดีใจที่ลูกทำใจได้แล้ว เพราะต่อให้อยากเกี่ยวดองกับตระกูลฉินมาก แต่เธอก็ไม่อยากให้ลูกไปแย่งสามีของใคร อย่างน้อยในปักกิ่งนี่ก็ไม่ได้มีแค่ลูกชายจากตระกูลฉินเท่านั้นที่คู่ควรกับลูกสาวของเธอขณะที่กำลังปลอบใจลูกอยู่นั้น เธอไม่รู้เลยว่าเวลานี้หลี่ซินหงมีประกายตาอย่างชิงชังขึ้นมา โดยที่ไม่รู้ว่าในใจของเธอนั้นกำลังคิดอะไ
บทที่ 81 เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เองเขาไม่คิดจะโทษภรรยาที่จะพูดอย่างนั้นกับแม่ตนเอง เพราะเชื่อว่าเธอคงจะเหลืออดแล้วเหมือนกัน ถึงได้โต้แย้งแบบนั้น“หยางตง” ป๋ายหลานเรียกลูกชายเสียงดังเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ส่วนสองแม่ลูกก็หน้าซีดลงทันควัน“สามี อาเหมยเหนื่อยแล้ว” ถังลู่เหยเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียดก็พูดออดอ้อนสามีและแสร้งอ่อนแอออกมาเพื่อแก้สถานการณ์ เธอนั้นตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะส่งข่าวหาอู่เหลย เพื่อให้คนของเขาสืบเรื่องลูกสาวตระกูลหลี่คนนี้ เพราะท่าทางที่เธอเห็นคือแม่ดอกบัวขาวชัด ๆอีกทั้งยังมองสามีของเธอเหมือนอยากจะกลืนกินเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ขณะเธอเป็นผู้หญิงด้วยกันยังกลัวอีกฝ่ายเลย ที่บอกว่ากลัวไม่ได้กลัวอะไรหรอกนะ แต่กลัวสายตาของเธอจะฉกสามีไป ฉินหยางตงเป็นคนตรงๆ คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมายาของแม่ดอกบัวขาวคนนี้“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นข้างบนเถอะครับ สามีจะพาภรรยาไปพักผ่อนเอง”ฉินหยางตงเห็นแบบนั้นก็โอบเอวภรรยาไว้อย่างรักใคร่และพูดกับเธออย่างอ่อนหวาน ก่อนจะหันไปพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงที่ปกติ“ผมขอตัวก่อนนะครับ พวกเราสองคนเดินทางมาเหนื่อย ๆ ยังไงก็ขอไปพักผ่อนสักหน่อย หากแม่ยังอยากจะรับแขกต่
บทที่ 80 มาถึงก็เจอแม่ดอกบัวขาวทันทีฉินหยางตงและถังลู่เหมยทั้งสองนั่งรถรับจ้างกลับมาที่ตระกูลฉิน เมื่อมาถึงชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเพราะเห็นว่ารถของตระกูลหลี่จอดอยู่ที่หน้าบ้าน จนทำให้ถังลู่เหมยสงสัยขึ้นมา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเอียงหน้าถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของสามี“น่าเบื่อครับ พี่ปฏิเสธแล้วแต่บ้านหลี่ก็ยังไม่...เฮ้อ” ชายหนุ่มมองไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่แล้วพูดขึ้น เขาไม่รู้จะบอกอย่างไร เนื่องจากกลัวว่าภรรยานั้นจะโกรธที่พอมาถึงวันแรกก็มีผู้หญิงมารอที่บ้าน“ลูกสาวบ้านหลี่คือคนที่แม่พี่อยากจะให้พี่แต่งงานด้วยใช่ไหมคะ” เธอมองตามสายตาของสามีและถามกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม เนื่องจากเรื่องนี้ชายหนุ่มเล่าให้เธอฟังบ้างแล้ว“ครับ” ฉินหยางตงพยักหน้ารับอย่างไม่สบายใจ“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรค่ะ ฉันเชื่อใจพี่ เพราะไม่ว่าอย่างไรพี่คือสามีของฉันคนเดียว ฉันเชื่อว่าพี่รักฉันคนเดียว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ” ถังลู่เหมยพูดออกมาไปพร้อมยิ้มหวานให้กับสามีเธอนั้นเชื่อใจสามี เพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมา เขาไม่เคยทำเธอหวาดระแวงเลยสักครั้งเดียว มีแต่แสดงความรักกับเธอจนเธอจะเป็นเบาหวานตายอยู่แล้ว“แ