เพียงแต่พอไปทำงานแล้วก็ถูกหัวหน้าเฉียนไล่กลับบ้าน เท่านั้นไม่พอ เพื่อนๆ ร่วมกรมยังพากันมารุมประนามหยามเหยียดเขาอีก หาว่าเขาใจร้ายใจดำนัก หากภรรยาตื่นขึ้นมาในเช้าวันแรกที่ไม่ใช่บ้านอันคุ้นเคยของตน และพบว่านางอยู่เดียวดายในห้อง หญิงสาวจะรู้สึกย่ำแย่แค่ไหน บอกว่าฟางซินช่างเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย “ข้านี่มันคิดน้อย” ใต้เท้าหนุ่มด่าตัวเอง “แล้วไม่รู้ว่าฮูหยินตื่นมาจะตกใจกลัวหรือไม่ เกิดนางไม่พอใจแล้วเก็บของกลับบ้าน ข้าจะทำอย่างไร ได้ยินมาว่าแต่เดิมนางก็เป็นคนค่อนข้างเก็บตัวอยู่แล้วด้วย น่าเป็นห่วงจริงๆ” โครม! เคร้ง! “กรี๊ด!” ความเป็นห่วงของฮุยฟางซินถูกขัดด้วยเสียงข้าวของหล่นโครมครามและหวีดร้องของผู้หญิง ชายหนุ่มตาตื่น รีบวิ่งเข้าไปในเรือนอย่างรวดเร็วและต้องตกใจกับภาพที่ได้เห็น “เกิดอะไรขึ้น! พวกเจ้า จับพวกนางแยกออกจากกันเดี๋ยวนี้!” รีบสั่งบ่าวไพร่ที่ยืนรุมล้อมอย่างไม่กล้าจะทำอะไร เมื่อนายท่านสั่งให้จับนายหญิงคนใหม่กับคุณหนูออกจากกันทุกคนถึงได้กล้าทำ เพราะก่อนหน้านี้ได้ลองทำไปแล้ว และถูกพวกนางยันออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน “ปล่อยข้า! ข้าจะไปตบสั่งสอนนังลูกอนุที่มากำแหงใส่ข้า” เด็
“ท่านพ่อ!” เพราะนี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เด็กสาวตกใจหวีดเสียงหลงและหน้าซีด “เหตุใดทำกับข้าอย่างนี้ ท่านพ่อไม่เคยดุด่าข้าเลยสักครั้ง!” “เหมยลี่! กลับห้อง!” ฟางซินไม่อยากพูดให้มากความอีก เพราะแค่นี้เขาก็อับอายซุนซูฮวาจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ไหนอยู่แล้ว “แล้วพ่อจะตามไป เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว!” “โฮ...แม่นม...” เด็กสาวร้องไห้วิ่งหนีกลับไปทางห้องตัวเอง เรียกหาแม่นมที่ตอนนี้อยู่ไหนก็ไม่ทราบ ฟางซินจะวิ่งตามลูกไปแต่อีกใจก็คิดว่าควรต้องดูแลภรรยาก่อนเพราะตอนนี้นางคงเสียขวัญ มิคาดคิดเลยว่าหันมาจะเจอนางยืนเท้าสะเอว ชายหนุ่มสะดุ้ง “ท่านเป็นพ่อประสาอะไร ลูกโตขนาดนี้ก็ยังปล่อยให้นางก้าวร้าวได้” ซุนซูฮวาในสภาพดูไม่ต่างจากฮุยเหมยลี่กำลังแว้ดๆ ใส่เขา ทั้งที่นางอายุยังไม่เท่าไร แต่ตอนนี้ฟางซินกลับรู้สึกราวกับว่านางอายุไม่ได้ต่างจากเขามากนัก “นางจะไม่พอใจในตัวข้าแต่แรกมันก็คงไม่แปลก ตามปกติเด็กที่ไหนก็ไม่อยากมีแม่เลี้ยงทั้งสิ้น แต่การที่นางมาพูดจาซ้ำซากว่าข้าเหมือนผู้หญิงที่มาจากหอนางโลมนั้น ให้ตายสิ! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านเลี้ยงดูลูกสาวมาแบบไหนกันแน่” ฮุยฟางซินได้แต่เอ่ออ่าพูดอะไรไม่อ
10 ซุนซูฮวาหันขวับ พิศไปมาสามีของนางก็หน้าตาหล่อเหลาเอาเรื่อง จะปากคอคิ้วคางก็ล้วนตรงใจไปหมด รูปงามกว่าสามีห่วยแตกในชาติที่แล้วด้วยซ้ำ แต่การที่เขาทำตัวนุ่มนิ่มแบบนี้ นางไม่ปลื้มเอาเสียเลย แต่คิดอีกที ชาติก่อนนางก็เป็นคนเช่นนี้ เพราะเห็นตงไห่สามีดูไม่ประสีประสากับแวดวงธุรกิจ นางจึงจัดการให้ แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร เขาก็ไปเล่นชู้กับอีนังเลขาฯ เพียงเพราะว่านังนั่นมันเด็กกว่า สาวกว่า และคงจะเอาใจเก่ง ใช้ร่างกายเป็นสิ่งล่อลวงแน่นอน แล้วเหตุใดข้าไม่ลองใช้ร่างกายเป็นสิ่งล่อลวงผู้ชายบ้างกัน! ซูฮวายิ้มร้าย ช่วยไม่ได้นะคุณหนูซุน เจ้าอยากกินยาฆ่าตัวตายเพราะหนีผู้ชายคนนี้ไปเองนี่ อย่างไรข้าก็ได้เสียกับเขาแล้วแม้จะผ่านร่างเจ้า ก็ยังถือว่าเป็นของดี ขอให้เจ้าไปสู่ปรโลกอย่างสงบสุขเถอะ ข้าจะใช้ชีวิตเสพสุขแทนเจ้าเอง และหากข้าพิสูจน์แล้วว่าใต้เท้าฮุยผู้นี้เป็นบุรุษเฮงซวยของจริง ข้าจะไม่เสียเวลากับเขาเด็ดขาด ข้าจะพาร่างกายเจ้าไปสู่อิสรภาพ จะไม่พากลับไปจวนบิดาที่ไม่มีปัญญาปกป้องเจ้า แต่จะพาไปตั้งกิจการร้านค้าเล็กๆ สักแห่งแล้วเลี้ยงดูตัวเองกับถิงเอ๋อร์ให้ได้ เพราะถ้าต้องให้มีผัวระยำตำบอนแล้ว สู้ไม่
ตกบ่ายคล้อยซุนซูฮวาก็ออกมาจากห้องจนได้ หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วนางก็ดันเผลองีบหลับ ออกมาจากห้องอีกครั้งเพราะคิดว่าอยากจะไปเดินเล่นบ้าง เดี๋ยวจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรพอดี แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ เห็นสามีเข้ามาประชิดตัว“ฮูหยิน...ไม่สิ น้องหญิง” เขาเอ่ยขึ้น อย่างพยายามระงับความตื่นเต้น “เราไปนั่งเล่นที่สระบัวกันดีหรือไม่ กินขนมไป แล้วก็จิบชา ดูท่าจะรื่นรมย์”ซูฮวาไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน อย่างไรแล้วถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนางก็ต้องอยู่กับเขาไปอีกนานแสนนาน มาสร้างความผูกพันกันเอาไว้ตั้งแต่วันนี้ ก็ยังดีเสียกว่าต้องอยู่กันแบบคนไม่รู้จัก“ก็ได้เจ้าค่ะ เพราะข้าก็คิดอยู่ว่าจะไปหาที่เดินเล่น ไปกับท่านพี่ก็น่าจะดีเจ้าคะ” ตอบกลับอย่างมีจริตจะก้าน ส่วนฟางซินดูท่าทางดีใจมาก รีบผายมือให้นางเดินไปก่อน หญิงสาวจึงเดินนำไปสระบัวที่ว่านี้เป็นสระขุดเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังของเรือน มีอาณาเขตกว้างใหญ่พอสมควร ดูท่าทางก็เหมาะสมแล้วที่รับรู้มาว่าครอบครัวของชายหนุ่มแต่ดั้งเดิมนั้นเป็นเศรษฐี มีศาลาเล็กๆ อยู่กลางสระและมีสะพานทอดยาวขึ้นไปนั่งบนนั้นได้ บ่าวหญิงสองคน จัดแจงที่นั่งก่อนจะนำสำรับ
เกือบดีถ้าไม่เพราะสองหนุ่มสาวที่พากันจับจูงออกมาจากศาลาหลังเรือนได้สะดุ้งตกใจเพราะอยู่ๆ ก็มีอะไรวิ่งสวนไปด้วยความเร็วสูงพร้อมเสียงร้องโหยหวน “ฮือ...” “นั่น...” ซุนซูฮวาชี้นิ้วแบบงงๆ ก่อนจะหันมาหาคนข้างๆ “ลูกสาวท่านพี่นี่เจ้าคะ แล้วเหตุใดนางกรีดร้องน่าสยดสยองปานนั้น ท่านแน่ใจนะเจ้าคะว่าแค่อบรมตักเตือนนางเฉยๆ ไม่ได้ลงโทษอะไรที่แปลกประหลาดพิสดารเกินกว่าคนปกติจะรับได้” “พูดอะไรของเจ้า” ฟางซินทวนคำแบบงงๆ วันนี้ช่างมีแต่เรื่องให้ประหลาดใจ หันไปหาพวกสาวใช้กำลังวิ่งตามเจ้านาย เพียงเขาตวัดสายตาใส่ สองสาวก็หยุดกึกแล้วก้มหน้า “เกิดอะไรขึ้นกับเหมยลี่ เห็นนางบอกว่าจะออกไปร้านขายขนมในตลาด มันมีอะไรที่ทำให้คุณหนูต้องร้องห่มร้องไห้ขนาดนั้นกัน” นางบ่าวสองคนมองหน้ากันไปมาอย่างจะเกี่ยงให้พูด จนฮุยฟางซินตวาดซ้ำ พวกนางก็ทรุดลงไปกองกับพื้น “คุณหนูไปร้านขนมเจ้าค่ะ และไปเจอพวก...พวกคุณหนูสามพี่น้องจากตระกูลกู้เจ้าค่ะ” “ตระกูลกู้ อ้อ คงเป็นลูกสาวของท่านรองแม่ทัพ” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด เขาพอจะรู้จักแม้ไม่สนิทสนม “แล้วอย่างไรเล่า เจอพวกคุณหนูที่รุ่นราวคราวเดียวกัน
เสียงหัวเราะกระซิกกระซี้ดังมาตั้งแต่ประตูทางเข้าเรือน ฟางซินที่ถูกสั่งให้อยู่บ้านไม่ให้ติดตามภรรยาและลูกสาวไปด้วยจนทำให้นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะไปทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้เลยแทบจะวิ่งทะยานออกไปตามเสียงแล้ว “เจ้าเห็นหน้านังคุณหนูใหญ่หรือเปล่า ตลกที่สุด!” เป็นเหมยอี้ที่พูดประโยคนี้ขึ้น “กู้อันฉี! นางโกรธจัดจนหน้าเป็นสีแดงเหมือนลูกผิงกั่ว แล้วตอนที่กู้อิ้งเยว่ร้องไห้เพราะท่านบอกว่านางหน้าแป้นเหมือนซาลาเปา คิก...ท่านร้ายกาจมากซุนซูฮวา แต่ว่าข้าชอบ!” “ข้าไม่ได้บอกว่าคุณหนูรองกู้หน้าเหมือนซาลาเปาเสียหน่อย ข้าแค่บอกว่าเห็นหน้านางแล้วหิว เลยให้ถิงเอ๋อร์ออกไปหาซื้อซาลาเปามาให้ ข้าอยากกินลูกแป้นๆ” ซูฮวาตอบกลับด้วยเสียงร่าเริงไม่แพ้กัน นางเอาพัดที่รวบเก็บแล้วตีแขนเด็กสาวเบาๆ “นี่แนะ ทีนี้เจ้ารู้หรือยังว่าข้าเป็นคนยังไง ยังอยากจะรับข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวเจ้าหรือไม่ เพราะความจริงข้าเป็นคนร้ายกาจมาก” “ใช่ ข้าก็ว่าท่านร้ายกาจ ตั้งแต่คิดแผนการเอาอัญมณีมาตกแต่งใบหน้าเพื่อไปอวดรวยข่มสามพี่น้องนั่นที่มีฐานะทางการเงินไม่เท่าข้าแล้ว” เหมยลี่หัวเราะดัง
ประโยคหลังหันไปสั่งพวกบ่าวที่เหมือนรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ถิงเอ๋อร์ได้แต่ละล้าละลัง เพราะคุณหนูของตนดูกระสับกระส่ายแปลกๆ อยู่ไม่สุข“คุณหนู ถิงเอ๋อร์จะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ไปแช่น้ำนะเจ้าคะ” รีบไปประคองก่อน ซุนซูฮวาพยักหน้าให้ “เอ่อ ใต้เท้าฮุย คือ...”“ห้องนอนข้าก็คือห้องเดียวกับคุณหนูของเจ้า” รีบตอบกลับทันทีเพราะรู้ว่าพูดแบบนี้เหมือนจะเป็นการไล่ทางอ้อม “นี่แนะถิงเอ๋อร์ ความจริงนี่ก็ดึกมากแล้ว และวันนี้เจ้าเองก็ออกไปตะลอนๆ มากับพวกนางด้วย ข้าว่าเจ้าไปพักจะดีกว่า ข้าสั่งพ่อบ้านให้จัดหาที่นอนให้เจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าก็ไปนอนที่เรือนข้างหลังกับพวกสาวๆ รุ่นราวคราวเดียวกันจะได้มีเพื่อน ส่วนกลางคืนก็ไม่ต้องมาอยู่เฝ้าคุณหนูของเจ้าอีกแล้ว อย่าลืมสิว่านางออกเรือนแล้ว และข้าก็คือสามี...”ถิงเอ๋อร์จะไปปฏิเสธอย่างไรได้เพราะนางเป็นเพียงบ่าว คิดอีกทีก็ว่าดีเหมือนกัน กลางวันนางก็มาอยู่รับใช้คุณหนู ส่วนกลางคืนก็ให้เป็นช่วงเวลาที่สามีภรรยาจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง แค่คิดถึงเสียงครวญครางของบ่าวสาวเมื่อคืน บ่าวน้อยก็นึกเขินขึ้นมา“คุณหนู ถิงเอ๋อร์ไปนอนแล้วนะเจ้าคะ ฮ้าว...วันนี้ง่วงมากเลยเจ้าค่ะ” แสร้งท
“เจ้าเป็นคนดีจริงๆ น้องหญิง ถึงเจ้าจะปฏิเสธอย่างไร มันก็ไม่อาจลบล้างสิ่งที่ข้าสัมผัส” เขาเอาท่อนเนื้อมาปาดป้ายแก้มนางอีกรอบ “แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าเราควรหยุดคุยเรื่องนี้กันก่อน เรายังมีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะพูดเรื่องเหมยลี่กัน เพราะตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่า ก็คือ...อา...น้องชายของข้ามันอยากถูกปากของเจ้าอบรมสั่งสอนเหลือเกิน”กลิ่นกายบุรุษจากเหงื่อและน้ำรักผสมผสานกันจนกระตุ้นอารมณ์ซูฮวาที่ตอนนี้ก็ถูกฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดเข้าไปเต็มๆ แววตาแปรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าความหรรษากำลังจะมาเยือน“อยากให้ข้าอบรมสั่งสอน...น้องชายคนนี้หรือเจ้าคะ” นางค่อยๆ เอื้อมมือมาแตะท่อนลึงค์สามีเบาๆ มันกระตุกเล็กน้อยราวกับตื่นเต้น “แล้วน้องชายคนนี้จะทนปากข้าได้หรือเจ้าคะ ข้าปากจัดนะเจ้าคะ จัดว่า...” “จัดว่าอะไรก็เอาเถอะ แต่ตอนนี้ช่วยเอาปากนั้นดูดเลียมันหน่อยเป็นอย่างไร...” เขาจับแท่งเอ็นมาถูไถ น้ำเหนียวใสที่ซึมที่ปลายหัวยืดเป็นยางเปรอะกลีบปากอวบอิ่มของซูฮวา ยิ่งทำให้เขากระสันอยากจะโยกใส่ปากให้น้ำแตกซ่าน หญิงสาวค่อยๆ เริ่มสาวมือเป็นจังหวะ ฟางซินเสียวถึงขั้นห่อปาก และทันทีที่เอ็นแข็งเข้าไปในโพรงปาก ชายหนุ่มก็
หญิงสาวจมสู่นิทรารมณ์อย่างรวดเร็ว...ที่นั่นดูเหมือนเป็นโลกอดีต ทั้งสิ่งปลูกสร้างและผู้คนที่แต่งกายแบบโบราณ ดูเหมือนกำลังมีงานเลี้ยงฉลองบางอย่าง มีเด็กๆ ที่แต่งกายอย่างชนชั้นสูงวิ่งเล่น เด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งมาชนเธอ“ท่านอา ขออภัยเจ้าค่ะ” หนูน้อยเอ่ยคำด้วยเสียงสดใส ซิ่วอิงเห็นใบหน้านั้นแล้วก็รู้สึกเอ็นดู และคิดว่าทำไมหน้าตาเหมือนตนในชาติก่อน “ท่านอา เห็นเด็กผู้ชายตัวสูงเท่าข้าไหมเจ้าคะ ข้ากำลังตามหาเขาอยู่เจ้าค่ะ ข้าจะไปจัดการ...”ซิ่วอิงยังไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกหาเด็กคนนี้“ถิงเอ๋อร์ ไปยืนทำอะไรตรงนั้นจ๊ะลูก มาเข้าร่มได้แล้ว” สตรีที่แต่งกายด้วยแพรพรรณอย่างคนสูงศักดิ์ น้ำเสียงอ่อนหวานทอดอย่างอ่อนโยนเช่นคนได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าใบหน้านั้น...“นั่นมัน! ตัวข้าเองนี่นา!”ซิ่วอิงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้เห็นร่างกายของตัวเองยังเคลื่อนไหวได้อยู่ทั้งที่ตนตายไปแล้ว หรือว่าข้างในนั้นจะไม่นางกัน แต่เป็นวิญญาณคนอื่น!“ท่านแม่ ลูกตามหาเพื่อนอยู่เจ้าค่ะ เดี๋ยวลูกเจอแล้วจะกลับมาหาท่านแม่นะเจ้าคะ” หนูน้อยแสบซนมาก วิ่งหนีแม่ไปทางอื่น นี่แสดงว่าเด็กคนนี้คงเป็นลูกที่เกิดจาก
ห้าปีผ่านไป... คุณแม่มือใหม่ที่ท้องใหญ่อุ้ยอ้ายเต็มที เห็นแค่นี้ใครก็รู้ว่าเป็นลูกแฝดแน่ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าเพศอะไร ตอนนี้เพิ่งจะเดินเล่นรอบบ้านเสร็จ ทว่าคุณพ่อมือใหม่เช่นกันที่เพิ่งกลับจากที่ทำงานและดันมาเห็น ก็ให้รถจอดตรงนั้นและลงไปจัดการภรรยาทันที “ท้องแก่ขนาดนี้ ยังจะเดินไปเดินมาอยู่อีก” กู้ซีฮันเข้าไปประคองซิ่วอิงอย่างอ่อนโยน ทั้งสองคนมองกันด้วยสายตาแห่งรัก วันเวลาที่วุ่นวายผ่านไปนานมากแล้ว แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็เลือดตาแทบกระเด็นทั้งคู่ “เข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นจะตีให้ทั้งแม่ทั้งลูก ช่างพากันออกมาซนจริงๆ” “ฉันไปดูงานที่สำนักพิมพ์มา เห็นจางเหว่ยบอกว่ามีต่างชาติมาเสนอเครื่องพิมพ์แบบใหม่ สามารถพิมพ์หนังสือพิมพ์ได้เร็วกว่าเดิมมากนัก”หญิงสาวตอบ หลังเหตุการณ์คืนนั้น จ้าวตงไห่และตู้เหมยอินที่รอดตายจากตึกถูกไฟไหม้จนถล่มได้อย่างน่าเหลือเชื่อก็ถูกจับ ถูกตั้งข้อหามากมายและทั้งคู่ก็ไม่มีปัญญาสู้ในชั้นศาล กว่าจะจบเรื่องพวกนี้และถูกส่งไปอยู่เรือนจำทั้งคู่ก็ใช้เวลาเกือบสองปีเห็นว่าตู้เหมยอินเมื่อแยกเข้าเรือนจำแล้วก็อาการป่วยทรุดหนักลงกว่าเดิม ส่วนจ้าวตงไห่ได้ยินว่าถ
ซิ่วอิงรีบถูเชือกให้เร็วขึ้นเพราะไฟลามมาเร็วขึ้นแล้ว น้ำมันที่ถูกเทเป็นวงกลมตรงตำแหน่งเดิมที่เธออยู่ ตอนนี้มันทำไฟลุกโชติช่วงราวกับมาจากนรก“ขะ...ขาดแล้ว!” ในที่สุดก็สำเร็จ ซิ่วอิงปลดปล่อยตัวเองได้ เธอพยายามจะวิ่งสวนออกไป แต่อยู่ๆ ถูกตู้เหมยอินกระชากกลับ ให้เข้าไปอยู่ในวงล้อมด้วยกัน“แกจะหนีไปไหน ทั้งหมดนี้มันเริ่มต้นเพราะแกคนเดียว เพราะฉะนั้นแกต้องตายไปพร้อมกับฉันด้วย จะได้ไม่ต้องมีใครอยู่เสวยสุขเพียงคนเดียว!”“ใครอยากตายก็เชิญตายไปเลยแต่ฉันจะไม่ยอมตาย!” ซิ่วอิงทั้งทิ่มศอกและแทงเข่า ทั้งสองกลายมาเป็นคู่ต่อสู้กัน ในขณะที่ตงไห่ก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะติดกุญแจมือ “ผีเน่าโลงผุอย่างพวกแกขอให้ได้ตกนรกด้วยกันไปทุกชาติเถอะ ชาติหน้าอย่าได้มาเจอกันอีกเลย!”“กรี๊ด!”ซิ่วอิงสลัดพวกนั้นมาได้และวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต ตอนนี้ไฟไหม้ล้อมไปทั้งโกดังแล้ว ผลของน้ำมันที่ถูกเทไปจนทั่ว“แค่กๆๆ” หญิงสาวเริ่มสำลักควัน พยายามเอามือมาปิดหน้าแต่ก็แสบที่ควันเข้าตาอยู่ดี “แล้วฉันจะหนีไปทางไหนได้ ไม่มีทางออกแล้ว!”“ทางนี้...มาทางนี้” เสียงแปลกๆ ดังมาจากทางหนึ่ง และพอซิ่วอิงหันไป ก็ได้เห็นคนที่เธอเห็นมาแล้วในห้องนอนของ
“ไหนๆ เราก็เป็นสามีภรรยากันมาถึงห้าปี ฉันขอของขวัญชิ้นสุดท้ายจากเธอหน่อยก็แล้วกันนะ ฉันอยากได้แค่ใบมรณะบัตรของเธอน่ะ และจะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้นำกลุ่มเจียงหานของพ่อเธอ...”เชือกเส้นเดิมถูกเอามามัดที่มือของเธอแต่คราวนี้ผูกติดไว้กับลูกบิดประตูตรงนั้นด้วย ตงไห่ถอดเข็มขัดแล้วเอามารัดข้อเท้าหญิงสาวเข้าด้วยกันหลังจากเธอพยายามจะถีบล้วงกระเป๋าหยิบไฟแช็กขึ้นมาพรึ่บ!ไฟแช็กถูกโยนเข้าไปในกองกระดาษของโกดัง เปลวไฟลุกวาบขึ้นมาทันที“ลาก่อนนะภรรยาแสนดีของฉัน ถ้าโชคดีฉันไม่ติดโรค ฉันสัญญาว่าจะมีชีวิตดีๆ แทนเธอ และถึงฉันจะมีเมียใหม่ก็จะไม่มีทางลืมเธอ ส่วนยังเหมยอิน ฉันจะเก็บกวาดให้เรียบร้อย ถือเป็นการปลอบใจเธอก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆ”“พี่! พูดอะไร ที่บอกว่าจะเก็บฉัน” ตู้เหมยอินยังเอาตัวเย่วซินไปไม่ถึงไหน อยู่ๆ ก็หวาดระแวงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล กลัวตงไห่เปลี่ยนใจไม่กำจัดเมียเก่า เลยตั้งใจว่าจะมาดูให้เห็นกับตาตัวเองก่อน และดันเข้ามาในจังหวะดีๆ “ไหนพี่บอกว่าเราจะร่วมเป็นร่วมตาย พี่จะไม่ทอดทิ้งฉัน พี่บอกว่าถึงฉันจะป่วยพี่ก็ยังจะรักฉัน แต่พี่กลับบอกนังซูฮวาว่าจะเก็บฉัน นี่มันคืออะไร”“เหมยอิน ทำไมยังอยู่ที
“แล้วยังไงอีก” หญิงสาวสวนกลับ เพราะเธอไม่ใช่ซูฮวาตัวจริง แม้จะเสียใจแต่ไม่ได้เจ็บปวดกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “คิดจะทำให้ฉันสติแตกหรือไง ขอโทษนะ ตอนนี้ไม่มีอะไรทำร้ายฉันได้อีกแล้ว และต่อให้แกพยายามฆ่าฉันแค่ไหน แต่คนที่เพิ่งได้โอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้งฉัน จะไม่มีทางยอมตาย!”เชือกที่มัดข้อมือหลุดออก ซิ่วอิงพุ่งเข้าใส่ตงไห่จนล้มไปทั้งคู่ แกลลอนน้ำมันหลุดมือแล้วสาดจนเปียกไปด้วยกัน“เฮ้ย! นังบ้านี่!”สองคนฟัดกันนัวไปหมดที่พื้น ตงไห่ตบหญิงสาว แต่เธอก็ถีบกลับจนหงายหลัง ชายหนุ่มจึงคว้าได้เชือกมัดมือที่ซิ่วอิงแก้ไข และเอามันมารัดคอเธอแทน“แค่ก...”ภาพความทรงจำที่ฝังอยู่ในวิญญาณหวนกลับมาหา ในชาติที่แล้วบนเกี้ยวเจ้าสาว ซูฮวามองออกไปนอกหน้าต่างเกี้ยวเห็นแสงจันทร์และดวงดาว ไม่ต่างอะไรจากในตอนนี้ที่เธอกำลังตาเหลือกมองขึ้นไปด้านบนที่เป็นช่องแสงของโกดัง“ซิ่วอิง หลังคดีการตายของอนุในจวนข้าจบสิ้นเพราะความช่วยเหลือในการแฝงตัวเป็นสายลับของเจ้า ข้าจะมอบชีวิตที่สงบสุขและร่ำรวยให้เจ้า เจ้าจะได้อยู่ในตระกูลกู้ในฐานะภรรยาคนหนึ่งแต่ไม่ต้องปรนนิบัติข้า ชีวิตเจ้าลำบากมามากก็ควรได้อยู่อย่างมีความสุขเสียที ความจริงข
“ป้าอี้นะเหรอ เขาลากลับบ้านนอกไปแล้ว เมื่อครู่นี่เอง น่าจะสวนกับคุณหนูนะคะ” เยว่ซินตกใจมากที่อยู่ๆ ลูกเลี้ยงก็รีบกลับบ้านมาอย่างร้อนรน “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ ทำไมต้องตามหาตัวป้าอี้กัน” เลขาฯ ฮุ่ยรีบออกไปคุยกับพวกแม่บ้านและคนงานก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนซีฮันจับแขนซิ่วอิงไว้ ส่งสายตาห่วงใย “แกคงยังไปไหนได้ไม่ไกลถ้าเพิ่งจะออกไป เดี๋ยวฉันกับเลขาฮุ่ยจะตามหาเอง เธออยู่เป็นเพื่อนคุณอาที่บ้านไปก่อน ตอนนี้อย่าออกไปไหนเด็ดขาด เพราะถึงขนาดวางระเบิดใต้รถได้ ก็คงไม่มีอะไรที่มันจะทำไม่ได้แล้ว...” “ระเบิด!” เยว่ซินตกใจมากเกือบได้เป็นลมอีกรอบ “ทนายซ่านไม่ได้ประสบอุบัติเหตุแต่เป็นโดนระเบิดเหรอคะ นี่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” “คุณอารถคว่ำค่ะ ไม่ได้โดนระเบิด คงเป็นเพราะคุณพ่อคุ้มครองไว้ เพราะอยู่ๆ คุณอาก็รู้สึกแปลกๆ และพบว่าใต้เบาะนั่งมีระเบิดซ่อนอยู่ ก็เลยโยนไปนอกรถค่ะ” ซิ่วอิงอธิบายหวังให้เบาใจ แม้เรื่องที่เล่ามันจะไม่ได้ดูเบาตรงไหนเลย “แต่ก็มีรถมาตามชนจนพลิกคว่ำอีก ดูท่าจะเป็นการจงใจฆ่า พวกมันคงอยากเก็บฉัน และตอนนี้ในเมื่อทำไม่สำเร็จ ฉันก็กลัวว่ามันจะหันมาเล่นงานคุณอาแ
ทุกคนยืนว้าวุ่นกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาอยู่นาน ในที่สุดประตูก็เปิดออก และแพทย์เป็นคนผู้ออกมา“ญาติคนไข้ซ่านกวงกวงใช่ไหมครับ” หมอหนุ่มเอ่ยขึ้น ซิ่วอิงพยักหน้าแล้วรีบปราดเข้าไปหา ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยถามขึ้นอีก “ท่านไหนคือคุณซุนซูฮวาครับ คนไข้ฝากมีข้อความฝากไว้ ก่อนเขาจะเข้ารับการผ่าตัด”“ฉันเองค่ะ คุณอามีอะไรหรือคะ แล้วตอนนี้เขาปลอดภัยดีใช่ไหมคะ” นี่เป็นครั้งแรกในชาติภพใหม่ที่คนใกล้ตัวเป็นแบบนี้ เธออดคิดไปถึงในชาติก่อนตอนยายป่วยหนักไม่ได้ มันน่าเสียขวัญมาก“คุณซ่านกวงกวงปลอดภัยแล้วครับแต่ยังไม่รู้สึกตัวเพราะยาสลบ เขาคงจะรู้ตัวว่าต้องใช้เวลานานเลยอยากให้หมอบอกอะไรบางอย่างไว้กับญาติ” หมอเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อให้หญิงสาวเดินตามไปใกล้ๆ ก่อนจะบอก “คุณซ่านกวงกวงบอกว่า นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ ให้คุณซุนซูฮวาถามทุกอย่างจากคนขับรถ เพราะเขารู้เห็นอยู่ในเหตุการณ์ตลอด”“คนขับรถ...แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนคะ คุณอาบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เขาก็คงไม่ต่างกัน”“ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องพักฟื้นรวมเพราะเขาไม่ได้เจ็บหนักครับ คุณลองถามพยาบาลตรงนั้นดูว่าห้องไปทางไหน” หมอคิดว่าเรื่องจากนี้ไม่เกี่ยวกับตนเองแล้วจึงขอแยกตัวไปก่
เยว่ซินปล่อยน้ำตาไหลพราก แข้งขาอ่อนแรง ทรุดลงไปกองกับพื้น “โถ่ นายท่าน ดิฉันมันเป็นคนเลวแท้ๆ ที่เอายาพิษมาให้นายท่านกินทุกวัน ดิฉันทำแบบนั้นลงไปได้อย่างไร ฮือ...คุณหนู จับดิฉันไปส่งตำรวจเลยค่ะ ดิฉันเป็นคนฆ่านายท่าน ดิฉันผิดเอง. ..” มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดแล้ว จ้าวคงไห่ใช้ซูฮวาเป็นเส้นทางสู่ซุนเยี่ยนฟาง เพื่อที่จะมอบยาพิษให้หวังปลิดชีพแบบแนบเนียน โดยคนที่มีหน้าที่ปรุงยาพิษพวกนั้น ก็คือคนที่ซุนเยี่ยนฟางไว้ใจมากถึงขั้นให้ดูแลทุกอย่าง ก็คือภรรยาของเขานั่นเอง “คุณอาไม่ได้ผิด คนที่ผิดคือคนที่เอายาพิษมาให้ หลอกใช้พวกเราเป็นสะพานเพื่อจะฆ่าคุณพ่อ” ซิ่วอิงกัดฟัน “ยืมมือลูกสาวและภรรยา สองคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดและไม่มีทางทำร้ายคุณพ่อได้ พวกมัน...ใจร้ายเกินไป จ้าวตงไห่ มันไม่ใช่คน...” ซิ่วอิงก้มลงไปประคองแม่เลี้ยงขึ้นมา รู้สึกว่าเยว่ซินเหมือนจะแก่ลงมากเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แน่นอนว่าเป็นใครก็คงรับไม่ได้เช่นกัน “คุณอา ฉันจะไม่รออะไรอีกต่อไปแล้วค่ะ ซีฮันบอกให้ฉันรอไปเจ็ดวันให้พวกมันคืนทรัพย์สินที่ยักยอกไปมาให้ฉัน แต่ฉันคิดว่าแค่นั้นมันคงไม่เพียงพอจะชดใช้อ
เกิดเสียงฮือฮาอีกรอบ แต่ซิ่วอิงไม่รอแล้ว เธอหันไปยิ้มเบะปากให้ทั้งจ้าวตงไห่และตู้เหมยอิน ก่อนจะหันไปจับมือกับกรรมการทั้งสามคนที่ยืนด้านหลัง และพูดคุยทักทายกันตามประสา โดยไม่สนใจสองชู้รักนั่นอีกเลย หลังซิ่วอิงออกไปจากห้องประชุม ไม่นานนักพวกกรรมการก็ลุกตาม และค่อยๆ ออกไปจนหมด ชัดเจนแล้วว่าทุกคนยินดีรับข้อเสนอของว่าที่ประธานกลุ่มเจียงหานคนใหม่ เพราะอย่างไรแล้วการได้ร่วมงานกับเจียงหานก็ถือว่าอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในวงการธุรกิจของเจียงซี สุดท้ายในห้องประชุมใหญ่ก็เหลือเพียงจ้าวตงไห่และกู้เหมยอิน เขารู้ว่าซูฮวาเก่ง แต่ไม่รู้ว่าเธอหัดเล่นกับความโลภของคนตั้งแต่เมื่อไร กระทั่งผู้ช่วยเจี่ยที่เป็นมือเป็นเท้าให้ทั้งคู่ด้วย ก็ยังถูกซื้อตัวไปง่ายๆ ไม่ได้ต่างอะไรจากนักหนังสือพิมพ์คนนั้นของสำนักพิมพ์เลี่ยงหวงที่ถูกซื้อตัวไปเช่นกัน แต่แล้วอยู่ๆ ปึกเอกสารหนึ่งก็ถูกกระแทกบนโต๊ะต่อหน้าจ้าวตงไห่จนเขาสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นกู้ซีฮัน “นี่คือหลักฐานว่าแกกับชู้ยักยอกทรัพย์สินของบริษัทเอสบีไปได้อย่างไร เอาไปมากแค่ไหน และเอาไปฟอกเงินด้วยวิธีใด รวมถึงมีใครบ้างที่ร่วมขบวนการน