นางเงยคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่งและพูดอย่างตำหนิว่า "งั้นข้าจะกลับไปหาแม่ก่อน ข้าจะอยู่ที่บ้านใหญ่สักสองสามวัน หากพวกเจ้ามีเจตนาเช่นนั้นก็มาหาข้า ไม่เช่นนั้น หากมาเสียใจภายหลังก็อย่าโทษข้าที่ไม่เตือนก็แล้วกัน" "ท่านพี่เดินทางระวังนะ" ซูเหลียนเฉิงรีบลุกจากเก้าอี้แล้วส่งซูยวี้ออกไป ด้านนอกลาน ร
ลุงหวู่ลูบเครา และพูดติดตลกว่า "ของอร่อยๆ จะกินเบื่อได้ยังไง เจ้าไม่รู้ความสนุกของมันเลย" ซูหวั่นและซูลิ่วหลางย้ายข้าวของของพวกเขาเข้าไปในรถโดยไม่ตอบ แค้ยิ้มให้เฉยๆ ในขณะนี้ หลายคนกำลังวิ่งเข้ามาจากด้านหลังและรุมเข้าหาซูหวั่นและซูลิ่วหลาง ซูหวั่นรู้สึกถึงความเบาบางที่เอวของนาง ราวกับว่ามีบาง
ลุงหวู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหัวขโมยตัวน้อยลุกขึ้นได้ แล้วมองดูมือของเขาอีกครั้ง เขากำลังไตร่ตรองว่าทักษะของเขาลดลงหรือเปล่าเพราะไม่ได้ใช้มันเป็นเวลานาน ซูหวั่นมองดูหัวขโมยตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า หัวขโมยตัวน้อยมีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวและมีแสงใสๆ ในดวงตาของเขา ซึ่งแตกต่างจากท่าทางข
ฉางหลีโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของซิงหนิง ร่างกายของนางร้อนมากราวกับเตากาต้มน้ำ คนทั้งคนรู้สึกเวียนหัวไปหมด นางมองคนไม่ชัดเจนเลย ได้ยินเพียงเสียงพูดและเสียงหัวใจเต้นที่ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลาย นางคว้าแขนเสื้อของซิงหนิง แล้วพูดจริงจังว่า "พี่หนิง พี่อย่าออกไปไหนอีกเลย พี่ช่วยอยู่กับข้าให้มากๆ ได้ไ
"มันไม่ใช่เงินน้อยๆ เหรอ? มันก็เป็นเรื่งปกติที่พวกเขาหาเงินได้เยอะเลยต้องให้ของเยอะหน่อย สำหรับพวกเขาแล้ว มันเป็นแค่เศษเงินเล็กน้อยเท่านั้น!" แม่เฒ่าเซี่ยงยังคงไม่พอใจ นางตบหลังมือของซูยวี้ จากนั้นมองไปยังบ้านรอง แล้วพูดว่า "นางหลี่ เหลียนเฉิง ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจเรา แต่เรื่องบางเรื่องไม่
แม่เฒ่าเซี่ยง "ทำไมเล่า หญิงสาวคนนั้นไม่มีการศึกษาและไม่มีภูมิหลังที่ดี แม้ว่านางจะแต่งงานแล้วนางก็ไม่สามารถช่วยฉางอันได้ ต้าหลางเป็นคนหยาบ และเขาคู่ควรกับหลานสาวของตระกูลเป่าพอดีเลย" ทันทีที่นางพูดอย่างนั้น ซูยวี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี และได้แต่ฝืนยิ้มอยู่ข้างๆ ในใจของนางตำหนิแม่เฒ่าเซี่ยงที่ไ
แม่เฒ่าเซี่ยงจ้องเขม็งทันทีทันใด นางไม่คาดคิดว่าคุณท่านซูแทนที่จะจะช่วยนางกลับไปพูดแทนบ้านรอง แถมยังต่อหน้าลูกๆ ทุกคนด้วย นอกจากลูกสะใภ้สองคนที่กำลังทำงานอยู่ในครัว ลูกหลานของนางก็อยู่ที่นี่หมด แม่เฒ่าเซี่ยงรู้สึกเจ็บใจและตะโกนว่า "ทำไมข้าต้องขอโทษด้วย ข้าไม่ผิด ข้าเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาโดนข
ความคิดของเอ้อหลางนั้นมันสำคัญ แต่ความคิดของพี่ชายนางก็ไม่สำคัญงั้นเหรอ? ดังนั้นจึงจัดการเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ให้โดยไม่ถามความคิดเห็นแต่อย่างใด นางลำเอียงเกินไปแล้วกระมั้ง อย่างไรก็ตาม นางรู้มานานแล้วว่าบ้านใหญ่มีแรงจูงใจแอบแฝงกับบ้านรอง ดังนั้นนางจึงไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ คุณท่านซูเอามือไ
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห