58 : ลูกชั่ว ! สะใภ้ชั่ว ! หลานเลว ! ขณะที่กลุ่มของท่านหมออวี่กับอวี่เฉินฟู่ กำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอวั่ง กลุ่มของผู้ใหญ่บ้านก็เพิ่งเดินทางมาถึง บริเวณที่กลุ่มก่อนหน้าได้พักแรมค่ำคืนที่ผ่านมา “ผู้ใหญ่บ้านตรงนี้มีร่องรอยการพักแรม มีรอยของล้อเกวียนสองเล่มด้วย ข้าว่าพวกเราตามพวกเฉินฟู่กับอาจงมาถูกทางแล้วล่ะ” เซี่ยฉางเป็นคนตรวจดูร่องรอย ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา “เช่นนั้นพวกเราก็มาถูกทางแล้ว ตามรอยพวกเขาไปเรื่อย ๆ น่าจะปลอดภัย” ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าอย่างเบาใจ “เหตุใดต้องตามกลุ่มพวกนั้นไปด้วยล่ะผู้ใหญ่บ้าน ทำไมไม่หาทางอื่นไปกันเอง” แม่เฒ่าเซี่ยไม่พอใจที่ต้องมาตามร่องรอยกลุ่มของเซี่ยซือซือ “แม่เฒ่าเซี่ยหากเจ้ามีทางอื่นไปก็ไปเถอะ เหตุใดต้องมาตามพวกข้าด้วยล่ะ” กู้จางหมิ่นภรรยาผู้ใหญ่บ้าน หันไปมองหญิงชราอย่างไม่พอใจ “สามีเจ้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน เหตุใดต้องไปตามรอยคนอื่นด้วย ทำไมไม่คิดเอาเองว่าจะไปทางไหน” “พอได้แล้วแม่เฒ่าเซี่ย อาซือมีแผนที่ที่จะไปเมืองเว่ย์แต่ข้าไม่มี รึว่าเจ้ามีเช่นนั้นเจ
59 : พวกข้าตามรอยเกวียนของพวกเจ้ามา ขบวนอพยพไม่ได้พบเจอปัญหาใหญ่ ส่วนมากแค่ชาวบ้านแวะเวียนมามุงดูเกวียนของพวกเขา พอถูกขับไล่ก็จากไปแต่โดยดี พวกเขาเดินทางมาถึงประตูทางเข้าอำเภอวั่ง พบว่ามีชาวบ้านมาถึงก่อนหน้าจำนวนนับร้อยคน แต่ไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปในอำเภอวั่งได้ “ท่านลุงเหตุใดพวกท่านถึงเข้าประตูเมืองไม่ได้ล่ะขอรับ” ถานจ้านรับหน้าที่ไปสอบถาม ชาวบ้านกลุ่มอื่นที่มาถึงก่อนหน้าพวกเขา “เขาไม่เปิดรับผู้อพยพ กลัวจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนในอำเภอ ช่างน่าโมโหนักพวกเราหนีตายมาขอความช่วยเหลือ กลับปิดประตูไม่ยอมให้ผ่านเข้าไป นายอำเภอวั่งคนนี้ไร้คุณธรรมสิ้นดี” น้ำเสียงของเขาเอ่ยออกมาด้วยความแค้นใจ “เช่นนี้นี่เอง ขอบคุณท่านลุงมากขอรับ” ถานจ้านเอ่ยขอบคุณสั้น ๆ แล้วเดินกลับไปยังกลุ่มของตนเอง เล่าเหตุการณ์ตรงหน้าประตูอำเภอวั่งให้ทุกคนได้รับรู้ “เหตุใดถึงทำเช่นนี้เล่า พวกเราจะทำอย่างไรต่อดี” ท่านหมออวี่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ว่าจะเข้าอำเภอวั่งไม่ได้ “พอมีทางอื่นให้เราไปเมืองเว่ย์ โดยเลี่ยงไม่ผ่านอำเภอวั่งได้หรือไม่” ถานจ้านหันไปถามทุกคน เผื่อ
60 : รักษาแลกป้ายผ่านทาง หลูจิ่นฟานถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อมองเห็นถานเหลียนฮวาเดินมาพร้อมกับลูกชาย และเด็กสาวที่เขาเคยเห็นก่อนหน้าที่อำเภอเจียง “พี่หลูไม่คิดว่าจะได้พบเจอท่านที่นี่” นางถานโค้งคำนับทักทายเขา คนอื่น ๆ ในกลุ่มของหลูจิ่นฟาน หันไปมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย หลูจิ่นฟานยกมือให้พวกเขาออกไปตรงอื่นก่อน “พวกเจ้าก็ลี้ภัยมาเหมือนกันรึ” “เจ้าค่ะ หมู่บ้านของพวกข้าถูกทหารแคว้นฉีบุกเข้าไปเผาทำลาย โชคดีที่พวกข้าหนีออกมาได้ทัน ตั้งใจว่าจะลี้ภัยไปที่เมืองเว่ย์เจ้าค่ะ” นางถานอธิบายให้เขาเข้าใจสภาพความเดือดร้อนของนางและครอบครัว หลูจิ่นฟานทำหน้าไม่เข้าใจเท่าใดนัก “เจ้าจะไปเมืองเว่ย์เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ คนรู้จักของลูกสะใภ้ข้าแนะนำมาว่า ที่นั่นค่อนข้างปลอดภัย เพราะเป็นที่อยู่ของท่านอ๋องเจ็ด การคุ้มครองหนาแน่น พวกเราเลยตั้งใจไปลี้ภัยที่นั่น” นางถานเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด รีบเอ่ยเรื่องจริงให้เขาได้รู้ ลูกสะใภ้ หลูจิ่นฟานมองเซี่ยซือซือแล้วคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น คราวก่อนเขาไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้เลย ไม่คิดว่าถานเหลียน
61 : คุณชายรองท่านฟื้นแล้ว “เจ้าเข้ามาทำไม !” หลูจิ่นฟานชักกระบี่ชี้ไปทางเซี่ยซือซือ ด้านหลังมีนางถานกับลูกชายวิ่งตามมาติด ๆ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยซือซือ ถึงกล้าบุกเข้ามาในกระโจมของโหย่วหย่งอี้ “พวกท่านชักช้าไม่ทันการณ์ ข้าจะบอกให้นะว่าห่างไปสองสามลี้ ทหารข้าศึกกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้” เซี่ยซือซือทนรอให้ท่านหมออวี่ เข้าไปหายามารักษาไม่ได้ เวลากระชั้นเกินไปที่คนนับร้อยจะหนีรอดได้ “อาซือเจ้าแน่ใจนะ” ท่านหมออวี่ถามย้ำเหมือนไม่คิดว่านี่คือเรื่องจริง “ข้าจะโกหกไปทำไม หากรออยู่ตรงนี้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น ท่านลุงหลูข้ารู้ว่าท่านมีลูกน้องทหารนับสิบคน ท่านให้พวกเขาไปบังคับทหาร เปิดประตูเมืองให้ชาวบ้านได้ผ่านทางเถอะเจ้าค่ะ” “เจ้าจะให้ข้านำคนไปฝ่าด่านเช่นนั้นรึ” หลูจิ่นฟานไม่เคยคิดทำเช่นนี้มาก่อน “ด่านอะไรกันเล่า คนในจวนนายอำเภอหนีไปจากอำเภอวั่งหมดแล้ว ทหารที่หน้าประตูไม่มีใครรู้เรื่องสักคน ได้แต่รอคำสั่งที่ไม่มีวันมาถึง” คำพูดของเซี่ยซือซือทำเอาทุกคนถึงกับตกตะลึง ไม่คิดว่านางจะคาดเดาได้น่ากลัวถึงเพียงนี้ หลูจิ
62 : อำเภอวั่งไม่ปลอดภัย นางถานกลับมาบอกคนในครอบครัว ว่าหลูจิ่นฟานเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ยอมให้พวกเขาเดินทางไปเมืองเว่ย์พร้อมกันได้ เซี่ยซือซือยังไม่เอ่ยถามถึงคนในหมู่บ้านเดียวกัน ยังไม่รู้ว่าคนอื่นอยากเดินทางไปเมืองเว่ย์ด้วยหรือไม่ ดูเหมือนหลาย ๆ คนไม่พร้อมจะเดินทางไกลด้วยซ้ำ ส่วนหลูจิ่นฟานนั้นให้เหตุผลแก่ผู้เป็นนายเรื่องถานเหลียนฮวา เคยเป็นคนใช้ในจวนท่านแม่ทัพมาก่อน เขาเห็นแก่มิตรภาพในอดีต เลยอยากรับครอบครัวของนาง ร่วมเดินทางไปเมืองเว่ย์พร้อมกัน โหย่วหย่งอี้ไม่ค่อยเข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่การรับคนเพิ่มก็ไม่ได้มีปัญหาอันใด ครอบครัวของเซี่ยซือซือยังมีเด็กเล็กอยู่ด้วย ถือว่าตอบแทนที่นางช่วยรักษาบาดแผลให้เขาก็แล้วกัน แต่พอโหย่วหย่งอี้ได้เห็นหน้าของถานจ้านเป็นครั้งแรก เขาถึงกลับตกตะลึงไปเล็กน้อย คล้ายกำลังมองตัวเองผ่านกระจกอยู่ ตอกย้ำความเหมือนอีกครั้ง เมื่อเซี่ยซือหยางเดินมาฉุดข้อมือของเขา พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “พี่เขยไปกันเถอะ” “น้องเล็กคนนั้นไม่ใช่พี่เขยของเจ้า พี่เขยเจ้าอยู่ทางนี้” เซี่ยซือซืออยากกลอกตาใส่น้องชายตัวเองนัก เหตุใดถึง
63 : พวกเจ้าทิ้งเสบียงไปบ้างเถอะ เซี่ยซือซือมองชาวบ้านแต่คนละ ต่างมีเสบียงติดไม้ติดมือมากันหมด โดยเฉพาะบ้านเศรษฐีของที่นี่ ชาวบ้านบุกตะลุยเข้าไปรื้อเอาเสบียง ที่พวกเขาขนไปไม่หมดออกมา แต่ก็นำไปได้แค่บางส่วนเท่านั้น เกวียนของเฒ่าอวี่ไห่ไม่สามารถแบกรับน้ำหนักของเสบียงได้อีก “เหตุใดไม่ให้คนลงจากเกวียนแล้วเอาเสบียงใส่ไว้ล่ะ” นางหลินเสียดายเสบียงที่ตนอุตส่าห์แบกออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถขนออกไปได้ “เกวียนของข้า ข้าให้ครอบครัวของข้านั่ง กับเด็กและคนชราที่เดินเองไม่ไหว พวกเจ้าโลภในเสบียงเหล่านั้นนักก็หารถเข็นมาเข็นเอาเองสิ” เฒ่าอวี่ไห่แย้งนางออกไป “จริงด้วยสะใภ้ใหญ่ เจ้าไปหารถเข็นบ้านไหนสักหลังมาขนเสบียงเถอะ เร็วเข้าก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง สะใภ้รองเจ้าก็ไปด้วย” แม่เฒ่าเซี่ยรีบผลักลูกสะใภ้ทั้งสองให้ออกไปหารถเข็น มองเลยไปยังลูกชายกับหลานของนาง “เจ้าใหญ่เจ้ารองพาลูก ๆ ของเจ้า ไปช่วยกันหารถเข็นเร็วเข้า” ความโลภบังตาอยากได้ของผู้อื่น ทำให้ครอบครัวสกุลเซี่ยต่างออกไปหารถเข็น มาขนเสบียงที่เหลืออยู่ พวกเขาช่างหาได้รวดเร็วนัก หามาได้ถึงสอง
64 : เจ้าอย่าได้อายไปฮุ่ยหนิง ทุกคนนั่งกินอาหารเที่ยงกันอย่างง่าย ๆ หนนี้ชาวบ้านต่างมีเสบียงกันครบทุกครอบครัว พวกเขาเลยเลือกที่จะทำอาหารกินกันเอง เซี่ยซือซือเองก็ไม่ได้เอ่ยแย้งอันใด กลุ่มของโหย่วหย่งอี้มีคนทำอาหารของเขา เช่นเดียวกับกลุ่มของผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มของท่านหมออวี่ เพราะเสบียงที่หาได้จากอำเภอวั่งย่อมไม่เหมือนกัน ทำให้ทุกบ้านอยากทำอาหารของพวกเขากันเอง “ท่านยายท่านมากินกับข้าเถอะเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือเรียกแม่เฒ่าจางมาร่วมกินข้าวด้วยกัน “ได้อย่างไรกันอาซือ ข้าไม่ได้มีเสบียงดีเหมือนพวกเจ้า” แม่เฒ่าจางนึกเกรงใจขึ้นมา “เสบียงก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ แม่เฒ่าจางท่านอย่าได้เกรงใจไปเลย ท่านตัวคนเดียวมากินกับพวกเราเถอะเจ้าค่ะ” นางถานเองก็ยอมรับในตัวของแม่เฒ่าจาง ตลอดการเดินทางนางดูแลเซี่ยซือหยางเป็นอย่างดี ไม่แปลกที่ลูกสะใภ้ของนางจะตอบแทนหญิงชราผู้นี้ “เช่นนั้นก็ต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว” เมื่อนางถานเอ่ยเช่นนี้ แม่เฒ่าจางจึงวางใจที่จะร่วมกินข้าวกับพวกเขา เซี่ยซือซือแอบหยิบเนื้อแดดเดียวออกมาจากมิติพิเศษ นางถานหุงเพียงข้าวหม้อหนึ่งไว้ตั้ง
65 : ซือซือข้ากลัว ก่อนเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง คนของโหย่วหย่งอี้ได้มารายงานเรื่องสำคัญ เส้นทางที่พวกเขาต้องเดินทางผ่านนั้น ถูกข้าศึกบุกเข้าไปยึดพื้นที่หมดเสียแล้ว “เหตุใดพวกมันถึงได้ยึดที่นั่นได้เร็วนัก” โหย่วหย่งอี้ไม่เข้าใจเรื่องนี้ “เป็นกองทหารม้า มาจากอีกฝั่งหนึ่งของเมืองขอรับ” ลูกน้องคนที่นำข่าวมาแจ้งรีบอธิบายเพิ่ม “กองทหารม้าเช่นนั้นรึ เราไปทางเดิมไม่ได้แล้ว ท่านลุงหลูท่านมีความเห็นว่าอย่างไร” “ทางราบไปไม่ได้แล้วขอรับคุณชายรองอันตรายเกินไป เราคงต้องไปเส้นทางอื่น” หลูจิ่นฟานนำแผนที่ของเขาออกมากางดู พบเส้นทางบนเทือกเขาที่พอจะผ่านไปได้ แต่ค่อนข้างอันตรายเพราะมีโจรป่าคอยดักซุ่มโจมตีอยู่ หลูจิ่นฟานนำเรื่องนี้มาบอกแก่ผู้ใหญ่บ้าน เพราะเขาเป็นหัวหน้าชาวบ้านที่เดินทางร่วมกันไป ผู้ใหญ่บ้านไม่อาจตัดสินใจเองได้ เขานำเรื่องนี้ไปหารือกับชาวบ้านทุกคน หลายคนส่งเสียงโอดโอยด้วยความผิดหวัง ไม่คิดว่าเส้นทางหลักที่ใช้เดินทาง จะถูกข้าศึกยึดไปในเวลาอันรวดเร็ว “พวกชาวบ้านที่แยกไปอีกทางล่ะขอรับ” ท่านหมออวี่นึกห่วงกลุ่มที่แยกไปก่อนหน้า
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป