บทที่ 11 ดื่มสุรา
ตำหนักมู่หลัน
“พระชายาเพคะหม่อมฉันได้ยินมาว่าอีกไม่นานจะมีเทศกาลอยู่ใกล้ ๆ แถมยังเป็นช่วงที่ฤดูหนาวจะผ่านพ้นเราพาคุณหนูและคุณชายไปเดินเล่นงานเทศกาลดีมั้ยเพคะ”
“ว่าดีก็ดีแต่ข้าก็ยังคงกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่ดี คราก่อนก็เกิดเรื่องระหว่างที่ข้าอยู่นอกจวน หากจะออกไปต้องให้เจ้าไปตามหาทหารฝีมือดีมาคอยคุ้มกันข้ากับลูกเสียก่อนถึงจะออกไปเดินเล่นอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือว่าแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ยังมีคนดูแล”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นกังวลเพคะ หม่อมฉันจะจัดหาทหารที่มีฝีมือที่สุดในจวนชินอ๋องเพื่อดูแลพระชายาเลยเพคะ ว่าแต่หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านชินอ๋องมาที่นี่ความสัมพันธ์ของท่านทั้งสองคงจะดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่เพคะ” เหมยหลงเงยหน้าขึ้นมองลอบดูดวงหน้าของพระชายาอย่างใจจดใจจ่อ
“ดีอะไรของเจ้ากันล่ะ ชินอ๋องบ้าผู้นั้นมาเตือนให้ข้าอยู่นิ่ง ๆ ห้ามทำอะไรสักอย่างต่างหาก น่าหงุดหงิดใจที่สุดทั้ง ๆ ที่ตนเองยังไม่เคยห้ามหานเฟยเยี่ยสักนิด ไม่ได้การแล้วต่อจากนี้ข้าจะไม่อยู่นิ่งให้ทั้งสองได้ใจคงเป็นเพราะวันนี้ข้าต่อว่าพระชายารองสินะเขาถึงข่มขู่ให้ข้าอยู่นิ่ง ๆ” ทันทีที่ได้ยินคำถามของสาวใช้เมิ่งซูเหยาถึงกับชักหน้าพร้อมตอบด้วยอารมณ์โมโหอย่างเห็นได้ชัด
“เช่นนั้นพระชายาจะทำเช่นไรต่อไปเพคะ”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ เจ้าไปพักเถอะข้าง่วงเสียแล้ว” เมิ่งซูเหยาปัดมือไล่เหมยหลงออกไปก่อนที่จะเอนตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม โดยมีเหมยหลงดึงผ้านวมมาห่มกายให้
“เพคะ” กล่าวเสร็จร่างบางก็ออกไปด้านนอกทันที ส่วนเมิ่งซูเหยานั้นไม่ได้นอนหลับอย่างที่บอกเพราะตอนนี้นางกำลังคิดหาหนทางให้จางอี้ซือหย่ากับตนในเร็ววัน
ยามซวี (20.00)
ตำหนักหยุนซี
หานเฟยเยี่ยแช่น้ำเกสรดอกไม้ให้ร่างกายติดกลิ่นความหอมให้ชินอ๋องตราตรึงใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำแต่งกายยั่วยวนเนื้อผ้าบางแนบเนื้อเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของชินอ๋อง วันนี้นางต้มยาที่ท่านแม่ให้มาคราที่นางกลับเรือนวันนี้นางจะต้องตั้งครรภ์บุตรของชินอ๋องให้ได้
“วันนี้ข้าจะทำให้ท่านพี่ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน เพราะวันนี้ข้าจะต้องตั้งครรภ์ให้ได้ ข้าเกลียดหน้านังเมิ่งซูเหยาอยากจะรู้นักหากข้าท้องขึ้นมาจะทำอย่างไร” ตอนแรกนางคิดจะหาทางกำจัดโดยการใส่ร้ายว่าบุตรทั้งสองไม่ใช่บุตรของจางอี้ซือแต่เมื่อเขาเอ่ยมาอย่างมั่นใจว่าช่วงนี้ร่างกายเขาไม่ค่อยแข็งแรงนางจึงยังไม่คิดที่จะทำตามแผนการณ์เดิม หากครั้งนี้นางยังไม่ตั้งครรภ์อีกนางมั่นใจแล้วว่าชินอ๋องคงไร้น้ำยาและเด็กทั้งสองคงมิใช่บุตรที่เกิดจากชินอ๋องเป็นแน่
“พระชายาเพคะท่านชินอ๋องให้บ่าวในเรือนยกสุราพร้อมอาหารกินเล่นเข้ามา หม่อมฉันขอเข้าไปนะเพคะ” เสียงไป๋ลี่ซูดังขึ้น หานเฟยเยี่ยจึงตอบออกไปทันที
“นำเข้ามา ไม่คิดเลยว่าวันนี้ท่านพี่อยากดื่มดีเหมือนกันยิ่งดื่มสุรายิ่งทำให้เพลิดเพลินเมื่อเจ้านำสุรามาวางไว้ในห้องของข้าเสร็จแล้วหลังจากท่านพี่มาที่นี่เจ้าจงกลับไปพักผ่อนไม่ต้องคอยปรนนิบัติเพราะค่ำคืนนี้ข้าจะใช้เวลาร่วมกับท่านพี่ทั้งคืน” นางเอ่ยไปพลางยิ้มระรื่นคิดเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นและเหมือนว่าไป๋ลี่ซูจะรู้ความคิดของนายหญิงนางยิ้มกริ่มออกมาทันที
“เพคะหม่อมฉันจะรีบไปพักทันทีขอให้ครั้งนี้พระชายาสมหวังนะเพคะ” เพียงไม่นานเสียงของบ่าวหน้าเรือนได้กังขึ้นเพื่อแจ้งว่ามีผู้มาเยือน
“ท่านชินอ๋องเสด็จพะย่ะค่ะ” หานเฟยเยี่ยฉีกยิ้มเต็มดวงหน้ารีบไล่ไป๋ลี่ซูออกไปจากห้องนอนของนาง
“หมดเวลาเจ้าแล้วออกไปอย่าลืมปิดประตูให้มิดชิด”
“เพคะพระชายา” ไป๋ลี่ซูเดินออกไปสวนกับจางอี้ซือนางก้มโค้งลงคารวะผู้เป็นนายก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ
“พระชายาวันนี้ห้องของเจ้าช่างมีกลิ่นชวนให้ข้าสบายใจยิ่งนักมันคือกลิ่นอะไรหรือ?”เมื่อสองเท้าของจางอี้ซือเดินเข้ามาตำหนักหยุนซีกลิ่นหอมคละคลุ้งในอากาศจนเขาอดที่จะเอ่ยถามมิได้
“เป็นกลิ่นเกสรดอกไม้เพคะ หายากนักในช่วงนี้แต่หม่อมฉันให้สาวใช้เก็บเอาไว้ยามไม่ถึงฤดูเหมันต์ว่าแต่วันนี้ท่านพี่ดูแปลกไปจากเดิมนะเพคะ”
“ข้าเป็นอย่างไรอย่างนั้นหรือ?”
“เพราะท่านพี่ของหม่อมฉันดูสง่างามมากกว่าทุกคืนวัน วันนี้หม่อมฉันขอไม่ดับเทียนนะเพคะ หม่อมฉันอยากเห็นใบหน้าของท่านพี่ยามที่มีความสุข” นางเดินเข้ามาใกล้แตะมือเรียวลงที่หน้าอกแกร่งของเขาเลื่อนต่ำลงมาอย่างช้า ๆ จนทำให้เขาขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัวก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเขาจับมือของนางเอาไว้ก่อนและดึงให้นางมานั่งที่เตียงด้วยกัน
“เจ้าช่างร้อนแรงเสียจริง วันนี้ก่อนที่เราจะเล่นสนุกกันเหมือนเคยข้าอยากดื่มและพูดคุยกับเจ้าเสียก่อน”
“ได้สิเพคะ หม่อมฉันจะรินให้นะเพคะ” นางไม่ได้เอะใจคิดว่าจางอี้ซือต้องการจะดื่มจริง ๆ ลุกขึ้นรินสุราให้แก่เขา
“ข้าดื่มผู้เดียวจะอร่อยได้อย่างไร เจ้าเองก็ดื่มด้วยกันสิสตรียิ่งดื่มสุรามีใบหน้าแดงระเรื่อยิ่งน่ามองยามร่วมรัก ข้ายังไม่เคยเห็นใบหน้าของเจ้ายามมีความสุขเช่นนั้นวันนี้ข้าจะตามใจเจ้าจะไม่ดับเทียนเพื่อได้จ้องมองไปหน้ายามที่เจ้าโยกตัวบนกายของข้าว่าจะเร้าร้อนชวนมองเพียงใด” หานเฟยเยี่ยเชื่อคำพูดของจางอี้ซือไม่เคลือบแคลงใจนางยกจอกดสุรายื่นมอบให้แก่จางอี้ซือก่อนจะรินสุราให้ตนเองอีกหนึ่งจอก
“เช่นนั้นสุราจอกนี้หม่อมฉันดื่มให้ท่านพี่นะเจ้าคะ” นางยกสุราดื่มจนหมดจอกเขาเห็นอย่างนั้นจึงยกจอกสุราของตนดื่มจนหมดเหมือนนาง
อึก อึก
“อื้ม..สุราช่างหอมหวานนิ่งนักหม่อมฉันไม่เลยดื่มสุราเลิศรสถึงเพียงนี้เลยเพคะ”
“มิใช่แต่สุราเลิศรสหรอกแต่ทว่าเจ้าดื่มกับข้าต่างหาก ค่ำคืนนี้อากาศยังคงเย็นมากนักเจ้าสวมใส่เสือบางเช่นนี้ไม่หนาวหรืออย่างไรกันมาใกล้ ๆ ข้าสิข้าจะโอบกอดเจ้าไว้ในอ้อมอกของข้า”
“เพคะ” จางอี้ซือดึงกายนางเข้ามากอดแน่นเพียงไม่นานใบหน้าของนางแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศอย่างเห็นได้ชัดดวงตาเริ่มสะลึมสะลือทำให้รู้ว่านางนั้นคออ่อนเพียงใด
“พระชายารองของข้าอยากตั้งครรภ์บุตรของข้ามากสินะ เช่นนั้นวันนี้เรามาดื่มกันแป็นครั้งสุดท้ายหากเจ้าต้องการตั้งครรภ์จริง ๆ มิอาจจะดื่มสุราได้ เรามาฉลองความสุขก่อนที่เจ้าจะต้องอุ้มท้องถึงเก้าเดือนกันเถิดคืนนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าได้นอนเลย”
“นั่นสิเพคะหม่อมฉันลืมเสียสนิทอย่างนั้นหม่อมฉันคงจะดื่มได้แค่วันนี้ต่อจากนี้คงต้องดูแลตัวเองให้ดี ” จางอี้ซือเอี้ยวตัวไปจับไหสุราพร้อมจอกของหานเฟยเยี่ยรินก่อนจะมอบให้กับนาง
“รับไปสิ จอกนี้ข้าขอรินให้เจ้าที่เจ้าจะเสียสละเวลาต่อจากนี้เพื่อลูกของข้า” นางรับจอกสุราพร้อมดื่มจนหมดจอกส่วนด้านจางอี้ซือเขาคอแข็งสมควรจึงดื่มอีกจอกและกอดหานเฟยเยี่ยแนบแน่นชิดอก พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาทำให้ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดรู้สึกได้
“ท่านพี่มีเรื่องอันใดทุกข์ใจหรือเพคะ”
“ข้าคิดไม่ตกนะสิ ยามที่ข้าเข้าวังหลวงยามใดพวกใต้เท้าชั้นต่ำมักจะมองข้าอย่างกับข้ามิใช่ราชวงศ์ ดูหมิ่นตำแหน่งข้าเหลือเกิน ข้าอยากมีอำนาจในมือเหลือเกิน แม้จะเป็นชินอ๋องใช่ว่าจะมีอำนาจมากพอ”
“เรื่องนี้หรือเพคะที่ทำให้ท่านพี่ทุกข์ใจ ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพคะยามนี้ท่านพ่อของข้ากำลังทำทุกอย่างอีกไม่นานอำนาจจะอยู่ในกำมือของเราอีกไม่นานผู้คนในใต้หล้าต้องก้มหัวให้เราเพคะ” เสียงตอบกลับมาอย่างเอื้อนเนิบช้า คล้ายว่ายามนี้นางถูกฤทธิ์สุราครอบงำถึงกล้าเอ่ยเรื่องนี้ออกมา จางอี้ซือก้มหน้ามองใบหน้าของนางเพื่อความั่นใจอีกครายามใบหน้าของนางแดงมากกว่าเดิม ตาของนางเคลิ้มไปหมดทั้งดวงตามือไม้เริ่มอ่อนระทวยเขาจึงเอ่ยแสร้งถามออกไปในแผนการของใต้เท้าหาน
“ทำไมพระชายาของข้าถึงได้มั่นใจว่าอำนาจจะอยู่ในมือของเรา หรือว่าใต้เท้าหานหาหนทางเพื่อยึดอำนาจทั้งหมดมาเป็นของตนเช่นนั้นไม่ต่างจากกบฏเลยนะ”
“มิใช่เพคะ เรื่องนั้นท่านพ่อมิได้บอกกับหม่อมฉันแต่ว่าท่านพ่อเพียงแต่บอกว่าอีกไม่นานบัลลังก์จะเป็นขององค์ชายสามหรือพี่เขยของหม่อมฉันและเมื่อนั้นหลานชายของหม่อมฉันจะได้เป็นองค์รัชทายาท ตอนนั้นอำนาจทั้งหมดจะตกอยู่ในมือของตระกูลหานอย่างไรเพคะ เมื่อนั้นหม่อมฉันจะให้ท่านพ่อช่วยเหลือท่านพี่ไม่ว่าใต้เท้าชั้นต่ำผู้ใดที่เคยกล่าวหาท่านพี่นำไปตัดลิ้นโบยจนตายเจ็ดชั่วโคตรเลยเพคะ ท่านพี่อารมณ์ดีแล้วมาต่อเรื่องของเราดีกว่าเพคะ”
บทที่ 12 อย่าทำอะไรเสี่ยง ๆหานเฟยเยี่ยยิ้มตาเยิ้มใช้มือแตะที่อกของจางอี้ซือเงยหน้าขึ้นหวังจะจูบที่ริมฝีปากหนาครานั้นเองนางได้สลบพรึบบนอกของเขา“เฮ้อ ...!! ข้าคิดว่าวันนี้จะเสร็จนางเสียแล้วโชคดีที่นางคออ่อน ” จางอี้ซือจับกายของนางนอนลงบนเตียงพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ก็คิดไม่ตกเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่“ใต้เท้าหานตั้งใจจะก่อกบฏและตั้งใจวางแผนกำจัดฮ่องเต้เพื่อให้องค์ชายสามขึ้นครองตำแหน่งและคอยชักใยอยู่ด้านหลังสินะ ข้าตั้งใจอยากล้วงความลับเรื่องรายชื่อแต่หานเฟยเยี่ยคงไม่มีทางรู้เป็นแน่ เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะไปเยือนที่เรือนตระกูลหานเสียหน่อยแล้ว” จางอี้ซือจัดแจงถอดเสื้ออาภรณ์ของหานเฟยเยียให้ไม่อยู่ในสภาพเดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง โชคดีที่ยามนี้ไป๋ลี่ซูไม่ได้อยู่หน้าประตูจึงไม่ถูกสงสัย เขาเดินกลับตำหนักของตนยามนั้นเองเขาเห็นสตรีที่คุ้นเคยกำลังเดินไปที่ใดอย่างหน้าสงสัย ปกติหากเป็นเวลานี้นางควรจะนอนไปแล้วสิ นางทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หลบบ่าวรับใช้ทำไมกัน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยเดินตามนางไปทันทีฝั่งด้านเมิ่งซูเหยานางนอนไม่หลับจึงเดินออกมารับลมด้านนอก แต่ทว่าสายตากลับมองไปเห็นชายฉกรรจ
บทที่ 13 แผนผังจางอี้ซือกลับมายังตำหนักของตนเองถอดเสื้อผ้าอาภรณ์เพื่อเตรียมจะนอนเสียงหน้าต่างดังขึ้นหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณระหว่างเขากับถังอู่ฟง เพียงไม่นานหน้าต่างถูกเปิดเข้ามาเขาสวมชุดสีดำพร้อมปิดบังใบหน้า“ช่วงนี้เจ้าทำงานบกพร่องจนแสดงตัวให้พระชายาเอกได้เห็น ต่อจากนี้จะทำอันใดจงระวังตัวเอาไว้ให้ดีโชคดีที่วันนี้ข้าเห็นนางเข้าก่อน”“เป็นความผิดของกระหม่อมเองพะย่ะค่ะ เพราะวันนี้กระหม่อมบาดเจ็บทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิม” ถังอู่ฟงเอ่ยเสียงสั่นทำให้จางอี้ซือรีบหันกลับไปมองทันที“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าคนอย่างเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร”“กระหม่อมทำตามคำสั่งของท่านชินอ๋องและตอนนี้ได้หลักฐานมาชิ้นหนึ่งแล้วพะย่ะค่ะแต่โชคร้ายที่ถูกคนของฝั่งนั้นจับได้จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น โชคดีที่ข้าจัดการสิ้นซากไม่เหลือให้ได้ตามตัวข้าเจอ นี่คือที่ตำแหน่งของพวกมันพะย่ะค่ะ” ถังอู่ฟงเอ่ยพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่จางอี้ซือ เขารับมันเอาไว้พร้อมถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบกลัวว่าจะถูกฝั่งนั้นจับได้และขนของพวกนี้ไปซุกซ่อนเอาไว้ที่อื่นหากเป็นเช่นนั้นการเจ็บตัวของถังอู่ฟงก็ไร้ค่า“เจ้ามั่นใจหรือว่าไม่มีใครจับเจ้าได้”“พะ
บทที่ 14 น่าแปลกใจเมิ่งซูเหยามองเด็กชายตัวน้อยเดินจากไปก่อนจะหันไปพูดกับเหมยหลง“เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปจัดการเป็นเช่นไรบ้าง”“ตอนนี้หม่อมฉันหาทหารได้แล้วเพคะ ผู้ที่มีฝีมือสามารถดูแลความปลอดภัยพระชายากับคุณหนูคุณชายได้อย่างไร้ความกังวล”“ดีเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวงานเทศกาล”“เพคะ”‘ช่างน่าแปลกเรื่องที่สาวใช้มาแจ้งเมื่อครู่ และเรื่องที่ข้าเจอชินอ๋องเมื่อคืนนี้ ปกติเขาจะอยู่กับหานเฟยเยี่ยทุกคืนมิใช่หรือ? เหตุใดถึงออกมาด้านนอกในยามวิกาลมิใช่ว่ากลัวข้าจะเห็นหรือรู้อะไรเข้าหรอกหรือ? เอ๊ะ! หรือชายฉกรรจ์เมื่อคืนที่ข้าเห็นเป็นคนของหานเฟยเยี่ยให้มาจัดการข้า แต่คงมิใช่หรอกหากลงมือทำที่จวนนี้อุกอาจเกินไป ไม่รู้ล่ะยามนี้เชื่อใจใครไม่ได้ระวังตัวเอาไว้จะดีที่สุด’เมิ่งซูเหยาเดินไปที่หน้าต่างครุ่นคิดคำพูดของสาวใช้ที่มาแจ้งนางเมื่อครู่ยิ่งคิดยิ่งน่าแปลกใจ ก่อนที่จะหยุดคิดทุกอย่างและไปทำหน้าที่ของตนเองคือการดูแลหลังจวนไม่ว่าจะอาหารหรือแม้แต่ของใช้ในเรือนนางต้องเป็นผู้จัดการทุกอย่างตำหนักหยุนซีช่วงบายของวันยามนี้หานเฟยเยี่ยตื่นขึ้นมาหลังจากที่ดื่มน้ำแกงสร่างเมาและหลับต่อไปอีกครู่ นางใ
บทที่ 15 สลับตัวตำหนักหยุนซีหานเฟยเยี่ยจัดแจงแช่น้ำเกสรดอกไม้ให้สาวใช้จุดเทียนหอมส่งกลิ่นคละคลุ้งเต็มอากาศจะได้รู้สึกผ่อนคลาย ใบหน้าของนางมีแต่รอยยิ้มคลี่เต็มดวงหน้านั่งจิบยาต้มที่ท่านแม่ให้มาอย่างมีความสุขครั้นนั้นเสียงประตูของนางได้เปิดเข้ามานางจ้องมองเห็นเป็นไป๋ลี่ซูหัวใจของนางเต้นแรงระรัว“ท่านพี่มาแล้วหรือ?”“เพคะ ท่านชินอ๋องขอเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่แล้วจะรีบตามมาเพคะ”“ดีเช่นนั้นเจ้าไปพักผ่อนเถิด”“เพคะ”เพียงไม่นานที่ไป๋ลี่ซูเดินออกไป จางอี้ซือก็มาถึงตำหนักหยุนซี“พระชายาข้าได้ยินมาว่าเจ้ามึนเมาฤทธิ์สุราเมื่อคืนนี้ยังไม่หายอีกหรือ เป็นเช่นไรบ้างต้องให้ข้าเรียกหมอหลวงมาตรวจร่างกายหรือไม่”“ท่านพี่หม่อมฉันเริ่มดีขึ้นแล้วเพคะ เมื่อคืนนี้หม่อมฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง น่าน้อยใจนักหากมีแต่ท่านพี่ที่รู้สึกเพียงผู้เดียว” เมื่อจางอี้ซือเดินเข้ามาหานเฟยเยี่ยไม่รอช้าเดินเข้าไปกอดคอของเขาแน่น“น่าน้อยใจอันใดกันเล่าในเมื่อเราจะมีความสุขกันยามใดก็ได้เสมอ แต่เมื่อคืนนี้เจ้าช่างงดงามใบหน้าแดงระเรื่อเร้าร้อนอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ” จางอี้ซือสวมกอดนางกลับ“นั่นสิเพคะหม่อมฉันจะน้อยใจไปทำ
บทที่16 ปลดปล่อย"นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ปล่อยนะเพคะ" เมิ่งซูเหยากล่าวพลางใช้มือดันอกของเขาให้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนครั้นนั้นนางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกทั้งลมหายใจของเขาที่เริ่มเต้นถี่ระรัวและติดขัด"เกิดอะไรขึ้นทำไมสีหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้""ทำไมจู่ ๆ เกิดเป็นห่วงข้าขึ้นมาหรือไง " เขาเอ่ยพลางเดินย่างเท้าไปที่ห้องบรรทมของเมิ่งซูเหยา"ที่หม่อมฉันเอ่ยถามเพราะสงสัยหรือว่าท่านไม่สบายทำอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนี้อีกด้วย เมื่อไหร่จะปล่อยหม่อมฉันเพคะ ""เมื่อถึงเตียงนอน" เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแต่ทว่าใจของเมิ่งซูเหยากลับกลายเป็นฝ่ายที่เต้นแรงระรัว นางไม่รู้และคาดเดาไม่ได้เลยว่าชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่"ท่านมีแผนอันใดมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ใจสั่นหรือรู้สึกดีกับท่านหรอกนะ""อย่างนั้นต้องลองดู " เอ่ยจบเขาวางกายของนางลงเตียงหนานุ่มจับปลายคงมนของนางให้เชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล เมิ่งซูเหยาเบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ นางรีบใช้มือดันอกของเขาให้ออกจากตนเองทันที"นี่ท่านมันเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ มาทำสิ่งสกปรกกับข้าเช่นนี้ได้ยังไ
บทที่ 17 เยือนเรือนใต้เท้าหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางตื่นขึ้นมามองหาจางอี้ซือมีเพียงความว่างเปล่ากับคราบน้ำกามที่นางร่วมรักกันเมื่อคืนอย่างสุขสม"ท่านพี่ออกไปที่ใดแต่เช้าทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเล่นสนุกกับข้าทั้งคืน ดูสิคราบน้ำรักของท่านพี่เต็มที่นอนไปหมด ครั้งนี้ข้าต้องตั้งครรภ์แน่ ๆ " นางยิ้มอย่างเบิกบานไม่นานเสียงสาวใช้ได้เข้ามาด้านใน"พระชายาเพคะท่านชินอ๋องฝากบอกพระชายาว่าวันนี้จะพาพระชายาไปเยี่ยมท่านใต้เท้าหานฉิงถิงที่เรือนให้พระชายาเตรียมตัวรอเพคะ" ไป๋ลี่ซูเดินเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นว่านายหญิงของตนตื่น"ท่านพี่เอ่ยเช่นนั้นหรือ ? ดีเช่นกันนานแล้วที่ข้าไม่ได้กลับเรือนพร้อมท่านพี่ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าทีข้าจะล้างตัวเสียหน่อย""เพคะ"จางอี้ซือตื่นแต่เช้าแม้ว่าเมื่อคืนนี้เขายังอยากนอนกอดร่างบางของเมิ่งซูเหยาทั้งคืนแต่มิอาจทำเช่นนั้นได้จึงลุกขึ้นมาใกล้สว่าง เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปจัดการ หากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเขาจะนอนกอดนางเท่าไหร่ย่อมได้“ถังอู่ฟงวันนี้เจ้าเดินทางไปที่เรือนใต้เท้าหานด้วยกัน ระหว่างที่ข้าเข้าไปด้านในเจ้าจงตามหาให้ได้ว่าหนังสือลงนามของใต้เท้าอยู่ที่ใด เมื่อคร
บทที่ 18 เจอหลักฐานชิ้นสำคัญฝั่งด้านถังอู่ฟงเขาลอบเข้ามาด้านหลังเรือนรีบเดินไปที่ห้องทำงานของใต้เท้าโชคดีที่เขาเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้งทำให้รู้หนทางว่าไปทางใด“ใต้เท้ากำชับพวกเจ้าให้ตรวจตราให้ดี แต่วันนี้มีองค์ชายสามกับท่านชินอ๋องมาคงไม่มีผู้ใดอุกอาจเข้ามาหรอกน่า เจ้าเองก็เหนื่อยมากเช่นกันมิใช่หรือ? ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“นั่นสิ ไปเพียงชั่วครู่คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมั่ง” บ่าวรับใช้ที่เดินตรวจตราอยู่พูดคุยกันเสียงดังพร้อมชักชวนกันไปหาอะไรกิน ทำให้ถังอู่ฟงโล่งใจเพราะความปลอดภัยละหลวมทำให้เขาทำการได้ง่ายเมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีผู้ใดเขารีบย่องเข้าไปที่ห้องของท่านใต้เท้าซอกหาหนังสือลงนามและจัดวางของทุกอย่างให้เป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีผู้ใดเข้ามาด้านใน ไม่ว่าจะหาตรงไหนก็ไม่พบเจอเหลือเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ได้หาคือห้องเคารพบรรพบุรุษ เมื่อหาที่นี่ไม่พบถังอู่ฟงเปลี่ยนเป้าหมายรีบจ้องมองด้านนอกไม่เห็นบ่าวในเรือนรีบปลีกตัวออกมาและลัดเลาะไปที่ห้องเคารพบรรพบุรุษของตระกูลหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางเดินออกมารับลมด้านนอกจ้องมองหน้าท้องของพี่สาวที่กำลังใหญ่อย่างอิจฉานางพึ่งคลอดบุตรคนแรกไปไม่นานก็ตั้งครรภ์อี
บทที่ 19 เดินเที่ยวงานอีกฝั่งของเรือนตอนนี้ตะวันคล้อยต่ำลงทุกคนต่างพากันกินอาหารกลางวันด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาจางอี้ซือจึงขอตัวกลับจวน“วันนี้ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าหานที่ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ข้ามารบกวนเวลาของท่านมากแล้วขอตัวกลับจวนก่อนแล้วกัน องค์ชายสามข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยขอให้พระชายาทรงสุขภาพแข็งแรงพะย่ะค่ะ”“นั่นสิมิใช่แค่ท่านชินอ๋องที่มารบกวนเวลาท่านพ่อตา ข้าเองก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าเองก็เดินทางปลอดภัยเช่นเดียวกัน” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นมา“กระหม่อมผู้เป็นบิดาไม่เคยคิดว่าการที่ราชบุตรเขยทั้งสองมาเยือนที่เรือนเป็นการรบกวนเวลา จะมาเยือนที่เรือนตระกูลหานเมื่อไหร่นับเป็นวาสนาของตระกูลพะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นข้าเองก็ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง ข้าต้องขอพาพระชายากลับวังหลวงเสียก่อนป่านนี้องค์ชายตัวน้อยคงโยเยหามารดา ” องค์ชายสามเอ่ยพลางโอบบ่าของพระชายาตนเองเดินไปที่เกี้ยวเพื่อเดินทางกลับวังหลวง ชินอ๋องกับใต้เท้าหานก้มโค้งลงเพื่ออำลา ก่อนที่จางอี้ซือจะเดินทางกลับจวนเช่นเดียวกันระหว่างทางกลับจวนใบหน้าของหานเฟยเยี่ยดูมีความสุขมากกว่าตอนที่เดินทางมาทำให้จางอี้ซือสังเกตได้อย่างง่ายดาย“พระชายา
บทที่ 21 คลี่คลายตำหนักมู่หลันเมิ่งซูเหยาเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดถึงกับตกใจไม่น้อย เสียงซุบซิบนินทาของสาวใช้ในจวนที่พูดถึงเรื่องหานเฟยเยี่ย ไม่เว้นแม้แต่เหมยหลง“หม่อมฉันละสะใจจริง ๆ เพคะที่ตระกูลหานถูกลงโทษอย่างสาสมต่อจากนี้พระชายาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว ไม่มีผู้ใดมาปองร้ายท่านอีกต่อไป”“นั่นสิ แม้จะรู้สึกสะใจแต่ก็ใจหายไม่น้อยเลยล่ะ ”“ท่านชินอ๋องปราดเปรียวเก่งกาจจริง ๆ เพคะที่ยอมใจแข็งกัดฟันยอมใต้เท้าหานเพื่อปกป้องพระชายา ท่านคงรักพระชายามากไม่เช่นนั้นคงไม่อดทนเย็นชาต่อพระชายาเช่นนี้ รักแท้เป็นอย่างนี้สินะหวังว่าวันหนึ่งหม่อมฉันจะได้พบเจอความรักดี ๆ เช่นนี้บ้าง”เมิ่งซูเหยาได้ยินคำพูดของเหมยหลงพลางครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของเขาที่เคยบอกนางเอาไว้ สายตาที่นางเห็นคราวนั้นคงเป็นเรื่องจริงมิใช่นางตาฝาดไป‘เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาปกป้องข้ากับลูกทั้งสองคน เขาคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเมิ่งซูเหยาตัวจริงหากยังอยู่คงจะดีท่านจะได้รู้ว่าชินอ๋องสามีของท่านรักท่านเพียงใด แต่ทำไมเพียงแค่นึกถึงจิตใจของข้าถึงได้สั่นไหวเช่นนี้ ’ เมิ่งซูเหยาคิดในใจเดินไปที่หน้าต่างจ้
บทที่ 20 จับกบฏหลังจากนั้นเมิ่งซูเหยาพาร่างกายที่สั่นเทากลับเข้างานเทศกาลไปหาบุตรทั้งสองและชักชวนกันกลับจวนอ้างว่าตนเองรู้สึกไม่ค่อยสบาย และไม่มีผู้ใดที่ขัดคำสั่งเพราะยามนี้เด็ก ๆ ก็เหน็ดเหนื่อยอยากจะเข้าบรรทมแล้วเมื่อมาถึงตำหนักเมิ่งซูเหยาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรงเมื่อครู่นี้นางแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าทุกคนไม่แสดงว่านางเองก็หวาดกลัวไม่น้อยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งเมื่อครู่ยังติดจมูกนางกลับมาที่จวน จนเหมยหลงผิดสังเกตและสงสัยว่าเมื่อครู่พระชายาหายตัวไปที่ใดมา แถมยังกลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียว“พระชายาไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ ใบหน้าของพระชายาซีดเซียว แล้วเมื่อครู่ท่านออกไปที่ใดมา”“เหมยหลงข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปถูกหรือผิด ข้าสั่งให้ทหารลงมือฆ่าคน หากมีคนตามเจอข้าจะถูกลงโทษหรือไม่”“พระชายาสั่งให้ทหารลงดาบฆ่าคนหรือเพคะ แล้วคนผู้นั้นเป็นผู้ใดกันเพคะ”“ก็สารถีที่พาข้าไปเรือนตระกูลเมิ่ง วันนี้ข้าเห็นเขาที่งานเทศกาลจึงตามไปเพื่อสอบถามความจริง ตอนนั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันทำไมถึงได้โมโหจนสั่งทหารไปเช่นนั้น ตอนนี้ข้ากลัวกลัวเหลือเกิน” ร่างบางเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเ
บทที่ 19 เดินเที่ยวงานอีกฝั่งของเรือนตอนนี้ตะวันคล้อยต่ำลงทุกคนต่างพากันกินอาหารกลางวันด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาจางอี้ซือจึงขอตัวกลับจวน“วันนี้ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าหานที่ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ข้ามารบกวนเวลาของท่านมากแล้วขอตัวกลับจวนก่อนแล้วกัน องค์ชายสามข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยขอให้พระชายาทรงสุขภาพแข็งแรงพะย่ะค่ะ”“นั่นสิมิใช่แค่ท่านชินอ๋องที่มารบกวนเวลาท่านพ่อตา ข้าเองก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าเองก็เดินทางปลอดภัยเช่นเดียวกัน” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นมา“กระหม่อมผู้เป็นบิดาไม่เคยคิดว่าการที่ราชบุตรเขยทั้งสองมาเยือนที่เรือนเป็นการรบกวนเวลา จะมาเยือนที่เรือนตระกูลหานเมื่อไหร่นับเป็นวาสนาของตระกูลพะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นข้าเองก็ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง ข้าต้องขอพาพระชายากลับวังหลวงเสียก่อนป่านนี้องค์ชายตัวน้อยคงโยเยหามารดา ” องค์ชายสามเอ่ยพลางโอบบ่าของพระชายาตนเองเดินไปที่เกี้ยวเพื่อเดินทางกลับวังหลวง ชินอ๋องกับใต้เท้าหานก้มโค้งลงเพื่ออำลา ก่อนที่จางอี้ซือจะเดินทางกลับจวนเช่นเดียวกันระหว่างทางกลับจวนใบหน้าของหานเฟยเยี่ยดูมีความสุขมากกว่าตอนที่เดินทางมาทำให้จางอี้ซือสังเกตได้อย่างง่ายดาย“พระชายา
บทที่ 18 เจอหลักฐานชิ้นสำคัญฝั่งด้านถังอู่ฟงเขาลอบเข้ามาด้านหลังเรือนรีบเดินไปที่ห้องทำงานของใต้เท้าโชคดีที่เขาเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้งทำให้รู้หนทางว่าไปทางใด“ใต้เท้ากำชับพวกเจ้าให้ตรวจตราให้ดี แต่วันนี้มีองค์ชายสามกับท่านชินอ๋องมาคงไม่มีผู้ใดอุกอาจเข้ามาหรอกน่า เจ้าเองก็เหนื่อยมากเช่นกันมิใช่หรือ? ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“นั่นสิ ไปเพียงชั่วครู่คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมั่ง” บ่าวรับใช้ที่เดินตรวจตราอยู่พูดคุยกันเสียงดังพร้อมชักชวนกันไปหาอะไรกิน ทำให้ถังอู่ฟงโล่งใจเพราะความปลอดภัยละหลวมทำให้เขาทำการได้ง่ายเมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีผู้ใดเขารีบย่องเข้าไปที่ห้องของท่านใต้เท้าซอกหาหนังสือลงนามและจัดวางของทุกอย่างให้เป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีผู้ใดเข้ามาด้านใน ไม่ว่าจะหาตรงไหนก็ไม่พบเจอเหลือเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ได้หาคือห้องเคารพบรรพบุรุษ เมื่อหาที่นี่ไม่พบถังอู่ฟงเปลี่ยนเป้าหมายรีบจ้องมองด้านนอกไม่เห็นบ่าวในเรือนรีบปลีกตัวออกมาและลัดเลาะไปที่ห้องเคารพบรรพบุรุษของตระกูลหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางเดินออกมารับลมด้านนอกจ้องมองหน้าท้องของพี่สาวที่กำลังใหญ่อย่างอิจฉานางพึ่งคลอดบุตรคนแรกไปไม่นานก็ตั้งครรภ์อี
บทที่ 17 เยือนเรือนใต้เท้าหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางตื่นขึ้นมามองหาจางอี้ซือมีเพียงความว่างเปล่ากับคราบน้ำกามที่นางร่วมรักกันเมื่อคืนอย่างสุขสม"ท่านพี่ออกไปที่ใดแต่เช้าทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเล่นสนุกกับข้าทั้งคืน ดูสิคราบน้ำรักของท่านพี่เต็มที่นอนไปหมด ครั้งนี้ข้าต้องตั้งครรภ์แน่ ๆ " นางยิ้มอย่างเบิกบานไม่นานเสียงสาวใช้ได้เข้ามาด้านใน"พระชายาเพคะท่านชินอ๋องฝากบอกพระชายาว่าวันนี้จะพาพระชายาไปเยี่ยมท่านใต้เท้าหานฉิงถิงที่เรือนให้พระชายาเตรียมตัวรอเพคะ" ไป๋ลี่ซูเดินเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นว่านายหญิงของตนตื่น"ท่านพี่เอ่ยเช่นนั้นหรือ ? ดีเช่นกันนานแล้วที่ข้าไม่ได้กลับเรือนพร้อมท่านพี่ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าทีข้าจะล้างตัวเสียหน่อย""เพคะ"จางอี้ซือตื่นแต่เช้าแม้ว่าเมื่อคืนนี้เขายังอยากนอนกอดร่างบางของเมิ่งซูเหยาทั้งคืนแต่มิอาจทำเช่นนั้นได้จึงลุกขึ้นมาใกล้สว่าง เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปจัดการ หากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเขาจะนอนกอดนางเท่าไหร่ย่อมได้“ถังอู่ฟงวันนี้เจ้าเดินทางไปที่เรือนใต้เท้าหานด้วยกัน ระหว่างที่ข้าเข้าไปด้านในเจ้าจงตามหาให้ได้ว่าหนังสือลงนามของใต้เท้าอยู่ที่ใด เมื่อคร
บทที่16 ปลดปล่อย"นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ปล่อยนะเพคะ" เมิ่งซูเหยากล่าวพลางใช้มือดันอกของเขาให้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนครั้นนั้นนางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกทั้งลมหายใจของเขาที่เริ่มเต้นถี่ระรัวและติดขัด"เกิดอะไรขึ้นทำไมสีหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้""ทำไมจู่ ๆ เกิดเป็นห่วงข้าขึ้นมาหรือไง " เขาเอ่ยพลางเดินย่างเท้าไปที่ห้องบรรทมของเมิ่งซูเหยา"ที่หม่อมฉันเอ่ยถามเพราะสงสัยหรือว่าท่านไม่สบายทำอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนี้อีกด้วย เมื่อไหร่จะปล่อยหม่อมฉันเพคะ ""เมื่อถึงเตียงนอน" เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแต่ทว่าใจของเมิ่งซูเหยากลับกลายเป็นฝ่ายที่เต้นแรงระรัว นางไม่รู้และคาดเดาไม่ได้เลยว่าชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่"ท่านมีแผนอันใดมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ใจสั่นหรือรู้สึกดีกับท่านหรอกนะ""อย่างนั้นต้องลองดู " เอ่ยจบเขาวางกายของนางลงเตียงหนานุ่มจับปลายคงมนของนางให้เชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล เมิ่งซูเหยาเบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ นางรีบใช้มือดันอกของเขาให้ออกจากตนเองทันที"นี่ท่านมันเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ มาทำสิ่งสกปรกกับข้าเช่นนี้ได้ยังไ
บทที่ 15 สลับตัวตำหนักหยุนซีหานเฟยเยี่ยจัดแจงแช่น้ำเกสรดอกไม้ให้สาวใช้จุดเทียนหอมส่งกลิ่นคละคลุ้งเต็มอากาศจะได้รู้สึกผ่อนคลาย ใบหน้าของนางมีแต่รอยยิ้มคลี่เต็มดวงหน้านั่งจิบยาต้มที่ท่านแม่ให้มาอย่างมีความสุขครั้นนั้นเสียงประตูของนางได้เปิดเข้ามานางจ้องมองเห็นเป็นไป๋ลี่ซูหัวใจของนางเต้นแรงระรัว“ท่านพี่มาแล้วหรือ?”“เพคะ ท่านชินอ๋องขอเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่แล้วจะรีบตามมาเพคะ”“ดีเช่นนั้นเจ้าไปพักผ่อนเถิด”“เพคะ”เพียงไม่นานที่ไป๋ลี่ซูเดินออกไป จางอี้ซือก็มาถึงตำหนักหยุนซี“พระชายาข้าได้ยินมาว่าเจ้ามึนเมาฤทธิ์สุราเมื่อคืนนี้ยังไม่หายอีกหรือ เป็นเช่นไรบ้างต้องให้ข้าเรียกหมอหลวงมาตรวจร่างกายหรือไม่”“ท่านพี่หม่อมฉันเริ่มดีขึ้นแล้วเพคะ เมื่อคืนนี้หม่อมฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง น่าน้อยใจนักหากมีแต่ท่านพี่ที่รู้สึกเพียงผู้เดียว” เมื่อจางอี้ซือเดินเข้ามาหานเฟยเยี่ยไม่รอช้าเดินเข้าไปกอดคอของเขาแน่น“น่าน้อยใจอันใดกันเล่าในเมื่อเราจะมีความสุขกันยามใดก็ได้เสมอ แต่เมื่อคืนนี้เจ้าช่างงดงามใบหน้าแดงระเรื่อเร้าร้อนอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ” จางอี้ซือสวมกอดนางกลับ“นั่นสิเพคะหม่อมฉันจะน้อยใจไปทำ
บทที่ 14 น่าแปลกใจเมิ่งซูเหยามองเด็กชายตัวน้อยเดินจากไปก่อนจะหันไปพูดกับเหมยหลง“เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปจัดการเป็นเช่นไรบ้าง”“ตอนนี้หม่อมฉันหาทหารได้แล้วเพคะ ผู้ที่มีฝีมือสามารถดูแลความปลอดภัยพระชายากับคุณหนูคุณชายได้อย่างไร้ความกังวล”“ดีเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวงานเทศกาล”“เพคะ”‘ช่างน่าแปลกเรื่องที่สาวใช้มาแจ้งเมื่อครู่ และเรื่องที่ข้าเจอชินอ๋องเมื่อคืนนี้ ปกติเขาจะอยู่กับหานเฟยเยี่ยทุกคืนมิใช่หรือ? เหตุใดถึงออกมาด้านนอกในยามวิกาลมิใช่ว่ากลัวข้าจะเห็นหรือรู้อะไรเข้าหรอกหรือ? เอ๊ะ! หรือชายฉกรรจ์เมื่อคืนที่ข้าเห็นเป็นคนของหานเฟยเยี่ยให้มาจัดการข้า แต่คงมิใช่หรอกหากลงมือทำที่จวนนี้อุกอาจเกินไป ไม่รู้ล่ะยามนี้เชื่อใจใครไม่ได้ระวังตัวเอาไว้จะดีที่สุด’เมิ่งซูเหยาเดินไปที่หน้าต่างครุ่นคิดคำพูดของสาวใช้ที่มาแจ้งนางเมื่อครู่ยิ่งคิดยิ่งน่าแปลกใจ ก่อนที่จะหยุดคิดทุกอย่างและไปทำหน้าที่ของตนเองคือการดูแลหลังจวนไม่ว่าจะอาหารหรือแม้แต่ของใช้ในเรือนนางต้องเป็นผู้จัดการทุกอย่างตำหนักหยุนซีช่วงบายของวันยามนี้หานเฟยเยี่ยตื่นขึ้นมาหลังจากที่ดื่มน้ำแกงสร่างเมาและหลับต่อไปอีกครู่ นางใ
บทที่ 13 แผนผังจางอี้ซือกลับมายังตำหนักของตนเองถอดเสื้อผ้าอาภรณ์เพื่อเตรียมจะนอนเสียงหน้าต่างดังขึ้นหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณระหว่างเขากับถังอู่ฟง เพียงไม่นานหน้าต่างถูกเปิดเข้ามาเขาสวมชุดสีดำพร้อมปิดบังใบหน้า“ช่วงนี้เจ้าทำงานบกพร่องจนแสดงตัวให้พระชายาเอกได้เห็น ต่อจากนี้จะทำอันใดจงระวังตัวเอาไว้ให้ดีโชคดีที่วันนี้ข้าเห็นนางเข้าก่อน”“เป็นความผิดของกระหม่อมเองพะย่ะค่ะ เพราะวันนี้กระหม่อมบาดเจ็บทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิม” ถังอู่ฟงเอ่ยเสียงสั่นทำให้จางอี้ซือรีบหันกลับไปมองทันที“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าคนอย่างเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร”“กระหม่อมทำตามคำสั่งของท่านชินอ๋องและตอนนี้ได้หลักฐานมาชิ้นหนึ่งแล้วพะย่ะค่ะแต่โชคร้ายที่ถูกคนของฝั่งนั้นจับได้จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น โชคดีที่ข้าจัดการสิ้นซากไม่เหลือให้ได้ตามตัวข้าเจอ นี่คือที่ตำแหน่งของพวกมันพะย่ะค่ะ” ถังอู่ฟงเอ่ยพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่จางอี้ซือ เขารับมันเอาไว้พร้อมถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบกลัวว่าจะถูกฝั่งนั้นจับได้และขนของพวกนี้ไปซุกซ่อนเอาไว้ที่อื่นหากเป็นเช่นนั้นการเจ็บตัวของถังอู่ฟงก็ไร้ค่า“เจ้ามั่นใจหรือว่าไม่มีใครจับเจ้าได้”“พะ