เมื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ อีกไม่กี่ประโยคทั้งหมดก็กลับเรือนเพื่อไปพักผ่อน ป๋อฉิวก็เดินนำสองแม่ลูกเพื่อพาไปส่งที่เรือน พร้อมทั้งตงฟางที่จับมือของลี่อินไม่ยอมห่างบ่าวไพร่ ลงมือเก็บกวาดได้อย่างเรียบร้อย เรือนของลี่อินกับจือหลินอยู่ติดกับเรือนของป๋อฉิว ตงฟางก็เข้ามาจับจองห้องพักภายในเรือนด้วย โดยเขาสั่งบ่าวของตนให้ไปเก็บของมาไว้ที่เรือนของลี่อินทันทีจือหลินแทบอยากจะบ้า นางสลัดเด็กนี่ไม่หลุดเสียที แล้วยังจะเข้ามานอนในห้องของมารดานางอีก ในเมื่อลี่อินเอ่ยอนุญาตนางจึงเดินเข้าไปดูห้องของตนเองภายในห้องของนางพ่อบ้านถานตกแต่งอย่างงดงาม ราวกับห้องของคุณหนูผู้อ่อนหวาน จือหลินได้แต่ส่ายหัวเมื่อเห็นผ้าม่าน มุ้งเป็นสีชมพูหวานมันขัดกับนางเสียจริงจือหลินนางนำที่นอนเข้ามาเปลี่ยนแทนอันที่จัดเตรียมไว้ให้ หมอน ผ้าห่มล้วนแต่เอาในมิติออกมาทั้งสิ้น ส่วนผ้าม่าน นางคิดว่าเมื่อมีเวลาค่อยไปเดินดูที่ร้านเพื่อซื้อมาเปลี่ยนใหม่ป่อฉิวเมื่อเห็นว่าที่พักของสองแม่ลูกถูกจัดเตรียมอย่างดีแล้ว เขาก็ไปจัดการเรื่องคนร้ายที่วางยาบิดาต่อทันทีโดยไม่หยุดพักจือหลินนางจึงได้เข้าไปในมิติ เพื่อฝึกวิชากับท่านอาจารย์ต่อนางเล่าเรื่อง
จือหลินเมื่อพูดคุยกับอาจารย์ซูเรื่องที่นางต้องอยู่ฝึกวรยุทธ์ในมิติหลายวัน ให้นางไปแจ้งเรื่องนี้ให้มารดารับรู้จะได้ไม่เป็นห่วง จือหลินนางก็ออกจากมิติเพื่อไปหามารดาเมื่อนางออกมาด้านนอกก็ตกตะลึง เพราะทุกคนอยู่ภายในเรือนนางอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“พวกท่านมีเรื่องอะไรหรือไม่เจ้าคะ” จือหลินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ“หลินเออร์ เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้” ทุกคนมองนางอย่างตกตะลึงนางบอกเรื่องที่นางเป็นผู้ฝึกตนเช่นเดียวกับอาจารย์ซู และตอนนี้นางก็กำลังอยู่ในช่วงการฝึก อย่างที่ทุกคนได้เห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะนางเพิ่งจะเลื่อนระดับมาแต่นางไม่ได้บอกว่าในตอนนี้นางอยู่ในระดับที่เท่าไหร่ ถึงบอกไปพวกเขาก็ไม่รู้เมื่อทุกคนหายสงสัยแล้ว นางจึงบอกเรื่องที่นางจะเก็บตัวอีกหลายวันเพื่อฝึกวรยุทธ์ พวกเขาก็เข้าใจ สายตาของป๋อฉิวกับตงฟางที่มองมาทางนางอย่างเป็นประกาย นางก็รู้แล้วว่าพวกเขาคิดเช่นใด“ให้ข้าฝึกสำเร็จแล้วจะสอนให้ท่านเจ้าค่ะ เจ้าด้วย” จือหลินนางบอกป๋อฉิวและตงฟางทั้งคู่ยิ้มกว้างอย่างยินดี ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายไปจัดการเรื่องของตน คงมีแต่ตงฟางที่ไม่รู้จะทำอันใดก็เดินตามจือหลินทั้งวันจนนางต้องหลบเข้าไปอยู่ใน
จือหลินหยุดมองใบหน้าของป๋อฉิว นางเลิกคิ้วขึ้นเพื่อขอฟังคำตอบจากปากของเขา“พ่อไม่คิดจะมีผู้ใดอีกแล้ว หากอยากจะรับอนุคงไม่รอมาจนถึงบัดนี้” ป๋อฉิวที่เงียบไปนานไม่ใช่เขาไม่รู้จะตอบคำถามของจือหลินอย่างไรแต่เป็นเพราะตกตะลึงกับคำเรียกของนาง ที่เรียกเขาว่าท่านพ่ออย่างเต็มใจ“หลินเออร์ เจ้ายอมรับพ่อแล้วใช่หรือไม่” จือหลินนางก็เหมือนได้สติว่าเมื่อครู่นางเรียกป๋อฉิวว่าท่านพ่อ“ก็พวกท่านจะแต่งกันอยู่แล้ว หรือจะให้ข้าเรียกท่านว่า นายท่านถานเช่นเดิมเล่าเจ้าคะ” จือหลินเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก“ไม่ ไม่ เช่นนี้ดีแล้ว” ป๋อฉิวไม่รู้ว่าเขาดีใจมากเพียงใด เมื่อถูกจือหลินนางยอมรับรู้เพียงว่าภายในอกของเขา ราวกับมีนกกำลังโบยบินอย่างมีความสุข เขายิ้มกว้างออกมาจนสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น ภายในดวงตายังมีน้ำตาที่เออคลออยู่ด้วยฮูหยินผู้เฒ่าถานก็หัวเราะอย่างยินดี การที่ได้เห็นจือหลินนางยอมรับป๋อฉิวเป็นบิดาย่อมดีสำหรับทุกคนเรื่องเมื่อสามเดือนที่แล้วที่จือหลินนางเข้าไปในมิติแล้วไม่ได้รับรู้ก็ถูกทุกคนบอกเล่าอย่างออกรสชาติตงฟางขอเป็นผู้เล่าเอง วันที่ถานเฟิงถูกผู้เฒ่าถานส่งตัวไปอยู่ที่เรือนตระกูลถานที่นอกเมืองกับมารด
จือหลินนางเสียใจจนพอแล้วก็ออกจากมิติ เพื่อหาหีบใส่ท้องทั้งสิบก้อนที่นางทำขึ้น ก่อนจะขอให้ป๋อฉิวให้คนนำไปแลกเปลี่ยนเป็นทองที่ใช้ในปัจจุบันให้นางป๋อฉิวมิได้ถามว่านางได้มาจากไหนหรือจะเปลี่ยนเป็นทองก้อนเพื่อใช้เรื่องใด เขาเรียกพ่อบ้านให้นำทองของจือหลินไปที่ร้านรับฝากเงินทันทีพ่อบ้านหายไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็กลับมาพร้อมทองก้อนที่แลกมาได้ถึงสิบหีบ นางเปิดออกดูอย่างพอใจ ก่อนจะส่งทองให้พ่อบ้านหนึ่งก้อน และคนอื่นที่ช่วยยกมาอีกคนละก้อนอย่างใจกว้างบ่าวคนอื่นที่เห็นเช่นนี้ก็อดจะอิจฉาไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นพวกตนไปยกมาแทนจะคงได้เช่นกันพ่อบ้านกับบ่าวที่ได้ทองก้อนไปไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหนูจะใจกว้างกับพวกเขาเช่นนี้ทองคำหนึ่งก้อนที่ให้ไปมีค่าเท่ากับสิบตำลึงทอง เพราะทองแต่ละก้อนหนักหนึ่งจิน (1จิน=500กรัม) เงินมากเช่นนี้ บ่าวบางคนสามารถไถ่ถอนตัวออกไปได้เลยจือหลินนางไม่ได้คิดมากเช่นนั้น เพราะทองทั้งสิบหีบที่ได้มานางล้วนได้มาอย่างง่ายดาย หรือจะเรียกว่าไม่ง่าย เพราะต้องแลกกับลมปราณที่นางฝึกมาทั้งหมดไปก่อนจะถึงวันงานจือหลินนางกลับเข้าไปในมิติ เพื่อนั่งสมาธิรวบรวมลมปราณอีกครั้งสองวันต่อมาเมื่อนางออกมาจากใน
อาจารย์ซูเห็นจือหลินนางสามารถปรุงยาตามที่เขาสอนไว้ได้อย่างดี เขาจึงได้มอบตำราปรุงยาไว้ให้นาง ต่อไปให้นางฝึกทำด้วยตนเองเพราะจือหลินนางยังมีสมุนไพรไม่ครบตามที่ตำราระบุไว้จือหลินนางจึงต้องหันมาฝึกวรยุทธ์อย่างหนักหลังจากที่ลมปราณของนางกลับมาเต็มเช่นเดิม อาจารย์ซูเมื่อเห็นกระบวนท่าของจือหลินนางสามารถควบคุมได้ตามใจแล้วเขาก็เริ่มสอนการโจมตีที่ใส่พลังปราณต่างๆ เข้าไปด้วย แต่ละครั้งที่นางออกกระบวนท่า จือหลินนางจึงรู้ว่ามันรุนแรงมากเพียงใด หากยังฝึกในมิติของนาง ห้องต่างๆ คงได้พังลงมาแน่ๆ“อาจารย์ซู ข้าคิดว่าจะออกไปฝึกด้านนอกดีหรือไม่เจ้าคะ” จือหลินเอ่ยขอความเห็นจากอาจารย์“โง่เขลานัก หากเจ้ากังวลว่าพลังปราณของเจ้าจะสร้างความเสียหายให้ห้วงมิติ ข้าย่อมมีวิธี” อาจารย์ซูมองค้อนจือหลินเขาเดินไปที่ลานกว้างก่อนจะสร้างค่ายกลเพื่อให้จือหลินนางฝึกปล่อยพลังได้เต็มที เพื่อไม่ให้ส่วนนอกที่ไม่ได้สร้างค่ายกลได้รับความเสียหาย“ท่านมีวิธีก็ไม่บอกข้า”“แล้วเจ้าเคยถามหรือไม่เล่า” เขาเอ่ยเสียดสีจือหลิน ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปภายในค่ายกลที่เขาสร้างขึ้นแล้วเริ่มสอนนางอีกครั้งหลังจากที่จือหลินนางรู้ว่าอาจารย์ซูรู
จือหลินนางยืนนิ่งอย่างตกตะลึง นางเข้าไปนานเพียงใด มารดาถึงกับตั้งครรภ์แล้วกำลังคลอดน้องของนางด้วย“หลินเออร์ เจ้ามาแล้ว” ป๋อฉิวเอ่ยเรียกสติของบุตรสาว“ท่านพ่อ ข้าเก็บตัวนานเพียงใดเจ้าคะ” นางเอ่ยถามบิดา“หลินเออร์ เจ้าเก็บตัวเกือบสองปี” สิ้นคำของป๋อฉิว ลี่อินนางก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้งจือหลินนางเลิกสนใจว่าเวลาจะผ่านมานานเพียงใด นางพุ่งเข้าไปในห้องที่มารดานอนรอคลอดอยู่อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นมารดาร้องอย่างเจ็บปวด และกำลังจะหมดแรงเบ่งแล้ว จือหลินนางก็เดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงมองมารดาอย่างกังวล“ออกไปให้หมด” นางร้องสั่งทุกคนที่อยู่ในห้องให้ออกไปหมอตำแยสองคนกับสาวใช้มองหน้าจือหลินอย่างไม่เข้าใจ“ข้าบอกให้ออกไป” นางหันไปเอ่ยเสียงเย็นเพราะความกังวลเรื่องมารดา ทำให้จือหลินนางเผลอปล่อยลมปราณออกมาจนแจกันลายครามที่อยู่ในห้องตกลงมาแตกกระจายเต็มพื้นป๋อฉิวรีบวิ่งเข้ามาดูว่าภายในห้องเกิดเรื่องใดขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าของจือหลินที่มองทุกคนอย่างไม่สบอารมณ์ เขาก็เอ่ยถามทันที“เกิดเรื่องใดขึ้นหลินเออร์”“ให้พวกนางรีบออกไปเจ้าคะ” จือหลินเอ่ยบอกบิดา“พวกเจ้าออกไปเสียก่อน” ป๋อฉิวหันไปบอกสาวใช้กั
จือหลินนางจึงบอกเรื่องที่จะสอนวิธีฝึกตนให้ทุกคน แต่นางต้องไปปรุงยาเพื่อเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกเสียก่อนนายท่านผู้เฒ่าถานจึงเรียกพ่อบ้านแล้วให้เขาไปจัดการเรื่องสมุนไพรที่จือหลินนางต้องใช้ปรุงยาทุกคนเมื่อพูดคุยกับเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายไปพักผ่อน เสื้อผ้าชุดใหม่ของจือหลินก็ถูกมาที่เรือนของนางเรียบร้อยแล้วจือหลินนางจึงนำบางส่วนเข้าไปเก็บไว้ในมิติ แล้วไปหามารดาที่เรือนของนางนางยังนำยาบำรุงเลือดและยาบำรุงร่างกายไปให้มารดากินบุตรชายคนเล็กของตระกูลถาน นามตงหยาง ป๋อฉิวเป็นผู้ตั้งให้เขา ในตอนนี้เนื้อตัวของตงหยางอวบอิ่มน่าฟัดยิ่งนักตงฟางก็เป็นอีกคนที่หลงน้องชาย เมื่อเขากลับมาจากสำนักศึกษาเขาก็จะมาอยู่ที่เรือนของบิดาเพื่อนั่งดูน้องชายนอนจือหลินเมื่อพ่อบ้านนำสมุนไพรมาส่งให้นางแล้ว นางก็กลับเรือนตัวเองเพื่อเข้าไปปรุงยาให้กับทุกคนจือหลินนางคิดจะให้บิดากินยาถ่ายไขกระดูกก่อน ส่วนคนอื่นต้องบำรุงร่างให้ดีเพื่อเตรียมพร้อมในการฝึกตนเพราะนางไม่รู้ว่าพวกเขาจะทนรับความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกได้หรือไม่จือหลินนางปรุงยาเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกครั้งนี้ได้เกือบสิบเม็ด เมื่อเก็บที่เหลือเข้าตู้ยาเรียบร้อย น
นับจากนั้นมา ป๋อฉิวก็เริ่มฝึกลมหายใจเพื่อเดินลมปราณอย่างหนักทุกวัน ท่านผู้เฒ่าถานกับฮูหยินผู้เฒ่ากลับมานั่งทบทวนว่าตนสมควรจะเป็นผู้ฝึกตนหรือไม่ เพียงแค่บุตรชายยังยากถึงเพียงนี้ตงฟางก็ไม่เคยเกียจคร้านเลยสักวัน ในตอนเช้าเขาจะมาร่วมฝึกวรยุทธ์กับพี่หญิง หลังจากทานมื้อเย็นเขาก็มาฝึกเดินลมปราณและฝึกการหายใจร่วมกับบิดาจือหลินนางก็ให้คำแนะนำกับพวกเขาอย่างไม่หวงแหน พร้อมทั้งช่วยปรุงยาเพื่อให้บิดาของนางผ่านในช่วงแรกเริ่มไปได้เร็วขึ้นแต่ถึงจะใช้ยามากเพียงใด ป๋อฉิวก็ไม่อาจล้ำหน้าไปได้ไวเท่ากับจือหลิน นางจำต้องให้ร่างกายของบิดาปรับตัวไปได้เอง“นี่หยกพกของผู้ใดขอรับ” ตงฟางน้อยที่กำลังนั่งกินของว่างอยู่ในเรือนของจือหลินหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัย“สหายให้ข้ามา” จือหลินเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ นางปล่อยให้ตงฟางหยิบเล่นดูได้อย่างเต็มที่ป๋อฉิวที่เพิ่งมาจากเรือนของตน ก็เดินเข้ามาหาบุตรทั้งสองที่อยู่ในห้องโถง เขามองไปที่หยกพกในมือของตงฟางอย่างสงสัย“เจ้าเอาหยกพกมาจากที่ใด” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นอักษรฉีในหยกพก“ของพี่หญิงขอรับ” ตงฟางส่งหยกพกให้บิดาดู เมื่อบิดายื่นมือมาตรงหน้าของเขาป๋อฉิวตื่นตระหนกเกือบจะทำหยกพกใน
ป๋อฉิวจึงให้ทั้งคู่กินยาเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกเสียก่อน แต่ก่อนที่จะให้ทั้งคู่ได้กิน ป๋อฉิวบอกเรื่องความทรมานที่แสนสาหัสจากยาที่จะกินเข้าไปเพื่อให้ทั้งคู่ได้เตรียมใจไว้ก่อนอ่างน้ำถูกเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็วสองอ่าง พร้อมทั้งบอกอี้หนิงไว้เพื่อไม่ได้นางตกใจกับสิ่งร้องทรมานของสองพ่อลูกด้วยแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนถูกแล่เนื้อเลาะกระดูก ก็ทำให้สองพ่อลูกที่พยายามอดกลั้นไม่ส่งเสียงร้องออกมา กลับร้องเสียงดังราวกับกำลังจะขาดใจอี้หนิงที่อยู่ในห้องกอดตัวบุตรชายคนเล็กไว้แน่น เพื่อไม่ให้เขาตกใจกับสิ่งที่ได้ยินองครักษ์ของป๋อฉิวยืนมองตัวสั่นสะท้านอยากไม่อยากเชื่อ ไม่รู้ว่ายาอันใดที่ทำให้คนเจ็บปวดได้มากถึงเพียงนี้ป๋อฉิวร้องเรียกทั้งสองไว้ตลอด เพื่อไม่ให้พวกเขาหมดสติไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ทำมาทั้งหมดคงจะสูญเปล่าแล้วเกือบสองชั่วยามกว่าทั้งสองจะคลายความเจ็บปวด น้ำสีดำส่งกลิ่นเหม็นจนองครักษ์ทั้งสองที่ต้องแบกไปทิ้งทนไม่ไหว อาเจียนออกมาเสียหลายรอบในยามนี้ทั้งคู่รู้ไม่ต่างกัน ความเบาสบายของตัวกับประสาทสัมผัสที่ได้ยินเสียงต่างๆ รอบข้างอย่างชัดเจน แม้แต่ในความมืดเขาก็เห็นแมลงต่างๆ ที่
กงหลีจิ้ง เมื่อเปิดประตูเรือนออกไปแล้วพบป๋อฉิว ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันอย่างตกตะลึง“อาฉิว เจ้ามาได้อย่างไร” “เข้าไปพูดกันในเรือนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ป๋อฉิวเอ่ยพูดเสียงเบา เพื่อมาให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกได้ยินเมื่อชาวบ้านเห็นว่าบุรุษที่มาเป็นสหายของพรานกงจริงดังว่า ต่างก็แยกตัวไปจัดการเรื่องของตนเองต่อ“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่” เมื่อเข้ามาในเรือน กงหลีจิ้งก็เอ่ยถามสหายของตนทันทีป๋อฉิวเล่าเรื่องที่เขาพบหยกพกแทนพระองค์ที่ตัวบุตรสาวของเขา เมื่อสอบถามจึงได้ความว่าทั้งสามพระองค์อยู่ที่หมู่บ้านไห่เหอ“บุตรีของเจ้า หลินเออร์นะหรือ” กงหลีจิ้งมองสหายอย่างไม่อยากเชื่อ ยิ่งได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่ป๋อฉิวมาตรวจสอบท่านเจ้าเมืองกว่างซีคนเดิมจนทำให้ลี่อินเสื่อมเสีย กงหลีจิ้งก็ถอนหายใจออกมา“สองแม่ลูกนั้นมีชีวิตลำบากนัก ข้าคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะบังเอิญถึงเพียงนี้” ป๋อฉิวยิ่งได้ฟังเรื่องของลี่อินกับจือหลิน ความรู้สึกผิดในใจก็กลับมาอีกครั้ง“กระหม่อมแต่งนางเข้าจวนเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อจากนี้จะไม่ให้พวกนางสองแม่ลูกต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีก” “ดียิ่ง ครั้งแรกที่ข้าพบหลินเออร์ ก็คิดว่าดวงตาของ
นับจากนั้นมา ป๋อฉิวก็เริ่มฝึกลมหายใจเพื่อเดินลมปราณอย่างหนักทุกวัน ท่านผู้เฒ่าถานกับฮูหยินผู้เฒ่ากลับมานั่งทบทวนว่าตนสมควรจะเป็นผู้ฝึกตนหรือไม่ เพียงแค่บุตรชายยังยากถึงเพียงนี้ตงฟางก็ไม่เคยเกียจคร้านเลยสักวัน ในตอนเช้าเขาจะมาร่วมฝึกวรยุทธ์กับพี่หญิง หลังจากทานมื้อเย็นเขาก็มาฝึกเดินลมปราณและฝึกการหายใจร่วมกับบิดาจือหลินนางก็ให้คำแนะนำกับพวกเขาอย่างไม่หวงแหน พร้อมทั้งช่วยปรุงยาเพื่อให้บิดาของนางผ่านในช่วงแรกเริ่มไปได้เร็วขึ้นแต่ถึงจะใช้ยามากเพียงใด ป๋อฉิวก็ไม่อาจล้ำหน้าไปได้ไวเท่ากับจือหลิน นางจำต้องให้ร่างกายของบิดาปรับตัวไปได้เอง“นี่หยกพกของผู้ใดขอรับ” ตงฟางน้อยที่กำลังนั่งกินของว่างอยู่ในเรือนของจือหลินหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัย“สหายให้ข้ามา” จือหลินเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ นางปล่อยให้ตงฟางหยิบเล่นดูได้อย่างเต็มที่ป๋อฉิวที่เพิ่งมาจากเรือนของตน ก็เดินเข้ามาหาบุตรทั้งสองที่อยู่ในห้องโถง เขามองไปที่หยกพกในมือของตงฟางอย่างสงสัย“เจ้าเอาหยกพกมาจากที่ใด” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นอักษรฉีในหยกพก“ของพี่หญิงขอรับ” ตงฟางส่งหยกพกให้บิดาดู เมื่อบิดายื่นมือมาตรงหน้าของเขาป๋อฉิวตื่นตระหนกเกือบจะทำหยกพกใน
จือหลินนางจึงบอกเรื่องที่จะสอนวิธีฝึกตนให้ทุกคน แต่นางต้องไปปรุงยาเพื่อเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกเสียก่อนนายท่านผู้เฒ่าถานจึงเรียกพ่อบ้านแล้วให้เขาไปจัดการเรื่องสมุนไพรที่จือหลินนางต้องใช้ปรุงยาทุกคนเมื่อพูดคุยกับเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายไปพักผ่อน เสื้อผ้าชุดใหม่ของจือหลินก็ถูกมาที่เรือนของนางเรียบร้อยแล้วจือหลินนางจึงนำบางส่วนเข้าไปเก็บไว้ในมิติ แล้วไปหามารดาที่เรือนของนางนางยังนำยาบำรุงเลือดและยาบำรุงร่างกายไปให้มารดากินบุตรชายคนเล็กของตระกูลถาน นามตงหยาง ป๋อฉิวเป็นผู้ตั้งให้เขา ในตอนนี้เนื้อตัวของตงหยางอวบอิ่มน่าฟัดยิ่งนักตงฟางก็เป็นอีกคนที่หลงน้องชาย เมื่อเขากลับมาจากสำนักศึกษาเขาก็จะมาอยู่ที่เรือนของบิดาเพื่อนั่งดูน้องชายนอนจือหลินเมื่อพ่อบ้านนำสมุนไพรมาส่งให้นางแล้ว นางก็กลับเรือนตัวเองเพื่อเข้าไปปรุงยาให้กับทุกคนจือหลินนางคิดจะให้บิดากินยาถ่ายไขกระดูกก่อน ส่วนคนอื่นต้องบำรุงร่างให้ดีเพื่อเตรียมพร้อมในการฝึกตนเพราะนางไม่รู้ว่าพวกเขาจะทนรับความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกได้หรือไม่จือหลินนางปรุงยาเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกครั้งนี้ได้เกือบสิบเม็ด เมื่อเก็บที่เหลือเข้าตู้ยาเรียบร้อย น
จือหลินนางยืนนิ่งอย่างตกตะลึง นางเข้าไปนานเพียงใด มารดาถึงกับตั้งครรภ์แล้วกำลังคลอดน้องของนางด้วย“หลินเออร์ เจ้ามาแล้ว” ป๋อฉิวเอ่ยเรียกสติของบุตรสาว“ท่านพ่อ ข้าเก็บตัวนานเพียงใดเจ้าคะ” นางเอ่ยถามบิดา“หลินเออร์ เจ้าเก็บตัวเกือบสองปี” สิ้นคำของป๋อฉิว ลี่อินนางก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้งจือหลินนางเลิกสนใจว่าเวลาจะผ่านมานานเพียงใด นางพุ่งเข้าไปในห้องที่มารดานอนรอคลอดอยู่อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นมารดาร้องอย่างเจ็บปวด และกำลังจะหมดแรงเบ่งแล้ว จือหลินนางก็เดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงมองมารดาอย่างกังวล“ออกไปให้หมด” นางร้องสั่งทุกคนที่อยู่ในห้องให้ออกไปหมอตำแยสองคนกับสาวใช้มองหน้าจือหลินอย่างไม่เข้าใจ“ข้าบอกให้ออกไป” นางหันไปเอ่ยเสียงเย็นเพราะความกังวลเรื่องมารดา ทำให้จือหลินนางเผลอปล่อยลมปราณออกมาจนแจกันลายครามที่อยู่ในห้องตกลงมาแตกกระจายเต็มพื้นป๋อฉิวรีบวิ่งเข้ามาดูว่าภายในห้องเกิดเรื่องใดขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าของจือหลินที่มองทุกคนอย่างไม่สบอารมณ์ เขาก็เอ่ยถามทันที“เกิดเรื่องใดขึ้นหลินเออร์”“ให้พวกนางรีบออกไปเจ้าคะ” จือหลินเอ่ยบอกบิดา“พวกเจ้าออกไปเสียก่อน” ป๋อฉิวหันไปบอกสาวใช้กั
อาจารย์ซูเห็นจือหลินนางสามารถปรุงยาตามที่เขาสอนไว้ได้อย่างดี เขาจึงได้มอบตำราปรุงยาไว้ให้นาง ต่อไปให้นางฝึกทำด้วยตนเองเพราะจือหลินนางยังมีสมุนไพรไม่ครบตามที่ตำราระบุไว้จือหลินนางจึงต้องหันมาฝึกวรยุทธ์อย่างหนักหลังจากที่ลมปราณของนางกลับมาเต็มเช่นเดิม อาจารย์ซูเมื่อเห็นกระบวนท่าของจือหลินนางสามารถควบคุมได้ตามใจแล้วเขาก็เริ่มสอนการโจมตีที่ใส่พลังปราณต่างๆ เข้าไปด้วย แต่ละครั้งที่นางออกกระบวนท่า จือหลินนางจึงรู้ว่ามันรุนแรงมากเพียงใด หากยังฝึกในมิติของนาง ห้องต่างๆ คงได้พังลงมาแน่ๆ“อาจารย์ซู ข้าคิดว่าจะออกไปฝึกด้านนอกดีหรือไม่เจ้าคะ” จือหลินเอ่ยขอความเห็นจากอาจารย์“โง่เขลานัก หากเจ้ากังวลว่าพลังปราณของเจ้าจะสร้างความเสียหายให้ห้วงมิติ ข้าย่อมมีวิธี” อาจารย์ซูมองค้อนจือหลินเขาเดินไปที่ลานกว้างก่อนจะสร้างค่ายกลเพื่อให้จือหลินนางฝึกปล่อยพลังได้เต็มที เพื่อไม่ให้ส่วนนอกที่ไม่ได้สร้างค่ายกลได้รับความเสียหาย“ท่านมีวิธีก็ไม่บอกข้า”“แล้วเจ้าเคยถามหรือไม่เล่า” เขาเอ่ยเสียดสีจือหลิน ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปภายในค่ายกลที่เขาสร้างขึ้นแล้วเริ่มสอนนางอีกครั้งหลังจากที่จือหลินนางรู้ว่าอาจารย์ซูรู
จือหลินนางเสียใจจนพอแล้วก็ออกจากมิติ เพื่อหาหีบใส่ท้องทั้งสิบก้อนที่นางทำขึ้น ก่อนจะขอให้ป๋อฉิวให้คนนำไปแลกเปลี่ยนเป็นทองที่ใช้ในปัจจุบันให้นางป๋อฉิวมิได้ถามว่านางได้มาจากไหนหรือจะเปลี่ยนเป็นทองก้อนเพื่อใช้เรื่องใด เขาเรียกพ่อบ้านให้นำทองของจือหลินไปที่ร้านรับฝากเงินทันทีพ่อบ้านหายไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็กลับมาพร้อมทองก้อนที่แลกมาได้ถึงสิบหีบ นางเปิดออกดูอย่างพอใจ ก่อนจะส่งทองให้พ่อบ้านหนึ่งก้อน และคนอื่นที่ช่วยยกมาอีกคนละก้อนอย่างใจกว้างบ่าวคนอื่นที่เห็นเช่นนี้ก็อดจะอิจฉาไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นพวกตนไปยกมาแทนจะคงได้เช่นกันพ่อบ้านกับบ่าวที่ได้ทองก้อนไปไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหนูจะใจกว้างกับพวกเขาเช่นนี้ทองคำหนึ่งก้อนที่ให้ไปมีค่าเท่ากับสิบตำลึงทอง เพราะทองแต่ละก้อนหนักหนึ่งจิน (1จิน=500กรัม) เงินมากเช่นนี้ บ่าวบางคนสามารถไถ่ถอนตัวออกไปได้เลยจือหลินนางไม่ได้คิดมากเช่นนั้น เพราะทองทั้งสิบหีบที่ได้มานางล้วนได้มาอย่างง่ายดาย หรือจะเรียกว่าไม่ง่าย เพราะต้องแลกกับลมปราณที่นางฝึกมาทั้งหมดไปก่อนจะถึงวันงานจือหลินนางกลับเข้าไปในมิติ เพื่อนั่งสมาธิรวบรวมลมปราณอีกครั้งสองวันต่อมาเมื่อนางออกมาจากใน
จือหลินหยุดมองใบหน้าของป๋อฉิว นางเลิกคิ้วขึ้นเพื่อขอฟังคำตอบจากปากของเขา“พ่อไม่คิดจะมีผู้ใดอีกแล้ว หากอยากจะรับอนุคงไม่รอมาจนถึงบัดนี้” ป๋อฉิวที่เงียบไปนานไม่ใช่เขาไม่รู้จะตอบคำถามของจือหลินอย่างไรแต่เป็นเพราะตกตะลึงกับคำเรียกของนาง ที่เรียกเขาว่าท่านพ่ออย่างเต็มใจ“หลินเออร์ เจ้ายอมรับพ่อแล้วใช่หรือไม่” จือหลินนางก็เหมือนได้สติว่าเมื่อครู่นางเรียกป๋อฉิวว่าท่านพ่อ“ก็พวกท่านจะแต่งกันอยู่แล้ว หรือจะให้ข้าเรียกท่านว่า นายท่านถานเช่นเดิมเล่าเจ้าคะ” จือหลินเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก“ไม่ ไม่ เช่นนี้ดีแล้ว” ป๋อฉิวไม่รู้ว่าเขาดีใจมากเพียงใด เมื่อถูกจือหลินนางยอมรับรู้เพียงว่าภายในอกของเขา ราวกับมีนกกำลังโบยบินอย่างมีความสุข เขายิ้มกว้างออกมาจนสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น ภายในดวงตายังมีน้ำตาที่เออคลออยู่ด้วยฮูหยินผู้เฒ่าถานก็หัวเราะอย่างยินดี การที่ได้เห็นจือหลินนางยอมรับป๋อฉิวเป็นบิดาย่อมดีสำหรับทุกคนเรื่องเมื่อสามเดือนที่แล้วที่จือหลินนางเข้าไปในมิติแล้วไม่ได้รับรู้ก็ถูกทุกคนบอกเล่าอย่างออกรสชาติตงฟางขอเป็นผู้เล่าเอง วันที่ถานเฟิงถูกผู้เฒ่าถานส่งตัวไปอยู่ที่เรือนตระกูลถานที่นอกเมืองกับมารด
จือหลินเมื่อพูดคุยกับอาจารย์ซูเรื่องที่นางต้องอยู่ฝึกวรยุทธ์ในมิติหลายวัน ให้นางไปแจ้งเรื่องนี้ให้มารดารับรู้จะได้ไม่เป็นห่วง จือหลินนางก็ออกจากมิติเพื่อไปหามารดาเมื่อนางออกมาด้านนอกก็ตกตะลึง เพราะทุกคนอยู่ภายในเรือนนางอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“พวกท่านมีเรื่องอะไรหรือไม่เจ้าคะ” จือหลินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ“หลินเออร์ เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้” ทุกคนมองนางอย่างตกตะลึงนางบอกเรื่องที่นางเป็นผู้ฝึกตนเช่นเดียวกับอาจารย์ซู และตอนนี้นางก็กำลังอยู่ในช่วงการฝึก อย่างที่ทุกคนได้เห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะนางเพิ่งจะเลื่อนระดับมาแต่นางไม่ได้บอกว่าในตอนนี้นางอยู่ในระดับที่เท่าไหร่ ถึงบอกไปพวกเขาก็ไม่รู้เมื่อทุกคนหายสงสัยแล้ว นางจึงบอกเรื่องที่นางจะเก็บตัวอีกหลายวันเพื่อฝึกวรยุทธ์ พวกเขาก็เข้าใจ สายตาของป๋อฉิวกับตงฟางที่มองมาทางนางอย่างเป็นประกาย นางก็รู้แล้วว่าพวกเขาคิดเช่นใด“ให้ข้าฝึกสำเร็จแล้วจะสอนให้ท่านเจ้าค่ะ เจ้าด้วย” จือหลินนางบอกป๋อฉิวและตงฟางทั้งคู่ยิ้มกว้างอย่างยินดี ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายไปจัดการเรื่องของตน คงมีแต่ตงฟางที่ไม่รู้จะทำอันใดก็เดินตามจือหลินทั้งวันจนนางต้องหลบเข้าไปอยู่ใน