“เจ้าจะหย่ากับข้าแล้วจะไปอยู่ที่ใด” หยางเพ่ยตงพยายามจะฟังเหตุผลของนางหากนางโกรธเคืองเรื่องคืนนั้นเขาก็เต็มใจที่จะชดใช้ให้ แต่ไม่จะไม่หย่าเด็ดขาด “ข้า ข้า” “อยู่กับข้าเรื่องของสนมทั้งหลายข้าจะจัดการเอง ขอแค่เจ้าเชื่อใจข้า” อีกไม่นานเขาจะจบเรื่องทุกอย่างและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่กับนาง "เจ้าจะทำอะไร" “เรียกข้าท่านพี่” หยางเพ่ยตงโน้มตัวลงใกล้นางจนจ้าวหม่านฟางต้องหลับตา เหมือนกับว่ากำลังเชื้อเชิญให้เขาจูบนางเสียอย่างนั้นหยางเพ่ยตงนึกเอ็นดูนาง “หากข้าไม่เรียก อือ” จ้าวหม่านฟางครางออกมาเมื่อปากหนาบดขยี้ลงมาอย่างจาบจ้วง จนนางมิทันตั้งตัวเมื่อจะใช้มือผลักเขาออกหยางเพ่ยตงจึงคว้ามือนางไว้ทั้งสองข้าง “จะโดนลงโทษเช่นนี้ไงเล่าน้องหญิง” สายตาหวานเยิ้มถูกส่งมาให้นางจนจ้าวหม่านฟางต้องหลบสายตาหัวใจของนางกำลังสั่นไหวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ทะ ท่านพี่อย่าเพคะ” “พี่ขอ…” “ทูลพระชายาคุณหนูใหญ่แห่งสกุลจ้าวขอเข้าเฝ้าเพคะ” เข่อซิงเข้ามากราบทูลพระชายาท่านอ๋องที่ห้องบรรทม จ้าวหม่านฟางแปลกใจว่าคุณหนูใหญ่มาหานางเพราะอะไร
“เข่อซิงทำไมในวังถือครึกคืนกันมีเฉลิมฉลองอะไรกันหรือ” นางสังเกตมาหลายวันว่าช่วงนี้ในวังประดับด้วยดอกไม้และผู้คนออกฉลองกันมากมาย นางมิค่อยได้เจอท่านอ๋องเพราะกำลังทรงงานอย่างหนักเพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลการเกษตรของชาวนา “ใกล้จะถึงเทศกาลล่าปาแล้วเพคะ” “ล่าปา [1] ล่าสัตว์หรือไม่” จ้าวหม่านฟางเคยได้ยินว่าเชื้อพระวงศ์จะออกไปตั้งกระโจมเพื่อล่าสัตว์ และอาจจะมีการแข่งขันการล่าสัตว์ขึ้นมาจ้าวหม่านฟางจึงอยากตามไปดู “เพคะอีกสองวันฮ่องเต้จะทรงออกเดินทางพร้อมท่านอ๋องเพคะ พระชายาจะเสด็จไปไหนเพคะ”ทุกครัวเรือนว่างจากการทำการเกษตร จึงเตรียมไหว้บรรพบุรุษ และเทพเทวดาฟ้าดินขอให้บรรพบุรุษปกป้องคุ้มครอง และฟ้าดินประทานโชคลาภให้อากาศดี ฝนตกต้องตามฤดูกาล จ้าวหม่านฟางมาหยุดที่ตำหนักของหยางเพ่ยตงหลายวันนี้นางมิเคยได้พบหน้าเขาเสียเลยไม่รู้ว่านอนกกอยู่กับนางสนมคนไหนอยู่ “ท่านอ๋องทรงอยู่ในห้องทำงานพ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ขออภัยท่านอ๋องกระหม่อมห้ามแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ซิ่วอิงห้ามมิให้พระชายาเข้าเฝ้าตามคำสั่งของชินอ๋องที่ไม่ให้ใครเข้ามารบกวน “ออกไปเถิด ให้พระชายาเข้ามา” หยางพ่
“ฮึก ฮือ”จ้าวม่านฟางร้องไห้ออกมาตอนนี้หยางเพ่ยตงน่ากลัวมากที่สุดภายนอกอากาศว่าหนาวแล้วในนี้ยังหนาวกว่า นางนั่งหนาวจนตัวสั่นอยู่ในอ่าง“เจ้าอย่าให้ใครแตะต้องตัวอีก”หยางเพ่ยตงจึงอุ้มนางขึ้นมาและเช็ดตัวนางให้แห้งว่างจ้าวหม่านฟางลงที่เตียงนอน ก่อนที่เขาจะทาบทับตัวตามลงไปคืนนี้เขาจะทำโทษนาง“ท่านจะทำอันใด”“ล้างคาบบุรุษออกจากตัว” หยางเพ่ยตงโน้มตัวลงมาจูบปากนางอย่างหยาบโลนและบีบคางเพื่อให้นางรับจูบของเขา ยามที่นึกถึงตอนที่นางถูกอุ้มจากบุรุษอื่นเขายิ่งหึงหวง“อือ ขะ ข้าเจ็บ” ริมฝีปากของนางบวมเจ่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดหยางเพ่ยตงซุกไซ้ซอกคอของนางและขบเม้มจนเกิดรอยแดงขึ้นมามือหนาขย้ำเต้างามโดยไม่กลัวว่านางจะเจ็บ“ขะ ข้าเจ็บเหลือเกิน”“หึ ข้าจะทำโทษเจ้าจนรุ่งสาง” หยางเพ่ยตงลุกขึ้นและขยับตัวขึ้นไปใกล้ ๆ ใบหน้าของนางก่อนจะนำมังกรยักษ์ไปจ่อที่ปากของนาง“อมเข้าไป”“ตะ แต่ข้า อืออ” จ้าวหม่านฟางลังเลยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมาเขาก็ยัดเจ้ามังกรเข้าไปในปากของนาง ปากนุ่มที่กำลังดูดเลียแท่งหยกทำให้เขาครางออกมาอย่างพอใจจ้าวหม่านฟางดูดเลียราวกับเป็นอาหารรสโปรดถึงแม้ว่านางจะไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็พอรู้ว่าต้อง
จ้าวหม่านฟางมาดักรออี้เฉินโดยมีองค์หญิงหยางเผยอิ่งมาช่วยดูลาดเลาให้ นางร้อนใจเพราะกลัวว่าพระเชษฐาจะมาพบเห็นเขา หากเกิดว่าหยางเพ่ยตงรู้นางคงช่วยอะไรไม่ได้ “พี่สะใภ้รองเข้าไปตั้งนานสองนานแล้ว” จ้าวหม่านฟางรออี้เฉินก้เห็นเขาเดินเข้ามาในกระโจมนางจึงเผยตัว ในแววตาของเขามีแต่จ้าวหม่านฟางคนรักกันจริงจะมองออกว่านางมิใช่คุณหนูสามตัวจริง “ท่านเป็นใคร” “เจ้าพูดอะไร?” จ้าวหม่านฟางกำลังงุนงงกับท่าทีของรองแม่ทัพที่กำลังระแวงนาง หรือว่าเขาจะรู้แล้วว่าจ้าวหม่านนั้นตายไปแล้ว สมองกำลังคิดไปเรื่อยรู้ตัวอีกทีดาบก็มาจ่อที่คอแล้ว “อี้เฉิน” “จ้าวหม่านฟางไปไหนแล้วเจ้าเป็นใคร” เขามองออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบเจอนาง เพราะแววตาของนางไม่มีเขาอยู่ในนั้นทำให้เขารู้ว่านางมิใช่คนรักของเขา “เจ้ารู้” “ท่านพูดมาเถิดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนาง” อี้เฉินพร้อมทำใจยอมรับ ตั้งแต่รู้ว่านางเป็นพระชายาของชินอ๋องใจเขาแทบขาดแต่โชคชะตาช่างใจร้ายกับคุณหนูสาม “จ้าวหม่านฟางนางตายตั้งแต่คืนเข้าห้องหอแล้ว ข้าตื่นมาก็มาอยู่ในร่างของนาง” จ้าวหม่านฟางอยากหาทางก
ตกดึกเจ้าหม่านฟางไข้ขึ้นสูงจนท่านหมอต้องเข้ามาดูอาหาร นางไม่รู้สึกตัวจนหยางเพ่ยตงต้องเฝ้าดูการไม่ห่าง เขารุนแรงกับนางเกินไป “พระชายาลมหายใจรวยรินพ่ะย่ะค่ะ เราต้องพาพระชายากลับวัง” หยางเพ่ยตงได้ยินแบบนั้นจึงจะพานางออกเดินทางในยามดึกแต่ฮ่องเต้และองค์หญิงมาห้ามไว้ก่อน เดินทางกลางคืนมีแต่อันตรายรอบตัว ช่วงนี้โจรป่าชุกชุมยิ่งกว่าอสรพิษ “กระหม่อมมิเคยเห็นอาการเช่นนี้มาก่อนเหมือนกับว่าจิตของพระชายาไม่อยู่กับตัวพ่ะย่ะค่ะ” “หม่านฟาง” หยางเพ่ยตงจับมือนางขึ้นมายังไงจ้าวหม่านฟางต้องไม่ทิ้งเขา นางจะกลับไปยังที่ที่จากมามิได้เด็ดขาดเพราะเขายังไม่อนุญาตนางจะใจร้ายกับเขาได้ลงคอเชียวหรือ มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ. 2024 จ้าวหม่านฟางมาโผล่ที่บ้านเกิดอีกครั้งแต่ครั้งนี้เธอกลับมาแค่วิญญาณ เพราะกำลังยืนมองดูร่างตัวเองที่ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่พร้อมกับใบหน้าละศีรษะที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ข้างเตียงมีเพื่อนสาวที่คิดถึงมีมี่และหยางเฟย รวมถึงบิดาของเธอ “ฟางฟางพ่อขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา พ่อขอโทษลูก” “คุณพ่อทำใจดี ๆ ไว้นะคะ” วันนี้ทุก
จ้าวเสียหยุนยังไม่ละความพยายามที่จะกลับเข้ามาในชีวิตของชินอ๋องวันนี้นางได้ข่าวว่าท่านอ๋องจะออกพบปะกับชาวบ้านจึงแต่งตัวรอเพื่อหวังจะให้เขารับนางเข้าวัง “หึ ตอนนั้นทำเป็นหนีงานแต่งตอนนี้อยากกลับไป ทำข้าขายขี้หน้า”จ้าวลี่หมิ่นเห็นพี่สาวกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนนั้นกลับผลักไสให้จ้าวหม่านฟางแต่งงานแทนตัวเอง พอโดนทิ้งก็ซมซานกลับมาช่างน่าขันเสียจริง“หุบปาก! ข้าจะต้องได้เป็นพระชายา” หากจ้าวหม่านฟางมิยอมนางก็มีแผนที่จะกำจัดน้องสาวต่างมารดาออกไปจากชีวิตของชินอ๋องตลอดกาลนางต้องรีบทำอะไรบางอย่างเพราะตอนนี้นั้นนางกำลังตั้งครรภ์ นางต้องได้ชินอ๋องมาเป็นพ่อของเด็กในครรภ์นางจึงคิดจะวางแผนกำจัดจ้าวหม่านฟาง“ท่านอ๋องเพคะ”หยางเพ่ยตงหยุดเดินและหันมามองนางที่เขาไม่ปรารถนาจะเจอ สตรีที่มีใบหน้าสวยช่างน่ากลัวเหลือเกินโชคดีที่เขาไม่ได้นางมาเป็นพระชายา“เจ้ามีเรื่องอันใดจะคุยกับข้า”“หม่อมฉันแค่อยากพบท่านอ๋องเพคะ”“เวลานี้ข้าต้องดูแลประชาชน” หยางเพ่ยตงไม่มีเวลาที่จะคุยด้วย ตอนนี้หัวใจของเขาอยากกลับไปหาพระชายาที่สุด แต่นางทำให้เขาเสียเวลา“หม่อมฉันไม่รบกวนแล้วเพคะ” จ้าวเสียหยุนกำหมัดแน่นเมื่อชินอ๋องทำเป็น
จ้าวหม่านฟางกำลังนั่งอ่านจดหมายของจ้าวเสียหยุนตั้งแต่เล็กจนโตก็มีคุณหนูใหญ่ที่ดูแลนางในบางครั้ง และไม่รังแกนางหากจะออกไปพบหน้ากันก็ไม่เห็นแปลก “คุณหนูจะไปพบคุณหนูใหญ่หรือเจ้าคะ” “เข่อซิงยังไงพี่ใหญ่ก็เป็นคนในครอบครัว” นางอาจจะมีเรื่องเดือดร้อนที่อยากพบจ้าวหม่านฟาง หากเข้ามาในตำหนักคงได้ถูกหยางเพ่ยตงตัดคอเอา “เข่อซิงใจมิดีเลยเจ้าค่ะ” “ข้าไปไม่กี่ชั่วยามเจ้าก็ไปด้วยเหตุใดจึงกลัว” นางจึงออกเดินทางด้วยรถม้าเพื่อไปพบจ้าวเสียหยุนในจุดนัดพบ นางมองดูสร้อยข้อมือของตัวเองซึ่งอีกเส้นอยู่กับหยางเพ่ยตง มิรู้ว่าเขาซื้อมันจากไหนนางชอบที่สุด “พี่ใหญ่” จ้าวหม่านฟางเห็นนางนั่งอยู่จึงเข้าไปหาใบหน้าโศกเศร้ามีแต่ความทุกข์ใจ นางจึงให้เข่อซิงออกไปรออยู่ห่าง ๆ คงมิใช่เรื่องของหยางเพ่ยตงอย่างที่นางคิดไว้ “พี่คิดผิดนักที่แต่งงานและให้เจ้าแต่งงานกับชินอ๋องแทนพี่ ตอนนี้พี่กำลังตกที่นั่งลำบาก” จ้าวเสียหนุนร้องไห้ออกมาเพราะบิดาและคนในจวนต่างโกรธนางเพราะกำลังตั้งครรภ์แถมยังไม่มีพ่อของลูก “พี่ใหญ่กำลังหมายถึง...” “พี่กำลังตั้งครรภ์ ฮือ น้องสามช่
หยางเพ่ยตงยังคงเฝ้ารอข่าวดีจากเหล่าทหารที่ออกตามหาจ้าวหม่านฟางแต่เวลาล่วงเลยผ่านไปจากหนึ่งวันเป็นสองวันและผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ แต่เขายังคงเชื่อว่านางยังไม่ตายจากเขา “เจ้าจะทำอย่างไรกับคนพวกนั้น” “กระหม่อมจะลงโทษให้สาสม” เขาต้องชำระโทษคนสกุลจ้าวให้หมด โทษฐานที่ทำร้ายพระชายาของเขา “น้องพี่เจ้าอย่าลืมคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่อยากสอนลูกให้เป็นคนเลว” ฮ่องเต้เตือนสติน้องชายเขาเห็นใจที่ตอนนี้พระชายาของหยางเพ่ยตงหายตัวไปไม่พบแม้กระทั่งศพ หยางเพ่ยเดินลงมายังคุกใต้ดินเจ็ดวันที่เขาใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น เจ็ดวันที่เขาต้องทนคิดถึงจ้าวหม่านฟางนางมิรู้เรื่องอะไรด้วยไยต้องเป็นนางทุกครั้งไป “ท่านอ๋อง! หม่อมฉันไม่รู้อะไรนะเพคะพี่ใหญ่เป็นคนทำทั้งหมด” คุณหนูรองรีบเข้ามาอ้อนวอนเพราะนางกลัวตายไม่น้อย นางทั้งดุทั้งต่อว่าจ้าวเสียหยุนที่ทำอะไรสิ้นคิด “ไม่ต้องห่วงยังไงพวกเจ้าก็ได้รับโทษกันทั้งตระกูลหากข้าตามหาจ้าวหม่านไม่พบข้าจะประหารพวกเจ้าให้หมด” หยางเพ่ยตงพูดออกมาอย่างเคียดแค้นเขาโกรธคนจวนนี่นักที่บังอาจพรากดวงใจของเขาไป “เพราะนางทำให้ข้าต้องอยู่ในสภ
ฮาวายทั้งห้าคนเดินทางมาถึงฮาวายโดยหยางเพ่ยตงพาน้องชายและน้องสะใภ้มาด้วยจะได้ดูแลหนิงอ้ายยามที่เขาสวีตกับจ้าวหม่านฟางสองคนจะได้มีคนดูแลหนิงอ้าย“พี่ฝากหนิงอ้ายสัก 2-3 ชั่วโมงนะ”“รีบทำเวลาหน่อยแล้วกัน”หยางซูเมิ่งบอกกับพี่ชายพาเขามาด้วยก็แค่อยากให้เขาดูแลหนิงอ้ายให้ส่วนตัวเองจะไปสวีตกับจ้าวหม่านฟางสองคน ทริปนี้หนิงอ้ายคงจะได้น้องสมใจ“พูดมาก”ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องพักที่อยู่ติดทะเลมองไปทางไหนก็เจอแต่ทะเล บรรยากาศสวยงามไปหมดแต่จ้าวหม่านฟางนั้นสวยกว่าร้อยเท่า“อุ้ย เข้ามาทำอะไรคะฟางฟางจะไปดูลูก”“พี่ขอชื่นใจหน่อยได้ไหมลูกอยู่กับซูเมิ่ง ไม่ต้องห่วงเรามาทำน้องให้หนิงอ้ายกัน”“แต่...”“นะครับ”หยางเพ่ยตงหอมแก้มทั้งสองข้างของภรรยาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะไล่หอมไปทั่วหน้าแล้ววางปากทาบทับลงไปบนอวัยวะเดียวกันของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ พอเริ่มจูบก็ขยับมือลูบไล้ไปตามเรือนร่างแสนสวยอย่างเชื่องช้า เคลื่อนไหวเนิบนาบไม่ให้เธอรู้สึกถูกรุกล้ำหรือหวาดระแวงใด ๆมือหนาลูบคลำซ้ำ ๆ ให้ภรรยาคุ้นเคยก็สอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อสัมผัสเอวบางโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ก่อนจะวางสองมือโอบล้อมก้อนเนื้อเต่งตึงทั้งสองข้างด้วยแรงแ
ทั้งสองแต่งงานกันได้สามปีแล้วและมีพยานรักตัวกันหนึ่งคนคือหนิงอ้าย ชื่อของลูกสาวหยางเพ่ยตงเป็นคนตั้งให้ทั้งหมดจ้าวหม่านฟางชอบชื่อนี้มาก “จุนแม่ขา จุนพ่อไม่รักเรา” (คุณแม่คะคุณพ่อไม่รักเรา) “ไม่พูดอย่างนั้นสิคะ” ตอนนี้หยางเพ่ยตงทำงานหนักและกลับบ้านดึกดื่นจนลูกสาวน้อยใจว่าพ่อไม่รัก ดึกจนรอพ่อไม่ไหวจึงหลับไป แอด “กลับมาแล้วเหรอคะ” “ลูกหลับแล้วเหรอครับ” ช่วงนี้งานถาโถมเข้ามาจนเขาปลีกตัวไปไหนไม่ได้ตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาก็ไม่เคยพาภรรยาไปฮันนีมูนกันเลย จึงรู้สึกผิดขึ้นมา “กลับดึกทุกวันขนาดนี้ลูกน้อยใจแล้ว” เธอเองก็น้อยใจเหมือนกันไม่รู้ว่างานจะสำคัญอะไรนักหนา ถมเวลาคุยกันก็น้อยลงไปทุกทีหรือเพราะเธอมีลูกแล้วเขาจึงไม่สนใจ “ฟางฟางครับพี่ขอโทษโปรเจกนี้จะจบลงแล้ว เดี๋ยวพี่พาฟางฟางกับลูกไปเที่ยวกันดีไหมครับ” เพราะเขารู้ว่าตอนนี้ภรรยากำลังน้อยใจเขาชวนเที่ยวหลายรอบและไม่เคยไปสักรอบเพราะติดแต่งาน วันนี้โปรเจกต์ใหญ่ที่ทำกำลังเสร็จสมบูรณ์จึงสัญญาว่าจะพาจ้าวหม่านฟางกับลูกไปพักผ่อน “พี่ขอโทษครับต่อไปจะไม่ทำงานหนักแบบนี้อีกแล้ว
“ลุกออกไปจากตัวฉัน” จ้าวหม่านฟางทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ใจง่ายไปกับสัมผัสของเขาจึงผลักให้เขาออกห่างจากตัวและรีบแต่งตัว “รบกวนคุณไปส่งฉันที่บ้านด้วย” “ฟางฟางครับพี่...” หยางเพ่ยตงยังไม่ทันจะพูดอะไรหญิงสาวจึงเดินออกไปจากห้อง เขาจึงได้แต่รีบแต่งตัวและไปส่งจ้าวหม่านฟางที่บ้าน “พี่ขอโทษครับต่อไปที่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วพี่คิดถึงเรามากไปหน่อย” ต่างฝ่ายต่างเงียบหยางเพ่ยตงจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเขาไม่ชอบที่จ้าวหม่านฟางเงียบจึงหาเรื่องชวนคุยแต่ก็เหมือนจะแย่ลงไปกว่าเดิม “ฟางฟางครับ” ปัง! หญิงสาวปิดประตูรถกระแทกจนเสียงดังโดยไม่รอฟังคำอธิบายจากเขา หญิงสาวรีบเดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจเสียงทักทายของใครด้วยซ้ำ พอมาถึงห้องเธอก็ร้องไห้ออกมา “ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้” จ้าวหม่านฟางใช้มือมากุมหน้าอกข้างซ้ายไว้เธอยอมรับว่าเหมือนจะรู้สึกผูกพันกับเขาไม่น้อย ครั้งแรกที่เจอหน้ากันเหมือนมีอะไรลากให้เธอมารู้จักกับเขา “ฉวยโอกาส” จ้าวหม่านฟางลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อให้สายน้ำช่วยชโลมจิตใจที่กำลังว้าวุ่น สองวันแล้วที่เขาติดต่อจ้าวหม่าน
วันจบการศึกษาของหญิงสาวเพื่อน ๆ ต่างพากันดีใจที่จะได้ออกไปใช่ชีวิตนอกรั้วมหาลัย บางคนต้องดิ้นรนแต่สำหรับจ้าวหม่านฟางลูกคุณหนูไฮโซที่มีครบทุกอย่างไม่จำเป็นต้องออกไปลำบาก “พี่ยินดีด้วยนะ” จื่อหยวนยื่นดอกไม้ช่อสวยให้น้องสาวแต่จ้าวหม่านฟางทำหน้าไม่ค่อยพอใจ “ให้แค่ดอกไม้?” “รถนั่นราคาแพงจะตายรอหาเงินได้เองค่อยซื้อ” รถPorscheราคาหลายสิบล้านซึ่งเขาสามารถซื้อให้น้องสาวได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขาอยากให้จ้าวหม่านฟางหาเงินซื้อเองมากกว่าเพราะจะได้รู้ว่าเงินแต่บาทนั้นหาไม่ง่าย “น้องงอลแล้ว ชิ” จ้าวหม่านฟางแกล้งงอนไปอย่างนั้นหากเธอไปขออ้อนวอนคุณพ่อก็ไม่ใช่เรื่อง ครอบครัวของเธอพากันถ่ายรูปจนเสร็จหญิงสาวกำลังจะกลับไปที่บ้านก็มีเสียงของคนหนึ่งดังมาก่อน “จะกลับแล้วเหรอครับหรือพี่มาไม่ทัน” หยางเพ่ยตงเดินถือดอกกุหลาบช่อใหญ่มาและยื่นให้จ้าวหม่านฟาง เขาติดงานคิดว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว “เอ่อ ขอบคุณค่ะ” “ไม่ดูให้ดี ๆ ว่าในนั้นมีอะไร” หยางเพ่ยตงอยากให้หญิงสาวดูในช่อดอกไม้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวอยากได้ “อะไรของคุณ” จ้าวหม่านจึงพยายามมอง
นครเซียงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบัน จ้าวหม่านฟางคุณหนูที่เกิดมาในชาติตระกูลที่รวยละมั่งคั่งหญิงสาวอายุ 22 ปี ที่กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนนี้กำลังฉลองกับเหล่าเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานวันนี้จะเมาให้หาทางกลับบ้านไม่ได้เลย “ฟางฟางดูโต๊ะนั่นสิผู้หล่อมาก” เหมยฮวาชี้ไปที่หนุ่ม ๆ ซึ่งนั่งดื่มกันไม่ไกลจากโต๊ะของหญิงสาว จ้าวหม่านฟางจึงมองตามไปที่มือของเพื่อนชี้ ทำให้เธอยืนนิ่งเพราะสบตากับใครคนหนึ่งที่แสนจะคุ้นเคย “ฟางฟาง ยัยฟาง!” “อะไรฉันตกใจหมดเลย” “แกเล่นจ้องเขาเสียขนาดนั้นสนใจเหรอ” “ป่าว (เสียงสูง)” เธอยกเหล้าขึ้นมาดื่มเพื่อบิดปังความรู้สึกบางอย่าง ชายหนุ่มคนนั้นทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนว่าเคยเจอกันมาก่อน ช่วงนี้เอชอบฝันแปลก ๆ ไปถึงเมืองโบราณคงจะดูซีรีส์มากเกินไปเลยเก็บเอาพระเอกไปฝัน ทางด้านชายหนุ่มคนนั้นเขาก็จ้องมองจ้าวหม่านฟางไม่วางตาตอนที่เขาสบตากับหญิงสาวหัวใจของเขาสั่นไหวเหมือนจะกระเด็นออกมาให้ได้“เจอกันทีสินะ”หยางเพ่ยตงนักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกลวัย 29 ปี เขาจำเรื่องราวในอดีตได้ทั้งหมดไม่รู้ว่าเพราะอะ
หยางจงหมิ่นเดินขึ้นมาที่กำแพงและยืนมองไปที่วังหลวงบรรพบุรุษคงจะสาปแช่งเขาที่ดูแลประชาไว้ไม่ได้ เขามองดูซากปะลักหักพังตอนนี้แคว้นเฉียงเหมือนกับเมืองร้างไปเสียแล้ว “ให้อภัยลูกด้วย” เขาไม่สามารถครองบัลลังก์ได้อีกต่อไป และเลือกที่จะเห็นแก่ตัวตายตามน้องสาวและน้องชายของตัวเอง หยางจงหมิ่นวางดาบลงและก้มกราบแผ่นดินนี้เป็นครั้งสุดท้านก่อนจะเลือกทางเดินของเขาเอง กำแพงเมืองก็ไม่สูงเท่าไรนักเขาได้แต่ส่งยิ้มให้กับโชคชะตาที่โหดร้าย หมดสิ้นแล้วฮ่องเต้หยางจงหมิ่นสวรรคตพร้อมหยางเพ่ยตงและองค์หญิงหยางเพยอิ่ง “ฝ่าบาท!” อี้เฉินนำกำลังทหารมาช้าไปหนึ่งก้าวเขารีบวิ่งไปที่ท้องพระโรง อี้เฉินคุกเข่าลงต่อหน้าจ้าวหม่านฟางที่ไม่สามารถปกป้องนางได้ “กระหม่อมอี้เฉินขออภัยที่มาช้าไป กระหม่อมจะดูแลหนิงอ้ายตราบเท่าชีวิตของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เขาก้มกราบจ้าวหม่านฟางและท่านอ๋อง แล้วเขาต้องกลับไปบอกหนิงอ้ายว่าอย่างไร อี้เฉินนำร่างของจ้าวหม่านฟางและหยางเพ่ยตงฝั่งไว้ด้วยกันและไม่ต้องจากกันไปไหนอีก ตอนนี้ทั้งเมืองหลวงเกิดความวุ่นวายเพราะไม่มีประมุขปกครองทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจกันขึ้น
“ตอนนี้ทุกอย่างในวังเรียบร้อยแล้วเราจะเปิดประตูเมืองให้พวกคนเหล่านั้นเข้ามา” “ท่านอามิควรทำอย่างนี้”ท่านอาของพวกเขากำลังก่อกบฏเขายินดีหากท่านอาจะครองบัลลังก์แต่ความโลภเขาไม่สามารถปล่อยให้ชาวบ้านเดือดร้อน “ศึกครั้งนี้ไม่รู้ว่าข้าจะมีชีวิตรอดหรือไม่” “ท่านอย่าพูดอย่างนั้น” หยางเพ่ยตงได้รับรายงานมาว่าท่านอาเดินทางเข้ามาในวังหลวงแล้ว หยางเพ่ยตงเห็นแต่ความตายและกลิ่นคาวเลือดเต็มไปหมด เขาจึงต้องให้ทหารเปิดประตูเมืองไว้เพราะไม่ต้องการให้คนล้มตายไปมากกว่านี้“หลานของข้านั่งรอข้าอยู่บนบัลลังกืเชียวหรือ” หยางเฟยฉีคือน้องชายของอดีตฮ่องเต้คนก่อนและเป็นท่านอาของหยางเพ่ยตง หยางจงหมิ่นจ้องมองมาที่ท่านอา “ท่านมิควรจะฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่อง” “สละบัลลังก์ให้ข้าและข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป” “ข้ายอมข้าดีกว่าบัลลังก์ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว” หยางเพ่ยตงที่ยืนอยู่จึงเดินมาเผชิญหน้ากับหยางเฟยฉี พร้อมกับอาวุธดาบที่ถืออยู่ทหารเตรียมพร้อมตลอดเวลา “แล้วหลานจะเสียใจ” ทางด้านจ้าวหม่านฟางที่รู้สึกโกรธหยางเพ่ยตงมิน้อยที่ให้นางมาอยู่ในที่ที่เขาเตรียม
จ้าวหม่านฟางเข้ามาในวังพร้อมกับอี้เฉินและขอเข้าไปพบ หยางเพ่ยตงที่ตำหนัก ทำให้จ้าวหม่านฟางนึกถึงเรื่องราวที่ใช้ชีวิตอยู่ตำหนักแห่งนี้ “เข่อซิงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” จ้าวหม่านคิดถึงบ่าวรับใช้ที่ดูแลนางมาตั้งแต่ยังเด็กนางยอมตายเพื่อให้นางหนีรอดมา จ้าวหม่านฟางเดินเข้ามาในตำหนักที่ถูกทิ้งร้างไว้สามปีตั้งแต่นางหายตัวไปหยางเพ่ยตงก็มิให้ใครย่างกรายเข้ามาเด็ดขาด “ตำหนักแห่งนี้มิให้ใครเข้ามาเจ้าเป็นใคร” เหล่าทหารที่เห็นคนบุกรุกเข้ามาจึงนำกำลังเข้ามาปิดล้อมและรายงานท่านอ๋องในวังกำลังเกิดความวุ่นวายจึงไม่ให้คนนอกเข้ามา “พระชายา!” ทหารนายหนึ่งที่จำพระชายาได้จึงคุกเข่าและทำความเคารพ “ข้าอยากเข้ามาดูในตำหนักเสียหน่อย” จ้าวหม่านฟางไล่ให้ทหารออกไปยังไงหยางเพ่ยตงจะต้องมาหานาง นางจะรอเขาอยู่ที่นี่ที่เป็นห้องหอของนางและเขา “จ้าวหม่านฟางไยเจ้าถึงแอบตามพี่มา” “มาแล้วหรือเพคะน้องรอเสียตั้งนาน” นางหันกลับมาเผชิญหน้าและสวมกอดเขาไว้แน่น “ท่านพี่คิดจะทิ้งน้องกับลูกไปไหน” “น้องหญิงเข้ามาในวังและหนิงอ้าย” เขามองหาบุตรสาวเพราะที่นี่อันต
“ที่เจ้าหนีไปกับชายชู้นั่นหมายถึงสิ่งใด”“ข้าไม่เคยคบชู้” จ้าวหม่านฟางยังคงร้องไห้สะอื้นนางนั่งลงที่พื้นคุกเข่าหากนางยังมีชีวิตต่อก็คงต้องตายทั้งเป็น หากนางตายไปท่านพ่อของนางคงจะหายโกรธเคือง“แล้วไอ้มารหัวขนนั่นมันลูกของใคร” หยางเพ่ยตงยังคงปักใจเชื่อว่านางคบชู้ เขารักนางแต่นางทำให้เขากลายเป็นคนโง่งมที่ให้ภรรยาสวมหมวกเขียวให้“หยางเพ่ยตงทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำมา เจ้าทำตัวเองทั้งนั้นข้าจะเกลียดเจ้าทุกชาติภพ”“อย่ามาสอนข้า”“แค่สตรีนางเดียวท่านก็โง่งมถึงเพียงนี้ไม่แปลกที่ท่านจะเชื่อนางว่าข้ามีชู้” จ้าวหม่านฟางพูดออกมาทั้งน้ำตามองไปรอบจวนที่ทหารกำลังขนศพออกไป ชาวบ้านต่างพากันมารุมประณาม“หยางเพ่ยตงข้าจะบอกอะไรท่านลูกของข้างในท้องนี้เป็นลูกของท่าน ท่านสั่งโบยข้าโดยมิรู้ว่าข้าตั้งท้อง เจ้าจงจำการกระทำของเจ้าให้ขึ้นใจให้เจ้าทุกข์ทรมานทุกชาติไป เจ้ากับข้าให้จากกันตลอดกาล” จ้าวหม่านฟางคว้าดาบของเขาขึ้นมาและจ่อไว้ที่คอตอนนี้นางมิกลัวอะไรอีกต่อไป หากนางมีชีวิตอยู่ต่อท่านพ่อคงจะเกลียดนางที่นางพาศัตรูเข้าจวน“หยุดนั่นเจ้าจะทำอะไร หม่านฟาง!”จ้าวหม่านฟางใช้ดาบปาดคอตัวเองจนเลือดสีแดงไหลหนองเต็มพื้น