ซ่งเจียซินใช้เวลาหลังจากที่เด็ก ๆ ไปโรงเรียนแล้วตรวจสอบบัญชีกิจการ เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาอะไรให้กังวลเธอก็มอบหมายให้ตงซางผู้จัดการเดิมดูแลต่อ โดยเธอจะแวะเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะ ในระหว่างที่กำลังจะกลับบ้านเพื่อเตรียมไปรับเด็ก ๆ สายตาก็หันไปเห็นลูกบอลหนัง ซ่งเจียซินนึกถึงสนามหญ้าด้านหลังบ้านที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางเหมาะแก่การทำเป็นสนามฟุตบอลให้เด็ก ๆ ใช้ออกกำลังกาย
“อิงอิง ไปซื้อลูกบอลหนังให้ฉันที”
“ค่ะ”
หูหลินอิงเดินไปซื้อของตามคำสั่งผู้เป็นนาย ขณะที่ซ่งเจียซินเดินไปดูเสื้อผ้าที่แผนกเด็กโต วันก่อนเธอสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเด็กชายมีขนาดเล็กเกินไป ก่อนออกจากบ้านจึงไปแอบวัดเสื้อผ้าชุดเดิมมาคร่าว ๆ เพื่อกะขนาดที่ใหญ่ขึ้นสักหน่อยให้พวกเขา ทว่าเลือกดูได้ไม่นานเธอก็ชนเข้ากับแผงอกแกร่งของใครบางคน
“อะ... ขอโทษค่ะ”
เพราะเธอเดินไม่ระวังจึงชนคน ดังนั้นซ่งเจียซินจึงรีบขอโทษก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ตนเองชน และทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นในทันที
“คุณเฉินเซียว”
“คุณเสวี่ย ไม่เจอกันนานคุณสบายดีไหม”
“สบายดีค่ะ แล้วนี่ภรรยาของคุณล่ะคะไม่มาด้วยหรือ”
เฉินเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อถูกหญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามถึงสิงฉู่หรัน ภรรยาที่เขาจำใจแต่งงานด้วย
“ผมกับสิงฉู่หรันเราแยกกันอยู่มาปีกว่าแล้ว”
คำตอบที่คล้ายกับเป็นการบอกสถานะของเขาและภรรยาทำให้ซ่งเจียซินยิ้มแห้งก่อนจะเอ่ยขอตัว แต่เฉินเซียวกลับไม่ยอมหลีกทางขยับเท้าไปขวางทางเธอเอาไว้
“เรื่องในตอนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ เป็นสิงฉู่หรันฉวยโอกาสสร้างความเข้าใจผิด ผมคิดว่าเธอเป็นคุณถึงได้...”
“คุณเฉินคะ คุณคือสามีของสิงฉู่หรัน และฉันก็คือภรรยาของผู้พันหลี่ ระหว่างเราไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันก็ล้วนไม่มีอะไรมากเกินไปกว่าคำว่ามิตรภาพ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจและวางตัวอยู่ในจุดที่เหมาะสม”
“คุณเสวี่ย ผม...”
“ชิงหยวน”
เสียงทุ้มทรงอำนาจดังมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่เอวบางของซ่งเจียซินจะถูกวงแขนหนึ่งโอบรัด ดวงตากลมเบิกกว้างกับสัมผัสอุกอาจนี้ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าเจ้าของวงแขนคือใคร หัวใจของเธอก็เต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม
“หลี่โจวอี้!”
“ผมเห็นคุณหายมานานแล้วก็เลยมาดู เป็นไงบ้างเลือกได้หรือยัง”
ซ่งเจียซินตื่นตกใจกับการทักทายของหลี่โจวอี้อยู่ชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้ก็สวมบทบาทสามีภรรยารักใคร่ยิ้มหวานตอบกลับให้เขาพร้อมกับชูชุดสองแบบในมือให้เขาดู
“ฉันกำลังลังเลใจระหว่างสองแบบนี้ คุณว่าพวกเขาจะชอบแบบไหนมากกว่ากันคะ”
“คุณชอบแบบไหนลูกก็ชอบแบบนั้น”
“อย่างนั้น ฉันเอาทั้งสองแบบเลย อ่อ... เอาแบบนี้ด้วย”
หลี่โจวอี้มองมือเรียวที่เอื้อมไปหยิบชุดอีกแบบมาถือแล้วเดินไปที่จุดชำระเงิน สายตาคมตวัดมองไปที่เฉินเซียวแล้วพูดเสียงเยือกเย็น
“หวังว่าคราวหน้าคุณเฉินจะไม่เข้ามารบกวนภรรยาของคนอื่นอีก”
กล่าวจบร่างสูงโปร่งก็เดินตามแผ่นหลังบางไปยังจุดชำระเงิน
“ทั้งหมดสามแบบเก้าตัวนะคะ”
“ค่ะ”
“180 หยวนค่ะ”
หลี่โจวอี้ได้ยินราคาเสื้อที่หญิงสาวเลือกซื้อก็ตกใจจนหน้าซีด ปกติแล้วเสื้อผ้าหนึ่งชุดราคาประมาณ 5-10 หยวนเท่านั้นไม่ใช่หรือไง เพียงแต่ไม่ว่าจะในฐานะของบิดาหรือสามี เงินจำนวนนี้อย่างไรเขาก็สมควรจ่าย หากแต่ในจังหวะที่เขากำลังนับเงินในกระเป๋าตังค์ตนเอง หญิงสาวตรงหน้าก็หยิบเงินสองร้อยหยวนวางลงตรงหน้าพนักงานขาย
“นี่ค่ะ”
หลี่โจวอี้ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหยิบเงินของเธอคืนกลับให้เจ้าตัว แล้วเป็นฝ่ายจ่ายค่าเสื้อผ้าแทน ซ่งเจียซินไม่ใช่คนเรื่องมากในเมื่อหลี่โจวอี้ต้องการจ่ายก็แค่ให้เขาจ่ายก็เท่านั้น
ได้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปเกือบสองร้อยหยวน นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
เพียงแต่เมื่อกลับมาที่รถ คนตัวโตกลับตวัดสายตาดุมองเธอด้วยความไม่พอใจ
“คุณมีอะไรหรือคะ”
“ผมรู้ว่าฐานะทางบ้านของคุณดีมาก แต่การใช้จ่ายเงินโดยไม่ระวังแบบนี้จะทำให้เกิดปัญหาในภายหลัง”
“ค่ะ”
คิ้วหนาขมวดแน่น เมื่อหญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่าย
“เสวี่ยชิงหยวน เธอไม่สบายหรือ”
ซ่งเจียซินถอนหายใจยาวอย่างระอาใจ ในอดีตเธอแผลงฤทธิ์โวยวายไม่ยอมใครเขาก็ตำหนิว่าเธอไร้มารยาทขาดการอบรม และเอาแต่ใจ วันนี้เธอว่าง่าย เชื่อฟัง ไม่โต้แย้ง เขาก็หวาดระแวงสงสัย ช่างเป็นบุรุษที่เอาใจได้ยากจริง ๆ
“ใกล้ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันต้องเอารถกลับไปให้ลุงเหอขับไปรับเด็ก ๆ คุณไปทำธุระต่อเถอะ”
หลี่โจวอี้เป็นทหารสังกัดกรมแพทย์ทหาร วันนี้ไม่ใช่วันหยุดของเขา ได้พบเจอโดยบังเอิญแน่นอนว่าต้องเป็นเพราะเขามีภารกิจบางอย่าง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เขาเสียงานซ่งเจียซินจึงไม่คิดรั้งเขาเอาไว้
กลับเป็นหลี่โจวอี้ที่รู้สึกขุ่นเคืองใจ เธอกับเขาไม่พบกันมาร่วมเดือน ไม่ทักทายแสดงความรักก็แล้วไป แต่ท่าทีห่างเหินเช่นนี้มากเกินไปหรือไม่
“อาทิตย์หน้าผมจะกลับบ้าน”
“ฉันจะบอกเด็ก ๆ ให้ค่ะ”
พูดจบซ่งเจียซินก็หันไปส่งสายตาให้หูหลินอิงขึ้นรถแล้วขับออกไปในทันที หลี่โจวอี้มองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย ในแววตาของเธอเมื่อครู่ไม่มีแม้แต่ประกายยินดีกับเรื่องที่เขาเอ่ยบอก เสวี่ยชิงหยวนเธอช่างเป็นภรรยาที่ดีจริง ๆ
บทที่ 14 ได้รับความเชื่อใจ (1)เมื่อกลับมาถึงบ้านหลี่จื่อรั่วที่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเองแล้วเห็นชุดใหม่สามชุดแขวนอยู่ก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นยินดี อีกทั้งยังหยิบทั้งสามชุดออกมาวางทาบตัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น“จื่อหมิง จื่อชิง พวกนายดูชุดใหม่พวกนี้สิ พอดีกับตัวพวกเราเลย”หลี่จื่อหมิงขมวดคิ้วเข้มมองดูชุดใหม่ที่น้องชายถือ ไม่ต้องซักถามหรือคาดเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าชุดพวกนี้เป็นใครที่ซื้อมาให้ ในขณะที่หลี่จื่อชิงเองก็รีบลุกไปเปิดตู้ของตนเอง เมื่อเห็นว่าเขาเองก็ได้ชุดใหม่ในแบบเดียวกันกับหลี่จื่อรั่วบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มยินดี สองปีมาแล้วที่เขาไม่เคยได้ชุดใหม่เลย เพียงแต่เมื่อคิดถึงคนที่น่าจะซื้อชุดเหล่านี้ให้ตนเอง ท่าทางยินดีเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ“ไม่เห็นจะสวยสักนิด เลือกชุดก็ไม่เป็น”ทั้งที่ปากบ่นตำหนิ แต่มือกลับจับชุดเหล่านั้นเอาไว้แน่น มุมปากก็ยกขึ้นเป็นครั้งคราวอย่างพยายามอดกลั้นหลี่จื่อหมิงลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเองก็พบชุดในแบบเดียวกันกับน้องชายเช่นกัน หากแต่บนใบหน้าของเขากลับไม่มีความยินดีเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับแฝงไปด้วยความหวาดระแวงและกังวลใจ“พับให้เรียบ
ซ่งเจียซินยืนพิงขอบหน้าต่างห้องนอนมองดูสนามหญ้าเบื้องล่างด้วยความรู้สึกสงสัย สามวันแล้วที่เธอมอบลูกบอลหนังให้เด็กชายทั้งสามคนไป ทว่าจวบจนวันนี้กลับไม่เคยเห็นพวกเขาหยิบมันมาเล่นเลยสักครั้ง หรือแท้จริงแล้วพวกเขาจะไม่ชอบเล่นบอลกัน“อิงอิง ปกติคุณชายทั้งสามคนเขาชอบเล่นบอลหรือไม่”“ชอบค่ะ”“แล้วทำไม ฉันไม่เห็นเขาเอาบอลมาเล่นที่สนามล่ะ”“เรื่องนี้คุณหนูคงต้องถามตัวเองแล้ว...”ถามตัวเอง หรือว่าเสวี่ยชิงหยวนผู้เป็นเจ้าของร่างเดิมจะทำเรื่องบางอย่างเอาไว้อีกแล้วซ่งเจียซินเพ่งสายตามองไปที่สนามหญ้าด้านล่าง พยายามขบคิดความทรงจำเดิมของเสวี่ยชิงหยวน ก่อนที่ภาพหนึ่งจะสะท้อนเข้ามาในห้วงความคิด“เอามานี่”เสวี่ยชิงหยวนตวาดเสียงหงุดหงิดก่อนจะแย่งบอลในมือของหลี่จื่อรั่วมาแล้วใช้กรรไกรจิ้มจนเกิดรอยรั่วมากมาย “คุณทำอะไร!”หลี่จื่อชิงเข้ามาแย่งบอลคืน หากแต่ก็สายเกินแก้ไข รอยรั่วมากมายทำให้ลูกบอลลูกนี้ไม่อาจเล่นได้อีก หลี่จื่อรั่วน้ำตาไหลอาบแก้ม สะอื้นจนตัวสั่น หากแต่กลับไม่ได้ทำให้เสวี่ยชิงหยวนรู้สึกสงสารเลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับกล่าวคำข่มขู่เพิ่มเติม“วันนี้ฉันแค่ทำลายบอลของพวกแก ถ้าวันหน้าพวกแกยังกล้า
หลี่จื่อรั่วจับมือซ่งเจียซินลงมาที่สนามหญ้าหลังบ้าน โดยมีหลี่จื่อชิงและหลี่จื่อหมิงที่วางท่าจำใจตามลงมาเพื่อติดตามดูแลหลี่จื่อรั่วอยู่ไม่ห่าง ซ่งเจียซินที่รู้ทันเด็กน้อยทั้งสองคนจึงไม่ได้ตำหนิ อีกทั้งยังท้าดวลพวกเขาสามคนแข่งกันเตะเข้าประตูแมว แน่นอนว่าด้วยอัตราหนึ่งต่อสามแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กชายเจ็ดขวบ แต่ร่างกายที่เติบโตมาราวกับไข่ในหินของเสวี่ยชิงหยวนย่อมอ่อนแอและบอบบาง ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีก็ถูกเด็กชายทั้งสามนำไปด้วยคะแนน สองต่อศูนย์“แม่ครับ พวกเราพักก่อนดีหรือไม่”หลี่จื่อรั่วเห็นมารดาเลี้ยงสองแก้มแดงก่ำ อีกทั้งยังหายใจหอบถี่ก็เอ่ยถามด้วยความห่วงใย หากแต่หญิงสาวกลับยืดตัวเอ่ยตอบเสียงหนักแน่น“ได้พัก วันนี้ฉันจะต้องชนะพวกนายให้ได้”หลี่จื่อหมิงได้ยินหญิงสาวประกาศกร้าวก็ยกยิ้มขบขัน ก่อนจะจับบอลพลิกตัวไปมา แล้วยิงเข้าประตูทำคะแนนอีกรอบ“จื่อหมิงนายเก่งที่สุด”หลี่จื่อชิงตะโกนชมพี่ชายฝาแฝดของตนเองเสียงก้อง“สามรุมหนึ่ง ชัยชนะนี้น่าภาคภูมิใจมากหรือไร”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น สายตาสี่คู่ในสนามพลันหันไปมองโดยพร้อมกัน หลี่จื่อหมิงเห็นแววตาคมดุของบิดามีคำตำหนิแฝงก็ก้มหน้าพาน้องชายทั้งสองเ
ซ่งเจียซินขบกรามแน่น เขาไม่ได้ลงโทษตีเธอตามคำมั่นที่ให้ไว้กับเด็กทั้งสาม แต่กลับบอกว่าต้องการกินอาหารค่ำฝีมือเธอ หากในตอนนี้คนในร่างเป็นเสวี่ยชิงหยวนคนเดิม เกรงว่าเรื่องราวคงไม่จบโดยง่ายเพียงแต่เธอในเวลานี้คือซ่งเจียซิน ผู้มีฉายาเจ้าแม่ร้อยอาชีพ!“อิงอิง ปกติแล้วคุณหลี่ชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหม หรือว่าไม่ชอบทานอะไรบ้างหรือเปล่า”ได้ยินคุณหนูของตนสอบถามความชอบและไม่ชอบของผู้พันหลี่โจวอี้อย่างใส่ใจ หูหลินอิงก็ได้แต่ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกเสียดาย คุณหนูเสวี่ยของนางแม้จะขาดคุณสมบัติบางประการไป แต่ก็เป็นหญิงสาวที่พร้อมด้วยรูปและทรัพย์ เหตุใดต้องมาทนกับพ่อหม้ายลูกติดหลี่โจวอี้พวกนี้ด้วยนะ“คุณหนูให้ฉันทำให้เถอะค่ะ”“ทำอะไรกัน ผู้พันอยากกินอาหารฝีมือฉัน แน่นอนว่าฉันต้องทำอย่างเต็มความสามารถเพื่อเอาใจเขาสิ”“แต่ว่าคุณหนูทำอาหารไม่เป็นไม่ใช่หรือคะ”เมื่อได้ยินคุณสมบัติส่วนตัวของเจ้าของร่าง ซ่งเจียซินก็ชะงักมือที่กำลังหั่นผักไปชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มมุมปากแล้วลงมือทำต่ออย่างชำนาญ“ทำไม่เป็นก็หัดได้ ก็แค่อาหารไม่เห็นจะยากเย็นอะไร”ดังนั้นหนึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร
หลังมื้อค่ำหลี่โจวอี้ต้องการอยู่พูดคุยกับลูกชายทั้งสามต่อ ซ่งเจียซินรู้ดีว่าตนเองเป็นคนนอกจึงไม่ต้องการรบกวนพวกเขา ใช้ข้ออ้างว่าติดละครช่วงค่ำแยกตัวออกมานั่งดูโทรทัศน์ดวงตาคมมองแผ่นหลังบางที่เดินออกจากห้องอาหารไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ ปกติแล้วทุกครั้งที่เขากลับบ้านเสวี่ยชิงหยวนจะต้องใช้ลูกไม้สารพัดทำให้เขายอมอยู่กับเธอ แม้แต่การจงใจกินดอกลำโพงจนตัวเองล้มป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขาในวันที่เขาจะกลับเข้ากรมเมื่อครั้งก่อนเธอก็เคยทำเช่นนี้แล้วเสวี่ยชิงหยวนในวันนี้เป็นอะไรไป ทำไมเขาจึงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเธอ ราวกับเธอคนนี้ไม่ใช่เสวี่ยชิงหยวนที่เขาเคยรู้จัก“คุณพ่อครับ มาครั้งนี้คุณพ่อจะอยู่กี่วันหรือครับ”“ห้าวัน”“แค่ห้าวันเองหรือครับ”“ทำไมหรือ มีอะไรหรือเปล่า”ปกติแม้ว่าหลี่จื่อรั่วจะเป็นเด็กชายขี้อ้อน ทว่าที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้ หรือว่าระหว่างนี้เสวี่ยชิงหยวนจะสร้างความลำบากให้ลูก ๆ ของเขาอีกแล้ว“ผู้หญิงคนนั้นรังแกลูก ๆ อีกแล้วหรือ”ได้ยินคำถามนี้หลี่จื่อรั่วก็รีบเงยหน้าส่ายหัวไปมาดุกดิกอย่างรวดเร็ว“แม่ไม่ได้รังแกพวกเราเลยครับ ยังใจดีมากอีกด้วย”“ใจดี?”ให้หลี่จื่อ
หลี่จื่อหมิงมองเห็นมารดาเลี้ยงเดินขึ้นไปชั้นบนเพียงลำพังในใจก็เกิดความกังวลถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นสายตาที่เธอทอดมองมาทางพวกเขาด้วยความเศร้า หัวใจของเด็กชายก็คล้ายถูกบีบรัดเศร้าหมองขึ้นมา“วันนี้พ่อเพิ่งกลับมาคงเหนื่อยมาก ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องเถอะครับ”“งั้นพวกเราก็ขึ้นห้องนอนกันเถอะ”หลี่โจวอี้ตอบรับลูกชายฝาแฝดคนโตในทันที ทว่ายามที่จะลุกขึ้นพาพวกเขากลับเข้าห้องนอนเช่นทุกครั้ง กลับถูกคัดค้านขึ้นมา“พ่อแต่งงานแล้วจะนอนห้องเดียวกับพวกเราได้ยังไงครับ”“จื่อหมิง ลูกหมายความว่าจะให้พ่อกลับไปนอนที่ห้องเดิม”หลี่โจวอี้ขมวดคิ้วหนาด้วยความสงสัย ปกติแล้วยามที่เขากลับมาบ้านลูกชายทั้งสามจะเกาะติดเขาแน่น และพยายามอย่างหนักในการขัดขวางเขากับเสวี่ยชิงหยวน ทว่าเหตุใดครั้งนี้จึงพูดราวกับจงใจเปิดทางให้เขาใกล้ชิดกับเสวี่ยชิงหยวน“ที่นอนของพวกเราไม่ได้กว้างมาก ปกตินอนกันสามคนก็แน่นมากแล้ว คืนนี้พ่อกลับไปนอนที่ห้องเดิมเถอะครับ”คิ้วเข้มของหลี่โจวอี้ขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้น มองลูกชายคนรองด้วยความรู้สึกสงสัยเป็นทบทวี หากพูดถึงความรู้สึกที่ลูกชายทั้งสามของเขามีต่อเสวี่ยชิงหยวน
ซ่งเจียซินเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินกลับมา พร้อมกับซองเอกสารสีน้ำตาล เมื่อนั่งลงบนโซฟาแล้วก็เอายื่นให้กับหลี่โจวอี้“อะไร” หลี่โจวอี้เอ่ยถามพร้อมกับหยิบเอกสารด้านในออกมาดู“สัญญาหย่า!” ดวงตาคมเบิกกว้างมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นตกใจ“ชิงหยวน นี่เธอกำลังจะขอหย่ากับผมอย่างนั้นหรือ”“ใช่ค่ะ”ซ่งเจียซินตอบกลับด้วยสีหน้าสงสัย เอกสารตรงหน้าเธอระบุชัดเจนถึงจุดประสงค์แล้วเหตุใดชายหนุ่มจึงยังต้องถามย้ำอีกกัน หรือว่าเธอร่างสัญญาไม่ชัดเจน“ก่อนหน้านี้เป็นฉันที่ผิดต่อคุณ ฉกฉวยโอกาสตอนที่คุณกำลังเดือดร้อนบังคับคุณให้ยอมแต่งงานด้วย”ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการตกลงที่ล้วนได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่ซ่งเจียซินต้องการยุติความสัมพันธ์นี้จึงจงใจยอมรับความผิดทั้งหมดมาเองเพื่อง่ายต่อการเจรจา“อีกทั้งหลังแต่งงานมาฉันเองก็ทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีนัก ตอนนี้ฉันรู้สึกละอายใจต่อคุณจึงอยากมอบอิสระคืนให้คุณค่ะ”มอบอิสระอะไรกัน! เขาเคยบอกหรือว่าต้องการหย่ากับเธอ หลี่โจวอี้ตกใจกับความคิดของตนเองเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาวางแผนเอาไว้ว่าหลังจากที่ทำเรื่องย้ายมาอยู่ในสังกัดใกล้บ้านได้แล้วก็จะเจรจาขอหย่ากับเสวี่ยชิงหยวน ทว่าไม
บทนำ“ที่นี่คือที่ไหน? ทำไมถึงมืดขนาดนี้ มีใครอยู่ไหมคะ ช่วยเปิดไฟให้หน่อยได้ไหม”ท่ามกลางความมืดสนิทที่มองไปทางไหนก็ไร้จุดหมาย ซ่งเจียซินเดินไปมาอย่างไร้ทิศทาง เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองกำลังจะเดินข้ามถนนเพื่อไปซื้อเนื้อหมูสดที่ตลาดฝั่งตรงข้าม แต่ขณะที่อยู่ตรงกลางถนนบังเอิญมีหญิงชราคนหนึ่งหกล้ม ด้วยคุณธรรมในใจจึงหันหลังกลับไปช่วยพยุงอีกฝ่ายลุกขึ้น"เจอกันอีกแล้วนะ""เจอกันอีกแล้วเอ่อ... เราสองคนเคยเจอกันมาก่อนด้วยหรือคะ"หญิงชราคนนั้นไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มให้เธอแล้วเดินจากไป ซ่งเจียซินแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ หมุนตัวเพื่อเดินไปยังอีกฟากของถนนเพื่อเร่งทำธุระของตนต่อใกล้ได้เวลาเข้างานแล้ว ถ้ายังไม่เร่งวันนี้เธออาจจะหมักหมูไม่ทัน แล้วพรุ่งนี้ก็คงไม่มีหมูไปย่างขายในขณะที่ซ่งเจียซินเร่งฝีเท้า แสงไฟจากรถบรรทุกคันหนึ่งก็สาดส่องมาที่ตัวเธอ ไม่ทันตั้งตัวสติก็ดับวูบ ร่างกายมืดมิดขึ้นมากะทันหัน คาดเดาตามสถานการณ์แล้วเธอต้องถูกรถบรรทุกคันนั้นชนตายอย่างแน่นอน แต่เพราะอะไรตอนนี้เธอจึงมาอยู่ที่นี้ หรือว่านี่จะเป็นเส้นทางไปยมโลกที่กล่าวถึงในนิทานระดับประถมแต่ไม่ทันได้คำตอบที่แน่ชัด ทั่วทั้งตั
ซ่งเจียซินเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินกลับมา พร้อมกับซองเอกสารสีน้ำตาล เมื่อนั่งลงบนโซฟาแล้วก็เอายื่นให้กับหลี่โจวอี้“อะไร” หลี่โจวอี้เอ่ยถามพร้อมกับหยิบเอกสารด้านในออกมาดู“สัญญาหย่า!” ดวงตาคมเบิกกว้างมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นตกใจ“ชิงหยวน นี่เธอกำลังจะขอหย่ากับผมอย่างนั้นหรือ”“ใช่ค่ะ”ซ่งเจียซินตอบกลับด้วยสีหน้าสงสัย เอกสารตรงหน้าเธอระบุชัดเจนถึงจุดประสงค์แล้วเหตุใดชายหนุ่มจึงยังต้องถามย้ำอีกกัน หรือว่าเธอร่างสัญญาไม่ชัดเจน“ก่อนหน้านี้เป็นฉันที่ผิดต่อคุณ ฉกฉวยโอกาสตอนที่คุณกำลังเดือดร้อนบังคับคุณให้ยอมแต่งงานด้วย”ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการตกลงที่ล้วนได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่ซ่งเจียซินต้องการยุติความสัมพันธ์นี้จึงจงใจยอมรับความผิดทั้งหมดมาเองเพื่อง่ายต่อการเจรจา“อีกทั้งหลังแต่งงานมาฉันเองก็ทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีนัก ตอนนี้ฉันรู้สึกละอายใจต่อคุณจึงอยากมอบอิสระคืนให้คุณค่ะ”มอบอิสระอะไรกัน! เขาเคยบอกหรือว่าต้องการหย่ากับเธอ หลี่โจวอี้ตกใจกับความคิดของตนเองเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาวางแผนเอาไว้ว่าหลังจากที่ทำเรื่องย้ายมาอยู่ในสังกัดใกล้บ้านได้แล้วก็จะเจรจาขอหย่ากับเสวี่ยชิงหยวน ทว่าไม
หลี่จื่อหมิงมองเห็นมารดาเลี้ยงเดินขึ้นไปชั้นบนเพียงลำพังในใจก็เกิดความกังวลถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นสายตาที่เธอทอดมองมาทางพวกเขาด้วยความเศร้า หัวใจของเด็กชายก็คล้ายถูกบีบรัดเศร้าหมองขึ้นมา“วันนี้พ่อเพิ่งกลับมาคงเหนื่อยมาก ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องเถอะครับ”“งั้นพวกเราก็ขึ้นห้องนอนกันเถอะ”หลี่โจวอี้ตอบรับลูกชายฝาแฝดคนโตในทันที ทว่ายามที่จะลุกขึ้นพาพวกเขากลับเข้าห้องนอนเช่นทุกครั้ง กลับถูกคัดค้านขึ้นมา“พ่อแต่งงานแล้วจะนอนห้องเดียวกับพวกเราได้ยังไงครับ”“จื่อหมิง ลูกหมายความว่าจะให้พ่อกลับไปนอนที่ห้องเดิม”หลี่โจวอี้ขมวดคิ้วหนาด้วยความสงสัย ปกติแล้วยามที่เขากลับมาบ้านลูกชายทั้งสามจะเกาะติดเขาแน่น และพยายามอย่างหนักในการขัดขวางเขากับเสวี่ยชิงหยวน ทว่าเหตุใดครั้งนี้จึงพูดราวกับจงใจเปิดทางให้เขาใกล้ชิดกับเสวี่ยชิงหยวน“ที่นอนของพวกเราไม่ได้กว้างมาก ปกตินอนกันสามคนก็แน่นมากแล้ว คืนนี้พ่อกลับไปนอนที่ห้องเดิมเถอะครับ”คิ้วเข้มของหลี่โจวอี้ขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้น มองลูกชายคนรองด้วยความรู้สึกสงสัยเป็นทบทวี หากพูดถึงความรู้สึกที่ลูกชายทั้งสามของเขามีต่อเสวี่ยชิงหยวน
หลังมื้อค่ำหลี่โจวอี้ต้องการอยู่พูดคุยกับลูกชายทั้งสามต่อ ซ่งเจียซินรู้ดีว่าตนเองเป็นคนนอกจึงไม่ต้องการรบกวนพวกเขา ใช้ข้ออ้างว่าติดละครช่วงค่ำแยกตัวออกมานั่งดูโทรทัศน์ดวงตาคมมองแผ่นหลังบางที่เดินออกจากห้องอาหารไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ ปกติแล้วทุกครั้งที่เขากลับบ้านเสวี่ยชิงหยวนจะต้องใช้ลูกไม้สารพัดทำให้เขายอมอยู่กับเธอ แม้แต่การจงใจกินดอกลำโพงจนตัวเองล้มป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขาในวันที่เขาจะกลับเข้ากรมเมื่อครั้งก่อนเธอก็เคยทำเช่นนี้แล้วเสวี่ยชิงหยวนในวันนี้เป็นอะไรไป ทำไมเขาจึงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเธอ ราวกับเธอคนนี้ไม่ใช่เสวี่ยชิงหยวนที่เขาเคยรู้จัก“คุณพ่อครับ มาครั้งนี้คุณพ่อจะอยู่กี่วันหรือครับ”“ห้าวัน”“แค่ห้าวันเองหรือครับ”“ทำไมหรือ มีอะไรหรือเปล่า”ปกติแม้ว่าหลี่จื่อรั่วจะเป็นเด็กชายขี้อ้อน ทว่าที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้ หรือว่าระหว่างนี้เสวี่ยชิงหยวนจะสร้างความลำบากให้ลูก ๆ ของเขาอีกแล้ว“ผู้หญิงคนนั้นรังแกลูก ๆ อีกแล้วหรือ”ได้ยินคำถามนี้หลี่จื่อรั่วก็รีบเงยหน้าส่ายหัวไปมาดุกดิกอย่างรวดเร็ว“แม่ไม่ได้รังแกพวกเราเลยครับ ยังใจดีมากอีกด้วย”“ใจดี?”ให้หลี่จื่อ
ซ่งเจียซินขบกรามแน่น เขาไม่ได้ลงโทษตีเธอตามคำมั่นที่ให้ไว้กับเด็กทั้งสาม แต่กลับบอกว่าต้องการกินอาหารค่ำฝีมือเธอ หากในตอนนี้คนในร่างเป็นเสวี่ยชิงหยวนคนเดิม เกรงว่าเรื่องราวคงไม่จบโดยง่ายเพียงแต่เธอในเวลานี้คือซ่งเจียซิน ผู้มีฉายาเจ้าแม่ร้อยอาชีพ!“อิงอิง ปกติแล้วคุณหลี่ชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหม หรือว่าไม่ชอบทานอะไรบ้างหรือเปล่า”ได้ยินคุณหนูของตนสอบถามความชอบและไม่ชอบของผู้พันหลี่โจวอี้อย่างใส่ใจ หูหลินอิงก็ได้แต่ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกเสียดาย คุณหนูเสวี่ยของนางแม้จะขาดคุณสมบัติบางประการไป แต่ก็เป็นหญิงสาวที่พร้อมด้วยรูปและทรัพย์ เหตุใดต้องมาทนกับพ่อหม้ายลูกติดหลี่โจวอี้พวกนี้ด้วยนะ“คุณหนูให้ฉันทำให้เถอะค่ะ”“ทำอะไรกัน ผู้พันอยากกินอาหารฝีมือฉัน แน่นอนว่าฉันต้องทำอย่างเต็มความสามารถเพื่อเอาใจเขาสิ”“แต่ว่าคุณหนูทำอาหารไม่เป็นไม่ใช่หรือคะ”เมื่อได้ยินคุณสมบัติส่วนตัวของเจ้าของร่าง ซ่งเจียซินก็ชะงักมือที่กำลังหั่นผักไปชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มมุมปากแล้วลงมือทำต่ออย่างชำนาญ“ทำไม่เป็นก็หัดได้ ก็แค่อาหารไม่เห็นจะยากเย็นอะไร”ดังนั้นหนึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร
หลี่จื่อรั่วจับมือซ่งเจียซินลงมาที่สนามหญ้าหลังบ้าน โดยมีหลี่จื่อชิงและหลี่จื่อหมิงที่วางท่าจำใจตามลงมาเพื่อติดตามดูแลหลี่จื่อรั่วอยู่ไม่ห่าง ซ่งเจียซินที่รู้ทันเด็กน้อยทั้งสองคนจึงไม่ได้ตำหนิ อีกทั้งยังท้าดวลพวกเขาสามคนแข่งกันเตะเข้าประตูแมว แน่นอนว่าด้วยอัตราหนึ่งต่อสามแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กชายเจ็ดขวบ แต่ร่างกายที่เติบโตมาราวกับไข่ในหินของเสวี่ยชิงหยวนย่อมอ่อนแอและบอบบาง ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีก็ถูกเด็กชายทั้งสามนำไปด้วยคะแนน สองต่อศูนย์“แม่ครับ พวกเราพักก่อนดีหรือไม่”หลี่จื่อรั่วเห็นมารดาเลี้ยงสองแก้มแดงก่ำ อีกทั้งยังหายใจหอบถี่ก็เอ่ยถามด้วยความห่วงใย หากแต่หญิงสาวกลับยืดตัวเอ่ยตอบเสียงหนักแน่น“ได้พัก วันนี้ฉันจะต้องชนะพวกนายให้ได้”หลี่จื่อหมิงได้ยินหญิงสาวประกาศกร้าวก็ยกยิ้มขบขัน ก่อนจะจับบอลพลิกตัวไปมา แล้วยิงเข้าประตูทำคะแนนอีกรอบ“จื่อหมิงนายเก่งที่สุด”หลี่จื่อชิงตะโกนชมพี่ชายฝาแฝดของตนเองเสียงก้อง“สามรุมหนึ่ง ชัยชนะนี้น่าภาคภูมิใจมากหรือไร”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น สายตาสี่คู่ในสนามพลันหันไปมองโดยพร้อมกัน หลี่จื่อหมิงเห็นแววตาคมดุของบิดามีคำตำหนิแฝงก็ก้มหน้าพาน้องชายทั้งสองเ
ซ่งเจียซินยืนพิงขอบหน้าต่างห้องนอนมองดูสนามหญ้าเบื้องล่างด้วยความรู้สึกสงสัย สามวันแล้วที่เธอมอบลูกบอลหนังให้เด็กชายทั้งสามคนไป ทว่าจวบจนวันนี้กลับไม่เคยเห็นพวกเขาหยิบมันมาเล่นเลยสักครั้ง หรือแท้จริงแล้วพวกเขาจะไม่ชอบเล่นบอลกัน“อิงอิง ปกติคุณชายทั้งสามคนเขาชอบเล่นบอลหรือไม่”“ชอบค่ะ”“แล้วทำไม ฉันไม่เห็นเขาเอาบอลมาเล่นที่สนามล่ะ”“เรื่องนี้คุณหนูคงต้องถามตัวเองแล้ว...”ถามตัวเอง หรือว่าเสวี่ยชิงหยวนผู้เป็นเจ้าของร่างเดิมจะทำเรื่องบางอย่างเอาไว้อีกแล้วซ่งเจียซินเพ่งสายตามองไปที่สนามหญ้าด้านล่าง พยายามขบคิดความทรงจำเดิมของเสวี่ยชิงหยวน ก่อนที่ภาพหนึ่งจะสะท้อนเข้ามาในห้วงความคิด“เอามานี่”เสวี่ยชิงหยวนตวาดเสียงหงุดหงิดก่อนจะแย่งบอลในมือของหลี่จื่อรั่วมาแล้วใช้กรรไกรจิ้มจนเกิดรอยรั่วมากมาย “คุณทำอะไร!”หลี่จื่อชิงเข้ามาแย่งบอลคืน หากแต่ก็สายเกินแก้ไข รอยรั่วมากมายทำให้ลูกบอลลูกนี้ไม่อาจเล่นได้อีก หลี่จื่อรั่วน้ำตาไหลอาบแก้ม สะอื้นจนตัวสั่น หากแต่กลับไม่ได้ทำให้เสวี่ยชิงหยวนรู้สึกสงสารเลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับกล่าวคำข่มขู่เพิ่มเติม“วันนี้ฉันแค่ทำลายบอลของพวกแก ถ้าวันหน้าพวกแกยังกล้า
บทที่ 14 ได้รับความเชื่อใจ (1)เมื่อกลับมาถึงบ้านหลี่จื่อรั่วที่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเองแล้วเห็นชุดใหม่สามชุดแขวนอยู่ก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นยินดี อีกทั้งยังหยิบทั้งสามชุดออกมาวางทาบตัวด้วยท่าทางกระตือรือร้น“จื่อหมิง จื่อชิง พวกนายดูชุดใหม่พวกนี้สิ พอดีกับตัวพวกเราเลย”หลี่จื่อหมิงขมวดคิ้วเข้มมองดูชุดใหม่ที่น้องชายถือ ไม่ต้องซักถามหรือคาดเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าชุดพวกนี้เป็นใครที่ซื้อมาให้ ในขณะที่หลี่จื่อชิงเองก็รีบลุกไปเปิดตู้ของตนเอง เมื่อเห็นว่าเขาเองก็ได้ชุดใหม่ในแบบเดียวกันกับหลี่จื่อรั่วบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มยินดี สองปีมาแล้วที่เขาไม่เคยได้ชุดใหม่เลย เพียงแต่เมื่อคิดถึงคนที่น่าจะซื้อชุดเหล่านี้ให้ตนเอง ท่าทางยินดีเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ“ไม่เห็นจะสวยสักนิด เลือกชุดก็ไม่เป็น”ทั้งที่ปากบ่นตำหนิ แต่มือกลับจับชุดเหล่านั้นเอาไว้แน่น มุมปากก็ยกขึ้นเป็นครั้งคราวอย่างพยายามอดกลั้นหลี่จื่อหมิงลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเองก็พบชุดในแบบเดียวกันกับน้องชายเช่นกัน หากแต่บนใบหน้าของเขากลับไม่มีความยินดีเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับแฝงไปด้วยความหวาดระแวงและกังวลใจ“พับให้เรียบ
ซ่งเจียซินใช้เวลาหลังจากที่เด็ก ๆ ไปโรงเรียนแล้วตรวจสอบบัญชีกิจการ เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาอะไรให้กังวลเธอก็มอบหมายให้ตงซางผู้จัดการเดิมดูแลต่อ โดยเธอจะแวะเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะ ในระหว่างที่กำลังจะกลับบ้านเพื่อเตรียมไปรับเด็ก ๆ สายตาก็หันไปเห็นลูกบอลหนัง ซ่งเจียซินนึกถึงสนามหญ้าด้านหลังบ้านที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางเหมาะแก่การทำเป็นสนามฟุตบอลให้เด็ก ๆ ใช้ออกกำลังกาย“อิงอิง ไปซื้อลูกบอลหนังให้ฉันที”“ค่ะ”หูหลินอิงเดินไปซื้อของตามคำสั่งผู้เป็นนาย ขณะที่ซ่งเจียซินเดินไปดูเสื้อผ้าที่แผนกเด็กโต วันก่อนเธอสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเด็กชายมีขนาดเล็กเกินไป ก่อนออกจากบ้านจึงไปแอบวัดเสื้อผ้าชุดเดิมมาคร่าว ๆ เพื่อกะขนาดที่ใหญ่ขึ้นสักหน่อยให้พวกเขา ทว่าเลือกดูได้ไม่นานเธอก็ชนเข้ากับแผงอกแกร่งของใครบางคน“อะ... ขอโทษค่ะ”เพราะเธอเดินไม่ระวังจึงชนคน ดังนั้นซ่งเจียซินจึงรีบขอโทษก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ตนเองชน และทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นในทันที“คุณเฉินเซียว”“คุณเสวี่ย ไม่เจอกันนานคุณสบายดีไหม”“สบายดีค่ะ แล้วนี่ภรรยาของคุณล่ะคะไม่มาด้วยหรือ”เฉินเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อถูกหญิงสา
ซ่งเจียซินยืนพิงขอบหน้าต่างห้องนอน ร่วมเดือนแล้วที่เธอทะลุมิติมาใช้ชีวิตในฐานะของเสวี่ยชิงหยวน แต่ระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ก็ทำให้เธอได้รู้ว่า หลี่โจวอี้ไม่ได้ต้องการให้เธอเป็นภรรยาอย่างแท้จริง และเด็กชายทั้งสามก็ไม่ปรารถนาให้เธอเป็นมารดาเลี้ยง เช่นนี้แล้วยังมีเหตุผลใดให้เธอต้องทนอยู่ในบ้านหลังนี้กัน“อิงอิง ในยุคนี้สามีภรรยาสามารถหย่าขาดจากกันได้แล้วใช่ไหม”“ได้ค่ะ แต่การหย่าร้างจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของผู้หญิงนะคะ”หูหลินอิงอยู่กับเสวี่ยชิงหยวนมาหลายปี แม้ช่วงนี้อีกฝ่ายจะมีพฤติกรรมและความคิดที่แปลกไปจากปกติ แต่เธอก็พอจะคาดเดาความคิดของผู้เป็นนายได้“ก็แค่หญิงหม้าย หย่าสามี มีเรื่องใดให้ต้องอับอายกัน”“คุณหนูตัดใจทิ้งคุณชายทั้งสามได้หรือคะ”หากเป็นเมื่อก่อนหูหลินอิงย่อมไม่กล้าถามคำถามนี้ เพราะรู้ดีว่าคุณชายทั้งสามไม่มีความสำคัญใดต่อคุณหนูของตนเลยสักนิด ทว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณชายน้อยทั้งสาม คุณหนูของเธอก็จะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ“พวกเขาต้องการฉันด้วยหรือ”หลี่จื่อหมิง และ หลี่จื่อรั่วสบตากันก่อนจะมองไปที่หลี่จื่อชิงด้วยความสงสัย ก่อนที่หลี่จื่อรั่วจะข