Share

บทที่ 7 ตลาดมืด

last update Last Updated: 2025-02-16 11:25:11

สหกรณ์อำเภอเป็นแหล่งรวมสินค้าที่ผู้คนมากมายต่างมาเลือกซื้อของ ยิ่งช่วงต้นเดือนมีสินค้าเข้ามาใหม่ก็จะถูกยื้อแย่ง ใครมาเร็วก็ได้ใครมาช้าก็อด แต่ที่นี่ต้องใช้คูปอง ซึ่งหากมีเงินแต่ไม่มีคูปองก็ไม่สามารถซื้อได้อยู่ดี ยกเว้นจะมีเส้นสายหรือรู้จักพนักงานของที่นี่

เฉินเฟิ่นอี้เดินเข้าสหกรณ์พร้อมเฉินตงที่ถือตะกร้าให้ เฉินไห่หลิวต้องการหนังสือและเขามีเงินที่จะซื้อหนังสืออยู่บ้าง ซึ่งมันเป็นเงินเก็บของเขาและเฉินตง ที่พวกเขาทำงานให้เพื่อนร่วมชั้น และเป็นเงินที่ได้รับจากย่าเฉินวันละสองเฟินต่อวัน

ช่วงนี้เป็นช่วงกลางเดือน คนในสหกรณ์จึงมีไม่เยอะมาก และสินค้าต่างๆ ก็ใกล้จะหมดแล้ว เฉินเฟิ่นอี้เดินไปยังโซนเครื่องปรุงตามที่ตาเห็น เครื่องปรุงมีอะไรบ้างเธอก็จับใส่ตะกร้าให้หมด มีทั้งซอสหอย ซีอิ๊ว น้ำปลา ผงปรุงรส น้ำมัน และของอย่างอื่น ซึ่งเธอได้คำนวณไว้แล้วว่าให้พอดีกับคูปอง

“พี่สาวสาม เงินเราจะพอเหรอครับ” เฉินตงกระซิบถามเมื่อเห็นของพูนเต็มตะกร้า

“พอสิ”

นอกจากเครื่องปรุงแล้วเฉินเฟิ่นอี้ยังซื้ออาหารแห้งที่สามารถใช้บำรุงร่างกายกลับไปด้วย เฉินเฟิ่นอี้นำเงินที่ได้รับจากระบบมาด้วย เข้าอำเภอทั้งทีเธอต้องซื้อให้คุ้ม หากมีคนถามก็บอกว่าเป็นเงินเก็บของเธอก็ได้ เฉินเฟิ่นอี้มีเงินเก็บจริงแค่สามหยวนทั้งที่ควรจะมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“แอปเปิล?” เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เธอต้องการ ชี้นิ้วให้เฉินตงแบกกระสอบแอปเปิลที่ราคาหนึ่งหยวนมีหลายสิบลูก ก่อนจะหันไปอุ้มเอาแตงโมมาสองลูก

“ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะครับ” เฉินตงกระซิบ ของที่หยิบใส่ตะกร้าตอนนี้ไม่น้อยเลย เขากลัวว่าเงินที่ย่าเฉินให้มาจะไม่พอ เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้า

ระหว่างเดินไปจ่ายเงิน เฉินเฟิ่นอี้ก็เห็นกระปุกนมผงพอดีจึงหอบมาด้วยสองกระปุก ราคากระปุกละสามหยวน ซึ่งเฉินเฟิ่นอี้จะนำไปให้เฉินชิงชิงดื่ม

“ทั้งหมดเก้าหยวน สี่คูปองค่ะ” พนักงานสหกรณ์คิดเงิน

เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าไม่สนใจว่าเฉินตงจะอ้าปากค้าง เธอหยิบตั๋วเงินจำนวนสิบหยวนให้พนักงานสหกรณ์ ไหนๆ เธอก็จะให้เขาพาไปตลาดมืดแล้ว ให้เขารู้อีกสักเรื่องคงไม่เป็นไร

“เงินทอนค่ะ”

ร้านหนังสืออยู่ถัดจากสหกรณ์ไปไม่ไกล เฉินเฟิ่นอี้จึงเดินไปหาเฉินไห่หลิวที่เลือกหนังสือยังไม่เสร็จ ท่ามกลางความเงียบของเฉินตงที่มองมาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถาม

เฉินไห่หลิวเลือกซื้อหนังสืออยู่บริเวณหน้าร้านหนังสือ เฉินตงจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเฉินเฟิ่นอี้ถึงก่อน จะปากโป้งหรือ ฝันไปเถอะ!

“นายยังเลือกไม่เสร็จใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ฝากดูแลของพวกนี้ด้วยนะ ฉันจะไปดูของเพิ่มอีกหน่อย” เฉินเฟิ่นอี้วางของในมือลงบนที่วางของในร้านหนังสือ

“ได้ครับ” เฉินไห่หลิวมองอย่างงๆ เมื่อเห็นของเยอะ ทั้งเฉินตงยังมีสีหน้าแปลกๆ อีก

“เฉินตงเร็วๆ สิ!”

“ครับ!” เฉินตงรีบวางตะกร้าที่เขาแบกมา สองขารีบวิ่งไปหาพี่สาวที่เดินออกไปก่อนแล้ว ไม่มีเวลาให้แม้แต่สอบถาม หลังจากกลับจากอำเภอคงต้องคุยกับเฉินไห่หลิวแล้ว

เฉินเฟิ่นอี้หยุดเดินมองซ้ายมองขวาเมื่อเข้ามาอยู่ในซอยเปลี่ยวซอยหนึ่ง ซึ่งมันเป็นซอยตันที่มั่นใจว่าไม่มีคนแอบฟังหรือได้ยินสิ่งที่เธอต้องการพูดแน่

“ฉันต้องการไปตลาดมืด” เธอรีบบอกทันที จากการคาดเดา อีกไม่นานเฉินไห่หลิวก็คงเลือกหนังสือเสร็จ เฉินเฟิ่นอี้ต้องทำเวลาเพราะยังต้องซื้อเนื้อและไข่ด้วย

“ไม่ได้!” เฉินตงรีบปฏิเสธพลางมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน ซึ่งสถานที่นี้หากถูกเยาวชนแดงได้ยินจะถูกจับตัวไป หากเขามาเพียงลำพังหรือมาพร้อมเฉินไห่หลิวเขาไปได้ แต่กับเฉินเฟิ่นอี้เขาพาไปไม่ได้จริงๆ

“เฉินตงนายคงเห็นแล้วว่าฉันมีเงิน ฉันจำเป็นต้องไปที่ตลาดมืดจริงๆ” อย่างน้อยขายคูปองหนึ่งใบเธอคงได้ไม่ต่ำกว่าสองหยวน หรืออาจได้มากกว่านั้นพร้อมแต้มคะแนนที่สูง

“พี่จะไปทำอะไร” เฉินตงถาม สินค้าในตลาดมืดแพงมาก ซึ่งพวกเขาไม่มีปัญญาซื้อแน่ๆ

“ขายคูปอง” เฉินเฟิ่นอี้ถอนหายใจและนึกข้ออ้างออกแล้วว่าทำไมถึงมีคูปองและเงินมากขนาดนี้ เธอจะบอกว่าหมิงหลานฮุ่ยเคยให้เธอเมื่อนานมาแล้วทุกคนจะได้ไม่สงสัย อย่าลืมสิบ้านของเขามีฐานะ ของแค่นี้จะให้ได้ก็ไม่แปลก

“ขายคูปอง!”

“เฉินตง!” เฉินเฟิ่นอี้รีบใช้มือปิดปากเฉินตงที่โพล่งออกมาอย่างลืมตัว โชคดีที่เธอพาเขาเดินออกมาตั้งไกล ไม่อย่างนั้นคงได้ยินกันหมดแล้ว

“ฉันจำเป็นจริงๆ คูปองนี้เป็นของหมิงหลานฮุ่ยที่เคยให้มา ฉันจึงต้องการขาย”

“ได้ ตามผมมา”

อ้าว ง่ายๆ แบบนี้? เฉินเฟิ่นอี้มองตามเฉินตงที่เดินนำไปอย่างปวดหัว เธอมีข้ออ้างดีๆ ไม่ยอมพาไป แต่พอบอกว่าเป็นของใครกลับรีบเดินนำไปอย่างเร็ว

โชคดีที่พวกเธอนำหมวกไม้ไผ่สานมาด้วย ทำให้ไม่เสียเวลาหาสิ่งปิดใบหน้า อย่างที่รู้ๆ กันว่าตลาดมืดคือสถานที่ผิดกฎหมาย ผู้คนที่เข้าไปต่างใช้ของปิดบังใบหน้าและทำตัวกลมกลืนให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันจะจริงหรือไม่จริงอันนี้เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่รู้ เธอเคยอ่านนิยายมันบอกแบบนั้น และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมา

“สายลมหวนผ่านสองวสันต์” เฉินตงอยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นหน้าประตูไม้ในบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่มันจะถูกเปิดออก เฉินตงรีบกระชากมือเฉินเฟิ่นอี้เข้าไปด้านในและประตูก็ปิดลง

เฉินเฟิ่นอี้มองสำรวจด้านในที่ทรุดโทรมเหมือนกับไม่มีคนอยู่ แต่ด้านหน้าของพวกเธอมีผู้ชายใส่หน้ากากนั่งอยู่กลางบ้าน ก่อนที่จะชี้ไปยังประตูอีกบานที่อยู่ด้านใน

“ขอบใจ”

ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนที่เฉินตงจะก้มลงดึงอะไรบางอย่างที่หน้าประตู เขาเปิดมันออกอย่างคุ้นเคยและปรากฏทางเดินบันไดที่ลงไปยังใต้ดิน เฉินเฟิ่นอี้ตาโตและรีบก้าวเดินตามเขาไปอย่างเร่งรีบ สองมือกำกระเป๋าผ้าไว้แน่น

“ระวังตัวด้วย” ไม่นานเฉินตงก็หยุดลงที่ประตูบานหนึ่งและหันมาบอกเฉินเฟิ่นอี้ที่เดินตามหลัง เธอรีบพยักหน้าทันที เขาจึงเปิดประตูออกไป

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ามันเกินความคาดหมายของเธอไปมาก ที่เคยอ่านมานักเขียนจะบอกว่ามันมืดและเงียบมาก แต่ตรงหน้าของเธอนั้นมีแสงไฟสว่างตลอดเส้นทาง มีผู้คนเดินผ่านไปมาและเสียงพูดคุยก็ไม่เบาเลย เหมือนตลาดในชีวิตก่อนชัดๆ

‘มาจ้า ไข่งามๆ ทางนี้จ้า’

‘ตรงนี้มีผักสวยๆ จ้ะ’

‘ทางนี้มีเนื้อหมูนะ เร็วหน่อยๆ ใกล้หมดแล้ว’

‘ข้ามีหนังสือใหม่มาขาย’

“เฉินตงนายพาฉันมาถูกที่แน่นะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามย้ำเฉินตงที่แวะดูหนังสือ

“ถูกแล้ว”

เฉินเฟิ่นอี้มองเฉินตงที่สนใจหนังสือจึงกระซิบบอกว่าเดี๋ยวเธอกลับมาให้รอตรงนี้ เธอจะขายคูปองเนื้อไปด้วยหากเฉินตงไปด้วยคงไม่ดีแน่ๆ

สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงลอยพ่อค้าแม่ค้า ทุกคนปิดบังใบหน้าทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้น่ากลัว อีกอย่างยังมีแสงไฟส่องสว่างทั้งบริเวณ เฉินเฟิ่นอี้สาวเท้าไปตามทางเรื่อยๆ เธอต้องการคนที่อยากได้คูปองเพราะจะได้เงินเยอะกว่าหาคนแลก

“พี่สาวๆ ต้องการคูปองไหมคะ” เฉินเฟิ่นอี้ร้องถามผู้หญิงในผ้าคลุมที่เมื่อครู่ได้ยินว่าต้องการคูปอง แต่ด้วยระยะทางที่ยืนอยู่เธอไม่ได้ยินว่าหล่อนต้องการคูปองอะไร

“เธอมีหรือเปล่าล่ะ” พี่สาวที่เฉินเฟิ่นอี้เลือกหันมาถาม เฉินเฟิ่นอี้สำรวจดูครู่หนึ่งก็เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าอวบอิ่มมาก ต้องเป็นคนมีเงินแน่ๆ

“ฉันมีค่ะ แต่ไม่รู้ว่าพี่สาวต้องการคูปองอะไร” เฉินเฟิ่นอี้มีคูปองเนื้อสองชั่งห้าใบ คูปองอุตสาหกรรมสิบใบ คูปองอาหารเหลือสามใบ และยังมีอีกหลายคูปองที่ลืมไปแล้ว ทั้งหมดเป็นคูปองไม่จำกัดระยะเวลาใช้

“ฉันต้องการคูปองอุตสากรรมสองใบ แต่หามาหลายวันแล้วก็ยังไม่มี” หล่อนว่าน้ำเสียงอ่อนล้า

ไม่แปลกที่จะไม่มีคนขายหรือแลก เพราะคูปองอุตสาหกรรมหายากจริงๆ ในบ้านเฉินคงมีไม่ถึงห้าใบ เพราะบางครั้งก็นำไปซื้อของ อย่างหม้อที่ย่าเฉินตัดสินใจซื้อ ใช้คูปองไปถึงสามใบเลยทีเดียว

“ฉันมีค่ะ ฉันมี” เฉินเฟิ่นอี้ลอบยิ้ม โชคเข้าข้างเธอแล้วจริงๆ ที่มาถามถูกคน กระเป๋าผ้าถูกเปิดออกก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปค้นหา เฉินเฟิ่นอี้หยิบคูปองออกมาสองใบ ที่เหลือเก็บไว้หากต้องการใช้หรือมาขายวันอื่น

“เธอจะขายเท่าไหร่! ฉันให้ใบละสิบหยวน เอ๊ะ น้อยไปหรือไม่ ฉันให้ใบละยี่สิบหยวนก็แล้วกัน ขายให้ฉันเถอะนะ” หล่อนถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง คูปองอุตสาหกรรมเป็นคูปองที่บ้านของหล่อนต้องการใช้

เฉินเฟิ่นอี้ยืนนิ่งเมื่อได้ยินราคาของคูปอง เธอคิดไว้ว่าคงไม่เกินห้าหยวน แต่อีกฝ่ายกลับให้ราคาถึงใบละยี่สิบหยวน! ซึ่งหากเธอขายไปก็จะได้รับเงินจำนวนสี่สิบหยวน

“ตกลง” ไม่รอช้าเฉินเฟิ่นอี้ตกลงที่จะขายทันที

เมื่อตกลงราคาและแลกกันแล้วเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินออกจากตรงนั้น รีบสาวเท้ากลับไปหาเฉินตงที่ยืนรออยู่อย่างเร่งรีบ ขายแค่นี้ก็พอแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเอาของออกมาขายอีก ทั้งกระเป๋าผ้าเสี่ยงต่อการถูกแย่งชิงมาก

“เสร็จแล้วเหรอครับ” เฉินตงที่ยืนรออยู่ถาม

“อืม แล้วนายล่ะ ไม่เอาหนังสือเหรอ” เพราะก่อนที่เธอจะไป เฉินเฟิ่นอี้เห็นเขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาด้วยความอยากได้ จึงแปลกใจที่เขาไม่ซื้อ

“ไม่เอาครับ เฉินไห่หลิวคงซื้อแล้ว”

“อ้อ ไปกันเถอะ”

เฉินเฟิ่นอี้เดินนำหน้าเฉินตง เหมือนว่าแถวๆ นี้จะมีแผงไข่อยู่ เธอจะลองเอาคูปองเนื้อมาแลกดู ไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือเปล่า แต่ถ้าไม่รับก็จะไปซื้อข้างนอกเอา เดินไม่ไกลทั้งสองก็เจอกับร้านไข่ไก่ที่ตั้งแผงขายอยู่

“คุณรับแลกคูปองหรือเปล่าคะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามพ่อค้าที่นั่งอยู่

“คูปองอะไรล่ะ ผมรับแค่คูปองเนื้อและคูปองอุตสาหกรรม” พ่อค้าไข่ถามกลับ

“คูปองเนื้อสองชั่ง”

“รับ! ผมรับครับ คูปองหนึ่งใบ ผมให้ไข่ไก่ห้าชั่ง”

“ตกลง ฉันมีสองใบค่ะ”

เฉินเฟิ่นอี้ใช้เวลาที่พ่อค้าเตรียมไข่ไก่ยื่นคูปองให้เฉินตงจัดการ ส่วนเธอลืมซื้อของบางอย่างจึงจะกลับไปดูหน่อย ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเฉินเฟิ่นอี้ก็กลับมาหาน้องชายที่ยืนถือไขไก่สิบชั่ง

“ครบแล้ว ไปซื้อเนื้อกันเถอะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 8 เฉินไห่หลิวบ่น

    จะกลับมาถึงบ้านก็บ่ายสามแล้ว โชคดีที่ก่อนทางเข้าตำบลมีรถแทรกเตอร์ของหมู่บ้านขับผ่าน สามพี่น้องบ้านเฉินจึงขอติดรถกลับมาด้วยเพราะของหนักมาก มีทั้งเครื่องปรุง ไข่ แตงโม แอปเปิล เนื้อ และของอื่นๆ อีกมากมาย ยังดีที่มีกระสอบและตะกร้าใส่ไม่อย่างนั้นคนขับรถแทรกเตอร์คงมองเห็นของที่ซื้อมาเฉินเฟิ่นอี้เป็นคนลงจากรถคนแรก เธอหยิบเอาของที่สามารถถือได้ ที่เหลือปล่อยให้เฉินไห่หลิวกับเฉินตงจัดการ จากนั้นจึงเดินเข้าบ้านที่มีย่าเฉิน เฉินเหม่ยเย่ และเฉินชิงชิงนั่งเล่นกันอยู่“ซื้ออะไรมาเยอะขนาดนั้น!” ย่าเฉินอุทานมองตะกร้าของที่หลานทั้งสามคนแบกมา“อาหารค่ะ เอาไปไว้ในครัว” เฉินเฟิ่นอี้ตอบ พร้อมหันไปบอกน้องชายที่แบกกระสอบอยู่ เธอจะคุยกับย่าเฉินสักหน่อยค่อยเข้าไปจัดการของในครัว“ครับพี่”เฉินเฟิ่นอี้หยิบคูปองและเงินจำนวนสามหยวน ยื่นคืนย่าเฉินที่มองมาอย่างสงสัย นี่คือเงินที่หักจากการซื้อเครื่องปรุง ส่วนเงินอื่นๆ เฉินเฟิ่นอี้เป็นคนจ่ายเอง ย่าเฉินให้เงินไปซื้อแค่เครื่องปรุง“นี่คือเงินที่เหลือจากซื้อเครื่องปรุงค่ะ ส่วนของอย่างอื่นฉันซื้อเอง” เพื่อป้องกันการถูกด่าที่ซื้อของสิ้นเปลือง เฉินเฟิ่นอี้จึงบอกตั้งแต่แรก

    Last Updated : 2025-02-16
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 9 สอบเทียบ 1

    เรื่องที่บ้านเฉินมีเนื้อกินถูกพูดถึงทั้งหมู่บ้าน หากไม่ใช่เฉินหมิงกลับมาที่บ้านก็ต้องเป็นช่วงที่ได้รับผลผลิต บ้านเฉินรวมถึงทุกคนจึงจะมีเนื้อกิน แต่อยู่ๆ สามวันก่อนกลับมีคนได้กลิ่นเนื้อจากบ้านเฉิน ซึ่งเพื่อนบ้านต่างยืนยันว่าเป็นกลิ่นเนื้อจริงๆเฉินเฟิ่นอี้ถูกคนในบ้านเฉินซักถามว่าได้เนื้อมายังไง ก็เป็นย่าเฉินที่ออกหน้าและบอกว่านางเป็นคนเอาเงินและคูปองให้เฉินเฟิ่นอี้ไปซื้อเอง ทุกคนจึงทำได้แค่เงียบวันนี้มีการสอบเทียบ พี่ใหญ่เฉินหยุดงานหนึ่งวันเพื่อพาเฉินเฟิ่นอี้ เฉินไห่หลิว และเฉินตงไปสอบเทียบขึ้นมัธยมปลายในตำบล การสอบครั้งนี้ไม่ใช่การสอบใหญ่ ผู้ใหญ่ในบ้านเฉินจึงตกลงให้พี่ใหญ่เฉินไปคนเดียว ส่วนเรื่องลางานในแปลงนาทำเรื่องเอาไว้ตั้งแต่รู้วันสอบแล้วเดินทางไปในตำบลใช้เวลาเดินเท้าแค่ครึ่งชั่วโมง สมาชิกบ้านเฉินจึงไม่ได้เร่งรีบ เพราะมีสอบตอนเก้าโมง ลุงใหญ่ของบ้านจึงพาลูกชาย หลานชายและหลานสาวเดินเท้าไปยังตำบลถ้าเลือกได้เฉินเฟิ่นอี้ก็อยากได้จักรยานมาใช้ อย่างน้อยคงได้ไปซื้อของบ่อยๆ เอาไว้ลุงสามกลับมาที่บ้าน เธอจะลองขอให้เขาซื้อให้ดู หากให้พึ่งตนเองตอนนี้คงไม่ได้ เพราะต้องสำรองเงินบางส่วนไว้ใช้

    Last Updated : 2025-02-16
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 10 สอบเทียบ 2

    พักได้ไม่นานเฉินเฟิ่นอี้ก็ต้องเข้าห้องสอบต่อ วิชาที่สองเป็นวิชาคณิตศาสตร์ เธอใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม แน่นอนว่าครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ยังสอบเสร็จก่อนคนอื่น ช่วยไม่ได้ที่เธอมีตัวช่วยอย่างระบบเส็งเคร็งที่ชอบบอกคำตอบบ้าง แค่กๆเฉินเฟิ่นอี้ส่งกระดาษคำตอบทันทีที่หมดเวลาสอบ ท่ามกลางสีหน้าเคร่งเครียดของนักเรียนระดับมัธยมต้น คงมีเพียงเฉินเฟิ่นอี้ที่มีสีหน้าผ่อนคลาย เมื่อออกจากห้องสอบ บางคนรีบไปรับประทานอาหารมื้อกลางวันเพราะต้องกลับมาอ่านหนังสือต่อ วิชาต่อไปคือภาษาต่างประเทศอย่างภาษาอังกฤษที่เธอรู้จักดี เนื่องจากการทำงานเป็นเลขาของท่านประธานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ เธอในตอนนั้นจึงถูกส่งไปเรียนพิเศษแต่บางคนไม่ได้ไปรับประทานอาหารกลางวันเหมือนคนอื่น พวกเขาหาที่นั่งพร้อมกับอ่านหนังสือ จะสอบผ่านหรือไม่ผ่านก็อยู่ที่วิชาภาษาต่างประเทศแล้ว ยกเว้นบ้านเฉินที่เฉินเฟิ่นอี้ชวนไปหาที่รับประทานอาหารมื้อกลางวันข้างนอกโรงเรียนกองทัพต้องเดินด้วยท้อง และแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ไม่ต้องการอดอาหาร หากเฉินไห่หลิวกับเฉินตงเครียดและไม่ได้รับประทานอาหารมื้อกลางวัน พวกเขาอาจเป็นลมได้ ส่วนเธอนั้นไม่น่าห่วงเพราะไม่ได้

    Last Updated : 2025-02-16
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 11 สะใภ้สี่เฉินตัดขาดบ้านเดิม

    ห้าโมงเย็นเป็นเวลาเลิกงานของคนในหมู่บ้าน หลังจากเลขาธิการจดชื่อว่าใครได้กี่แต้ม ทุกคนก็ทยอยกลับบ้าน บ้านไหนที่จัดการเสร็จก่อนคนอื่นก็รีบร้อนกลับบ้าน เพราะผู้หญิงต้องไปทำงานบ้านและอาหารมื้อเย็น ต่างจากบ้านเฉินที่รอให้คนน้อยค่อยไปต่อแถวจดชื่อ ที่บ้านมีคนทำอาหารรอแล้ว“วันนี้เด็กๆ ไปสอบ ฉันหวังว่าทุกคนจะสอบผ่านหมดนะคะ จะได้ไปเรียนพร้อมกัน” สะใภ้สี่เฉินเอ่ยระหว่างยืนรอต่อแถวสมาชิกบ้านอื่น“อืม เฟิ่นอี้จะได้สอนน้องๆ ได้” สะใภ้ใหญ่เห็นด้วย เรื่องการเรียนของเฉินเฟิ่นอี้บ้านเฉินต่างรับรู้กันดี ขนาดเฉินไห่หลิวที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะยังไม่สู้หล่อน“ฮ่าๆ หลานสาวต้องสอบผ่านแน่ครับ หล่อนสอนการบ้านน้องสาวแทบทุกวัน ไหนจะอ่านหนังสือหนักอีก” พี่รองเฉินหัวเราะอย่างอารมณ์ดี“ใช่” ปู่เฉินเห็นด้วย“เหล่าสะใภ้อี้มีเรื่องอะไรกันเหรอ เห็นกลับจากสอบ ก็ตรงมาหาคนบ้านอี้เลย” สะใภ้สี่กล่าวด้วยความสนใจ หล่อนเป็นคนบ้านอี้มาก่อน เห็นแบบนี้จึงรับรู้ได้ว่าเกิดเรื่องขึ้น และรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย“จะอะไรก็เถอะ คุณไม่ต้องไปสนใจหรอก ขอแค่พวกหล่อนไม่ไปทำอะไรให้สูกสาวของเราก็พอ” น้องชายสี่เฉินบอกภรรยา แต่ก่อนเรื่องบ้านอี

    Last Updated : 2025-02-17
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 12 พี่สาวรองกลับบ้าน

    เรื่องที่สะใภ้สี่บ้านเฉินเอ่ยตัดขาดบ้านเดิมแพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว อย่างที่รู้กันว่าผู้หญิงที่แต่งงานออกจากบ้านก็จะเป็นคนในครอบครัวของสามี ไม่ใช่คนของบ้านเดิม แต่ถ้าไม่มีเรื่องร้ายแรงหรือบ้านเดิมตัดขาดกับคนที่แต่งออกจากบ้าน ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลูกสาวเอ่ยตัดขาดจากบ้านเดิมมาก่อนแต่เมื่อวานนี้สะใภ้สี่บ้านเฉินได้ทำลงไปแล้ว และเรื่องต่อมาที่จะพูดไม่ได้เลยก็คือหมิงหลานฮุ่ยยังไม่ได้มาหมั้นหมายอี้เหม่ยเฟิ่ง ทั้งๆ ที่สะใภ้ใหญ่บ้านอี้ป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านเฉินเฟิ่นอี้กำลังต้มข้าวใส่ไข่ให้แม่ของเธอที่นอนป่วยอยู่ในห้องนอนได้รับประทาน บ้านเฉินลงความเห็นกันว่าให้สะใภ้สี่พักจิตใจก่อน ส่วนเรื่องแปลงนาย่าเฉินจะลงไปทำแทน อีกทั้งสามพี่น้องบ้านอี้ยังไปช่วยผู้ใหญ่ทำงานอีก ที่บ้านตอนนี้จึงเหลือแค่สะใภ้สี่ เฉินเฟิ่นอี้ เฉินเหม่ยเย่และเฉินชิงชิงที่รับหน้าที่ดูแลน้องชายยังเป็นเฉินเฟิ่นอี้ที่รับหน้าที่ทำอาหารมื้อกลางวันให้ทุกคนเช่นเคย วันนี้มีตุ๋นไก่ในเล้าหนึ่งตัว ที่เฉินเฟิ่นอี้ขอพ่อของเธอฆ่าให้เพราะมันเกินจำนวนสมาชิกในบ้านที่ตอนนี้เหลือเพียงสิบหกคนแต่มีไก่เก้าตัว“พี่ทำข้าวต้มให้แม่เหร

    Last Updated : 2025-02-17
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 13 คะแนนสอบเทียบ

    พี่สาวรองนอนที่บ้านแค่หนึ่งคืนก็กลับบ้านสามี หล่อนกล่าวว่ายังอยากอยู่ที่บ้านต่อ แต่บอกแม่สามีไว้แล้วว่าจะกลับตอนเช้า ย่าเฉินจึงให้เฉินตงไปส่งพี่สาวและให้นำผลไม้กลับไปด้วยเพียงบางส่วน ถึงเฉินเยี่ยนฉิงจะปฏิเสธก็ตามเฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้กล่าวและเตือนพี่สาวรอง อย่างที่รู้กันว่าหล่อนเรียนถึงมัธยมปลาย คงไม่ได้โง่ถึงกับให้บ้านสามีทำร้ายตนเองหรอก อีกอย่างบ้านฉางยังเกรงกลัวบ้านเฉินอยู่แม่ของเธอนอนพักแค่วันเดียวก็กลับไปทำงานต่อ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้ว่าอะไรในเมื่อหายดีแล้ว มีเพียงย่าเฉินที่ยังอยากให้สะใภ้ของนางนอนพักอีกวันนี้เป็นวันที่คะแนนสอบเทียบออก คนในบ้านเฉินไม่มีใครได้หยุดงานสักคนเพราะการเก็บเกี่ยวฤดูนี้ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว เฉินเฟิ่นอี้จึงเป็นคนที่พาเฉินไห่หลิว เฉินตง และเฉินเหม่ยเย่ที่อยากเข้าไปดูคะแนนสอบด้วย ส่วนเฉินจางถูกลากไปลงแปลงนาตั้งแต่เช้ามืดถ้าทุกคนสอบผ่านจะได้ส่งจดหมายไปบอกลุงสามเรื่องบ้านเช่าในอำเภอ ครั้งก่อนลุงสามตอบจดหมายกลับมาว่าช่วงสิ้นปีถึงจะกลับและลาพักได้สามเดือน ระหว่างนี้คงไม่ได้ตอบจดหมายบ่อยๆ เนื่องจากการทำงาน แต่อย่างน้อยก็ต้อง

    Last Updated : 2025-02-18
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 14 เปิดระบบแลกของ

    หลังจากจากยื่นเอกสารเสร็จเฉินเฟิ่นอี้ก็รีบพาน้องๆ เดินออกจากอาคาร ยังดีที่อี้เหม่ยเฟิ่งกับหมิงหลานฮุ่ยต่อแถวรอยื่นเอกสารอยู่ พวกเธอจึงไม่ได้ปะทะหน้ากัน เธอเดินมาหยุดที่หน้าโรงเรียนอย่างใช้ความคิดพรุ่งนี้ถึงจะมารับใบขอจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้นได้พวกเธอจึงกลับได้เลย แต่อย่าลืมว่าเฉินเฟิ่นอี้มีภารกิจช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ถูกล้อ พวกเธอจะกลับแล้วแต่ยังไม่เห็นคนนั้นที่ว่า“เจียวซีเธอสอบไม่ผ่านเหรอ? ฮ่าๆ ฉันเดาเอาไว้ไม่มีผิด รู้ไหมว่าห้องเรียนของเราสอบผ่านหมดนะ อ้อ ยกเว้นเธอน่ะ”เสียงหัวเราะเรียกความสนใจของเฉินเฟิ่นอี้ได้เป็นอย่างดี เธอเพ่งมองเด็กสาวคนนั้นอย่างใช้ความคิด หล่อนคุ้นหน้าไม่น้อยคงเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอตอนที่ยังเรียนอยู่ แต่น่าจะอยู่คนละห้องกันเพราะเหมือนจะไม่เคยคุยกัน“ไม่เอาน่าซ่งเยว่ลี่ เจียวซีหล่อนก็แค่ไม่เข้าใจการเรียน ยังไงหล่อนก็แค่เรียนมัธยมต้นต่อ ไม่เหมือนพวกเราที่ต้องไปเรียนมัธยมปลาย ฮ่าๆ”“ฉันรู้ๆ จางเฟยหง แต่อีกห้องจะหัวเราะให้ห้องพวกเราที่มีคนสอบไม่ผ่าน! ได้ยินว่าอีกห้องสอบผ่านหม

    Last Updated : 2025-02-18
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 15 สงสัย

    ก่อนที่เฉินเฟิ่นอี้จะล้มป่วยหล่อนมีร่างกายที่แข็งแรงมาก ถึงขนาดที่ว่าทำงานเก็บแต้มที่หนัก ตื่นเช้ามาหล่อนก็ยังไปเรียนได้อย่างปกติ พอเลิกเรียนก็ทำแบบเดิมซ้ำๆ มีเพียงช่วงเวลาก่อนเรียนจบมัธยมศึกษาตอนต้นที่ร่างกายของหล่อนเปลี่ยนไปช่วงแรกเป็นการเวียนหัวแต่หล่อนคิดว่าเป็นเพราะทำงานหนักและไม่ได้บอกใคร เคยเป็นลมหมดสติตอนทำงานเก็บแต้มก็ยังคิดว่าแค่ป่วย แต่หลังจากนั้นหล่อนก็อาเจียน เวลาไปโรงเรียนหล่อนก็เป็นแบบนี้ประจำจนขาดเรียนบ่อยครั้ง แต่พอขาดเรียนอาการกลับดีขึ้นมาก เฉินเฟิ่นอี้จึงไม่ยอมลาออกจากโรงเรียน จนลุงสามของหล่อนกลับมาและได้ยื่นคำขาดเฉินเฟิ่นอี้ชะงักเมื่อมองย้อนกลับไปช่วงเวลานั้นว่าเกิดอะไรขึ้น อี้เหม่ยเฟิ่งทำการบ้านที่ครูสั่งไม่ได้จึงให้เฉินเฟิ่นอี้ช่วยสอน แต่สอนไปสอนมา กลับเป็นหล่อนที่ต้องทำการบ้านให้อี้เหม่ยเฟิ่ง และเป็นช่วงเดียวกันที่อี้เหม่ยเฟิ่งกับหมิงหลานฮุ่ยชอบออกไปซื้อของกินนอกโรงเรียนเฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นว่าอี้เหม่ยเฟิ่งเป็นญาติผู้พี่ที่ไม่มีเพื่อน เพราะเพื่อนสนิทคนอื่นไม่ได้เรียนต่อในระดับมัธยม แม่ของหล่อนจึงให้หล่อนดูแลญาติผู้พี่ เฉิ

    Last Updated : 2025-02-18

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 100 ญาติห่าง ๆ

    เฉินเฟิ่นอี้นอนไม่หลับ หลังจากแยกย้ายกับกลุ่มเเพื่อนเธอนอนลืมตาในห้องจนถึงเช้าที่ต้องตื่นมาเตรียมอาหารนั่นแหละถึงไม่นอนต่อ เมื่อคืนเฉินเฟิ่นอี้ถึงจะไม่ค่อยสนุกเท่าไรแต่ก็อยู่จนจบและเก็บของ พออยู่คนเดียวความคิดมันฟุ้งซ่าน"หลานสาวสาม" สะใภ้ใหญ่เรียกหลานสาวที่นั่งอยู่หน้าเตา"ป้าสะใภ้ใหญ่"อาหารมื้อเช้าวันนี้เป็นโจ๊ก เฉินเฟิ่นอี้จึงต้องอยู่คนหม้อไม่ให้ข้าวติดก้นกระทะจนไหม้ เธอขยับให้ป้าสะใภ้นั่งลงด้วย วันนี้คนที่มีสอนก็ต้องไปสอนคนที่มีเรียนก็ต้องไปเรียนและไม่รู้ว่าพวกผู้ชายบ้านเฉินจะมาทำงานหรือเปล่า หลานสาวอย่างเหรินอี้ก็ไม่รู้ว่าพ่อของเขาจะมาส่งไหมเฉินเฟิ่นอี้นั่งเงียบเพื่อคิดหาทางออก อันที่จริงก็นอนคิดมาทั้งคืน แต่เพราะไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าที่ว่าคือใครจึงยังไม่ฟันธง เสียงรถยนต์จอดลงหน้าบ้านเฉินเฟิ่นอี้รีบยกหม้อข้าวมาวางลงเตาถ่านที่ว่างแล้วรีบเดินออกไปหน้าบ้านที่คาดว่าจะเป็นคนที่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อวาน"ลุงสาม"มีเพียงลุงสามกับหลานสาวตัวน้อยของพวกเธอเหรินอี้ เฉินเฟิ่นอี้ยังไม่ได้ถามอะไรรีบพาหลานสาวไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียน เหรินอี้อายุเจ็ดขวบหล่อนเป็นลูกสาวของพี่สาวใหญ่ที่ตอนแรกจะใ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 99 ข่าวมหาวิทยาลัย

    บรรยากาศที่ควรสนุกสนานแต่ตอนนี้เด็กบ้านเฉินไม่ได้สนุกเท่าไรนัก ผู้ชายบ้านเฉินกลับไปที่หมู่บ้านจนถึงตอนนี้เกือบห้าชั่วโมงและยังไม่กลับมา เฉินเฟิ่นอี้ลงมือทำอาหารให้เพื่อนที่มางานเลี้ยง เด็กบ้านเฉินออกไปร่วมด้วย ส่วนสะใภ้ใหญ่ช่วยหลานสาวทำอาหารในครัวแล้วเข้าไปพักในบ้านเลี้ยงฉลองทั้งทีเครื่องดื่มเฉินเฟิ่นอี้ก็นำออกมาให้ทุกคนดื่มยกเว้นเหล้าที่พวกผู้ชายเอาออกมาเอง เมื่อคืนเธอคั้นน้ำผลไม้ทิ้งไว้ในตู้จึงนำออกมาให้ทุกคนได้ดื่ม และมีเครื่องดื่มอัดลมที่นำออกมากจากในระบบซึ่งนาน ๆ ทีเฉินเฟิ่นอี้จึงจะนำออกมาเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหากับแกล้มที่ดีที่สุดก็คือย่างเนื้อหมู เฉินเฟิ่นอี้จุดไฟย่างอยู่ไม่ไกลจากม้านั่ง ต่อให้ในใจยังมีความกังวลอยู่แต่วันนี้กว่าจะรวมตัวได้เฉินเฟิ่นอี้จึงไม่อยากให้เสียบรรยากาศ ชิงช้าแกว่งไปมาหลังเธอนั่งลงและมองกลุ่มเพื่อนที่ดื่มฉลองกัน อาหารหลายอย่างของวันนี้ส่วนมากจะเป็นเมนูที่เฉินเฟิ่นอี้เคยกินมาในชีวิตก่อน ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้ง แกงส้ม ไข่ทอดชะอม และยังมีอีกหลายอย่างตั้งแต่ที่เรียนจบต้องบอกว่าทุกคนจะแวะเวียนกันมาที่บ้านเช่าให้เฉินเฟิ่นอี้ทำอาหารให้กิน แรก ๆ ก็เป็นเมนูที่เคยท

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 98 คนจากปักกิ่ง

    พอรู้ว่าวันนี้เพื่อนคนอื่น ๆ จะมาที่บ้าน เฉินเฟิ่นอี้ก็ให้น้องชายเป็นคนเอาปิ่นโตไปส่งที่สถานีตำรวจและกองทัพทหาร ส่วนตนเองกับน้องสาวและคนที่เหลือช่วยกันจัดสถานที่สำหรับคืนนี้ และมีจี้หลัน ซ่งเวยหลาน กับเจียวซีที่ตอนนี้รับหน้าที่เก็บค่าเช่าห้องแถวให้บ้านมาสามีมาช่วยด้วยอันที่จริงมันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง หากมีการจัดงานเลี้ยงจะมีคนมาช่วยตั้งแต่เช้าเพื่อไม่ให้พวกเฉินเฟิ่นอี้ต้องเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว ที่สำคัญค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทุกคนจะหารจ่ายเท่ากันและนำเงินมาให้เฉินเฟิ่นอี้ทำอาหาร และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีงานฉลองทุกคนจึงรู้หน้าที่โดยไม่ต้องบอกในบ้านคือพื้นที่ส่วนตัว เฉินเฟิ่นอี้ให้เพื่อนเข้าไปได้และเป็นพวกเขาเองที่ไม่ยอมเข้าไป ม้านั่งหน้าบ้านที่เคยนั่งเรียนภาษาต่างประเทศคือสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยง ปกติมันจะไม่มีไฟห้อยบริเวณนี้แต่พอมาฉลองกันบ่อย ๆ เฉินเฟิ่นอี้ก็ให้ช่างมาต่อไฟไว้ และมีชิงช้าแขวนที่ทำขึ้นเพราะต้นไม้มันใหญ่ขึ้นมากงานเลี้ยงฉลองบางคนอาจทำเพียงอาหาร กับแกล้ม และเครื่องดื่ม แต่ไม่ใช่กับเฉินเฟิ่นอี้ที่จัดเต็มกับอาหาร สถานที่ และบรรยากาศ เพราะฉะนั้นผ้าสีขาวถูกนำมาผูกตกแต่งไว้ที่เสา

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 97 ปรับปรุง

    ตรวจผ้าถุงเสร็จเฉินเฟิ่นอี้ก็พาเฉินเหม่ยเย่เดินดูกระบวนการตัดเย็บและแนะนำเทคนิคดี ๆ ให้หล่อนได้ลองใช้ เฉินเหม่ยเย่ตัดเย็บเสื้อผ้าได้แต่ช่วงหลัง ๆ มาต้องสอนหนังสือให้รุ่นน้องทำให้หล่อนไม่มีเวลาตัดเย็บเสื้อผ้าส่วนมากจะซื้อมาใส่เฉินเฟิ่นอี้ใช้เวลาไม่นานก็พาน้องสาวออกจากโรงงานเย็บผ้าของตระกูลโอวหยางไปยังร้านเซี่ยเซี่ยที่อยู่ในย่านการค้าที่เริ่มเปิดตัวขึ้นมา หลายร้านกำลังปรับปรุงสถานที่ขายไม่ต่างจากบ้านเฉิน และไม่ไกลจากร้านเซี่ยเซี่ยยังมองเห็นร้านเสื้อผ้าของตระกูลโอวหยางอีกบริเวณหน้าร้านมีสิ่งของสำหรับการก่อสร้างวางไว้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้บอกน้องสาวให้เดินระวังก่อนเข้าไปดูข้างใน ห้องเช่านี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่แต่สำหรับเฉินเฟิ่นอี้มันยังเล็กอยู่ดี เธอทำสัญญาเช่าที่นี่ห้าปีและหากฝ่ายไหนผิดสัญญาต้องจ่ายสิบเท่าของราคาเช่า และเฉินเฟิ่นอี้จ่ายค่าเช่าห้าปีไปวันที่เซ็นสัญญากัน อันที่จริงก็อยากเซ็นสัญญาปีต่อปีแต่พอมาคำนวณราคาแล้วมันไม่คุ้มยิ่งต้องปรับเปลี่ยนห้องเช่าในแบบที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องการก็ใช้เงินอีกมาก หากอยู่ ๆ เจ้าของห้องเช่าเห็นว่าที่นี่ขายของได้ดีจะไม่ต่อสัญญา ทำให้เฉินเฟิ่นอี้ตัดสินใจเซ็นสัญญาข

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 96 ผ้าถุง

    ถึงเวลาพักกลางวัน เฉินเต๋อหมิงเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารมามองลูกสาวสองคนที่นั่งอิงแอบกันพร้อมหลับตา เขาส่ายหน้าลุกขึ้นไปหยิบผ้าที่ลูกสาวเอามาให้ใช้ไปห่มให้ลูกสาวทั้งสองคน พร้อมหิ้วปิ่นโตออกจากห้องทำงานไปหาพี่ชายอีกสองคนที่อยู่ข้างนอกเฉินเฟิ่นอี้ลืมตาตื่นทันทีที่ประตูปิดลง เธอไม่ได้หลับเพียงแค่พักสายตาเท่านั้น ตั้งแต่เปิดการค้าเสรีเธอก็ทำงานหนักเพราะกลัวว่าผ้าถุงและร้านจะเสร็จไม่ทันวันที่จะเปิด พวกเธอแวะมาสถานีตำรวจอีกสักพักจะไปโรงงานเย็บผ้าของตระกูลโอวหยางและจะไปดูร้านที่กำลังอยู่ในขั้นตอนปรับปรุง"พักกลางวันแล้วเหรอคะ" เฉินเหม่ยเย่อ้าปากหาวพร้อมยกมือขึ้นขยี้ดวงตา อันที่จริงหล่อนง่วงมากแต่อยากตามพี่สาวมาที่ทำงานของบรรดาพ่อและลุง"ใช่"ผ้าถูกพับและนำไปเก็บไว้ที่เดิม เฉินเฟิ่นอี้คว้ากระเป๋าผ้าของเธอเดินนำน้องสาวออกจากห้องไปยังโรงอาหารของที่นี่ จริง ๆ พวกเธอไม่จำเป็นต้องทำอาหารมาส่งก็ได้เพราะสถานีตำรวจมีโรงอาหารให้เจ้าหน้าที่ได้รับประทานอาหารตลอดทั้งวันและไม่ต้องจ่ายเงิน แต่อาหารที่มีประโยชน์ที่ร่างกายควรได้รับมีน้อยมาก เฉินเฟิ่นอี้ที่เคยมากินครั้งหนึ่งจึงไม่ยอมให้พ่อและลุงของเธอกินอาหารที

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 95 ปี 1977

    ต้นปี 1977 รัฐบาลประกาศการค้าเสรี สามารถผลิตสินค้าและซื้อขายได้อย่างอิสระ หลายบ้านเริ่มหาช่องทางการค้าขายและบางบ้านยังคิดว่าพ่อค้าแม่ค้าเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติจึงไม่ยอมเริ่มต้นที่จะค้าขาย จริง ๆ ข่าวลือเรื่องนี้มีตั้งแต่ปลายปี 1976 แล้ว แต่เพิ่งมีประกาศอย่างเป็นทางการบ้านเฉินซื้อที่ีดินรอบ ๆ บ้านเพื่อเลี้ยงไก่และเป็ดตามคำบอกของเฉินเฟิ่นอี้ตั้งแต่ที่มีข่าวลือ แม้จะกลัวว่าเป็นเพียงข่าวลือแต่บ้านเฉินก็เชื่อใจหลานสาวโดยเฉพาะย่าเฉิน พอมีการประกาศอย่างเป็นทางการไก่และเป็ดก็โตพอที่จะขายออกไปได้แล้วนอกจากเลี้ยงไก่และเป็ดไว้ขายเฉินเฟิ่นอี้ยังหาซื้อพันธุ์ที่ออกไข่โดยเฉพาะให้บ้านเฉินเลี้ยง การทำความสะอาด ขั้นตอนการเลี้ยงไก่และอาหารเฉินเฟิ่นอี้เป็นคนบอกผู้ใหญ่บ้านเฉิน นอกจากสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้จะไม่ป่วยแล้วพวกมันยังอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นมากระบบหน่วยผลิตถูกยกเลิกไปพร้อมกับการแบ่งที่ดินให้แต่ละคนที่ยังคงทำงานของหมู่บ้าน ซึ่งบ้านเฉินไม่มีใครได้ทำงานในแปลงนาเพราะลุงใหญ่ ลุงรอง และอาสี่ของบ้านเฉินเข้าอำเภอไปทำงานในสถานีตำรวจจากการช่วยเหลือของลุงสามของบ้าน หลายปีมานี้บ้านเฉินจึงมีเงินและเป็นที่อิจฉาขอ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 94 ชดใช้กรรม

    ตัวแทนของโรงเรียนอำเภอจวี่เดินทางกลับมาถึงโรงเรียนสิ้นเดือนมกราคมพร้อมกับชัยชนะและเงินสำหรับทุนการศึกษา พวกเฉินเฟิ่นอี้ได้รับเกียรติบัตรกับทุนการศึกษาที่หน้าเสาธงและกล่าวถึงการแข่งที่ผ่านมาก ต่างจากปีก่อน ๆ ที่ต้องขอบคุณครูที่ปรึกษาแต่ปีนี้ทุกคนรู้กันดีว่าเป็นใครที่ฝึกสอนให้ผลตรวจสุขภาพถูกส่งมาตามมาหนึ่งเดือนให้หลัง และได้รับการยืนยันว่าเฉินเฟิ่นอี้ไม่มีปัญหาเรื่องการมีลูก และสุขภาพของเธอก็ดีมาก ส่วนวันนั้นที่หมดสติเป็นเพราะความกดดันที่รับไม่ไหวแล้ว เด็กบ้านเฉินสุขภาพร่างกายดีทั้งหมดเพราะได้รับการบำรุงที่ดีเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านถูกเฉินเฟิ่นอี้พาไปตรวจสุขภาพในมณฑลส่วนพวกผู้ใหญ่ไม่มีใครยอมไป เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้บังคับจึงมีเพียงน้องชายคนเล็กที่ได้ไปตรวจ และเรื่องผลตรวจของเฉินเฟิ่นอี้สร้างความโล่งใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก เรื่องที่สำคัญกับผู้หญิงมากที่สุดนั้นก็คือการมีลูกการสอนพิเศษภาษาต่างประเทศเฉินเฟิ่นอี้ถูกคะยั้นคะยอจากรักษาการเซียวให้สอนกับเด็กในโรงเรียนอำเภอจวี่ทุกวันที่มีเรียน และคาบเรียนที่ว่างจะถูกแทนที่ด้วยการสอน พร้อมกับเงินตอบแทนวันละหนึ่งหยวนและเฉินเฟิ่นอี้ตอบรับที่จ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 93 ไม่ไว้ใจ

    การแข่งขันจบลงพร้อมร่างกายของเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นลมล้มต่อหน้าน้องชายและน้องสาว สร้างความตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก เฉินเฟิ่นอี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงพิเศษในโรงพยาบาลและมีน้องสาวนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เธอพยุงตัวขึ้นนั่งด้วยอาการมึนหัว"ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้"ความทรงจำล่าสุดของเธอก็คือทรุดลงพื้นพร้อมอาการหน้ามืดเพราะหมดห่วงเมื่อได้รับชัยชนะ อีกทั้งการแข่งขันเต็มไปด้วยความกดดันตัวแทนแต่ละฝั่งก็อ่อนแรงกันมาก ยิ่งต้องแข่งขันกันถึงแปดคน ความวุ่นวายย่อมมีอยู่แล้วจึงเหนื่อยมากขึ้น"พี่เป็นลมค่ะ"โชคดีที่รักษาการเซียวรีบพามายังโรงพยาบาลพร้อมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ จึงจองห้องพิเศษที่เหลือห้องเดียว ส่วนตอนนี้เขากลับไปจัดการรางวัลที่ตัวแทนของโรงเรียนอำเภอจวี่ต้องได้ ที่โรงพยาบาลเหลือเพียงเฉินเหม่ยเย่เฝ้าพี่สาว คนอื่น ๆ ต้องรอรับรางวัลก่อนเฉินเฟิ่นอี้มองไปที่ประตูเมื่อเห็นว่ามันล็อกจากด้านในจึงเปิดเผยกระดานใสให้น้องสาวได้เห็น จริง ๆ เฉินเหม่ยเย่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่กลัวว่าหล่อนจะตกใจหากหยิบออกมาจากกลางอากาศ พร้อมหยิบน้ำอุ่นออกมาจิบให้ลำคอที่แห้งผากลื่นคอ อยากจิบน้ำหวานแต่กลัวว่าหมอที่รักษาจะด

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 92 ไม่เสียเปล่า

    การแข่งขันวิชาการรอบตัดสินเพื่อหาโรงเรียนที่ชนะของหมวดภาษาต่างประเทศหยุดชะงักพร้อมกับการประท้วงของกรรมการหมวดภาษาต่างประเทศของส่วนกลาง รวมถึงกรรมการผู้ช่วยที่เป็นคนของส่วนกลางและครูที่มากจากโรงเรียนรอบข้างการที่จะให้กรรมการผู้ช่วยมาตัดสินผลแพ้ชนะในรอบสุดท้ายหากเกิดปัญหาจริง ๆ ควรให้ผู้ช่วยกรรมการของกรรมการที่ตัดสินมาแทนไม่ใช่ว่าจะเอาใครมาแทนที่ก็ได้ จริงอยู่ที่ว่าเขาสามารถใช้ภาษาต่างประเทศได้ แต่ไม่เชี่ยวชาญเหมือนกรรมการหมวดภาษาต่างประเทศ และการเอากรรมการหมวดอื่นมาตัดสินย่อมข้ามหน้าข้ามตากรรมการอีกหลายท่าน"จริง ๆ ผมว่ามันไม่น่ามีปัญหาอะไรเลยนะครับ กรรมการเหวินเป็นบุคลากรของที่นี่ เขาย่อมเป็นกลางอยู่แล้ว" รองประธานยังคงยืนยันที่จะให้คนเดิมเป็นกรรมการ"ไม่ใช่เรื่องเป็นกลางไม่เป็นกลาง คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าโรงเรียนที่จะแข่งรอบนี้มีโรงเรียนอะไรบ้าง กรรมการเหวินเป็นบุคลากรของที่นี่ หากผลแพ้ชนะมันค้านสายตาของผู้คน โรงเรียนอาจเสียหายเอาได้" รักษาการเซียวชี้แนะให้กับรองประธานการแข่งขันวิชาการของปีการศึกษานี้หากโรงเรียนของที่นี่ชนะอาจมีคนพูดถึงโรงเรียนในทางที่ไม่ดีได้ หากผลการแข่งไม่ค้าน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status