วันต่อมาเฉินเฟิ่นอี้เข้าไปดูร้านผ้าถุงเนื่องจากผู้รับเหมาแจ้งมาว่ามีบริเวณที่ต้องซ่อมแซมหลายจุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและไม่ให้เสียเวลาเฉินเฟิ่นอี้จึงรีบไป ระหว่างทางต้องผ่านร้านเสื้อผ้าเยว่ซินเฉินเฟิ่นอี้เห็นภาพถ่ายของน้องสาวติดประกาศหน้าร้าน ภาพถ่ายของนางแบบคนก่อนหรือเฉินหว่านถูกแกะออกไปแล้วเป็นที่น่าพอใจของพี่น้องบ้านเฉิน และวันนั้นเฉินเฟิ่นอี้จัดการเลี้ยงฉลองให้กับน้องสาว และเธอเชื่อว่าในอนาคตเฉินเหม่ยเย่จะไปได้ดีกับเส้นทางที่หล่อนเลือก ขอเพียงเฉินเหม่ยเย่อยากทำอะไรเฉินเฟิ่นอี้พร้อมสนับสนุนไม่ต่างจากน้องชายคนอื่นวันนี้เป็นวันที่ทางกองทัพทหารมีงานเลี้ยง เจ้าหน้าที่สามารถพาครอบครัวไปได้และนอกจากเฉินเฟิ่นอี้ที่จะไปคนอื่นก็ขออยู่ที่บ้าน อันที่จริงเฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้อยากไปหากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่เฉินมาขอร้อง เขาบอกกับคนอื่นว่าน้องเขาจะไปด้วยถ้าไปคนเดียวคงดูไม่ดี"ไม่ต้องเอารถไปหรอกค่ะเดินไปก็พอ" เฉินเฟิ่นอี้เห็นว่าก่อนที่มันจะมืดมีคนมาที่กองทัพเยอะแล้ว ถ้านำรถไปด้วยคงวุ่นวายไม่น้อย"จะดีเหรอ"พี่ใหญ่เฉินกลัวว่าน้องสาวของเขาจะน้อยหน้าคนอื่นถ้าเดินไป ทหารหลายคนที่มียศสูงต่อให้พวกเขาไม่มีรถยน
ยิ่งดึกอากาศเริ่มเย็น เฉินเฟิ่นอี้ที่ไม่มีเสื้อคลุมถึงกับต้องใช้เสื้อโคทของพี่ใหญ่เฉิน ยังดีที่ทุกคนดูเหมือนจะไม่สนใจในการกระทำนี้ แต่จริง ๆ คนอื่นต่างเข้าใจว่าเฉินเฟิ่นอี้คือภรรยาของพี่ใหญ่เฉินจึงไม่มีคนคัดค้านเฉินเฟิ่นอี้ลูบแขนเสื้อที่คลุมตัวอยู่อย่างเบื่อหน่าย มันเป็นเพียงงานที่มาพบปะคนอื่นทั่ว ๆ ไป เป็นงานที่จัดขึ้นทุกปีและเป็นงานที่คนเกษียณออกไปแล้วพาครอบครัวมาร่วมงานที่นี่ หรือถ้าให้พูดตามตรงก็เหมือนงานเลี้ยงรุ่นนั่นแหละ"กลับกันไหม" พี่ใหญ่เฉินที่เห็นว่ามันดึกแล้วหันมาถามน้องสาว ปกติเขาจะออกจากงานเร็วกว่านี้ ไม่รู้ว่าทำไมปีนี้ถึงได้ออกช้า"กลับเลยก็ได้ค่ะ"ไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ดู เฉินเฟิ่นอี้ก็อยากจะกลับบ้านเต็มทีแล้ว ทั้งสองจึงเอ่ยลาคนที่นั่งร่วมโต๊ะพร้อมเดินออกจากบริเวณที่นั่ง ก่อนจะออกจากงานต้องไปรับบัตรที่แลกเอาไว้ก่อน จึงต้องไปที่โต๊ะหน้างานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างเดินผ่านหลายคนเริ่มเมามายตุ้บ!ว้ายยยเฉินเฟิ่นอี้เบี่ยงหลบชายฉกรรจ์ที่อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้จะคว้าร่างของเธอ แต่เฉินเฟิ่นอี้ไหวตัวทันทำให้คนนั้นล้มลงกับพื้น หลายคนหันมามองด้วยความตกใจ เฉินเฟิ่นอี
ยังดีที่ทุกคนไม่ได้มาเวลาเดียวกัน เฉินเฟิ่นอี้จึงจัดการรับส่งได้ทันเวลา วันนี้เป็นวันที่กลุ่มเพื่อนที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยปักกิ่งมาถึง และทุกคนเลือกเรียนมหาวิทยาลัยปักกิ่งทุกคนยกเว้นคู่รักเว่ยฟ่งเจียวซี ที่ทั้งสองเลือกเรียนมหาวิทยาลัยชิงหวาเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มากันหมดทุกคนเสียงหัวเราะดังขึ้น วันนี้ทุกคนมาที่บ้านพักของเด็กบ้านเฉินยกเว้นพวกผู้ใหญ่ที่ขอตัวพักผ่อนพรุ่งนี้จะได้ไปมหาวิทยาลัย เฉินเฟิ่นอี้จึงทำอาหารต้อนรับด้วยความสุขหลังจากย้ายมาที่นี่ได้สองสัปดาห์ มันทำให้เธอคิดถึงกลุ่มเพื่อน ๆ มาก"น่าเสียดายที่พี่โอวหยางจิงไม่ได้มาด้วย" เว่ยฟ่งบอกด้วยความเศร้าใจโอวหยางจิงไม่ได้รับจดหมายตอบรับแต่เขาจะมาทำโรงงานตัดเย็บที่นี่ี ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน เขาต้องจัดการหาสถานที่ตั้งโรงงานและจัดการหาคนเอาไว้ เมื่อถึงเวลาโอวหยางจิงถึงจะเดนทางมาที่นี่ ตอนนี้กำลังจัดการปัญหาของร้านเสื้อผ้าอยู่"อีกไม่นานเขาก็จะตามมา" เฉินเฟิ่นอี้รู้ว่าโอวหยางจิงจะต้องรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับเธอ และทันทีที่เขามาที่นี่เฉินเฟิ่นอี้พร้อมจะสวมแหวนที่ได้รับมา"หวานใจของเขาอยู่ที่นี่นี่" จี้หลันเบะปากทุกคนหั
โอวหยางจิงพักอยู่กับสมาชิกบ้านเฉินเนื่องจากหาที่พักไม่ได้ ที่สำคัญกว่าพี่ใหญ่เฉินจะกลับก็ดึกจึงให้นอนพักที่บ้านไปเลยจนกว่าจะถึงวันที่ต้องย้ายเข้าหอพัก โดยที่เขาจะจ่ายค่าที่พักและค่าอาหารเหมือนกับคนอื่น ๆ อย่างไม่เอาเปรียบวันนี้เฉินเฟิ่นอี้จะพาโอวหยางจิงเข้าไปรายงานตัวพร้อมเฉินตง ส่วนเด็กบ้านเฉินที่เหลือจะพากันไปเดินเล่นในตลาด ก่อนหน้านี้มีเพียงจี้หลันกับซ่งเวยหลานที่เฉินเฟิ่นอี้รู้ว่าจะมา เธอจึงไม่ได้ให้พวกเฉินตงลงชื่อหอพักเดียวกับเขาเอาไว้ อีกอย่างเฉินเฟิ่นอี้จะได้พาเพื่อนผู้หญิงไปที่ห้องพักด้วยทันทีที่ถึงเวลาที่นัดหมายกันไว้เฉินตงก็ขับรถมาถึงมหาวิทยาลัยพอดี โอวหยางจิงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์แต่ไม่ได้รับทุนการศึกษาเขาจึงต้องไปรายงานตัวที่อาคารลงทะเบียนพร้อมคนอื่น ๆ หลังจัดการเรื่องตรงนี้เสร็จก็ต้องแยกไปตามอาคารของสาขาที่เลือกเรียน"เข้าไปยื่นเอกสารข้างในเลยค่ะ เนื่องจากมายื่นก่อนกำหนดต้องให้ผู้ปกครองเซ็นเอกสารให้ด้วย" ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่เด็กแล้วแต่เพื่อความเท่าเทียมและกันคนแอบอ้างจำเป็นต้องมีผู้ปกครองรับรอง"ได้""ใช้เวลาไม่น่าจะนานมากนะครับ วันนั้นพวกเราใช้เวลาทั้งวันเพราะต้องทำเรื่
เป็นอีกหนึ่งวันที่พี่ใหญ่เฉินลาหยุดเพื่อพาน้องสาวน้องชายไปส่งที่มหาวิทยาลัย โรงเรียนของมณฑลเปิดตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เฉินชิงชิงจึงไม่ได้มาส่งพี่ ๆ ด้วย เฉินเฟิ่นอี้จดรายละเอียดของน้องชายให้พี่ใหญ่เฉินต้องทำเรื่องอาหารช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้าอาจต้องลำบากนิดหน่อยเพราะปกติเฉินเฟิ่นอี้จะเป็นคนทำอาหาร หากพี่ใหญ่เฉินคิดว่าทำตามที่จดไว้ให้ไม่ได้ก็ให้ไปซื้ออาหารข้างนอกเอา เพียงแต่ว่าเฉินเฟิ่นอี้ทิ้งเจ้านกเซี่ยเซี่ยไว้กับเฉินชิงชิงจึงไม่ได้ห่วงมากเท่าไร"ของครบหรือยังรถมารอรับแล้ว"ของที่จะนำไปหอพักมีหลายอย่างและเฉินเฟิ่นอี้ก็ขนไปทั้งหมดตั้งแต่ฟูกนอน ผ้านวม เครื่องใช้ส่วนตัวและจำเป็น พวกกะละมังและถังเฉินเฟิ่นอี้ไม่ลืมจะนำไปด้วย ในหอพักมีเพียงห้องโล่ง น่าเสียดายที่ทำอาหารไม่ได้ เฉินเฟิ่นอี้คงต้องซื้อกินเอา"ครบแล้วค่ะ พัดลมก็นำไปด้วยทั้งหมดเลย" ในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้แต่มีพัดลมเพดานซึ่งเฉินเฟิ่นอี้ไม่กล้าใช้ มันเก่าและอยู่ใกล้เตียงมากเกินไป เฉินเหม่ยเย่เป็นคนขึ้นไปนอนชั้นบน เฉินเฟิ่นอี้กลัวว่ามันจะอันตราย"ได้""เอาไปหมดเลยหรือ จริง ๆ ไม่ต้องเอาให้ฉันก็ได้นะ" โอวหยางจิงก็ต้องนำสิ
รถบรรทุกและรถยนต์จอดลงที่หน้าหอพักของผู้หญิงเรียกสายตาให้ผู้คนต้องมองมา รถบรรทุกไม่เท่าไรเนื่องจากสามารถจ้างได้ทั่วไป แต่รถยนต์นี่สิเป็นที่สนใจ คนส่วนมากไม่ได้ใช้รถเพราะไม่มีของมากและเฉินเฟิ่นอี้สอบถามเหล่าอาจารย์แล้วว่าสามารถใช้รถได้"ห้องอยู่ชั้นบนสุด เดี๋ยวฉันเข้าไปเอากุญแจกับผู้ดูแลหอก่อนค่ะ" ยังไม่มีใครได้กุญแจห้อง ต้องรอวันที่ต้องเข้าหอพักและเฉินเฟิ่นอี้เป็นหัวหน้าห้องจึงต้องเป็นคนไปเอาระหว่างคนต่อแถวเลือกและแบ่งห้องกันอยู่ เฉินเฟิ่นอี้เดินเข้าไปเอากุญแจตามที่อาจารย์ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ไม่ต้องต่อแถว ทำให้คนที่กำลังต่อแถวหันมามองด้วยความไม่พอใจ พวกหล่อนมาต่อแถวตั้งนานแต่ยังไม่ได้รับกุญแจ อีกอย่างไม่รู้ว่าจะได้เพื่อนรูมเมทแบบไหน"ฉันเฉินเฟิ่นอี้ค่ะ""ไปต่อแถวนู่น""ฉันจองห้องไว้แล้วนะคะ ห้อง 1970" คนนี้น่าจะเป็นผู้ดูแลหอพักอีกคน วันนั้นที่เข้ามาดูไม่เคยเห็นคนนี้เลย"จองไว้ไม่ได้นะ"เฉินเฟิ่นอี้ขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่ายที่พูดห้วน ๆ อาจารย์ไม่ได้แจ้งอีกฝ่ายเรื่องการจองห้องเอาไว้? กวาดสายตามองป้ายกุญแจระหว่างเลขที่ควรมีกลับไม่มีหรือจะมีคนเอาไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ห้
หน้าอาคารประชุมมีคนเดินประปราย ส่วนมากคนจะไปรวมตัวกันที่โรงอาหาร คนที่อยู่บริเวณอาคารส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์ เจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัย และนักข่าวจากช่องต่าง ๆ เฉินเฟิ่นอี้เดินเข้าไปด้านในอาคารมีพวกอาจารย์ยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี อาจารย์หญิงจ้าว"นั่นไง ๆ พวกเขามากันแล้ว"นักข่าวยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาด้านในเนื่องจากรอทางอาจารย์อนุญาต มีเพียงสิ่งของสำคัญที่จะให้สัมภาษณ์วางเรียงอยู่ เฉินเฟิ่นอี้ให้คนอื่นหาเก้าอี้นั่ง ส่วนเธอพาบรรดาน้อง ๆ เดินเข้าไปหาอาจารย์ ตอนนี้ไม่เห็นว่าจะมีนักศึกษาทุนคนอื่น"นักศึกษาทุนคนอื่นล่ะคะ" เฉินเฟิ่นอี้อดที่จะถามไม่ได้ อย่าบอกนะว่ามีเพียงพี่น้องบ้านเฉินเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ คงเป็นข่าวไปทั่วประเทศแน่"ไม่มีแล้ว""ไม่มีแล้ว?""ใช่จ้ะ นักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษามีเพียง นักศึกษาชายเฉินไห่หลิว เฉินตง เฉินจาง นักศึกษาหญิงเฉินเฟิ่นอี้และเฉินเหม่ยเย่" ปีนี้มีทุนการศึกษาเพียงห้าทุนเท่านั้น ไม่แปลกที่ผู้คนจะจับตากับคนที่ได้รับทุนการศึกษานอกจากจะได้รับทุนการศึกษาและช่วยทางมหาวิทยาลัยทำงานโดยมีค่าตอบแทน ไม่ต้องใช้ทุนคืน ทางมหาวิทยาลัยยังม
เป็นไปตามที่เฉินเฟิ่นอี้คาดเดา วันต่อมาบทสัมภาษณ์และภาพถ่ายถูกปล่อยลงบนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง สร้างความฮือฮาให้กับหลาย ๆ คน แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านเฉินที่เห็นยังติดต่อมาด้วยความรวดเร็ว ตอนนี้เด็กบ้านเฉินมีชื่อเสียงในหมู่บ้านและอำเภอจวี่มากที่สำคัญ เรื่องที่เฉินเหม่ยเย่เป็นนางแบบเสื้อผ้าให้กับร้านเสื้อผ้าเยว่ซินต่างเป็นที่พูดถึง ต้องบอกว่าหล่อนใส่เสื้อผ้าได้ดูดีมากกว่าเฉินหว่านเสียอีก แต่ก็นั้นแหละ เพราะคำพูดที่ให้สัมภาษณ์ของเฉินหว่านเรื่องที่เปลี่ยนนางแบบจึงกลายเป็นที่พูดถึงไม่รู้ว่ายอดขายจะลดลงบ้างไหม เฉินเฟิ่นอี้คิดว่าคงต้องเข้าไปสอบถาม ถ้าเกิดยอดขายลดลงเฉินเฟิ่นอี้คงต้องหาวิธีช่วยพี่สาวเยี่ยฉิงวันนี้มีเรียน เฉินเฟิ่นอี้กับเฉินเหม่ยเย่ลุกตั้งแต่เช้า ดีที่เป็นช่วงแรกของการเรียนจึงไม่มีเนื้อหาที่หนักมากนัก จี้หลันกับซ่งเวยหลานก็ตื่นเช่นเดียวกันจึงชวนกันไปอาบน้ำด้านล่าง โรงอาบน้ำรวมไม่ได้อยู่ในหอพักและแยกตัวออกไปอีกพอสมควรเฉินเฟิ่นอี้เปลี่ยนชุดมาใส่ผ้าถุงที่เธอนำมาด้วย ไม่ได้นำเสื้อผ้าไปเปลี่ยนที่โรงอาบเพียงแต่จะเอาผ้าถุงไปใส่กลับมาที่ห้อง คนอื่นอาบน้ำแบบเปลือยกายและแต่งตัวกลับมาที่ห้อง แ
วันที่ 5 เดือน 3 ปี 1984 งานมงคลสมรสของเฉินเฟิ่นอี้และโอวหยางจิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่ได้รับเชิญต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น เฉินเฟิ่นอี้ต้องลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ทั้งต้องคอยถามถึงหน้างานเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งที่รอคอยนั่นคือการแต่งงานสักครั้งในชีวิต ในตอนที่เป็นแป้งร่ำ เธอพลาดโอกาสนั้นแล้ว ครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ย่อมไม่พลาด"พี่สาวสามสวยมาก" เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพี่สาวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่งานของตนเองนาน ๆ ที เฉินเฟิ่นอี้จะได้แต่งหน้าและแต่งตัว หากไม่ใช่วันสำคัญ แต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนวันนี้ ภายใต้ชุดสีแดงมงคล เฉินเฟิ่นอี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาของน้องสาว"พี่สาวสามของเธอเป็นคนสวยมาตั้งนานแล้ว หล่อนแค่ไม่แต่งตัวเหมือนกับเธอที่ต้องทำงาน" พี่สาวใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้น้องสาวภายในห้องเจ้าสาวตอนนี้ มีพี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง เฉินเหม่ยเย่ และเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นเจ้าสาว ทั้งสี่คนเป็นหลานสาวสายหลักของลุงสามที่เป็นผู้นำตระกูล ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ยังเป็นคนสำคัญเฉินเฟิ่นอี้แต่งงานแล้วเธอจะเป็นคนของตระกูลโอวหยาง แต่ว่ายังสามารถมีปากเสียงในตระกูลเ
ต่อให้เร่งมากแค่ไหน การสร้างบ้านยังต้องใช้เวลาสองเดือน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้เวลาที่ว่างในการช่วยเฉียนลี่เซียนเปิดร้านตัดเย็บ มันเป็นเพียงการตัดเย็บที่ลูกค้าสั่งตัดไม่เกินห้าตัว ปะซ่อมบริเวณที่ขาดกว่าบ้านจะเสร็จ ร้านตัดเย็บเฉียนก็เริ่มเข้าที่แล้ว เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เธอปล่อยให้หล่อนจัดการร้านเอาเอง เพราะมีเฉียนเฟยเข้ามาช่วยจึงไม่ค่อยห่วงนักบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านปูนห้าห้องนอน ล้อมรั้วแข็งแรงไม่ให้คนนอกเข้าไป แต่เฉินเฟิ่นอี้ฝากกุญแจให้ผู้ใหญ่บ้านจ้างคนไปทำความสะอาดข้างนอกบ้านให้ รวมถึงถางหญ้าในที่ดิน ค่าดูแลเดือนละยี่สิบหยวน แน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยอมจ่ายทันทีที่บ้านเสร็จ กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินทางกลับปักกิ่งเพื่อเริ่มงาน พวกผู้หญิงมีงานถ่ายแบบเข้ามาบ้าง เฉินเฟิ่นอี้อนุญาตให้ทำและลดเงินเดือนบางส่วนของพวกหล่อนลงร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ยอีกสองสาขาอยู่ห่างจากสาขาใหญ่พอสมควร แต่เป็นบริเวณที่มีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าร้านของเธอพี่ใหญ่เฉินเป็นคนหาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสาขาที่สองเป็นสาขาที่เฉินเฟิ่นอี้สร้างร่วมกับน้องชายน้องสาว ส่วนสาขาใหญ่ตอนนี้มันเป็นเพียงชื่อของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าการ
งานมงคลผ่านไปแล้ว มีแต่คนอิจฉาเจ้าสาวเพราะได้รับสินสอดจำนวนมาก หลังงานมงคลเฉินเฟิ่นอี้เรียกผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้านพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ด้วยเวลาอันน้อยนิด เฉินเฟิ่นอี้จ่ายไม่อั้นเพื่อให้บ้านเสร็จก่อนกลับปักกิ่ง แต่ถึงจะเสร็จไม่ทันเธอก็จะรอให้มันเสร็จก่อนอยู่ดี ต่อให้มีคนนินทาและด่าว่าโง่ที่เอาเงินมาทิ้งกับบ้านที่ไม่ได้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้สนใจ"พี่จัดการเรื่องผ้าถุงเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านกันก่อนเถอะครับ" โอวหยางจิงบอกคนรักที่นั่งรออยู่ในโรงงานวันนี้เฉินเฟิ่นอี้เข้ามาจัดการเรื่องที่จะให้โรงงานส่งผ้าถุงเข้าไปในปักกิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยินดีจ่าย ขอแค่ให้ของไปถึงมือส่วนร้านเซี่ยเซี่ยร้านแรกของเธอจะยุติการขาย เรื่องนี้ได้คุยกับลุงเหว่ยเทาไปแล้วตอนที่กลับมาถึงวันแรก แต่ต้องเข้าไปคุยอีกทีเพื่อยกเลิกสัญญาพอมีการประกาศออกไปดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจและรีบมาซื้อเก็บเอาไว้ สินค้าจะมีเหลือให้ขายเพียงห้าพันผืนสุดท้าย หากขายหมดก่อนร้านจะปิดลงทันที"ค่ะ"หากเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟิ่นอี้กับโอหยางจิงคงปั่นจักรยานกัน แต่ตอนนี้คุณลุงโอวหยางให้คนรักของเธอนำรถมาใช้งานระหว่างอยู
วันที่เจ็ดเดือนสามปี 1982 กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้เดินทางมาถึงบ้านพักในอำเภอจวี่ที่เป็นบ้านหลังเดิม และเพื่อนของลุงสามเป็นคนจัดพื้นที่เอาไว้ให้แล้วการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีผู้ใหญ่บ้านเฉินเดินทางมาด้วย มีเพียงผู้ปกครองที่เดินทางกลับบ้าน เฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับน้อง ๆ ต้องการมาเข้าร่วมงานมงคลของเว่ยฟ่งกับเจียวซีถึงได้ตามกันมา ยกเว้นเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านที่ปีนี้อายุสิบเอ็ดปีแล้วเฉินเฟิ่นอี้รับกุญแจจากลุงเหว่ยเทาทันทีที่มาถึง บ้านพักหลังนี้ถือว่าเป็นความทรงจำของเธอก็ว่าได้ อยู่มาตั้งหลายปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"คุณลุงเหว่ยไม่ได้ปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่าเหรอคะ" เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องโถง และสอบถามเรื่องราวระหว่างที่ไปอยู่ในปักกิ่ง"บ้านหลังนี้หลานบอกว่ามันเป็นความทรงจำไม่ใช่หรือ ถึงลุงไม่ได้ขายให้แต่ก็เก็บเอาไว้รอพวกหลานกลับมา" เหว่ยเทายิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยา สมบัติที่มีอยู่จึงเป็นของเขาและมีรายได้จากการปล่อยเช่าห้องพัก ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ให้คนอื่น และเด็กบ้านเฉินก็เหมือนลูกเหมือนหลานของเขา"ขอบคุณค่ะ""ลุงสามฝากบอกว่าถ้ามีเวลาให้ขึ
หลังงานเลี้ยงจบลง ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดไม่พ้นหลานชายหลานสาวของตระกูลเฉินมีคนรักแล้ว หลายคนยังคงต้องการขยับความสัมพันธ์ เผื่อว่าวันหน้าจะมีโอกาส จึงจ้างกลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ไปร่วมงานอยู่บ่อย ๆช่วงปิดภาคเรียนเป็นช่วงที่ต้องทำหลายอย่าง กว่าจะลงตัวก็เปิดภาคเรียนแล้ว ภาคเรียนที่สองเป็นภาคเรียนที่เหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องนอนในหอพักของมหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนยังคงหนาแน่น ยิ่งที่บ้านย้ายเข้าไปอยู่ในเขตตระกูลเฉิน ทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักทำให้ได้พบเจอหน้ากันทุกวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิ่นอี้ ทุกคนต่างลงความเห็นที่จะทำงานกับเพื่อนสาว เว่ยฟ่งถึงขั้นต่อสายมาหาพ่อกับแม่เรื่องที่เขาเรียนจบแล้วจะกลับไปแต่งงานกับเจียวซีแล้วจะกลับมาอยู่ในปักกิ่งคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ผู้ชายเข้าไปช่วยรุ่นพี่โอวหยางจิงทำงาน ผู้หญิงช่วยเฉินเฟิ่นอี้ในร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ย ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถือว่าคุ้มเพราะช่วยอยู่เบื้องหลังแค่มาเรียนปีแรกก็ทำเอาผู้ปกครองปวดหัวแล้ว ปีที่ีสองยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่มีใครกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าอยากเจอก็ให้เดินทางมาหาความสัมพัน
หลานชาย หลานสาว รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทถูกจับแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานสำคัญ อันที่จริงกลุ่มเพื่อนของเฉินเฟิ่นอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้ แต่ทุกคนลงความคิดเห็นว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านเฉินแล้วแขกภายในงานมีหลายคนที่เคยสนิทกับคนในตระกูลเฉิน เพราะฉะนั้นเฉินเฟิ่นอี้จึงพยายามบอกคนอื่นให้หลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้เฉินเฟิ่นอี้มองชุดที่ออกแบบด้วยฝีมือของพี่เยี่ยฉิงจากร้านเยว่ซิน ทันทีที่จะมีการจัดเตรียมงานเธอได้ทำการติดต่อขอตัดเย็บเสื้อผ้าให้ และตระกูลเยี่ยคือหนึ่งในพันธมิตรของปู่เธอ"เสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่คิดจะทำงานในวงการบ้างหรือ" เยี่ยฉิงมองชุดบนตัวของเฉินเฟิ่นอี้"ไม่ละค่ะ ฉันชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่า" เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธไป ให้ช่วยแต่งหน้าหรือทำอย่างอื่นได้ แต่จะให้ถ่ายแบบเธอทำไม่ได้จริง ๆ"อื้อ ๆ ฉันก็ว่าแบบนั้นดูเป็นเธอมากกว่า" หล่อนหัวเราะเฉินเฟิ่นอี้เป็นเจ้าของร้านผ้าถุงที่ออกแบบลวดลายเอง เยี่ยฉิงเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ไม่ถ่ายแบบงานตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเยี่ยฉิงที่ช่วยเฉินเฟิ่นอี้แต่งตัวแล้วเดินไปช่วยคนอื่นต่อ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งตัว แน่นอนว่างานส
ข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งของหลายวันมานี้จะเป็นข่าวอะไรไปไม่ได้นอกจากข่าวผลัดเปลี่ยนผู้นำตระกูลเฉิน เป็นผู้นำที่หลาย ๆ คนคิดว่าเหมาะสมที่สุด นั่นก็คือ เฉินจงอี้ หรือปู่เฉินของเด็ก ๆ บ้านเฉิน ที่รับช่วงต่อระหว่างรอลูกชายทั้งสี่เรียนรู้งานเฉินเฟิ่นอี้ให้พี่ใหญ่เฉินส่งคนคอยตามคนตระกูลเฉินไปอย่างลับ ๆ เธอไม่ไว้ใจพวกเขา อย่าลืมว่าเฉินหานกับ เฉินหว่านทั้งสองต่างมีชื่อเสียง เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ และปู่รอง ปู่สามของตระกูลจะไม่มีน้ำยาทำอะไรจริง ๆ น่ะหรือ"ปู่คะ ฉันว่าพวกเราอยู่ที่บ้านนี้สักพักก่อนดีกว่าค่ะ ส่วนบ้านหลังนั้นก็ให้คนเข้าไปเก็บกวาดซ่อมแซมใหม่ก่อน" เฉินเฟิ่นอี้เสนอเมื่อปู่เฉินจะพาทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านตระกูลเฉินบ้านมันเก่ามากแล้วควรทำความสะอาดครั้งใหญ่ อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าข้างในจะมีอะไรที่เป็นอันตรายหรือไม่ และเธอสะดวกใจที่จะอยู่บ้านพักหลังนี้มากกว่า แต่ว่าถ้าปู่เฉินต้องการที่จะย้ายไปเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอเพียงให้มั่นใจก่อนว่ามันจะปลอดภัยจริง ๆช่วงนี้เธอไม่สามารถติดต่อกับระบบได้และมันก็หายไปหลายวันแล้ว ทำให้เฉินเฟิ่นอี้เป็นกังวลและคิดว่าควรรอมากกว่า"ทำไมล่ะ ที่จริงพวกเร
ปู่เฉิน ย่าเฉิน ลุงใหญ่ ลุงรอง ลุงสาม พ่อของเธอ พี่ใหญ่เฉิน และเฉินเฟิ่นอี้อยู่บนรถยนต์เพื่อเดินทางไปยังตระกูลเฉินตามที่เคยบอกเฉินหว่านเอาไว้ เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้พูดเล่น ตอนนี้ตระกูลเฉินมีหนี้และอีกไม่นานกิจการค้าขายที่เคยเป็นของปู่เฉินก็จะถูกยึด พี่ใหญ่เฉินกล่าวว่ามีคนจากตระกูลเฉินขอกู้เงินจำนวนหนึ่งล้านหยวนแลกกับกิจการเฉินเฟิ่นอี้นั่งข้างคนขับซึงก็คือพี่ใหญ่เฉิน นอกจากพวกเธอแล้วยังมีนายทหารอีกสองคันที่พี่ใหญ่เฉินพามาด้วย ดูเหมือนว่าตระกูลเฉินจะไม่มีเงินจ้างคนทำความสะอาดทางเข้า เขตบ้านตระกูลเฉินรกมากรถยนต์ดับลงหน้าบ้าน สมาชิกบ้านเฉินลงจากรถ เฉินเฟิ่นอี้เดินไปหาย่าเฉินที่อยู่ในวงล้อมของลูก ๆ เฉินเฟิ่นไม่ได้กลัวแต่ถ้าเกิดมีการลงไม้ลงมือกัน อย่างน้อยอยู่ใกล้ย่าเฉินจะปลอดภัยที่สุด“ที่นี่คือตระกูลเฉินเหรอคะ?”เฉินเฟิ่นอี้มองไปยังบ้านหลายหลังที่อยู่ติดกัน ด้านหน้าทางเข้าพบว่าเป็นบ้านสมัยใหม่ที่ดูดี แต่พอเข้ามาด้านหลังต้องบอกว่ามันทรุดโทรมมาก โดยเฉพาะหลังที่เป็นเหมือนบ้านรวม ตัวหลังคาหน้าบ้านมันแตกแล้ว“เปลี่ยนไปมากจริง ๆ” ปู่เฉินว่าด้วยความเสียดาย ที่ผ่านมาเขาคิดว่าจะมีคนดูแลที่นี่เหมือนก
เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดร้านนานหลายวัน เฉินเฟิ่นอี้กลับมาเปิดร้านอีกครั้งและจ้างคนมาเฝ้าหน้าร้านถึงสามคนเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย หนังสือพิมพ์ลงข่าวทายาทของเจ้าของกิจการที่ยกให้น้องชายก่อนที่เขาจะหายตัวไปพร้อมครอบครัว ทำให้ร้านผ้าถุงมีลูกค้าเข้ามาซื้อของมากขึ้น และมีหลายร้านที่มาจ้างให้เฉินเหม่ยเย่ไปถ่ายงาน นอกจากนี้กลุ่มเพื่อนผู้หญิงก็ยังมีงานตามมาอีกไม่ต่างกันเฉินเฟิ่นอี้นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อตรวจสอบบัญชีของเมื่อวานที่ยังไม่ได้จัดการ ข้าง ๆ กันมีโอวหยางจิงที่ตามมาด้วย เห็นบอกว่างานในโรงงานไม่ได้มีอะไรให้ทำและไม่ได้รับลูกค้าเพิ่ม เพียงตัดเย็บให้ร้านของเธอกับตัดเย็บเสื้อผ้าให้ร้านเยว่ซินก็ทำแทบไม่ทันแล้ว"เมื่อวานโจวซิงฉือบอกว่าที่บ้านติดต่อมา มีคนเข้าไปหาพวกเขาสอบถามถึงเรื่องของเธอ แต่ครอบครัวของเขาบอกไปว่าไม่รู้จักเธอ" โอวหยางจิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่นั่งมองคนรักทำงานทุกคนติดต่อไปยังครอบครัวเพื่อให้บอกว่าไม่รู้จักบ้านเฉินหรือหากพวกเขามีพยานให้ตอบว่าเป็นเพื่อนของลูกเท่านั้นไม่ได้รู้จักสนิทสนม และเป็นคำสั่งของเฉินเฟิ่นอี้เองเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และไม่มีใครถามเนื่องจากเชื่อในตัวของเพื่อน