บทที่ 14 เกิดเรื่องใหญ่
ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเครื่องจักยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องอ้ายเยว่ตื่นขึ้นมามองดูอากาศรอบ ๆ อย่างตื่นตาเช่นเคย
"ดูอ้ายเยว่สักครู่นะเดี๋ยวฉันกลับมา ลูกอยู่กับแม่ก่อนนะพ่อขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่"
"พ่อครับผมเองก็อยากเข้าห้องน้ำขอไปด้วยได้มั้ย "
"อย่างนั้นมาเถอะพ่อจะจับมือลูกไปเอง อยู่ได้ใช่มั้ย? " เขาจับมือของอ้ายเยว่ก่อนจะหันมาถามซูเม่ยที่ต้องนั่งคอยอยู่เพียงลำพัง
"ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้" เฉาจื่อพาอ้ายเยว่ไปเข้าห้องน้ำระหว่างนั้นซูเม่ยทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างดูดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนต่ำลง
"สาวสวยอย่างนี้เดินทางคนเดียวคงเหงามากเลยสินะให้พวกฉันนั่งเป็นเพื่อนมั้ยรับรองว่าจะลืมความเหงาจนกว่ารถไฟจะหยุดที่สถานีเลย" เสียงของชายฉกรรจ์ดังขึ้นซูเม่ยหันขวับมามองใจเต้นแรงระรัว จ้องมองชายที่เดินเข้ามานั่งกับเธอถึงสามคนใบหน้าของแต่ละคนค่อนข้างน่ากลัวแถมร่างกายยังสักลายเต็มตัวอีกด้วย ความหวาดกลัวเริ่มก่อเกิดในใจยิ่งยุคนี้แล้วทุกคนช่างน่ากลัวจริง ๆ
"ออกไปนะ ฉันไม่ได้มาคนเดียวสักหน่อยไม่ต้องการให้คนไม่รู้จักมานั่งเป็นเพื่อนด้วย”
“แหมน้องสาวอย่าเล่นตัวนักเลยให้เรานั่งเป็นเพื่อนกว่าจะถึงสถานีเถอะนะรับรองจะมีแต่เรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นต่อจากนี้” สายตาของชายคนที่พูดออกมาจ้องมองด้วยสายตาหื่นกระจายใจของเธอสั่นไหวไปหมด
“ฉันต้องการนั่งเงียบ ๆ อีกอย่างฉันมากับสามีและลูกชายเขาไปเข้าห้องน้ำอีกไม่นานก็คงกลับมาแล้ว”
“นี่อย่าหลอกพวกพี่เลยคิดว่าพูดแค่นี้แล้วจะปล่อยไปง่าย ๆ หรือนาน ๆ จะได้เห็นคนสวยมาคนนี้อย่างนี้วันนี้เป็นวันที่ดีจริง ๆ " อีกคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาไม่ว่าซูเม่ยจะพูดอย่างไรคนพวกนี้ไม่ยอมฟังเธอสักนิด พวกเขานั่งลงข้างๆ ซูเม่ยเริ่มเข้ามาลวนลามจับไม้จับมือเธอพยายามปัดป่ายไม่ให้พวกเขาแตะต้อง
“ออกไปนะ ฉันบอกให้ออกไป”
“อย่าเล่นตัวนักเลยมาเล่นสนุกกับพวกเราดีกว่าผิวขาวเนียนดีเหลือเกินกลิ่นตัวก็หอม ๆ ฮื้มม…ชื่นใจจัง” ชายคนที่นั่งติดกับเธอจับปลายผมของซูเม่ยไปดมทำท่าน่าเกลียดจนเธอตัวสั่นเทาไปหมด ขยะแขยงคนพวกนี้จนไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้เธอกรี๊ดร้องออกมาเสียงดัง
“กรี๊ด!!! ปล่อยฉันนะ” ครั้นนั้นเฉาจื่อกับอ้ายเยว่กลับจากห้องน้ำได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของผู้หญิงแว่ว ๆ ในใจภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นกับซูเม่ยแต่เมื่อทั้งสองเดินมาใกล้ ๆ เห็นเธอกำลังถูกลวนลามจิตใจของเขาร้อนรุ่มดวงตาแข็งกร้าวกัดฟันกรามจนเส้นเลือดปูดบวม
“คุณพ่อนั่นคุณแม่ไม่ใช่หรือครับ?คุณแม่กำลังโดนแกล้งผมจะไปช่วยแม่เอง”
“ลูกไม่ต้อง..ยืนคอยพ่ออยู่ตรงนี้พ่อจะจัดการเอง”
“ครับ” อ้ายเยว่ยืนคอยอยู่ห่าง ๆ มองดูคุณพ่อเข้าไปจัดการกับคนพวกนั้น
“ไม่รู้อะไรซ่ะแล้วพ่อของฉันคือนายพลใหญ่คนพวกนี้ต้องถูกคุณพ่อจัดการจนร้องขอชีวิตแน่ ๆ ” อ้ายเยว่ยืนกอดอกจ้องมองแผ่นหลังของพ่ออย่างภูมิใจ
ตอนนั้นชายทั้งสามคนกำลังลวนลามใช้มือลูบไล้ใบหน้าของเธอ ร่างเล็กสั่นระริกด้วยความกลัว
"เอามือสกปรกของพวกแกออกจากภรรยาของฉันเดี๋ยวนี้" เสียงเข้มขรึมของเฉาจื่อทำให้คนพวกนั้นชะงักหันไปมองเป็นตาเดียวกัน จิตใจของซูเม่ยเริ่มมีหวังเมื่อเห็นกลับมาทันเวลาพอดี
"ฮ่า ฮ่า นี่คิดว่าจะเชื่อหรือไงว่าเป็นสามีของผู้หญิงคนนี้ ทำเป็นอวดเก่งพวกฉันมีตั้งสามคนแกคนเดียวจะสู้ไหวหรือ? "
"ฉันขอเตือนพวกแกถ้ายังไม่ออกห่างจากเธออย่าหาว่าฉันไม่เตือน " เฉาจื่อจ้องเขม็งดวงตาโกรธเกรี้ยวคล้ายจะฆ่าคนพวกนั้นด้วยสายตา
"ฮ่า ฮ่า ดูไอ้หน้าอ่อนนี่สิวะทำเป็นอวดดีอยากให้สาวประทับใจหรือไง ไม่รู้จักพวกฉันสินะพวกฉันคือแก๊งมังกรดำคนแถวนี้ต่างไม่กล้ายุ่งหากอยากอยู่อย่างสงบสุข แกไปนั่งที่ของแกเถอะถ้าไม่อยากเดือดร้อนถึงตระกูล" ชายคนหนึ่งได้พูดข่มขู่ในอำนาจของแก๊งตัวเองแต่มีหรือที่เฉาจื่อจะกลัว เขาได้ยินชื่อเสียงของแก๊งมังกรดำมานานแต่ไม่เคยข้องเกี่ยว เขาจ้องมองคนทั้งสามคงเป็นลูกกระจ๊อกของแก๊งนี่มากกว่าหากเกิดการต่อสู้เขาคงเอาชนะได้
"มังกรดำแล้วอย่างไรในเมื่อพวกแกกำลังลวนลามภรรยาของฉันอยู่" เขาพูดจบพุ่งตัวเข้าไปชกเข้าที่ใบหน้าของผู้ชายปากดีที่พูดอยู่เมื่อครู่
พลั่ก ...!!!
“โอ๊ยยย!!” ร่างใหญ่ล้มลงกับพื้นชายที่มาด้วยทั้งสองคนรีบเข้าไปจับกายของเขาลุกขึ้นมาก่อนจะต่อว่าเฉาจื่อ
"เฮ้ย!! นี่แกกล้าลงมือกับพี่ใหญ่ของเราหรืออย่าอยู่เลยวันนี้จะต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก "
ย๊ากกก” ชายคนหนึ่งวิ่งปรี่เข้าไปใกล้ง้างมือหวังต่อยเข้าที่ใบหน้าของเฉาจื่อเขาหลบได้อย่างฉับไวพร้อมสวนหมัดของตัวเองใส่ที่ใบหน้าของชายคนนั้นจนล้มลงอีกคน ลูกน้องที่เหลืออีกคนเห็นเพื่อนที่มาด้วยกันทั้งสองถูกทำรายเขาเองก็ปรี่เข้ามาต่อสู้กับเฉาจื่อแต่ทว่าเขาไม่ทันได้มาถึงตัวต้องถูกเฉาจื่อใช้เท้าถีบกระเด็นไปเสียก่อน
“อ๊ากก! อย่าเข้ามานะ อั่ก” เฉาจื่อนั่งคร่อมร่างกระชากคอเสื้อของเขาชกเข้าที่ใบหน้าครั้งแล้วครั้งด้วยความโมโห
ซูเม่ยตื่นตระหนกเธอเคยเห็นแต่ในละครที่มีฉากต่อสู้ไม่คิดว่าจะได้เห็นของจริงซึ่ง ๆ หน้าอย่างนี้ เธอรีบมองหาอ้ายเยว่เห็นห่วงเด็กชายขึ้นมาทันที แต่ทว่าสายของเธอกลับมองไปเห็นว่าชายคนแรกที่เฉาจื่อต่อยนั้นกำลังดึงมีดเล็กออกมาจากประเป๋ากางเกงเธอรีบตะโกนบอกเขาด้วยความเป็นห่วง
“คุณระวังชายพวกนี้มีอาวุธ” แต่ไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบชายคนนั้นวิ่งเข้าไปหาเฉาจื่อ เขากำลังต่อยอีกคนอยู่ได้ยินเสียงของซูเม่ยรีบหันขวับกลับมาดูตกใจเล็กน้อยแต่เขาก็ทันได้หลบปลายมีดนั้นได้และโดนบาดเข้าที่แขนเล็กน้อย
“ฉันบอกแกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับคนของแก๊งมังกรดำวันนี้จะเป็นวันตายของแก แค่คนคนเดียวจัดการโยนทิ้งข้างทางก็สิ้นเรื่องย๊าก” ยิ่งเห็นเลือดของเฉาจื่อชายคนนั้นคึกคะนองคิดว่าตนเองจะมีทางชนะแต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้เขาได้ปลุกเสื้อร้ายในตัวของเฉาจื่อจนเสร็จสมบูรณ์
“คำนั้นเป็นฉันเสียมากกว่าที่จะเป็นคนพูดในเมื่อเตือนไม่ฟังฉันจะทำให้เห็นว่าแก๊งมังกรดำของพวกแกก็เป็นได้แค่ไส้เดือนดินเท่านั้น” เฉาจื่อลุกขึ้นยืนตั้งท่ารับมือฝีมือเท่านี้ทหารในค่ายของเขายังเก่งกว่านี้มากมาย
“ดูถูกกันเกินไปแล้ว” เขาวิ่งพุ่งเข้ามาหาเฉาจื่อแต่ตอนนั้นเฉาจื่อไม่ได้หวั่นกลัวสักนิดตาจ้องมองท่วงท่าที่ปรี่เข้ามาหาตัวเอง จับทิศทางเมื่อร่างใหญ่ใกล้เข้ามาขาหลบไปทางซ้ายก่อนจะคว้ามือไปจับมือขวาของเขาให้หักมือปลายมีดเปลี่ยนทิศทางปลายแหลมคมเข้าคอของเขา เฉาจื่อดันมีดเข้าไปครั้นนั้นเลือดสีแดงฉานพุ่งกระจาย เสียงกรี๊ดร้องของคนบนรถไฟตื่นตระหนกตกใจกันดังลั่น ซูเม่ยรีบวิ่งไปกอดอ้ายเยว่ไม่อยากให้เขาเห็นเหตุการณ์โหดร้ายนี้แม้ตนเองยังตกใจกลัวขวัญเสียแต่เธอก็ไม่อยากให้วันที่สดใสของลูกชายสลดหดหู่อย่างนี้
“อ๊าก คร่อก” เสียงร้องเจ็บปวดของชายคนนั้นร้องโหยหวนไม่ทันไรร่างใหญ่ได้ล้มลงกับพื้นอีกสองคนที่เห็นต่างพากันสั่นกลัวขนาดลูกพี่ของเขายังตายง่าย ๆ แล้วเขาทั้งสองจะเหลือหรือ?รีบคุกเข่าก้มลงกับพื้นอ้อนวอนขอชีวิตจากเฉาจื่อ
“ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ ฉันผิดไปแล้วอย่าฆ่าฉันเลย”
“ใช่ ๆ พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของลูกพี่เท่านั้นอย่าฆ่าพวกเราเลยนะ พวกเรากลัวแล้ว” เฉาจื่อเช็ดเลือดที่เปื้อนมือหันมามองทั้งสองนั่งอยู่ตรงหน้าร่างกายสั่นกลัว ไม่นานตำรวจรถไฟเดินเข้ามาดูเหตุการณ์
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นขอให้ทุกคนอยู่ในนี้ด้วยความสงบ”
“คุณเป็นตำรวจรถไฟสินะ ฉันคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้อาจจะไม่ใช่ครั้งแรก คุณปล่อยให้คนพวกนี้มาทำมิดีมิร้ายผู้หญิงบนรถไฟได้อย่างไรกัน” เฉาจื่อเอ่ยปสกถามทันทีที่ตำรวจรถไฟเดินเข้ามาใกล้
“ใช่ฉันเป็นตำรวจรถไฟแล้วคุณเป็นใครถึงกล้ามากล่าวหากันอย่างนี้”
“ตำรวจผู้ชายคนนี้เป็นคนลงมือฆ่าลูกพี่พวกเราช่วยเราด้วยเราโดนทำร้าย” ชายทั้งสองคนรีบขยับกายเข้าไปขอความช่วยเหลือแถมยังใส่ร้ายเฉาจื่ออีกด้วย
“นี่คุณตำรวจอย่าไปเชื่อพวกมัน ฉันต่างหากที่โดนลวนลามหากสามีของฉันกลับมาไม่ทันไม่เป็นฉันหรือที่จะตกเป็นผู้โดนกระทำ” ซูเม่ยอุ้มอ้ายเยว่เข้ามาเพื่ออธิบายความจริงให้ตำรวจรถไฟรับรู้
บทที่ 15 เฉาจื่อโดนจับตำรวจรถไฟมองใบหน้าของชายสองคนอย่างสับสน ราวกับว่าเขารับส่วยจากคนพวกนี้ เฉาจื่อสังเกตเห็นสายตามี่จ้องมองก็พอเข้าใจ นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนรถไฟแน่นอนเรื่องนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่านให้คนชั่วช้าพวกนี้ไปทำเรื่องสกปรกกับผู้หญิงคนอื่นอีกต่อไป“เรื่องที่คุณถูกลวนลามนั้นคนพวกนี้อาจจะทำผิดแต่ว่าสามีคุณลงมือฆ่าคนนี่คือเรื่องใหญ่ ฉันต้องใส่กุญแจมือเอาไว้ก่อนเมื่อรถไฟถึงสถานีทุกคนต้องไปสถานีตำรวจ”“เอาสิฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ที่ฉันทำไปทั้งหมดเพราะป้องกันตัวเองทุกคนบนรถไฟเองก็เห็นว่าชายคนนี้ตั้งใจหันปลายมีดมาหาฉัน หรือว่าจะหลับหูหลับตาไม่ยอมพูดความจริงกันเพราะกลัวอำนาจแก๊งมังกรดำ ถ้าหากฉันไม่ป้องกันตัวเองคนที่นอนตายอยู่ตรงนี้ก็คงเป็นฉันหรือจะเป็นผู้หญิงที่ถูกย่ำยี เมื่อสมใจหวังก็โดนศพทิ้งระหว่างทางทำราวกับไม่เคยเกิดขึ้นสินะ ฉันเคยได้ยินคร่าว ๆ ว่าปี1986เกิดเหตุการณ์หญิงสาวตกรถไฟตาย หรือว่านั้นจะไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นเหตุการณ์แบบนี้กัน” จู่ ๆ เฉาจื่อก็คิดถึงเรื่องที่เขาพอได้ยินมาจากหทารที่พากันพูดถึงเหตุการณ์นี้แต่ว่าแม่ของหญิงสาวเป็นเพียงหญ
บทที่ 16 อ้ายเยว่ฝันดีเวลาผ่านไปเพียงชั่วอึดใจผู้กองผู้ที่เป็นตำรวจใหญ่ที่สุดในย่านนี้ที่นี่เป็นสถานีไม่ได้ใหญ่นัก ใหญ่สุดก็คือผู้กองเท่านั้น ได้เดินทางมาถึงสีหน้าท่าทางรำคาญและโมโหที่ต้องถูกเรียกนอกเวลางาน"ไหน ๆ ไอ้ตัวต้นเรื่องอยู่ไหนทำให้ฉันต้องออกมาตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเย็นกับครอบครัว ""ต้องขอโทษด้วยนะครับท่านพอดีชายคนนี้ยืนยันอยากเจอท่านอย่างเดียว เขาอยู่ทางนั้นครับ" ตำรวจเวรรีบผายมือไปทางด้านของเฉาจื่อ"แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าตัวเองเป็นถึงท่านนายพลแต่ผมว่าน่าจะเป็นคนบ้ามากกว่าครับ "แต่ทว่าเมื่อสายตาของผู้กองจับจ้องไปยังเฉาจื่อใบหน้าของเขาซีดเผือกทันทีรีบเดินหาสั่งการให้ตำรวจเวรปลดกุญแจมือทันที"งานเข้าแล้วรีบไปปลดกุญแจมือเดี๋ยวนี้ แกนี่โง่จริง ๆ เลยหาเรื่องใหญ่มาให้ปวดหัวอีกแล้ว" เขากระซิบข้างหูของตำรวจเวร ยามนี้เขาเองต้องคิ้วขมวดกันอย่างสงสัยก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงโต ใบหน้าซีดเซียวไปอีกคนหรือว่าชายคนนี้จะเป็นท่านนายพลอย่างที่พูดจริง ๆ"ท่านนายพลจิ่นเฉาจื่อ ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องด้วยนะครับที่ทำเรื่องใหญ่วุ่นวายอย่างนี้ แฮะ ๆ ท่านเป็นคนใหญ่คนโตไม่มีใครที่ไม่รู้จัก อีกอย่างนายตำรวจ
บทที่ 17 หยุดเถอะครับบนเตียงนอนที่ไม่ได้ใหญ่มากสามคนนอนเบียดกันแน่นแต่ทว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดอ้ายเยว่หลับปุ๋ยในอ้อมกอดทั้งสองคน ก่อนที่เขาจะนอนหลับได้จับมือของซูเม่ยกับเฉาจื่อให้กอดตัวเองสองมือประกบกันอยู่บนตัวของเด็กชาย เมื่อเห็นว่าอ้ายเยว่หลับสนิทเฉาจื่อรีบดึงมือออกมาจากตัวของอ้ายเยว่โดยเร็วและค่อย ๆ ลุกจากเตียงนอน ซูเม่ยเองเธอเคยเข้าฉากอย่างนี้มามากเพียงเท่านี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเพราะคิดอย่างเดียวว่าทำเพื่ออ้ายเยว่แต่ใครจะไปคิดว่าเธอนอนไปเรื่อย ๆ จนเผลอหลับไปพร้อมอ้ายเยว่“ฟู่!!! ทำไมวันนี้อากาศถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ ฉันคงนอนที่นี่ไม่ได้หรอก” เขาพูดพลางมองไปยังเตียงนอนเห็นซูเม่ยกับลูกชายนอนกอดกันแน่นหัวใจของเขาดังโครมครามมากกว่าเดิม“ทำไมถึงกล้าหลับทั้งที่ฉันอยู่ในห้องนี่ด้วยนะ แต่วันนี้เธอเองก็คงตกใจเหนื่อยมาทั้งวัน” เฉาจื่อห่มผ้าให้ทั้งสองพร้อมปิดไฟก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มเช้าวันต่อมาซูเม่ยลืมตาขึ้นมาไม่เห็นเงาของเขาแล้วมีเพียงอ้ายเยว่ที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด“นี่ฉันเผลอหลับไปหรือเนี่ย.. แล้วฉันไว้ใจเขาได้ยังไงกันนะ!!แม้เขาจะปกป้องและทำดีกับฉันก็เถอะ แต่
บทที่ 18 ตลบหลังตอนเย็นมาถึงวันนี้ชิงเถาลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง จนถึงเวลากินอาหารให้สาวใช้ไปตาทุกคนมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อทุกคนมานั่งประจำที่สาวใช้กำลังตักข้าวใส่จานเสียงรถยนต์ได้ขับเคลื่อนเข้ามาที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าใครมาเยือน“เย็นขนาดนี้ใครมากันนะ!” ชิงเถาพูดขึ้นอย่างสงสัย“คุณแม่นั่งกินเถอะครับเดี๋ยวผมจะออกไปดูเองว่าใครมา” เฉาจื่อลุกขึ้นเดินออกไปต้อนรับแขกที่มาเยือน ซูเม่ยแอบยิ้มมุมปาก‘มาถูกเวลาจริง ๆ ’วันนี้ยูร์เหยาดีใจมาก ๆ ที่จะได้พบกับเฉาจื่ออีกเธอจะทำทุกวิถีทางมัดใจของเขาให้ได้“พี่เฉาจื่อออกมารับฉันด้วย หรือว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่เมื่อวานทำตัวเหินห่างฉันกันนะ!! ดีเลยวันนี้ฉันจะใช้มารยาที่ฉันมีทั้งหมดใช้กับเขาเอง”เฉาจื่อเห็นคนที่เดินลงมาจากรถคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที เธอมาที่นี่อีกทำไมกันนะ!! หรือว่าคุณแม่จะเป็นคนเรียกเธอมาให้มากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อเขานึกย้อนไปเมื่อครู่คุณแม่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีคนมา หรือว่าจะเป็นซูเม่ยเพราะช่วงเช้าเขาเห็นเธออยู่ใกล้ ๆ โทรศัพท์แถมยังยิ้มเล็กยิ้มน้อย เมื่อครู่เขาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ หรือว่าเธอมีแผนการอะไรบางอ
บทที่ 19 ผิดแผนไม่นานซูเม่ยได้กลับมาพร้อมถังและผ้าเธอคิดว่าเฉาจื่อจะดื่มแล้วเสียอีกแต่ทว่าเขายังอยู่ท่าเดิมส่วนยูร์เหยาดวงตาเริ่มเคลิ้มแล้ว เธอจึงรีบเก็บกวาดตอนนั้นสาวใช้ลงพาจากด้านบนพอดีจึงเป็นคนจัดการต่อ"ทำไมคุณไม่ดื่มละคะ ยูร์เหยาเอาอีกมั้ยฉันจะรินให้""ได้ค่ะ แต่ฉันขออีกแก้วก็พอนะคะฉันดื่มไม่ค่อยเก่งแถมตอนนี้รู้สึกง่วงนอนอย่างไรก็ไม่รู้" แค่ได้ยินอย่างนั้นซูเม่ยตื่นเต้นเหลือเกินแค่เพียงเฉาจื่อดื่มหมดแก้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบสิ้นลง"ได้สิ" ซูเม่ยลุกขึ้นไปรินให้ยูร์เหยาอีกแก้วเธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ยกแก้วขึ้นอีกครั้ง"มาดื่มพร้อม ๆ กันเถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณก็กลับแล้ววันนี้ปลดปล่อยตัวเองหน่อยสิคะ" เฉาจื่อหยิบแก้วไวน์ขึ้นมายิ้มกว้างให้ซูเม่ย"เอาสิแก้วนี้ฉันขอดื่มให้เธอแล้วกัน" เขาดื่มจนหมดไม่เหลือสักหยดซูเม่ยดีใจมาก ๆ จึงยกไวน์ในมือดื่มจนหมดเหมือนกัน ไม่นานนักยูร์เหยาได้สลบลงซูเม่ยรียเข้าไปประคองทันนี"ไม่คิดเลยว่าเธอจะคออ่อนอย่างนี้ฉันจะพาไปนอนตรงโต๊ะด้านนู้นนะ สาวใช้กลับมาจะให้ไปตามคนขับรถมาพาเธอกลับบ้าน ถ้ารู้อย่างนี้ฉันไม่ให้เธอมาดื่มด้วยหรอกเป็นความผิดของฉันแท้ ๆ "เมื่อเห็นอย่างน
บทที่ 20 หลงรักภรรยาฝั่งด้านเฉาจื่อเขาตื่นเช้าขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาเลือกที่จะเข้าไปที่สวนหลังบ้านพื้นที่ที่คุณแม่ใช้ปลูกผักมากมาย นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่ เขาจึงจัดการซ่อมแซมไม้ที่รกและของที่ผุพัง จนกระทั่งถึงตอนบ่ายเขากำลังนั่งพักก่อนที่จะทำต่อเนื่องจากแดดเริ่มร้อนระอุ จึงเอนกายนอนลงที่นั่งพักของสวนพักหูของเขาแว่วได้ยินเสียงเท้าที่เร่งรีบเดินมาใกล้ เขาคงไม่ต้องเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าคงเป็นซูเม่ย เขาจึงแกล้งหลับตาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอมาหาเขาทำไม“นี่!! ไม่ต้องทำมาเป็นนอนหลับเลยนะ ลืมตาลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้เรื่องเมื่อคืนนี้ฉันรู้นะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรฉัน ที่คุณพาฉันไปที่ห้องคุณและแกล้งทำเป็นว่าเรานอนด้วยกัน เพราะคุณรู้แผนการณ์ของฉันใช่มั้ย เฮอะ! รู้แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจฉันจะเป็นจะตายตอนนี้ทำไมถึงไม่อยากหย่าขึ้นมาล่ะ คงไม่ได้พึ่งจะมารู้สึกกับฉันตอนนี้หรอกนะ นี่คุณได้ยินมั้ยตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ซูเม่ยพยายามปลุกเขาที่หลับปุ๋ยอยู่ จู่ ๆ เมื่อเธอพูดจบถูกเขากระชากแขนดึงร่างกายของเธอเข้าไปหาจนตอนนี้เธอนอนอยู่บนตัวของเขาและถูกเขาโ
บทนำหมิงลู่นักแสดงสาวตัวประกอบนั่งรอเวลาเข้าฉากจนเกิดอุบัติเหตุในกองถ่ายทำให้เธอได้รับบาดเจ็บจนหมดสติ ตื่นมาอีกทีเธอกลายเป็นภรรยาของท่านนายพลไร้ใจไปเสียแล้ว ที่น่าตกใจยิ่งกว่าเธอยังมีลูกชายที่แสนน่ารักอีกหนึ่งคน ชีวิตของตัวประกอบอย่างหมิงลู่เปลี่ยนไปทันที ตอนนี้เธอกลายเป็นซูเม่ยภรรยาที่สามีชังแม่สามีไม่ชอบใจแถมยังหาผู้หญิงอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อทำให้ทั้งสองหย่ากัน ซูเม่ยเธอพยายามหลายครั้งที่ขอหย่าแต่ทำอย่างไรจิ่นเฉาจื่อนายพลไร้ความรู้สึกกลับไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูดและไม่ยอมหย่าให้เธอเสียที จนตอนนี้อ้ายเยว์อายุ 5 ขวบ ซูเม่ยต้องทนอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยความทุกข์ทรมานใจ จนกระทั่งหมิงลู่เข้ามาอยู่ในร่างเธอจะไม่ทนอย่างซูเม่ยคนเก่า ในเมื่อแม่สามีอยากจะได้ลูกสะใภ้คนที่เธอชอบใจ ได้!! ซูเม่ยคนนี้จะจัดการให้เอง และเธอจะเรียกร้องค่าเสียหายที่สามีนอกใจเมื่อนั้นเธอจะฟ้องหย่าและเรียกร้องเอาเงินเพื่อพาอ้ายเยว์ออกไปจากบ้านที่น่าเบื่อหลังนี้เสียที …แต่ทว่าเมื่อพบหน้ากันครั้งแรกทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปไม่เป็นดั่งใจคิด จากสามีที่เคยเกลียดชังไม่สนใจใยดี กลับกลายเป็นว่าเขาไม่ยอมหย่าไม่ว่าเธอ
บทที่ 2 ฉันไม่ทนเมื่อหมิงลู่ได้ยินเรื่องราวของเจ้าของร่างเดิม ยิ่งรู้สึกสงสารทั้งเธอและลูกชายทำไมชีวิตของทั้งสองถึงได้รันทดอย่างนี้ แต่งงานเข้ามาในบ้านของนายทหารแต่ทว่าทั้งสองไม่ได้แต่งกันด้วยความรัก อีกทั้งแม่สามียังคอยรังแกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา และที่เธอนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ได้สติมาหลายวันเพราะแม่สามีใช้งานเธอทั้งที่ฝนตกลงมากระหน่ำแต่ไม่ยอมให้เธอเข้าร่ม ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนอ่อนแอจนทนไม่ไหว เป็นลมท่ามกลางสายฝน เมื่ออ้ายเยว่ไม่เห็นแม่ของตัวเองทั้งที่ฝนตกกระโชกแรงจึงออกตามหาเห็นแม่ของตัวเองหมดสติกลางสายฝน เขาตกใจรีบเรียกให้คนมาช่วยเหลือ เวลาล่วงเลยจนมาถึงวันนี้วันที่ 3 อ้ายเยว่ดีใจมากที่เธอฟื้นขึ้นมา หมิงลู่ได้ฟังถึงกับรับไม่ได้ส่วนนายทหารผู้เป็นสามีหลังจากคืนแต่งงานเขาไม่เคยสนใจตัวเธอด้วยซ้ำ มีเพียงแม่ของเขาที่โทรเลขไปเล่าเรื่องของเธอให้สามีฟังแถมยังใส่ไฟให้สามีเกลียดเธอมากกว่าเดิม“ฮึ ฮึ อะไรกันทำไมถึงได้หูเบาเชื่อฟังแต่แม่ตัวเองไม่สนใจลูกเมีย เอาล่ะในเมื่อสวรรค์ส่งฉันมาอยู่ในร่างนี้ฉันจะทำทุกวิถีทางไม่ให้แม่สามีมารังแกได้อีก เป็นถึงภรรยาของท่านนายพลแต่กลับใช้งานยิ่งกว่
บทที่ 20 หลงรักภรรยาฝั่งด้านเฉาจื่อเขาตื่นเช้าขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาเลือกที่จะเข้าไปที่สวนหลังบ้านพื้นที่ที่คุณแม่ใช้ปลูกผักมากมาย นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่ เขาจึงจัดการซ่อมแซมไม้ที่รกและของที่ผุพัง จนกระทั่งถึงตอนบ่ายเขากำลังนั่งพักก่อนที่จะทำต่อเนื่องจากแดดเริ่มร้อนระอุ จึงเอนกายนอนลงที่นั่งพักของสวนพักหูของเขาแว่วได้ยินเสียงเท้าที่เร่งรีบเดินมาใกล้ เขาคงไม่ต้องเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าคงเป็นซูเม่ย เขาจึงแกล้งหลับตาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอมาหาเขาทำไม“นี่!! ไม่ต้องทำมาเป็นนอนหลับเลยนะ ลืมตาลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้เรื่องเมื่อคืนนี้ฉันรู้นะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรฉัน ที่คุณพาฉันไปที่ห้องคุณและแกล้งทำเป็นว่าเรานอนด้วยกัน เพราะคุณรู้แผนการณ์ของฉันใช่มั้ย เฮอะ! รู้แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจฉันจะเป็นจะตายตอนนี้ทำไมถึงไม่อยากหย่าขึ้นมาล่ะ คงไม่ได้พึ่งจะมารู้สึกกับฉันตอนนี้หรอกนะ นี่คุณได้ยินมั้ยตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ซูเม่ยพยายามปลุกเขาที่หลับปุ๋ยอยู่ จู่ ๆ เมื่อเธอพูดจบถูกเขากระชากแขนดึงร่างกายของเธอเข้าไปหาจนตอนนี้เธอนอนอยู่บนตัวของเขาและถูกเขาโ
บทที่ 19 ผิดแผนไม่นานซูเม่ยได้กลับมาพร้อมถังและผ้าเธอคิดว่าเฉาจื่อจะดื่มแล้วเสียอีกแต่ทว่าเขายังอยู่ท่าเดิมส่วนยูร์เหยาดวงตาเริ่มเคลิ้มแล้ว เธอจึงรีบเก็บกวาดตอนนั้นสาวใช้ลงพาจากด้านบนพอดีจึงเป็นคนจัดการต่อ"ทำไมคุณไม่ดื่มละคะ ยูร์เหยาเอาอีกมั้ยฉันจะรินให้""ได้ค่ะ แต่ฉันขออีกแก้วก็พอนะคะฉันดื่มไม่ค่อยเก่งแถมตอนนี้รู้สึกง่วงนอนอย่างไรก็ไม่รู้" แค่ได้ยินอย่างนั้นซูเม่ยตื่นเต้นเหลือเกินแค่เพียงเฉาจื่อดื่มหมดแก้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบสิ้นลง"ได้สิ" ซูเม่ยลุกขึ้นไปรินให้ยูร์เหยาอีกแก้วเธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ยกแก้วขึ้นอีกครั้ง"มาดื่มพร้อม ๆ กันเถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณก็กลับแล้ววันนี้ปลดปล่อยตัวเองหน่อยสิคะ" เฉาจื่อหยิบแก้วไวน์ขึ้นมายิ้มกว้างให้ซูเม่ย"เอาสิแก้วนี้ฉันขอดื่มให้เธอแล้วกัน" เขาดื่มจนหมดไม่เหลือสักหยดซูเม่ยดีใจมาก ๆ จึงยกไวน์ในมือดื่มจนหมดเหมือนกัน ไม่นานนักยูร์เหยาได้สลบลงซูเม่ยรียเข้าไปประคองทันนี"ไม่คิดเลยว่าเธอจะคออ่อนอย่างนี้ฉันจะพาไปนอนตรงโต๊ะด้านนู้นนะ สาวใช้กลับมาจะให้ไปตามคนขับรถมาพาเธอกลับบ้าน ถ้ารู้อย่างนี้ฉันไม่ให้เธอมาดื่มด้วยหรอกเป็นความผิดของฉันแท้ ๆ "เมื่อเห็นอย่างน
บทที่ 18 ตลบหลังตอนเย็นมาถึงวันนี้ชิงเถาลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง จนถึงเวลากินอาหารให้สาวใช้ไปตาทุกคนมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อทุกคนมานั่งประจำที่สาวใช้กำลังตักข้าวใส่จานเสียงรถยนต์ได้ขับเคลื่อนเข้ามาที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าใครมาเยือน“เย็นขนาดนี้ใครมากันนะ!” ชิงเถาพูดขึ้นอย่างสงสัย“คุณแม่นั่งกินเถอะครับเดี๋ยวผมจะออกไปดูเองว่าใครมา” เฉาจื่อลุกขึ้นเดินออกไปต้อนรับแขกที่มาเยือน ซูเม่ยแอบยิ้มมุมปาก‘มาถูกเวลาจริง ๆ ’วันนี้ยูร์เหยาดีใจมาก ๆ ที่จะได้พบกับเฉาจื่ออีกเธอจะทำทุกวิถีทางมัดใจของเขาให้ได้“พี่เฉาจื่อออกมารับฉันด้วย หรือว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่เมื่อวานทำตัวเหินห่างฉันกันนะ!! ดีเลยวันนี้ฉันจะใช้มารยาที่ฉันมีทั้งหมดใช้กับเขาเอง”เฉาจื่อเห็นคนที่เดินลงมาจากรถคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที เธอมาที่นี่อีกทำไมกันนะ!! หรือว่าคุณแม่จะเป็นคนเรียกเธอมาให้มากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อเขานึกย้อนไปเมื่อครู่คุณแม่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีคนมา หรือว่าจะเป็นซูเม่ยเพราะช่วงเช้าเขาเห็นเธออยู่ใกล้ ๆ โทรศัพท์แถมยังยิ้มเล็กยิ้มน้อย เมื่อครู่เขาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ หรือว่าเธอมีแผนการอะไรบางอ
บทที่ 17 หยุดเถอะครับบนเตียงนอนที่ไม่ได้ใหญ่มากสามคนนอนเบียดกันแน่นแต่ทว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดอ้ายเยว่หลับปุ๋ยในอ้อมกอดทั้งสองคน ก่อนที่เขาจะนอนหลับได้จับมือของซูเม่ยกับเฉาจื่อให้กอดตัวเองสองมือประกบกันอยู่บนตัวของเด็กชาย เมื่อเห็นว่าอ้ายเยว่หลับสนิทเฉาจื่อรีบดึงมือออกมาจากตัวของอ้ายเยว่โดยเร็วและค่อย ๆ ลุกจากเตียงนอน ซูเม่ยเองเธอเคยเข้าฉากอย่างนี้มามากเพียงเท่านี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเพราะคิดอย่างเดียวว่าทำเพื่ออ้ายเยว่แต่ใครจะไปคิดว่าเธอนอนไปเรื่อย ๆ จนเผลอหลับไปพร้อมอ้ายเยว่“ฟู่!!! ทำไมวันนี้อากาศถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ ฉันคงนอนที่นี่ไม่ได้หรอก” เขาพูดพลางมองไปยังเตียงนอนเห็นซูเม่ยกับลูกชายนอนกอดกันแน่นหัวใจของเขาดังโครมครามมากกว่าเดิม“ทำไมถึงกล้าหลับทั้งที่ฉันอยู่ในห้องนี่ด้วยนะ แต่วันนี้เธอเองก็คงตกใจเหนื่อยมาทั้งวัน” เฉาจื่อห่มผ้าให้ทั้งสองพร้อมปิดไฟก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มเช้าวันต่อมาซูเม่ยลืมตาขึ้นมาไม่เห็นเงาของเขาแล้วมีเพียงอ้ายเยว่ที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด“นี่ฉันเผลอหลับไปหรือเนี่ย.. แล้วฉันไว้ใจเขาได้ยังไงกันนะ!!แม้เขาจะปกป้องและทำดีกับฉันก็เถอะ แต่
บทที่ 16 อ้ายเยว่ฝันดีเวลาผ่านไปเพียงชั่วอึดใจผู้กองผู้ที่เป็นตำรวจใหญ่ที่สุดในย่านนี้ที่นี่เป็นสถานีไม่ได้ใหญ่นัก ใหญ่สุดก็คือผู้กองเท่านั้น ได้เดินทางมาถึงสีหน้าท่าทางรำคาญและโมโหที่ต้องถูกเรียกนอกเวลางาน"ไหน ๆ ไอ้ตัวต้นเรื่องอยู่ไหนทำให้ฉันต้องออกมาตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเย็นกับครอบครัว ""ต้องขอโทษด้วยนะครับท่านพอดีชายคนนี้ยืนยันอยากเจอท่านอย่างเดียว เขาอยู่ทางนั้นครับ" ตำรวจเวรรีบผายมือไปทางด้านของเฉาจื่อ"แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าตัวเองเป็นถึงท่านนายพลแต่ผมว่าน่าจะเป็นคนบ้ามากกว่าครับ "แต่ทว่าเมื่อสายตาของผู้กองจับจ้องไปยังเฉาจื่อใบหน้าของเขาซีดเผือกทันทีรีบเดินหาสั่งการให้ตำรวจเวรปลดกุญแจมือทันที"งานเข้าแล้วรีบไปปลดกุญแจมือเดี๋ยวนี้ แกนี่โง่จริง ๆ เลยหาเรื่องใหญ่มาให้ปวดหัวอีกแล้ว" เขากระซิบข้างหูของตำรวจเวร ยามนี้เขาเองต้องคิ้วขมวดกันอย่างสงสัยก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงโต ใบหน้าซีดเซียวไปอีกคนหรือว่าชายคนนี้จะเป็นท่านนายพลอย่างที่พูดจริง ๆ"ท่านนายพลจิ่นเฉาจื่อ ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องด้วยนะครับที่ทำเรื่องใหญ่วุ่นวายอย่างนี้ แฮะ ๆ ท่านเป็นคนใหญ่คนโตไม่มีใครที่ไม่รู้จัก อีกอย่างนายตำรวจ
บทที่ 15 เฉาจื่อโดนจับตำรวจรถไฟมองใบหน้าของชายสองคนอย่างสับสน ราวกับว่าเขารับส่วยจากคนพวกนี้ เฉาจื่อสังเกตเห็นสายตามี่จ้องมองก็พอเข้าใจ นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนรถไฟแน่นอนเรื่องนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่านให้คนชั่วช้าพวกนี้ไปทำเรื่องสกปรกกับผู้หญิงคนอื่นอีกต่อไป“เรื่องที่คุณถูกลวนลามนั้นคนพวกนี้อาจจะทำผิดแต่ว่าสามีคุณลงมือฆ่าคนนี่คือเรื่องใหญ่ ฉันต้องใส่กุญแจมือเอาไว้ก่อนเมื่อรถไฟถึงสถานีทุกคนต้องไปสถานีตำรวจ”“เอาสิฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ที่ฉันทำไปทั้งหมดเพราะป้องกันตัวเองทุกคนบนรถไฟเองก็เห็นว่าชายคนนี้ตั้งใจหันปลายมีดมาหาฉัน หรือว่าจะหลับหูหลับตาไม่ยอมพูดความจริงกันเพราะกลัวอำนาจแก๊งมังกรดำ ถ้าหากฉันไม่ป้องกันตัวเองคนที่นอนตายอยู่ตรงนี้ก็คงเป็นฉันหรือจะเป็นผู้หญิงที่ถูกย่ำยี เมื่อสมใจหวังก็โดนศพทิ้งระหว่างทางทำราวกับไม่เคยเกิดขึ้นสินะ ฉันเคยได้ยินคร่าว ๆ ว่าปี1986เกิดเหตุการณ์หญิงสาวตกรถไฟตาย หรือว่านั้นจะไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นเหตุการณ์แบบนี้กัน” จู่ ๆ เฉาจื่อก็คิดถึงเรื่องที่เขาพอได้ยินมาจากหทารที่พากันพูดถึงเหตุการณ์นี้แต่ว่าแม่ของหญิงสาวเป็นเพียงหญ
บทที่ 14 เกิดเรื่องใหญ่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเครื่องจักยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องอ้ายเยว่ตื่นขึ้นมามองดูอากาศรอบ ๆ อย่างตื่นตาเช่นเคย"ดูอ้ายเยว่สักครู่นะเดี๋ยวฉันกลับมา ลูกอยู่กับแม่ก่อนนะพ่อขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่""พ่อครับผมเองก็อยากเข้าห้องน้ำขอไปด้วยได้มั้ย ""อย่างนั้นมาเถอะพ่อจะจับมือลูกไปเอง อยู่ได้ใช่มั้ย? " เขาจับมือของอ้ายเยว่ก่อนจะหันมาถามซูเม่ยที่ต้องนั่งคอยอยู่เพียงลำพัง"ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้" เฉาจื่อพาอ้ายเยว่ไปเข้าห้องน้ำระหว่างนั้นซูเม่ยทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างดูดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนต่ำลง"สาวสวยอย่างนี้เดินทางคนเดียวคงเหงามากเลยสินะให้พวกฉันนั่งเป็นเพื่อนมั้ยรับรองว่าจะลืมความเหงาจนกว่ารถไฟจะหยุดที่สถานีเลย" เสียงของชายฉกรรจ์ดังขึ้นซูเม่ยหันขวับมามองใจเต้นแรงระรัว จ้องมองชายที่เดินเข้ามานั่งกับเธอถึงสามคนใบหน้าของแต่ละคนค่อนข้างน่ากลัวแถมร่างกายยังสักลายเต็มตัวอีกด้วย ความหวาดกลัวเริ่มก่อเกิดในใจยิ่งยุคนี้แล้วทุกคนช่างน่ากลัวจริง ๆ"ออกไปนะ ฉันไม่ได้มาคนเดียวสักหน่อยไม่ต้องการให้คนไม่รู้จักมานั่งเป็นเพื่อนด้วย”“แหมน้องสาวอย่าเล่นตัวนักเลยให้เรานั่งเป็นเพื่อนก
บทที่ 13 เริ่มวางแผน'คิดอะไรของเขากันนะ ไหนที่ในบันทึกว่าเขาเกลียดซูเม่ยไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้สายตาของเขาถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้ หรือว่าเขาเพียงแค่แสดงต่อหน้าอ้ายเยว่กันใช่ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน เฮอะ! คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงฉันเป็นนักแสดงนะย่ะ ' ซูเม่ยไม่ได้ใจเต้นแรงเพียงแค่คำพูดและการกระทำของเขาหรอกนะ เธอนะเป็นนักแสดงหากจะให้เล่นเป็นครอบครัวอบอุ่นเรื่องแค่นี้ง่ายมากสำหรับเธอ"พ่อครับที่นี่มันไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่นัก หากวันหน้าอ้ายเยว่อยากมาจะมาได้มั้ยครับ ""ได้สิหากจะมาลูกก็บอกให้แม่พามาสิ""อ้ายเยว่กลัวคุณย่าไม่ให้คุณแม่พามานะสิครับ วัน ๆ คุณแม่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำคุณพ่อช่วยพูดเรื่องนี้กับคุณย่าให้หน่อยได้มั้ยครับ""ได้สิก่อนกลับพ่อจะจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยลูกวางใจเถอะนะจะไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก" เฉาจื่อลูบหัวอ้ายเยว่อย่างเอ็นดูและนึกสงสารลูกชาย"ไม่ยากหรอกหากอยากจัดการให้ถูกต้อง คุณเพียงแค่ไปอำเภอกับฉันและหย่าให้เรื่องเท่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ต่อให้คุณบอกว่าคุณจะจัดการให้แต่เมื่อคุณกลับไปคิดหรือว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "จู่ ๆ เธอก็ได้พูดออกอย่างลื
บทที่ 12 ขนมอร่อยหลังจากที่ซูเม่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอเดินลงมาด้านล่างเห็นชิงเถากับยูร์เหยามานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นทั้งสองจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมากก่อนที่แม่สามีจะลุกเดินมาหาเธอ“แหม แหมแต่งตัวอย่างนี้คิดจะยั่วยวนให้เฉาจื่อลูกชายของฉันไม่ยอมหย่ากับเธอใช่ไหม ไหนปากบอกว่าจะหย่ากับลูกชายของฉันเมื่อเขากลับมาอย่างไรล่ะ”"ฉันเองก็อยากจะหย่ามาก ๆ ค่ะ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรลูกชายของคุณแม่ไม่ยอมหย่าสักที คุณแม่ไม่ลองพูดเรื่องนี้กับลูกชายเองละคะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ว่าจะแต่งแบบไหนถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่สามารถดึงดูดเขาได้หรอกคะ " ซูเม่ยพูดก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกเห็นท่าทางของชิงเถาที่อยากขับไล่เธออกจากบ้านเต็มทน จนเธอไม่อยากจะมีปากเสียงด้วยไม่นานเฉาจื่อได้เดินลงมาด้านล่างพร้อมอ้ายเยว่เด็กน้อยเห็นคุณย่ารีบวิ่งไปหาเธอทั้งรอยยิ้ม"คุณย่าครับวันนี้คุณย่ามีแขกเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับอ้ายเยว่แต่คุณย่าไม่ต้องเสียใจไปนะครับเดี๋ยวผมจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากเอง " ชิงเถาที่ยืนอารมณ์เสียอยู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายเธอใบหน้ายิ้มแย้มทันที"โธ่ ๆ หลานชายของย่าทำไมถึงจิตใจดีอย่างนี้นะเที่ยวให้สนุกนะ " เธอล