ไป๋ซูเม่ยยิ้มและเดินไปที่ห้องยา เว่ยเฟิงหรงมองนางด้วยความรู้สึกหลากหลาย คิดไม่ถึงว่านางจะทำให้เขาเห็นหลาย ๆ อย่างและคิดได้ คนบางคนต่อหน้าดูอ่อนหวานแต่ลับหลังกับร้ายดุจอสรพิษ ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงเดินกลับไปที่เรือนพักแต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ทั้งท่าทางและคำพูดของหร่วนเย่เหมยก็ทำให้เขารู้ว่าเขาเลือกคนไม่ผิด “เจ้ารู้อยู่แล้วงั้นหรือ”“ท่านหมายถึงเรื่องใดเจ้าคะ”“แม่นางหร่วนผู้นั้น เจ้าคิดว่านางมาที่นี่เพราะข้างั้นหรือ”“ใช่แน่นอน นางชื่นชมท่านมานานแล้วนี่เจ้าคะท่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่มีสตรีใดในหยางโจวบ้างที่จะมีโอกาสได้พบซื่อ จื่ออย่างท่านและยังมีโอกาสได้พักจวนเดียวกันเช่นนี้”“แต่วันนี้เจ้ากลับหักหน้านางเสียจนนางทำตัวไม่ถูกเลยนะ”“หึ ข้าไม่คิดว่าคนเช่นนางจะทำได้หรอก”“เจ้าไว้ใจข้าขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”“หากคนเราชอบกันง่ายเพราะมารยาเพียงเท่านั้นลู่หลินคงทำสำเร็จไปนานหลายปีแล้ว คงไม่ต้องรอให้หร่วนเย่เหมยปรากฏตัวตรงหน้าท่านหรอกจริงหรือไม่”“แต่เจ้าเองก็พึ่งจะพบข้าไม่นานเช่นกันนะ”ไป๋ซูเม่ยพาเขาเดินเข้ามาในห้องยาและปิดประตูทันทีและเดินเข้าไปหาเขา มือเรียวของนางโอบรอบคอเขาอย
ไป๋ซูเม่ยตกใจเมื่อรู้ว่าถูกอี้เสี่ยวฟานจับได้ว่าตามเขามาทั้ง ๆ ที่นางเองก็ถอยออกมาห่างพอสมควรแล้ว“นึกไม่ถึงจากกันไม่กี่เดือนวิชายุทธ์ของเสี่ยวฟานจะก้าวหน้าได้ยินไกลถึงเพียงนี้”ไป๋ซูเม่ยกำลังจะเดินออกไปแต่นางกลับพบว่ามีสตรีผู้หนึ่งเดินเข้าไปหาอี้เสี่ยวฟาน นางจึงเดินถอยกลับไปที่เดิมและเริ่มจับที่สร้อยข้อมืออีกครั้งเพื่อฟังเสียงพวกเขาคุยกัน สตรีผู้นั้นเดินไปหาเขาและหันหลังให้นางอยู่“เหตุใดเจ้าจึงออกมาจากตำหนักขององค์ชายหก...ลู่หลิน”ชื่อนั้นทำเอาไป๋ซูเม่ยถึงกับตกใจและหันไปมองอีกครั้ง แม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่ซูเม่ยก็จำได้เป็นลู่หลินไม่ผิดแน่“ข้า…อยากมาถามข่าวคราวของคุณชาย ได้ข่าวว่าเขาพึ่งจะเข้าวังมากับ….”“เจ้ามีสิทธิ์อันใดที่จะถามถึงเว่ยซื่อจื่ออีก การที่เขาตัดสินใจให้ข้าช่วยชีวิตเจ้าจากเดนนรกอย่างเสวียนอวี่ออกมาครั้งก่อนก็นับว่าช่วยเจ้ามากพอแล้ว”“ข้ารู้!! แต่ว่าท่านองครักษ์ ข้าก็แค่…อยากจะขอบคุณ”“ไม่ต้องหรอกเจ้าทำหน้าที่ของเจ้าในตำหนักของเสวียนฟงเพื่อตอบแทนเขาจะดีกว่าอย่าลืมว่าชีวิตของเจ้าในครั้งนี้ เว่ยซื่อจื่อเป็นผู้ที่ช่วยเจ้าเอาไว้เจ้าคงไม่คิดจะหักหลังเขาอีกเป็นครั้งที่สองหร
ไป๋ซูเม่ยเดินกลับมายังข้าง ๆ สนาม เหยียนเฟยหย่ายืนคุยอยู่กับองค์ชายสามและเหยียนจินสือ ข้าง ๆ ยังมีเว่ยเฟิงหรงอีกคนที่ยังยืนอยู่เมื่อนางเห็นเขาความโกรธก็ผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่เขาช่วยลู่หลินออกมาแต่ลู่หลินก็เป็นคนทรยศที่เกือบทำให้เขาต้องตาย“ซูเม่ย!! เจ้าหายไปที่ใดมานานขนาดนี้ หากเจ้ายังไม่กลับมาข้าจะขอให้องค์ชายสามส่งคนไปตามหาเจ้าแล้วนะ”ไป๋ซูเม่ยค่อย ๆ ปัดมือของเว่ยเฟิงหรงออกและเดินไปหาเหยียนเฟยหย่าที่มีสีหน้าร้อนรนเช่นกันแต่เมื่อเห็นนางกลับมาอย่างปลอดภัยก็รีบเดินมาจับมือนาง“น้องหญิงเจ้าไปที่ใดมาข้าตกใจแทบแย่ หากรู้ว่าเจ้าไม่คุ้นเคยกับในวังข้าน่าจะไปกับเจ้าด้วย”“พี่หญิงไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าแค่เดินหลงไปไม่ไกลโชคดีที่มีคนบอกทางจนเดินกลับมาถูก ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ”“หากเจ้ากลับมาช้ากว่านี้เกรงว่าคนแถวนี้คงจะอยู่ไม่เป็นสุข หายใจไม่ทั่วท้องจนต้องบังคับให้ข้านำองครักษ์พลิกวังหลวงเพื่อตามหาเจ้าเสียแล้วสิแม่นางไป๋”“ขอบพระทัยองค์ชายสามเพคะ เดือดร้อนพระองค์แล้วหม่อมฉันเพียงแค่เดินมองดอกไม้ไปทั่วจนหลงทางเพคะขออภัยที่ทำให้ทรงวุ่นวายพระทัยเพคะ”
“ปล่อยนะ ข้าไม่อยาก คุยกับท่าน…อ๊าา อย่ะ…อย่า….เฟิงหรงท่านมัน…คนเลว!! อ๊าาา”นิ้วที่สอดเข้าไปร่องกลีบลึกจนสุดพร้อมกับลิ้นที่ดูดดึงยอดปทุมสีสวยที่ไม่เคยกลับมาขาวเนียนดังเดิมเลยสักวันเดียวเพราะเขามักจะทิ้งร่องรอยเอาไว้เสมอ สุดท้ายไป๋ซูเม่ยก็ต้องแพ้ลูกอ้อนของซื่อจื่อที่รุนแรงและเร่าร้อนจนนางต้องยอมแพ้“อ๊าาา ลึกเกินไปแล้ว….อ๊าาา”เขาจับนางนั่งคร่อมบนตัวเขาและสอดมังกรยักษ์เข้าไปได้เพียงครึ่งเดียวเพราะร่างของไป๋ซูเม่ยมิอาจครอบครองมันได้จนสุดตัวเพราะความยาวของมังกรยักษ์ที่แข็งแกร่งเต็มที่นั้นจะทำให้นางจุกได้ในท่านี้ ลิ้นของเขาพันอยู่ที่ต้นคอระหงลากลงมาจนถึงหน้าอกอวบเมื่อทั้งคู่ค่อย ๆ เอนกายกลับลงไปนอน“คนดี เจ้าเชื่อใจข้านะข้าไม่มีทางหักหลังต่อความไว้ใจของเจ้า การที่ข้าช่วยคนทรยศผู้นั้นเพื่อให้นางได้บทเรียนและทำงานให้เรา หากนางกล้าทรยศอีกก็ไม่ต้องถึงมือพวกเรา แค่อี้เสี่ยวฟานก็จัดการนางได้แล้ว”“ท่านมันคนใจดี เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่พานางกลับมาอยู่ข้างกายท่าน…อ๊ะ!!…เว่ยเฟิงหรงนี่ท่าน…อื้อ….อ๊าาา”เขาไม่ปล่อยให้นางได้พูดเหลวไหลอีกเมื่อนางพูดเช่นนี้เขายิ่งต้องสร้างความมั่นใจว่านางคือสตรีเพียงคนเดี
สองแม่ลูกต้องตกใจสุดชีวิตเมื่อหันไปพบกับสายตาคมกริบดุจมีดโกนที่มองมายังทั้งคู่ แม้ว่าไป๋เหลียนจะทรงรับพระบัญชาท่านอ๋องรับนางเข้ามาเป็นอนุเนื่องด้วยเหตุจำเป็นบางอย่างแต่เขาก็ไม่เคยแตะต้องนางแม้แต่ครั้งเดียวเพียงแค่ให้ที่พักอาศัยเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่านางทั้งสองจะสร้างปัญหาให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า“นะ….นายท่าน ข้าน้อยมิได้…”“มิได้อะไร หรือว่าข้าฟังผิดว่าผู้ที่เจ้ากำลังกล่าวหาอยู่นั่นมิใช่บุตรสาวคนเดียวของข้า”หร่วนผิงผิงก้มหน้าและคุกเข่าตรงหน้าเขาทันทีแต่นางก็ยังคงไม่ยอมรับ“ข้าเปล่านะเจ้าคะเพียงแต่เห็นว่าคุณหนูไป๋เหมือนจะไม่สบายจึงอยากให้เย่เหมยรีบไปแจ้งแก่นายท่านเพื่อจะ….จะได้…”“งั้นหรือ แล้วไม่รักนวลสงวนตัวปล่อยเนื้อปล่อยตัวนั่น…เจ้าหมายถึงบุตรข้าด้วยหรือไม่”“ข้า!!….มีหรือจะกล้ากล่าวหาเช่นนั้น ข้าเพียงแค่บอกว่าการปล่อยให้บุรุษอื่นอุ้มไปต่อหน้าผู้คนเช่นนั้นมันดูไม่เหมาะสมก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ”สายตานิ่งและคมกริบนั้นยังมองมาที่ทั้งสองอยู่ หร่วนเย่เหมยนั้นนั่งสั่นกลัวและไม่กล้ามองหน้าไป๋เหลียนแต่หร่วนผิงผิงนั้นรับมือได้ดีกว่านางนิดหน่อย “หึ ช่างน่านับถือจริง ๆ”“นายท่าน…หมายถึงเรื
“อะไรนะ!! เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร!! เจ้าพูดว่าไป๋ซูเม่ยอยู่กับชายอื่นที่กระท่อมบนเขางั้นหรือ!!”“เพคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หม่อมฉันมิกล้าพูดปดเป็นอันขาด ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหยางโจวและหากพระองค์ยังคงดำเนินการเรื่องงานหมั้นหมายในครั้งนี้ต่อไป หม่อมฉันเกรงว่า…ท่านอ๋องและซื่อจื่อจะถูกชาวเมืองหยางโจวตำหนิเอาไว้เพคะ”“หึ….ข่าวลือแพร่ไปทั่วหยางโจว ก็มิใช่เพราะเจ้ากับบุตรสาวที่ให้เงินคนในตลาดเพื่อปล่อยข่าวเรื่องนี้หรืออย่างไรเล่า”“ข้า!!….เหตุใดคุณหนูไป๋ถึงได้กล้าใส่ความข้าเช่นนี้ ข้ามิได้…”“หากข้าจะบอกว่าข้ามีหลักฐานทั้งผู้ที่รับเงินเจ้าและผู้ที่ปล่อยข่าวเจ้าจะกล้าพูดเช่นนี้อีกหรือไม่ อาลี่คนส่งผักในแผงตลาดเมืองหยางโจว นางเป็นคนที่ปากมากที่สุดในตลาดหากนางรู้เรื่องใดคนทั่วหยางโจวก็ต้องรู้ เจ้าให้คำตอบกับทุกคนได้หรือไม่ว่าเจ้าเรียกนางไปพบที่จวนทำไมตอนดึก ๆ”“นั่น!!…ไม่นะ ไม่ใช่นะนายท่านเจ้าคะนางปรักปรำข้า นางมิได้อยู่ที่จวนเหตุใดนาง…”“ข้าไม่ได้อยู่ที่จวนก็จริง แต่ก็ใช่ว่าที่จวนสกุลไป๋ไม่มีคนของข้าหรอกนะ หร่วนผิงผิง…ไม่ว่าพวกเจ้าจะทำอะไรเจ้าลืมนึกไปหรืออย่างไรว่าอยู่ในจวนผู้ใดและคนในจ
“นายท่าน!! นี่ท่านกำลัง….”“หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ การที่ท่านอ๋องให้เจ้าหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่สกุลไป๋ เจ้ายังไม่รู้ถึงจุดประสงค์อีกงั้นหรือ หากว่าครั้งนี้เจ้าทำร้ายเม่ยเอ๋อร์อีกครั้งละก็ ครั้งนี้ข้าคงไม่ต้องออกแรงเองแล้ว เจ้าคงรู้ดีว่ากำลังเล่นกับผู้ใดอยู่”“นายท่านเจ้าคะ ท่านแม่เพียงแค่….”“ข้าหวังว่าพวกเจ้าสองคนแม่ลูกจะคิดเองได้โดยที่ข้าไม่ต้องพูดอีก ผู้ที่ฉลาดจะรู้ว่าควรทำเช่นไร นี่เป็นโฉนดที่ดินแปลงเล็ก ๆ นอกเมืองหลวง ที่นั่นเป็นจวนที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับให้พวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะทบทวนและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องยึดติดกับอำนาจนี้อีก”หร่วนเย่เหมยหมดทางที่จะเอ่ยคำใดได้อีก นางยอมรับสิ่งที่ไป๋เหลียนยื่นมาให้ ด้านในเป็นโฉนดที่ดิน ที่เขาพาพวกนางมาเมืองหลวงด้วยก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ที่จริงพวกนางทั้งสองได้รับการช่วยเหลือจากท่านอ๋องและใต้เท้าไป๋ในครั้งนี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณมากพอแล้วแต่มารดานางกลับไม่ต้องการที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมจึงได้พยายามให้หร่วนเย่เหมยหาคนดี ๆ เพื่อจะแต่งงานด้วยและแย่งทุกอย่างของไป๋ซูเม่ยมาเพราะเห็นว่าก่อนหน้านั้นไป๋ซูเม่ยทั้งอ่อนแอและควบคุมง่ายแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อมาพบ
“ยอดเยี่ยม!!…ต้องแบบนี้สิ ฉินโจวสู้ ๆ”“ต้องแบบนี้ เอาคืนมันเลยองค์ชาย”ในสนามเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ในตอนนี้ที่นั่งเดิมที่พวกนางเคยนั่งถูกผู้คนเบียดกันเพื่อยืนมองไปในสนามจนหมด ผู้คนเริ่มลุกขึ้นมาส่งเสียงและรายล้อมไปด้วยผู้คน ไป๋ซูเม่ยใช้จังหวะนี้เดินออกมาจากสนามและเดินมายังด้านหลังของสนามซึ่งเป็นป่าก่อนที่จะถึงเหวด้านหลังซึ่งเป็นเขตสิ้นสุดของวังหลวง นางเดินไปยังโขดหินใหญ่ด้านหลังและเปลี่ยนชุดที่เตรียมเอาไว้อย่างรวดเร็วตำหนักเฉิงลู่ตำหนักเฉิงลู่ขององค์ชายสี่มองภายนอกอาจจะดูเงียบสงบและไม่มีอะไรผิดปกติแต่ด้านในตำหนัก รวมถึงลึกลงไปในชั้นใต้ดินกลับสะสมทั้งนักฆ่าของหอหลัวต๋าที่ตอนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเสวียนอวี่เหล่าอันธพาลเดนมนุษย์พร้อมใช้งานที่เสวียนอวี่มักจะส่งสาวใช้ที่ไม่ได้เรื่องและขัดใจเขามาให้เดนมนุษย์เหล่านี้ย่ำยีต่อจนพวกนางทนไม่ไหว“โชคดีที่มีความรู้ทางยาของไป๋ซูเม่ยติดตัวมา เรื่องนี้จึงง่ายสำหรับข้ามากนัก สถานที่โสมมราวกับนรกแห่งนี้ไม่ควรมีอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ด้วยซ้ำ ลาก่อนสถานที่รวบรวมความเลวร้ายที่เกินจะรับได้ ส่วนพวกเจ้าก็เลวเกินที่จะรับไหว ความเลวของพวกเจ้าที่ทำกับ
“อ๊าา!! อ๊าา….ท่านพี่ ข้าบอกท่านไปแล้วว่าอย่าหักโหมอย่างไรเจ้าคะ อ๊ะ!!”“อีกรอบเดียวนะซูเม่ย อีกครั้งเดียวจะให้เจ้าพักแล้ว อาา…เม่ยเอ๋อร์!!!”ร่างหนาค่อย ๆ หย่อนกายลงข้าง ๆ พระชายาที่นอนหันหลังและหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายจบลงเว่ยเฟิงหรงหันมากอดนางที่นอนหันหลังให้เรือนผมนางยุ่งเหยิงเพราะเขา หลังที่เคยเนียนงดงามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงเกือบทุกแห่งที่เขาจะฝากรอยเอาไว้ “เจ้าอยากอาบน้ำหรือไม่”“ข้า….ลุกไม่ไหว”“ข้าเองก็ลุกไม่ไหวแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักผ่อนก่อนเถิดเอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปอาบด้วยกันแล้วค่อยขึ้นไปที่เขาลั่วซาง”“เฟิงหรง”“หืม”“ท่านคิดว่าข้าเอาแต่ใจตัวเองหรือไม่เจ้าคะที่…ขอให้ท่าน….”เขาหันมาดึงนางเข้ามากอดกับแผงอกกว้าง เขาดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาและนางก่อนจะพูดกับนาง“เจ้าน่ะหรือจะเอาแต่ใจตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะทำสิ่งใดที่ทำให้ข้าลำบากใจเลยสักครั้ง หากไม่นับเรื่องที่เจ้าแอบไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายในเมืองหลวงนั่น”“ข้า….จะไม่ทำ….”เขาใช้นิ้วปิดปากนางเอาไว้เพื่อมิให้นางพูดออกมา“ไม่ต้องพูดและไม่ต้องสัญญาอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไปอีกข้าก็จะติดตาม
งานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทและงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้สองวัน ไป๋ซูเม่ยและเว่ยเฟิงหรงก็ต้องกลับมาเตรียมของเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชพิธีสมรสพระราชทานทั้งคู่กราบทูลขอเพียงแค่พิธีรับราชโองการและงานเลี้ยงในวังเท่านั้นส่วนงานอภิเษกทั้งคู่ทูลขอฝ่าบาทกลับไปจัดที่หยางโจว“ซูเม่ย เมื่อใดเจ้าจะได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกกันนะข้าหรือว่าให้ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่หยางโจวดีล่ะ”“เฟยหย่าเจ้าอย่ามัวแต่นึกอยากเที่ยวสิ เจ้าเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้วนะ ยังจะห่วงเที่ยวอีกงั้นหรือ”“เสด็จพี่เพคะ น้องซูเม่ยมาเมืองหลวงกว่าข้าจะรู้จักกับนางและได้สนิทกันก็แทบจะมิได้พานางไปเที่ยวที่ใดเลยเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันจนถึงวันอภิเษกก็ต้องเตรียมการวุ่นวายเช่นนี้”“พี่หญิงเพคะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะหม่อมฉันกับซื่อจื่อจะแวะมาเยี่ยมพวกพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ เสด็จพ่อเองก็ต้องเข้าวังหลวงอีกสี่เดือนข้างหน้าเพื่อมาเยี่ยมฝ่าบาทและร่วมงานพระราชพิธีคล้ายวันพระราชสมภพอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเราจากกันไม่นานหรอกเพคะ”“เจ้าพูดจริง ๆ นะ น้องหญิงเจ้ากลับไปที่หยางโจวก็ดูแลตัวเองให้ดีนะ”“เพคะพี่หญิง ไม่สิพระชายาเองก็มีองค์
“อ๊าา หานลั่ว!!”ลิ้นของเขาเริ่มคลี่ร่องกลีบชื้นฉ่ำตรงหน้าออก ร่างของเฟยหย่าเอนขึ้นตามสัมผัสลิ้นและนิ้วของเขา มือนางจับที่ผ้าห่มเอาไว้แน่นเมื่อถูกเขาล่วงล้ำเข้ามาทั้งลิ้นและนิ้วจนนางทนไม่ไหว“อ๊าาา หานลั่ว ไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันจะ อ๊าา!!!!”ร่างน้อย ๆ นั้นเกร็งกระตุกจนเกิดเสียง จวินหานลั่วรวบขาของนางและยังใช้ลิ้นปรนเปรอนางไม่หยุด เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้วเขาจึงค่อย ๆ สอดใส่แท่งแกร่งของเขาที่ปวดตึงหนึบอยู่นานแล้วเข้าไป เขาอ่อนโยนจนนางรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีให้นาง “หานลั่ว อ๊าา ช่างดียิ่งนัก รู้สึก อ๊าา ดียิ่งนัก อ๊าา…”“เฟยหย่า ข้าจะ…เร่งได้อีกนิดได้หรือไม่”“เร็วอีกหน่อยเจ้าค่ะ อ๊าา หานลั่วเร็วขึ้นอีก อื้อ…”เขาพยายามรักษาความเร็วเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะเจ็บ ลิ้นหนาค่อย ๆ จูบไปที่ยอดปทุมสีสวยเพื่อให้นางคลายความเจ็บแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เจ็บมากเพราะเขาอ่อนโยนกับนางมากกว่าที่จะทำให้นางเจ็บได้“อาา เฟยหย่าเปลี่ยนท่านะ”“อื้อ อ๊าา!! หานลั่ว ท่านี้ลึกมากเพคะ เสียวมากจริง ๆ อ๊าา กระแทกเข้ามาอีก อ๊าาา”จวินหานลั่วรู้ว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานแล้วเมื่อด้านในนางทั้งคับแน่นและบีบรัดเข
สนามชู่จวี“อะไรกัน เล่นสกปรกงั้นหรือ แย่แล้ว องค์ชายสาม!!”“พี่หญิง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”เหยียนเฟยหย่าวิ่งไปยังห้องที่มีคนหามจวินหานลั่วเข้ามา นางวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นเขาถูกหามออกมานอกสนาม“องค์ชายสาม!!”“เฟยหย่า!! เจ้ามา…ได้เช่นไรกัน”องค์ชายสั่งให้ทุกคนออกไปเมื่อเห็นว่าเฟยหย่าวิ่งพรวดพราดเข้ามา ประตูห้องพักปิดลงเมื่อนางหันมาจับมือเขาเอาไว้“องค์ชาย เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บเช่นนี้ พวกนั้นเล่นนอกกติกา”“เฟยหย่า อย่าพึ่งพูดนี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“หม่อมฉันเห็นพระองค์ถูกทำร้าย คนพวกนั้น…”“เฟยหย่า คนพวกนั้นมิใช่คนต่างแคว้นแต่เป็นนักฆ่าที่เสวียนอวี่ส่งเข้ามา”“อะไรนะ!! นี่เขา….ตั้งใจจะเล่นงานท่านงั้นหรือ”“เฟยหย่า!! เจ้าจะทำสิ่งใด อย่าพึ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น เว่ยเฟิงหรงกับพี่ใหญ่เจ้ารู้แล้วพวกเขาอยู่ในสนาม ทันทีที่ข้าถูกเล่นงานเว่ยเฟิงหรงก็ให้คนพาข้าออกมาเกรงว่าพวกมันจะทำร้ายข้า เจ้าอย่าได้ทำสิ่งใดพวกเขาจัดการกันเองได้ คนของพวกเราอยู่ในสนามแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจัดการพวกที่เหลือแล้ว”“ก็ได้จวินหานลั่วครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน”“เจ้าก้มลงมานี่หน่อยสิ”เหยียนเฟยหย่าก้มลงมา จวินหานลั่วจับนางลงมาและจู
งานเลี้ยงประจำปี“เจ้าว่าอย่างไรนะ เสด็จพ่อจะประทานสมรสงั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เข้าร่วมจะดีกว่าข้าไม่สนใจเรื่องงานเลี้ยงกับพวกขุนนางขี้ประจบเหล่านั้นหรอก”“องค์ชายสาม ครั้งนี้มีสตรีบุตรขุนนางหลายคนเข้าร่วม พระองค์ไม่สนใจจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินกงกง ท่านอยากให้ข้าแต่งงานมากขนาดนี้เชียวหรือ ท่านขี้เกียจดูแลข้าแล้วสินะ”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะเพียงแต่เรื่องการแต่งงานฝ่าบาทต้องเห็นชอบพระองค์เองก็มิควรเก็บตัวเช่นนี้”“ว่าแต่ครั้งนี้เสด็จพ่อจะประทานสมรสคู่ใดเป็นพิเศษเล่า”เฉินกงกงบอกกล่าวไป ทั้งเรื่องขององค์ชายที่จะแต่งบุตรสาวขุนนางและท่านหญิงเข้ามาในวังหลวง รวมถึงบรรดาองค์หญิงที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพและ….“อีกคู่น่าจะเป็นองค์ชายสี่กับคุณหนูรองสกุลเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”ตำราพิชัยยุทธ์หล่นจากมือของ “จวินหานลั่ว” โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเหม่อลอยเมื่อได้ยินชื่อนั้นเข้าหูจนฉินกงกงตกใจ“องค์ชาย….องค์ชายสาม!!”“หา…เอ่อ อ้อ อะไรนะ สกุลเหยียนกับ…น้องสี่ พวกเขาไปรู้จักกันเมื่อใดงั้นหรือ”“เห็นว่าฮองเฮาเป็นผู้สู่ขอแทนองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ…ฮองเฮางั้นหรือ ดูท่าแล้วไม่เกี่ยวกับความรู้สึกสินะ”หลังจากนั้นเขาเองก็
เว่ยเฟิงหรงอุ้มไป๋ซูเม่ยลงจากรถม้า พักหลัง ๆ คนในจวนอ๋องที่เมืองหลวงมักจะชินตากับการที่เว่ยซื่อจื่ออุ้มนางลงมาเช่นนี้แล้ว แต่ละคนคิดไปเองว่าเพราะไป๋ซูเม่ยนั่งรถม้ามาแล้วหลับซื่อจื่อไม่อยากให้นางตื่นจึงอุ้มลงมา และบางคนก็คิดว่าไป๋ซูเม่ยเป็นสตรีที่อ่อนแอ เพียงแค่นั่งรถม้ากระเทือนก็จะเดินไม่ไหว แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่ล่วงรู้ความจริงนอกจากอาหยงและต้าหมิน องครักษ์ของซื่อจื่อและสาวใช้ของนาง“เฟิงหรงท่านจะเกินไปแล้วนะเจ้าคะข้าเอวแทบหักทุกครั้งเลย จากนี้ไปข้าจะแยกรถม้ากับท่าน!!”“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะทำเช่นนี้หาได้ไม่ ผู้อื่นก็คุ้นชินกับการที่ข้าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะใส่ใจไปทำไมกัน เจ้าก็มิใช่ผู้ที่จะสนใจสายตาคนอื่นเสียเมื่อไหร่เล่า ไม่เอาน่าอย่าทำหน้างอเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำร้านประจำของเจ้าดีหรือไม่”“ไม่ต้องเอาเกี๊ยวมาล่อข้าให้ตายใจ ก่อนจะไปกินเกี๊ยวท่านมิกินข้าก่อนจนหมดแรงสุดท้ายก็ต้องให้คนซื้อมาให้ข้าถึงเตียงหรอกหรือ ข้ารู้จักท่านดีเว่ยเฟิงหรง คนเจ้าเล่ห์”“เช่นนั้นไหน ๆ เจ้าก็รู้ทันข้าแล้ว…ก็อย่าเสียเวลาเลยนะไปอาบน้ำกันเถอะคนดี”“หยุด!! ข้าไม่อาบกับท่านแน่นอน เว่ยเฟิงหรง!! ไม่นะ ออก
อารามหย่งหลินเว่ยเฟิงหรงและไป๋ซูเม่ยขึ้นเขามาเพื่อเยี่ยมอาจารย์ตงหยวนซึ่งนั่งสวดมนต์อย่างสงบอยู่ในวิหาร เมื่อทั้งสองเข้าไปอาจารย์ก็เอ่ยทักทายขึ้นมาโดยที่ยังไม่ทันได้หันมามองทั้งคู่“พวกเจ้ามาเยี่ยมข้าเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกนะ”""คารวะอาจารย์""“อืม…ตามสบายเถิดเว่ยซื่อจื่อ ท่านหญิง”“อาจารย์ ท่านทราบ!!”“เสด็จพ่อของเว่ยซื่อจื่อและฝ่าบาทมาปรึกษาข้าก่อนหน้านี้ ถึงไม่ได้อยากรู้แต่อย่างไรก็ต้องรู้ ฮ่า ๆ วันนี้มาหาข้าได้ ดูแล้วท่านหญิงคงจะหายดีแล้วสินะ”“ศิษย์มาที่นี่เพื่อกราบขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะที่ช่วยศิษย์เอาไว้ครั้งก่อน หากว่ามิได้อาจารย์ไปช่วยเหลือศิษย์คงไม่รอด”“เรื่องนั้นที่จริงไม่ต้องถึงมือข้าหรอก เพียงแต่ว่าคนของเจ้า….ดูเหมือนจะไม่มีสติเอาเสียเลยข้าจึงไปเพื่อเรียกสติเขาเท่านั้น”ไป๋ซูเม่ยมองมาที่เว่ยเฟิงหรงและลอบขำ เฟิงหรงถึงกับหันไปค้อนให้นางที่กล้าขำเขาต่อหน้าเช่นนี้“เม่ยเอ๋อร์ ไว้หน้าข้าหน่อยก็ดีนะ นี่ต่อหน้าอาจารย์เชียวนะ”“ท่านพี่ คงยากแล้วล่ะเจ้าค่ะ ทั้งท่านพ่อ พี่หญิงเฟยหย่า องค์รัชทายาทหรือแม้แต่ท่านอ๋องต่างก็นำเรื่องนี้มาพูดกับข้าหมดแล้ว ก็ยังมีอาจารย์นี่แหละเจ้าค
เว่ยเฟิงหรงกระซิบบอกจนนางต้องเบือนหน้าหนี นึกไม่ถึงว่าถึงขนาดนี้แล้วเขายังหึงอยู่ ไป๋ซูเม่ยเดินไปที่อุทยานหลวงตามที่เขาบอก นางเดินไปพบคนผู้หนึ่งซึ่งวันนี้เขาสวมชุดสีดำที่ดูแปลกตา“มาแล้วหรือ….คุณหนูไป๋”“อี้เสี่ยวฟาน เจ้า….เหตุใดจึงได้แต่งชุดนี้”นางมองไปยังชุดที่ดูแปลกตาสีเข้มที่ทำให้อี้เสี่ยวฟานดูดีและเหมาะสมกับเขามากกว่าชุดองครักษ์ที่เขามักจะสวมอยู่เสมอเมื่ออยู่กับเสวียนอวี่“นี่น่ะหรือ นี่เป็นเครื่องแบบของแม่ทัพกองทัพอินทรีย์ทองขององค์รัชทายาทน่ะ เป็นอย่างไรมันเหมาะกับข้าหรือไม่”“ว่าอย่างไรนะนี่เจ้าเป็น….ยอดเยี่ยมมากเลยไม่เห็นมีผู้ใดบอกข้ามาก่อนหน้านี้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นถึงแม่ทัพของนักรบเกราะทองนั่น ข้ายินดีด้วย ข้า…เอ่อ…”“เราอยู่กันสองคน อิ่นหลงเจ้าบอกเรื่องของเจ้ากับเว่ยซื่อจื่อไปแล้วสินะ เขาถึงได้ยอมให้เจ้ามาพบข้าในวันนี้”ไป๋ซูเม่ยเงยหน้ามองสหายรักที่ในที่สุดเขาก็กล้ายอมรับนางแล้วว่านางคืออิ่นหลง สหายของเขา นางมองเขาพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา“ใช่แล้วล่ะ ข้าบอกเฟิงหรงไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่ข้าถูกเสวียนอวี่ฆ่าและอยู่ในร่างของไป๋ซูเม่ย คู่หมั้นของเขา”“สวรรค์คงเห็นความดีในต
“ที่จริงข้าก็คิดจะชวนเจ้าไปเช่นกัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้หลังจากเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วเราก็แวะไปหาอาจารย์ก่อนก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะ ขอบคุณที่ท่านใส่ใจ”“ข้าย่อมรู้ดีว่าเจ้าอยากจะทำสิ่งใด เจ้าเป็นภรรยาของข้าแค่มองตาเจ้าก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่ แต่ข้าคงไม่อนุญาตให้เจ้าไปร่วมพิธีของเสวียนอวี่หรอกนะ”“ข้าไม่ได้อยากจะไปอยู่แล้วเจ้าค่ะ เรื่องนั้นมิได้เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ว่าแต่พรุ่งนี้เราต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“พระราชาทานรางวัลที่ช่วยปราบกบฏ ประทานยศใหม่และพระราชทานงานสมรส”“นี่พวกเรา…ต้องสมรสในเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”“เป็นพระราชประสงค์ของฝ่าบาทที่อยากจะตอบแทนเจ้าและสกุลเหยียนน่ะ เสด็จพ่อบอกข้ามาเมื่อคืนก่อนครั้งนี้เห็นทีจะเลี่ยงยากเพราะว่าฝ่าบาทตั้งใจประทานรางวัลนี้ให้กับพวกเราและยัง…แต่งตั้งเจ้าเป็นท่านหญิงอีกด้วย”“ท่านหญิงหรือเจ้าคะ แต่ว่าข้า…เหตุใดจึง…”“เรื่องนี้เป็นใต้เท้าเหยียนสองพ่อลูกเป็นผู้เสนอ และฝ่าบาทเองก็นึกขอบใจเจ้าหากว่าคืนนั้นกองทัพสกุลเหยียนและกององครักษ์หลวงของเยียนจินสือมาไม่ทันคงเกิดความเสียหายมากกว่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท เสด็จพ่