ตอนที่ 2
ว่าที่ภรรยาของท่านประธานหน้าหม้อ
ร้านชาบู
“อารมณ์ไม่ดีหรอที่รัก” อันวาเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่พวกเธอนั้นนั่งตักหมูเข้าปากกันอย่างเงียบ ๆ มาเกือบครึ่งชั่วโมง
“อือ.. นิดหน่อย”
“โดนท่านประธานสุดหล่อพาสาวมาให้ปวดหัวอีกแล้วละสิ” เธอยังคงถามไปตักหมูเข้าปากไป ราวกับเรื่องที่พูดนั่นคือกิจวัตรประจำวันของเขา
“อือ” ม่านฟ้าเองก็ตอบไปด้วยเสียงที่ราบเรียบเพราะมันก็คือเรื่องจริงนั่นแหละนะ
“แย่เลย สู้ ๆ นะที่รักของอันวา” เธอยังคงพูดไปพร้อมกับเคี้ยวเต้าหู้ที่เพิ่งตักขึ้นมาจากหม้อร้อน ๆ จนแก้มของเธอตุ่ยอย่างน่ารักน่าชัง
“ไอชินละ” ปากก็ตอบไปเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจอะไร มือก็ตักเนื้อ นม ไข่ และผักในหม้อขึ้นมาใส่จาน
“ที่รัก.. หรือว่าท่านประธานจ้องจะเคลมยูวะ” เธอถามพร้อมกับจ้องหน้าของเลขาคนสวยอย่างเธอเขม็ง
“แค่ก! แค่ก!”
“เห้ย! ไอแค่ถามเล่น ๆ ยูเป็นไร อ่ะ! น้ำ! ดื่มน้ำก่อน” เธอยื่นแก้วน้ำให้อย่างละล่ำละลัก ม่านฟ้าคว้าแก้วน้ำนั้นมาดื่มจนเกือบหมด พร้อมกันนั้นยังมองใบหน้าของเพื่อนอย่างไม่สามารถเป็นไปได้
“ยูพูดอะไรที่เป็นไปได้หน่อยเถอะ”
“เป็นไปไม่ได้ได้ยังไง นี่แหละเรื่องที่เป็นไปได้! ยูสวยขนาดนี้แถมพ่วงตำแหน่งเลขาส่วนตั๊วส่วนตัวอีก ไอว่าท่านประธานจ้องจะเคลมยูแน่ ๆ”
“พอ ๆ เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ อ่ะ! กินเข้าไปปากจะได้ไม่ว่าง” ม่านฟ้าบอกพร้อมกับตักหมูในหม้อใส่ในจานของอันวาจนพูนจาน
“พอก่อนเดี๋ยวกินไม่หมด!”
หลังจากที่เปลี่ยนเรื่องคุยทั้งคู่ก็รู้สึกว่าอาหารอร่อยขึ้นมาทันที พูดคุยเรื่อยเปื่อยตามประสาคนโสดเป็นอะไรที่มีความสุขมากจริง ๆ
“เดี๋ยวไอไปส่ง”
“ไอว่าจะแวะไปห้างหน่อยอะ.. ยูกลับก่อนเลย” อันวาโบกมือปฏิเสธและทำท่าจะเดินออกไป คาดว่าน่าจะไปเรียกแท็กซี่นั่นแหละ
“ไอไปเป็นเพื่อน”
“โอเค ๆ งั้นไปห้างแถวนี้ละกันยูจะได้ไม่ขับรถไกล”
“อืม.. ขึ้นรถเถอะ”
เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสองสาวก็ทิ้งตัวลงในรถยนต์ของม่านฟ้า เธอไม่รอช้าเหยียบคันเร่งและมุ่งหน้าไปยังห้างดังแถวนั้นทันที แต่เพราะเวลาหนึ่งทุ่มกว่า ๆ เป็นเวลาที่ท้องถนนอัดแน่นไปด้วยรถราคาแพงจนมันติดแน่นไปหมด ถึงจะใกล้มากขนาดไหนแต่ก็ยังใช้เวลามากพอสมควรอยู่ดี
“ทำไมไม่รู้จักไปทางเดียวกันไปด้วยกันบ้างนะ” อันวานั่งบ่นตลอดทางที่ม่านฟ้าขับมาเพราะทั้งคู่เรียกได้ว่าติดทุกไฟแดงเลยนั่นแหละนะ
“ก็ถึงแล้วนี่ไง” เธอพูดเสียงเรียบไม่ได้แสดงอาการว่าหงุดหงิดหรืออะไร พร้อมกันนั้นก็กดล็อกรถยนต์และเดินนำอันวาเข้ามาในห้างอย่างคุ้นเคย
“ก็นั่นแหละไอถึงไม่เข้าใจไง ทำไมบอกว่าคนไทยประชากรคนจนเยอะก็ไม่รู้ ทั้งที่รถก็เต็มถนนแน่นไปหมด บางบ้านมีสามคันสี่คัน” เธอยังคงบ่นไม่หยุดในขณะที่เดินเข้ามาด้านใน
“เอาไว้ไอจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ก่อนนะ ยูจะได้ไม่หงุดหงิด”
“ทำเป็นพูดไป ยูรีบซื้อเลยงั้นไอรอนั่งอยู่” ทั้งคู่หัวเราะเสียงดังทันทีที่สิ้นสุดเสียงพูดของอันวา ก็เป็นช่วงที่เธอเดินผ่านร้านแบรนด์เนมราคาหลายแสนพอดีและก็เป็นอันวาคนดีคนเดิมที่เริ่มร่ายยาว
“สวยนะแต่แพงมาก! เงินเดือนไอสักปีนึงยังไม่พอซื้อเลยมั้งเนี่ย” อันวาปรายตามองกระเป๋าที่วางโชว์ระยิบระยับบนนั้นด้วยสายตาชื่นชมปนมาด้วยความรู้สึกขนลุกไม่น้อย
ม่านฟ้ามองตามสายตาของอันวาไปสะดุดกับกระเป๋าหนังสีดำรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเข้าช็อป เธอยืนมองอย่างชั่งใจก่อนจะสะกิดให้อันวาเดินเข้าไปในช็อปด้วยกัน
“ไม่ไป!”
“ไปเป็นเพื่อนไอหน่อย”
“ไอรู้ว่ายูมีเงิน แต่ใบที่ยูสะพายนั่นน่ะ เพิ่งถอยมาไม่ถึงเดือนเองนะ” เธอยังคงบ่นอึบไปตามเรื่องตามราว แต่ถึงจะบ่นขนาดไหนก็ไม่วายเดินตามม่านฟ้าเข้ามาในช็อปต้อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้เหมือนเดิม และเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่สองสหายมาเดินห้าง
“สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับค่ะ คุณลูกค้าสนใจใบไหนเรียกน้องพนักงานได้เลยนะคะ หรือสนใจเป็นตัวล่าสุดที่เพิ่งเข้าช็อปวันนี้เลยไหมคะ สินค้ามีเข้ามาจำกัดแค่ห้าใบ..”
“รับใบนี้ค่ะ” ยังไม่ทันที่พนักงานจะพูดจนจบก็มีเสียงดังมาจากทางด้านหลังของทั้งคู่
และเมื่อหันไปพบว่าเสียงที่ไพเราะหูนั้นเป็นของหญิงสาวที่มีใบหน้าหวานและการพูดที่อ่อนน้อมละมุนหู ที่ยื่นการ์ดสีดำและบัตรวีไอพีให้กับพนักงาน
“เอ่อ..” และคงเรียกว่าจังหวะนรกของพนักงานก็ว่าได้ เพราะม่านฟ้ารู้ว่าตัวเองนั้นสวยในสายตาคนอื่น แต่ถ้ารู้สึกไม่พอใจอะไรละก็ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เลยเช่นกัน
“ขอโทษนะคะ ใบนี้ฉันมาก่อน” ม่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยกับผู้หญิงด้านหน้าจากที่มองแล้วตัวเล็กกว่าเธออยู่ไม่น้อย
“แต่ฉันเป็นวีไอพี มีสิทธิ์ได้ก่อนใช่ไหมคะพี่พนักงาน” เธอคนนี้ยังคงไม่ยอมแพ้ ถามสร้างแรงกดดันให้พนักงานด้วยใบหน้าที่ไม่รู้สึกรูสาใด
“แล้วใครบอกว่าฉันไม่ใช่วีไอพีละคะ” ม่านฟ้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบการ์ดสีดำแบบเดียวกันกับที่เธอยื่นให้พนักงานมายื่นให้
“แต่ว่าน้ำตาลอยากได้ใบนี้นี่คะ” เธอพูดกับม่านฟ้าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับม่านฟ้าเลยแม้แต่น้อย
“แต่ฉันจะซื้อใบนี้” ม่านฟ้าเองก็ไม่ใช่คนยอมคนซะด้วยสิ
“งั้นฉันเพิ่มเงินให้สองเท่าเลยค่ะพี่พนักงาน”
“ถ้าคุณพนักงานยอมรับสินบน ฉันจะส่งเรื่องเข้าสำนักงานใหญ่”
“งั้นน้ำตาลให้เป็นค่าคอมเพิ่มก็ได้ค่ะ”
“แบบนี้ก็เรียกว่าติดสินบนนะคะ”
“คุณพี่คนสวยคะ ให้น้ำตาลเถอะนะ น้ำตาลอยากซื้อไปฝากคุณแม่”
“ขอโทษนะคะคุณหนูน้ำตาล แต่ฉันจะซื้อใบนี้ไปฝากคนสำคัญของฉันเช่นกัน”
“คุณซื้อใบอื่นได้ไหมคะ น้ำตาลจ่ายให้เองค่ะ จะกี่ใบในร้านหรือเหมาหมดเลยก็ได้ แต่ใบนี้น้ำตาลขอนะคะ”
“จะกี่ใบก็ไม่เอาค่ะ”
“เอ่อ..คุณลูกค้าคะ รุ่นล่าสุดนี้เหลือสองใบสุดท้าย ไม่ต้อง.. ทะเลาะกัน.. ดีไหมคะ”
“แล้วทำไมเพิ่งบอก!”
“แล้วทำไมเพิ่งบอกคะ!”
ทั้งสองคนหันขวับไปไปถามพนักงานอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ขอโทษค่ะ.. ค .. คือเชิญที่เคาน์เตอร์ได้เลยนะคะ”
เมื่อเป็นเช่นนั้นทั้งสองจึงเดินตามพนักงานไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ทันที เมื่อได้รับสินค้าแล้ว ทั้งคู่จึงรีบเดินออกจากร้านมาพร้อมกันแบบไม่มองหน้ากันสักเท่าไหร่ และต่างคนต่างเดินออกไปคนละทาง
“เกือบได้กระเป๋ายกร้านละไหมล่ะยู” อันวาที่ยืนเงียบมองทั้งคู่เถียงกันอยู่นานพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น
“กี่ใบก็ไม่เอา มีแขนแค่สองข้างจะสะพายยังไงไหว” ม่านฟ้าตอบพร้อมกับมองตามด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นไปเช่นกัน
“นึกว่ายูจะบอกว่ามีทุกคอลเลกชันแล้วซะอีก” อันวาพูดแซวก้าวเท้าไปด้านหน้าช้า ๆ
“อันวา” เพราะเสียงเรียกนิ่ง ๆ ของม่านฟ้าละมั้ง ทำให้อันวาหันมามองเธอพร้อมกับขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม
“หืม”
“ของเธอ” ม่านฟ้ายื่นถุงที่บรรจุกระเป๋าราคาเกือบเจ็ดหลัก ที่เพิ่งแกร่งแย่งกับผู้หญิงคนนั้นมาให้อันวาแบบไม่ลังเล
“เห้ย! อะไรยู ไอไม่ขำนะ” อันวาถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ด้วยใบหน้าที่สงสัยและงงมากอย่างเห็นได้ชัด
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะคะที่รัก” ม่านฟ้าก้าวเดินไปหาอันวาหนึ่งก้าวก่อนจะยืนถุงกระเป๋าใบนั้นให้เธออีกครั้ง และยิ้มให้กับเพื่อนสนิทคนนี้อย่างอ่อนโยน
“ไอไม่รู้ว่ายูชอบอะไร ไอเห็นว่ายูมองใบนี้นานแล้วเลยคิดว่ายูชอบ ไอซื้อให้”
“มันแพงไปรับไม่ได้หรอก” เธอยังคงส่ายหน้าไปมาพรืด
“แต่ไอซื้อมาแล้ว” เธอยังคงดึงมืออันวามาก่อนจะวางถุงกระเป๋านั้นบนมือของเธอและพากันเดินต่อ
“แต่..”
“ไอไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะตกลงตามนี้” ม่านฟ้าหันมายิ้มให้เพื่อนสนิท ก่อนจะเดินไปตามร้านแบรนด์เนมต่าง ๆ เข้าร้านนั้นซื้อร้านนี้อยู่นานจนเมื่อเป็นที่พอใจ
“ยู.. นั่นใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า”
อันวาหันไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ในร้านอาหารสุดหรู ไม่นานนักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาและพากันเดินไปยังโต๊ะส่วนตัวที่อยู่โซนด้านหลัง
“นั่นประธานปิติภัทรนี่” อันวาหันมามองหน้าม่านฟ้าสลับกับมองไปยังโต๊ะนั้นด้วยใบหน้าที่บอกไม่ถูก
“อืม.. เราไปซื้อของเราต่อเถอะ” เธอทำได้เพียงแค่ปรายตาไปมองสองคนนั้นแวบหนึ่งพูดจบ ก็พากันก้าวเท้าออกจากตรงนั้น และตามมาด้วยเสียงรองเท้ากระทบพื้นของอันวาที่เดินเร็วตามมาติด ๆ
“ทำไมยูไม่เข้าไปห้ามละ คุณหญิงให้ยูห้ามผู้หญิงของท่านประธานไม่ใช่หรอ” เธอถามด้วยความสงสัยถึงแม้ว่าเท้าจะยังก้าวตามมาติด ๆ แต่สายตายังหันไปมองที่ทั้งคู่ไม่ห่าง
“ผู้หญิงคนนี้คงเป็นลูกสาวท่านเจ้าสัว.. เป็นคนของคุณหญิง ว่าที่ภรรยาของเจ้านายเรา” อันวาทำหน้าเหลือเชื่อแต่ก็เดินตามมาติด ๆ
“โห! โลกกลมมาก”
“ม่านฟ้า” สองเท้าของเธอหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ดังมาจากทางด้านหลัง ม่านฟ้าหันกลับไปมองพบว่าเป็นใบหน้าของคุณหญิงอมรที่ยืนมองทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มดูใจดี
“คุณหญิงสวัสดีค่ะ” เธอยกมือขึ้นไหว้แม่ของปิติภัทรด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“มาซื้อของกันหรอ”
“ค่ะ”
“ตามสบายกันเลยนะ ฉันขอเข้าไปหาตาเธียรกับว่าที่ลูกสะใภ้คนเก่งของฉันก่อน” คุณหญิงอมรพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เธอจาง ๆ ก่อนจะเดินกลับไปทางร้านอาหารสุดหรู
“ยู.. คุณหญิงเดินเลยร้านอาหารมาเพื่อจะบอกกับพวกเราว่าจะไปทานอาหารกับว่าที่ลูกสะใภ้แค่นี้น่ะหรอ” อันวาทำหน้าเหวอมองม่านฟ้าสลับกับมองตามหลังคุณหญิงอมรอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่รู้ซิ” ถึงแม้นว่าปากจะตอบเพื่อนออกไปแบบนั้นแต่สองมือของเธอกลับกำลังกำแน่นอย่างคนที่สะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้
“พวกเรากลับกันเถอะ”
ตอนที่ 3ม่านฟ้า.. เธอเป็นคนจริงจังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คอนโด STAR2 ชั้น 27 ห้อง 2127กระเป๋าใบหรูถูกโยนลงบนโซฟาในห้องอย่างไม่ได้สนใจราคาของมัน พร้อมทั้งถุงช็อปปิ้งมากมายถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี สองเท้าของฉันก้าวเดินตรงไปประตูหลังของคอนโดเพื่อจะเปิดผ้าม่านออกจนเห็นแสงสีของไฟไปทั่วทั้งเมืองที่เรืองรอง“น่าเบื่อ!”ฉันเปิดประตูกระจกออกมาด้านนอก สองเท้าเดินออกมารับลมด้านนอกสายตาทอดมองแสงสีของเมืองหลวงด้วยสายตาที่เรียบเฉย ถ้าถามว่าสวยไหมทุกที่ก็สวยอยู่ เพียงแต่มันก็มีดีแค่สวย ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดติ๊ง! ติ๊ง!ฉันหันหลังไปมองเสียงของข้อความจากมือถือ ก่อนจะเดินพาตัวเองกลับเข้าไปในห้องล้วงมือไปหยิบมันออกมาดูข้อความบนจอ‘ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉันสวยไหม’ ฉันจ้องมองที่หน้าจอเห็นเป็นภาพของผู้หญิงคนนั้นกำลังยิ้มหวานจนหน้าบานเป็นกระด้ง กับใบหน้าของผู้ชายอย่างเขาที่ดูมีความสุขราวกับได้เจอของถูกใจ“หึ! มีความสุขเสียจริง!”‘สวยค่ะ’ฉันกดตอบไปแบบขอไปทีก่อนจะปิดหน้าจอแล้วโยนมือถือทิ้งไว้เตียงติ๊ง!‘จำหน้าของว่าที่ลูกสะใภ้ฉันไว้ให้ดี แล้วทำหน้าที่ของเธอให้เรียบร้อยเก็บกวาดผู้หญิงคนอื่นให้เกลี้ยง นอกจากหน
ตอนที่ 4ลูกชาย“อ่าว.. ทำไมเป็นพี่ล่ะ!?”ฉันหันไปมองตามเสียงของคนที่มาใหม่ เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นคนที่จะมาเป็นว่าที่ภรรยาของของผู้ชายอย่างปิติภัทร เธอมองเราสองคนด้วยสายตาที่แปลกใจ“น้ำตาลมาผิดเวลาหรือเปล่าคะ”“ไม่ค่ะ.. สวัสดีค่ะคุณน้ำตาล”“สวัสดีค่ะ ดีใจจังที่พี่คนสวยก็ทำงานที่นี่”“อ่อ.. ค่ะ”“น้องน้ำตาลมาทำอะไรที่นี่ครับ”“วันนี้น้ำตาลซื้อของมาฝากพี่เธียรเยอะเลยค่ะ”ฉันมองผู้หญิงตรงหน้าที่มีความสดใสในตัวด้วยความรู้สึกเรียบเฉยไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรสักเท่าไหร่“งั้นเข้าไปในห้องก่อนนะครับ”“ค่ะ”“ม่านฟ้า.. เอ่อ.. ขอกาแฟสองแก้วนะ”“ค่ะ”ฉันตอบออกไปเรียบ ๆ ก่อนจะเดินหลบออกมาทำหน้าที่ของตัวเอง จนเมื่อเอากาแฟไปเสิร์ฟให้ทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วถึงได้ออกมานั่งลงที่โต๊ะทำงานหน้าห้องอีกครั้ง“เฮ้อ~ ม่านฟ้านะม่านฟ้า แกกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่”ตืด~ฉันปรายตามองไปยังมือถือที่กำลังส่งแรงสั่นจากสายเรียกเข้าด้วยความไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครที่โทรมาก็รีบเด้งตัวขึ้นมากดรับด้วยความเร็วแสง“ฮัลโหล~”“จริงหรอ.. กลับพรุ่งนี้แล้วหรอ ดีใจจังเลย”“คิดถึงเหมือนกัน~ ไว้เดี๋ยวพรุ่ง
ตอนที่ 5ถ่านไฟเก่า“แล้วทำไมพี่ไม่ไปละ! อยู่กับคุณราชันย์อะไรของพี่นั่นอันตรายจะตาย มีแต่เรื่องชกต่อยไล่ตีกันเป็นว่าเล่น ทำไมไม่ลาออกไปทำงานที่บริษัทล่ะ!” ฉันหันไปมองหน้าพี่ชายทั้งที่ยังเคี้ยวส้มที่หวานจนตาแทบหยี“ก็..” แต่ยังไม่ทันที่พี่ชายของฉันจะได้พูดอะไรต่อ ส้มสามกลีบใหญ่ถูกยัดเข้าไปในปากของเขาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว นั่นเรียกให้ฉันรู้สึกชอบอกชอบใจไม่น้อย“ไอ้ม่าน! ส้มบ้าอะไรวะเปรี้ยวฉิบหาย”“พี่ธัน! ทำไมพูดจาไม่สุภาพ! ถ้าตาหนูมาได้ยินจะทำยังไง” ฉันแยกเขี้ยวใส่พี่ชายด้วยใบหน้าที่จริงจังผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ สำหรับฉันคำพูดในบ้านเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก“เออ ๆ ขอโทษมันหลุดปาก” ฉันมองพี่ชายที่พยายามเคี้ยวส้มในปากด้วยใบหน้าที่เหยเกจนหมด“อร่อยเนอะ.. เอาอีกมั้ยคะ”“เก็บไปกินเองเถอะ! แล้วบอกพี่ชบาอย่าไปซื้อมาอีกนะส้มร้านนี้น่ะ ถ้าไม่อยากให้พี่ไปเผาร้านทิ้ง!” พี่ธันวาบ่นยาวก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปด้านบน“คุณแม่ครับ”“ว่าไงครับ”“พี่ชบาบอกว่าผมต้องไปโรงเรียน.. ไม่ไปได้ไหมครับ” ฉันหันมองลูกชายที่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ อย่างไม่เข้าใจ เตชินเป็นเด็กชายวัยห้าขวบที่ตลอดเวลานั้นอยู่กับแม่นมอ
ตอนที่ 6 ระลึกความหลัง | NC18+ 🔞🔞และเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ม่านฟ้าที่รู้สึกอยากลิ้มลองริมฝีปากของเขา ฝั่งด้านปิติภัทรเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน หน้าเขาโน้มใบหน้าของตนเองเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น สายตาของทั้งสองประสานกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ก่อนที่เขานั้นจะหลุบมองริมฝีปากของเธออีกครั้ง "อื้อ" ริมฝีปากหนาประกบจูบลงบนริมฝีปากของเลขาสาวแสนสวยของตัวเองเนิบช้า ก่อนจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามอารมณ์อย่างคนที่หิวกระหาย“ม่านฟ้า.. ริมฝีปากเธอนี่หวานไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ”“พี่เธียร~ อื้อ~”รถตู้สีดำคันใหญ่แล่นไปตามท้องถนนอย่างรีบร้อน แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ชายหญิงที่โดยสารอยู่ด้านในนั้นรู้สึกตัวเลยสักนิด ร่างบอบบางในชุดทำงานของเลขาสาวสวยกำลังนั่งคร่อมกายแกร่งของเขาเอาไว้อย่างยั่วยวนริมฝีปากบางสีแดงสดขยับขบเม้มไปตามริมฝีปากเขาอย่างคนที่เดินเกม สองมือของเธอดึงทึ้งเส้นผมของผู้ชายด้านล่างอย่างมันมือ“อืม~”เสียงครางกระเส่าดังออกมาจากของผู้ชายเบื้องล่างเป็นระยะ ทำให้อารมณ์ที่เก็บซ่อนภายในกายของทั้งสองนั้นกระเจิดกระเจิงยากที่จะเก็บกลับมาได้ทันทีที่รถตู้คันนี้จอดสนิทปิติภัทรไม่รอช้ารีบอุ้มร่างบอบบางของม่านฟ้า
ตอนที่ 7คิดให้ดีก่อน! ถ้าจะโกหก.. ไม่ต้องพูด!เธอไม่รู้ว่าเพราะเขามอมเมาหรือว่าตัวเธอเองก็ต้องการ ร่างบางเองก็ขยับไปตามจังหวะรักที่เขามอบให้ จากเชื่องช้าเป็นขยับเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เนินอกสองเต้าของเธอยังคงถูกริมฝีปากร้อนครอบครองอย่างไม่ห่าง สลับดูดเม้มไปมาราวกับเด็กน้อยที่กำลังหิวกระหาย“อื้อ~ ส.. เสียว”มือทั้งสองข้างของเธอขยับกำเส้นผมของเขาพร้อมทั้งดึงทึ้งอย่างต้องการหาที่ระบาย“จะแตกแล้ว.. หนูเร็วหน่อย”ทันทีที่เสียงเร่งเร้าของผู้ชายด้านล่างดังขึ้นนั่นทำให้สะโพกกลมได้รูปของเธอเร่งไปตามจังหวะที่เขามอบให้ สร้างเสียงครางของความเสียวกระสันดังไปทั่วห้อง“อื้อ!!”*///*ความรู้สึกเย็นเฉียบของเครื่องปรับอากาศที่กระทบเข้ากับร่างกายทำให้ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อเปลือกตาที่แสนจะหนักหน่วงนี้เปิดขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือความมืดภายในห้องนี้มีเพียงแสงสว่างจากในห้องน้ำที่ส่องเข้ามาเล็กน้อย พร้อมกับเสียงน้ำไหลจากฝักบัวที่ตกกระทบพื้นไม่ใช่ว่าฉันจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะจำได้นั่นจึงทำให้รู้สึกว่าควรจะย้ายตัวเองออกไปจากที่นี่ด้วยความรวดเร็ว สายตาพยายามโฟกัสภายในห้องเป็นอย่างดีก
ตอนที่ 8อุบัติเหตุฉันที่นั่งนิ่งเงียบมาจนถึงบ้านโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับพี่ธันวาอีกแม้แต่คำเดียว ก่อนจะเดินขึ้นห้องมาเก็บเสื้อผ้าด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้“ถ้าพี่รู้ว่าไอ้ประธานบริษัทคือคนเดียวกับไอ้คนที่หักอกม่านเมื่อตอนนั้น.. จะยังเปิดใจรับแบบนี้ไหมนะ” “ตอนหากลับไม่เจอ” ฉันหงายหลังลงนอนก่อนจะหยิบไอแพดมาตรวจที่อยู่ของมือถือ เห็นว่ามันอยู่ที่ตำแหน่งของคอนโดปิติภัทร นั่นยิ่งทำให้งุนงงเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่ามือถือไม่ได้หายไปไหนจึงปิดหน้าจอแล้วนอนแผ่หลาอีกครั้ง ดวงตาจ้องมองเพดานก่อนจะยกแขนของตัวเองมามองรอยจ้ำสีแดงตามเรียวแขน ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำนั่นยิ่งทำให้ต้องถอนหายใจเข้าไปอีกเมื่อนอนแผ่หลาอย่างสบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็ดันตัวเองให้ไปหยิบเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกระโปรงสั้นเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว ก่อนจะรีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งไปที่รถคันหรูเท้าเหยียบคันเร่งจนแทบมิดไมล์ ดีหน่อยที่ตอนนี้เวลาเกือบจะตีสามแล้วทำใบบนท้องถนนโล่งมากเป็นพิเศษใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงโรงพยาบาล ฉันเดินเข้ามาในห้องกวาดสายตามองดูลูกชายที่ใบหน้าหายบวมจนกลับมาเป็นปกติแล้ว ก
ตอนที่ 9ทำไมถึงเป็นนายอีกแล้ว!ผมที่รู้สึกว่าเลขาคนสวยของผมเริ่มเงียบและไม่มีเสียงตอบรับกับคำถามของผม ด้วยความแปลกใจจึงหันหลังกลับไปมอง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือดวงตาของเธอกำลังปิดลงช้า ๆ พร้อมกับเท้าข้างหนึ่งที่กำลังจะก้าวลงบันไดก่อนที่จะทิ้งตัวเองลงมาจากชั้นสามสองเท้าของผมรวดเร็วกว่าสมองกระโดดเข้าไปรับร่างของผู้หญิงคนนี้มาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันกลิ้งเหมือนลูกขนุนตกลงสามสี่ขั้นสุดท้าย แต่เพราะที่แห่งนี้คือเขตก่อสร้างจึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายของพวกเราจะกระแทกนั่นนี่จนเกิดแผลไปไม่น้อย“เห้ย!”“พี่ม่านฟ้า! พี่เธียร!”“เจ้านาย!”เสียงของคนอื่นที่กรีดร้องดังระงมนั้น ไม่ได้ทำให้ผมสนใจไปมากกว่าผู้หญิงตรงหน้าเลยสักนิดเดียว ความร้อนของร่างกายที่ร้อนทะลุเสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอนั้นทำให้ผมตกใจมากกว่าสองแขนแกร่งรีบอุ้มเธอให้วิ่งลงมาด้านล่าง พร้อมกับให้คนขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ใช้เวลาพักใหญ่ที่รถตู้ของผมนั้นติดอยู่บนถนนที่ดูจะไม่มีทีท่าว่าจะขยับง่าย ๆ ด้วยความร้อนใจผมเลือกที่จะอุ้มผู้หญิงคนนี้ลงจากรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่มองเห็นไกล ๆ ทันที“เดชาไปส่งคุณหนูน้ำตาลที่บ้านด้วย”“คุณเธียร!” ผมไม
ตอนที่ 10อยากเก็บเธอไว้ข้าง ๆฉันลืมตาขึ้นมาตกใจไม่น้อยที่เห็นพี่ธันวากำลังยืนจ้องหน้าอยู่กับคุณปิติภัทร แต่ก็ยังดีที่ทั้งคู่ไม่ได้ดูจะไม่เป็นมิตรกันสักเท่าไหร่“ขอบคุณนะคะ”“เธอเป็นยังไงบ้าง”“ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ.. คุณล่ะ”“ผมไม่เป็นไร เดี๋ยวผมออกไปเรียกหมอ”“ไม่ต้องค่ะ คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”“แต่ว่า..”“กลับไปเถอะ! น้องสาวผมผมดูแลได้” ฉันมองหน้าพี่ชายนิ่ง ๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าตาหนูเตชินนั้นยืนจ้องหน้าของปิติภัทรไม่ละสายตา“เตชิน.. มาหาแม่หน่อยสิครับ”“คุณแม่ครับ” ฉันยิ้มหวานส่งให้ลูกชาย ก่อนจะพยักหน้าให้พี่ธันวานั้นอุ้มตาหนูขึ้นมาด้านบนเตียง“คุณแม่เจ็บมั้ยครับ”“ไม่เจ็บแล้วครับ ลูกล่ะ คุณหมอให้ออกโรงพยาบาลได้แล้วหรอ”“ครับ.. ผมกำลังจะกลับบ้านก็เจอคุณแม่ก่อน ผมตกใจมากเลย”“ขวัญเอ๊ยขวัญมา หายตกใจยังครับ”“คุณแม่ครับ.. คุณลุงเจ้านายของคุณแม่หน้าตาคุ้นมากเลย” ตัวเล็กยื่นปากมากระซิบที่ข้างหูพูดด้วยน้ำเสียงเบาราวกับกำลังกลัวว่าจะมีใครได้ยิน นั่นทำให้ฉันหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้“อย่างนั้นผมกลับก่อนนะ” ฉันพยักหน้าให้กับคุณปิติภัทร ก่อนจะมองเขาที่เดินออกไปจนสุดสายตา“พี่ไม่
ตอนที่ 42ครอบครัวหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมก็รู้ว่าความจริงแล้วผมอาจจะไม่ได้เก่งอะไรเลย เพราะในทุก ๆ การเติบโตของผมนั้นจะคอยมีพี่ชายของตัวเองคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ มาเสมอ ไอ้อัฐรู้มาตลอดว่าผมกับม่านฟ้าเป็นอะไรกันแต่มันกลับไม่เคยปริปากพูดกับพี่ชายของเธอเลยสักครั้งมันรู้มาตลอดว่าเรื่องราวของผมกับมันฟ้าเมื่อหกปีก่อนเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะตอนนั้นมันไม่สามารถหาหลักฐานนั้นไว้ได้ ทำให้มันจำเป็นต้องปล่อยเบลอเรื่องในครั้งนั้นจนในวันที่ฟ้านั้นบินไปต่างประเทศมันพยายามถามธันวาหลายครั้งว่าเธอไปที่ไหน แต่สำหรับธันวาเองแล้วก็รักน้องสาวไม่แพ้กันจึงไม่เคยปริปากออกมาเลยสักครั้ง ไม่ว่าใครจะมาถามก็ตามตอนนี้บริษัทผมยังคงทรงตัว รวมทั้งบริษัทใหญ่ที่เคยถอนตัวไปนั้นเมื่อรู้ว่าบริษัทเอเมเจนจ์เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของผมก็ทำให้หลายบริษัทกลับเข้ามาเซ็นสัญญาอีกครั้ง “แล้ววันนี้มึงจะไปไหน” เพราะหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมต้องเทียวไปให้ปากคำ รวมถึงจัดการเรื่องราวในบริษัท และตัวไอ้อัฐเองหลังจากที่พวกเราเปิดอกคุยกันมันก็แทบจะยึดห้องผม อยู่กับผมที่คอนโดมาตลอดเจ็ดวันเช่นกัน“ไปหาเมีย”
ตอนที่ 41เปิดโปงผมเห็นว่าการ์ดหน้าห้องนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่าง ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงหันมามองที่พวกเราอีกครั้งพร้อมทั้งพยักหน้าและพาพวกเรามาอีกทางก่อนจะเปิดประตูให้“เชิญครับ” และทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นว่าตรงนี้เป็นประตูอีกฝั่งที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเวทีมากนัก เราทั้งสี่คนเดินมาหยุดยืนอยู่หลังเวทีที่คุณหญิงอมร เจ้าสัว และข้างกันนั้นมีน้องน้ำตาลที่กำลังยืนร้องไห้บีบน้ำตาอยู่“งานร่วมมือกันของ2บริษัท ทำไมถึงมีแต่นักข่าวถามเรื่องของกู” ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะไม่เกิดประเด็น แต่ตั้งแต่ที่ผมยืนมาเกือบ 10 นาทีนั้น ยังไม่มีนักข่าวคนไหนถามเกี่ยวกับการร่วมมือของบริษัทเลยสักประโยค“มึงรอดูอะไรสนุก ๆ ได้เลย” สิ้นสุดคำพูดของไอ้อัฐผมเห็นว่ามีนักข่าวคนหนึ่งหันมามองที่พวกเราเล็กน้อย และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้พีชให้สัญญาณ“คุณหญิงอมรครับผมมีคำถาม” และทันทีที่นักข่าวคนนั้นเอ่ยถามนักข่าวคนอื่น ๆ ก็เงียบเสียงลงทันทีราวกับปิดสวิตช์ ซึ่งมันแปลกมากสำหรับวงการนี้นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล“คุณหญิงอมรเป็นหัวหน้าสม
ตอนที่ 40 เก็บกวาดผมมองหน้าของม่านฟ้าก่อนจะปรายตาไปมองที่เรียวนิ้วของเธอ ซึ่งปลายนิ้วของเธอชี้มายังเสื้อคลุมสีขาวของผมที่พาดอยู่ที่แขนผมชูเสื้อคลุมตัวนี้ขึ้นเป็นเชิงคำถามว่าเธอกำลังหมายถึงชิ้นนี้อย่างนั้นหรอ และก็เป็นม่านฟ้าที่พยักหน้ารัวเป็นคำตอบว่าเธอหมายถึงสิ่งนั้นจริง ๆถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าเธอต้องการมันไปทำอะไรแต่ก็ยินดียื่นให้เธออย่างไม่คิดลังเล ก่อนจะเดินลงมาจากรถพร้อมกับปิดประตูให้ รถตู้คันนี้ก็แล่นออกไปจากหน้าโรงพยาบาลทันที“ไอ้ธันมึงไม่กลับไปกับน้องหรอ" หลังจากที่รถตู้คันนั้นออกไปสู่ถนนใหญ่พวกเราก็หันมามองหน้ากัน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงยังอยู่ตรงนี้"มึงมีเรื่องที่ยังเล่าไม่หมดหรือเปล่าไอ้อัฐ" และทันทีที่ไม่มีม่านฟ้าผมก็รู้สึกได้เลยว่าบทสนทนามันเปลี่ยนไป"มี""เรื่องอะไร" ผมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างจะดังและฟังชัด เซนต์ของผมไม่น่าผิดพลาดเพราะว่าผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับม่านฟ้าแน่นอน“คนที่จ้างวานมาขับรถชนม่านฟ้า” ได้ยินเพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองเลือดขึ้นหน้าขนาดไหน ผมอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่คิดจะทำร้ายเธอต้องจิตใจอำมหิตขนาดไหน แต่ผมกลับไ
ตอนที่ 39ให้อภัยฉันหันขวับไปมองที่พี่อัฐนิ่ง ฉันมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของผู้หญิงที่จงใจทำลายสิ่งที่พี่เธียรสร้างขึ้นมาแน่ เพราะฉะนั้นเหลือเพียงเหตุผลเดียวที่บริษัทยักษ์ใหญ่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย“เข้าใจแล้ว.. เดี๋ยวม่านฟ้าจัดการบอกคุณปิติภัทรให้ค่ะ” ฉันเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะกดวางสายแล้วยื่นมือถือคืนให้กับเขา พี่เธียรหันมามองที่มือถือเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้หยิบมันไป สายตาของเขาชำเลืองมองไปที่ส้มลูกหนึ่งที่เขากำลังปลอกมันยังสวยงาม“หนูเพิ่งฟื้นกินอะไรหน่อยไหม รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าพี่เธียรนั้นตั้งใจที่จะง้อ และไอ้ความรู้สึกไม่รักดีของฉันในตอนนี้ก็พร้อมจะให้อภัยเขาซะด้วยสิ แต่การที่เราจะให้อภัยง่าย ๆ มันก็ไม่สนุกสิ ถูกไหม?“ไม่กิน” ฉันตอบออกไปแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่หารู้หรือไม่ว่าภายในท้องไส้ของฉันนั้นปั่นป่วนเหลือเกิน ความรู้สึกที่อยากกินจนน้ำลายสอ ความรู้สึกที่หอมอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนฉันใช้จมูกค่อยๆ สูดดมฟุดฟิดไปตามในห้องจนพบว่ากลิ่นที่หอมที่สุดและแรงที่สุดในตอนนี้มาจากตัวของพี่เธียร แล้วเหมือนว่าเขาเองก็จะเห็นอาการ
ตอนที่ 38เรื่องราวคลี่คลายผมหันไปตามเสียงที่ได้ยินเห็นว่าเป็นม่านฟ้าที่ลืมตามองพวกเราอยู่ก่อนแล้ว สองเท้าผมรีบปรี่เข้าไปหาเธอด้วยท่าทีของคนทั้งตื่นเต้นและดีใจ“หนูเป็นยังไงบ้าง” ผมทำได้เพียงแค่ยืนมองเธอมือไม้สั่นไม่กล้าแม้แต่จะจับ สังเกตได้ว่าเธอมองผมด้วยสายตาเรียบเฉย เย็นชา แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเพราะเธอหันไปถามพี่ชายของผมอีกครั้ง“เรื่องที่พี่พูดมาเป็นเรื่องจริงหรอคะ”“เธอจะมัวมาสนใจเรื่องนี้ทำไม! เดี๋ยวพี่ไปตามหมอให้” สิ้นสุดเสียงของธันวาเขาก็เตรียมที่จะหันหลังออกไปตามพยาบาล แต่กลับเป็นเสียงของม่านฟ้าที่รั้งเขาเอาไว้“พี่ธันอย่าพึ่งไป หนูอยากฟังทั้งหมดให้จบ”“ทั้งหมด?” เป็นเสียงของพี่ชายของผมที่มันเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเธอ“อือ.. ทั้งหมด เพราะว่าหนูก็ฟังเรื่องทั้งหมดนี้พร้อมกับพวกพี่ตั้งแต่แรก” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเหลือบสายตามามองผมอีกครั้งสายตาของเธอที่จ้องมองมาไม่ได้แสดงออกว่าโกรธแค้น และก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ ไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่เธอมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับว่าผมเป็นอากาศธาตุ“ถ้าอย่างนั้นพี่เล่าต่อนะ”“ค่ะ” ผมทำได้เพียงแค่มองหน้า
ตอนที่ 37เรื่องมีอยู่ว่า ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องจริงเราสองคนหันไปตามเสียงของผู้ที่มาทีหลัง และทันทีที่ผมเห็นหน้าของมันความรู้สึกหมั่นไส้ก็เกิดขึ้น“มึงมาทำไม” ผมหลงลืมไปชั่วขณะว่าความจริงแล้วไอ้อัฐมันเป็นเพื่อนของธันวา“ก็นี่น้องสาวเพื่อนกู.. กูจะมาเยี่ยมน้องสาวเพื่อนกูไม่ได้หรอ" มันก็ยังคงเป็นพี่ชายที่กวนตีนผมไม่เลิก และเพราะเกรงใจพ่อของเธอที่นั่งอยู่ทำให้ผมได้แต่เบือนหน้าหนี แต่จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของมันเมื่อครู่"ว่าแต่เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ" เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดออกมาจากริมฝีปากของผู้ชายที่หน้าตาไม่เหมือนผมเลยสักนิด"กูบอกว่า! มึงไม่ได้เอาเข้า! แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าไม่ได้! มึงได้ยินชัดหรือยังไอ้น้องเวร!” มันจงใจพูดเน้นเสียงทุกคำถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่แต่ในเวลานี้ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าผมพลาดอะไรไป“คืออะไร” ผมเอ่ยถามมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันทำเพียงแค่ยกยิ้มส่งให้ด้วยใบหน้าของคนเหมือนดูหมิ่นดูแคลน แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น“ไอ้พีช! ของที่กูให้มึงเอามาอยู่ไหน” ทันทีที่ไอ้อัฐเอ่ยขึ้นเพื่อนสนิทของมันก็เดินเข้ามาหาพวกผมด้ว
ตอนที่ 36ความจริงเมื่อ6ปีก่อน“เด็กในท้อง?” ไม่รู้ว่าตัวว่ากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมากจริงๆ หากวันนี้เธอไม่ประสบอุบัติเหตุผมไม่รู้เลยว่าจะได้รู้เรื่องที่กำลังมีลูกเมื่อไหร่ หรือม่านฟ้าตั้งใจที่จะปิดบังผมไปตลอดชีวิต ผมละสายตาจากใบหน้าของผู้เป็นพ่อเปลี่ยนไปจ้องมองผู้หญิงที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าของชายมีอายุและพี่ชายที่แสนจะเกรี้ยวกราดของเธออีกครั้ง“พ่อไปบอกมันทำไม! คนอย่างมันไม่สมควรที่จะรับรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้ม่านเลยด้วยซ้ำ!” เขายังคงมีน้ำโหและยังคงพูดจาเชือดเฉือน จ้องมาที่ใบหน้าผมเรากลับว่าอยากจะกินเลือดกินเนื้อ“ผม.. กำลังจะเป็นพ่อลูกสองหรอ” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตกใจ หันไปขอความมั่นใจทางผู้ใหญ่ที่อยู่เพียงคนเดียวในห้องนี้ แต่ยังไม่ทันที่พวกเรานั้นจะได้เอ่ยอะไรต่อก็มีพยาบาลเดินเข้ามาในห้องพักฟื้น ทำให้พวกเราต้องเงียบเสียงลง“เธอเป็นยังไงบ้างครับ” ผมเอ่ยถามทันทีที่พยาบาลเตรียมจะออกด้านนอก เธอหันมามองหน้าผมพร้อมตอบด้วยนะเสียงเรียบนิ่ง“อาจต้องรอคุณหมอนะคะ จากที่ดูตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ”
ตอนที่ 35พ่อของเด็กในท้องคือผมหรอ“นายโอเคมั้ย” ผมหลุดออกจากภวังค์หันหน้าไปมองผู้ชายที่กำลังขับรถด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เพราะการจราจรที่ติดขัดทำให้เราไม่ได้ดั่งใจสักเท่าไหร่“อืม” ผมตอบออกไปเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหน้าจ้องมองไปบนถนนด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ถ้าเป็นห่วงคนรักของนาย ไม่ต้องกังวลหรอกเธอถึงมือหมอแล้ว” สิ่งที่ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมากก็คือ ผมกับพีชไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเราเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมาเจอกัน แต่ในเวลาเร่งด่วนคนที่ช่วยผมกลับเป็นเขา“ทำไมถึงช่วย” เพราะไม่ว่าผมจะคิดยังไงหรือทางใด มันไม่มีจุดไหนเลยที่จะทำให้เขาต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคนอย่างผม เพราะว่าแม้แต่ทางด้านธุรกิจเราสองคนแทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแม้แต่น้อย หรือหากเขากำลังทำดีเพื่อการร่วมมือในอนาคตอย่างนั้นหรอ“ไม่ดีหรอ” พีชหันมามองหน้าผมพร้อมกับตอบด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท แต่ผมกลับรู้สึกว่าในสายตาของเขามีอะไรที่มากกว่านั้น“ก็แค่รู้สึกสงสาร.. แล้วก็เห็นใจนาย” ยิ่งคำพูดของเขายิ่งทำให้ผมสงสัยในเรื่องนี้เข้าไปใหญ่ ในเมื่อเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเพราะอะไรเขาถึงต้องมาสงสาร แล
ตอนที่ 34ผิดสัญญาผมที่สวมชุดสูทสีขาวกลัดดอกกุหลาบแดงที่หน้าอกข้างซ้าย สองเท้าก้าวเดินต้อนรับแขกเหรื่อที่เข้ามาในงาน ข้างกายมีสาวสวยอย่างน้องน้ำตาลที่สวมชุดราตรีปักเพชรสีเดียวกันเรียกได้ว่าทำให้เราทั้งสองคนนั้นเป็นจุดเด่นในงานครั้งนี้ถึงแม้ว่าช่วงนี้ก็มีความรู้สึกที่แปลกใจอยู่สักหน่อย ราวกับว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแต่เพราะมันคือหน้าที่ที่ผมตัดสินใจแล้ว และนี่ก็เป็นผลของการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งงานหมั้นที่ถูกจัดที่โรงแรมหรู แขกเรือที่เข้ามาในงานมีแต่คนมีอำนาจ เงินทอง และชื่อเสียง ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะเพอร์เฟกต์ไปเสียหมด แต่สำหรับผมมันก็เป็นแค่งานที่รวมคนรวยเท่านั้น“พี่เธียรยิ้มหน่อยไหมคะ ทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ขนาดนี้ ทำไมคะการที่พี่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับน้ำตาลมันดูทุกข์ขนาดนั้นเลยหรอคะ” ผมเบนหน้าไปลงเล็กน้อยมองสาวที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา น้ำตาลจ้องใบหน้าของผมพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ แต่ช่างดูเป็นรอยยิ้มที่ผมดูยังไงก็ไม่จริงใจเลยสักนิด“อย่าบังคับพี่ให้มาก” ผมตอบเพียงแค่นั้นโดยไม่ได้สนใจอะไร ก่อนจะเดินหลบมุมก่อนจะปลีกตัวออกมาด้านนอก เมื่อเห็นเป้าหมายจึงได้เดิน