ตอนที่ 5
ถ่านไฟเก่า
“แล้วทำไมพี่ไม่ไปละ! อยู่กับคุณราชันย์อะไรของพี่นั่นอันตรายจะตาย มีแต่เรื่องชกต่อยไล่ตีกันเป็นว่าเล่น ทำไมไม่ลาออกไปทำงานที่บริษัทล่ะ!” ฉันหันไปมองหน้าพี่ชายทั้งที่ยังเคี้ยวส้มที่หวานจนตาแทบหยี
“ก็..” แต่ยังไม่ทันที่พี่ชายของฉันจะได้พูดอะไรต่อ ส้มสามกลีบใหญ่ถูกยัดเข้าไปในปากของเขาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว นั่นเรียกให้ฉันรู้สึกชอบอกชอบใจไม่น้อย
“ไอ้ม่าน! ส้มบ้าอะไรวะเปรี้ยวฉิบหาย”
“พี่ธัน! ทำไมพูดจาไม่สุภาพ! ถ้าตาหนูมาได้ยินจะทำยังไง” ฉันแยกเขี้ยวใส่พี่ชายด้วยใบหน้าที่จริงจังผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ สำหรับฉันคำพูดในบ้านเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก
“เออ ๆ ขอโทษมันหลุดปาก” ฉันมองพี่ชายที่พยายามเคี้ยวส้มในปากด้วยใบหน้าที่เหยเกจนหมด
“อร่อยเนอะ.. เอาอีกมั้ยคะ”
“เก็บไปกินเองเถอะ! แล้วบอกพี่ชบาอย่าไปซื้อมาอีกนะส้มร้านนี้น่ะ ถ้าไม่อยากให้พี่ไปเผาร้านทิ้ง!” พี่ธันวาบ่นยาวก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปด้านบน
“คุณแม่ครับ”
“ว่าไงครับ”
“พี่ชบาบอกว่าผมต้องไปโรงเรียน.. ไม่ไปได้ไหมครับ” ฉันหันมองลูกชายที่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ อย่างไม่เข้าใจ เตชินเป็นเด็กชายวัยห้าขวบที่ตลอดเวลานั้นอยู่กับแม่นมอย่างพี่ชบาและอยู่กับฉันตลอด จะมีบางครั้งที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับพี่ธันวาบ้างเท่านั้น
“ทำไมละครับ”
“ผมอยากอยู่กับแม่มากกว่า” เด็กน้อยพูดจบได้ใช้ขาป้อม ๆ นั้นปืนโซฟาขึ้นมานั่งก่อนจะเอนตัวลงหนุนตักอย่างออดอ้อน
“ที่โรงเรียนมีคุณครู.. มีเพื่อนเยอะแยะเลย”
“ผมไม่ชอบ.. คนเยอะน่าเบื่อ”
“แต่หนูต้องมีเพื่อนและต้องเรียนหนังสือนะครับ” ฉันมองหน้าของลูกชายก่อนจะยิ้มให้เขา
“ครับ” เด็กน้อยตอบออกมาด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะหลับตาลงอย่างสนิท มือข้างหนึ่งของฉันลูบเส้นผมที่นุ่มนิ่มของเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะช้อนมืออุ้มเขาขึ้นมาเดินพาเข้าไปนอนที่ห้องอย่างเบามือ
สามวันต่อมา
“สวัสดีค่ะคุณแม่.. น้องเตชินสวัสดีคุณแม่ก่อนเข้าโรงเรียนหรือยังครับ” ฉันยืนมองลูกชายของตัวเองที่ทำตามคุณครูบอกอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินเข้าไปในเนิร์สเซอรี่หวานหวานด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้าย
“ฝากคุณครูดูแลเตชิน และระวังเรื่องอาหารที่น้องแพ้หน่อยนะคะ”
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ฉันหันมองลูกชายอีกครั้งก่อนจะถอยหลังเดินออกมาเงียบ ๆ ตาก็จ้องมองไปในโรงเรียนเล้กแห่งนี้ มองด้านหลังของลูกชายที่สะพายกระเป๋าเข้าไปในโรงเรียนจนลับสายตา
“ที่รัก! ยูมาทำอะไรแถวนี้น่ะ” ฉันหันขวับไปเห็นอันวาที่เดินเข้ามายืนข้างกัน สายตาของเธอนั้นจ้องมองเข้าไปในโรงเรียนด้วยใบหน้าสงสัยสลับกับหันมามองหน้าฉันอย่างต้องการอยากรู้
“มาส่งลูกชายไง” ฉันตอบเธอยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากบริเวณนั้น
“ยูมีลูกแล้วหรอ! ไอไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“อ่าว! ไอไม่ได้บอกยูหรอ” ฉันตอบเพื่อนด้วยท่าทางที่คิดว่าน่าหมั่นไส้ที่สุด พร้อมกับเดินวนมาเปิดประตูรถแล้วยัดตัวเองลงไปอย่างไม่เร่งรีบ
“ไปด้วย” อันวาเดินตามมาขึ้นรถอย่างงง ๆ พร้อมทั้งหันไปมองด้านในโรงเรียนอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ม่านฟ้า! ถามจริงยูมีลูกแล้วจริงหรอ”
“ทำไม.. หน้าแบบไอไม่เหมาะกับการเป็นแม่คนหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น ไอแค่ไม่เคยเห็นยูพูดถึงไง”
“ก็ยูไม่เคยถาม” ฉันตอบเสียงเรียบก่อนจะเหยียบคันเร่งขับรถไปพร้อมทั้งมองหน้าของเพื่อนไปอย่างตลกขบขันกับท่าทางของเธอ ใบหน้าสวยของอันวายู่ยี่อย่างน่าขบขัน
“ผู้หญิงผู้ชายหรอ.. แล้ว.. แล้วกี่ขวบหรอ”
“ผู้ชายห้าขวบที่สำคัญหล่อมาก”
“จองได้ปะ! ว่าที่สามีในอนาคต ฮี่ ๆ” ฉันหันไปแยกเขี้ยวให้เพื่อนอย่างขอไปที
ไม่นานพวกเราก็ขับรถมาจนถึงบริษัท ทำให้ประโยคสนทนาเหล่านี้จบลงไปด้วย ก่อนจะพากันแยกย้ายไปทำงานหน้าที่ของตนเอง ฉันเดินตรงไปยังลิฟต์ทันที และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รู้สึกถึงความปวดหัวที่เข้ามาเยือนราวกับว่าชั้นบนนี้มีพลังงานอะไรที่แรงมาก
วันนี้มีเซนต์สัญญากับคุณจอห์น.. ตรวจสอบเอกสารหน่อยดีกว่า แม้ว่าเมื่อคืนจะเรียบเรียงเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะบริษัท ABS เป็นทุนที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้การเซนต์สัญญาจะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
“ม่านฟ้าเอกสารเรียบร้อยใช่ไหม” เสียงของผู้ทรงอำนาจที่สุดในบริษัทดังขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะก้าวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง
“เรียบร้อยค่ะ”
“ดี! งั้นเดี๋ยวเธอเตรียมตัวให้พร้อมเราจะออกเดินทางไปก่อนเวลาเพื่อสร้างความประทับใจ”
“ค่ะ”
“อ่อ.. อาจจะกลับดึกหน่อยนะ”
“กลับดึก? .. เราไปเซนต์สัญญาตอนเช้าไม่ใช่หรอคะ”
“ใช่! แต่โปรเจกต์ของบริษัท KNVIP DIAMONDS Group จะมีการประมูลลับพวกเราจะไปดูสักหน่อย”
“แต่เรื่องนี้ฉันไม่ได้เตรียมตัวไว้ ไม่ได้ศึกษาบริษัทนี้มาก่อนมันจะ..”
“ไม่ต้องคิดมากผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราแยกกันทำจะได้เสร็จไวเธอจัดการเกี่ยวกับ ABS ผมจัดการ KNVIP DIAMONDS Group คุณมีหน้าที่แค่ไปกับผม” ฉันมองหน้าของปิติภัทรด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็จำยอมพยักหน้าตอบรับเขา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาพี่ธันวาให้ไปรับตาหนูแทน
การเซนต์สัญญาของบริษัท ABS ผ่านไปด้วยดีทำให้มีทุนในการสร้างหมู่บ้านในทำเลทอง นอกจากนั้นเพราะความมีชื่อเสียงและฝีมือในการทำงานของบริษัททำให้สามารถเซนต์สัญญากับบริษัท KNVIP DIAMONDS Group ด้วยอีกหนึ่งทุน ถือเป็นปรากฏการณ์แรกที่บริษัทสามารถร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ในเวลาเดียวกัน
“ฉลอง!” ฉันยื่นแก้วเหล้าที่ไม่ได้แตะมานานชนกับประธานบริษัทหน้าหล่ออย่างเขาที่ดีอกดีใจเกี่ยวกับเรื่องงาน นั่นจึงทำให้เขานั้นลากฉันมาเข้าผับเพื่อฉลองงานใหญ่
“ชน!” เราสองคนนั่งกระดกเหล้าเข้าปากกันอย่างไม่มีใครยอมใครที่เคาน์เตอร์บาร์ โดยมีเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ขยันจะชงเหล้ามาให้ไม่ขาด
“ม่านฟ้าเธอไหวหรือเปล่า” ฉันหรี่ตามองปากของเขาที่พูดออกมาด้วยเสียงที่เบากว่าเสียงเพลงในผับ สายตาเริ่มพร่าเบลอเพราะฤทธิ์ของน้ำเมา
“ห๊ะ! คุณพูดว่าอะไรนะ!”
“ผมถามว่าคุณไหวหรือเปล่า!!”
“คุณปิติภัทรฉันไม่ได้ยิน!” ฉันไม่พูดเปล่ายังโน้มใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้เขาเพื่อฟังใกล้ ๆ ว่าเขานั้นพูดว่าอะไร
แต่เพราะคนในนี้แออัดเกินไป ไม่รู้ว่าใครกันที่เดินมาชนฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์จนต้องเซเข้าไปกอดเขาเอาไว้ เพราะความตกใจฉันเหลือบสายตาขึ้นไปมองเขาที่มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
เราสองคนมองหน้ากันด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม ฉันไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปลูบไล้ใบหน้าของผู้ชายคนนี้อย่างนุ่มนวลโดยที่หลงลืมไปเลยว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน
ก่อนจะเลื่อนนิ้วชี้มาที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเขาช้า ๆ ดวงตาทั้งสองของเราประสานกันหวานเยิ้มจากฤทธิ์ของน้ำเมาสีอำพัน
“ปากนี้~ ยังหวานเหมือนเดิมไหมนะ” ฉันมองริมฝีปากของเขาด้วยความรู้สึกอยากลิ้มลอง ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้นแต่ยังขยับใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาหลุบจ้องริมฝีปากของเขานิ่งด้วยความรู้สึกที่ยั่วยวนไม่น้อย
“อื้อ!”
ตอนที่ 6 ระลึกความหลัง | NC18+ 🔞🔞และเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ม่านฟ้าที่รู้สึกอยากลิ้มลองริมฝีปากของเขา ฝั่งด้านปิติภัทรเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน หน้าเขาโน้มใบหน้าของตนเองเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น สายตาของทั้งสองประสานกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ก่อนที่เขานั้นจะหลุบมองริมฝีปากของเธออีกครั้ง "อื้อ" ริมฝีปากหนาประกบจูบลงบนริมฝีปากของเลขาสาวแสนสวยของตัวเองเนิบช้า ก่อนจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามอารมณ์อย่างคนที่หิวกระหาย“ม่านฟ้า.. ริมฝีปากเธอนี่หวานไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ”“พี่เธียร~ อื้อ~”รถตู้สีดำคันใหญ่แล่นไปตามท้องถนนอย่างรีบร้อน แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ชายหญิงที่โดยสารอยู่ด้านในนั้นรู้สึกตัวเลยสักนิด ร่างบอบบางในชุดทำงานของเลขาสาวสวยกำลังนั่งคร่อมกายแกร่งของเขาเอาไว้อย่างยั่วยวนริมฝีปากบางสีแดงสดขยับขบเม้มไปตามริมฝีปากเขาอย่างคนที่เดินเกม สองมือของเธอดึงทึ้งเส้นผมของผู้ชายด้านล่างอย่างมันมือ“อืม~”เสียงครางกระเส่าดังออกมาจากของผู้ชายเบื้องล่างเป็นระยะ ทำให้อารมณ์ที่เก็บซ่อนภายในกายของทั้งสองนั้นกระเจิดกระเจิงยากที่จะเก็บกลับมาได้ทันทีที่รถตู้คันนี้จอดสนิทปิติภัทรไม่รอช้ารีบอุ้มร่างบอบบางของม่านฟ้า
ตอนที่ 7คิดให้ดีก่อน! ถ้าจะโกหก.. ไม่ต้องพูด!เธอไม่รู้ว่าเพราะเขามอมเมาหรือว่าตัวเธอเองก็ต้องการ ร่างบางเองก็ขยับไปตามจังหวะรักที่เขามอบให้ จากเชื่องช้าเป็นขยับเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เนินอกสองเต้าของเธอยังคงถูกริมฝีปากร้อนครอบครองอย่างไม่ห่าง สลับดูดเม้มไปมาราวกับเด็กน้อยที่กำลังหิวกระหาย“อื้อ~ ส.. เสียว”มือทั้งสองข้างของเธอขยับกำเส้นผมของเขาพร้อมทั้งดึงทึ้งอย่างต้องการหาที่ระบาย“จะแตกแล้ว.. หนูเร็วหน่อย”ทันทีที่เสียงเร่งเร้าของผู้ชายด้านล่างดังขึ้นนั่นทำให้สะโพกกลมได้รูปของเธอเร่งไปตามจังหวะที่เขามอบให้ สร้างเสียงครางของความเสียวกระสันดังไปทั่วห้อง“อื้อ!!”*///*ความรู้สึกเย็นเฉียบของเครื่องปรับอากาศที่กระทบเข้ากับร่างกายทำให้ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อเปลือกตาที่แสนจะหนักหน่วงนี้เปิดขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือความมืดภายในห้องนี้มีเพียงแสงสว่างจากในห้องน้ำที่ส่องเข้ามาเล็กน้อย พร้อมกับเสียงน้ำไหลจากฝักบัวที่ตกกระทบพื้นไม่ใช่ว่าฉันจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะจำได้นั่นจึงทำให้รู้สึกว่าควรจะย้ายตัวเองออกไปจากที่นี่ด้วยความรวดเร็ว สายตาพยายามโฟกัสภายในห้องเป็นอย่างดีก
ตอนที่ 8อุบัติเหตุฉันที่นั่งนิ่งเงียบมาจนถึงบ้านโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับพี่ธันวาอีกแม้แต่คำเดียว ก่อนจะเดินขึ้นห้องมาเก็บเสื้อผ้าด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้“ถ้าพี่รู้ว่าไอ้ประธานบริษัทคือคนเดียวกับไอ้คนที่หักอกม่านเมื่อตอนนั้น.. จะยังเปิดใจรับแบบนี้ไหมนะ” “ตอนหากลับไม่เจอ” ฉันหงายหลังลงนอนก่อนจะหยิบไอแพดมาตรวจที่อยู่ของมือถือ เห็นว่ามันอยู่ที่ตำแหน่งของคอนโดปิติภัทร นั่นยิ่งทำให้งุนงงเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่ามือถือไม่ได้หายไปไหนจึงปิดหน้าจอแล้วนอนแผ่หลาอีกครั้ง ดวงตาจ้องมองเพดานก่อนจะยกแขนของตัวเองมามองรอยจ้ำสีแดงตามเรียวแขน ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำนั่นยิ่งทำให้ต้องถอนหายใจเข้าไปอีกเมื่อนอนแผ่หลาอย่างสบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็ดันตัวเองให้ไปหยิบเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกระโปรงสั้นเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว ก่อนจะรีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งไปที่รถคันหรูเท้าเหยียบคันเร่งจนแทบมิดไมล์ ดีหน่อยที่ตอนนี้เวลาเกือบจะตีสามแล้วทำใบบนท้องถนนโล่งมากเป็นพิเศษใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงโรงพยาบาล ฉันเดินเข้ามาในห้องกวาดสายตามองดูลูกชายที่ใบหน้าหายบวมจนกลับมาเป็นปกติแล้ว ก
ตอนที่ 9ทำไมถึงเป็นนายอีกแล้ว!ผมที่รู้สึกว่าเลขาคนสวยของผมเริ่มเงียบและไม่มีเสียงตอบรับกับคำถามของผม ด้วยความแปลกใจจึงหันหลังกลับไปมอง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือดวงตาของเธอกำลังปิดลงช้า ๆ พร้อมกับเท้าข้างหนึ่งที่กำลังจะก้าวลงบันไดก่อนที่จะทิ้งตัวเองลงมาจากชั้นสามสองเท้าของผมรวดเร็วกว่าสมองกระโดดเข้าไปรับร่างของผู้หญิงคนนี้มาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันกลิ้งเหมือนลูกขนุนตกลงสามสี่ขั้นสุดท้าย แต่เพราะที่แห่งนี้คือเขตก่อสร้างจึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายของพวกเราจะกระแทกนั่นนี่จนเกิดแผลไปไม่น้อย“เห้ย!”“พี่ม่านฟ้า! พี่เธียร!”“เจ้านาย!”เสียงของคนอื่นที่กรีดร้องดังระงมนั้น ไม่ได้ทำให้ผมสนใจไปมากกว่าผู้หญิงตรงหน้าเลยสักนิดเดียว ความร้อนของร่างกายที่ร้อนทะลุเสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอนั้นทำให้ผมตกใจมากกว่าสองแขนแกร่งรีบอุ้มเธอให้วิ่งลงมาด้านล่าง พร้อมกับให้คนขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ใช้เวลาพักใหญ่ที่รถตู้ของผมนั้นติดอยู่บนถนนที่ดูจะไม่มีทีท่าว่าจะขยับง่าย ๆ ด้วยความร้อนใจผมเลือกที่จะอุ้มผู้หญิงคนนี้ลงจากรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่มองเห็นไกล ๆ ทันที“เดชาไปส่งคุณหนูน้ำตาลที่บ้านด้วย”“คุณเธียร!” ผมไม
ตอนที่ 10อยากเก็บเธอไว้ข้าง ๆฉันลืมตาขึ้นมาตกใจไม่น้อยที่เห็นพี่ธันวากำลังยืนจ้องหน้าอยู่กับคุณปิติภัทร แต่ก็ยังดีที่ทั้งคู่ไม่ได้ดูจะไม่เป็นมิตรกันสักเท่าไหร่“ขอบคุณนะคะ”“เธอเป็นยังไงบ้าง”“ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ.. คุณล่ะ”“ผมไม่เป็นไร เดี๋ยวผมออกไปเรียกหมอ”“ไม่ต้องค่ะ คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”“แต่ว่า..”“กลับไปเถอะ! น้องสาวผมผมดูแลได้” ฉันมองหน้าพี่ชายนิ่ง ๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าตาหนูเตชินนั้นยืนจ้องหน้าของปิติภัทรไม่ละสายตา“เตชิน.. มาหาแม่หน่อยสิครับ”“คุณแม่ครับ” ฉันยิ้มหวานส่งให้ลูกชาย ก่อนจะพยักหน้าให้พี่ธันวานั้นอุ้มตาหนูขึ้นมาด้านบนเตียง“คุณแม่เจ็บมั้ยครับ”“ไม่เจ็บแล้วครับ ลูกล่ะ คุณหมอให้ออกโรงพยาบาลได้แล้วหรอ”“ครับ.. ผมกำลังจะกลับบ้านก็เจอคุณแม่ก่อน ผมตกใจมากเลย”“ขวัญเอ๊ยขวัญมา หายตกใจยังครับ”“คุณแม่ครับ.. คุณลุงเจ้านายของคุณแม่หน้าตาคุ้นมากเลย” ตัวเล็กยื่นปากมากระซิบที่ข้างหูพูดด้วยน้ำเสียงเบาราวกับกำลังกลัวว่าจะมีใครได้ยิน นั่นทำให้ฉันหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้“อย่างนั้นผมกลับก่อนนะ” ฉันพยักหน้าให้กับคุณปิติภัทร ก่อนจะมองเขาที่เดินออกไปจนสุดสายตา“พี่ไม่
ตอนที่ 11น่าหมั่นไส้ชะมัดฉันหันขวับไปจ้องหน้าผู้ชายคนนี้ตาเขม็งทันทีที่เห็นว่าภาพบนหน้าจอนั้นปรากฏเป็นรูปของฉันและเขาเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาจงใจเลือกรูปที่ฉันกำลังร้องไห้ขี้มูกโป่งออกมาแต่งอย่างเคร่งเครียด“แต่งรูปไง”“คุณว่างนักหรอ! แล้วไปเอารูปฉันมาจากไหน”“ถ่ายเอง”“โรคจิตหรือไง”“ทำไมต้องโรคจิต! พี่ถ่ายรูปเธอแถมเป็นตอนร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้ พี่ถือว่าได้ภาพช็อตเด็ดจากอดีตดาวคณะเลยนะ”“ลบเลย! น่าเกลียด!”“น่ารักดีออก! เรื่องไรจะลบพี่เก็บมาตั้งเจ็ดแปดปีเรื่องไรจะลบล่ะ”“พี่จะลบเองหรือจะให้ฉันลบ”“ไม่ลบ!” ฉันพุ่งตัวเข้าไปแย่งเมาส์จากมือของเขาทันทีที่เขาทำหน้ามึน และพี่เธียรเองก็ไม่ได้จะยอมให้ฉันนั้นแย่งมาได้ง่าย ๆ ทำให้เราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่แบบนั้นนานหลายนาที จนไม่ได้เห็นเลยว่ามีบุคคลอื่นเดินเข้ามา“ทำอะไรกันน่ะ..” ฉันตกใจเสียงที่ดังมาจากทางหน้าห้องจนต้องเด้งตัวเองกลับมายืนนิ่ง หันไปด้านนอกก็เห็นว่าเป็นคุณหนูน้ำตาลที่เดินถือถุงขนมเข้ามามองเราสองคนด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก เธอมองหน้าฉันสลับกับมองหน้าของพี่เธียรอย่างคนที่แสดงออกถึงความไม่พอใจและสงสัยฉันยืนนิ่งอยู่เช่นนั
ตอนที่ 12เรากลับมาคบกันได้ไหม“เชื่อใจพี่” เขาไม่ทำเพียงแค่พูดปากเปล่า แต่สองเท้าของเขายังเดินตรงมาที่ฉันพร้อมทั้งใช้มือของเขาเอื้อมมาจับข้อมือของฉันเอาไว้พร้อมทั้งลากให้เข้าไปในห้องทันทีที่พวกเราเดินเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมที่มืดสนิท ฉันได้แต่ใช้มืออีกข้างกอดแขนของเขาเอาไว้แน่นเพราะบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจ เพียงพริบตาเดียวที่พวกเราเข้ามานั้นแสงสว่างจากเปลวเทียนก็สว่างขึ้นตรงหน้าจนฉันรู้สึกสะดุ้งตกใจแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์~“สุขสันต์วันเกิดนะครับม่านฟ้า.. หนูอธิษฐานสิ” ฉันหันหน้าไปมองใบหน้าของผู้ชายด้านข้างที่หันมายิ้มให้ฉันจนตาหยีด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะกวาดสายตามองคนที่ยืนถือเค้กและอีกหลายคนที่ยืนให้กำลังใจอยู่รอบ ๆ“ทำไมพวกพี่..”“อธิษฐานเร็ว” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไรมากนัก ท่านประธานจอมแผนการก็ดันให้ฉันนั้นมายืนตรงหน้าของเค้กก้อนนั้น ฉันหลับตาลงโดยที่ไม่ได้อธิษฐานใด ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเป่าเค้กนั้นอย่างว่าง่ายและทันทีที่ไฟจากเทียนด้านหน้านั้นดับลงจนทั้งห้องมืดสนิทอีกครั้ง ฉันก็รู้สึกได้ว่าคนในห้องมีการขยับที่ทางกันเล็กน้อยก
ตอนที่ 13พี่ไม่ใช่คนดี.. เราก็รู้ | NC18+ 🔞🔞“ไอ้เธียรโว๊ย~ ปายหรือยาง~” ผมจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ม่านฟ้าก่อนจะปิดประตูแล้วเดินออกมามองหน้าเพื่อนที่เปิดกระจกรถมาจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความหงุดหงิด“ไม่ไปแล้ว.. จะไปนอน”“ไอ้เพื่อนเลว! ไอ้เพื่อนทรพี! อ้ายเพื่อนนิสัยม่ายเด!”“พี่เธียร~ ปาย!! กินหล้าว~”“ไอ้เธียรปายกินหล้าว~” ผมยืนเกาหัวแกรก ๆ มองบรรดาเพื่อนที่จ้องหน้ากดดันและผู้หญิงในรถ ก่อนที่รถทั้งสองคันของเพื่อนนั้นจะลดกระจกลงมาทำให้ผมนั้นเห็นบรรดาเพื่อนขี้เมาทั้งหลายนั้นหันมาจ้องผมเป็นตาเดียว“เออ ๆ รอแป๊บ” ผมล้วงมือหยิบมือถือมากดโทรออก คุยกับปลายสายสองสามประโยคแล้วจัดการส่งโลเคชันไปให้กับเขา“รอคนขับรถก่อน.. พวกมึงขับเองกูกลัวได้ไปฟังพระสวด” ผมพูดจบก็เดินเปิดประตูรถเข้าไปนั่งรอด้านในโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงบ่นของเพื่อนอีกเลย รอเพียงไม่เกินสิบห้านาทีเดชาคนขับรถของผมก็วิ่งหน้าตื่นมาเคาะกระจกข้าง ๆ“เจ้านายครับผมพาคนมาแล้วครับ”“นู้น! สองคันนั้นไปคอนโด” ผมเห็นเดชาหันไปมองรถที่มีใบหน้าของเพื่อนผมยิ้มให้หน้าสลอนก่อนจะหันมามองหน้าผมนิ่ง ๆ“ครับ”คอนโดผมจอดรถจนนิ่งสนิทก่อนจะปลด
ตอนที่ 42ครอบครัวหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมก็รู้ว่าความจริงแล้วผมอาจจะไม่ได้เก่งอะไรเลย เพราะในทุก ๆ การเติบโตของผมนั้นจะคอยมีพี่ชายของตัวเองคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ มาเสมอ ไอ้อัฐรู้มาตลอดว่าผมกับม่านฟ้าเป็นอะไรกันแต่มันกลับไม่เคยปริปากพูดกับพี่ชายของเธอเลยสักครั้งมันรู้มาตลอดว่าเรื่องราวของผมกับมันฟ้าเมื่อหกปีก่อนเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะตอนนั้นมันไม่สามารถหาหลักฐานนั้นไว้ได้ ทำให้มันจำเป็นต้องปล่อยเบลอเรื่องในครั้งนั้นจนในวันที่ฟ้านั้นบินไปต่างประเทศมันพยายามถามธันวาหลายครั้งว่าเธอไปที่ไหน แต่สำหรับธันวาเองแล้วก็รักน้องสาวไม่แพ้กันจึงไม่เคยปริปากออกมาเลยสักครั้ง ไม่ว่าใครจะมาถามก็ตามตอนนี้บริษัทผมยังคงทรงตัว รวมทั้งบริษัทใหญ่ที่เคยถอนตัวไปนั้นเมื่อรู้ว่าบริษัทเอเมเจนจ์เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของผมก็ทำให้หลายบริษัทกลับเข้ามาเซ็นสัญญาอีกครั้ง “แล้ววันนี้มึงจะไปไหน” เพราะหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมต้องเทียวไปให้ปากคำ รวมถึงจัดการเรื่องราวในบริษัท และตัวไอ้อัฐเองหลังจากที่พวกเราเปิดอกคุยกันมันก็แทบจะยึดห้องผม อยู่กับผมที่คอนโดมาตลอดเจ็ดวันเช่นกัน“ไปหาเมีย”
ตอนที่ 41เปิดโปงผมเห็นว่าการ์ดหน้าห้องนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่าง ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงหันมามองที่พวกเราอีกครั้งพร้อมทั้งพยักหน้าและพาพวกเรามาอีกทางก่อนจะเปิดประตูให้“เชิญครับ” และทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นว่าตรงนี้เป็นประตูอีกฝั่งที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเวทีมากนัก เราทั้งสี่คนเดินมาหยุดยืนอยู่หลังเวทีที่คุณหญิงอมร เจ้าสัว และข้างกันนั้นมีน้องน้ำตาลที่กำลังยืนร้องไห้บีบน้ำตาอยู่“งานร่วมมือกันของ2บริษัท ทำไมถึงมีแต่นักข่าวถามเรื่องของกู” ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะไม่เกิดประเด็น แต่ตั้งแต่ที่ผมยืนมาเกือบ 10 นาทีนั้น ยังไม่มีนักข่าวคนไหนถามเกี่ยวกับการร่วมมือของบริษัทเลยสักประโยค“มึงรอดูอะไรสนุก ๆ ได้เลย” สิ้นสุดคำพูดของไอ้อัฐผมเห็นว่ามีนักข่าวคนหนึ่งหันมามองที่พวกเราเล็กน้อย และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้พีชให้สัญญาณ“คุณหญิงอมรครับผมมีคำถาม” และทันทีที่นักข่าวคนนั้นเอ่ยถามนักข่าวคนอื่น ๆ ก็เงียบเสียงลงทันทีราวกับปิดสวิตช์ ซึ่งมันแปลกมากสำหรับวงการนี้นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล“คุณหญิงอมรเป็นหัวหน้าสม
ตอนที่ 40 เก็บกวาดผมมองหน้าของม่านฟ้าก่อนจะปรายตาไปมองที่เรียวนิ้วของเธอ ซึ่งปลายนิ้วของเธอชี้มายังเสื้อคลุมสีขาวของผมที่พาดอยู่ที่แขนผมชูเสื้อคลุมตัวนี้ขึ้นเป็นเชิงคำถามว่าเธอกำลังหมายถึงชิ้นนี้อย่างนั้นหรอ และก็เป็นม่านฟ้าที่พยักหน้ารัวเป็นคำตอบว่าเธอหมายถึงสิ่งนั้นจริง ๆถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าเธอต้องการมันไปทำอะไรแต่ก็ยินดียื่นให้เธออย่างไม่คิดลังเล ก่อนจะเดินลงมาจากรถพร้อมกับปิดประตูให้ รถตู้คันนี้ก็แล่นออกไปจากหน้าโรงพยาบาลทันที“ไอ้ธันมึงไม่กลับไปกับน้องหรอ" หลังจากที่รถตู้คันนั้นออกไปสู่ถนนใหญ่พวกเราก็หันมามองหน้ากัน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงยังอยู่ตรงนี้"มึงมีเรื่องที่ยังเล่าไม่หมดหรือเปล่าไอ้อัฐ" และทันทีที่ไม่มีม่านฟ้าผมก็รู้สึกได้เลยว่าบทสนทนามันเปลี่ยนไป"มี""เรื่องอะไร" ผมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างจะดังและฟังชัด เซนต์ของผมไม่น่าผิดพลาดเพราะว่าผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับม่านฟ้าแน่นอน“คนที่จ้างวานมาขับรถชนม่านฟ้า” ได้ยินเพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองเลือดขึ้นหน้าขนาดไหน ผมอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่คิดจะทำร้ายเธอต้องจิตใจอำมหิตขนาดไหน แต่ผมกลับไ
ตอนที่ 39ให้อภัยฉันหันขวับไปมองที่พี่อัฐนิ่ง ฉันมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของผู้หญิงที่จงใจทำลายสิ่งที่พี่เธียรสร้างขึ้นมาแน่ เพราะฉะนั้นเหลือเพียงเหตุผลเดียวที่บริษัทยักษ์ใหญ่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย“เข้าใจแล้ว.. เดี๋ยวม่านฟ้าจัดการบอกคุณปิติภัทรให้ค่ะ” ฉันเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะกดวางสายแล้วยื่นมือถือคืนให้กับเขา พี่เธียรหันมามองที่มือถือเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้หยิบมันไป สายตาของเขาชำเลืองมองไปที่ส้มลูกหนึ่งที่เขากำลังปลอกมันยังสวยงาม“หนูเพิ่งฟื้นกินอะไรหน่อยไหม รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าพี่เธียรนั้นตั้งใจที่จะง้อ และไอ้ความรู้สึกไม่รักดีของฉันในตอนนี้ก็พร้อมจะให้อภัยเขาซะด้วยสิ แต่การที่เราจะให้อภัยง่าย ๆ มันก็ไม่สนุกสิ ถูกไหม?“ไม่กิน” ฉันตอบออกไปแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่หารู้หรือไม่ว่าภายในท้องไส้ของฉันนั้นปั่นป่วนเหลือเกิน ความรู้สึกที่อยากกินจนน้ำลายสอ ความรู้สึกที่หอมอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนฉันใช้จมูกค่อยๆ สูดดมฟุดฟิดไปตามในห้องจนพบว่ากลิ่นที่หอมที่สุดและแรงที่สุดในตอนนี้มาจากตัวของพี่เธียร แล้วเหมือนว่าเขาเองก็จะเห็นอาการ
ตอนที่ 38เรื่องราวคลี่คลายผมหันไปตามเสียงที่ได้ยินเห็นว่าเป็นม่านฟ้าที่ลืมตามองพวกเราอยู่ก่อนแล้ว สองเท้าผมรีบปรี่เข้าไปหาเธอด้วยท่าทีของคนทั้งตื่นเต้นและดีใจ“หนูเป็นยังไงบ้าง” ผมทำได้เพียงแค่ยืนมองเธอมือไม้สั่นไม่กล้าแม้แต่จะจับ สังเกตได้ว่าเธอมองผมด้วยสายตาเรียบเฉย เย็นชา แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเพราะเธอหันไปถามพี่ชายของผมอีกครั้ง“เรื่องที่พี่พูดมาเป็นเรื่องจริงหรอคะ”“เธอจะมัวมาสนใจเรื่องนี้ทำไม! เดี๋ยวพี่ไปตามหมอให้” สิ้นสุดเสียงของธันวาเขาก็เตรียมที่จะหันหลังออกไปตามพยาบาล แต่กลับเป็นเสียงของม่านฟ้าที่รั้งเขาเอาไว้“พี่ธันอย่าพึ่งไป หนูอยากฟังทั้งหมดให้จบ”“ทั้งหมด?” เป็นเสียงของพี่ชายของผมที่มันเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเธอ“อือ.. ทั้งหมด เพราะว่าหนูก็ฟังเรื่องทั้งหมดนี้พร้อมกับพวกพี่ตั้งแต่แรก” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเหลือบสายตามามองผมอีกครั้งสายตาของเธอที่จ้องมองมาไม่ได้แสดงออกว่าโกรธแค้น และก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ ไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่เธอมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับว่าผมเป็นอากาศธาตุ“ถ้าอย่างนั้นพี่เล่าต่อนะ”“ค่ะ” ผมทำได้เพียงแค่มองหน้า
ตอนที่ 37เรื่องมีอยู่ว่า ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องจริงเราสองคนหันไปตามเสียงของผู้ที่มาทีหลัง และทันทีที่ผมเห็นหน้าของมันความรู้สึกหมั่นไส้ก็เกิดขึ้น“มึงมาทำไม” ผมหลงลืมไปชั่วขณะว่าความจริงแล้วไอ้อัฐมันเป็นเพื่อนของธันวา“ก็นี่น้องสาวเพื่อนกู.. กูจะมาเยี่ยมน้องสาวเพื่อนกูไม่ได้หรอ" มันก็ยังคงเป็นพี่ชายที่กวนตีนผมไม่เลิก และเพราะเกรงใจพ่อของเธอที่นั่งอยู่ทำให้ผมได้แต่เบือนหน้าหนี แต่จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของมันเมื่อครู่"ว่าแต่เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ" เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดออกมาจากริมฝีปากของผู้ชายที่หน้าตาไม่เหมือนผมเลยสักนิด"กูบอกว่า! มึงไม่ได้เอาเข้า! แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าไม่ได้! มึงได้ยินชัดหรือยังไอ้น้องเวร!” มันจงใจพูดเน้นเสียงทุกคำถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่แต่ในเวลานี้ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าผมพลาดอะไรไป“คืออะไร” ผมเอ่ยถามมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันทำเพียงแค่ยกยิ้มส่งให้ด้วยใบหน้าของคนเหมือนดูหมิ่นดูแคลน แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น“ไอ้พีช! ของที่กูให้มึงเอามาอยู่ไหน” ทันทีที่ไอ้อัฐเอ่ยขึ้นเพื่อนสนิทของมันก็เดินเข้ามาหาพวกผมด้ว
ตอนที่ 36ความจริงเมื่อ6ปีก่อน“เด็กในท้อง?” ไม่รู้ว่าตัวว่ากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมากจริงๆ หากวันนี้เธอไม่ประสบอุบัติเหตุผมไม่รู้เลยว่าจะได้รู้เรื่องที่กำลังมีลูกเมื่อไหร่ หรือม่านฟ้าตั้งใจที่จะปิดบังผมไปตลอดชีวิต ผมละสายตาจากใบหน้าของผู้เป็นพ่อเปลี่ยนไปจ้องมองผู้หญิงที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าของชายมีอายุและพี่ชายที่แสนจะเกรี้ยวกราดของเธออีกครั้ง“พ่อไปบอกมันทำไม! คนอย่างมันไม่สมควรที่จะรับรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้ม่านเลยด้วยซ้ำ!” เขายังคงมีน้ำโหและยังคงพูดจาเชือดเฉือน จ้องมาที่ใบหน้าผมเรากลับว่าอยากจะกินเลือดกินเนื้อ“ผม.. กำลังจะเป็นพ่อลูกสองหรอ” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตกใจ หันไปขอความมั่นใจทางผู้ใหญ่ที่อยู่เพียงคนเดียวในห้องนี้ แต่ยังไม่ทันที่พวกเรานั้นจะได้เอ่ยอะไรต่อก็มีพยาบาลเดินเข้ามาในห้องพักฟื้น ทำให้พวกเราต้องเงียบเสียงลง“เธอเป็นยังไงบ้างครับ” ผมเอ่ยถามทันทีที่พยาบาลเตรียมจะออกด้านนอก เธอหันมามองหน้าผมพร้อมตอบด้วยนะเสียงเรียบนิ่ง“อาจต้องรอคุณหมอนะคะ จากที่ดูตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ”
ตอนที่ 35พ่อของเด็กในท้องคือผมหรอ“นายโอเคมั้ย” ผมหลุดออกจากภวังค์หันหน้าไปมองผู้ชายที่กำลังขับรถด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เพราะการจราจรที่ติดขัดทำให้เราไม่ได้ดั่งใจสักเท่าไหร่“อืม” ผมตอบออกไปเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหน้าจ้องมองไปบนถนนด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ถ้าเป็นห่วงคนรักของนาย ไม่ต้องกังวลหรอกเธอถึงมือหมอแล้ว” สิ่งที่ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมากก็คือ ผมกับพีชไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเราเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมาเจอกัน แต่ในเวลาเร่งด่วนคนที่ช่วยผมกลับเป็นเขา“ทำไมถึงช่วย” เพราะไม่ว่าผมจะคิดยังไงหรือทางใด มันไม่มีจุดไหนเลยที่จะทำให้เขาต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคนอย่างผม เพราะว่าแม้แต่ทางด้านธุรกิจเราสองคนแทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแม้แต่น้อย หรือหากเขากำลังทำดีเพื่อการร่วมมือในอนาคตอย่างนั้นหรอ“ไม่ดีหรอ” พีชหันมามองหน้าผมพร้อมกับตอบด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท แต่ผมกลับรู้สึกว่าในสายตาของเขามีอะไรที่มากกว่านั้น“ก็แค่รู้สึกสงสาร.. แล้วก็เห็นใจนาย” ยิ่งคำพูดของเขายิ่งทำให้ผมสงสัยในเรื่องนี้เข้าไปใหญ่ ในเมื่อเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเพราะอะไรเขาถึงต้องมาสงสาร แล
ตอนที่ 34ผิดสัญญาผมที่สวมชุดสูทสีขาวกลัดดอกกุหลาบแดงที่หน้าอกข้างซ้าย สองเท้าก้าวเดินต้อนรับแขกเหรื่อที่เข้ามาในงาน ข้างกายมีสาวสวยอย่างน้องน้ำตาลที่สวมชุดราตรีปักเพชรสีเดียวกันเรียกได้ว่าทำให้เราทั้งสองคนนั้นเป็นจุดเด่นในงานครั้งนี้ถึงแม้ว่าช่วงนี้ก็มีความรู้สึกที่แปลกใจอยู่สักหน่อย ราวกับว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแต่เพราะมันคือหน้าที่ที่ผมตัดสินใจแล้ว และนี่ก็เป็นผลของการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งงานหมั้นที่ถูกจัดที่โรงแรมหรู แขกเรือที่เข้ามาในงานมีแต่คนมีอำนาจ เงินทอง และชื่อเสียง ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะเพอร์เฟกต์ไปเสียหมด แต่สำหรับผมมันก็เป็นแค่งานที่รวมคนรวยเท่านั้น“พี่เธียรยิ้มหน่อยไหมคะ ทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ขนาดนี้ ทำไมคะการที่พี่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับน้ำตาลมันดูทุกข์ขนาดนั้นเลยหรอคะ” ผมเบนหน้าไปลงเล็กน้อยมองสาวที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา น้ำตาลจ้องใบหน้าของผมพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ แต่ช่างดูเป็นรอยยิ้มที่ผมดูยังไงก็ไม่จริงใจเลยสักนิด“อย่าบังคับพี่ให้มาก” ผมตอบเพียงแค่นั้นโดยไม่ได้สนใจอะไร ก่อนจะเดินหลบมุมก่อนจะปลีกตัวออกมาด้านนอก เมื่อเห็นเป้าหมายจึงได้เดิน