หลายเดือนต่อมาชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ตอนนี้กำลังแสดงผลสองขีดนั้นทำให้พิชชานันท์ถึงกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ มันพาลทำให้คิดไปถึงคนที่จัดยาให้เธอกินขึ้นมาไม่ได้ ยาที่เขาบอกว่ามันเป็นยาคุมซึ่งเธอก็ยอมเชื่อเพราะรูปร่างยานั้นใกล้เคียงกันมากกว่าจะรู้ว่าถูกหลอกก็วันนี้ วันที่เขากำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับอิงอรในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว แต่กลับปล่อยให้เธอตั้งท้องลูกของเขา ลูกที่คงไม่มีวันเป็นทายาทโดยชอบธรรม“พรีม ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น!” เป็นเสียงของคนที่เพิ่งจะกลับเข้ามาที่เอ่ยถามขึ้น ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดอยู่ที่บางสิ่งในมือบอบบาง บางสิ่งที่มันทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเขารัว ก่อนที่ความยินดีจะค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าคม“ทำแบบนี้ทำไมคะ…” ทั้งๆ ที่อีกไม่นานเธอก็จะไปแล้ว ไปจากชีวิตที่แสนจะเพียบพร้อมของเขา แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ หรือที่ผ่านมายังเอาคืนกันไม่พอ ต้องให้เธอทรมานจนขาดใจตายไปเลยไหม เขาถึงจะรู้ว่าเธอเองก็เสียใจทิ้งเขาไป!เธอต้องทำยังไง เขาถึงจะให้อภัยกัน หรือมันจะไม่มีวันนั้นเลย หรือว่าเธอจะต้องอยู่ให้เขาเอาคืนไปจนวันตายรึไงกัน!“พี่จะไม่ขอโทษ เพราะทั้งหมดนี้พี่ตั้งใจทำ”
‘พี่ไม่เคยคิดจะปล่อยพรีมไปตั้งแต่แรก ไม่เคย ยิ่งได้รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมพรีมถึงต้องไปจากพี่ พี่ก็ยิ่งโกรธ แต่เป็นโกรธตัวเองมากกว่า ที่ตอนนั้นพี่ทำอะไรเพื่อปกป้องความรักของเราไม่ได้เลย แต่ครั้งนี้พี่จะไม่มีวันทำพลาดแบบนั้นอีก ต่อให้แม่จะไม่ยอมรับ หรือคนทั้งโลกจะไม่เข้าใจ…พี่ก็ไม่สน พี่รักพรีม แค่พรีมเท่านั้น!’ ต่อให้เหตุผลของเขาจะน่าฟังสักแค่ไหน แต่ลึกๆ ในใจแล้ว เธอกลับรู้ดีว่าตัวเองกับเขานั้น ต่างกันมากเหลือเกิน และความแตกต่างนี้เองที่มันเป็นปัญหาสำคัญ“อิงกับใบชาแอบคบกันมาห้าปีแล้ว แต่กลัวครอบครัวรับไม่ได้ เลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง พวกเขาสองคนไม่ได้ชอบผู้ชายแบบพี่ ส่วนพี่เองก็มีคนที่รักอยู่แล้ว เพราะแบบนั้นเขาสองคนถึงได้เข้าใจความรักของเรา…” นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขายอมอธิบายให้ได้รับรู้ ก่อนที่ภาพความห่วงใยที่ดูจะมากไปหน่อยของคนทั้งคู่จะลอยเข้ามาในความคิด ซึ่งก็คงเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ หลายต่อหลายครั้งที่เธอบังเอิญเห็นท่าทีที่คนทั้งสองแสดงต่อกันซึ่งมันออกจะเกินกว่าคำว่าเพื่อนไปมากตอนนั้นเธอคิดเพียงว่าพวกเขาคงสนิทกันมาก ก็เลยแสดงท่าทีแบบนั้นต่อกัน อิงอรเองก็ยังเป็นว่าที่คู่หมั้นของค
“เออ ตอบแทนที่แกอุตส่าห์พาเมียกับลูกฉันไปซ่อนไง”แม้จะไม่พอใจแต่คเชนทร์กลับทำอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องจนกระทั่งคนที่หมดสติไปนานได้สติ ท่านก็ยังเอาแต่ต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำเดิมๆ “ใจเย็นๆ ก่อนสิคุณ ไม่สงสารลูกมันบ้างเลยรึไง!” เดือดร้อนผู้เป็นสามีที่ต้องเอ่ยเตือนสติ เพราะไม่อาจทนฟังภรรยาต่อว่าลูกชายไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไหนเลยจะแม่หนูคนนั้นที่ได้แต่ยืนหลบมุมอยู่เงียบๆ ยิ่งได้มองเธอท่านก็ยิ่งรู้สึกผิด “ทำไมน้องต้องใจเย็นด้วยคะ! ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมรับผู้หญิงคนนี้อย่างเด็ดขาด! เลิกยุ่งกับเธอซะ ไม่อย่างนั้นแกกับฉันขาดกัน!” เป็นคเชนทร์ที่ได้แต่ยืนตกใจกับถ้อยคำของผู้เป็นแม่ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบอะไรท่านกลับไป เสียงทรงอำนาจของใครอีกคน ที่เพิ่งเดินทางมาถึงกลับดังขึ้นเสียก่อน “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอ!” เป็นท่านสันติที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะจ้องมองลูกสะใภ้ ด้วยสายตาเข้มจัดมากกว่าครั้งไหนๆ ใครอยากตัดขาดกับใครก็ทำไป ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องไปนั่งใส่ใจ และที่ท่านมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะอยากทำทุกอย่
“ถ้าบอกก่อนจะได้เห็นสภาพเมียแกรึไง! ดูสิผอมบางออกอย่างนี้ จะเอาแรงที่ไหนมาเบ่งหลานฉัน!” นั่นแม่ก็พูดเกินไป อันที่จริงน้ำหนักเมียเขาเข้าข่ายปกติที่สุดแล้ว แม้แต่อาหมอเจ้าของไข้ยังเอ่ยปากชมไม่หยุดเพราะแม่กับเด็กแข็งแรงดี “ไว้วันที่พรีมเขาคลอด แม่ก็เข้าไปช่วยเบ่งสิครับ เมียผมเขาจะได้มีกำลังใจคลอด” เป็นพิชชานันท์ที่แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ให้กับประโยคที่เพิ่งได้ยินจากสามี ที่เหมือนอยากจะแกล้งกันเล่นเท่านั้นแต่เผชิญเธอไม่ขำด้วย! ขืนบ้าจี้ปล่อยให้แม่เขาเข้าไปห้องคลอดด้วย เธอคงกดดันหนักจนไม่มีแรงเบ่งคลอดอย่างแน่นอน แค่คิดภาพตามก็ทนแทบไม่ไหวแล้ว ไม่เอาด้วยหรอก! เพราะไม่อยากขัดใจลูกชาย คุณสินีนาถเลยต้องอยู่ทานข้าวเย็นกับคนทั้งคู่ ก่อนจะขอตัวกลับโดยมีคเชนทร์อาสาเดินออกมาส่ง “ว่างๆ ก็พากันไปนอนที่บ้านบ้าง ปู่แกบ่นเหงาจนฉันเวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย!” ไม่ใช่แค่ตาแก่นั่นหรอกที่เหงา นางเองก็รู้สึกเหงาไม่ต่างกัน จนกระทั่งสามีกระซิบบอกบางอย่างถึงได้ถ่อมาไกลถึงที่นี่ บางสิ่งบางอย่างที่เหมือนนางจะลืมไป “กับตาคีเลิกหวังไปได้เลยคุณ ว่ามันจะยอมย้ายกลับม
“พี่ก็รักพรีมครับ จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่มีวันปล่อยมือจากกันอีก ตกลงไหม” เธอตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ต่อให้หนทางข้างหน้านับจากนี้จะไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่ตั้งใจ แต่เธอก็พร้อมแล้วที่จะผ่านมันไปพร้อมกับเขา ขอแค่มีเขา ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่กลัวอีกแล้วในวันนี้ เพราะมีเขา เธอถึงได้รู้คุณค่าของชีวิต และอยากมีวันพรุ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้อยู่กับเขา อยู่กับลูกของเรา ทั้งหมดนี้คือสิ่งมีค่าที่เธอหวงแหนมากกว่าอะไรทั้งหมด แค่เขาเท่านั้นที่เธอรัก และจะรักเขาไปแบบนี้อีกนานเท่านาน ชั่วนิจนิรันดร์“หลบไปๆ บอกให้หลบไปไง!”เสียงร้องตะโกนที่ดังก้องมาแต่ไกลนั้น ทำให้คเชนทร์วัยสิบแปดปีต้องขยับตัวหลบตามสัญชาตญาณ ทว่าทันทีที่เขาทำแบบนั้น รถจักรยานคันเก่าสีแดง ที่มีร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนปั่นอยู่ก็เตลิดเข้าข้างทางอย่างแรง ส่งผลให้เจ้าของเสียงเมื่อครู่ล้มกลิ้งไปพร้อมๆ พร้อมกับจักรยานคู่ใจ“เจ็บไหมครับ มาพี่ช่วย” แม้จะไม่อยากตอบรับการช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ แต่กระนั้นฝ่ามือน้อยๆ ของพิชชานันท์ก็ยื่นออกไป ก
เสียงร้องครางกระเส่าที่ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องบนเตียงคิงไซค์ภายในคอนโดหรู ยิ่งทำให้คเชนทร์รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่วันไหน เจ้าของเรือนร่างนี้ก็ยังคงทำให้เขาติดใจอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน มีแค่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่ทำแบบนี้ ได้ แค่เธอเท่านั้นที่ทำให้เขาทั้งรักและโกรธในเวลาเดียวกัน “อื้อพี่คราม เบาหน่อย พรีมเจ็บนะคะ” ชื่อเล่นที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่ชอบเรียกดังขึ้นเบาๆ ยามเมื่อคนใต้ร่างเริ่มรู้สึกได้ถึงแรงขยับโยกที่รุนแรงขึ้น ซึ่งแบบนี้มันไม่ใช่เขาคนเก่าที่เธอเคยรู้จักเลย ไม่ใกล้กับพี่ชายใจดีคนนั้นเลยสักนิด! “อดทนหน่อยสิ พี่ซื้อพรีมมาตั้งแพง ขอถอนทุนคืนหน่อยจะเป็นไร”เป็นอีกครั้งแล้วที่คำพูดของเขาทำเธอเจ็บ แต่ถึงจะเจ็บเจียนตายสักแค่ไหน หน้าที่ของเธอก็มีแค่ต้องอดทน อดทนต่อทุกสิ่งที่เขาสร้างขึ้น เพื่อหวังอยากจะเห็นเธอต้องทุกข์ทรมาน เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งเธอเคยทำให้เขารู้สึก อีกเพียงหกเดือนเท่านั้นพรีม เธอก็จะได้เป็นอิสระแล้ว! หญิงสาวได้แต่ร้องบอกกับตัวเองในใจ เวลาตามข้อตกลงใกล้จะถึงที่สิ้นสุดแล้ว เพรา
“ถ้าอยากขายก็มาขายให้พี่ เดี๋ยวจะช่วยซื้อขาดให้เอาบุญ!” สามปีกับเงินสองล้าน เธอยอมแลกเพราะอยากให้น้องชายได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนจะได้ไม่จากไปเหมือนอย่างที่แม่เป็น ซึ่งต่อให้วันนั้นจะไม่ใช่เขา เธอก็ยังคิดที่จะขายให้ใครสักคนที่พร้อมจ่ายอยู่ดี เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอเลยตกลง เพราะอย่างน้อยมันก็ยังเป็นเขา ไม่ใช่ผู้ชายที่ไหนก็ได้! ปัจจุบัน ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าชีวิต หญิงสาวเลยได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชีของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งเธอเพิ่งจะรู้ก่อนหน้านี้เพียงไม่นานว่าเป็นบริษัทของเพื่อนเขา จึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจำต้องตื่นนอนแต่เช้า ทว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะต่างไปจากทุกวัน คือเช้านี้มีใครอีกคนชับรถมาหากันถึงที่ ใครบางคน ที่ก็มักจะมาโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้เสมอๆ “ลืมของเหรอคะ”คเชนทร์เลือกที่จะไม่ตอบ แต่เลือกที่จะเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้องแทน สายตาที่กำลังจ้องมองคนตรงหน้าอยู่นั้น มันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกชัดเจนบางอย่าง “ต่อไปนี้พี่จะย้ายมาอยู่ที่นี่ พอดีคอนโดที่อยู่กำลังเตือเติมเพื่อต้อนว่าที่เ
“ใจลอยไปถึงไหนแล้ว ทะเลาะกับผู้ชายคนนั้นมารึไง” หากเป็นเมื่อก่อนพะพายคงเรียกขายอีกคนว่าพี่ได้อย่างเต็มปาก แต่เพราะตอนนี้สถานะของอีกฝ่ายกับตนเองนั้นมันได้เปลี่ยนไปแล้ว สรรพนามห่างเหินนี้ถึงได้ถูกมาแทนที่ในที่สุด “ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย” มองลงมาจากนอกโลกยังรู้เลยว่าเรื่องที่พี่กำลังคิดอยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องงาน “ผมขอโทษ…”เป็นคำขอโทษนี้เองที่มันทำให้พิชชานันท์ต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาน้องชาย ซึ่งเป็นคนสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิตของเธอที่เหลืออยู่ ลองไม่มีพะพายสักคนหนึ่งแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองมันจะยังมีความหมายแบบนี้ไหม อย่างน้อยถ้าน้องยังอยู่ เธอก็ยังมีคนให้คอยคิดถึง ไม่ต้องรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียวบนโลก ที่เต็มไปด้วยความเรื่องราวมากมายที่มีทั้งดีและร้าย “มาขอโทษเรื่องอะไร พายไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นสิ่งที่เกินกำลังจะควบคุม เพราะรู้แบบนั้นเธอจึงไม่โทษน้อง ออกจะเห็นใจเสียด้วยซ้ำเพราะพะพายอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้น แต่กลับต้องมาเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น แทนที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเชกเช่นเ
“พี่ก็รักพรีมครับ จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่มีวันปล่อยมือจากกันอีก ตกลงไหม” เธอตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ต่อให้หนทางข้างหน้านับจากนี้จะไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่ตั้งใจ แต่เธอก็พร้อมแล้วที่จะผ่านมันไปพร้อมกับเขา ขอแค่มีเขา ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่กลัวอีกแล้วในวันนี้ เพราะมีเขา เธอถึงได้รู้คุณค่าของชีวิต และอยากมีวันพรุ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้อยู่กับเขา อยู่กับลูกของเรา ทั้งหมดนี้คือสิ่งมีค่าที่เธอหวงแหนมากกว่าอะไรทั้งหมด แค่เขาเท่านั้นที่เธอรัก และจะรักเขาไปแบบนี้อีกนานเท่านาน ชั่วนิจนิรันดร์“หลบไปๆ บอกให้หลบไปไง!”เสียงร้องตะโกนที่ดังก้องมาแต่ไกลนั้น ทำให้คเชนทร์วัยสิบแปดปีต้องขยับตัวหลบตามสัญชาตญาณ ทว่าทันทีที่เขาทำแบบนั้น รถจักรยานคันเก่าสีแดง ที่มีร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนปั่นอยู่ก็เตลิดเข้าข้างทางอย่างแรง ส่งผลให้เจ้าของเสียงเมื่อครู่ล้มกลิ้งไปพร้อมๆ พร้อมกับจักรยานคู่ใจ“เจ็บไหมครับ มาพี่ช่วย” แม้จะไม่อยากตอบรับการช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ แต่กระนั้นฝ่ามือน้อยๆ ของพิชชานันท์ก็ยื่นออกไป ก
“ถ้าบอกก่อนจะได้เห็นสภาพเมียแกรึไง! ดูสิผอมบางออกอย่างนี้ จะเอาแรงที่ไหนมาเบ่งหลานฉัน!” นั่นแม่ก็พูดเกินไป อันที่จริงน้ำหนักเมียเขาเข้าข่ายปกติที่สุดแล้ว แม้แต่อาหมอเจ้าของไข้ยังเอ่ยปากชมไม่หยุดเพราะแม่กับเด็กแข็งแรงดี “ไว้วันที่พรีมเขาคลอด แม่ก็เข้าไปช่วยเบ่งสิครับ เมียผมเขาจะได้มีกำลังใจคลอด” เป็นพิชชานันท์ที่แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ให้กับประโยคที่เพิ่งได้ยินจากสามี ที่เหมือนอยากจะแกล้งกันเล่นเท่านั้นแต่เผชิญเธอไม่ขำด้วย! ขืนบ้าจี้ปล่อยให้แม่เขาเข้าไปห้องคลอดด้วย เธอคงกดดันหนักจนไม่มีแรงเบ่งคลอดอย่างแน่นอน แค่คิดภาพตามก็ทนแทบไม่ไหวแล้ว ไม่เอาด้วยหรอก! เพราะไม่อยากขัดใจลูกชาย คุณสินีนาถเลยต้องอยู่ทานข้าวเย็นกับคนทั้งคู่ ก่อนจะขอตัวกลับโดยมีคเชนทร์อาสาเดินออกมาส่ง “ว่างๆ ก็พากันไปนอนที่บ้านบ้าง ปู่แกบ่นเหงาจนฉันเวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย!” ไม่ใช่แค่ตาแก่นั่นหรอกที่เหงา นางเองก็รู้สึกเหงาไม่ต่างกัน จนกระทั่งสามีกระซิบบอกบางอย่างถึงได้ถ่อมาไกลถึงที่นี่ บางสิ่งบางอย่างที่เหมือนนางจะลืมไป “กับตาคีเลิกหวังไปได้เลยคุณ ว่ามันจะยอมย้ายกลับม
“เออ ตอบแทนที่แกอุตส่าห์พาเมียกับลูกฉันไปซ่อนไง”แม้จะไม่พอใจแต่คเชนทร์กลับทำอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องจนกระทั่งคนที่หมดสติไปนานได้สติ ท่านก็ยังเอาแต่ต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำเดิมๆ “ใจเย็นๆ ก่อนสิคุณ ไม่สงสารลูกมันบ้างเลยรึไง!” เดือดร้อนผู้เป็นสามีที่ต้องเอ่ยเตือนสติ เพราะไม่อาจทนฟังภรรยาต่อว่าลูกชายไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไหนเลยจะแม่หนูคนนั้นที่ได้แต่ยืนหลบมุมอยู่เงียบๆ ยิ่งได้มองเธอท่านก็ยิ่งรู้สึกผิด “ทำไมน้องต้องใจเย็นด้วยคะ! ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมรับผู้หญิงคนนี้อย่างเด็ดขาด! เลิกยุ่งกับเธอซะ ไม่อย่างนั้นแกกับฉันขาดกัน!” เป็นคเชนทร์ที่ได้แต่ยืนตกใจกับถ้อยคำของผู้เป็นแม่ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบอะไรท่านกลับไป เสียงทรงอำนาจของใครอีกคน ที่เพิ่งเดินทางมาถึงกลับดังขึ้นเสียก่อน “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอ!” เป็นท่านสันติที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะจ้องมองลูกสะใภ้ ด้วยสายตาเข้มจัดมากกว่าครั้งไหนๆ ใครอยากตัดขาดกับใครก็ทำไป ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องไปนั่งใส่ใจ และที่ท่านมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะอยากทำทุกอย่
‘พี่ไม่เคยคิดจะปล่อยพรีมไปตั้งแต่แรก ไม่เคย ยิ่งได้รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมพรีมถึงต้องไปจากพี่ พี่ก็ยิ่งโกรธ แต่เป็นโกรธตัวเองมากกว่า ที่ตอนนั้นพี่ทำอะไรเพื่อปกป้องความรักของเราไม่ได้เลย แต่ครั้งนี้พี่จะไม่มีวันทำพลาดแบบนั้นอีก ต่อให้แม่จะไม่ยอมรับ หรือคนทั้งโลกจะไม่เข้าใจ…พี่ก็ไม่สน พี่รักพรีม แค่พรีมเท่านั้น!’ ต่อให้เหตุผลของเขาจะน่าฟังสักแค่ไหน แต่ลึกๆ ในใจแล้ว เธอกลับรู้ดีว่าตัวเองกับเขานั้น ต่างกันมากเหลือเกิน และความแตกต่างนี้เองที่มันเป็นปัญหาสำคัญ“อิงกับใบชาแอบคบกันมาห้าปีแล้ว แต่กลัวครอบครัวรับไม่ได้ เลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง พวกเขาสองคนไม่ได้ชอบผู้ชายแบบพี่ ส่วนพี่เองก็มีคนที่รักอยู่แล้ว เพราะแบบนั้นเขาสองคนถึงได้เข้าใจความรักของเรา…” นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขายอมอธิบายให้ได้รับรู้ ก่อนที่ภาพความห่วงใยที่ดูจะมากไปหน่อยของคนทั้งคู่จะลอยเข้ามาในความคิด ซึ่งก็คงเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ หลายต่อหลายครั้งที่เธอบังเอิญเห็นท่าทีที่คนทั้งสองแสดงต่อกันซึ่งมันออกจะเกินกว่าคำว่าเพื่อนไปมากตอนนั้นเธอคิดเพียงว่าพวกเขาคงสนิทกันมาก ก็เลยแสดงท่าทีแบบนั้นต่อกัน อิงอรเองก็ยังเป็นว่าที่คู่หมั้นของค
หลายเดือนต่อมาชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ตอนนี้กำลังแสดงผลสองขีดนั้นทำให้พิชชานันท์ถึงกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ มันพาลทำให้คิดไปถึงคนที่จัดยาให้เธอกินขึ้นมาไม่ได้ ยาที่เขาบอกว่ามันเป็นยาคุมซึ่งเธอก็ยอมเชื่อเพราะรูปร่างยานั้นใกล้เคียงกันมากกว่าจะรู้ว่าถูกหลอกก็วันนี้ วันที่เขากำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับอิงอรในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว แต่กลับปล่อยให้เธอตั้งท้องลูกของเขา ลูกที่คงไม่มีวันเป็นทายาทโดยชอบธรรม“พรีม ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น!” เป็นเสียงของคนที่เพิ่งจะกลับเข้ามาที่เอ่ยถามขึ้น ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดอยู่ที่บางสิ่งในมือบอบบาง บางสิ่งที่มันทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเขารัว ก่อนที่ความยินดีจะค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าคม“ทำแบบนี้ทำไมคะ…” ทั้งๆ ที่อีกไม่นานเธอก็จะไปแล้ว ไปจากชีวิตที่แสนจะเพียบพร้อมของเขา แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ หรือที่ผ่านมายังเอาคืนกันไม่พอ ต้องให้เธอทรมานจนขาดใจตายไปเลยไหม เขาถึงจะรู้ว่าเธอเองก็เสียใจทิ้งเขาไป!เธอต้องทำยังไง เขาถึงจะให้อภัยกัน หรือมันจะไม่มีวันนั้นเลย หรือว่าเธอจะต้องอยู่ให้เขาเอาคืนไปจนวันตายรึไงกัน!“พี่จะไม่ขอโทษ เพราะทั้งหมดนี้พี่ตั้งใจทำ”
“อากาศดีจังเลยนะคะวันนี้”ทว่าความสงบสุขกลับอยู่กับเธอแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังถามกันขึ้นมาจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน แต่เป็นอิงอรที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา พร้อมเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายถือติดไม้ติดมือมาเผื่อ“ขอบคุณค่ะคุณอิง” ซึ่งเธอก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปรับพร้อมคำขอบคุณเบาๆ ต่อน้ำตาที่อีกฝ่ายมอบให้กัน พร้อมกันนั้นก็ยังเหลือบมองอีกฝ่าย อย่างตั้งใจมากกว่าเดิมอีกเล็กน้อยผู้หญิงคนนี้เป็นคนน่ารักมาก หากพี่ครามของเธอได้อยุ่ด้วยก็คงจะมีแต่ความสุข ยิ่งได้มาเห็นก็ยิ่งรู้สึกสบายใจขึ้นที่หากต้องปล่อยมือจากเขาอีกครั้งเขาจะมีคนน่ารักอยู่เคียงข้างส่วนเธอก็คงใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป แต่ก็คงไม่คิดที่จะรักใครคนไหนอีกแล้ว เพราะทั้งใจ เธอมอบให้คนเพียงคนเดียวไปจนหมดแล้วและไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ ทิ้งให้กับใครอีก“อิงอยากเจอคุณพรีมมานานแล้วนะคะ แต่พี่ครามไม่ยอมพามาให้เจอสักที” เธอไม่กล้าถามว่าอีกฝ่ายอยากเจอเธอทำไม จึงทำได้เพียงปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันต่อไป“นี่อิง…ทำให้คุณพรีมรู้สึกอึดอัดรึเปล่าคะ”“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะคุณอิง! พรีมก็แค่…ไม่รู้จะทำตัวยังไ
“พรุ่งนี้พี่กับหนูอิงเราจะไปดำน้ำกัน เขาให้พี่มาชวนพรีมไปด้วย” ชื่อของคนที่เรื่องราวของฝ่ายนั้นยังว่ายวนอยู่ในหัวทำให้พิชชานันท์ตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องของเธอ “คุณอิง…รู้เรื่องของพรีมเหรอคะ” ถ้ารู้จริงแล้วรู้แค่ไหน เหตุใดเขาจึงปล่อยให้คน ที่กำลังจะกลายมาเป็นคู่ชีวิตรู้เรื่องนี้ “พี่กับหนูอิง เราไม่มีความลับต่อกัน ไปนะ ไปกันหลายคนน่าสนุกดี”คงมีแค่เขากับคนของเขาล่ะมั้งที่น่าจะสนุก ต่างจากเธอที่ไม่อยากไปไหนทั้งนั้นนอกจากกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้เป็นอิสระจากคนใจร้ายอย่างเขา “พรีม…ขอไม่ไปได้ไหมคะ” มีไม่กี่หนหรอกที่เธอจะกล้าเอ่ยปากขอ และก็หวังว่าในครั้งนี้เขาจะยอมเข้าใจกันบ้าง หรืออย่างน้อยๆ ถ้าไม่เห็นแก่เธอ ก็ควรจะเห็นแก่คนของตัวเองบ้าง “ไม่ได้ เพราะพี่จองทริปเผื่อเราทุกคนเอาไว้แล้ว” ในเมื่อเขาจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วแบบนี้ จะมาถามเธอเพื่ออะไร เพราะสุดท้าย เธอก็ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้เลยอยู่ดี ตลอดการเดินทางกลับไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นอีกเลยจนกระทั่งมาถึงที่พัก คเชนทร์ก็ไม่รีรอที่จ
แม้ใจจะไม่อยากมา แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ไม่อาจขัดใจคนเอาแต่ใจตัวเองได้อยู่ดี สุดท้ายก็ต้องขึ้นเครื่องบินมาภูเก็ตกับเขาแต่เช้า จนกระทั่งเมื่อถึงที่หมายเขาก็สั่งให้คนสนิทขับรถเช่าพาเธอมาพักผ่อนที่โรงแรม ในขณะที่ตัวเขานั้นที่อีกที่ที่ต้องไปต่อ พอแอบเข้าไปดูในไอจีของเขาก็ต้องพบเข้ากับรูปคู่ที่เขาเพิ่งจะลง พร้อมกับแท็กใครอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ กัน ‘วันสำคัญ กับคนสำคัญ…’ ข้อความนี้แน่นอน ที่มันทำให้เธอเจ็บจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ยิ่งได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงที่กำลังจะได้เป็นภรรยาของเขาแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเหมาะสมที่เธอไม่เคยมี กระทั่งไปค้นหาประวัติของอีกฝ่าย เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างตัวเอง กับเธอคนนั้นได้อย่างชัดเจนขึ้น อิงอร ทายาทคนรองของตระกูลดังที่บิดาเป็นถึงท่านทูต ในขณะที่แม่นั้นในอดีตเคยเป็นดาราชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศ นั่นยังไม่รวมไปถึงต้นตอของตระกูลที่สิบเชื้อสายเจ้า ถึงตรงนี้เธอพอจะนึกสีหน้าของแม่เขาออกอยู่บ้าง ว่าท่านคงมีความสุขมากแน่ๆ ที่จะได้สะใภ้ที่แสนจะเพียบพร้อมไปหมดในทุกๆ ด้าน มาให้กับลูกชายคนเล็กที่
“พี่ดีใจนะ ที่พรีมรู้จุดยืนของตัวเอง” เธอต้องรู้สิ ในเมื่อเป็นเขานั่นแหละ ที่แสดงให้เห็นชัดขึ้นทุกวัน ว่าสำหรับเขาแล้ว เธอก็เป็นได่พียงเครื่องระบายความต้องการทางเพศเท่านั้น ไม่ใช่คนสำคัญในชีวิต ที่เขาอยากจะให้เป็นคนสุดท้ายอีกแล้ว“พรีมแค่อยากเห็นพี่ครามมีความสุขค่ะ” เธอขอแค่นี้เท่านั้น แค่เขามีความสุขกับเส้นทางที่เลือก เธอก็พอใจแล้ว“ถ้าต้องการแบบนั้นจริงก็ไปกับพี่สิ เผื่อเวลาพี่เบื่อหรือเหนื่อยกับการจัดเตรียมงาน พรีมจะได้ ‘ช่วย’ ทำให้พี่ผ่อนคลายไง!” เมื่อเขาออกคำสั่งกันโดยตรงออกมาแบบนั้นแล้ว คนที่ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อรองสิ่งใดได้เลยอย่างเธอจะทำอะไรได้อีก นอกจากยอมตกลงกลับไปเงียบๆ ก่อนที่จะถูกเขาช้อนอุ้มจนตัวลอยเมื่อคนตรงหน้าเริ่มรู้สึกอยากทวงของรางวัลที่เขาช่วยยื้อชีวิตน้องชายเธอ ให้อยู่รอดจนถึงทุกวันนี้“พี่ชอบจังเลย เวลาที่พรีมน่ารักแถมยังว่าง่ายแบบนี้” และยิ่งจะรู้สึกชอบไปกันใหญ่ เวลาที่ได้เห็นความโศกเศร้าในแววตาเรียบเฉยคู่นี้ แม้มันจะแค่ครู่เดียวก็รู้สึกสะใจที่ได้เห็นชายหนุ่มคิดกับตัวเอง ก่อนจะก้มลงจูบเรียวปากสวยเมื่อคนใต้ร่างเลือกที่จะเงียบ จูบที่ในวันนี้มันไม