บทที่ 4.1 ถูกจับคู่พอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แม้ว่าฐากูรจะอาสาไปส่งแต่หล่อนก็ปฏิเสธแล้วนั่งรถสองแถวกลับมาเอง แค่ให้เขาเลี้ยงข้าวก็เกรงใจจะแย่ อย่าให้ถึงขั้นต้องมาส่งกันถึงที่เลย เมื่อกลับมาถึงก็เดินเข้าข้างในตามปกติ เจอแม่เลี้ยงและอรอุมากำลังนั่งดูโทรทัศน์กันอย่างสนุกสนาน“แม่หายไข้แล้วเหรอคะ”เธอถามอย่างแปลกใจ เพิ่งจะบ่ายกว่า ๆ เท่านั้นเอง นึกว่ากลับมาถึงจะต้องทำข้าวต้มให้กินและป้อนยาต่อเสียอีก“ดีขึ้นแล้วน่ะ ว่าแต่ทางแกล่ะเป็นไง พ่อเลี้ยงเขาดูสนใจแกมั้ย”“พ่อเลี้ยง?”หญิงสาวทวนคำ ท่าทีของอรอนงค์ที่มีต่อเธอดูเปลี่ยนไปจากเมื่อเช้าราวกับคนละคน“แม่หมายถึงคุณฐากูรเหรอคะ”“ใช่ ๆ เขาเป็นไงบ้าง ดูดีเลยใช่มั้ยล่ะ”“ก็ดูดีค่ะ ดูเด็กกว่าที่คิดด้วย ไหนแม่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่ที่แม่เคารพ แต่เขาดูเด็กกว่าแม่มากเลยนะคะ”เธออดถามเรื่องนี้ไม่ได้ด้วยยังคาใจ“ก็เขามีฐานะร่ำรวย อิทธิพลของเขากว้างใหญ่ไปทั้งจังหวัดเชียวนะ กิจการในครอบครองมีจนเอานิ้วเราสามคนมานับก็ยังไม่หมด ใครได้แต่งงานด้วยคงสบายไปทั้งชาติ”“แล้วไงคะ แม่มีนัดกับเขาไม่ใช่เหรอ หรือแม่จะแต่งงานใหม่?”ความคิดของเธอเรียกฝ่ามือจากอรอนงค
บทที่ 4.2 ถูกจับคู่“ถึงแล้วครับพ่อเลี้ยง”ปณิธานจอดรถแล้วลงมาเปิดประตูให้ ชายหนุ่มเป็นคนไม่ชอบให้ใครติดตามเยอะเวลาไปไหนมาไหนก็เลยมีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ขนาดนี้ฐากูรเดินเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่เคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มเพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนเคร่งขรึมเหมือนเสือยิ้มยาก คนส่วนใหญ่เลยเลือกจะถอยห่างมากกว่าด้วยกลัวว่าหากเผลอทำอะไรไม่ถูกใจ เสือตัวนี้อาจหันมาแว้งกัดได้เสมอ คนตัวสูงเลี้ยวเข้าไปในห้องรับประทานอาหารตามที่แม่บ้านผายมือเชื้อเชิญเข้าไป“เชิญค่ะพ่อเลี้ยง”“จริง ๆ เหรอคะ คุณแม่ยังคุยสนุกเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย”เสียงหวานใสที่ได้ยินทำเอาพ่อเลี้ยงชะงักฝีเท้า เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปทีละก้าวช้า ๆ ราวกับคนตื่นกลัวบางสิ่ง“หนูก็เหมือนกัน ยังน่ารักเหมือน...อ้าว ตาทิม มาแล้วเหรอ เข้ามาสิ”“พี่ทิม!”ฐิติมากวักมือเรียกลูกชาย ขณะที่หญิงสาวอีกคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของเขาตรงโต๊ะอาหารหันมามองพร้อมส่งยิ้มกว้าง บนโต๊ะมีกระเช้าผลไม้ที่มารดาของเขาชอบทานเป็นพิเศษวางอยู่ด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนหอบเอามาให้“ผมขอตัวกลับเลยแล้วกัน ที่นี่อากาศไม่ค่อยดี”“หยุดเดี๋ยวนี้นะ
บทที่ 5.1 ไม่มีทางเลือกกว่าอาหารมื้อที่แสนอึดอัดนี้จะจบลง ฐากูรต้องพยายามข่มอารมณ์ตนเองเป็นอย่างมากเมื่อวิเวียนเอาแต่ออดอ้อนมารดาของเขา การกระทำของเธอจะทำให้ผู้เป็นแม่อยากจับคู่ให้ชายหนุ่มและหล่อนอีกครั้ง"ทิมไปส่งน้องหน่อยสิลูก มืดค่ำขนาดนี้แล้วจะให้กลับบ้านคนเดียวก็อันตรายนะ"ฐิติมาเปิดประเด็นเมื่อเดินมาส่งลูกชายขึ้นรถที่หน้าบ้าน"ตอนมาเธอก็มาเองได้ ตอนกลับก็ควรจะกลับเองได้สิครับ ผมมีธุระต้องรีบไปต่อ ขอตัวแล้วกัน สวัสดีครับคุณแม่"พ่อเลี้ยงตัดบท ไม่แยแสหรือสนใจอะไรในตัววิเวียนทั้งสิ้น ปณิธานรีบตรงเข้ามาเปิดประตูรถให้กับเจ้านาย"เดี๋ยวสิตาทิม แล้วน้องล่ะ ตาทิม!""ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ หนูกลับเองได้ค่ะ พี่ทิมคงยังโกรธหนูอยู่ ไว้หนูจะหาทางปรับความเข้าใจกับเขาเองนะคะ"วิเวียนห้ามมารดาไว้ เธอไม่คิดว่าการใช้วิธีให้อีกฝ่ายถูกบังคับจากผู้เป็นแม่จะได้ผลพ่อเลี้ยงไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ออกคำสั่งให้ปณิธานขับรถไปทันที จนเมื่อออกจากตัวบ้านมาได้เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรอนงค์ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้มารดากำลังคิดอะไรอยู่ และแน่นอนว่าชายหนุ่มต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ฐากูรไม่ต้องการจะมีความ
บทที่ 5.2 ไม่มีทางเลือก"แกกล้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร ฉันเลี้ยงดูแกมาอย่างดีหลังจากที่พ่อของแกเสีย ใช่สิ ตอนนี้พ่อของแกไม่ได้อยู่คุ้มกะลาหัวฉันแล้ว แกก็คงไม่สนใจว่าฉันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร หรือว่าบ้านหลังนี้...จะต้องถูกขายทิ้งกันนะ"เมื่อเห็นว่าใช้วิธีตัดพ้อไป สีหน้าของหญิงสาวก็ยังคงนิ่งเฉยไม่คิดจะยอมทำตามที่ต้องการ ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนด้วยการเอาจุดอ่อนของหล่อนมาอ้างมธุรารักและหวงบ้านหลังนี้มากแค่ไหน อรอนงค์รู้ดีที่สุดเพราะมันคือบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำของบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดหญิงสาวนั่นเอง"แม่จะขายบ้านหรือคะ""ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ หรือแกจะปล่อยให้ฉันตายเพื่อรักษาบ้านหลังนี้กันล่ะ ทางออกเดียวถ้าแกไม่อยากเสียบ้านหลังนี้ไปก็คือ...แกต้องไปอยู่กับพ่อเลี้ยง"มือเล็กกำเป็นหมัดแน่น เธอรู้ตัวดีว่าแม่เลี้ยงกำลังบีบบังคับทุกทางเพื่อให้หล่อนจำยอม วินาทีนี้ไม่รู้แล้วว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไรดี สิ่งเดียวที่หญิงสาวรับรู้คือเธอจะไม่ยอมเสียบ้านของพ่อไปอย่างเด็ดขาด"หนูต้องไปอยู่กับเขาในฐานะอะไรคะ""ก็แล้วแต่เขา เขาว่าจะให้แกเป็นแม่บ้านหรือเป็นอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ แต่แกไม่ต้องห่วงหรอกนะ ลึก
บทที่ 6.1 สัญญาจ้างเมื่อถึงวันนัดส่งตัวเธอให้กับพ่อเลี้ยง อีกฝ่ายส่งรถคันหรูมารับถึงหน้าบ้าน ทั้งอรอนงค์และอรอุมาต่างก็มายืนส่งหล่อนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยที่แสร้งทำ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังบ้านหลังนี้ที่อยู่มาตั้งแต่เกิดด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างน้อยก็รักษาเอาไว้ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว.."พี่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันสัญญาว่าจะดูแลแม่เป็นอย่างดี แล้วก็จะรีบเรียนให้จบ จะได้หาเงินมาช่วยดูแลครอบครัวของเราบ้าง"อรอุมาพูดดีด้วยเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ คนของพ่อเลี้ยงเปิดประตูรถรออยู่แล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ให้โอกาสเธอได้ร่ำลาครอบครัวต่างสายเลือดทั้งสองคน“แกไม่ต้องห่วงนะ พ่อเลี้ยงเขาใจดี จะต้องเลี้ยงดูอุ้มชูแกแน่นอน”“ค่ะแม่”จำใจตอบรับกลับไปทั้งที่การยอมในครั้งนี้มันเกิดจากความจำใจล้วน ๆ อรอนงค์เข้ามากอดลาเมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวต้องขึ้นรถเสียที เธอหันมามองหน้าแม่เลี้ยงและน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย คำสัญญาที่ให้ไว้กับบิดา...เธอทำดีที่สุดได้เท่านี้จริง ๆสองแม่ลูกรอจนมธุราขึ้นรถขับหายไป รอยยิ้มร้ายกาจก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า เผยธาตุแท้ให้กันและกันได้เห็น ด้วยแท้จริงแล้วทั้งคู่ไม่เคยนึกเสียใจกับการเสียสละของหล่อน
บทที่ 6.2 สัญญาจ้าง“คุณแม่ของฉันพยายามจับคู่ฉันให้กับคนที่ฉันไม่สนใจ”“อย่างนี้นี่เอง เพราะแบบนั้น คุณเลยเปลี่ยนใจรับฉันมาแทนหนี้ทั้งหมด เพราะอยากจะให้ฉันช่วยทำให้คุณแม่ของคุณเปลี่ยนใจ หรือไม่ก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกพยายามใช่มั้ยคะ”คนตัวสูงพยักหน้า ไม่อยากเชื่อเลยว่าท่าทางดุดันเป็นเสือยิ้มยากอย่างนี้จะยังถูกแม่บังคับเรื่องชีวิตคู่ได้ด้วย“ถ้าผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวเมื่อไหร่ เธอต้องทำทุกวิถีทางให้ฝ่ายนั้นยอมแพ้และล้มเลิกความคิดที่มีเกี่ยวกับฉันมั้งหมดให้ได้”“คุณเกลียดเธอหรือคะ”หล่อนโพล่งถามออกไป เรื่องแบบนี้แค่ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาก็น่าจะได้แล้วแท้ ๆ แต่เขากลับลงทุนยอมเสียเงินสามแสนเพื่ออะไรอย่างนี้ มันดูเป็นการลงทุนที่มากเกินไปเสียหน่อย“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ระยะเวลาในการจ้างอยู่ที่หนึ่งปี ฉันจะมีเงินเดือนให้แลกกับข้อสัญญาเพียงข้อเดียวเท่านั้นคือ...”“...”“ภายในสามร้อยหกสิบห้าวันนับจากนี้...เธอเป็นของฉัน”เสียงทุ้มเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดูคุ้มและสมน้ำสมเนื้อ ดีอยู่ตรงที่หล่อนจะได้เงินเดือนด้วยแม้ว่าจะหักลบกลบหนี้สามแสนไปแล้วก็ตาม เพียงแต่คำว่า......เป็นของเขามั
บทที่ 7.1 เธอเป็นของฉัน“ระ...เราต้องนอนห้องเดียวกันด้วยเหรอคะ”กว่าจะทำใจให้สงบกับคำพูดของเขาได้ก็ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร แม่บ้านขนกระเป๋าของเธอมาส่งที่ห้องของชายหนุ่มทำให้มธุราได้รู้ว่าจะต้องนอนด้วยกันกับเขาอีกนิดเดียวเธอจะได้กลายเป็นผีเกาะหลังเขาแล้วนะ ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดกันทุกย่างก้าวขนาดนี้“ลืมแล้วเหรอว่าตลอดหนึ่งปีหลังจากนี้เธอเป็นของฉัน เอาเสื้อผ้าไปเก็บ”เขาตอบสั้น ๆ ชี้นิ้วไปทางโซนห้องแต่งตัวซึ่งจัดแบ่งตู้บางส่วนไว้ให้กับเธอแล้ว ก็รู้อยู่หรอกว่าพ่อเลี้ยงคงไม่สนใจผู้หญิงผอมแห้งไร้เสน่ห์อย่างหล่อน แต่ให้นอนข้าง ๆ ผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้ทุกวัน......คนที่ลำบากมันคือเธอเสียมากกว่ากลายเป็นมธุรานั่นแหละต้องมาคอยหักห้ามใจไม่ให้หวั่นไหว ปกติเข้าใกล้เพศตรงข้ามมากสุดก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์ ทว่าครั้งนี้จะได้นอนด้วยกันเชียวนะ ไม่มีทางที่หญิงสาวจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้อย่างเด็ดขาด“แล้วเรื่องนอนบนเตียง...”“คิดอะไร นั่นที่ของเธอ”คนตัวสูงดีดหน้าผากเธอดังเป๊าะ ก่อนชี้ไปยังโซฟาข้างเตียงซึ่งมีหมอนกับผ้าห่มถูกวางเอาไว้ให้ หมายความว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้คิดจะให้มธุรานอนเตียงเดียวกับเขาแต่แรก
บทที่ 7.2 เธอเป็นของฉันตั้งแต่มาถึงหล่อนปล่อยไก่ทำตัวโบ๊ะบ๊ะใส่เขาไปกี่รอบแล้วเนี่ยระ..เรื่องเวอร์จิ้นก็ยังไม่ทันได้เคลียร์เลยนะ...“ตั้งสติแล้วเก็บข้าวของให้เรียบร้อย จะได้ลงไปกินมื้อเที่ยง ฉันจะให้คนพาเธอทัวร์รอบบ้านเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง”พูดจบก็เดินออกไปเลย บอกตามตรงว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังอ่านความคิดเขาไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านิสัยแท้จริงของอีกฝ่ายเป็นคนใจดีหรือใจร้ายอย่างในข่าวลือกันแน่เขาทำตัวน่าค้นหาและอันตรายไปพร้อม ๆ กันมื้อเย็นผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแม้จะนั่งกินกับพ่อเลี้ยงอยู่แค่สองคนก็ตาม การมาอยู่ของเธอสร้างความตกตะลึงให้กับคนงานในบ้านทุกคนของเขาเป็นอย่างมาก ด้วยชายหนุ่มไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านมาสามปีแล้ว จนทุกคนถอดใจกันหมดว่าฐากูรคงจะอยู่เป็นโสดไปชั่วชีวิต มธุราจึงได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากคนของเขามธุรากลับขึ้นห้องมาในตอนสี่ทุ่มด้วยมัวแต่เดินชมสวนของคฤหาสน์ ปกติหล่อนเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้อยู่แล้ว ก็เลยค่อนข้างชอบสวนของเขาเป็นพิเศษ ทำเอาเดินเล่นเสียจนลืมเวลาเมื่อเข้ามาในห้องกลับพบว่าปิดไฟจนมืดสนิทแล้ว เหลือเพียงโคมไฟเล็ก ๆ ตรงโ
ตอนพิเศษ ของขวัญที่แสนพิเศษหลายปีต่อมา…“เอ้า ดื่ม!”เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาผู้ชายขี้เมาดังขึ้น ธีรภัทร์ชูแก้วเหล้าไปตรงหน้าเพื่อนทั้งสี่คน ที่นัดมาดื่มสังสรรค์กันที่บ้านด้วยตัวเขาเองไม่อยากจะออกไปดื่มกินที่ไหน“พวกเราต้องกินให้เต็มที่นะเว้ย เพราะตั้งแต่ไอ้ภีมแต่งงานมีเมียเนี่ย มันเหมือนพระเข้าไปทุกวัน นอนเร็ว งดเที่ยว จนเพื่อนฝูงแทบจะจำหน้ามันไม่ได้แล้ว”เสียงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานดังขึ้นอีกครั้ง“ถามจริงเถอะครับไอ้คุณภีม เมียเด็กของมึงนี่ โหดมากเหรอวะ มึงถึงได้ทำตัวเป็นลูกเสือแรกเกิดอยู่ในโอวาทเมียเสียเหลือเกิน”เสียงแซวของกันต์เพื่อนรักดังขึ้นอีกหน“มึงเมาก็กลับบ้านไปนอนไป”ธีรภัทร์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วดื่มพรวดลงคอ ตั้งแต่มาถึงบ้านแต่ละคนไม่หยุดล้อเลียนเขาเรื่องเขมมิกาเลย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบสายตาจับผิดของพวกเพื่อน ๆ“มองอะไรกัน กูไม่ได้กลัวเมีย”“พวกกูก็ไม่ได้พูดสักคำว่ามึงกลัวเมีย”เหมือนจะร้อนตัวรีบบอกออกไป แต่นั่นกลายเป็นว่าเขายอมรับแล้วสินะว่าเขามันคนกลัวเมีย“กู…”ไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอไป เมื่อร่างบางระหงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ใบหน้าของเ
บทที่ 30 จบบริบูรณ์ NCอาการของเขมมิกาดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักตามร่างกาย มีเพียงร่องรอยฟกช้ำเท่านั้น อีกทั้งได้บุรุษพยาบาลดีทำให้สภาพจิตใจของเธอเองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกันก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพอเป็นพิธี ก่อนที่ร่างสูงสง่าของเจ้าสัวธนาจะเดินเข้ามา ในมือของท่านมีกระเช้าของเยี่ยมติดมือไปมาด้วย มากไปกว่านั้นใบหน้าเกรงขามดุดันเวลานี้กลับประดับไปด้วยรอยยิ้มใจดีสองคู่รักหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก ธีรภัทร์ถึงขั้นขยี้ตาตัวเองด้วยไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นบิดาที่นี่“สวัสดีค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ ภาพจำในคืนดินเนอร์ยังตราตรึงไม่หาย ก็จะให้ลืมง่าย ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของว่าที่สามีทำหล่อนร้องไห้กลับบ้าน แถมนั่งน้ำตาแตกนานอยู่หลายชั่วโมง“เป็นยังไงบ้าง”เจ้าสัวธนาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะข้างเตียง เอ่ยถามด้วยใบหน้าปกติอย่างที่สุด ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางแคลงใจกันมาก่อน“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ”เขมมิกาตอบพลางชำเลืองสายตามองคนตัวสูงด้านข้าง“พักให้หายดีก่อน แล้วค่อยกลับ ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวพ่อจ่ายเอง”“คะ?”พะ พ่ออย
บทที่ 29 พี่มาช่วยแล้ว“กรี๊ด!!!”เสียงกรีดร้องของเขมมิกาดังขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสองคนกระโจนเข้ามาแล้วลากเธอกลับขึ้นไปบนเตียง หมายจะปลุกปล้ำทำลายเธอ ที่ตรงมุมห้องหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าเดินจากไปแล้วกำลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอ“ปล่อยนะ ปล่อยนะไอ้พวกชั่ว ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”เขมมิกาพยายามปัดป้องไม่ให้ไอ้พวกคนชั่วข่มเหงเธอได้ ปากเล็กตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย เวลานี้ในสถานที่แบบนี้ใครกันจะมาช่วยเธอได้ น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลพรากอาบสองแก้มบวมช้ำ ในใจคิดถึงแต่หน้าชายคนรัก‘พี่ภีมขา ช่วยขิมด้วย..’แควก! แควก!“กรี๊ด!!! ปล่อยนะ ปล่อย!”เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นจากการถูกกระชากดังขึ้น พร้อมเสียงกรีดร้องของเขมมิกา มือเล็กยกขึ้นปกปิดส่วนสงวนของตนเอง ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนสุดขีด เขมมิกาถดกายไปจนสุดขอบเตียงนอน แผ่นหลังเล็กแนบไปกับฝาบ้าน ดวงตากลมโตสั่นระริกส่ายหน้าไปมางันงก ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อนทำไมมนุษย์ถึงต่ำช้ากับมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ…หนึ่งในชายโฉด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยกมือข้างที่ถือเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของหญิงสาวขึ้นมาสูดดมก่
บทที่ 28 แม่นกต่อ 2“ขิมขับเข้าไปอีกหน่อยนะลูก ห้องพักของแม่อยู่ในซอยข้างหน้านี้แหละจ้ะ”เอมอรชี้ไปที่ปากทางเข้าซอยเล็กแคบ ที่ดูยังไงรถของเธอก็เข้าไปไม่ได้“รถขิมน่าจะเข้าไปไม่ได้นะคะ ซอยเล็กขนาดนี้ เราคงต้องลงเดินแล้วล่ะค่ะ”เขมมิกาจอดรถตรงปากทางเข้า หล่อนชะโงกหน้ามองถนนเล็กน้อย ตรงนี้มันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ก่อนจะหันมามองมารดาที่เริ่มเมาได้ที่ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองทางเข้าซอยอีกครั้งปล่อยแม่เดินกลับเข้าบ้านไปตามลำพังคงจะไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในใจก็คิดไปถึงการหาที่อยู่ใหม่ให้ผู้เป็นแม่ หญิงสาวตัดสินใจดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะประคองร่างหนักอึ้งของมารดาออกมา“ไหวมั้ยคะ แม่ระวังหัวค่ะ ค่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวขิมไปส่งที่บ้านนะ”“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกลูก กลับไปพักเถอะ อีกนิดเดียวเอง แม่เดินไปเองได้”เอมอรยกมือโบก ทำท่าจะดันร่างเล็กของลูกสาวออก ก่อนจะขาอ่อนแรงเดือดร้อนเขมมิกาต้องรีบประคองช่วย พาหิ้วปีกเดินเข้าซอยเล็กอย่างทุลักทุเล ข้างหน้ามีแสงไฟสลัว ๆ จากหลอดไฟนีออนของบ้านคน เดินไปอีกนิดก็เจอสะพานไม้เก่าข้ามคูคลอง ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยแตะจมูก สภา
บทที่ 27 แม่นกต่อ 1“เอางี้ดีกว่า แม่ไม่อยากคลาดกับขิมอีก เดี๋ยวแม่นั่งรอแถว ๆ นี้ก็ได้ หรือถ้าขิมกลัวอายคนอื่นเดี๋ยวแม่ไปนั่งรอตรงป้ายรถเมล์ก็ได้นะลูก ดะ.. ดูนี่สิ แม่เพิ่งได้ค่าแรงมา วันนี้ให้แม่ได้เลี้ยงข้าวลูกสักมื้อเถอะนะ”เอมอรล้วงเงินในกระเป๋าผ้าออกมานับรวมเหรียญแล้วได้เงินสามร้อยหกสิบแปดบาท ซึ่งเป็นค่าแรงที่หล่อนบอกว่า แบ่งเก็บไว้จากการทำงานสามวัน ใบหน้าอิดโรยพยายามยิ้มกว้างอวดเงินในมืออย่างภาคภูมิใจ“ก็ได้ค่ะ แต่แม่รอตรงป้ายรถเมล์หรือรอตรงนี้ไม่ได้หรอก อากาศร้อนแบบนี้ได้เป็นลมเป็นแล้งกันพอดี ฝั่งโน้นมีร้านสปา ขิมว่าแม่ไปนอนรอให้เขานวดตัวให้สักสามชั่วโมงดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันนี้ขิมจะขอลาหัวหน้าขอกลับก่อน บ่ายสามเดี๋ยวขิมไปรับนะคะ หรือถ้าแม่หิวแม่หาอะไรรองท้องก่อนได้เลยนะคะ”“อื้อ ได้ ๆ เอาตามนี้ละกัน”เอมอรพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกสาว เขมมิกาหยิบธนบัตรจากกระเป๋าเงินส่งให้ผู้เป็นแม่สองพันเงินจำนวนนี้ทำเอมอรตาลุกวาว ในใจก็เริ่มคิดว่าบางทีเขมมิกาก็อาจช่วยให้หล่อนไม่ลำบากได้เช่นกันคล้อยหลังเขมมิกา เอมอรก็ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมาก่อนจะพิมพ์ข้อความรายงานความคื
บทที่ 26 สารภาพรัก 2 NC“พี่รักขิมนะ”เสียงทุ้มกระซิบบอกรักซ้ำ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตามากมายไหลอาบสองแก้มแดงเรื่อ ธีรภัทร์ก้มลงจูบซับสองเปลือกตาอย่างรักใคร่“พี่ภีมรักขิมจริง ๆ หรือคะ”เพราะเขาไม่เคยบอก และเธอก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำคำนี้ออกจากปากชายหนุ่ม ผู้ชายที่ตั้งกำแพงความสัมพันธ์ตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่“ถ้าไม่จริงพี่คงไม่พาเธอไปเปิดตัวกับคุณพ่อ และก็คงไม่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะเลือกเธอ”การกระทำของเขาสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ถึงแม้จะรู้แบบนั้น แต่เขมมิกาก็อยากจะได้รับคำยืนยันจากปากของเขาอยู่ดี“พี่รักขิม”“…”“รักขิมคนเดียว”ธีรภัทร์โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดกันและกัน เขมมิกาหลับตาพริ้มปล่อยตัวปล่อยใจรับจูบอ่อนหวานจากเขา เรียวลิ้นสากชำแรกเข้ามาในโพรงปากเล็ก วงแขนแข็งแรงกอดรัดเอวบางแนบแน่น มือข้างหนึ่งบีบขยำเต้าอวบหนักสลับเบาปลุกเร้าอารมณ์คนในอ้อมกอด ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อทั้งหมด ก่อนจะสอดมือไปปลดตะขอบราเซียและเปลื้องทุกอย่างออกในคราเดียวกัน นิ้วโป้งบีบบี้เม็ดทับทิมสีเรื่อจนเขมมิกาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ส่งเสียงค
บทที่ 25 สารภาพรัก 1“ไหน ๆ ก็ตัดชุดให้คนอื่นใส่มานักต่อนักแล้ว หาเวลาว่างตัดชุดให้ตัวเองบ้างสิ”หลังจากบนโต๊ะอาหารเงียบไปหลายอึดใจ เจ้าสัวธนาก็เริ่มชวนคริมาพูดคุยอีกครั้ง“คะ?”“ภีม ช่วงนี้งานที่บริษัทก็ไม่ค่อยยุ่งแล้ว มีเวลาก็ไปวัดตัวให้เรียบร้อย กว่าจะถึงฤกษ์ที่ซินแสให้มาก็อีกหลายเดือน หนูครีมรอได้ใช่ไหมลูก”“คุณพ่อครับ!!”ธีรภัทร์ปรายสายตาไปทางบิดาเมื่อรู้ความหมายในสิ่งที่เจ้าสัวต้องการสื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านจะใช้วิธีนี้มามัดมือชก มือข้างหนึ่งของเขากุมมือเขมมิกาแน่น“หรือว่าช้าไป จันพรุ่งนี้เธอนัดซินแสให้เข้ามาพบฉันหน่อย หนุ่มสาวสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว หนูครีมอย่า...”เพล้ง!เมื่อบิดาไม่คิดไว้หน้ากัน ความอดทนอดกลั้นก็จบลง ธีรภัทร์ปัดแก้วน้ำลงพื้น เสียงของมันดังพอที่จะทำให้ทุกคนหยุดพูดและหันมามอง“ลุกขึ้น!”เขาใช้มือข้างที่กุมมือเขมมิกากระตุกรั้งให้หญิงสาวลุกขึ้นยืน“พี่ภีมคะ”ท่าทีแบบนี้ของเขาไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น ทว่าก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เคยมี เขมมิการู้ดีว่าเวลานี้อารมณ์ของเขาถึงจุดเดือดแล้ว นอกจากห้ามปรามไม่ได้ เธอยังต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกันกับเขาอีกด้วยธีรภัทร์กระชากแขนเล็ก
บทที่ 24 แขกคนสำคัญคฤหาสน์ที่ปรากฏตรงเบื้องหน้าใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะตระกูลที่มั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของประเทศ เขมมิกายืนนิ่งไม่ไหวติง รอให้ธีรภัทร์ก้าวลงจากรถมาหยุดยืนเคียงข้างกัน มือใหญ่หงายฝ่ามือออกให้เธอได้จับ พร้อมพยักหน้าให้กำลังใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเหงื่อชื้นของฝ่ามือเล็ก“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”เขาบีบมือหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะพาเขมมิกาเดินเคียงคู่เข้าบ้านไปด้วยกันขาเรียวสั่นเล็กน้อยขณะก้าวผ่านพ้นประตูบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับคนละโลกกับที่เธอมา หน้าเล็กแหงนขึ้นเล็กน้อยมองแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะแสงระยิบระยับจากคริสตัลนับพันกระทบนัยน์ตาจนแทบพร่าเลือนนี่บ้านคนหรือวังกันแน่...หญิงสาวกระตุกเกร็งเล็กน้อยเมื่อหันสายตาไปสบกับพวกแม่บ้านที่ยืนรอต้อนรับชายหนุ่ม เขาคงรับรู้ได้ถึงความประหม่าของเขมมิกาเมื่อฝ่ามือหนาบีบแน่นขึ้นจนเธอต้องเงยหน้ามองเขา“ไม่ต้องกลัวนะขิม มีพี่อยู่ด้วย”“ค่ะ พี่ภีม”เขาใช้มืออีกข้างซับเม็ดเหงื่อบนจมูกเล็กให้ ก่อนจะพาหญิงสาวไปยังชั้นสองของบ้าน ด้วยเวลานี้บิดาของเขามักจะขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานก๊อกๆ ก๊อกๆ“เข้ามา”เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของเสียงทรงอำนาจ ชายหนุ่มก็เปิดปร
บทที่ 23 เงินสำคัญกว่า“กะ แกเป็นแม่ของเขมมิกาเหรอ”คริมาจิกหัวถามซ้ำด้วยไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นหล่อนก็ไม่มีอะไรต้องคลางแคลงใจ“ใช่จ้ะ ฉันเนี่ยแหละ แม่ของเขมมิกา”แหงล่ะ ลูกสาวที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มันจะมีแม่ที่มีสภาพเป็นนางฟ้านางสวรรค์ได้อย่างไรล่ะ“คุณจันบอกให้ฉันมาหาคุณที่นี่ คุณจะให้เงินฉันหากฉันบอกว่าตัวเองเป็นใคร”เอมอรรีบพูดถึงเรื่องเงินทันที คริมาแสยะยิ้มดูถูก กอดอกมองสภาพน่าสมเพชของอีกฝ่าย“แกทำงานอะไร”“เอ่อ… ฉันไม่ได้ทำงานมาหลายปีแล้วจ้ะ”ตั้งแต่เลิกรากับสามีใหม่อย่างชัยณรงค์ เอมอรก็ถูกเตะกลับมายังประเทศไทย หล่อนเร่ร่อนไม่ได้ทำงานทำการเป็นหลักแหล่ง นอกจากรับจ้างล้างจานตามร้านอาหารตามสั่งโต้รุ่ง กวาดถนน ได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ตัวเองมีเงินซื้อข้าวครบสามมื้อ......และซื้อเหล้า“แล้วได้ติดต่อกับลูกสาวบ้างหรือเปล่า”“ไม่ได้ติดต่อเลยจ้ะ ฉันไม่ได้ติดต่อกับยัยขิมมาหลายปีแล้ว”เอมอรรีบส่ายหน้า เรื่องลูกสาวถือเป็นของแสลงที่หล่อนไม่อยากยุ่งเกี่ยว กลัวว่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ“แสดงว่าแกคงไม่รู้เลยสินะ ว่าตอนนี้ลูกส