เมื่อกรรวีถูกมนต์พยัคฆ์ออกปากไล่ เธอจึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง แต่กลับถูกมนต์สิงหารั้งมือของเธอไว้
“ช่วยพี่เสือด้วยนะลูกกวาง..แม่ขอร้องละ”
“ไม่นะแม่ผมไม่อยากให้ยายเด็กนี่ช่วยผม..โอ๊ย!แม่...ผมปวดท้อง!”
มนต์พยัคฆ์เอ่ยแทรกและร้องลั่น นั่นจึงเป็นเหตุให้วาสุกรีทนไม่ไหว..เขาจึงตวาดใส่พี่ชายออกไปเสียงดัง...
“หุบปาก! แกไปเลยนะไอ้เเสือ..แกไม่นึกถึงตัวเองก็ให้นึกถึงแม่บ้าง..จะตายห่าอยู่รอมร่อแล้วยังมาแอ็คอยู่ได้...”
ซึ่งไม่เคยมีใครเห็นอารมณ์นี้ของวาสุกรีบ่อยนัก เพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์เย็น...แต่คนอารมณ์เย็นแบบนี้เวลาร้ายขึ้นมาอาจจะน่ากลัวไม่น้อยไปกว่า คนที่อารมณ์ร้อนแบบคนเป็นพี่ชายก็ว่าได้
แต่เป็นเพราะวาสุกรีเห็นสีหน้าของมารดา และดูก็รู้ว่าท่านเครียดมากแค่ไหน...เขาจึงทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้
“ก็ดีเหมือนกันนะพี่จงอาง...หากพี่เสือตายซะได้..เราก็จะเหลือตัวหารมรดกน้อยหน่อยไง....”
หนุ่มอารมณ์ดีประจำบ้านอย่างหนุมาน ก็เอ่ยเข้าข้างพี่ชายคนกลางตามมาด้วยอีกคน...
ไม่ว่าจะเรื่องคอขาดบาดตายแค่ไหน คนอย่างหนุมานก็สามารถทำให้ตลกไปได้เช่นเดียวกัน
“นั่นสิ...ตายศพไม่สวยด้วยนะ ผับก็ไม่ได้เที่ยว...หญิงก็ไม่ได้เอา..เหล้าก็ไม่ได้แดก..ไอ้เสือสิ้นลายเสียแล้วเว้ยเฮ้ย!”
อีกคนรับอีกคนส่ง เข้าขากันดีจริงๆ เลยไอ้พี่น้องคู่นี้...
มนต์สิงห์ส่ายหน้าอย่างรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ..เมื่อนึกย้อนไปถึงเมื่อตอนที่คบหากับพ่อของเจ้าพวกนี้ใหม่ๆ ในตอนที่ธรากรเคยขอให้เธอมีลูกให้เขาหลายๆ คน...ฮึ...แค่ไอ้สามตัวนี่ก็ต้องไล่ตามจับตัวกันจนปวดหัว ทำเอาหญิงสาวเข็ดจนไม่กล้ามีลูก เพราะกลัวจะได้ลูกชายซนๆ มาอีกคน จนได้กรรวีมาเลี้ยงเป็นลูกและถูกอกถูกใจนักหนา แต่กลับกลายเป็นลูกอิจฉาซะอย่างงั้น
กรรีวีกลั้นขำ...อารมณ์น้อยใจเมื่อครู่นี้ได้หายไป...เพราะคำพูดของพี่ชายทั้งสองคน
“โอ๊ย!แม่ผมปวดเหมือนจะตาย...ผมยอมแล้วก็ได้ครับ...”
มนต์พยัคฆ์ร้องครวญคราง...พลางกลืนน้ำลายตัวเองอย่างคนที่ยอมแพ้ให้แก่อีกฝ่ายได้ง่ายๆ ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่เหตุผลของทุกคนที่พูดมา แต่เป็นเพราะสายตาของมารดาที่มองเขามาด้วยห่วงใย
“ถ้าเธอรักษาฉันไม่หายนะ...ฉันฆ่าเธอตายแน่ ยายเด็กขยะ!”
ก็นะ...นี่ขนาดใกล้ตายแท้ๆ...ยังมีแก่ใจพูดให้กรรวีรู้สึกเสียใจได้อีก...
ฮึ...ปากหมาแบบนี้...เธอควรช่วยเขาหรือเสกอัดของเน่าเข้าไปให้อีกทีดีละ...
“เราต้องพาคุณเสือกลับบ้านก่อนค่ะแม่...แต่ถ้าคุณเสือแหกปากร้องโวยวายขนาดนี้ หมอคงไม่ให้ออกจากโรงพยาบาลแน่ๆ ”
“ให้พี่ช่วยฟาดปากมันให้ดีไหมล่ะลูกกวาง”
วาสุกรีเสนอตัว..ถึงแม้จะเขาอ่อนกว่าพี่ชาย แต่เขาก็ไม่เคยกลัวมนต์พยัคฆ์ และไม่เคยเรียกพี่นำหน้าเลยสักที...ก็ดูมันทำตัวสิ..น่าเรียกพี่เสียที่ไหนกัน
“ดีค่ะพี่งู..หรืออีกทีก็ขอเข็มหมอมาเย็บปากไว้...แหกปากเสียงดังขนาดนี้กวางคงไม่มีสมาธิ” หญิงสาวเอ่ยรับคำวาสุกรีพี่ชายเพราะรู้สึกหมั่นไส้คนป่วยที่ขี้โวยวายเสียมากกว่า
“ไอ้เชี่ย.โอ๊ย!..ไอ้จงอาง..ไอ้สัดงูดิน...โอ๊ย!..ยายเด็กบ้า ยัยขยะ..โอ๊ย! สัดเอ้ย!ไมปวดขนาดนี้วะ!..”
มนต์พยัคฆ์สบถด่าวาสุกรีและลามมาที่กรรวีอย่างหยาบคาย
ด่าไปร้องไปด้วยนั่นแหละ ดูแล้วก็ยังไม่น่าจะหมดฤทธิ์ไปเสียทีเดียว…
“ลูกกวาง...พาแม่ไปนั่งที่โซฟาที..แม่จะเป็นลม”
“พี่งู พี่ลิง..คุณเสือ..อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะคะ....”
กรรวีเอ่ยขอร้องพี่ชาย...ขณะเข้าไปประคองมนต์สิงหา ก่อนที่พวกเขาจะทำให้มารดาป่วยตามไปด้วยอีกคน
เสียงของผู้ให้กำเนิด และท่าทางยืนเซ ๆ นั่นทำให้ลูกชายทั้งสองเงียบเสียงลง และรีบช่วยกันประคองมารดาพาไปนั่งที่โซฟามุมห้อง ส่วนคนป่วยก็ยังคงนอนบิดตัวงอและส่งเสียงร้องด่าทอออกมาไม่หยุด
คนบ้า!หยาบคาย!..ร้ายกาจที่สุด!
กรรวีเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงอย่างรู้สึกรำคาญและพาลหงุดหงิด..นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่บอกว่าเกลียดเธอมาก
“หากคุณเสือไม่อยากเห็นหน้ากวาง...ก็หลับตาเสียนะคะ”
“.........”
“หลับตาลงสิคะ...” เธอย้ำคำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เมื่ออีกคนมองหน้าเธอเหมือนกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ หรือเพิ่งเคยเห็นกันเป็นครั้งแรก...
ก็เพิ่งเห็นกันจริง ๆ นั่นแหละ เพราะเมื่อกรรวีมีอายุได้สิบสองปี เธอก็ขอไปอยู่กับยายของเขาที่เพชรบุรี ระยะเวลาหกปีที่ไม่ได้เจอหน้ากัน นั่นเป็นเพราะมนต์พยัคฆ์ได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา...และเพิ่งจะกลับมาก่อนหน้านั้นยังไม่ทันครบสามปี หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน เปลี่ยนเด็กคนนี้ไปได้มากถึงขนาดนั้นเชียว
มนต์พยัคฆ์กระพริบตาถี่...เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาได้มองหน้ากรรวีใกล้กันมากถึงขนาดนี้เลย...ถึงตอนนี้เจ้าตัวคงใกล้จบมอปลายแล้วละมั้ง...โตเป็นสาวน้อยที่ไม่ใช่เด็กกระโปโลเหมือนแต่ก่อน
แพขนตางอนหนา..ล้อมกรอบดวงตากลมโตสีน้ำตาลเป็นประกายระยิบระยับ...แบบนี้สินะที่เขาเรียกกันว่าสวยเหมือนกับตากวาง
ใบหน้าและรูปร่าง ที่เขาเห็นแต่ละครั้งมันเปลี่ยนจากเด็กแบเบาะเติบโตจนเป็นสาวแรกรุ่น...ซึ่งเขาเกลียดเด็กคนนี้มาก มากจนไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาจนถึงบัดนี้..แต่กลับต้องให้เด็กนี่มาช่วยชีวิตของตัวเองนี่นะ...มันแสนจะทุเรศฉิบหายเลยให้ตายเถอะ...
“ถ้าไม่หลับตา ก็อ้าปากสิคะ”
เสียงของหญิงสาวทำให้เจ้าของร่างใหญ่ที่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ทำตามเธออย่างว่าง่าย...
คนที่เหลือยืนมองดูการกระทำของกรรวีด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ..และไม่คาดคิดว่าเธอที่มีอายุเพียงแค่นี้จะทำได้
ไม่มีใครเห็นว่าของที่กรรวีได้ส่งเข้าไปในโพรงปากของมนต์พยัคฆ์นั่นมาจากไหน แม้กระทั่งคนที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุด...
และคนที่กำลังกินมันเข้าไป...ไม่กล้าแม้แต่จะคายมันทิ้งอีกด้วยนั่นแหละ…
ของที่กรรวียัดเข้าปากของมนต์พยัคฆ์มันมีลักษณะคล้ายกับลูกกวาด...ซึ่งมีรสชาติเฝื่อนๆ ฝาด ๆ ติดจะเปรี้ยวนิดหน่อย ต่อเมื่อค่อยๆ กลืนมันลงไปในร่างกาย อาการที่กำลังปวดเหมือนมีใครมาบิดไส้ ก็ค่อยๆ หายไปในที่สุดราวกับปาฏิหาริย์...ไม่ใช่ฝัน!...รึเปล่าวะ?...บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้คนเราพิศวงได้อีกไหม...ถ้าไม่พิสูจน์ทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแบบเขาเนี่ย..“มันก็แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นค่ะ...ไม่ใช่ตลอดไป”เธอเอ่ยกับชายหนุ่มเมื่อเห็นสีหน้าของเขาดูดีขึ้น..ซึ่งอีกฝ่ายก็เงียบเสียงของตัวเองลงไป เหมือนรอให้เธอพูดกับเขาต่อจากนั้น“หลับตาพักก่อนนะคะ...หากมองหน้ากวางมาก ๆ อาจทำให้คุณเสืออาการแย่ลง”มนต์พยัคฆ์สะอึก...ก่อนสะบัดหน้าหันไปอีกทางเมื่อถูกหญิงสาวจับได้ว่า เขาเอาแต่มองหน้าเธอไม่วางตา...ก็คนมันอึ้งนี่หว่า..ไม่ได้พิศวาสอะไรนักหนาหรอก...เฮอะ!“แม่คะ เราพาคุณเสือกลับบ้านกันเถอะค่ะ...ผลไม้เสกของหลวงตา คงระงับได้เพียงแค่ชั่วคราว เราต้องรีบกันแล้ว”“เดี๋ยวนะ.. ลูกกวาง...พี่สงสัยว่ะ....พี่ขอถามเราสักสามข้อได้ไหม ”หนุมานเอ่ยถามกรรวีขึ้นมา เมื่อเห็นมารดาออกจากห้องไปทำเรื่องของมนต์พยัคฆ์ เพื่อให้เจ้าต
และใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น...แล้วมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่าง เหมือนที่พี่ชายของเธอต้องการจะให้มันเป็น...“เฮ้ย!!”สองพี่น้องอุทานออกมาพร้อมกันเสียงหลง มองหน้ากันแบบงงๆ...วันนี้พวกเขา เฮ้ย! ไปกี่ทีแล้ววะเนี่ยวาสุกรียืนทื่อ..ก่อนยกมือขึ้นตบข้างแก้มตัวเองเพื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝัน..เพราะว่าไอ้ที่อยู่ในอุ้งมือของน้องชายนั่นมันคือหลักฐานให้เห็นกันชัดๆ ด้วยตาเนื้อรึเปล่า!...มันใช่นะ!..ใช่ไหมวะ...เออ...สมองของเขากำลัง ERROR รวนไปแล้ว...ต้องรีเซตระบบใหม่ทั้งหมดก็คราวนี้แหละมั้ง...หนุมานอยากให้พี่ชายตบกบาลเขาบ้างแต่ไม่กล้า เพราะกลัวว่า ฝ่ามือของพี่ชายอาจทำให้สมองของเขาเตลิดออกไปแล้วหาทางกลับไม่เจอนี่นะสิ..มันจะยุ่งกันใหญ่“วันนี้ผมไม่ไปกองถ่ายแล้วนะพี่งู ผมจะอยู่กับลูกกวางให้น้องมันสอนวิชาให้ดีกว่า ผมว่านะ...อยู่กับหลวงตาน้องต้องมีอะไรดีมากกว่านี้แน่เลย พี่ว่าไหม”“จะว่าห่าอะไรละ...คิดเหมือนแกแหละ วันนี้พี่ไม่เข้าบริษัทแล้วว่ะ... ช่างแม่ง! ป่ะ เราตามลูกกวางไปดีกว่า...เดินออกจากห้องไปแล้วนั่น เดี๋ยวไม่ทัน...”สองพี่น้องเดินตามกรรวีออกไปโดยไม่สนใจอีกคน ที่ทำหน้าเหรอหราอยู่บนเตีย
“โอ๊ย!!..""เสือ!เป็นยังไงบ้างลูก!""ผมปวดท้อง...แม่!...ช่วยผมด้วยครับ”เสียงร้องโอดโอยโวยวายของผู้ชาย ที่กรรวีได้ยินมาจากด้านนอก บอกเลยว่ามันดังมากจนทะลุกำแพงห้องของเธอเข้ามาถึงด้านใน…เสียงของผู้ชายร้ายกาจคนนั้น...ซึ่งเธอก็ไม่อยากจะได้ยินมันสักเท่าไหร่เธอกำลังฝันร้ายอยู่ใช่ไหม...ลูกกวาง?“เสือ”นั่นคือชื่อของเขา...จะเป็นจะตายยังไง...เธอก็ไม่อยากจะสนใจ...ถึงแม้ไม่เห็นหน้าแต่แค่ได้ยินเสียงของเขา ก็ทำเอากรรวีรู้สึกขนลุกขนพอง......เป็นอะไรนักหนาถึงได้ร้องโวยวายลั่นบ้านขนาดนั้นกันล่ะ..ก็นะ...ปกติไม่มีอะไรก็ชอบทำเสียงใหญ่อยู่แล้วเหอะ!ผ่านมาหลายปี...ความรู้สึกเกลียดที่มีต่อเธอจะเจือจางลงบ้างหรือเปล่า...กรรวีไม่อยากประจันหน้ากับเขาเลยให้ตาย!..“วอก...บอกให้ลุงหมึกเอารถออก...รีบพาพี่เสือไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะลูก”เสียงของมนต์สิงหาผู้เป็นมารดาเอ่ยกับลูกชายคนสุดท้อง ขณะกำลังประคองลูกชายคนโตออกมาจากห้อง และกำลังจะพาเขาลงบันไดไปที่ชั้นล่าง แต่ลูกชายคนโตกลับทรุดตัวลงนั่งอาเจียนอยู่ตรงนั้นซึ่งดูจากอาการที่กำลังเป็น...มันน่าจะรุนแรงจนยาสามัญประจำบ้านเอาไม่อยู่แล้วนั่นแหละ“ผมพาไปเองดีกว่าคร
กรรวีมองสบตากับมนต์สิงหาด้วยความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน...คนเป็นมารดาถึงกับหน้าถอดสี...ก่อนปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังวิ่งก้าวขึ้นบันไดของลูกชายคนสุดท้อง... จากนั้นจึงช่วยกันพยุงร่างของลูกชายคนโตขึ้นรถ...แล้วรีบนำเขาส่งโรงพยาบาล ด้วยเกรงว่าจะไม่ทันการเพราะเวลานี้เจ้าตัวไม่มีแรงแม้จะทรงตัวยืนเองได้เลยกรรวียืนมองท้ายรถที่กำลังแล่นออกไปอย่างรู้สึกเป็นกังวล...เมื่อมองเห็นลมที่กำลังพัดผ่านบริเวณหน้าบ้านเริ่มกรรโชกหนัก...หลังจากนั้นสักพักก็พัดเอาเมฆฝนดำทะมึนลอยมาราวกับสั่งได้...และเธอค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนต์พยัคฆ์นั้น...มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ...“พี่ลิงคะ..หมอบอกว่าอาการของคุณเสือเป็นอย่างไรบ้างคะ?”กรรวีโทรถามอาการของมนต์พยัคฆ์เอากับหนุมาน...เมื่อเวลาผ่านไปนานถึงสองชั่วโมง แต่ยังไม่มีใครส่งข่าวสารมาให้เธอได้รู้บ้างเลย….ความจริงแล้วกรรวีก็ใช่ว่าจะสนใจ แต่ที่ถามไปนั่นมันก็แค่ตามมารยาทเท่านั้น..เพราะทุกคนในครอบครัวของเขา ต่างก็มีบุญคุณกับหญิงสาวมากมาย...และเธอเองก็ไม่ต้องการทำให้ทุกคนต้องมาทนลำบากใจ(“หมอเอ็กซ์เรย์ดูภายในแล้วบอกว่าไม่มีอ
เมื่อกรรวีไปถึงโรงพยาบาล ก็ได้พบกับวาสุกรีพี่ชายคนกลาง ที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของคนไข้วาสุกรีเพิ่งมาถึง...เขาจึงพยักหน้ารับเมื่อเห็นกรรวียกมือขึ้นไหว้ขณะที่เดินเข้ามาหา...พี่ชายคนกลางอ้าแขนออกกว้าง..พลางโอบกอดร่างบางอย่างถือวิสาสะ...และฉวยจังหวะนั้นกดจูบหน้าผากของน้องสาวด้วยความเร็วปานแสงจุ๊บ!“งื้อออ.พี่งูแกล้ง!นี่มันโรงพยาบาลนะคะ...แล้วลูกกวางก็โตเป็นสาวแล้วด้วย” กรรวีเงยหน้าขึ้นโวยวายใส่วาสุกรี ก่อนขืนตัวเอาไว้เมื่อเห็นพี่ชายก้มหน้าลงมาแล้วทำท่าจะจูบซ้ำ“พี่ทำกับน้องแบบนี้มันผิดด้วยเหรอวะ..แล้วอันไหนที่เรียกว่าโต...หัวเนี่ยเหรอ” เขาว่ายิ้มๆ...ก่อนจะคลายวงแขนออกให้ แล้วเปลี่ยนเป็นเลื่อนมือขึ้นไปวางไว้บนหัวของน้องสาว จากนั้นจึงจับโยกไปมาเบาๆ ราวกับว่ามันคือของเล่น..“พี่งูแกล้ง...ลูกกวางจะไม่มาให้เห็นหน้าอีกแล้ว”ริมฝีปากบนของหญิงสาวเชิดขึ้นเกือบถึงปลายจมูกโด่งเล็กตอนว่าออกไป ก่อนค้อนใส่พี่ชายคนกลางอย่างมีแง่งอนตอนหมุนตัวเดินหนี แต่ถูกวาสุกรีคว้าข้อมือเอาไว้ได้หมับ!“มานี่เลย..จะไปไหน...เดี๋ยวนี้พี่กอดนิดหอมหน่อยไม่ได้หรือไง..งอนพี่จริงเหรอ”“จริง!”“แล้วทำยังไงจะหายงอนพี่ละหื้ม”
มนต์สิงหาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เป็นเหตุให้ทุกคนในที่นี่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองลงไป ก่อนมีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาแทนที่รวมไปถึงคนแกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงคนป่วยนี้ด้วยอีกคน….มนต์พยัคฆ์คิดคนเดียวในใจว่า...เขาโดนของอย่างงั้นเหรอ ของที่ว่านี่สมัยนี้มันยังมีอยู่จริงใช่ไหม..แล้วใครมันช่างกล้าทำใส่เขาวะ..ห่าเอ้ย!อย่าให้กูรู้นะว่าใคร...จะเหยียบให้ตายคาตีนแม่งเลย...สัด!กรรวียืนฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอะไรออกมาเลยสักนิด เธอคิดไว้แล้วว่าต้องใช่ ตอนอยู่ที่วัดใครต่อใครต่างก็มาขอให้หลวงตาของเธอแก้ให้...ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนเล่นของแบบนี้อยู่ทั่วไป แต่แค่ไม่มีใครรู้เท่านั้นเองการทำคุณไสย์ใส่กันมันเป็นการฆ่าคนโดยใช้วิธีสกปรก ถึงแม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ก็ผิดกฎแห่งกรรมอย่างรุนแรงสายมูตัวแม่อย่างมนต์สิงหา ย่อมรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่เคยคิดว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเธอได้ ในเมื่อมันได้เกิดขึ้นกับคนเป็นลูกชาย คนเป็นแม่ก็ต้องหาทางแก้ไขให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปให้ได้...ส่วนคนเป็นพ่อของเจ้าพวกนี้ก็ไม่อยู่ช่วยเสียด้วยสิ ธรากรต้องไปดูงานของสาขาที่อยู่ในต
และใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น...แล้วมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่าง เหมือนที่พี่ชายของเธอต้องการจะให้มันเป็น...“เฮ้ย!!”สองพี่น้องอุทานออกมาพร้อมกันเสียงหลง มองหน้ากันแบบงงๆ...วันนี้พวกเขา เฮ้ย! ไปกี่ทีแล้ววะเนี่ยวาสุกรียืนทื่อ..ก่อนยกมือขึ้นตบข้างแก้มตัวเองเพื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝัน..เพราะว่าไอ้ที่อยู่ในอุ้งมือของน้องชายนั่นมันคือหลักฐานให้เห็นกันชัดๆ ด้วยตาเนื้อรึเปล่า!...มันใช่นะ!..ใช่ไหมวะ...เออ...สมองของเขากำลัง ERROR รวนไปแล้ว...ต้องรีเซตระบบใหม่ทั้งหมดก็คราวนี้แหละมั้ง...หนุมานอยากให้พี่ชายตบกบาลเขาบ้างแต่ไม่กล้า เพราะกลัวว่า ฝ่ามือของพี่ชายอาจทำให้สมองของเขาเตลิดออกไปแล้วหาทางกลับไม่เจอนี่นะสิ..มันจะยุ่งกันใหญ่“วันนี้ผมไม่ไปกองถ่ายแล้วนะพี่งู ผมจะอยู่กับลูกกวางให้น้องมันสอนวิชาให้ดีกว่า ผมว่านะ...อยู่กับหลวงตาน้องต้องมีอะไรดีมากกว่านี้แน่เลย พี่ว่าไหม”“จะว่าห่าอะไรละ...คิดเหมือนแกแหละ วันนี้พี่ไม่เข้าบริษัทแล้วว่ะ... ช่างแม่ง! ป่ะ เราตามลูกกวางไปดีกว่า...เดินออกจากห้องไปแล้วนั่น เดี๋ยวไม่ทัน...”สองพี่น้องเดินตามกรรวีออกไปโดยไม่สนใจอีกคน ที่ทำหน้าเหรอหราอยู่บนเตีย
ของที่กรรวียัดเข้าปากของมนต์พยัคฆ์มันมีลักษณะคล้ายกับลูกกวาด...ซึ่งมีรสชาติเฝื่อนๆ ฝาด ๆ ติดจะเปรี้ยวนิดหน่อย ต่อเมื่อค่อยๆ กลืนมันลงไปในร่างกาย อาการที่กำลังปวดเหมือนมีใครมาบิดไส้ ก็ค่อยๆ หายไปในที่สุดราวกับปาฏิหาริย์...ไม่ใช่ฝัน!...รึเปล่าวะ?...บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้คนเราพิศวงได้อีกไหม...ถ้าไม่พิสูจน์ทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแบบเขาเนี่ย..“มันก็แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นค่ะ...ไม่ใช่ตลอดไป”เธอเอ่ยกับชายหนุ่มเมื่อเห็นสีหน้าของเขาดูดีขึ้น..ซึ่งอีกฝ่ายก็เงียบเสียงของตัวเองลงไป เหมือนรอให้เธอพูดกับเขาต่อจากนั้น“หลับตาพักก่อนนะคะ...หากมองหน้ากวางมาก ๆ อาจทำให้คุณเสืออาการแย่ลง”มนต์พยัคฆ์สะอึก...ก่อนสะบัดหน้าหันไปอีกทางเมื่อถูกหญิงสาวจับได้ว่า เขาเอาแต่มองหน้าเธอไม่วางตา...ก็คนมันอึ้งนี่หว่า..ไม่ได้พิศวาสอะไรนักหนาหรอก...เฮอะ!“แม่คะ เราพาคุณเสือกลับบ้านกันเถอะค่ะ...ผลไม้เสกของหลวงตา คงระงับได้เพียงแค่ชั่วคราว เราต้องรีบกันแล้ว”“เดี๋ยวนะ.. ลูกกวาง...พี่สงสัยว่ะ....พี่ขอถามเราสักสามข้อได้ไหม ”หนุมานเอ่ยถามกรรวีขึ้นมา เมื่อเห็นมารดาออกจากห้องไปทำเรื่องของมนต์พยัคฆ์ เพื่อให้เจ้าต
เมื่อกรรวีถูกมนต์พยัคฆ์ออกปากไล่ เธอจึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง แต่กลับถูกมนต์สิงหารั้งมือของเธอไว้“ช่วยพี่เสือด้วยนะลูกกวาง..แม่ขอร้องละ”“ไม่นะแม่ผมไม่อยากให้ยายเด็กนี่ช่วยผม..โอ๊ย!แม่...ผมปวดท้อง!”มนต์พยัคฆ์เอ่ยแทรกและร้องลั่น นั่นจึงเป็นเหตุให้วาสุกรีทนไม่ไหว..เขาจึงตวาดใส่พี่ชายออกไปเสียงดัง...“หุบปาก! แกไปเลยนะไอ้เเสือ..แกไม่นึกถึงตัวเองก็ให้นึกถึงแม่บ้าง..จะตายห่าอยู่รอมร่อแล้วยังมาแอ็คอยู่ได้...”ซึ่งไม่เคยมีใครเห็นอารมณ์นี้ของวาสุกรีบ่อยนัก เพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์เย็น...แต่คนอารมณ์เย็นแบบนี้เวลาร้ายขึ้นมาอาจจะน่ากลัวไม่น้อยไปกว่า คนที่อารมณ์ร้อนแบบคนเป็นพี่ชายก็ว่าได้แต่เป็นเพราะวาสุกรีเห็นสีหน้าของมารดา และดูก็รู้ว่าท่านเครียดมากแค่ไหน...เขาจึงทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้“ก็ดีเหมือนกันนะพี่จงอาง...หากพี่เสือตายซะได้..เราก็จะเหลือตัวหารมรดกน้อยหน่อยไง....”หนุ่มอารมณ์ดีประจำบ้านอย่างหนุมาน ก็เอ่ยเข้าข้างพี่ชายคนกลางตามมาด้วยอีกคน...ไม่ว่าจะเรื่องคอขาดบาดตายแค่ไหน คนอย่างหนุมานก็สามารถทำให้ตลกไปได้เช่นเดียวกัน“นั่นสิ...ตายศพไม่สวยด้วยนะ ผับก็ไม่ได้เที่ยว...หญิงก็ไม่ได้เอา.
มนต์สิงหาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เป็นเหตุให้ทุกคนในที่นี่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองลงไป ก่อนมีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาแทนที่รวมไปถึงคนแกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงคนป่วยนี้ด้วยอีกคน….มนต์พยัคฆ์คิดคนเดียวในใจว่า...เขาโดนของอย่างงั้นเหรอ ของที่ว่านี่สมัยนี้มันยังมีอยู่จริงใช่ไหม..แล้วใครมันช่างกล้าทำใส่เขาวะ..ห่าเอ้ย!อย่าให้กูรู้นะว่าใคร...จะเหยียบให้ตายคาตีนแม่งเลย...สัด!กรรวียืนฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอะไรออกมาเลยสักนิด เธอคิดไว้แล้วว่าต้องใช่ ตอนอยู่ที่วัดใครต่อใครต่างก็มาขอให้หลวงตาของเธอแก้ให้...ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนเล่นของแบบนี้อยู่ทั่วไป แต่แค่ไม่มีใครรู้เท่านั้นเองการทำคุณไสย์ใส่กันมันเป็นการฆ่าคนโดยใช้วิธีสกปรก ถึงแม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ก็ผิดกฎแห่งกรรมอย่างรุนแรงสายมูตัวแม่อย่างมนต์สิงหา ย่อมรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่เคยคิดว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเธอได้ ในเมื่อมันได้เกิดขึ้นกับคนเป็นลูกชาย คนเป็นแม่ก็ต้องหาทางแก้ไขให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปให้ได้...ส่วนคนเป็นพ่อของเจ้าพวกนี้ก็ไม่อยู่ช่วยเสียด้วยสิ ธรากรต้องไปดูงานของสาขาที่อยู่ในต
เมื่อกรรวีไปถึงโรงพยาบาล ก็ได้พบกับวาสุกรีพี่ชายคนกลาง ที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของคนไข้วาสุกรีเพิ่งมาถึง...เขาจึงพยักหน้ารับเมื่อเห็นกรรวียกมือขึ้นไหว้ขณะที่เดินเข้ามาหา...พี่ชายคนกลางอ้าแขนออกกว้าง..พลางโอบกอดร่างบางอย่างถือวิสาสะ...และฉวยจังหวะนั้นกดจูบหน้าผากของน้องสาวด้วยความเร็วปานแสงจุ๊บ!“งื้อออ.พี่งูแกล้ง!นี่มันโรงพยาบาลนะคะ...แล้วลูกกวางก็โตเป็นสาวแล้วด้วย” กรรวีเงยหน้าขึ้นโวยวายใส่วาสุกรี ก่อนขืนตัวเอาไว้เมื่อเห็นพี่ชายก้มหน้าลงมาแล้วทำท่าจะจูบซ้ำ“พี่ทำกับน้องแบบนี้มันผิดด้วยเหรอวะ..แล้วอันไหนที่เรียกว่าโต...หัวเนี่ยเหรอ” เขาว่ายิ้มๆ...ก่อนจะคลายวงแขนออกให้ แล้วเปลี่ยนเป็นเลื่อนมือขึ้นไปวางไว้บนหัวของน้องสาว จากนั้นจึงจับโยกไปมาเบาๆ ราวกับว่ามันคือของเล่น..“พี่งูแกล้ง...ลูกกวางจะไม่มาให้เห็นหน้าอีกแล้ว”ริมฝีปากบนของหญิงสาวเชิดขึ้นเกือบถึงปลายจมูกโด่งเล็กตอนว่าออกไป ก่อนค้อนใส่พี่ชายคนกลางอย่างมีแง่งอนตอนหมุนตัวเดินหนี แต่ถูกวาสุกรีคว้าข้อมือเอาไว้ได้หมับ!“มานี่เลย..จะไปไหน...เดี๋ยวนี้พี่กอดนิดหอมหน่อยไม่ได้หรือไง..งอนพี่จริงเหรอ”“จริง!”“แล้วทำยังไงจะหายงอนพี่ละหื้ม”
กรรวีมองสบตากับมนต์สิงหาด้วยความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน...คนเป็นมารดาถึงกับหน้าถอดสี...ก่อนปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังวิ่งก้าวขึ้นบันไดของลูกชายคนสุดท้อง... จากนั้นจึงช่วยกันพยุงร่างของลูกชายคนโตขึ้นรถ...แล้วรีบนำเขาส่งโรงพยาบาล ด้วยเกรงว่าจะไม่ทันการเพราะเวลานี้เจ้าตัวไม่มีแรงแม้จะทรงตัวยืนเองได้เลยกรรวียืนมองท้ายรถที่กำลังแล่นออกไปอย่างรู้สึกเป็นกังวล...เมื่อมองเห็นลมที่กำลังพัดผ่านบริเวณหน้าบ้านเริ่มกรรโชกหนัก...หลังจากนั้นสักพักก็พัดเอาเมฆฝนดำทะมึนลอยมาราวกับสั่งได้...และเธอค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนต์พยัคฆ์นั้น...มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ...“พี่ลิงคะ..หมอบอกว่าอาการของคุณเสือเป็นอย่างไรบ้างคะ?”กรรวีโทรถามอาการของมนต์พยัคฆ์เอากับหนุมาน...เมื่อเวลาผ่านไปนานถึงสองชั่วโมง แต่ยังไม่มีใครส่งข่าวสารมาให้เธอได้รู้บ้างเลย….ความจริงแล้วกรรวีก็ใช่ว่าจะสนใจ แต่ที่ถามไปนั่นมันก็แค่ตามมารยาทเท่านั้น..เพราะทุกคนในครอบครัวของเขา ต่างก็มีบุญคุณกับหญิงสาวมากมาย...และเธอเองก็ไม่ต้องการทำให้ทุกคนต้องมาทนลำบากใจ(“หมอเอ็กซ์เรย์ดูภายในแล้วบอกว่าไม่มีอ
“โอ๊ย!!..""เสือ!เป็นยังไงบ้างลูก!""ผมปวดท้อง...แม่!...ช่วยผมด้วยครับ”เสียงร้องโอดโอยโวยวายของผู้ชาย ที่กรรวีได้ยินมาจากด้านนอก บอกเลยว่ามันดังมากจนทะลุกำแพงห้องของเธอเข้ามาถึงด้านใน…เสียงของผู้ชายร้ายกาจคนนั้น...ซึ่งเธอก็ไม่อยากจะได้ยินมันสักเท่าไหร่เธอกำลังฝันร้ายอยู่ใช่ไหม...ลูกกวาง?“เสือ”นั่นคือชื่อของเขา...จะเป็นจะตายยังไง...เธอก็ไม่อยากจะสนใจ...ถึงแม้ไม่เห็นหน้าแต่แค่ได้ยินเสียงของเขา ก็ทำเอากรรวีรู้สึกขนลุกขนพอง......เป็นอะไรนักหนาถึงได้ร้องโวยวายลั่นบ้านขนาดนั้นกันล่ะ..ก็นะ...ปกติไม่มีอะไรก็ชอบทำเสียงใหญ่อยู่แล้วเหอะ!ผ่านมาหลายปี...ความรู้สึกเกลียดที่มีต่อเธอจะเจือจางลงบ้างหรือเปล่า...กรรวีไม่อยากประจันหน้ากับเขาเลยให้ตาย!..“วอก...บอกให้ลุงหมึกเอารถออก...รีบพาพี่เสือไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะลูก”เสียงของมนต์สิงหาผู้เป็นมารดาเอ่ยกับลูกชายคนสุดท้อง ขณะกำลังประคองลูกชายคนโตออกมาจากห้อง และกำลังจะพาเขาลงบันไดไปที่ชั้นล่าง แต่ลูกชายคนโตกลับทรุดตัวลงนั่งอาเจียนอยู่ตรงนั้นซึ่งดูจากอาการที่กำลังเป็น...มันน่าจะรุนแรงจนยาสามัญประจำบ้านเอาไม่อยู่แล้วนั่นแหละ“ผมพาไปเองดีกว่าคร