ก่อนหน้านั้นลี่เจินที่ทำท่าทีขึ้งขังเหมือนผู้คงแก่เรียนหรือปรมาจารย์"พี่ห้าต้องอ่อนโยนกับนาง แบบนี้…"โน้มตัวลี่หยางที่แข็งขืนลงช้าๆ ยื่นหน้า จื่อปากเข้าไปใกล้ๆ ลี่หยางขืนตัวไว้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจแต่ลี่เจินไม่สนใจยังตั้งหน้าตั้งตาสอน ดัดเสียงให้ทุ้มเหมือนเสียงของลี่หยาง"ข้ารักเจ้า…."ยื่นปากเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ลี่หยางผลักร่างลี่เจินกระเด็นกระดอน"พี่ห้า ท่านไม่ยอมให้ข้าสอนเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่นางจะกล่าวชื่นชมท่านเล่า บุรุษเราคำกล่าวชมในเรื่องแบบนี้นับว่าน่าชื่นชมที่สุด เป็นยอดคนที่เดียว""แค่อธิบาย ไม่ต้องแสดงให้ข้าดูก็ได้"ปัดไหล่ที่โดนลี่เจินจับเหมือนกับมีฝุ่นผง"ไม่ได้เลย เรื่องแบบนี้สำคัญนัก ว่าแต่พี่ห้าบอกว่ายังไม่ถึงขั้นไหนนี่พี่ห้ากับนางถึงขั้นไหนกันแล้ว"ก้มหน้านิ่งไม่กล้าบอกลี่เจิน หน้าแดงถึงใบหู"จูบ""จูบนางแล้วหรือ"น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ ลี่หยางพยักหน้า"นาง ป้อนยาข้า"ลี่เจินส่ายหน้า"อย่างนั้นเขาไม่เรียกว่าจูบ ถึงว่าพี่ห้าถึงต้องหาตำรากามสูตร การจูบต้องออกมาจากใจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความบังเอิญทำให้ใจสั่นไหวก็จริงแต่ไม่หอมหวานเท่าจูบแบบจงใจ"ผู้เชี่ยวชาญมาเองทีเดียว ก็ล
นอนพักจนรู้สึกว่าสดชื่นไม่น้อยหว่านหนิงใช้เงินส่วนตัวเพราะองค์ชายห้า ไม่ได้มีเงินทองมากมายตั้งแต่เข้ามาอยู่ในตำหนักร้อยดาว เขายังไม่เคยหยิยยื่นให้แม้แต่แดงเดียว ออกเดินทางไปที่ตลาดกับอิงไถ่ตามที่คิดไว้แต่แรกร้านผ้าในตลาดที่ผู้คนในวังหลวงมักแวะเวียนเสมอ เพราะมีทั้งผ้าแพรและผ้าไหม หลากสีสันเก่าใหม่งดงาม จากต่างแคว้นก็มีขาย หว่านหนิงเข้าไปในร้านทันทีไม่รอช้า“นายหญิงวันนี้มีผ้าสวยๆ มากมายลองมาเลือกชมดูก่อน”หว่านหนิงเดินเลือกดูผ้าที่ถูกพับไว้ถูกใจผ้าไหมสีขาวมุก ดูเด่นสะดุดตาใช้มือลูบบนเนื้อผ้าตรวจตราดูความนุ่มของเนื้อผ้าว่าจะระคายเคืองหรือไม่ นึกชอบความนุ่มสบายของมันเจ้าเฟยเยี่ยนไท่จือเฟยที่เดินเข้ามาทีหลัง กลับดึงผ้าผืนนั้นไปถือไว้ในมือ“เถ้าแก่เนี้ยข้าชอบผ้าพับนี้”หว่านหนิงดึงพับผ้าในมือเจ้าเฟยเยียนมาไว้กับตัวจนเจ้าเฟยเยี่ยนเซถลา“ข้าตกลงใจว่าจะเอาผ้าพับนี้ก่อนเจ้า”อิงไถกระตุกชายเสื้อเบาๆ“ถวายพระพรไท่จือเฟย”อิงไถรีบย่อตัวลงช้าๆ“อ๋อ..เจ้า คงเป็นสะใภ้ห้าของลี่หยางตำหนักร้อยดาวใช่หรือไม่ เหตุใดยังไม่คารวะไท่จือเฟยอีกหรือ”ด้วยความที่ไม่เคยเคารพลี่หยางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคำพูดของเจ้าเฟยเห
งานคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ ทั่วหล้ามีการเฉลิมฉลอง ลี่หยางในอาภรณ์สีขาวมุกที่หว่านหนิงตัดเย็บให้ รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา จนหว่านหนิงอดชื่นชมไม่ได้ คนอะไรจะหน้าตาดีได้ปานนั้น แล้วเหตุใดถึงไร้ผู้คนรักใคร่ได้ปานนี้ การสวมผ้าใหม่ในวันมงคล องค์ชายยังอยากปฏิบัติเหมือนคนทั่วไปแต่จนป่านนี้ยังไม่มีใครส่งข่าวให้ลี่หยางร่วมงานมงคล ที่น่าจะเป็นงานรื่นเริงสำหรับทุกคนในวังหลวง หว่านหนิงกวาดใบไม้รวมกันตรงหน้าตำหนัก หยิบมันมาเผาแกะเปลือกส่งให้สามี อากาศยังคงหนาวเหน็บไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาคงจะรู้สึกเจ็บซ้ำ จนเกินจะกล่าวคำใด หว่านหนิงเองก็ไม่กล่าวคำใดให้ระคายหูเสียงแซ่ซ้องโห่ร้องจากงานเฉลิมฉลองดังแว่วมาแต่ไกลอิงไถกับกุ้ยอิงหอบอาหารจากงานเลี้ยงมาวางให้ทั้งสองคน ลี่หยางพูดขึ้นเบาๆจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ“จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อพวกเขา เฉลิมฉลองสนุกสนานแต่เราต้องเร้นกายกินของเหลือที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหายไป”เขาไม่แตะอาหารเหล่านั้น หว่านหนิงครุ่นคิดบางอย่าง ฮ่องเต้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเรื่องราวมากมายสามารถจัดการได้ แต่เรื่องภายในกลับไม่สามารถรับมือเสี่ยวกู้ยืนนิ่งรับรู้ถึงความเศร้าหมองนั้น
องค์ชายสิบสองพูดขึ้นดังๆ“พี่ห้ากับพระชายาแม้จะไม่ได้มาร่วมอวยพร แต่ดูสิ่งที่พวกเขาทำช่างยิ่งใหญ่เกินใคร”ฮ่องเต้ยิ้ม“ฝานกงกง ตามเจ้าห้ากับชายามาที่นี่เดี๋ยวนี้”ฝานกงกงก้มตัวก่อนจะรีบเร่งออกไปตามลี่หยางที่ตำหนักร้อยดาว“องค์ชายฝ่าบาทมีบัญชาให้องค์ชายและพระชายา เสด็จที่ลานพระราชวัง”หว่านหนิงตรงเข้าขยับเสื้อคลุมสีขาวมุกให้เข้าที่ กุมมือลี่หยางเดินตามฝานกงกงผู้คนนับร้อยที่จ้องมองบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีขาวมุกสูงสง่า ก้าวเดินด้วยท่าทีมั่นคงข้างกายร่างบางระหงใบหน้างดงามสมกันราวกิ่งทองใบหยก เดินเคียงคู่กันมาเบื้องหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้“ เจ้าห้าพลุอักษรนั่นสวยเงิมโดดเด่น ข้าไม่เคยคิดว่าใครจะมีความสามารถในการประดิษฐ์พลุอักษรได้ดีเพียงนั้น คงต้องใช้เงินทองมิใช่น้อยในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นเลิศเช่นนี้”“ทุกอย่างเป็นสิ่งที่...ชายาข้าหว่านหนิงเป็นผู้เตรียมการไว้แม้กระทั่งหม่อมฉันเองยังไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี พลุอักษรงดงามเพียงนี้”“ชายาห้าเจ้าทำเช่นไรจึงสามารถสรรหาพลุอักษรมาได้ ในแคว้นของเรายังมีที่ใดที่ข้าไม่เคยรู้ ว่าทำเรื่องเก่งกาจเช่นนี้ได้”“ฝ่าบาททั้งหมดเป็นท่านแม่ ที่แม้เรื่องงานบ้านงานเรือนไม่
ตำหนักฮองเฮา"ลี่หยางไม่น่าเชื่อว่าจะกลับมาทำให้ฝ่าบาทโปรดปรานได้อีกครั้ง""ตำแหน่งไท่จือแต่งตั้งไปแล้วยากจะสั่นคลอน อีกทั้งไท่จือมีขุนนางสนับสนุนมากมาย""จะวางใจก็ไม่ได้ ไท่จือหละหลวมระยะนี้ทำตัวเสเพลอีกทั้งฝ่าบาทตอนนี้มีข้อเปรียบเทียบ"ฮองเอาวิเคาระห์ตามเนื้อผ้า"ลี่หยางลำพังเขาเห็นจะยาก ตั้งแต่แต่งชายาเข้าตำหนักมา นางทำสิ่งที่พลิกผันไม่น่าเชื่อ นับว่านางหลักแหลมไม่น้อย""ฝ่าบาทก็คงมองเห็นหลายอย่างในตัวนางจึงให้นางแต่งกับลี่หยางที่ไม่ได้เรื่องคนนั้น"ฮองเฮาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างหากลี่จิ้นยังอยู่ตำแหน่งรัชทายาทย่อมต้องเป็นของเขาแน่นอนหลายปีผ่านมา"องค์ชายสามกับองค์ชายห้าจมน้ำ ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยที"เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วบริเวณทหารองครักษ์วิ่งวุ่นวายเสียงกระโดดลงน้ำตูมตาม ฮองเฮารีบรุดไปทันที ทหารองครักษ์ช่วยลี่หยางขึ้นมาบนบก ลี่จิ้นยังหาไม่เจอแม้จะระดมกำลังช่วยกันงมหาลี่จิ้นก็ยังไม่พบ"เพิ่มการค้นหา เร่งค้นหาองค์ชายสามให้พบ" จนกระทั่งเวลาผ่าน ร่างไร้สติของลี่จิ้นถูกอุ้มขึ้นมาจากน้ำ"องค์ชายสาม...เสียชีวิตแล้ว"ฮองเฮาทรุดลงกับพื้นน้ำตานองหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียว"พวกเจ้าสมควร
แต่สีหน้ายังคงเก็บงำบางอย่างไว้"ฝานกงกงกลับมาพร้อมจดหมายฉบับร่าง ยื่นส่งจดหมายให้ฮ่องเต้สีหน้าของฮ่องเต้เรียบเฉยไม่อาจคาดเดาอารมณ์ความรู้สึก หว่านหนิงกำมือของลี่หยางอย่างปลอบใจ"ฉบับนี้ก็มิได้มีการสั่งให้ปล่อยตัวแต่อย่างใดไท่จือเจ้าว่าอย่างไร""เสด็จพ่อ คนของลูกอาจมีใครที่พยายามจะหาผลประโยชน์จึงได้กระทำเรื่องแบบนี้โดยพลการลูกกลับไปตั้งใจสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด""หว่านหนิงเจ้าดูเสียหน่อย"ฝานกงกงนำจดหมายฉบับร่างมาให้เปรียบเทียบกัน หว่านหนิงคลี่จดหมายทั้งสองฉบับ"มีผู้เปลี่ยนอักษร ลายมือของหว่านหนิงมีหนักเบาขอฝ่าบาททอดพระเนตร" หยิบพู่กันมาตวัดเป็นประโยคเดียวกันนั้น ฮ่องเต้โบกมือเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว"ข้าเข้าใจแล้วอาจเป็นอย่างที่ไท่จือพูด คนของไท่จือมีให้ใช้สอยมากมายอาจมีสักคนที่นอกแถว ไท่จือคราวหลังจะทำการสิ่งใดตรวจสอบเสียให้ดีก่อน""เสด็จพ่อสั่งสอนถูกแล้ว ลูกวู่วามเกินไป ครั้งนี้พี่ห้าต้องมาถูกกล่าวหาอีกทั้งพระชายาของพี่ห้าก็ต้องวุ่นวายไปด้วย เรื่องบ้านเมืองไม่ใช่หน้าที่ที่หญิงงามเช่นชายาพี่ห้าจะต้องกังวล เอาเวลาไปแต่งตัวสวยๆ รอพี่ห้าที่ตำหนักจะดีเสียกว่า ครั้งนี้พี่ห้าคงไม่ถ
"หว่านหนิง"หว่านหนิงเงยหน้าจากผ้าที่กำลังเย็บให้ลี่หยางลี่หยางวิ่งมากอดหว่านหนิงแนบอกนิ่งนาน เหมือนกับกลัวว่าหว่านหนิงจะหลุดลอยไปจากมือ"องค์ชายเป็นอะไรไป"หว่านหนิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์เศร้าสร้อยนั้น"เจ้าไม่โกรธข้าใช่ไหม"น้ำเสียงเศร้าสร้อย"หว่านหนิง เข้าใจองค์ชายดีเพคะ"กระชับออ้อมกอดแนบแน่น"เจ้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ข้ากลัว.. กลัวเหลือเกิน"หว่านหนิงยิ้มบางๆ"องค์ชาย ทุกอย่างที่องค์ชายเผชิญเป็นสิ่งที่หว่านหนิงจะไม่แยแสไม่ได้"แววปีติเกิดขึ้นที่แววตาเฉยชานั้น"ไท่จือไม่ใช่คนที่เจ้าจะต่อกรด้วยได้ เสด็จพ่อก็ใช่คนที่อ่านใจได้เช่นกัน ถึงเสด็จพ่อจะรู้อยู่แก่ใจหรือเจ้าจะมีหลักฐานเอาผิดไท่จือ แต่ไท่จือก็คือลูกเสด็จพ่อและยังเป็นลูกที่ยอมยกตำแหน่งไท่จือให้ เจ้าคิดว่าตำแหน่งไท่จือมีไว้เพื่ออะไรกัน ไท่จือกว่าจะเป็นได้ไม่ได้ง่ายและรักษาตำแหน่งไว้ยากยิ่งกว่าสิ่งใด ฉะนั้นไม่ว่าตัวเขาเองหรือเสด็จพ่อที่เพียงจะยืนยันว่าตัดสินใจถูกในการเลือกไท่จือก็จะพยายามช่วยให้ไท่จืออยู่ในตำแหน่งให้ได้"หว่านหนิงพอจะเข้าใจ แต่คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะปกป้องไท่จือจนมองข้ามความผิดของไท่จือได้"หว่านหนิงเข้าใจแล้ว องค์ชายกั
วันนี้หว่านหนิงไม่ได้ลุกไปทำอาหารก็ในเมื่อลี่หยางกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขนแน่น ไม่ยอมให้ลุกออกจากแท่นนอนอิงไถยกเครื่องเสวยฝีมือนางที่พอจะครูพักลักจำมาจากนายหญิงได้บ้างลี่หยางคีบผักส่งเข้าปากเคี้ยว“อีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลปีใหม่ ทุกปีข้าต้องอยู่ในตำหนักเพียงลำพัง ปีนี้เจ้าอยากกลับไปเยี่ยมท่านแม่ของเจ้าหรือไม่”หว่านหนิงยิ้ม“องค์ชาย อยากเจอท่านแม่ของข้าขึ้นมาแล้วหรือไร”ใบหน้าเรียบเฉยตามแบบของเขา“ความจริงข้าเสียมารยาท น่าจะไปยกน้ำชาเสียหน่อย ไหนๆก็แต่งลูกสาวของท่านมาแล้ว”“ไม่จำเป็นต้องเป็นเทศกาล เราก็ไปเยี่ยมท่านแม่ได้”หว่านหนิงออกความเห็น“หลายวันก่อนเจ้าส่งทั้งโถและแจกันไปยังตระกูลจงของเจ้า หากเราไปเยี่ยมมารดาของเจ้าต้องนำของที่มีค่ากว่านั้นไป”องค์ชายช่างรอบคอบกลัวว่าหว่านหนิงจะน้อยหน้าคนอื่น บรรดาสนมที่ฝ่าบาทโปรดปรานมีเพียงเสด็จแม่ขององค์ชายที่ได้ของพระราชทานเยอะสุดแต่องค์ชายกลับนำของเหล่านั้นเก็บไว้ในห้องเสียห้องหนึ่งในตำหนักร้อยดาว และจนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเอาลูกกุญแจไปซ่อนไว้ไหน ในตอนนั้นคนทั้งวังหลวงต่างเกรงกลัวเรื่องเล่าในคืนเดือนมืด เรื่องวิญญาณของสนมจินเฟยที่มักจะเข้ามากล่