นอนพักจนรู้สึกว่าสดชื่นไม่น้อยหว่านหนิงใช้เงินส่วนตัวเพราะองค์ชายห้า ไม่ได้มีเงินทองมากมายตั้งแต่เข้ามาอยู่ในตำหนักร้อยดาว เขายังไม่เคยหยิยยื่นให้แม้แต่แดงเดียว ออกเดินทางไปที่ตลาดกับอิงไถ่ตามที่คิดไว้แต่แรกร้านผ้าในตลาดที่ผู้คนในวังหลวงมักแวะเวียนเสมอ เพราะมีทั้งผ้าแพรและผ้าไหม หลากสีสันเก่าใหม่งดงาม จากต่างแคว้นก็มีขาย หว่านหนิงเข้าไปในร้านทันทีไม่รอช้า“นายหญิงวันนี้มีผ้าสวยๆ มากมายลองมาเลือกชมดูก่อน”หว่านหนิงเดินเลือกดูผ้าที่ถูกพับไว้ถูกใจผ้าไหมสีขาวมุก ดูเด่นสะดุดตาใช้มือลูบบนเนื้อผ้าตรวจตราดูความนุ่มของเนื้อผ้าว่าจะระคายเคืองหรือไม่ นึกชอบความนุ่มสบายของมันเจ้าเฟยเยี่ยนไท่จือเฟยที่เดินเข้ามาทีหลัง กลับดึงผ้าผืนนั้นไปถือไว้ในมือ“เถ้าแก่เนี้ยข้าชอบผ้าพับนี้”หว่านหนิงดึงพับผ้าในมือเจ้าเฟยเยียนมาไว้กับตัวจนเจ้าเฟยเยี่ยนเซถลา“ข้าตกลงใจว่าจะเอาผ้าพับนี้ก่อนเจ้า”อิงไถกระตุกชายเสื้อเบาๆ“ถวายพระพรไท่จือเฟย”อิงไถรีบย่อตัวลงช้าๆ“อ๋อ..เจ้า คงเป็นสะใภ้ห้าของลี่หยางตำหนักร้อยดาวใช่หรือไม่ เหตุใดยังไม่คารวะไท่จือเฟยอีกหรือ”ด้วยความที่ไม่เคยเคารพลี่หยางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคำพูดของเจ้าเฟยเห
งานคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ ทั่วหล้ามีการเฉลิมฉลอง ลี่หยางในอาภรณ์สีขาวมุกที่หว่านหนิงตัดเย็บให้ รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา จนหว่านหนิงอดชื่นชมไม่ได้ คนอะไรจะหน้าตาดีได้ปานนั้น แล้วเหตุใดถึงไร้ผู้คนรักใคร่ได้ปานนี้ การสวมผ้าใหม่ในวันมงคล องค์ชายยังอยากปฏิบัติเหมือนคนทั่วไปแต่จนป่านนี้ยังไม่มีใครส่งข่าวให้ลี่หยางร่วมงานมงคล ที่น่าจะเป็นงานรื่นเริงสำหรับทุกคนในวังหลวง หว่านหนิงกวาดใบไม้รวมกันตรงหน้าตำหนัก หยิบมันมาเผาแกะเปลือกส่งให้สามี อากาศยังคงหนาวเหน็บไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาคงจะรู้สึกเจ็บซ้ำ จนเกินจะกล่าวคำใด หว่านหนิงเองก็ไม่กล่าวคำใดให้ระคายหูเสียงแซ่ซ้องโห่ร้องจากงานเฉลิมฉลองดังแว่วมาแต่ไกลอิงไถกับกุ้ยอิงหอบอาหารจากงานเลี้ยงมาวางให้ทั้งสองคน ลี่หยางพูดขึ้นเบาๆจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ“จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อพวกเขา เฉลิมฉลองสนุกสนานแต่เราต้องเร้นกายกินของเหลือที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหายไป”เขาไม่แตะอาหารเหล่านั้น หว่านหนิงครุ่นคิดบางอย่าง ฮ่องเต้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเรื่องราวมากมายสามารถจัดการได้ แต่เรื่องภายในกลับไม่สามารถรับมือเสี่ยวกู้ยืนนิ่งรับรู้ถึงความเศร้าหมองนั้น
องค์ชายสิบสองพูดขึ้นดังๆ“พี่ห้ากับพระชายาแม้จะไม่ได้มาร่วมอวยพร แต่ดูสิ่งที่พวกเขาทำช่างยิ่งใหญ่เกินใคร”ฮ่องเต้ยิ้ม“ฝานกงกง ตามเจ้าห้ากับชายามาที่นี่เดี๋ยวนี้”ฝานกงกงก้มตัวก่อนจะรีบเร่งออกไปตามลี่หยางที่ตำหนักร้อยดาว“องค์ชายฝ่าบาทมีบัญชาให้องค์ชายและพระชายา เสด็จที่ลานพระราชวัง”หว่านหนิงตรงเข้าขยับเสื้อคลุมสีขาวมุกให้เข้าที่ กุมมือลี่หยางเดินตามฝานกงกงผู้คนนับร้อยที่จ้องมองบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีขาวมุกสูงสง่า ก้าวเดินด้วยท่าทีมั่นคงข้างกายร่างบางระหงใบหน้างดงามสมกันราวกิ่งทองใบหยก เดินเคียงคู่กันมาเบื้องหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้“ เจ้าห้าพลุอักษรนั่นสวยเงิมโดดเด่น ข้าไม่เคยคิดว่าใครจะมีความสามารถในการประดิษฐ์พลุอักษรได้ดีเพียงนั้น คงต้องใช้เงินทองมิใช่น้อยในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นเลิศเช่นนี้”“ทุกอย่างเป็นสิ่งที่...ชายาข้าหว่านหนิงเป็นผู้เตรียมการไว้แม้กระทั่งหม่อมฉันเองยังไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี พลุอักษรงดงามเพียงนี้”“ชายาห้าเจ้าทำเช่นไรจึงสามารถสรรหาพลุอักษรมาได้ ในแคว้นของเรายังมีที่ใดที่ข้าไม่เคยรู้ ว่าทำเรื่องเก่งกาจเช่นนี้ได้”“ฝ่าบาททั้งหมดเป็นท่านแม่ ที่แม้เรื่องงานบ้านงานเรือนไม่
ตำหนักฮองเฮา"ลี่หยางไม่น่าเชื่อว่าจะกลับมาทำให้ฝ่าบาทโปรดปรานได้อีกครั้ง""ตำแหน่งไท่จือแต่งตั้งไปแล้วยากจะสั่นคลอน อีกทั้งไท่จือมีขุนนางสนับสนุนมากมาย""จะวางใจก็ไม่ได้ ไท่จือหละหลวมระยะนี้ทำตัวเสเพลอีกทั้งฝ่าบาทตอนนี้มีข้อเปรียบเทียบ"ฮองเอาวิเคาระห์ตามเนื้อผ้า"ลี่หยางลำพังเขาเห็นจะยาก ตั้งแต่แต่งชายาเข้าตำหนักมา นางทำสิ่งที่พลิกผันไม่น่าเชื่อ นับว่านางหลักแหลมไม่น้อย""ฝ่าบาทก็คงมองเห็นหลายอย่างในตัวนางจึงให้นางแต่งกับลี่หยางที่ไม่ได้เรื่องคนนั้น"ฮองเฮาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างหากลี่จิ้นยังอยู่ตำแหน่งรัชทายาทย่อมต้องเป็นของเขาแน่นอนหลายปีผ่านมา"องค์ชายสามกับองค์ชายห้าจมน้ำ ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยที"เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วบริเวณทหารองครักษ์วิ่งวุ่นวายเสียงกระโดดลงน้ำตูมตาม ฮองเฮารีบรุดไปทันที ทหารองครักษ์ช่วยลี่หยางขึ้นมาบนบก ลี่จิ้นยังหาไม่เจอแม้จะระดมกำลังช่วยกันงมหาลี่จิ้นก็ยังไม่พบ"เพิ่มการค้นหา เร่งค้นหาองค์ชายสามให้พบ" จนกระทั่งเวลาผ่าน ร่างไร้สติของลี่จิ้นถูกอุ้มขึ้นมาจากน้ำ"องค์ชายสาม...เสียชีวิตแล้ว"ฮองเฮาทรุดลงกับพื้นน้ำตานองหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียว"พวกเจ้าสมควร
แต่สีหน้ายังคงเก็บงำบางอย่างไว้"ฝานกงกงกลับมาพร้อมจดหมายฉบับร่าง ยื่นส่งจดหมายให้ฮ่องเต้สีหน้าของฮ่องเต้เรียบเฉยไม่อาจคาดเดาอารมณ์ความรู้สึก หว่านหนิงกำมือของลี่หยางอย่างปลอบใจ"ฉบับนี้ก็มิได้มีการสั่งให้ปล่อยตัวแต่อย่างใดไท่จือเจ้าว่าอย่างไร""เสด็จพ่อ คนของลูกอาจมีใครที่พยายามจะหาผลประโยชน์จึงได้กระทำเรื่องแบบนี้โดยพลการลูกกลับไปตั้งใจสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด""หว่านหนิงเจ้าดูเสียหน่อย"ฝานกงกงนำจดหมายฉบับร่างมาให้เปรียบเทียบกัน หว่านหนิงคลี่จดหมายทั้งสองฉบับ"มีผู้เปลี่ยนอักษร ลายมือของหว่านหนิงมีหนักเบาขอฝ่าบาททอดพระเนตร" หยิบพู่กันมาตวัดเป็นประโยคเดียวกันนั้น ฮ่องเต้โบกมือเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว"ข้าเข้าใจแล้วอาจเป็นอย่างที่ไท่จือพูด คนของไท่จือมีให้ใช้สอยมากมายอาจมีสักคนที่นอกแถว ไท่จือคราวหลังจะทำการสิ่งใดตรวจสอบเสียให้ดีก่อน""เสด็จพ่อสั่งสอนถูกแล้ว ลูกวู่วามเกินไป ครั้งนี้พี่ห้าต้องมาถูกกล่าวหาอีกทั้งพระชายาของพี่ห้าก็ต้องวุ่นวายไปด้วย เรื่องบ้านเมืองไม่ใช่หน้าที่ที่หญิงงามเช่นชายาพี่ห้าจะต้องกังวล เอาเวลาไปแต่งตัวสวยๆ รอพี่ห้าที่ตำหนักจะดีเสียกว่า ครั้งนี้พี่ห้าคงไม่ถ
"หว่านหนิง"หว่านหนิงเงยหน้าจากผ้าที่กำลังเย็บให้ลี่หยางลี่หยางวิ่งมากอดหว่านหนิงแนบอกนิ่งนาน เหมือนกับกลัวว่าหว่านหนิงจะหลุดลอยไปจากมือ"องค์ชายเป็นอะไรไป"หว่านหนิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์เศร้าสร้อยนั้น"เจ้าไม่โกรธข้าใช่ไหม"น้ำเสียงเศร้าสร้อย"หว่านหนิง เข้าใจองค์ชายดีเพคะ"กระชับออ้อมกอดแนบแน่น"เจ้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ข้ากลัว.. กลัวเหลือเกิน"หว่านหนิงยิ้มบางๆ"องค์ชาย ทุกอย่างที่องค์ชายเผชิญเป็นสิ่งที่หว่านหนิงจะไม่แยแสไม่ได้"แววปีติเกิดขึ้นที่แววตาเฉยชานั้น"ไท่จือไม่ใช่คนที่เจ้าจะต่อกรด้วยได้ เสด็จพ่อก็ใช่คนที่อ่านใจได้เช่นกัน ถึงเสด็จพ่อจะรู้อยู่แก่ใจหรือเจ้าจะมีหลักฐานเอาผิดไท่จือ แต่ไท่จือก็คือลูกเสด็จพ่อและยังเป็นลูกที่ยอมยกตำแหน่งไท่จือให้ เจ้าคิดว่าตำแหน่งไท่จือมีไว้เพื่ออะไรกัน ไท่จือกว่าจะเป็นได้ไม่ได้ง่ายและรักษาตำแหน่งไว้ยากยิ่งกว่าสิ่งใด ฉะนั้นไม่ว่าตัวเขาเองหรือเสด็จพ่อที่เพียงจะยืนยันว่าตัดสินใจถูกในการเลือกไท่จือก็จะพยายามช่วยให้ไท่จืออยู่ในตำแหน่งให้ได้"หว่านหนิงพอจะเข้าใจ แต่คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะปกป้องไท่จือจนมองข้ามความผิดของไท่จือได้"หว่านหนิงเข้าใจแล้ว องค์ชายกั
วันนี้หว่านหนิงไม่ได้ลุกไปทำอาหารก็ในเมื่อลี่หยางกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขนแน่น ไม่ยอมให้ลุกออกจากแท่นนอนอิงไถยกเครื่องเสวยฝีมือนางที่พอจะครูพักลักจำมาจากนายหญิงได้บ้างลี่หยางคีบผักส่งเข้าปากเคี้ยว“อีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลปีใหม่ ทุกปีข้าต้องอยู่ในตำหนักเพียงลำพัง ปีนี้เจ้าอยากกลับไปเยี่ยมท่านแม่ของเจ้าหรือไม่”หว่านหนิงยิ้ม“องค์ชาย อยากเจอท่านแม่ของข้าขึ้นมาแล้วหรือไร”ใบหน้าเรียบเฉยตามแบบของเขา“ความจริงข้าเสียมารยาท น่าจะไปยกน้ำชาเสียหน่อย ไหนๆก็แต่งลูกสาวของท่านมาแล้ว”“ไม่จำเป็นต้องเป็นเทศกาล เราก็ไปเยี่ยมท่านแม่ได้”หว่านหนิงออกความเห็น“หลายวันก่อนเจ้าส่งทั้งโถและแจกันไปยังตระกูลจงของเจ้า หากเราไปเยี่ยมมารดาของเจ้าต้องนำของที่มีค่ากว่านั้นไป”องค์ชายช่างรอบคอบกลัวว่าหว่านหนิงจะน้อยหน้าคนอื่น บรรดาสนมที่ฝ่าบาทโปรดปรานมีเพียงเสด็จแม่ขององค์ชายที่ได้ของพระราชทานเยอะสุดแต่องค์ชายกลับนำของเหล่านั้นเก็บไว้ในห้องเสียห้องหนึ่งในตำหนักร้อยดาว และจนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเอาลูกกุญแจไปซ่อนไว้ไหน ในตอนนั้นคนทั้งวังหลวงต่างเกรงกลัวเรื่องเล่าในคืนเดือนมืด เรื่องวิญญาณของสนมจินเฟยที่มักจะเข้ามากล่
“ดีไม่น้อย แต่หากฮองเฮาจะช่วยเมตตาสั่งให้หยุดโบยเขาก่อน ไม่เช่นนั้นเสี่ยวกู้คงตายในตำหนักคุนหนิงนี้แน่”“เช่นไรข้าถึงต้องฟังคำพูดของเจ้า”“การทำให้ผู้อื่นได้รับทุกข์เข็ญอาจนำมาซึ่งความเคียดแค้นแสนสาหัส แม้เขาจะไม่สามารถทวงแค้นได้ ทว่าความผิดบาปในใจยังอยู่กับเราชั่วกาล”ขณะนั้นเองที่สายตาเหลือบไปเห็นปิ่นปักผมของพระมารดาของลี่หยางบนศีรษะของหว่านหนิงปิ่นปักผมของพระสนมจินเฟย ดวงตากลับเหลือกถลน“หยุดโบยรอจนกว่าฝ่าบาทจะเป็นผู้ตัดสิน”ฮองเฮาสั่งเสียงกร้าว กุ้ยอิงกับอิงไถพยุงเสี่ยวกู้ลุกขึ้น พาเดินกลับตำหนักร้อยดาว หว่านหนิงงงงันไม่น้อยเมื่อกี้ยังเสียงแข็งเรื่องที่จะโบยเสี่ยวกู้จนหมดลมหายใจ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจง่ายดายหรือแค่เพียงคำพูดของหว่านหนิงก็ทำให้เปลี่ยนใจได้“พระชายา ขอบคุณพระชายาที่เมตตาเสี่ยวกู้”“หมาป่ากับลูกแกะเขาก็มักจะหาเรื่อง หากให้เจ้าผิดเจ้าก็ต้องผิด ยาที่ห้องของข้า เสี่ยวไถเจ้าไปนำมันมาทาแผลที่หลังให้เสี่ยวกู้”อิงไถรีบรุดไปทันที“พระชายาไม่จำเป็นต้องดีกับเสี่ยวกู้ขนาดนี้ก็ได้”“เราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันหากข้าตายพวกเจ้าจะรอดได้อย่างไร หรือหากพวกเจ้าตายข
เกี้ยวสีแดงถูกหามส่งเข้าวังในตอนเย็นย่ำวันหนึ่ง หว่านหวงลู่รู้ดีว่าไม่ต้องมาส่งหว่านหนิง สิ่งที่หว่านหนิงต้องการคือการเข้าไปในตำหนักร้อยดาวแบบเงียบๆ ก็ในเมื่อลี่หยางมิได้เป็นที่สนใจ และไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร“คุณหนู ข้าเห็นทีต้องกลับแล้วเช่นกัน ท่านนั่งรออยู่ในห้องบรรทมขององค์ชายห้า เพียงครู่คาดว่า องค์ชายคงเสด็จในไม่ช้าเพราะมิได้มีการเลี้ยงฉลอง งานแต่งอย่างที่ควรจะเป็น “แม่สื่อที่มีหน้าที่เดินนำเกี้ยว ตามธรรมเนียมเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงตำหนักร้อยดาว“ท่านป้ากลับไปเถิดข้าทำใจไว้แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้ หลายอย่างไม่เกินคาดหมายนัก”แม่สื่อยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะถอยออกไปทันทีหว่านหนิงยืนนิ่งหน้าตำหนักรกร้างไม่มีการเลี้ยงฉลองไม่มีแม้กระทั่งการคารวะบรรพบุรุษ หรือญาติผู้ใหญ่มีเพียงส่งตัวหว่านหนิงเข้ามาในตำหนักร้อยดาวเพียงลำพัง“ท่านแม่ หว่านหนิงจะพยายามให้ถึงที่สุด”สูดลมหายใจเข้าลึกๆผลักบานประตูเข้าไปช้าๆ ภาพเบื้องหน้าคนผู้หนึ่งในอาภรณ์สีแดงรูปร่างสูงโปร่ง แต่ซูบผอมปากคอคิ้วคางแม้จะรับกับใบหน้าคิ้วดกดำผิวขาวจนกลายเป็นซีด ริมฝีปากบางแต่ทว่าซีดขาว หากมีสีเลือดกว่านี้ บุรุษผู้นี้อาจจะนับได้ว่าหล่อเหลาเราเ
หว่านหนิงในอาภรณ์เต็มพระยศในแบบของฮองเฮา ยืนเคียงข้างลี่หยางฮ่องเต้รูปงามแต่ใจเดียวสมกันราวกิ่งทองใบหยกมือข้างขวาถูกมือของลี่หยางเกาะกุมไว้ จุดธูปเทียนบูชาสวรรค์และบรรพบุรุษ เตรียมที่จะขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร ฉีกวนลี่ยืนอยู่ข้างหน้าสวมมงกุฎสีทองอร่ามลงบนศีรษะของลี่หยาง“นับแต่นี้เจ้าคือฮ่องเต้แคว้นจ้าวองค์ใหม่ ลี่หยางฮ่องเต้พ่อหวังว่าเจ้าจะทำนุบำรุงศาสนาและปกป้องดูแลราษฎรดุจลูกหลานของเจ้า”ฝานกงกง ยื่นตราประทับของฮ่องเต้ ให้ฉี่กวนลี่ที่มอบมันให้กับลี่หยางหน้ามุขสูง ทั้งสองคนลี่หยางและหว่านหนิงยืนเคียงข้างกันเสียงแซ่ซ้องจากราษฎรดังไปทั่วลานกว้าง ลี่หยางยิ้มกว้าง ชีวิตเขาแม้ผ่านความลำเค็ญมากมายเพียงใดแต่เมื่อมองย้อนกลับไปกลับคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวที่เป็นบทเรียนสอนใจเท่านั้นต่อจากนี้ ชีวิตขององค์ชายห้าผู้อับเฉามีพร้อมแล้วซึ่งความสุขและครอบครัวในวันนั้นลี่หยางนั่งซุกอยู่ในมุมมืด เดียวดายเหน็บหนาวความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความหิว ในคืนไหว้พระจันทร์ที่หลายคนต่างสนุกสนาน แต่เขากลับเดียวดาย ครึ่งหลับครึ่งตื่นเด็กหญิงตัวอ้วนป้อมยกมืออุ่นขึ้นลูบใบหน้าเบาๆ แล้ววางขนมไหว้พระ
ลี่หยาง สืบเสาะหาสมุนไพรนานาชนิดมาบำรุงร่างกายให้หว่านหนิงทั้งสมุนไพรสำหรับช่วยให้การคลอดไหลลื่น และสุมนไพรบำรุงร่างกายทั้งทารกในครรภ์และตัวหว่านหนิงเอง อาหารทุกอย่างล้วนถูกลี่หยางชิมเสียก่อน ท่องจำเรื่องราวอาหารคาวหวานที่หว่านหนิงกินว่าสิ่งใดทำให้แพ้ท้อง สิ่งไหนที่หว่านหนิงไม่ชอบ วันว่าง ก็จะฝึกการนั่งการนอนและการหายใจ ตำราต่างๆ มากมายนำมากองรวมกัน ลี่หยางใช้เวลาทั้งหมดในการอ่านตำราเกี่ยวกับการตั้งครรภ์“ลี่เจินส่งสาสน์เรื่องการสถาปนาฮ่องเต้ของเแค้วนเหว่ย”“ส่งของกำนัลยังแคว้นเหว่ย ความจริงข้าอยากให้ไท่จือเดินทางเข้าร่วมงานพิธีในครั้งนี้ หากแต่ไท่จือเฟยใกล้จะคลอดเต็มที คงไม่เหมาะนักที่จะให้ไท่จือเดินทางแรมเดือน”“ฝานกงกง อาสาเดินทางนำของกำนัล ร่วมแสดงความยินดีกับองค์ชายสิบสองลี่เจิน”ฉีกวนลี่พยักหน้าเห็นด้วย“ลูกคิดว่ารอให้ไท่จือเฟยคลอดองค์ชาย จึงจะส่งสาสน์ให้ลี่เจินและอันฝูร่วมเฉลิมฉลองแสดงความยินดีอีกครั้ง ลูกเองก็คิดถึงลี่เจินไม่น้อยอยู่ต่างแคว้นต้องปรับตัว คงลำบากมากหน่อย”“ลี่เจินไม่นานก็จะขึ้นนั่งบัลลังก์ เป็นเขาที่จัดการบางอย่างได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้”ฉีกวนลี่ชื่นชมลี่เจิน ออกนอก
"หญิงผู้หนึ่งที่ยอมแต่งกับองค์ชายที่มีดวงพิฆาตไม่สนใจเสียงร่ำลืออีกทั้งพยายามฉุดดึงและสร้างองค์ชายที่แข็งแกร่งยอมทนลำบากเพื่อรอวันที่สวยงามวันที่ฟ้าสดใส แต่เมื่อวันนั้นมาถึงกลับต้องถูกปล่อยให้เดียวดายในตำแหน่งที่สูงส่ง"องครักษ์วิ่งเข้ามาข้างใน"ฝ่าบาทไท่จือเฟยเป็นลมหมดสติ อยู่ข้างๆ ที่ไท่จือคุกเข่าอยู่"ฉีกวนลี่ลุกขึ้นยืน ฝานกงกงถลาออกไปด้านนอกพบลี่หยางกำลังเขย่าร่างไร้สติของหว่านหนิง ปากก็ร้องเรียกหาหมอหลวง หยาดฝนยังโปรยปรายไม่หยุดลี่หยางและหว่านหนิงเปียกปอนร่มที่ถือมาถูกกางกันฝนให้ลี่หยางแต่ตัวเองยอมเปียกฝน ลี่หยางพยายามจะลุกขึ้นยืนทั้งที่ปวดหัวเข่าเพราะคุกเข่าอยู่เสียนาน"พาไท่จือเฟยเข้าไปข้างในตำหนักก่อน"ฉีกวนลี่พูดขึ้นดังๆ ลี่หยางมองสบตาฉีกวนลี่สายตาเจ็บซ้ำ ฝานกงกงช่วยพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้นพาเข้าไปด้านใน"ตามหมอหลวง"ฉี่กวนลี่ออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังฝานกงกง เตรียมอาภรณ์ชุดใหม่ให้ลี่หยาง"ให้ห้องเครื่องต้มน้ำขิงแล้วนำมาที่นี่ทันที"ตำหนักฮ่องเต้บังเกิดความวุ่นวายไม่น้อย หมอหลวงถือหลวมยาเข้ามา ลี่หยางถลาเข้าไปข้างๆหว่านหนิง"ไท่จือเฟยเป็นอย่างไรบ้าง แล้วลูกของข้าล่ะ"ฉีกวนลี่หันขวั
“ข้า..ข้า..ข้ากำลังจะเป็นพ่อเจ้าได้ยินไหม ลูกของเรา”หว่านหนิงยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบที่ท้องอย่างทะนุถนอมตอนที่55ยอม"เจ้าเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเท่าที่ข้าเคยมีบัดนี้กับให้สิ่งมีค่าที่สุดแกข้าเพิ่มเติม อย่างนี้จะไม่ให้รักเจ้าได้อย่างไร"กอดประคองหว่านหนิงแน่น"ท่านพี่ท่านกับลูกก็คือสิ่งเดียวที่ข้าหวงแหนที่สุด"ลี่หยางกลับพูดน้อยลงกว่าเดิม เขามีเรื่องให้ทำมากมายแต่รอยยิ้มกลับเพิ่มมากขึ้น เฝ้ามองหว่านหนิงทุกอย่างก้าว จะนั่งหรือเดินต้องคอยประคอง ดังกลัวว่าจะหกล้ม“กุ้ยอิงกับอิงไถต่อแต่นี้อย่าให้ไท่จือเฟยทำงานใดใดในตำหนักร้อยดาว พวกเจ้าต้องมั่นดูแลอย่าให้ไท่จือเฟยต้องลงมือทำสิ่งใดไม่อย่างนั้นข้าคงต้องสั่งลงโทษเจ้าทั้งสอง อีกไม่นานข้าจะหานางกำนัลที่ไว้ใจได้สักหลายคนหน่อยมาคอยดูแล ไท่จือเฟย”หว่านหนิงยิ้ม“ข้าให้หมอหลวงส่งยาบำรุงที่ดีที่สุดมาที่ตำหนักร้อยดาวข้าตั้งใจเคี่ยวยาให้เจ้าด้วยตัวเอง”“ท่านพี่จะทรงลำบากไปไย”“เพื่อเจ้า เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อข้าอีกทั้งยังอุ้มท้องลูกของข้า ทนลำบากอยู่หลายเดือนเรื่องที่ข้าทำจึงถือว่าเล็กน้อยเหลือเกิน”"อีกอย่างข้าเห็นท่าน หาซื้อผ
“องค์ชายน้อยอยู่ในครรภ์ของเจ้าแล้วตอนนี้ ข้าจะทูลให้เสด็จพ่อยกเลิกกฎการมีชายารองและแต่งตั้งสนมมากมายให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมาเสียที”หว่านหนิงซุกหน้าลงบนอกกว้างที่บัดนี้กับอบอุ่นมิได้เย็นชาเหมือนที่ผ่านมา อ้อมกอดที่กระชับแน่นทั้งคืนไม่เขินอายหรือแอบประคองกอดเหมือนเมื่อครั้งแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวใหม่ๆ“หว่านหนิงไม่ขอสิ่งใดขอเพียงได้เคียงข้างเช่นนี้ทุกค่ำคืน” หว่านหนิงตกใจใน คำพูดของตัวเองไม่น้อย ก่อนหน้านั้นยังคิดว่าการแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวเป็นการตกนรกหรือไร แต่มาวันนี้กลับรู้สึกว่าตำหนักร้อยดาวแห่งนี้เป็นดั่งสวรรค์ เมื่อมีลี่หยางประคองกอดอยู่อย่างนี้ทุกค่ำคืนทั้งคืนหว่านหนิงสวมเสื้อคุลมมังกรสีน้ำเงินเข้มให้ลี่หยาง ใบหน้าหล่อเหลาช่างดูเหมาะกับเสื้อคลุมมังกรเหลือเกิน เหล่าขุนนางราชสำนักคุกเข่าส่งเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ“ไท่จือทรงพระเจริญ พันปี”หว่านหนิงยิ้มอย่างเป็นสุข ลี่หยางหันสบตากับหว่านหนิง ส่งยิ้มกว้างกว่าทุกครั้งที่หว่านหนิงเคยเห็นมา“เจ้าคิดว่าได้อย่างนั้นหรือ การที่เจ้าจะตัดสินใจสิ่งใดโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสิน”“เสด็จพ่อ ฝ่าบาทลูกเห็นทีจะ ขอสละตำแหน่งไท่จือ”หว่านหนิ
“สวีเยียน เชื่อข้าเถอะ ลี่จางคือลูกของเราเป็นเจ้าสิบสี่ เจ้าคิดหรือว่าหากเขาไม่ใช่ลูกข้าข้ายังจะให้เขามีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้หรือ ข้าไม่ไว้ใจเจ้าแต่ทว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เลือดของเจ้าสิบสี่ถูกนำมาพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกกับข้าตั้งแต่ลืมตามาดูโลกคิดหรือไรว่าหากข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของข้าแล้วเขาจะมีชีวิตยืนยาวเพียงนี้”ลี่จางทรุดกายลงกับพื้นก้มหน้าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เสียงร้องโหยหวน ด้วยดวงใจที่แหลกสลาย ลี่เจินเข้าไปพยุงแต่ลี่จางกลับสะบัดตัวหนี ภาพตรงหน้า สะเทือนใจไม่น้อย ฮองเฮาสวีเยียนเองก็ไม่ต่างจากลี่จาง ทรุดกายลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงดวงตาเหม่อลอยพร่ำพูดแต่คำพูดเดิมๆ“ไม่จริง ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง”น้ำตาไหลนองเต็มตาแต่ปราศจากเสียงสะอื้นฉีกวนลี่หลับตาลงช้าช้าไล่หยาดน้ำตา ให้ไหลคืนลงในอกกล้ำกลืนอย่างที่สุด หากจะโทษใครสักคน ให้โทษตัวเขาที่มีใจเดียวรักมั่นแต่จินเฟยคนเดียวไม่มีสายตาไว้มองใคร ความรักนั้นยังถูกถ่ายทอดไปยังลี่หยางรักเขายิ่งแแก้วตาทำทุกวิถีทางให้ลี่หยางรอดพ้นเงื้อมมือฮองเฮา แม้จะแสร้งไม่รักแต่กลับซ่อนไม่มิด หันมองลี่หยาง ที่จับตัวหวานหนิงมาสำรวจว่าบาดเจ็บตรงไหนห
“555 ฉีกวนลี่ผู้นี้ ปกป้องใครได้กัน แม้แต่สนมที่รักอย่างเช่นแม่ของเจ้ายังถูกแม่ข้าฮองเฮาส่งคนฆ่าวางเพลิง แม้จะเรียกตัวเองว่าพ่อแต่ปกป้องใครได้กัน เจ้าเองก็รู้ดีนี่ลี่หยางตลอดเวลาเขาเคยปกป้องเจ้าหรือไร”ฉีกวนลี่กัดฟันแน่น ทั้งๆ ที่ระแคะระคายมาบ้างแล้วว่าฮองเฮาเป็นคนส่งคนไปลอบสังหารสนมจินเฟยแต่ครั้งนี้ได้ยินกับหูจึงเกือบระงับความแค้นเคืองไว้ไม่ได้“ความผิดของข้าอย่างเดียว คือปล่อยให้เจ้าสองคนแม่ลูกมีชีวิต อยู่เสียนานคิดว่า อาจจะกลับตัวกลับใจได้”“ข้าเคยบอกแล้วว่าเป็นเพราะท่านฉีกวนลี่ ข้าเคยรักเคยเทิดทูนท่าน เหมือนที่ลูกพึงจะกระทำ หากท่านใส่ใจเราสองคนแม่ลูกสักนิดไม่เฉยชา เราสองคนอาจจะดีกับท่านอย่างจริงใจ”“จะให้ข้าดีกับพวกเจ้าอย่างจริงใจทั้งๆ ที่รู้ว่าฮองเฮาผิดต่อข้าเช่นนั้นหรือ”“เสด็จแม่จะไม่ผิดต่อท่าน หากท่านไม่มัวแต่อาลัยอาวรณ์คร่ำควรญกับการจากไปของสนมจินเฟย เสด็จแม่บอกว่าหัวใจของท่านอยู่ที่สนมจินเฟย ลี่หยางเป็นดั่งแก้วตาในเมื่ออยากให้ท่านตายคงต้องสังหารหัวใจและแก้วตาของท่านเสีย”“ทหารจับพวกมันไปขังไว้พรุ่งนี้ประหารเสียพร้อมกันให้หมด”องครักษ์นับรอยล้อม ลี่หยางและหว่านหนิงที่หันหลังชนกั
“ละทิ้งความโกรธเกลียดไม่ได้ เจ้าจะมีความสุขได้เช่นไร”“ฝ่าบาทเดิมทีตำแหน่งฮองเฮาต้องได้ความรักมากกว่าผู้ใด แต่ฝ่าบาทกลับละเลยมอบความรักให้แต่จินเฟยเพียงคนเดียว แล้วจะให้สวีเยียนยิ้มและเป็นสุขได้อีกหรือ เช่นนั้นข้าจำต้องหาความสุขเพียงลำพัง”กระซิบเบาๆ ข้างหูหัวหน้าขันทีออกมายืนด้านหน้า ตรงช่องทางเดินที่สองข้างขนาบซ้ายขวาด้วยเหล่าขุนนาง“พิธีเริ่มได้….”ฉีกวนลี่เชิดหน้านั่งตัวตรง“บัดนี้ถึงเวลา ข้าฉีกวนลี่จะประกาศอาณัติจากสวรรค์ แม้จะรวดเร็วไปบ้างแต่เมื่อเป็นลิขิตจากสวรรค์จึงไม่อาจทัดทาน”เหล่าขุนนางต่างซุบซิบบ้างก็สงสัยว่ามีเรื่องใดกันที่เป็นอาณัติสวรรค์บ้างก็บอกเล่าสิ่งที่ระแคะระคายมาเมื่อไม่นานมานี้นอกกำแพงเมือง ลี่เจินและฝานกงกง ยืนอยู่หน้าประตูวัง และทหารที่ติดตามหลายร้อยคนเสียงอื้ออึงโกลาหล กระบี่ในมือปัดป้องลูกดอกที่ถูกยิงลงมาจากกำแพงเมือง ทหารหลายนายกำลังใช้เครื่องทุ่นแรงกระทุ้งบานประตูใหญ่ให้เปิดออก การบาดเจ็บล้มตายหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ทหารแปดกองธงหาได้มีแค่เพียงหยิบมือจำนวนมากมายคณานับกองหน้าล้มตายก็มีกองหนุนเข้ามาเสริม เลือดไหลนองพื้นดั่งสายน้ำสวีถงนำองครักษ์เสื้อแพรช่วยกันต้า