“ของมันร้อน สุดท้ายก็ต้องเอาออกมาขายกินสินะ” วิชญ์ยิ้มเหยียดอย่างนึกสมเพชแก้วกาญ เพราะไม่ทันไรก็ขายเครื่องเพชรที่เขาซื้อให้กินเสียแล้ว“คนของเราที่เวียงจันทน์สืบที่อยู่ของสองนั้นเจอหรือยัง”“ยังครับเจ้านาย แต่ผมขอเวลาครึ่งเดือนน่าจะได้ข่าวครับ”“ฉันให้เวลาตามที่นายขอกมล หลังจากนี้ถ้ามีอะไรคืบหน้า รายงานตรงกับฉันได้เลย” แม้จะอยากรู้ที่อยู่ของแก้วกาญและพศินเดี๋ยวนี้ แต่วิชญ์ก็เข้าใจการทำงานว่าทุกอย่างมันมีขั้นตอน ต่อให้เขาจะใจร้อนแค่ไหนก็คงต้องรอสักหน่อย “ครับเจ้านาย” เอ่ยรับคำเสร็จกมลก็วางสายแล้วไปทำงานของตัวเองต่อ ในขณะที่วิชญ์นั่งนิ่งๆ เพราะกำลังใช้ความคิดว่าเขาจะทำยังให้แก้วกาญโผล่หางออกมาเพราะหลังจากนี้เขาจะทำให้เธอคลานกลับมาขอความเมตตา หลังจากนี้เขาจะทำให้เธอเป็นฝ่ายตามหาตัวเขากลับบ้าง แค่คิดก็รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็เดินไปยังห้องนอนของมารีญาก๊อก ก๊อก ก๊อก“เปิดประตูหน่อย” น้ำเสียงห้วนๆ ของเจ้าของเพนต์เฮาส์เอ่ยบอก นั่นทำให้คนที่อยู่ในห้องแม่บ้านต้องออกมาเปิดประตูให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณวิชญ์”“ฉันมีข่าวพี่สาวเธอมาบอก”“ข่าวพี่แก้วหรือคะ” ประโยคที่ได้ยินสร้างความดีใจ
“ตอนนี้มันพาคุณแก้วไปซ่อนตัวที่อื่นแล้วครับ” นั่นเพราะกมลตามไปจนถึงบ้านเช่าของทั้งสองคน แต่ทว่ากลับเจอเพียงความว่างเปล่า “บัดซบ”“ผมขอโทษครับเจ้านาย” กมลเอ่ยขอโทษตรงๆ เพราะเขาก็อยากทำผลงานให้เจ้านายพอใจเช่นเดียวกัน แต่ความพลาดแค่นิดเดียวกลับทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว “ตามหาสองคนนั้นให้พบ ถ้าไม่พบพวกนายก็อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไป”“ครับ” เอ่ยรับคำเสร็จกมลก็วางสายไปแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน ในขณะที่วิชญ์ก็หัวเสียจนต้องหาบหรั่นดีมาดื่มดับอารมณ์โกรธ ชายหนุ่มกระดกบรั่นดีชั้นเลิศที่สั่งนำเข้ามาจากฝรั่งเศสลงคอราวกับนั่นเป็นน้ำเปล่า แม้มันจะบาดภายในลำคอจนหน้ายู่ แต่ทว่ากลับไม่ได้ทำให้เขาหยุดดื่มแต่อย่างใดจู่ๆ ใบหน้าของมารีญาก็ผุดเข้ามาในความคิด ก่อนที่วิชญ์จะเดินถือแก้วบรั่นดีทรงสวยตรงไปยังห้องนอนของเธอ ดูเหมือนเวลานี้ความไม่พอใจทำลายเหตุผลที่เคยมีไปอย่างสิ้นเชิง ก๊อก ก๊อก ก๊อก“เปิดประตู” เจ้าของเพนต์เฮาส์เอ่ยบอกคนที่อยู่ข้างในเสียงดังลั่น ส่งผลให้มารีญาที่ยังไม่นอนเกิดอาการลนลาน สองจิตสองใจว่าจะแกล้งหลับหรือออกไปเปิดประตูให้วิชญ์ สุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง“คุณวิชญ์”“นอนหรือยัง”“ยังค่ะ”“งั้นออ
“เธอไม่น่าจะถามฉันแค่คำถามเดียวหรอกมั้ง...ใช่ไหม” มารีญาไม่ตอบอะไร เธอนั่งจ้องแก้วบรั่นดีอยู่นาน ก่อนจะคว้ามาถือไว้แล้วเริ่ม...ดื่มรสชาติของมันทั้งคมและบาดคอไม่ได้อร่อยสักนิด คิ้วสวยขมวดกันเป็นปมก่อนจะกลืนบรั่นดีรสชาติไม่ได้เรื่องลงคอ ไม่เข้าใจว่าใครต่อใครทำไมถึงชอบดื่มมันนัก เพราะนอกจากรสชาติจะแย่แล้วยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีก แต่ถึงจะไม่ชอบแต่มารีญาก็ฝืนดื่มไปจนหมดแก้ว นั่นทำให้เธอรู้สึกร้อนไปทั้งตัว“ฉันดื่มหมดแล้ว คราวนี้คุณจะตอบคำถามมาได้หรือยังว่าตอนนี้พี่แก้วอยู่ที่ไหน”“เวียงจันทน์”“ก็อยู่ที่เดิมที่คุณเคยบอกฉันนี่”“ใช่...แต่คราวนี้ฉันรู้ลึกกว่านั้น รู้ว่าพี่สาวอยู่กบกานอยู่ที่บ้านหลังไหน ซอยอะไร เข้าออกบ้านกี่โมง แต่ละวันไปที่ไหนมาบ้าง” วิชญ์ยิ้มพอใจกับระดับความจำของมารีญา ก่อนจะพูดเกินจริงไปนิดๆ หน่อยๆ เพื่อบีบคั้นเธอ ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะที่มารีญาเองก็กำลังตกใจกับสิ่งที่ได้รู้และเธอมีคำถามจะถามเขาต่อ จึงหยิบขวดบรั่นดีมารินใส่แก้วในปริมาณที่วิชญ์รินให้ดู จากนั้นก็ดื่มด้วยท่าทางไม่ชอบทันที ซึ่งพอวางแก้วลงคำถามที่สองก็ออกจากปากเธอ“ตอนนี้พี่แก้วยังส
เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มหรือเสนอตัวก่อน หากเหตุการณ์จบลงก็คงถือว่าเป็นผู้ถูกกระทำจากมารีญามากกว่า ฉะนั้นเธอควรต้องรับผิดชอบเขาไม่ใช่ให้เขาไปรับผิดชอบเธอวิชญ์พลิกตัวขึ้นไปอยู่ด้านบนแล้วกดร่างบางที่สั่นสะท้านของมารีญาให้อยู่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มจัดการถอดเสื้อนอนออกแล้วโยนไปอีกทาง ปล่อยให้มารีญาตะลึงแล้วเพ่งมองรูปร่างท่อนบนอยู่ไม่กี่วินาทีก็โผเข้าไปหาเธอและมอบจูบให้อีกครั้ง บางจังหวะที่ความกลัวก่อตัว มารีญาก็ผลักไสวิชญ์บ้างด้วยการใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบแผงอกของชายหนุ่มสลับออกแรงผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับถูกชายหนุ่มมอบจูบให้อย่างร้อนแรงจนเธอแทบหายใจไม่ทัน ไหนจะมือไม้ของเขาทั้งสองข้างที่ป้วนเปี้ยนลูบไล้ร่างกายเธออย่างเป็นเจ้าของ“ขะ...คุณวิชญ์”“อะไร” น้ำเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนาของวิชญ์เอ่ยดังขึ้น ซึ่งคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้ก็คือมารีญา “คุณยังไม่รับปากฉันว่าจะปล่อยพี่แก้วไป”“พรุ่งนี้ฉันจะรับปาก” เอ่ยบอกเสร็จวิชญ์ก็ซุกไซ้กึ่งปากกึ่งจมูกลงไปตรงซอกคอของมารีญา สัมผัสจากเขาทำให้เธอขนลุกซู่อย่างเสียวซ่าน แต่ก็พยายามใจแข็งผลักไสชายหนุ่มออก เพราะมองว่าวิชญ์ไม่ทำตามที่พูด “ถ้างั้นฉันจะกลับห้อง แล
“อะ...อ้ายยย” แม้จะมีมือปิดปากอยู่ แต่เสียงครางของมารีญาก็ดังชัดเจน มันกระตุ้นอารมณ์ของวิชญ์จนลุกโชนได้ดี เขาจึงตอบแทนเธอด้วยแรงดูดจากปากหนักๆ จนมารีญาแอ่นอกขึ้นรับอย่างลืมตัว ใบหน้าสวยเหยเกทรมาน ภายในร่างกายปั่นป่วนจนยากจะอธิบายความร้อนจากเหล้าที่ดื่มเพื่อหวังมอมตัวเองกลับสู้ไม่ได้เมื่อเทียบกับความร้อนที่ถูกจุดโดยวิชญ์ ทั้งๆ ที่เธอมอมเหล้าตัวเองเพื่อไม่ให้รู้สึกอะไรแล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่เป็นอย่างที่คิดสักนิด ทั้งรอยจูบทั้งรอยสัมผัสจากวิชญ์กลับตราตรึงอยู่ในความรู้สึก ตราตรึงอยู่ในทุกอณูของร่างกายและลมหายใจที่สะท้านขึ้นลงด้วยไฟปรารถนาที่ไม่คุ้นเคย แต่เธอกลับอยากได้รับมันอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอกำลังถูกวิชญ์มอมเมาด้วยเหล้าที่เรียกว่าความปรารถนาดีกรีของมันร้อนแรงจนอะไรบนโลกใบนี้ก็เทียบเคียงไม่ได้ มันทำให้เธอพ่ายแพ้และโหยหาเขา ซึ่ง มารีญาก็สื่อออกมาจากแววตาที่เธอกำลังมองวิชญ์ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเพราะรู้ว่าเวลานี้มารีญาคงไม่แสดงอาการต่อต้านอะไรเขาได้อีก แต่ทว่าทำไมเขาถึงรู้สึกห่วงรวมถึงไม่อยากให้เธอหวาดกลัวสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั่นทำให้วิชญ์เปลี่ยนท่าทีมาอ่อนโยนกับมารีญามากขึ้น แต่ดูเหมือนจ
มือหนาที่อุ่นร้อนของวิชญ์เองก็กำลังฟอนเฟ้นบีบคลึงหน้าอกของมารีญาไปด้วย ยิ่งทำให้เธอตื่นตัวและความตื่นตัวนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความอ่อนระทวย “ลืมตาขึ้นมองฉันสิ” วิชญ์ที่เวลานี้ละความสนใจจากกุหลาบดอกสวยของมารีญาชั่วคราว ขยับตัวขึ้นมากระซิบบอกเธอ ซึ่งมารีญาก็ทำตามราวกับถูกมนต์สะกดจากนั้นเขาก็มอบจูบให้เธออีกครั้งพร้อมกับบดเบียดสะโพกสอบเข้าหาอย่างตั้งใจ แกนกายของเขาที่เวลานี้ขยายใหญ่เสียดสีไปมาอยู่แถวๆ หน้าขาของ มารีญา บางจังหวะมันก็ขยับมาเสียดสีกับความสาวของเธออย่างเชื้อเชิญให้คล้อยตามเสียงครางกระหึ่มดังมาจากวิชญ์ นั่นทำให้มารีญารู้สึกแปลกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะทรมานเช่นเดียวกับเธอ แต่ความแปลกใจก็ถูกเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เมื่อถูกวิชญ์ล่อหลอกด้วยรสเสน่หาอันไม่คุ้นชินจนเตลิดวิชญ์จัดการถอดอันเดอร์แวร์ออกแล้วคว้ามือของมารีญาไว้ จากนั้นก็นำทางให้เธอได้สัมผัสกับแกนกายของเขาเป็นครั้งแรก มารีญาตกใจก่อนจะดึงมือตัวเองกลับแต่ก็ถูกวิชญ์รั้งเอาไว้แล้วเสียก่อน“ลองจับมันดูสิ...อืม” ท้ายประโยคคือเสียงครางของชายหนุ่ม วิชญ์เป่าลมออกปากหนักๆ อย่างทรมาน เพราะเพียงแค่ฝ่ามือนุ่มของมารีญาลูบไล้ไปมาบนแกนกายข
“เราจะไปอยู่ที่ไหนกันพศิน” แก้วกาญที่จู่ๆ ก็ต้องหอบหิ้วเงินสดเครื่องเพชร รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวออกจากบ้านมาอย่างฉุกละหุกเพื่อหนีคนของวิชญ์เอ่ยถามขึ้น “ห้องเช่าครับ”“ห้องเช่าเหรอ ฉันอยู่ที่แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ” คำปฏิเสธของแก้วกาญทำให้พศินที่หันหลังให้อยู่ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจออกมา“แต่ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้ว คุณไม่เห็นหรือไงว่าคนของคุณวิชญ์ตามหาเราทั้งคู่เจอ ป่านนี้คงป้วนเปี้ยนอยู่เต็มเวียงจันทน์ ขืนอยู่ในที่ที่หาได้ง่ายๆ พวกมันก็เจอเรากันพอดี”“แล้วคลีนิคของเราละ” แก้วกาญเอ่ยถามถึงคลีนิคเสริมความงามที่เธอลงเงินทุนไปอย่างมากมาย เพราะนั่นคือความหวังใหม่ของเธอนั่นเอง “เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”“จัดการยังไง”“ก็ใช้เงินยัดคนท้องถิ่นให้เก็บเรื่องเราไว้เป็นความลับก่อน แต่คนพวกนั้นก็อยากได้เงินเพิ่ม ซึ่งผมเองก็เกรงใจที่ต้องมาขอคุณบ่อยๆ” พศินเล่นบนเศร้าเล่าความเท็จได้อย่างแนบเนียน ทั้งๆ ที่เวลาหน้าหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่เขาก็ยังหาทางสูบเงินมาจากแก้วกาญจนได้ “ทำไมถึงพูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกลแบบนั้นละพศิน” พอเห็นพศินเศร้าแก้วกาญก็พลอยใจไม่ดีตามไปด้วย “ก
“เออๆ ไม่ต้องพูดแล้ว”“ครับ” ภูมิเอ่ยรับแล้วยืนรอเจ้านายกลับเข้าห้องไปจัดการธุระส่วนตัว ซึ่งวันนี้ดูเร็วเป็นพิเศษเพราะเวลาประชุมกระชั้นชิดเข้ามาแล้วนั่นเองแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังให้ภูมิไปตามมารีญามาพบ เพราะเธอต้องส่งเขาไปทำงานเหมือนที่เคยทำ แม้จะอยากหลบหน้าเขาแต่มารีญาก็คิดว่าคงทำแบบนั้นได้ไม่ตลอด ทางเดียวคือทำตัวให้เป็นปกติและปล่อยให้เรื่องเมื่อคืนผ่านไปพร้อมน้ำตา“คุณวิชญ์เรียกฉันหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามขึ้น ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอไม่กล้ามองหน้าวิชญ์ด้วยซ้ำ“ใช่...เพราะฉันกำลังจะไปทำงานแล้ว”“ค่ะ”“ค่ะก็เข้ามาใกล้ๆ สิ จะยืนห่างแบบนั้นทำไม” เมื่อได้ยินวิชญ์พูดแบบนี้ มารีญาจึงต้องขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น และเมื่อมากพอวิชญ์ก็รวบตัวเธอเข้าไปกอดจากนั้นก็บดขยี้จูบลงมาปิดกั้นคำประท้วงจูบจากวิชญ์ทำให้มารีญาตกใจจนสตั้นไปหลายวินาที พอตั้งสติได้ก็ผลักไสชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ยิ่งเธอผลักเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงจูบมา
มารีญานอนหายใจสะท้าน ใบหน้าสวยแดงก่ำ ก่อนจะตกใจเมื่อถูกพลิกให้ขึ้นไปนอนทาบทับอยู่บนตัวของวิชญ์บ้าง ชายหนุ่มกดใบหน้าเธอลงมารับจูบหนักๆ พร้อมกันนั้นก็ลูบไล้สะโพกผายอย่างต่อเนื่อง“ลองกินฉันดูหน่อยสิ ว่ามันจะหวานไหม” เมื่อถอนจูบออก วิชญ์ก็กระซิบบอกแววตาพราวระยับ มารีญากัดริมฝีปากอวบอิ่มราวกับว่ากำลังลังเล แต่สุดท้ายเธอก็โน้มใบหน้าลงไปจูบชายหนุ่มก่อน จากนั้นก็ไล้จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าอกแกร่งของเขา“อืมม” วิชญ์ครางกระเส่าออกมา ก่อนจะสะดุ้งรับเมื่อมารีญากำลังใช้ปากนุ่มและร้อนคลอเคลียกับหน้าอกแล้วรับเอาเม็ดยอดเข้าไปดูดดุน ทำเช่นเดียวกับที่เขาทำให้เธอไปเมื่อครู่ชายอกสามศอกกำลังสะท้านหวั่นไหวกับสัมผัสที่ได้รับ ความไม่ประสาของมารีญาคือเสน่ห์ที่ทำให้วิชญ์ยิ่งคลั่งยามถูกเธอสัมผัสอย่างอยากรู้อยากเห็น สัมผัสอุ่นร้อนของมารีญาค่อยๆ ขยับลงต่ำไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพคมารีญาชะงักไปเล็กน้อย เพราะสายตาของเธอมองเห็นบางอย่างที่เวลานี้มันกำลังผงาดท้าทาย เธอค่อยๆ ยื่นมือไปสั
บรรยากาศตอนไปว่าเงียบแล้วตอนกลับเงียบยิ่งกว่า ขนาดเสียงหายใจยังแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำ วิชญ์ทำหน้าที่ขับรถในขณะที่มารีญาก็นั่งเงียบมาตลอดทางเช่นกัน ก่อนที่เธอจะหน้าตาตื่นเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็เลี้ยวเข้าปั๊มเมื่อจอดรถเสร็จวิชญ์ก็เปิดประตูแล้วก้าวลงไป มารีญามองตามจึงเห็นว่าชายหนุ่มเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะหายไปสิบกว่านาทีแล้วกลับมาพร้อมของกินเต็มมือ และเมื่อกลับเข้ามานั่งในรถได้ก็ยื่นแซนวิชที่อบมาร้อนๆ ให้มารีญา“กินสิ”“ฉัน...”“ไม่ต้องโกหกว่าไม่หิว เพราะในงานฉันไม่เห็นเธอหยิบอะไรเข้าปากนอกเสียจากน้ำเปล่า” นั่นเพราะวิชญ์เองก็คอยสังเกตมารีญาอยู่เช่นกัน“ก็ไม่รู้จะกินอะไรนี่ค่ะ” มารีญาตอบอย่างซื่อๆ แม้อาหารในงานจะน่ากินมาก แต่เธอกลับเก้อเขินจนไม่กล้าแม้แต่จะถือจานไปตักใส่ เพราะประหม่ากับสายตาใครหลายคนจับจ้องอยู่“ไม่รู้ว่าจะกินอะไรหรือทำตัวไม่ถูกกันแน่”“ทั้งสองอย่าง ส่วนเรื่องที่เกิดวันนี้..
วิชญ์แนะนำให้กลุ่มเพื่อนได้รู้จักกับมารีญา อันที่จริงเขาอยากเก็บเธอไว้บนเพนต์เฮาส์อย่างเดียว ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอด้วยซ้ำ แต่ในเมื่ออยากส่งข่าวไปถึงแก้วกาญให้เธอนั่งไม่ติดที่ ก็คงมีแค่วิธีนี้วิธีเดียวที่จะสร้างอิมแพคได้มากราวกับสึนามิข่าวการเปิดตัวว่าเขากำลังคบหาผู้หญิงคนใหม่คงไม่น่าสนใจหากผู้หญิงคนใหม่ที่ว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่...มารีญาเมื่อแนะนำตัวมารีญาให้บรรดาเพื่อนๆ ได้รู้จักแล้ว วิชญ์ก็ถูกเลขาของท่านเจ้าสัวตามตัวให้ไปพบ ซึ่งชายหนุ่มก็จำต้องปลีกตัวไปโดยปล่อยมารีญาไว้กับกลุ่มเพื่อนแม้จะต้องอยู่ตามลำพังแต่มารีญาก็ยังเอาตัวรอดได้ดี เพราะบรรดาเพื่อนๆ ของวิชญ์ไม่ได้ถามอะไรที่ทำให้เธออึดอัดใจที่จะตอบ กลับกันเพราะพวกเขาเล่าวีระกรรมเปิ่นๆ ตั้งแต่สมัยเรียนของวิชญ์ให้เธอฟังอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเกิดการเผาในระยะใกล้เกิดขึ้นรอยยิ้มจริงใจของมารีญาที่มีอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา กลับทำให้ผู้คนรอบข้างต่างชื่นชอบในความเป็นมิตรที่เธอแสดงออก ผิดกับวิชญ์ที่เสร็จธุระจากท่านเจ้าสัวแล้วแต่ไม่ได้เข้าไปสมทบ เพราะกำลังยืนมองและคิดกับเธอในแง่ลบ
“อย่าทำให้ฉันขายหน้า ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะลงโทษเธอ...มารีญา” คำขู่ของวิชญ์ทำให้ใบหน้าสวยของมารีญาเห่อร้อนขึ้นมา เพราะจู่ๆ สมองก็จินตนาการไปถึงการลงโทษที่แสนเร่าร้อนจากวิชญ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้เขาจะบอกว่าลงโทษแต่เป็นการลงโทษที่บางครั้งเธอก็เผลอตัวโอนอ่อนยอมเขาไปเสียทุกอย่างการปรากฎตัวของนักธุรกิจหนุ่มหล่อมาแรงอย่างวิชญ์เป็นที่สนใจของบรรดาสื่อ เพราะต่างเข้ามารุมล้อมเพื่อถ่ายรูป ยิ่งชายหนุ่มควงคู่มากับหญิงสาวหน้าตาสวยด้วยแล้ว สื่อต่างๆ ก็ยิ่งอยากรู้จักเป็นพิเศษว่าเธอเป็นใคร ทำไมวิชญ์ถึงควงออกงานสังคมเช่นนี้แม้ก่อนหน้าจะมีภาพหลุดของวิชญ์กับผู้หญิงบ่อยๆ แต่เขาก็แทบจะไม่เคยเอ่ยถึง ใครถามก็บอกเป็นเรื่องส่วนตัว ยิ่งพามาเปิดตัวด้วยแล้วก็แทบไม่มี นอกจากบรรดาสื่อที่ให้ความสนใจ บรรดาสาวสวยในสังคมไฮโซที่ปลื้มวิชญ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกันคนเหล่านั้นต่างเพ่งมองมายังมารีญาด้วยความสนอกสนใจแกมจับผิด กระทั่งสบโอกาสที่เป้าหมายอยู่ตามลำพัง จึงมีคนหนึ่งเดินเข้าไปหาหมายทำความรู้จัก ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันแน่ รวมถึงจับผิดว่าเธอคู่ควรกับวิชญ์แ
“คนอะไรเผด็จการชะมัด” ภูมิทำเพียงแค่ยืนฟังสิ่งที่มารีญาพึมพำออกมาโดยไม่ได้เอ่ยตอบอะไร จากนั้นชายหนุ่มก็กลับออกไปจากเพนต์เฮาส์ของวิชญ์ เพื่อให้ มารีญาแต่งตัวอย่างสะดวก โดยจะกลับมารับเธอที่หน้าเพนต์เฮาส์อีกครั้งเมื่อครบสามชั่วโมงซึ่งเมื่อภูมิกลับออกไปแล้ว มารีญาก็ถูกรุมจากบรรดาช่างแต่งหน้าทำผม ส่วนอีกคนก็เลือกชุดรวมไปถึงรองเท้าและเครื่องประดับให้เธออย่างขมักเขม้น เพราะงานนี้ค่าจ้างสูงทีเดียว ถ้าอยากได้งานทำนองนี้บ่อยๆ ก็ต้องทำให้ผู้ว่าจ้างพึงพอใจอย่างที่สุดมารีญานั่งหลังตรงราวกับเป็นหุ่น เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้คือนั่งนิ่งๆ แล้วทำตามคำสั่งที่นานๆ จะได้ยินเท่านั้น แม้จะรู้สึกเมื่อยแต่กลับพูดออกไปไม่ได้ นั่งทนกระทั่งมีจังหวะลุกไปเปลี่ยนชุด ซึ่งเธอก็ยืนแปลกใจให้ตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ แพขนตางอนที่ถูกดัดและเติมขนตาปลอมนิดหน่อยเพื่อให้เป็นธรรมชาติกะพริบขึ้นลงปริบๆ“นี่เราเหรอ” มารีญาชี้นิ้วมาที่ตัวเอง นั่นเพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยแต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็มขนาดนี้มาก่อน จึงแปลกตากับตัวเองมาก รอยคล้ำแดงใต
สองเดือน!เวลาช่างผ่านไปเร็ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความโกรธแค้นในใจของวิชญ์ที่มีต่อแก้วกาญและพศินจะหายไป มันแค่จางลงนิดหน่อยเท่านั้นเอง เขาทำเป็นหูหนวกตาบอด ยังปล่อยทั้งสองคนให้เสพสุขมาจนถึงวันนี้ ไม่ราวีลามไปถึงลูกเมียของพศินก็ถือว่าบุญหัวคนทรยศเท่าไหร่แล้ว เพราะมั่นใจว่าลูกกับเมียของพศินไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเขาคิดผิดเดี๋ยวกรรมก็คงทำหน้าที่ของมันเองวิชญ์ยอมรับว่ามารีญามีส่วนช่วยทำให้ความโกรธแค้นในใจเขาจางลง แต่มันก็ปะทุขึ้นมาใหม่ในบางครั้งที่เห็นเธอนั่งซึมไม่สดใส ผิดจากอีกคนที่ยังคงใช้ชีวิตสุขสบายไม่ได้ทุกข์ร้อน“แต่งตัวสิ”“จะไปไหนหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามขึ้น“จะออกไปกินข้าวข้างนอก เบื่อบ้านเต็มทนแล้ว” เขานะไม่เบื่อแต่ที่ตอบคือตอบแทนมารีญามากกว่า“ฉันไม่ไปได้ไหม”“ไม่ได้” น้ำเสียงห้วนๆ ของวิชญ์แย้งขึ้น ทำให้ มารีญาต้องรับคำอย่างช่วยไม่ได้“ค่ะ” เอ่ยรับเสร็จเธอก็กลับ
ครั้งนี้เป็นคำขอบคุณที่เธอส่งยิ้มให้ชายหนุ่มด้วย แม้จะเป็นยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก แต่ทว่ามันกลับทำให้คนรับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกมารีญาอยู่ในห้องน้ำเพื่อจัดการธุระด่วนของตัวเอง แต่พอกลับออกมาก็ไม่เห็นวิชญ์ เนื่องจากชายหนุ่มกลับไปทำงานแล้วนั่นเองคืนนั้นเธอจึงถ่างตาอยู่รอรับเขา แม้วิชญ์จะกลับดึกและเธอก็ง่วงมากแค่ไหนก็ตาม กระทั่งเขามาถึงก็ส่งยิ้มให้ ทำเอาวิชญ์งงว่าเธอจะมาไม้ไหน“กลับมาแล้วหรือคะ” เอ่ยบอกเสร็จมารีญาก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มสากๆ ของชายหนุ่ม ทำตามที่เขาสั่งไว้อย่างไม่อิดออด“อืม”“อาบน้ำเลยไหมคะ เดี๋ยวฉันเตรียมน้ำให้”“เอาสิ ส่วนเธอเตรียมน้ำเสร็จก็ไปพักเถอะ ที่เหลือฉันจัดการเอง”“ค่ะ” มารีญาพยักหน้ารับแล้วปลีกตัวไปเตรียมน้ำอุ่นให้วิชญ์ โดยไม่ลืมที่จะแขวนผ้าขนหนูผืนใหม่ตรงราวให้ชายหนุ่มด้วย จากนั้นก็กลับห้องนอนตัวเองไป ซึ่งทันทีที่หัวถึงหมอนมารีญาก็หลับทันทีส่วนวิชญ์ก็รีบจัดการธุร
เสียงออดที่ดังขึ้นจากหน้าประตูทำให้มารีญาเดินออกไปเปิด เพราะคิดว่าคนของวิชญ์เอามื้อเที่ยงมาส่งอย่างที่เคยทำในทุกๆ วัน แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูออกกลับเจอวิชญ์ก็ต้องตกใจ ซึ่งชายหนุ่มถือกล่องอาหารเต็มไม้เต็มมืออีกต่างหาก“คุณวิชญ์”“ตกใจอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามแล้วเดินถือมื้อเที่ยงเข้ามาภายในเพนต์เฮาส์ ปกติภูมิจะเป็นคนถือมาส่ง แต่วันนี้เขากลับทำเอง“ไม่คิดว่าจะเป็นคุณ” วิชญ์ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มวางมื้อเที่ยงลงบนโต๊ะตรงโซนรับประทานอาหาร จัดการหยิบกล่องอาหารออกมาว่างอย่างคล่องแคล้ว เมื่อตะเกียบในมือพร้อมก็เอ่ยเรียกให้มารีญามานั่ง“ไม่หิวหรือไง”“คุณวิชญ์ลืมของหรือคะ” มารีญาเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าเที่ยงวันนี้วิชญ์จะกลับมากินข้าวด้วย“เปล่า”“แล้วทำไมถึง...”“จะถามอีกนานไหม ถ้านานฉันจะได้กินให้หมด” วิชญ์เอ่ยแทรกขึ้นก่อนจะยื่นตะเกียบมาให้มารีญา ซึ่งเธอก็เดินเข้ามารับมันไว
แม้จะต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน เนื่องจากกมลได้รับคำสั่งใหม่จึงจับตามองพศินและแก้วกาญไกลขึ้น ขอแค่รู้ที่อยู่ที่แน่ชัดเพื่อรายงานกลับไปให้วิชญ์ก็พอในขณะที่พศินก็เริ่มลดความระแวงลง หรือเขาจะตาฝาดมองคนผิด เพราะหากเป็นคนของอดีตเจ้านายจริงๆ ป่านนี้คงลงมือจับเขากับแก้วกาญกลับไปแล้ว แต่นี่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“หรือเราจะตาฝาดไปเอง” พศินพึมพำออกมา ก่อนจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง จากที่ต้องอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ก็เริ่มย้ายไปอยู่บ้านเช่าเป็นหลังๆ“จริงเหรอที่บอกว่าคนของคุณวิชญ์ไม่อยู่แถวนี้แล้ว”“ใช่...ตอนนั้นผมอาจแค่ตาฝาดเลยมองคนผิดไป เอาเป็นว่าตอนนี้เรากลับมาใช้ชีวิตที่อยากทำกันเถอะ”“อื้อ” แก้วกาญเอ่ยรับอย่างมีความสุข เพราะเธอเบื่อห้องเช่าแคบๆ สกปรกๆ นั่นเต็มทนแล้วเช่นกัน ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตด้วยความประมาท หรูหราฟู่ฟ่าเท่าที่เวียงจันทน์จะอำนวยความสะดวกให้โดยทุกๆ อย่างยังคงตกอยู่ในสายตาของกมล ที่ตอนนี้ทำงานรอ