ในความเงียบเกิดความเงียบสงัด—แม้แต่เข็มที่ตกลงสู่พื้นก็ยังได้ยินอย่างชัดเจนขณะที่สมองของมาร์คัสว่างเปล่าไปสามวินาที เจดก็ดูตกตะลึง แม้แต่ลีโอก็ดูตกใจเล็กน้อยนี่…นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ?แม้แต่ไอรอน ซึ่งนอนอยู่บนพื้นอย่างไม่ขยับเขยื้อนเมื่อครู่นี้ ก็ดูเหมือนจะลืมตาขึ้นในขณะที่เขาเคลื่อนตัวยืดขาออกไปด้านนอก‘ตุบ-ตุบ'… เสียงของหัวใจเต้นมาร์คัสรีบคุกเข่าลงกับพื้นและคำนับไทร์ “มิสเตอร์ซัมเมอร์ ฉัน มาร์คัส คอลลินส์ โง่เขลาที่ไม่รู้จักความสามารถของคุณ โปรดยกโทษให้ฉันด้วย มิสเตอร์ซัมเมอร์ ฉันขอร้องให้คุณช่วยพวกเรา ครอบครัวคอลลินส์ด้วยเถอะ!”ไทร์ลุกขึ้นจากโซฟา หรี่ตาขณะที่มองไปทางลีโอ สายตาของเขาทำให้ลีโอรู้สึกเหมือนถูกสัตว์ป่าจ้องกระโจน ในขณะที่หมัดของไอรอนนั้นไม่สามารถต่อยลีโอออกไปได้เลย แต่การเหลือบมองเพียงครั้งเดียวของไทร์ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาถอยกลับโดยไม่รู้ตัวลีโอเริ่มพูดด้วยท่าทีหวาดกลัว “ฉันเป็นคนมาจากทางเหนือ…”ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจที่จะข่มขู่ไทร์ด้วยภูมิหลังของเขา แต่ทว่า ก่อนที่ลีโอจะได้พูดจบประโยค ไทร์ก็เริ่มลงมือแล้วบูม…หมัดเข้าที่หน้าอกของลีโออย่างรว
ขณะที่ไทร์พึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยและมีแววตาที่เย็นชา ในทางกลับกัน เจดยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าของเธอขาวซีดด้วยความกลัวและตัวของเธอเริ่มสั่นในขณะเดียวกัน มาร์คัสรู้สึกประหม่ามากจนหัวใจของเขาเหมือนกำลังจะเต้นรัว ๆ ออกมาทะลุจากอก“ตกลง ฉันตกลงที่จะช่วยเธอ ฉันจะอยู่ที่นั่นเมื่อถึงเวลาการแข่งขันเรือมังกร!” เมื่อพูดอย่างนั้นออกไป ไทร์ก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ หลังจากที่เขาเดินจากไป ในที่สุดเจดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ“เจด มิสเตอร์ซัมเมอร์เกี่ยวอะไรกับตระกูลซัมเมอร์ฝั่งแดนเหนือด้วย? ทำไมเขาถึงมีปฏิกิริยาอย่างมากเมื่อเธอพูดถึงห้าพยัคฆ์ผู้กล้าแห่งตระกูลซัมเมอร์ฝั่งแดนเหนือ?” มาร์คัสถามเจดหันกลับมามองมาร์คัสอย่างเศร้า ๆ “พี่ใหญ่ ฉันจะทวนสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้ให้ฟังอีกครั้งนะ จะดีกว่าถ้านายรู้เรื่องบางอย่างน้อยลง เว้นแต่นายจะไม่กลัวตาย!” มาร์คัสทำท่าตกตะลึง ไม่กล้าถามเธอต่ออีกเลยเมื่อไทร์เดินออกจากคฤหาสน์ของครอบครัวคอลลินส์ มันก็เป็นเวลาค่ำแล้ว เขาเรียกแท็กซี่เพื่อพาเขากลับไปที่บ้านของครอบครัวโคลเมื่อเขามาถึงบ้าน อาหารเ
แม้ว่าใบหน้าของเจคอบจะแดงกล่ำในขณะที่เขายืนอยู่ใกล้ ๆ เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรเพื่อป้องกันตัวเอง พอลพูดถูก ถ้าหากครอบครัวต้องพึ่งพาผู้หญิง ครอบครัวนั้นจะดูเป็นยังไง?เมื่อหกปีที่แล้ว เมื่อมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นกับวินนี่เฟรด คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านั้นแล้ว สำหรับครอบครัวของพวกเขา ถ้าเจคอบมีความกล้าหาญมากกว่านี้ ในช่วงหกปีที่ผ่านมาที่วินนี่เฟรดและแบลร์ต้องทนกับสายตาที่เยาะเย้ยและคำพูดอันดูถูกเหยียดหยามจากตระกูลซีแม้ว่าเจคอบจะรู้สึกแย่มากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาไม่มีความกล้าพอที่จะท้าทายครอบครัวของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงยอมรับทุกสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นไว้เอง แม้แต่ภรรยาของเขา เฮเลน โคล ยังมีบุคลิกที่แน่วแน่มากกว่าเขาเสียอีกผู้ชายแบบไหนที่ไม่สามารถปกป้องภรรยาและลูกสาวของตัวเองได้? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพอล พ่อตาของเขาจึงปฏิบัติต่อเขาอย่างหยาบคาย ในบางครั้งแม้แต่เจคอบเองก็ยังดูถูกตัวเอง“ฉันจะไปดูการแข่งขันบนเรือดอกไม้” พอลกล่าวพร้อมกับมองคริสตินอย่างไม่พอใจ “เธอสามารถอยู่ที่นี่เพื่อชมเทศกาลแข่งเรือมังกรต่อไป บังเอิญว่า เบรนท์เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการรักษาความปลอดภัยของเรือดอกไม้ในปีนี้ เขา
แม้ว่าเรือดอกไม้จะดัดแปลงมาจากเรือเฟอรี่มือสองแต่ภายในยังคงดูหรูหรามาก มีเลานจ์ขนาดใหญ่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องเต้นรำ ทั้งสองชั้นที่ประกอบกันเป็นห้องเต้นรำตอนนี้ว่างลงแล้ว และวงแหวนต่อสู้ถูกตั้งไว้ตรงกลางด้วยที่นั่งทั้งสี่ด้านรอบ ๆ ทำให้ดูเหมือนสนามกีฬาขนาดเล็ก เมื่อไทร์และอีกสามคนมาถึง ที่นั่งจำนวนมากก็เต็มแล้วโดยรวมแล้วมีที่นั่งเพียงพอสำหรับผู้ชมประมาณสามร้อยคนคนส่วนใหญ่ที่สามารถขึ้นเรือดอกไม้เพื่อชมการแข่งขันการต่อสู้เรือมังกรได้ ถือเป็นผู้มีอำนาจในเมืองริเวอร์วิลล์ ตั๋วแต่ละใบในแถวหน้าสุดจะมีราคาหลายหมื่น ด้วยเหตุนี้ ผู้จัดงานการแข่งขันการต่อสู้เรือมังกรจึงสามารถสร้างรายได้ประจำปีที่มีกำไรจากการขายตั๋วได้ด้วยการเข้าชมเพียงอย่างเดียวยิ่งไปกว่านั้น ในวันปกติ บางคนจะเช่าเรือดอกไม้เพื่อการเดิมพันการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้จำนวนมากเช่นกันผลลัพธ์ที่ได้ แม้ว่าเรือข้ามฟากจะหยุดนิ่งในแม่น้ำตลอดทั้งปี แต่ก็ยังสามารถสร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับพันธมิตรแห่งเมืองริเวอร์วิลล์ ดังนั้นสำหรับคนรวยที่บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนา ก็เปรียบเสมือนการลงทุนเช่นกันเนื่องจา
สตีเฟนมองชายวัยกลางคนอย่างไม่เชื่อสายตา “พี่…พี่ชาย คุณต้องล้อเล่นกับฉันใช่ไหม?”ชายคนนั้นดูหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเขาตอบกลับ “ไอ้น้อง ทำไมนายไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ นายเข้าสู่ชนชั้นสูงในเมืองริเวอร์วิลล์ได้ยังไง? พวกนายแอบย่องขึ้นมาบนเรือใช่ไหม?”“เรามีตั๋ว” สตีเฟนรีบหยิบตั๋วออกมาแล้วโบกมันต่อหน้าเขา “เราเพิ่งกลับมาที่เมืองนี้เมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงมีอะไรมากมายที่เรายังไม่รู้ พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหม?”ชายวัยกลางคนพยักหน้า “นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมนายถึงไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ให้ฉันบอกนายเกี่ยวกับมัน เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่แพทริค เรย์โนลด์ถูกไล่ออกจากเมืองริเวอร์วิลล์ ต่อมามีข่าวลือว่าเขาเดินทางตอนเหนือ”“หลังจากนั้น เขาเชื่อมโยงเข้ากับครอบครัวที่มีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว แปดปีต่อมา เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลระดับสูงให้แก่ตระกูล ตอนนี้เขาจึงถูกมองว่าเป็นกองกำลังทางตอนเหนือ”“หลังจากการขยายอำนาจและอิทธิพลของเขา เขาจึงกลับมาแก้แค้นพันธมิตรแห่งเมืองริเวอร์วิลล์”เมื่อถึงจุดนี้ ชายวัยกลางคนเริ่มทำเสียงจริงจังมากขึ้นหลังจากมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มี
ทุกเมืองล้วนมีฉากการต่อสู้ใต้ดินของตัวเอง ในระหว่างการแข่งขัน หากการคำนวณผิดไปเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้ แทนที่จะเป็นเพียงการแสดง การต่อสู้ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการต่อสู้จริง ซึ่งแต่ละหมัดจะได้รับการจัดการอย่างเต็มกำลังถ้าเฮ็คเตอร์สามารถรักษาสถิติชนะสามสิบหกนัดติดต่อกันในฉากการต่อสู้ใต้ดินได้ ก็ถือว่าเขามีพรสวรรค์เป็นอย่างมากถ้าหากว่าพวกเขาได้พบกันก่อนหน้านี้ มาร์คัสและเจดอาจจะมีความประทับใจในตัวเขาอยู่มากแต่ทว่า นับตั้งแต่ที่พวกเขาได้เห็นการต่อสู้ของไทร์ ทำให้พวกเขาไม่ได้นึกถึงนักสู้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มากนัก“จากที่ฉันได้ยิน ถือว่านายเป็นนักสู้ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ” มาร์คัสกล่าว “แต่ว่านายอย่าพึ่งดูถูกคนที่แพทริค เรย์โนลด์จ้างมาจากทางตอนเหนือจะดีกว่า นายอาจไม่เคยเห็นอิทธิฤทธิ์นั้นในช่วงชีวิตของนายเลยก็ได้”“คุณดูถูกฉันเหรอ” เฮคเตอร์ขมวดคิ้วขณะมองมาคัสด้วยแววตาโกรธจัด “ฉันแค่ใจดีเตือนนายไว้ล่วงหน้า”เทอร์รี่เองก็รู้สึกไม่มีความพอใจเช่นกัน หลังจากที่ใช้เงินไปสามสิบล้านเหรียญเพื่อจ้างเฮคเตอร์ เขารู้สึกผิดหวังมากกับปฏิกิริยาของมาร์คัสและคนอื่น ๆ ในตอนแรกที่เขาคิดว่า
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที สมาชิกพันธมิตรเกือบสิบคนได้ย้ายไปอยู่ฝั่งของแพทริค เรย์โนลด์เป็นที่เรียบร้อย แต่ละคนสรรหาคำพูดที่ดูถูกตนเองมากกว่าคำพูดของคนก่อนหน้าเมื่อเห็นว่าสมาชิกพันธมิตรเกือบครึ่งปิดเปือนคำพูดเพื่อย้ายไปยังฝ่ายศัตรู มาร์คัส คอลลินส์และเทอร์รี่ แซนเดอร์มีท่าทีไม่พอใจอย่างยิ่ง“ตระกูลวอลเลซ ขอยอมจำนนต่อมิสเตอร์เรย์โนลด์เช่นกัน”“มิสเตอร์เรย์โนลด์เป็นคนใจดี ได้โปรดปล่อยให้ตระกูลวอลเลซมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย”ทันใดนั้น เจมส์ วอลเลซ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูลวอลเลซก็เริ่มเดินไปตามทิศทางของแพทริค เรย์โนลด์ด้วย มาร์คัส คอลลินส์ และเทอร์รี่ แซนเดอร์เดือดดาลในทันทีนอกจากข้อเท็จจริงที่ว่ากองกำลังอื่น ๆ ภายในกลุ่มพันธมิตรแห่งเมืองริเวอร์วิลล์ได้ยอมจำนนต่ออิทธิพลของแพทริคเรย์โนลด์แล้ว เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สำหรับ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ที่จะทำเช่นเดียวกัน ที่สำคัญกว่านั้น ครอบครัววอลเลซเพิ่งถูกทุบตีอย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นเรื่องน่ารังเกียจสำหรับเจมส์ วอลเลซที่จะทรยศต่อคนที่มีนามสกุลเดียวกับตนเอง ด้วยการร่วมมือกับแพทริค เรย์โนลด์ ส่อให้เห็นว่า พฤติกรรมของเจมส์ วอล
ใบหน้าของเทอร์รี่ แซนเดอร์เริ่มมืดมนในทันที "มิสเตอร์ วอร์ด เราตกลงราคากันตั้งแต่แรก แล้วไม่ใช่เหรอ? มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยเหรอ ที่นายจะเรียกร้องราคาที่สูงขึ้นอย่างกระทันหัน?”เฮคเตอร์ วอร์ดสูดลมหายใจ “เมื่อฉัน เฮคเตอร์ วอร์ดเป็นผู้นำแล้ว แน่นอนว่าฉันสามารถจัดการมันได้อย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้ ฉันเพียงผู้เดียวช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับนักสู้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ เพียงแค่การเพิ่มเงินฉันขอมากไปเหรอ?”บางทีอาจเป็นเพราะว่า เฮคเตอร์ วอร์ด มีภูมิหลังของศิลปะการต่อสู้เส้าหลินกังฟู ที่ควบคู่ไปกับสถิติการชนะการแข่งขันฉากต่อสู้ใต้ดินสามสิบหกนัดติดต่อกัน นั่นทำให้เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองมากอันที่จริง ระดับของความมั่นใจของเขาเกินคำว่าอวดดีและยังมั่นใจในตัวเองสุด ๆในขณะเดียวกัน เทอร์รี่ แซนเดอร์เองก็นึกไม่ถึงว่าเฮคเตอร์ วอร์ดจะเรียกร้องราคาที่สูงขึ้นอย่างไร้ยางอาย ทั้ง ๆที่พวกเขาได้ตกลงราคาไปแล้วก่อนหน้านี้ในขณะที่เทอร์รี่ แซนเดอร์ลังเล มาร์คัส คอลลินส์ก็เริ่มพูดขึ้น “นายแน่ใจใช่ไหม ว่านายจะเอาชนะคน ๆ นั้นได้?”“ถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันคงไม่พูดมันอย่างมั่นใจ” เฮคเตอร์ วอร์ดกล่าว