ในขณะนั้น การต่อสู้ของไทร์และแคลร์เรียกได้ว่าเป็น ‘ความบ้าคลั่ง’! วินนี่เฟรดและเบนจามินตะลึงเมื่อมองดูพวกเขา ผู้ช่วยร้านดูตื่นเต้นขณะที่พวกเขาเก็บห่อสินค้าให้ไทร์และแคลร์ พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วเพราะกลัวจะล้าช้า เมื่อพวกเขาบรรจุของเสร็จและฉีกป้ายราคาออกเพื่อสแกนราคาลงในคอมพิวเตอร์ ผู้ช่วยร้านค้าเหล่านี้ไม่สนใจว่าลูกค้าจะทำสิ่งนี้ด้วยความฉุนเฉียวหรือไม่ เมื่อป้ายราคาถูกดึงออกแล้วและราคาถูกสแกนเข้าไปในคอมพิวเตอร์แล้ว ถือว่าข้อตกลงการซื้อขายนี้เสร็จสมบูรณ์ นี่เป็นกฎของร้านขายเครื่องประดับของครอบครัวคอลลินส์ หากใครเสียใจที่ซื้อและต้องการคืนสินค้า นั่นก็ขึ้นอยู่กับสถานะของพวกเขา พวกเขาแค่ต้องดูว่าพวกเขาสามารถที่จะกล้ารุกรานทำแบบนี้กับครอบครัวคอลลินส์ได้หรือไม่ ในไม่ช้า ไทร์และแคลร์ก็ซื้อสินค้ามากที่สุดในร้าน นี่เหมือนเป็นเกมท่าทายหลอกล่อกันไปมาแล้วยังคงดำเนินต่อไปและในตอนนี้ก็ถึงจุดสูงสุดของเหตุการณ์แล้ว ไทร์หันกลับมาและชี้ไปที่ตู้อื่น “ฉันต้องการทุกอย่างในแถวบนสุด” แคลร์กัดฟันก่อนจะชี้ไปทางเดียวกัน “สองแถวที่ด้านล่างเป็นของฉัน” “เราจะห่อเหล่านั้นให้พวกคุณทันที” ผู้ช่ว
ในเมืองริเวอร์วิลล์ ตระกูลคอลลินส์ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในตระกูลที่ได้รับความนับถือมากที่สุดในขณะเดียวกัน วิลเลียม คอลลินส์ ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลคอลลินส์ ก็มีความหยิ่งผยองอย่างแน่นอนคนธรรมดาอย่าง แคลร์ โจนส์ และ เบนจามิน โกลด์ฟิลด์ ไม่กล้าต่อต้านตระกูลคอลลินส์ และตอนนี้เนื่องจากคำวิงวอนของพวกเขาไม่ได้ผล พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเป็นสิ่งที่เจ็บปวดแต่ต้องยอมรับเท่านั้น ในที่สุด ในสภาพที่ถูกเหยียบย่ำ ทั้งสองออกจากร้านขายเครื่องประดับพร้อมกับเครื่องประดับหยกกองใหญ่อยู่ในมือทันทีที่พวกเขาเดินออกจากประตู เบนจามิน โกลด์ฟิลด์ ก็เตะ แคลร์ โจนส์ ทำให้เธอล้มลง “นังสารเลว เธอเสียเงินของฉันไปหมดแล้ว หย่ากันเถอะ”ท่ามกลางในร้าน วิลเลียม คอลลินส์ เปลี่ยนการแสดงออกทางสีหน้าเย่อหยิ่งของเขาในขณะที่เขาหันไปยิ้มให้ ไทร์ ซัมเมอร์ และ วินนี่เฟรด ซี “บราเธอร์ไทร์และพี่สะใภ้ของฉัน มันหายากมากที่พวกคุณจะมาเยี่ยมเมืองริเวอร์วิลล์ ทำไมฉันจะไม่แสดงเป็นเจ้าภาพต้อนรับและพาพวกคุณไปดูรอบ ๆ ได้กันล่ะ?”วินนี่เฟรด ซี ยังคงสับสนกับทัศนคติในการเยินยอของ วิลเลี่ยม คอลลินส์ อยู่ พวกเขาเคยเดทกันเพี
ทันทีที่คริสตินพูดออกมา พอล โคล ก็ปิดปากเงียบ อันที่จริง ฮอลลี่ โคล อยู่ในวัย 40 ปลายๆ แล้วแต่เธอยังโสดอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงเป็นนแบบนี้เพราะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลโคล“คุณย่าอย่าอารมณ์เสียเลยนะ มันไม่ดีต่อร่างกายของคุณ” สตีเฟน โคล รีบพูดอย่างรวดเร็ว“เมื่อมองไปที่ป้าของฉันก็ดูเหมือนมีสีหน้าน่ากลัวขึ้นเล็กน้อย พูดตามตรง อันที่จริงเธอเป็นคนค่อนข้างอ่อนโยน” เขากล่าวเสริมออกมาว่า “นอกจากนี้ มันเป็นเรื่องของโชคชะตาด้วย บางทีเวลาของเธออาจยังไม่มาถึงที่จะมีคู่ครอง” “เธออ่อนโยนงั้นเหรอ?” คริสตินเลิกคิ้วมอง สตีเฟน โคล ก่อนจะหันไปมอง เบรนท์ โคล และพอล โคล “พวกนายบอกว่าเธออ่อนโยนเหรอ?”“สตีเฟน โคล พูดถูก พี่สาวคนโตของฉันเป็นคนอ่อนโยนจริง ๆ” เบรนท์ โคล พูดอย่างรวดเร็วออกไป ส่วน พอล โคล ก็พยักหน้าพร้อมการสูดหายใจอย่างรุนแรง“ฉันคิดว่าบางทีพวกนายอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของคำว่าอ่อนโยนนะ” ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงจากในครัว ไม่นานหลังจากนั้น ฮอลลี่ โคล คนที่ตัวสูงและร่างใหญ่ก็ได้รีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับผ้ากันเปื้อนที่เอวของเธอ “เกิดอะไ
“ฉันเข้าใจแล้ว” แมทธิว คอลลินส์ ยกกำปั้นขึ้นด้วยสีหน้าหน้าที่ดุดัน“ไทร์ ซัมเมอร์ เป็นคนขี้ขลาดที่ไร้ประโยชน์ นายควรทำให้ฉันภูมิใจและไม่ทำให้ฉันอายในภายหลัง” สตีเฟน โคล เตือน ขณะที่ แมทธิว คอลลินส์ ฟังแล้วหัวเราะคิกคักออกมาและพูดมาว่า “นั่นคือจุดแข็งของฉัน”ในตอนบ่าย สตีเฟน โคล ได้คิดที่จะชวน ไทร์ ซัมเมอร์ และวินนี่เฟรดไปเที่ยวรอบ ๆ เมือง เนื่องจากวินนี่เฟรด ซี รู้อยู่ในใจว่า สตีเฟน โคล และแมทธิว คอลลินส์ คิดจะทำไม่ดี เธอจึงตัดสินใจยอมให้ทำต่อไปและหาความจริงด้วยตัวเธอเองเมื่อพวกเขาเดินกันอยู่บนท้องถนน สตีเฟน โคล พยายามสร้างโอกาสให้ แมทธิว คอลลินส์ แสดงคุณสมบัติที่ดีของเขาเพื่อชดเชยความอึดอัดที่เขาก่อขึ้นเมื่อเขามอบของขวัญให้เธอก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อนคนนั้นเป็นคนที่น่าดูถูกเหยียดหยามอย่างสมบูรณ์ซึ่งเป็นคนไม่รู้เลยว่าจะทำให้ผู้หญิงชอบได้แบบไหน แมทธิวยังสามารถตัดบทสนทนาที่เขามีกับวินนี่เฟรดได้ ดังนั้น วินนี่เฟรด ซี มีการแสดงออกที่น่ากลัวจากสีหน้าของเธอตลอดการเดินทางในขณะเดียวกัน ไทร์ ซัมเมอร์ ก็ถอนหายใจพร้อมกับสังเกตดูทั้งสองคน อันที่จริงแล้ว เขารู้สึกว่ามันเป็นความผิดครั้งใ
ในฐานะผู้หญิงที่อ่อนแอ ไม่มีทางที่ วินนี่เฟรด ซี จะเอาชนะแรง สตีเฟน โคล ได้ ดังนั้นเขาจึงลากเธอออกจากโรงยิม อย่างไรก็ตาม ไทร์ ซัมเมอร์ ไม่ได้เดินตามพวกเขาไป เขายืนนิ่งโดยไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ดูเหมือนเขากำลังครุ่นคิดอยู่ลึก ๆเสียงตะโกนรอบ ๆ ตัวเขาดังขึ้น ทุกคนคิดว่าไทร์เป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าสู้กับแมทธิวในสังเวียน แมทธิวเองก็ตะโกนโวยวายมาจากสังเวียนเช่นกัน แม้ว่าไทร์ยังคงยืนนิ่ง เขาหันไปมองที่แมทธิวอย่างครุ่นคิด เมื่อสบตากัน ไทร์สังเกตว่าดวงตาของแมทธิวเปลี่ยนเป็นสีแดงเดือดด้วยความโกรธ“ไทร์ ซัมเมอร์ ฉันไม่อยากจะทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับนาย อันที่จริง ฉันจะต่อสู้ด้วยมือเดียวยังได้เลย” ฝูงชนส่งเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่ง กระนั้น ไทร์ก็ยังคงไม่ขยับกล้ามเนื้อแม้แต่นิด“คนขี้ขลาดไร้ประโยชน์ นายกลัวงั้นเหรอ?” รีบขึ้นมาสิและเข้ามาในสังเวียน นายเป็นลูกผู้ชายไหมเนี่ย?”“ถูกต้อง บราเธอร์แมทธิวบอกแล้วว่าจะสู้ด้วยมือเดียว นายยังกลัวงั้นเหรอ?”“งั้นทำไมไม่ใช้ขาเดียวล่ะ บราเธอร์แมทธิว?”แมทธิวยกกำปั้นขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “แน่นอนฉันจะยืนอยู่นิ่ง ๆ ได้เลยล่ะ มาที่นี่สิ ไทร์ ซัมเมอร์ ขึ้นมา...”
ชายหนุ่มร่างเตี้ยและผิวดำที่มีสร้อยทองเส้นใหญ่พันรอบคอเดินออกมาจากมุมห้อง เขาคือ วิลเลียม คอลลินส์“บราเธอร์ไทร์ นายน่าทึ่งจริง ๆ นั่นเป็นความกล้าหาญสูงส่งเลยทีเดียว หมัดนั้นบ้าไปแล้ว มันดูยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่ เฉียวฟง ยอดคนผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ทำแบบนี้ในนิยายเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ซะอีก บราเธอร์ไทร์ นายเป็นเหมือนพระเจ้าสำหรับฉัน”ไทร์รู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่วิลเลียมพยายามจะทำให้ถูกชื่นชอบด้วยการยอมทำตามหรือเชื่อฟังตลอดเวลา เขาหยุดคิดถึงเวลาที่วิลเลียมโยนโซ่ทองลงในหม้อไฟไม่ได้เลย เหตุการณ์นั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจของไทร์ราวกับเป็นคาถาที่ไม่มีวันแตกสลาย เมื่อไทร์นึกถึงสิ่งเหล่านี้ เลือดของเขาก็เดือดพล่านไทร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วละสายตาจากวิลเลียม และหันไปมองที่มุมถนนที่อยู่ไกลออกไป “เจด เธอคิดว่าฉันสนุกกับการเล่นซ่อนหากับเธอหรือเปล่า?” สตรีผู้สง่างามปรากฏตัวขึ้นทันทีจากด้านหลังวิลเลียม จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ เจด ลอเรล? อันที่จริงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าราชินีแห่งอัญมณีจากเมืองคานห์นั้นเซ็กซี่และน่าดึงดูดมากขนาดนี้แม้ว่าเธอจะอายุเกิน 30 ปีแล้ว แต่เธอก็รักษารูปลักษณ์และร่างกายของเธอไว้ไ
มาร์คัสรู้สึกราวกับว่าเขาถูกส่งจากสวรรค์ลงไปนรกในทันใดก่อนหน้านี้ เจดสัญญาอย่างมั่นใจว่าเธอจะสามารถหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อปกป้องครอบครัวคอลลินส์ได้จากสถานการณ์อันตรายที่พวกเขาเผชิญ ดังนั้น มาร์คัสไม่เคยสิ้นหวัง เพราะเจดไม่เคยทำให้เขาผิดหวังกับความพยายามของเธอแต่คราวนี้ เขารู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่งเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เจดพามาช่วยปกป้องเขา ตามลักษณะและรูปร่างของไทร์แล้ว เขาดูไม่เหมือนนักสู้ผู้เชี่ยวชาญเลยมาร์คัสไม่สามารถโทษความรู้สึกผิดหวังของเขาเองได้ คนอื่นในครอบครัวคงจะมีปฏิกิริยาในลักษณะเดียวกัน กระนั้น มาร์คัสเป็นคนที่เคยผ่านความยากลำบากมามากมาย เขาเชื่อในหลักการที่ว่าไม่ควรตัดสินหนังสือจากปกแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อใจในตัวไทร์มากนัก แต่เขาก็แน่ใจว่าจะไม่แสดงท่าทางมันออกมา “ใครก็ตามที่ปรากฏตัวเป็นแขกอยู่ตอนนี้ มานั่งเถอะ หนุ่มน้อยซัมเมอร์” มาร์คัสกล่าวออกไปแบบนั้น เจดและวิลเลียมถึงกับละทิ้งความกลัวเมื่อพวกเขาได้ยินว่ามาร์คัสพูดกับไทร์ยังไง ในฐานะเจ้าแห่งตำหนักราชันย์เรย์น เขาสามารถฆ่าตระกูลคอลลินส์ได้อย่างง่ายดายเป็นสิบครั้งด้วยการดีดนิ้วเท่านั้นเองมาร์คัส คอลลินส์ จะเรียกเขาว่าเป็
เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่หยาบคายของไทร์ มาร์คัสก็เริ่มเดือดด้วยใบหน้าที่มีเหงื่อเย็นเยียบ เพราะไอรอนนั้นเป็นคนที่เขาพยายามอย่างมากที่จะจ้างมา หากไอรอนถูกทำให้ขุ่นเคืองด้วยคำพูดของไทร์และตามมาด้วยความโกรธแล้วล่ะก็ ครอบครัวคอลลินส์จะมีปัญหาใหญ่ในวันนี้อย่างแน่นอน“หนุ่มน้อยซัมเมอร์ นายไม่ควรหยาบคายกับท่านไอรอน” มาร์คัสกล่าวเมื่อถึงจุดนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่มาร์คัสจะต้องปฏิบัติต่อไทร์ด้วยความเคารพ เนื่องจากเขาไม่ได้นึกถึงและให้ความสำคัญกับไทร์มากนักตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงมีน้ำเสียงข่มขู่และตำหนิอของเขาออกมาจากคำพูด ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจด เขาคงจะไล่ ไทร์ออกจากบ้านไปแล้วในทางกลับกัน เจดเริ่มตัวสั่นและมีเสียหายใจแรงด้วยความกลัว ‘ไทร์ ซัมเมอร์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระเจ้า นายพูดกับเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน มาร์คัส?’ เธอคิดในใจกับตัวเองเธอพูดเสียงดังออกมา “พี่ใหญ่ หุบปาก! นายไม่สามารถดูหมิ่นมิสเตอร์ซัมเมอร์ได้”มาร์คัสรู้สึกเหมือนกับว่าเจดปกป้องไทร์มากเกินไป มาร์คัสขมวดคิ้ว ในขณะเดียวกัน ไอรอนเริ่มหัวเราะอย่างดังออกมา เขาเดินไปหาไทร์และมองลงมาที่เขาอย่างเย่อหยิ่ง“หนุ่มน้อย นายเพิ่งบอกว