ชินอ๋องจึงเล่าเรื่องที่นางมิต้องอยู่ที่เมืองหลวง และเว่ยหยางยังรับปากเรื่องเรือนหลังของเขาจะมีเพียงจือลู่คนเดียวเท่านั้นอีกด้วย"ท่านพ่อ ท่านมิคิดหรือว่าข้ายังเล็กนัก" นางเอ่ยอย่างกังวล"ฮ่าฮ่า ท่านแม่เจ้าออกเรือนตอนสิบห้าหนาว เจ้าสิบหกหนาวไม่เด็กแล้วลู่เออร์" จือลู่แทบจะปั้นหน้าไม่ถูก นางเข้าใจว่าคนยุคนี้กับยุคนางใช้ชีวิตต่างกัน ในเมื่อหลงยุคก็ต้องทำตามยุคสมัยเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวเมื่อทราบเรื่องก็ยังส่งลูกสะใภ้ของนางเพื่อมาช่วยเตรียมงานในตำหนักอ๋องอีกแรง แม้แต่หวังกงกงยังนำนางกำนัลมาวัดตัวเพื่อตัดชุดให้กับจือลู่ตามคำสั่งของฮ่องเต้ ส่วนเรื่องสินเดิมของนางนั้น ล้วนแล้วแต่ถูกจัดเครื่องอย่างมากมายทางวังหลวงก็ส่งสินเดิมมาให้นางถึงเก้าสิบเก้าหีบ จวนตระกูลจ้าวส่งมาให้อีกสามสิบหีบ ของที่ชินอ๋องเตรียมไว้อีก ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ควรกังวลเรื่องนำกลับเป่ยโจวเช่นไรดี"พี่หญิง ข้าว่าเรือนของท่านไม่มีที่เก็บแล้ว นำไปไว้ที่เรือนของข้าดีหรือไม่ขอรับ" หนิงเฉิงที่มาเรือนของพี่สาว แต่เห็นหีบสินเดิมที่ล้นออกมาด้านนอกก็เอ่ยขึ้น"เจ้ายกไปให้หมดเลยเฉิงเออร์ แล้วก็ช่วยขนไปที่เป่ยโจวด้วย" จือลู่โบกมือให้น
จือลู่ที่ได้ยินคำของบิดานางเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมา แต่ก็ตั้งกลั้นไว้ เพราะงานมงคลมิอาจจะหลั่งน้ำตาได้ นางเดินเข้าไปสวมกอดบิดาโดยไม่สนสายตาของแขกใจนงาน ชินอ๋องลูบหลังจือลู่ก่อนจะจูงมือนางส่งให้หนิงเฉิงเพื่อแบกพี่สาวขึ้นหลังไปส่งที่เกี้ยวเจ้าสาว"พี่หญิง ขอหวังว่าท่านจะมีความสุข" หนิงเฉิงบอกพี่สาวที่อยู่บนหลังของเขาด้วยเสียงสั่นเครือ"เฉิงเออร์ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังเป็นพี่สาวของเจ้าตลอดไป" จือลู่กอดคอของน้องชายแน่นขึ้นขบวนของเจ้าสาวเดินออกจากตำหนักอ๋องไปท่ามกลางความตกตะลึงสินเดิมของเจ้าสาว หากจือลู่นำไปทั้งหมดไม่รู้จะสร้างความแตกตื่นมากเพียงใด นางเพียงนำของที่ฮ่องเต้ ตระกูลจ้าว ของบิดานางเพียงเลือกมาแค่ยี่สิบหีบเท่านั้นขบวนวนรอบเมืองหลวงจนไปถึงจวนตระกูลเว่ย เว่ยหยางก็เดินเข้ามารับนางถึงเกี้ยว แม่สื่อส่งผ้าแดงให้ทั้งคู่จับแล้วพากันเดินข้ามกระถางไฟเข้าไป จนถึงลานทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกว่าจะเสร็จพิธีจือลู่ก็แทบจะแบกมงกุฎบนหัวไว้ไม่ไหว เว่ยหยางจึงพานางไปส่งที่ห้องหอ และให้อีอีที่ติดตามนางมาจัดการเรื่องหาอาหารให้นางได้ทานรองท้องแม่สื่อพาเว่ยหยางเข้ามาภายในห้องเพื่อเปิดผ้าคลุมหน้า ตัดผมของทั
ซีเยว่ที่เห็นเว่ยหยางต่อว่ามารดา และไม่ยอมรับตนเป็นภรรยารองก็เกือบจะเก็บสีหน้าไว้ไม่ไหว"ท่านแม่ อย่าได้พูดเช่นนี้เจ้าค่ะ วันนี้ท่านหญิงเพิ่งเข้าจวนวันแรก ข้าไม่อยากให้นางกังวลเจ้าค่ะ"นางก้มหน้าลงและแสร้งบีบน้ำตาอย่างเสียใจ"พอได้แล้ว พวกเจ้ากลับจวนลี่ไปเสีย เรื่องของจวนเว่ยไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า แล้วอย่าได้คิดเช่นนี้อีก" ฮูหยินเว่ยอับอายลูกสะใภ้จนทนไม่ไหวจึงออกปากไล่สองแม่ลูกให้กลับจวนไปตลอดเวลาที่ผ่านมาทำไมนางจะไม่รู้ว่าน้องสะใภ้กับหลานสาวนางคิดสิ่งใด เพียงแต่บุตรชายของนางไม่ยินยอมนางจะกล้ารับภรรยาให้เขาได้อย่างไร เพียงแค่พูดเรื่องแต่งงานบุตรชายของนางยังหนีไปอยู่เป่ยโจว หากบังคับให้แต่งชาตินี้นางคงไม่ได้พบหน้าบุตรชายอีกแล้วตลอดการแสดงงิ้วทั้งหมด จือลู่มิได้เอ่ยสิ่งใด เว่ยหยางก็กุมมือของนางไว้แน่น เพราะกลัวว่านางจะโมโหจนหนีกลับตำหนักไป"เจ้าอย่าได้กังวล ข้าไม่มีทางรับปากนางแน่""ข้ามิเป็นไรเจ้าค่ะ" จือลู่บีบมือตอบเว่ยหยาง และส่งยิ้มเพื่อให้เขาคลายกังวลแต่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงไม่รู้คือองครักษ์เงาที่ชินอ๋องส่งมาเพื่อดูว่าบุตรีของตนอยู่ที่จวนตระกูลเว่ยเป็นเช่นไรก็นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปรา
ข่าวใหญ่ในเมืองหลวงที่เกิดขึ้น ก่อนวันที่ชินอ๋องจะออกเดินทางได้ไม่กี่วัน จวนตระกูลลี่ก็มีเรื่องมงคลขึ้น คุณหนูลี่นางไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนฝู่ของท่านเจ้ากรมพิธีการ ตอนที่ซีเยว่นางเดินเล่นภายในสวนก็ถูกใครไม่รู้ผลักตกน้ำ แต่ก่อนที่นางจะร้องเรียกก็มีบุรุษกระโดดลงมาในน้ำเพื่อช่วยเหลือนางเมื่อนางได้สติจึงได้รู้ว่าบุรุษที่ช่วยนางขึ้นจากน้ำคือ ท่านเจ้ากรมฝู่ บุรุษวัยสี่สิบหนาว ซีเยว่ที่ได้รับรู้นางก็เป็นลดหมดสติไป สุดท้ายนางจำต้องแต่งเพื่อไปเป็นอนุให้ท่านเจ้ากรมฝู่ เพราะชื่อเสียงของนางเสียไปแล้วคงไม่มีบุรุษผู้ใดมาขอนางอีกแน่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนการของชินอ๋องที่ให้องครักษ์เงาของตนนำตัวท่านเจ้ากรมฝู่ไปโยนลงน้ำเพื่อให้เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตของซีเยว่ คนที่ทำให้นางตกน้ำก็เป็นสาวใช้ที่ถูกซื้อตัวไว้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจือลู่มิได้รู้เรื่อง นางเพียงแค่รู้ว่าคุณหนูลี่โชคร้ายต้องแต่งเป็นอนุให้กับท่านเจ้ากรมฝู่ ฮูหยินเว่ยก็ต้องมานั่งฟังน้องสะใภ้ที่คร่ำครวญเรื่องของความโชคร้ายของบุตรสาวจนฮูหยินเว่ยเริ่มจะไม่เปิดประตูจวนต้อนรับน้องสะใภ้ขบวนเดินทางของชินอ๋องเพื่อเดินทางกลับเป่ยโจวนั้นยิ่งใ
จ้าวเหยียนหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนเพื่อนวัยเดียวกัน เธอมีครอบครัวที่อบอุ่นเรียนจบเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลชั้นนำ แต่ในชีวิตเธอเหมือนขาดสิ่งใดไปตั้งแต่ยังเด็กเธอจะฝันเห็นบุรุษยุคโบราณที่กำลังเรียกหาเธอด้วยเสียงที่สั่นเครืออย่างเศร้าสร้อย เมื่อเธอตื่นทุกครั้งจะมีน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าพอเธอเริ่มโตขึ้น เธอก็มักจะฝันเห็นเด็กผู้หญิงและผู้ชายที่เรียกหาเธออย่างน่าสงสาร มันเป็นความฝันที่กวนใจเธออย่างมาก จนเธอได้อ่านนิยายเรื่อง 'ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย' ตอนที่ร่างเดิมของนางเอกตายลง เธอก็เหมือนหัวใจของเธอถูกบีบจนล้มลงไปนอนที่เตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ยิ่งอ่านเรื่องที่นางเอกฟื้นมาเปลี่ยนเป็นคนละคน และโดนทำร้ายจากคนที่เรียกว่าลุงและป้าสะใภ้ จ้าวเหยียนก็เจ็บปวดจนนางร้องไห้โฮออกมา เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเธอเอง พออ่านจนจบแม่ของนางเอกที่มีชื่อเหมือนเธอ และเรื่องราวที่เหมือนกับความฝันของเธอทุกประการก็ทำให้สติของเธอแทบหลุดลอยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่อาจเล่าให้ใครฟังได้ ทุกคนคงได้คิดว่านางเป็นบ้าไปแล้วแน่ จึงได้เก็บไว้เอง หลังจากนั้นเรื่องในความฝันก็ยิ่งเด่นชัดเหมือนเธอยืนมองเหตุ
เพียงคำพูดของนางในวันนั้น หนิงห่าวก็เริ่มขอเสด็จพ่อของเขาเพื่อฝึกวรยุทธ เพื่อวันหนึ่งเขาจะได้แข็งแกร่งจนสามารถปกป้องนางที่เป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของตนได้จ้าวเหยียนเมื่อตื่นขึ้นก็พบว่านางฝันไปอีกแล้ว และครั้งนี้ต่างจากเดิมที่นางจำชื่อของเขาได้ "ฉีหนิงห่าว" นางพึมพำชื่อของเขาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปเตรียมตัวเข้าเวรเช่นเดิมเสียงโทรศัพท์ของจ้าวเหยียนดังขึ้นเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏเธอก็รีบรับอย่างดีใจ"คุณแม่ โทรหาหนูแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าคะ""อาเหยียน วันหยุดนี้ลูกจะกลับบ้านหรือเปล่าจ๊ะ" "คุณแม่หนูคงไม่ได้กลับค่ะ เพื่อนฝากเวรให้หนูอยู่แทน""เอาไว้ว่างก็กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ้างนะลูก อย่าลืมพักผ่อนให้มากหน่อย" เมื่อคุณแม่ของเธอว่างสายไปแล้วจ้าวเหยียนก็กลับไปทำงานของนางอย่างมีความสุข เพียงได้ยินเสียงของแม่และความห่วงใยที่ท่านส่งให้เธอก็เหมือนได้ชาร์จแบตมีแรงกลับมาทำงานอีกครั้ง"เหยียนเหยียน ข้ามีของให้เจ้า" หนิงห่าวที่เติบโตจนถึงวัยสิบเจ็ดหนาวส่งของในมือเขาให้นาง"เจ้าให้ข้าหรือ" นางมองหยกพกในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย"ข้าต้องไปฝึกที่ค่ายทหาร มิอาจปลีกตัวมาหาเจ้าได้เช่นเดิม เก็บไว้ใ
หนิงห่าวจึงเล่าเรื่องที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดที่เมืองหลวง เขาให้จ้าวเหยียนรีบเก็บข้าวของเพื่อพาบุตรสาวและบุตรในท้องหลบหนีไปก่อน"เจ้ารอให้พี่ไปรับอย่างสบายใจเถิด" หนิงห่าวกอดลาจ้าวเหยียนแล้วส่งนางขึ้นรถม้าอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาหันไปกำชับองครักษ์และทหารให้ดูแลนางให้ดี หนึ่งในนั้นมีจางเหล่ยทหารข้างกายของเขาอีกคน"เจ้าคอยอารักขาพระชายาและบุตรีของเปิ่นหวางให้ดี รอที่จุดนัดหมาย เมื่อจบเรื่องข้าจะไปรับนางด้วยตนเอง" หนิงห่าวตบไปที่บ่าของจางเหล่ยที่ยืนฟังคำสั่งของเขาอยู่"เหยียนเหยียน ข้าจะรีบไปรับเจ้า" หนิงห่าวเปิดผ้าม่านรถม้าขึ้น แล้วบรรจงจูบหน้าผากของนางและบุตรสาวก่อนจะเร่งให้ทั้งหมดออกเดินทางระหว่างทางที่เดินทางออกจากเมืองหลวง จ้าวเหยียนที่นั่งอยู่ภายในรถม้านางไม่รู้ว่าออกเดินทางไปทิศใด และมาไกลถึงเพียงไหนแล้ว นางนั่งกอดบุตรสาวไว้กับอกแน่น สาวใช้ที่พามาด้วยก็เพียงแค่สองคนเท่านั้น"คุ้มครองพระชายา" เสียงรถม้าหยุดลงและเสียงโวยวายด้านนอกก็ทำให้ทั้งหมดที่นั่งในรถม้าพากันอกสั่นขวัญแขวน"เกิดอันใดขึ้น" จ้าวเหยียนตะโกนถามออกไปด้านนอก แต่กลับเป็นจางเหล่ยที่เปิดผ้าม่านเข้ามาแล้วพานางกับจือลู่ลงจา
เหตุใดถึงได้ฝันอีกแล้ว จ้าวเหยียนได้แต่คิดวนไปวนมา หว่านหว่านที่เห็นอาการผิดปกติของเพื่อนก็ปลอบใจนางให้นางนอนพักเพราะยังไม่เช้า"เหยียนเหยียน วันนี้เธอหยุดพักสักวันเหอะ สีหน้าเธอดูไม่ดีเลย ฉันจะลางานให้เธอเอง" หว่านหว่านผลักให้จ้าวเหยียนนอนลง"หากเธอเบื่อก็ลองอ่านนิยายเรื่องนี้ดู" หว่านหว่านส่งลิงค์นิยายเรื่อง ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย ให้จ้าวเหยียน พร้อมเล่าเรื่องคราวๆให้เธอฟัง"เธอว่านางเอกกับน้องชายชื่ออะไรนะ" จ้าวเหยียนหันไปหาเพื่อนสาวแล้วเอ่ยถามอย่างตกใจ"จือลู่กับหนิงเฉิง"เมื่อจ้าวเหยียนได้ยินเธอก็ตกตะลึงและนิ่งเงียบไป คงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น จนหว่านหว่านออกจากห้องไปแล้วเธอก็ยังนั่งคิดอย่างเหม่อลอย ด้วยความสงสัยเธอจึงเปิดเข้าไปดูและซื้อนิยายเพื่ออ่านจ้าวเหยียนไม่รู้ว่าเธอจะตกใจเรื่องใดก่อนดี ทั้งชื่อตัวนิยาย และเรื่องที่สอดคล้องกับความฝันของเธอ ทำให้เธอแทบจะทำอะไรไม่ถูก เมื่ออ่านและได้รับรู้ว่าจือลู่จะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตและมีวิญญาณของจือลู่ที่เป็นช่างแต่งหน้าในยุคปัจจุบันเข้าไปแทนจ้าวเหยียนก็ร้องไห้โฮออกมา นางเพิ่งฝันถึงจือลู่ที่เป็นบุตรสาวของนาง ความรู้สึกที่กอดนางยั
ภายในคุกที่ว่าการเมืองเป่ยหาน ต้าอู๋และนางกงซื่อมิรู้ว่าพวกตนถูกจับมาได้อย่างไร ชินอ๋องที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ภายนอก ก็เดินปรากฏตัวเขาไปด้านในต้าอู๋และกงซื่อเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคนใหม่คือชินอ๋องสามีที่แท้จริงของจ้าวเหยียนก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะอย่างร้อนตัวชินอ๋องพูดเรื่องที่ทั้งคู่ทุบตีจือลู่และหนิงเฉิงทั้งยังจะยกจือลู่ให้พ่อหม้ายจง ต้าอู๋กับนางกงซื่อเงยหน้ามองชินอ๋องอย่างแปลกใจ แม้นางกงซื่อจะเคยคิดเช่นที่ชินอ๋องพูด แต่นางก็ไม่ได้ทำและไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนชินอ๋องมิรอฟังคำแก้ตัวของต้าอู๋และนางกงซื่อ เขาสั่งให้ทหารโบยทั้งคู่คนละสามสิบไม้ก่อนจะเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองทางตอนใต้ของแคว้นขบวนเดินทางของชินอ๋องเสียเวลาอยู่ที่เมืองเป่ยหานเพียงห้าวันเท่านั้น นอกจากที่เขาจัดการเรื่องของต้าอู๋และนางกงซื่อแล้ว ยังให้จือลู่จัดการเรื่องร้านค้าของนาง และเติมสินค้าอย่างเต็มที่หลังจากออกเดินทางจากเมืองเป่ยหานมาได้ห้าวันก็ถึงเมืองเป่ยโจว จือลู่นางต้องไปอยู่ที่จวนของเว่ยหยาง แต่เพราะต้องปรับปรุงจวนเสียใหม่นางกับเว่ยหยางจึงอาศัยอยู่ในตำหนักเสียก่อนผ่านมาได้ครึ่งปีเรื่องมงคลของตำหนักอ๋องก็มีมาเยือน เ
วันต่อมา จือลู่ถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จ้าวเหยียนก็มาที่เรือนของนางเพื่อช่วยนางแต่งตัว วันงานจือลู่มิได้แต่งหน้าเอง แต่คนที่แต่งให้ก็เป็นมือหนึ่งในร้านอ้ายเสิ่นของนาง นับว่าฝีมือที่แต่งออกมาใกล้เคียงกับของจือลู่ยิ่งนักจ้าวเหยียนเป็นคนหวีผลให้จือลู่และสวมผ้าคลุมหน้าให้นาง จ้าวเหยียนหันไปปาดน้ำตา เพราะเป็นงานมงคลไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้"ลู่เออร์ ไม่ว่าเจ้าจะออกเรือนไปแล้ว อย่างไรก็เป็นลูกของข้าอยู่เสมอ" จือลู่เงยหน้ามองจ้าวเหยียนที่ดวงตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาไว้"ท่านแม่ ท่านก็คือมารดาของข้าเช่นกันเจ้าค่ะ" คำพูดของนางหากคนนอกฟังอาจจะดูแปลกๆ แต่สองคนแม่ลูกล้วนเข้าใจกันอย่างดี จือลู่กอดเอวของจ้าวเหยียนแน่น ก่อนจะปล่อยให้นางได้ออกไปจัดการเรื่องด้านหน้าตำหนักเสียงฆ้องดังมาแต่ไกล ขบวนเจ้าบ่าวที่มารับเจ้าสาวยาวเหยียดจะมองไม่เห็นท้ายขบวน สินเดิมของเจ้าสาวที่กองไว้เพื่อนำออกจากตำหนักก็มากมายเสียทำให้คนอิจฉาตาร้อนเว่ยหยางพาจือลู่คำนับชินอ๋องกับจ้าวเหยียนก่อนจะพานางออกไปจากตำหนัก หนิงเฉิงแบกพี่สาวไปส่งที่เกี้ยวแปดคนหามหลังงาม จ้าวเหยียนยืนมองส่งจือลู่ด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ชินอ๋องจึ
ชินอ๋องเมื่อเห็นจ้าวเหยียนปลอดภัยแล้ว นางเพียงหลับไปเพราะอ่อนเพลียจึงได้ออกมาดูบุตรทั้งสาม ก็เห็นว่าจือลู่และหนิงเฉิงเฝ้าน้องของพวกเขาอยู่"ท่านพ่อ ดูน้องของข้า เหตุใดถึงได้น่าเกลียดเช่นนี้ขอรับ" หนิงเฉิงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าน้องสาวคนเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ส่วนน้องชายทั้งสองล้วนแล้วแต่น่าเกลียดในสายตาของเขา"ตอนเจ้าเกิดเจ้าก็น่าเกลียดเช่นนี้" จือลู่หยอกเย้าน้องชายของตน นางก็กำลังเขี่ยแก้มของเด็กแฝดทั้งสามชินอ๋องมองลูกทั้งสามที่นอนหลับอยู่อย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาจะอุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้นมา "ฉีซิงเยียน""ซิงเยียน น้องต้องงดงามกว่าพี่หญิงแน่นอนขอรับ" หนิงเฉิงพูดขึ้น จือลู่หันไปมองสองพ่อลูกที่เห่อน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเอือมๆแฝดคนโตชื่อ หนิงเทียน คนรองชื่อหนิงหวง ทั้งคู่มีคำว่าหนิงเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา"ท่านพี่ ลูกเล่าเจ้าคะ" กว่าจ้าวเหยียนจะตื่นก็เข้าสู่อีกวันแล้ว นางลืมตาก็ถามหาบุตรทั้งสามที่นางเพิ่งคลอด เพราะก่อนที่จะหมดสติไปนางรู้เพียงว่าเด็กทั้งสามล้วนแล้วแต่แข็งแรงดีชินอ๋องให้แม่นมพาบุตรทั้งสามเข้ามาให้จ้าวเหยียนได้ดู และบอกนางถึงชื่อที่เขาตั้งให้บุตรทั้งสาม"เจ้าพักผ่อนเสียให้
เว่ยหยางรีบกลับจวนพร้อมนำข่าวไปแจ้งให้บิดามารดาส่งแม่สื่อไปที่ตำหนักอ๋องข่าวเรื่องที่ตระกูลเว่ยส่งแม่สื่อล่วงรู้ไปถึงองค์ชายรอง ก่อนที่เขาจะออกจากวังไปจัดการกับเว่ยหยางก็โดนฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ"เจ้ารอง เจ้ามั่นใจมากเพียงใดที่จะจัดการกับแม่ทัพเว่ย" ฮ่องเต้ยกชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น เหมือนเรื่องที่พระองค์ถามบุตรเป็นเพียงเรื่องดินฟ้าอากาศ"เสด็จพ่อ ท่านพระราชทานสมรสให้ลูกได้" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ"เจ้ากล้ามีเรื่องกับชินอ๋องใช่หรือไม่" ฮ่องเต้จ้องบุตรชายอย่างดุดัน"ลูก ลูก เสด็จพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ ชินอ๋องจะมีอำนาจมากกว่าท่านได้อย่างไร""โง่เขลานัก" ฮ่องเต้ขว้างถ้วยน้ำชาลงพื้นอย่างมีโทสะ"หากน้องห้าต้องการบัลลังก์ เจ้าคิดหรือว่าเจิ้นจะได้นั่งเช่นทุกวันนี้" เพราะน้องชายของเขามิคิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และช่วยเหลือเขาจนได้นั่งบัลลังก์เช่นทุกวันนี้ เรื่องทุกเรื่องชินอ๋องไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่ง หากพระองค์เข้าไปจัดการเรื่องในตำหนักคงได้เกิดปัญหาแน่"หากเจ้ายังคิดว่าตนเองต่อกรได้ เจิ้นก็ไม่ห้าม ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นเจิ้นมิอาจช่วยเหลือเจ้าได้""เสด็จพ่อ" องค์ชายรองตกใจ เพราะไม่ว่าสิ่งใดเสด็จพ่อเสด็จแ
ฮองเฮาที่ต้องการผูกสัมพันธ์กับชินอ๋องจึงอยากได้จือลู่มาเป็นพระชายาให้กับองค์ชายรอง เพราะฮ่องเต้ย่อมถามความคิดเห็นของชินอ๋องเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทหากองค์ชายรองได้แต่งจือลู่ ชินอ๋องย่อมต้องเข้าข้างบุตรเขยของตนเพื่อให้บุตรสาวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคต เมื่อเห็นว่าชินอ๋องจะขอตัวกลับแล้ว ฮองเฮาจึงพูดเรื่องหมั้นหมายขึ้นมาอีกครั้ง"กระหม่อมยังมิคิดให้ลู่เออร์ออกเรือนพ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะพาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองกลับตำหนัก"ท่านพี่ข้าคิดว่าฮองเฮาคงไม่ยอมหยุดเรื่องของลู่เออร์" จ้าวเหยียนเอ่ยด้วยความกังวล"มีข้าอยู่นางจะทำอันใดได้" ชินอ๋องกอดปลอบจ้าวเหยียน เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้าอย่างใช่ความคิดเว่ยหยางที่รู้เรื่องฮองเฮาต้องการทาบทามจือลู่ให้องค์ชายรองก็ร้อนใจจนมาที่ตำหนักอ๋องแต่เช้า"เปิ่นหวางไม่ได้เรียกเจ้ามิใช่หรือท่านแม่ทัพเว่ย" เขาปรายตามองบุรุษหน้าหนาที่ร้อนใจมาที่ตำหนักแต่เช้า"กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องเดินนำเว่ยหยางไปที่ห้องตำรา เพราะเขารู้ดีว่าเว่ยหยางมาด้วยเรื่องอันใด"ว่ามา" ชินอ๋องนั่งลงแล้วเอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมองเว่ย
วิญญาณดวงใหม่เข้ามาแทนที่ ชินอ๋องจ้องมองภาพตรงหน้าอยากแปลกใจ เมื่อจือลู่ที่มาจากอีกภพลืมตาขึ้น สิ่งที่นางพึมพำออกมาชินอ๋องรู้ได้ทันทีว่านี่คือจือลู่ที่มาอีกภพหนึ่ง"ท่านพี่ ท่านพี่" เสียงเรียกของจ้าวเหยียนปลุกให้ชินอ๋องตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายของเขา"เหยียนเหยียน" ชินอ๋องลูบไปที่ใบหน้าของนาง ก่อนจะดึงนางเข้ามาสวมกอดแล้วร้องไห้เงียบๆ"ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ ฝันเรื่องอันใดถึงได้เป็นเช่นนี้" จ้าวเหยียนมองชินอ๋องอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนจึงทำให้นางตื่นขึ้นมาชินอ๋องเล่าเรื่องความฝันของเขาให้จ้าวเหยียนฟัง พอถึงตอนที่ต้องเสียน้องและจือลู่เสียงของเขาสั่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง"ท่านพี่หากข้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่ท่านฝันคือเรื่องจริงท่านจะเชื่อหรือไม่" จ้าวเหยียนจับใบหน้าของชินอ๋องแล้วจ้องมองเขาอย่างจริงจังนางเล่าเรื่องที่นางเสียชีวิตลง และได้ไปอยู่ที่ภพใหม่ แม้ชินอ๋องจะรู้แล้ว แต่เรื่องที่นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดของพวกเขาเป็นเพียงแค่นิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางจบชีวิตลงเป็นเช่นที่เขาเห็นความรันทดของบุตรทั้งสองเป็นเรื่องจริง ที่ครั้
เมื่อถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้ หวังกงกงก็รีบพาชินอ๋องเข้าไปด้านใน ฮ่องเต้ที่เห็นน้องชายที่ไม่ได้พบหลายปีก็เรียกให้เข้าไปหาอย่างเร็ว แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยกัน เสียงร้องของเสียนเฟยที่ดังอยู่หน้าตำหนักก็ดังเข้ามาถึงด้านใน"พระองค์จะทำให้นางเงียบเสียงลงหรือให้กระหม่อมช่วยทำให้นางเงียบ" ชินอ๋องหมุนจอกน้ำชาเล่นแล้วถามด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย"หวังกงกง" ฮ่องเต้รีบโบกมือให้หวังกงกงไปจัดการส่งเสียนเฟยกลับตำหนักและอย่าได้เสนอหน้ามาอีก"เกิดเรื่องอันใดขึ้นน้องห้า" ชินอ๋องเล่าเรื่องที่เสนาบดีเกาส่งมือสังหารไปลอบทำร้ายเขาและครอบครัวให้ฮ่องเต้ฟัง"เหอะ โง่เขลานัก" ฮ่องเต้สบถขึ้นเสียงดัง เพราะเหตุการณ์แย่งชิงบัลลังก์ทำให้เสนาบดีเการอดพ้นหายนะมาได้ แต่ดันหาเรื่องตายไม่เลิกฮ่องเต้เขียนพระราชโองการสั่งให้ประหารเสนาบดีเกา และยึดทรัพย์จวนเกาพร้อมทั้งเนรเทศคนในตระกูลทั้งหมด โทษฐานลอบสังหารเชื้อพระวงศ์เมื่อได้ยินราชโองการของฮ่องเต้ ชินอ๋องก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น เขายังร่วมดื่มสุรากับพี่ชายอยู่นานสองนาน พูดคุยเรื่องที่ผ่านมาและเรื่องที่หาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองพบกลับถึงตำหนักก็พบว่าจ้าวเหยียนนางเข้านอนเร
ชินอ๋องที่อยู่ด้านนอกก็คลายความกังวลลง และเปลี่ยนมาเป็นยินดีแทน เพราะเขาที่ชนะสงครามแล้วยังมีข่าวมงคลเกิดขึ้นอีก จึงให้กุนซือไปประกาศเมื่อกลับถึงค่ายทหารที่เมืองเป่ยโจว พระองค์จะเลี้ยงมื้อใหญ่ให้กับทหารทุกนายเพราะจ้าวเหยียนตั้งครรภ์ คนขับรถมาจำต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น การเดินทางจากที่สองวันต้องถึงจึงช้าออกไปเป็นถึงในวันที่สาม จือลู่และหนิงเฉิงก็ได้ออกมารอรับบิดามารดาอยู่ที่หน้าประตูเมืองเมื่อทั้งคู่ได้รู้เรื่องที่มารดาตั้งครรภ์ก็รีบไปดูนางที่รถม้าด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมารดาที่ปกติต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ"ท่านแม่ ท่านเรียกให้หมอมาจ่ายยาดีหรือไม่ขอรับ" หนิงเฉิงที่เป็นกังวลกลัวว่าน้องของตนจะไม่แข็งแรง"เฉิงเออร์เจ้าลืมไปหรือไร ว่าท่านแม่มียาของนางเอง" จือลู่เอ่ยขึ้น และเป็นเช่นที่นางพูด เพราะภายในกล่องของจ้าวเหยียนเวลานี้มียาบำรุงครรภ์ให้นางมากมาย"ข้าลืมไปขอรับ" เขาเกาหัวอย่างแก้เก้อ"ลู่เออร์ เฉิงเออร์ เจ้าพามารดากลับตำหนักไปเสียก่อน พ่อมีเรื่องที่ต้องหารือเพิ่มประเดี๋ยวตามพวกเจ้าไปทีหลัง" ชินอ๋องส่งลูกกับเมียกลับตำหนักก็ต้องมาหารือเรื่องที่ต้องเดินทางเข้าเมืองหลว
ชินอ๋องไม่รอคำตอบเขาดึงจ้าวเหยียนเข้ามาในอ้อมอก และชักกระบี่และฟันลงไปที่แขนของทหารที่ลอบเข้ามาทั้งสองข้าง เสียงร้องของทั้งสองคนเรียกให้คนอื่นรีบมาดู"ลากพวกมันไป" องครักษ์ของชินอ๋องเข้าไปถอดกรามก่อนที่ทั้งคู่จะกัดพิษในปากชินอ๋องพาจ้าวเหยียนไปส่งที่กระโจมและกำชับให้องครักษ์ของตนคอยดูแลนางที่หน้ากระโจมก่อนที่เขาจะไปสอบสวนสายลับของแคว้นหนานทั้งสองคนนับจากนั้นจ้าวเหยียนนอกจากมีพานเยว่ติดตามแล้วก็มีองครักษ์ของชินอ๋องอีกสองคนค่อยติดตามนาง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชินอ๋องจึงเร่งออกรบเร็วขึ้น เรื่องเสบียงก็ไม่ต้องกังวล จือลู่นางส่งมาให้ไม่ขาด แถมยังมีของบิดามารดาและเว่ยหยางอีกสองคันรถด้วยจ้าวเหยียนเมื่อเห็นของที่จือลู่ส่งมาให้ก็หลุดหัวเราะออกมา เพราะนางส่งกันแดดและครีมบำรุงมาให้จ้าวเหยียนด้วยเสียมากมาย ชินอ๋องมองพระชายาของตนดูของที่บุตรีฝากมาให้อย่างมึนงง เมื่อรู้ว่าคือสิ่งใดเขาก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้แต่ที่เขาไม่พอใจคือนอกจากตนและจ้าวเหยียนจะได้ของจากจือลู่แล้ว เว่ยหยางก็ยังได้ด้วย เพียงแต่ของเว่ยหยางเป็นเสื้อกันหนาวและผ้าห่ม ชินอ๋องที่เห็นก็แทบจะเข้าไปแย่งมาเก็บไว้แต่ก็โดนจ้าวเหยียนดึงรั