บทที่ 1-4
เบอารีบขดตัวแน่นด้วยความกลัว เธอเคยแต่อยู่ในเมืองหลวงเพิ่งจะย้ายมาอยู่บ้านนอกแบบนี้
ใครจะรู้ว่าสวนยางอาจจะมีผี บรื้อ!!!
กึก กึก กึก
เสียงบางอย่างดังขึ้นอีกจนเบอาเริ่มเอะใจ ยืนถอยหลังออกมาจากผนังบ้าน มองพิจารณาถี่ถ้วนจนเห็นม่านหน้าต่างขยับไหวเบา ๆ ดั่งลมพัด
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กสาว ร่างสูงโปร่งจึงนั่งคุกเข่าลงค่อยคลานหลบไม่ให้ศีรษะโผล่พ้นขอบหน้าต่างจนกระทั่งถึงมุมม่านที่กระพือไหว คุกเข่าติดผนังยืดร่างขึ้น ใช้มือเรียวบางเกาะขอบบัวหน้าต่างไว้โผล่แค่ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน มองลอดผ่านผ้าม่านเข้าไปยังข้างในบ้าน
ท้องฟ้ายามนี้แม้ว่าเริ่มสว่างแล้วหากแต่ภายในห้องยังมืดสลัว เธอมองเห็นเสื้อผ้าที่พื้นก่อนอันดับแรกแล้วจึงไล่สายตากลมโตไปทั่วห้อง มีเงามืดร่างของคนสองคนบนเตียงนอน ผ้าปูที่นอนยับย่น ผ้าห่มผืนหนาห้อยจะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ตรงขอบเตียง
“อือ อา อ่า นาวินทร์!!”
เสียงกรีดร้องหวานแหลมดังขึ้นจนเบอาต้องหรี่ตามองเงามืดของทั้งสองคน คนตัวโตกว่าสีผิวเข้มอย่างคนทางใต้แผ่นหลังกว้างใหญ่กำลัง..
อื้อออออ!
เบอาใช้มือทั้งสองข้างอุดปากไว้กลั้นเสียงร้องด้วยความตกใจ ดวงตาสีทองกลมโตเบิกกว้าง ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งอายุสิบแปดปีเธอไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน แม้ว่าเธอจะรู้ว่าชายหญิงเวลาร่วมรักกันเป็นเช่นไรจากหนังสือนิยายรักโรมานซ์ที่ชอบอ่าน จากรูปภาพเซ็กซี่ต่าง ๆ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับของจริง
ใบหน้าของผู้ชายร่างโตคนนั้นอยู่ตรงหว่างขาหญิงสาวผิวขาวรูปร่างบอบบางหากแต่อวบอิ่มไปทั้งตัว มือเขาดันต้นขาอ่อนบางไว้ให้เปิดกว้างรับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และเสียงกรีดร้องหวานแหลมก็พลันดังขึ้นอีกครั้ง
เธอไม่อยากแอบดูคนอื่น แต่ภาพด้านหน้าทำให้เธอไม่สามารถละสายตาไปได้เลย ผู้ชายคนนั้นเลื่อนร่างสูงใหญ่ขึ้นชะโงกตัวอยู่เหนือร่างหญิงสาว จากนั้นเสียงเตียงกระทบผนังก็ดังขึ้นเป็นจังหวะหนักหน่วง
มือเธออุดปากแน่นขึ้นอีก ชีพจรของเบอาเต้นรัวถี่ด้วยความตื่นเต้น เธอไม่รู้มาก่อนว่าอาการที่กำลังเกิดขึ้นกับเธอมันคืออะไร อาการหน่วงหนึบที่หน้าท้องลงสู่ส่วนล่าง
เธอมองร่างแกร่งสีเข้มกระแทกกายลงกลางหว่างขาและเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนนั้นดังไม่หยุด แม้เขาจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่าเพื่อคอยปลอบประโลม หากแต่ร่างแกร่งสูงใหญ่ไม่ยอมหยุด ซ้ำร้ายยังแรงขึ้นจนเบอาหวาดกลัวแทนร่างอันบอบบางของเธอคนนั้น
เขาเท้ามือกับหัวเตียงไว้ จับเตียงไม้ไว้มั่นส่งแรงลงกระหน่ำเสียจนเตียงโยกคลอนกระทบผนัง
ตึก ตึก ตึก
เสียงเตียงดังเป็นจังหวะก้องกังวาลคล้ายกับเสียงของหัวใจเธอที่กำลังถี่รัวและแรง จนเธอต้องลดมือลงจากปากจับหน้าอกไว้ดั่งกลัวว่ามันจะส่งเสียงดังให้พวกเขาได้ยิน
เวลาไม่รู้ว่าผ่านไปนานมากขนาดไหน เธอรับรู้แค่เพียงว่าขาของเธอที่คุกเข่าอยู่กำลังเป็นเหน็บชาจากการอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ฝนเริ่มซาจนเธอได้ยินเสียงเรียกชื่อหวานใสชัดขึ้น
“นาวินทร์ อา อ่า อือ กรี๊ด”
ดวงตาสีทองเพ่งมองจับจ้องร่างของหญิงสาวบนเตียงบิดเร่าก่อนจะกระตุกเฮือกกรีดร้องเสียงดังลั่น จากนั้นชายร่างโตได้ส่งแรงโจนจ้วงอีกสองสามครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มครางในลำคอแล้วทุกสิ่งพลันหยุดนิ่งลง
เธอมองชายร่างโตลดกายลงนอนข้างหญิงสาวที่โผเข้ากอดก่ายร่างแกร่งทันที
เบอาลดตัวลงมองไปโดยรอบ ตอนนี้ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว ถ้าขืนเธอยังอยู่ตรงนี้มีหวังพวกเขาต้องออกมาเจอเธอแน่นอน
สาวน้อยจึงค่อยคลานเข่าไปยังบันไดบ้านอย่างทุลักทุเลเล็กน้อยผิดจากตอนมาแข้งขาสั่นเทาจนเกิดเสียงกึกกักบนพื้นระเบียงไม้
หย่อนเท้าลงบันไดแล้วยืนขึ้นออกซอยเท้าวิ่งทันทีโดยไม่สนใจว่าเสียงรองเท้าเตะของตัวเองที่เปียกน้ำจะดังขนาดไหน จนกระทั่งถึงจักรยานคันเก่งแล้วถีบออกไปให้ไวที่สุดก่อนที่พวกเขาจะทันเห็นเธอ
แต่ก่อนที่เธอจะหักเลี้ยวออกไปเธอมองเห็นรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่สีดำจอดอยู่ สายตาสีน้ำตาลทองจับจ้องทะเบียนรถและจำไว้ให้มั่น
เบอา เธอต้องอยู่ให้ห่างรถคันนี้จำไว้นะ
บทที่ 1-5แปะ แปะ แปะเสียงบางอย่างนอกกระท่อมทำให้ชายร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเตียง เขาคว้าเช็ดตัวขึ้นปิดด้านหน้าส่วนล่าง รีบเดินไปยังหน้าต่างตรงระเบียงหน้าบ้านมือแกร่งสีเข้มแหวกม่านออกเพียงเล็กน้อย มองลอดออกไปเห็นสาวน้อยนางหนึ่งกำลังวิ่งลงจากบันไดบ้านไปยังลานจอดรถ ตรงไปยังโคนต้นยางที่จอดจักรยานอยู่ เสียงน้ำจากรองเท้าเตะดังไปตลอดทางที่เจ้าหล่อนออกวิ่งรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดดั่งน้ำนม ผมสีน้ำตาลอ่อนสั้นประมาณติ่งหู หญิงสาวแปลกหน้า เธอไม่ใช่คนในอำเภอนี้ เขารู้จักคนแถวนี้แทบทุกคนหรือจะพูดให้ถูกคือเขารู้จักทุกคนในอำเภอเล็ก ๆ และเขาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนนี้แม้แต่น้อยเด็กสาว? จากลักษณะรูปร่างและทรงผมเธอคงอยู่ชั้นมัธยมปลาย อาจจะอายุประมาณสิบแปดปีเท่านั้น“มีอะไรหรือเปล่าคะนาวินทร์”นาวินทร์ปล่อยม่านลงละสายตาจากร่างสาวน้อยที่กำลังปั่นจักรยานออกไปตามทางขรุขระของสวนยางผ่านรั้วกั้นระหว่างสวนยางข้างเคียงเจ้าของคนใหม่“ไม่มีอะไรหรอกพีช เสียงลมน่ะ”เขาเดินกลับมาที่เตียงก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่เขาถอดโยนทิ้งลงพื้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืน“นาวินทร์ขับไปส่งพีชที่หาดใหญ่นะคะ พีชไม่อยากให้ใครเห็น”เขากลับมาที่เตียงก้
บทที่ 2-1เบอานอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนหนังสือ กลิ่นไม้เก่าปะทะจมูกอยู่เนื่อง ๆ กลิ่นอับชื้นและกลิ่นดินสอที่ขีดเขียนวาดรูปอยู่บนโต๊ะเธอกรีดนิ้วไปตามร่องตัวหนังสือคำว่า LOVE ที่คาดว่าเป็นฝีมือนักเรียนรุ่นพี่คนก่อนได้ทำเครื่องหมายไว้ด้วยมีดคัตเตอร์ภาพสองหนุ่มสาวในวันฝนตกหนักเมื่อเช้าวันเสาร์ยังติดตาตรึงใจไม่จางหายไปโดยง่าย เธอยอมรับว่าใจสาวน้อยที่กำลังเติบโตพลุ่งพล่านด้วยฮอร์โมนของสาวสะพรั่ง ทั้งตื่นเต้น ทั้งอยากรู้ แม้กระทั่งตอนนี้แค่เพียงนึกภาพเธอก็พลันชีพจรรัวราวกลองตี“เบอา!”“อุ๊ย!!”เบอาสะดุ้งตกใจรีบลุกพรวดยืนมองไปรอบห้องเรียนในช่วงพักกลางวันที่ทุกคนต่างลงไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร“นอนเหม่ออะไรอยู่ กินข้าวยัง”เธอมองเห็นเพื่อนร่วมห้องที่ตัวเตี้ยกว่าเธอยืนอยู่ข้างโต๊ะ หน้าตาหน้ารักจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยผิวขาวอย่างคนจีน“กินแล้ว นารินทร์มีอะไรเหรอ”“เราก็แค่เห็นเบอาดูเหงา ๆ เลยอยากชวนคุย”เบอานั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม มองเพื่อนร่วมชั้นลากเก้าอี้ข้าง ๆ มานั่งด้วย“เบอาเคยชินกับอำเภอของเราหรือยัง”เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ จึงทำให้นารินทร์ฉีกยิ้มกว้าง“งั้นเดี๋ยวเราพาเที่ยวเอง”“หื้อ เที
บทที่ 2-2“ทุกคนค่ะ รินทร์มีเรื่องจะรบกวนหน่อยค่ะ”พฤกษ์ตักผัดใบเหลียงวางในจานภรรยาก่อนจะหันมามองหน้าลูกสาวคนเล็กของบ้านวัยสิบแปดปี“ทุกคนรอฟังอยู่ ว่าไง”นาวีพี่ชายคนรองอดรนทนไม่ไหวเมื่อน้องสาวหน้าจิ้มลิ้มพูดขึ้นมาแล้วเงียบไป“พอดีรินทร์อยากจะพาเพื่อนไปเที่ยววัดเขารูปช้างเสาร์นี้ค่ะ พอจะมีใครว่างพารินทร์ไปหรือเปล่าคะ”นาวีส่ายหน้ารีบปฏิเสธดักไว้ก่อน เขาเพิ่งเรียนจบกลับมากำลังเรียนรู้งานและสนุกจนไม่อยากละทิ้งเพื่อพาเด็กสาว ๆ ไปเที่ยว“พี่ไม่ว่าง”“เดี๋ยวพี่จะให้นายทองขับรถไปให้แล้วกัน”นารินทร์ค่อยยิ้มหวานให้พี่ชายคนโตคนที่ใจดีกับเธอเสมอ แล้วจึงหันไปทำหน้ายักษ์แลบลิ้นให้พี่ชายคนรองซึ่งมักเป็นลูกไล่ลูกชนกันมาตั้งแต่เธอเป็นเด็ก“ขอบคุณค่ะพี่วินทร์ อ้อ เบอาจะมาค้างด้วยนะคะหนึ่งคืน พี่ ๆ ก็อย่าโผล่หน้ามาให้เธอเห็นก็แล้วกันค่ะ”“ทำไมล่ะ”เสียงนาวีเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ข้าวยังเต็มปาก เธอมองพี่ชายคนรองด้วยสีหน้าหมั่นเคี้ยว ยิ่งพี่นาวีผิวขาวผ่องผอมบางเวลาเคี้ยวข้าวปากจะแดงเป็นสีชมพูดูแล้วน่าแกล้ง“รินทร์ไม่อยากให้เธออาย เบอาเป็นลูกครึ่งเพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่เดือนเองค่ะ”“อ้าวเหรอ แล้วแบบนี้จะเรียนทั
บทที่ 2-3“มากันแล้ว”รสาลุกขึ้นจากโซฟาห้องนั่งเล่นชะเง้อมองรถเก๋งคันใหญ่ที่นาวินทร์สั่งให้เอาไปเมื่อเช้าพร้อมนายทองคนขับรถของนาวินทร์เองตอนนี้ลูกชายคนโตกำลังเข้ามารับช่วงกิจการต่อจากพฤกษ์ เขาเรียนจบทั้งเกษตรศาสตร์และปริญญาโทการบริหารจัดการช่วยงานมาได้เพียงสองปีทำกำไรให้บริษัทผาสุกแลนด์อินดัสทรีเมื่อปีกลายเกือบห้าร้อยล้านบาท ขยายกิจการออกไปด้านการท่องเที่ยว เพิ่มรีสอร์ตและโรงแรมในหาดใหญ่อีกสองแห่ง ยิ่งทำให้อัตราการเติบโตเพิ่มมากยิ่งขึ้นเกือบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ต่อปี แบบนี้อีกไม่นานสามีของเธอคงจะวางมืออย่างวางใจ“เป็นยังไงบ้างลูกสนุกไหม”“สนุกค่ะ นี่แม่เราเองเบย์ แม่รสา”เบอามองใบหน้าหวานผิวขาว นารินทร์คงได้แม่มาเต็ม ๆ ยกเว้นความสูง เพราะคุณน้ารสาสูงพอ ๆ กับเธอ“สวัสดีค่ะคุณน้ารสา”“โอ๊ย เรียกแม่ก็ได้จ๊ะ มาเข้ามาข้างในพักผ่อนก่อนจ๊ะ”นารินทร์กวักมือเรียกเบอาที่กำลังเก้อเขินอยู่ตรงโถงกลางบ้านหลังใหญ่ที่แทบจะเรียกว่าคฤหาสน์กลางป่าแรกเมื่อรถของนารินทร์เลี้ยวเข้ารั้วด้านหน้าผ่านสวนยางมารับเธอถึงหน้าบ้าน เบอาตกใจมาครั้งหนึ่งแล้วกับรถหรูสีดำคันใหญ่ และยิ่งมาเห็นบ้านของนารินทร์ยิ่งทำให้เธอรู้ว่
บทที่ 2-4หลังจากยืนไตร่ตรองอยู่สักพักเธอจึงตัดสินใจลงไปชั้นล่างเพื่อไปหยิบน้ำขวดใหม่ คิดว่าดึกป่านนี้ทุกคนคงหลับกันหมด ส่วนพี่ชายทั้งสองคนของนารินทร์จากที่เพื่อนเล่าให้ฟังไปค้างที่อื่นหนึ่งคืน เธอจึงค่อยเปิดประตูออกมาก่อนโผล่หน้าหวานมองโถงมืดสนิทค่อยผ่อนลมหายใจเดินออกไปจากห้องชั้นล่างมืดสนิทเหมือนกันแต่ยังพอมองเห็นลาง ๆ จากไฟด้านนอกระเบียงทางเดินที่ส่องเข้ามาเมื่อลงมายังชั้นล่างจึงก้มหน้าอยู่หน้าตู้เย็นหยิบน้ำเย็นขวดใหม่ออกมา รินใส่แก้วที่เตรียมไว้โดยใช้แสงไฟจากตู้เย็นที่พอมองเห็นยืนดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็นใจยังนึกภาพเช้าวันเสาร์ แผ่นหลังกว้างสีเข้มขยับไหวบนร่างหญิงสาวคนนั้น ชีพจรเธอเต้นรัว แต่มันมีความรู้สึกอื่นอีกแทรกเข้ามา ช่างให้ความรู้สึกแปลกประหลาด อาการหน่วงในท้องเพิ่มขึ้นเมื่อนึกภาพว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอจะเป็นเช่นไรปลั๊ก!!“ว้าย!!”เพล้ง!!เบอาสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ ไฟในครัวสว่างจ้า มือเผลอปล่อยแก้วน้ำที่กำลังยกดื่มร่วงหล่นแทบเท้า ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองไปยังตัวต้นเหตุที่ยืนพิงขอบประตูจ้องเธอด้วยดวงตาคมกล้าจากลักษณะของการเป็นเจ้าของบ้าน เธอคาดว่าเขาคงเป็นพี่ชายคนใดคนหน
บทที่ 2-5แทนที่คนตัวโตจะสลดแล้วปล่อยร่างของเธอ กลับกลายเป็นยิ้มกว้างกวนโมโหราวกับว่าเขากำลังสนุกที่ได้ทำเช่นนั้น“พูดได้ด้วยเหรอ นึกว่าเป็นใบ้”กายสาวของเบอาแปรปรวน ฮอร์โมนวัยสาวทำให้ร่างระหงสั่นระริก ทั้งสะท้านจากอารมณ์หวามไหวที่ปะทุขึ้น ทั้งกรุ่นโกรธจากคำพูดยียวนของคนตรงหน้าเธอเม้มริมฝีปากหน้าแดงก่ำ บิดร่างโดยใช้มือดันบ่าเขาไว้ สังเกตเห็นคนตัวโตที่กอดเธอไว้สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยร่างเธอไถลลงตามลำตัวไม่ว่าเขาจะเป็นใครเธอรู้ดีว่าคนอย่างเขาต้องการอะไรแล้วต้องได้ เธอรู้ว่าเขาต้องการเธอ มันฉายชัดอยู่ในแววตาสีดำสนิทแต่เธอยังเป็นเด็กเกินกว่าจะเล่นเกมนี้ เบอารู้ว่าตัวเองนั้นคงแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเดินหมาก ฉะนั้นทางที่ดีเธอควรรีบหนีให้ไกลและผลักเขาให้อยู่ห่างจากวงโคจรของเธอให้ห่างที่สุดร่างบางรีบหันหลังกลับเตรียมวิ่งหนีขึ้นบ้านหากแต่มือแกร่งเอื้อมออกมารั้งเธอไว้หน้าหวานคมลูกครึ่งแหงนหน้าเรียวสวยขึ้นมองอย่างหาเรื่อง กำลังแย้มริมฝีปากเพื่อต่อว่า แต่คำพูดจากเสียงทุ้มต่ำทำเธอหุบปากใบหน้าซับสีแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อยจนถึงลำคอ“มาบ้านคนอื่นก็ควรระมัดระวังการแต่งกายให้มิดชิดด้วยเด็กดี”ดวงตา
บทที่ 3-1อย่าเอาแน่เอานอนกับลมฟ้าลมฝนของภาคใต้ หลังจากตกหนักมาหลายวันติดทั้งเมื่อวาน พอมาวันนี้ท้องฟ้ากระจ่างใสดั่งไร้พายุภายในรถเงียบงันมีเพียงเสียงเพลงจากเครื่องเล่น เบอาพยายามข่มกลั้นอารมณ์ตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือนาวินทร์เขาคนนั้นกับพี่ชายของนารินทร์เป็นคน ๆ เดียวกันแขนเรียวขาวนวลกอดเป้ด้านหน้าตัวเองไว้แน่นตาจดจ้องแต่ถนนที่นาน ๆ จะมีรถผ่านมาสักคันนาวินทร์เองก็เงียบไปเช่นกัน เขาเพียงไม่อยากให้สาวน้อยที่นั่งด้านข้างตกใจไปมากกว่านี้ การปล่อยให้เธออยู่กับความคิดของตัวเองอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าเบอาตัวเอนเมื่อรถยนต์ปาดลงไหล่ทางเพื่อเลี้ยวเข้าสู่ทางเข้าสวนยางของที่บ้าน แล่นมาไม่นานจึงเห็นตัวบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ อื้อ ปล่อยนะคะ”นาวินทร์รวบมือที่ยกขึ้นไหว้เขาไว้ด้วยฝ่ามือเดียว“เดี๋ยวพี่จะลงไปทำความรู้จักกับพ่อแม่เบย์หน่อย”“ทำไมคะ? พ่อคงออกไปสวนแล้ว”หรือว่าเขาจะบอกเรื่องที่เราไปแอบดูสายตาสีทองหวาดระแวงทำให้นาวินทร์หัวเราะเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำดังก้องภายในรถ สั่นสะเทือนไปทั้งกายสาว“ถ้ายังงั้นคุณแม่คงอยู่ใช่ไหม”เบอาพยักหน้าหงึก ๆ ดึงมือออกจากการเก
บทที่ 3-2“เบย์ดูโน้นสิ สวยจัง โน้นก็สวย”“อือ ใช่ ขอถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนนะ”เบอายกกล้องถ่ายรูปขึ้นเพื่อถ่ายรูปขบวนรถแห่เทียนเข้าพรรษาประจำปีของหาดใหญ่ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี ขบวนยาวเหยียดจากหัวถนนจนสุดอีกถนนเต็มไปด้วยผู้คนทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว“เหนื่อยหรือยัง”“ยังได้อีกนิดหน่อย”เบอายังง่วนกับการถ่ายรูปจนเพลิน ไม่ทันระวังถอยหลังไปชนเข้ากับชายร่างสูงขาวหน้าตาดี เสียงหวานของนารินทร์พลันดังขึ้น“พี่วี ไปไหนมาคะ”“กำลังจะกลับรีสอร์ตแล้ว”“พอดีเลย น้องก็กำลังจะกลับแล้ว ออกมาตั้งแต่เช้าหิวจะแย่”นาวีมองเลยไปทางด้านข้างเพื่อนของนารินทร์ที่เขาไม่เคยเห็นหน้า“อ้อ พี่วี นี่เบย์เพื่อนรินทร์ไงคะ ที่เคยเล่าให้ฟัง”“สวัสดีครับน้องเบย์ เป็นไงบ้างย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วคุ้นหรือยัง”“สวัสดีค่ะ ก็กำลังพยายามปรับตัวอยู่ค่ะ”“เดี๋ยวก็ชินครับ คนใต้เราจริงใจ มีน้ำใจและที่สำคัญหล่อทุกคน ฮ่า ฮ่า”“แหมพี่วี อันนี้ยกหางตัวเองหรือเปล่าคะ ไปกันเถอะคะน้องหิว”เบอาเดินตามหลังพี่น้องสองคนที่ดูจะสนิทสนมกันดีไม่เหมือนพี่ชายคนโตที่นารินทร์ดูจะเกรงกลัวมากกว่า“ไปรถพี่วีแล้วกัน เดี๋ยวน้องให้ลุงทองขับตามไปที่รีสอ
บทที่ 12-1** nc จบบริบูรณ์สาวน้อยหน้าหวานลูกครึ่งโปรตุเกสนอนหลับสนิทคว่ำหน้าบนหมอนใบนุ่มจนไม่รู้เลยว่ายังมีชายหนุ่มอีกคนนอนกระสับกระส่ายอยู่ข้าง ๆนาวินทร์เพียรพยายามทั้งลูบตัว ทั้งกระซิบและพลิกร่าง แต่สาวสวยยังนอนพลิกร่างกลับไปคว่ำตามเดิม ลูบผ่านต้นแขนจนถึงข้อมือบางกระทั่งถึงแหวนหมั้นเพชรเม็ดเล็กพอเหมาะอย่างที่เธอชอบเขาหงายตัวลงใช้มือก่ายหน้าผากสะกดกลั้นความต้องการยามเช้าที่พุ่งทะยานแม้ว่ายามค่ำคืนจะสุขสมไปแล้วเปลือกตาของเบอายังหลับพริ้มไม่รับรู้สิ่งรอบข้างจากความเหนื่อยอ่อนจนเขาต้องลุกขึ้นจากเตียงหยิบบุหรี่ออกไปสูบมือควานหาไฟแช็กในลิ้นชักโต๊ะแต่ไม่เจอ พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตอนพาเบอาไปทานข้าวเขาได้ฝากไว้ที่เธอ จึงเดินกลับไปยังหน้ากระจกหยิบกระเป๋าสะพายสีดำใบเดิมที่เธอชอบใช้ขึ้นมาเขาล้วงมือควานหาและพบว่ามันอยู่ที่ก้นกระเป๋าเพราะน้ำหนักของไฟแช็กแบบซิปโป ขณะที่กำลังหยิบพลันนิ้วไปโดนแผงยาบางอย่าง ด้วยความสงสัยจึงหยิบมันออกมานาวินทร์หรี่ดวงตาคมกริบลงเมื่อเห็นแผงยาชัด ๆ ท่ามกลางแสงยามเช้าที่เริ่มสาดเข้ามาในห้อง เม็ดสีชมพูสวยบนแผงมีลูกศรชี้ว่าควรเริ่มทานจากเม็ดไหนไปถึงเม็ดไหนยาคุม!
บทที่ 11-3เขาหันกลับไปมองเห็นสาวน้อยออกมายืนอยู่ด้านข้างตัวรถห่มด้วยผ้าห่มผืนใหญ่สีขาวเหมือนเดิม สีของผ้าห่มขาวโพลนตัดกับสีของผืนป่ายามโพล้เพล้นายหัวนาวินทร์ยังเดินขึ้นบันไดบ้านต่อจนถึงร่างของไอ้สิงห์ จากนั้นเดินเลยไปยังครัวที่ทำใหม่ปลดถังแก๊สออกมาลากจนถึงกลางบ้านเทน้ำมันเบนซินโดยรอบตัวและเทเป็นทางจนเกือบถึงประตูบ้านก็หมดเสียก่อน ยืนมองร่างที่เริ่มเย็นชืดของไอ้สารเลวอีกครั้ง“ไม่ต้องกังวลไอ้สิงห์ เดี๋ยวตัวมึงก็ร้อนแล้ว”เขาหยิบซิบโปออกมาจากกระเป๋ากางเกงจุดใส่เศษกระดาษนิตยสารที่หยิบมาจากในบ้านแล้ววางให้ตรงกับคราบน้ำมันเบนซินที่เริ่มระเหยจากนั้นจึงปิดประตูบ้านแล้วลงมาจากตัวบ้านให้เร็วที่สุดวิ่งกลับไปที่รถบรึ้ม!!นาวินทร์สะดุ้งเมื่อเสียงระเบิดจากถังแก๊สดังขึ้นพร้อมกับเสียงไม้บ้านแตกลั่นเขาหันไปมองบ้านหลังเล็กที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อไว้พักผ่อนกับสาวๆ แต่บ้านหลังนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เกือบจะทำให้เขาเสียเบอาไป“พี่วินทร์”นาวินทร์เดินกลับมาที่รถสวมกอดเบอาไว้แน่น โน้มใบหน้าลงหอมศีรษะ“ขึ้นรถเถอะ พี่จะพาไปบ้านพี่”“แต่ว่า..”“อย่าเพิ่งดื้อนะคนดี ใจพี่จะไม่ไหวแล้ว”เบอาเงยหน้ามองชายร่า
บทที่ 11-2เอี๊ยดดดด!!นาวินทร์หักหลบรถกระบะเก่าที่สวนกับเขากลางทางขณะที่กำลังออกจากถนนเข้าท้ายสวนเห็นลาง ๆ เป็นผู้ชายสองคนมีหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนนั่งฝั่งข้างคนขับอีกหนึ่งคนเขาขับรถต่อไปอีกสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าถนนสายนี้เป็นทางส่วนบุคคลเข้าท้ายสวนของเขาโดยเฉพาะ และมีไม่กี่คนที่รู้ทางนี้เอี๊ยด!!นาวินทร์เหยียบเบรกกะทันหันเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ถูกขนาบข้าง หล่อนดูเหมือนจะนอนนิ่งไม่ไหวติง ผมสีน้ำตาลอ่อนพระเจ้า!! ระยำ ไอ้ห่าเอ้ย!!เขาหักรถเลี้ยวกลับทันที ระยะทางที่เขาขับสวนกับรถคันนั้นเพิ่งผ่านไปไม่นานแต่ใจเขากลัวเหลือเกินว่าจะไปไม่ทันนาวินทร์เหลือบตามองผู้ชายร่างสูงผอมเกร็งผิวคล้ำที่เดินสวนออกมาบนไหล่ทางเล็ก มันเดินออกมาจากบ้านท้ายสวน สบตาตื่นตระหนกของไอ้หมอนั่นด้วยตาแข็งกร้าว แต่เขาไม่หยุดรถเวลามันกระชั้นชิดเกินไป ถ้าเขาหยุดรถถามมันตอนนี้ เบอาอาจถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิตเขาจอดรถดับเครื่องก่อนที่จะถึงทางเข้าบ้าน ตั้งใจไม่ให้คนร้ายอีกคนรู้ตัว เปิดลิ้นชักรถแล้วหยิบปืนสั้นออกมา เปิดดูกระสุนในรังปืนแล้วหมุนปิดขึ้นไกนกค้างไว้นาวินทร์ลงจากรถกระบะคันเก่าสีดำ เดินอาดไม่กลัวเกรงสิ่งใดตั
บทที่ 11-1บ้านหลังเล็กหรือกระท่อมที่นาวินทร์มักเรียกดูเรียบร้อยดี กลิ่นสีทาไม้เปลี่ยนจากสีไม้แดงเป็นสีไม้โอ๊ก เตียงใหญ่เขาสั่งให้เปลี่ยนใหม่เช่นกันพร้อมกับฟูกที่นอนเขาเดินออกไปดูในห้องน้ำ ช่างขาประจำทำงานดีเหมือนเคย อ่างอาบน้ำสุดหรูติดตั้งถูกต้องและงานเนี้ยบจากนั้นจึงเดินออกมาทางห้องครัวที่ทำเพิ่ม ใจคิดไปว่าบางวันอาจชวนสาวน้อยทำบาร์บีคิวนั่งเล่นนอกบ้านบ้างรอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มยามนึกไปถึงดวงหน้างามของเบอา เธอคงบ่นบ้างเวลาให้ทำกับข้าวเพราะเป็นงานที่เธอไม่ถนัด แต่เขาจะคอยช่วยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่าง ยิ่งถ้าให้สาวน้อยลองนั่งบนเคาน์เตอร์ครัวหลังใหม่ขนาดความสูงกำลังพอดีแล้วมีเขาที่อยู่ตรงกลางมั่นโยกคลึงบ่อย ๆ เบอาคงจะชอบงานครัวมากขึ้นนาวินทร์ปิดประตูบ้านใส่กุญแจแล้วเดินลงบันได เวลาเย็นของป่าสวนยางมืดเร็วขนาดยังไม่ทันห้าโมงครึ่งก็เกิดเงาแสงสีอ่อนทอดยาวผ่านใบไม้ของต้นยางมายังลานจอดรถบรื้น!ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขับรถออกจากลานจอดของบ้านหลังเล็กกลางป่าท้ายสวน กลับรถวนจนล้อสะบัดเข้าสู่เลนถนนลูกรังสีแดงฝ่าสวนยางออกไปยังถนนใหญ่เพื่อไปยังสวนข้างเคียง ไปหาสาวน้อยของเขา“ไอ้ห่า ไหนว่ะ”“
บทที่ 10-4ยามเย็นของอำเภอเล็ก ๆ ขอบชายแดนสุดของภาคใต้ เบอาขับรถกลับจากอำเภอไปยังทางที่คุ้นเคยโดยไม่คิดเอะใจอารมณ์ยังขุ่นมัวจากเรื่องเมื่อบ่ายจนไม่ต้องการเห็นหน้านายหัวตัวต้นเรื่อง เสียงเอะอะโวยวายเมื่อเธอโทรศัพท์ไปบอก นึกภาพใบหน้าคมเข้มของนายหัวอารมณ์ฉุนเฉียวให้ยิ้มกริ่มในหน้าอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย มองไปยังเบาะด้านข้าง นอกจากเสียตัวเป็นดอกเบี้ย เธอยังต้องเอาใจซื้อของขวัญวันเกิดให้เขาอีกยายเบย์ เธอนี่มันใจง่ายจริง ๆจากวันนั้นในบ้านริมทะเลเธอเริ่มรู้สึกแล้วว่านายหัวนาวินทร์มีใจให้เธอ เขาให้คำมั่นว่าจะไม่มีใครอีกตลอดระยะสัญญาสัญญาที่ทำกันไว้หนึ่งปีแม้ดูเหมือนว่าจะนานเกินพอแต่เบอากลับไม่คิดเช่นนั้น หนึ่งปีมันช่างสั้นเหลือเกินและเธอเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุดเป็นความทรงจำไว้ในยามที่ต้องจากกันหน้าหวานคมลูกครึ่งอมยิ้ม เมื่อวันก่อนพาเธอไปทานข้าวร้านเดิมมาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเจ๊ศศิคงจะเที่ยวเอาไปเป่าประกาศ และในที่สุดเธอก็ได้ทานอาหารรสจืดสมใจแต่นายหัวกลับทำหน้าปุเลี่ยนเพราะรสชาติชืดเกินไปเธอมองไปยังข้างทางที่มีแต่ป่าสวนยางสุดลูกหูลูกตาในแถบนี้ล้วนส่วนใหญ่เป็นของนายหัวที่แบ่งให้ค
บทที่ 10-3แพรวนภากำเช็คในมือแน่น จำนวนเงินสองล้านมากโขสำหรับการตั้งต้นชีวิตใหม่ เธอลงทุนกับนายหัวไว้มากเกินกว่าจำนวนที่นายหัวเซ็นเช็คมาให้ ทั้งแรงกายแรงใจ ร่างกายของเธอพร้อมสำหรับนายหัวคนเดียวสาวร่างอวบหยิบเช็คใส่กระเป๋าสะพาย หลังจากลุกขึ้นจากโต๊ะแผนกบัญชีของโรงแรมชื่อดัง แพรวนภาไม่แน่ใจว่าคนในแผนกนี้จะสงสัยที่มาของเช็คใบนี้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดนายหัวถึงสั่งจ่ายเงินเป็นจำนวนมากผ่านมาแล้วเกือบอาทิตย์ที่เธอไม่พบกับนายหัวอีกเลย เขาเหมือนหายไปจากตัวเมืองหาดใหญ่จนน่าแปลกใจ เธอพาร่างเดินผ่านโถงทางเข้ากระทั่งพบกับคนรู้จักคุ้นเคย“อ้าว แพรว ไม่เจอกันนาน”ใบหน้าอย่างคนใต้ของแพรวนภาค่อนข้างตกใจเมื่อเจอกับแฟนเก่าสมัยช่วงที่เธอเลิกลากับนายหัว ผู้ชายเลวที่ตบตีเธอสารพัดและยังปอกลอกเงินที่นายหัวให้มาจนเกลี้ยงเธอจึงพยายามเดินเลี่ยงแต่มือแข็งสีเข้มดึงไว้ ใบหน้าหล่อแต่เหี้ยมโหดยิ้มกริ่ม“จะรีบไปไหน ทำเป็นคนไม่รู้จักกันไปได้”แพรวนภารู้สึกขยะแขยงเต็มทน เธอสลัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุม มองหน้าเหี้ยมที่แฝงความหื่นกาม“ต้องการอะไร!”“ไม่เห็นยาก ดูก็รู้ว่าต้องการอะไร”“ฉันไม่มีเงินให้แกหรอกไอ้สิงห์”“โอ๊ะโ
บทที่ 10-2เธอสังเกตว่าเขาไม่ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม นั่งใช้ข้อศอกเท้าบนหัวเข่าใบหน้าครุ่นคิดแล้วจึงยืดร่างขึ้นนั่งตรงเอี้ยวใบหน้ามองเธอตรง ๆ“แพรวเอาของใช้ส่วนตัววางไว้ในบ้านริมทะเล ในตู้เสื้อผ้า”แพรวนภาหน้าแดงซ่านจากพวงแก้มลงสู่ลำคอ อับอายจากคำพูดเชิงตำหนิ สาวร่างอวบกำลังคิดหาคำพูดแก้ตัว เธอยื่นมือออกไปจับต้นขาอุ่นร้อนบีบเบา ๆ“แพรวขอโทษค่ะ แพรวคิดสั้นไปหน่อย คิดแค่ว่าวันหลังไปอีกจะได้ไม่ต้องเตรียมของไปเยอะ”สายตาคมกล้าหลุบตาลงมองมือนุ่มนิ่มเล็บตกแต่งทันสมัยจากการทำสีผิดไปจากสาวน้อยอีกคน เขาขยับตัวให้มือของแพรวเลื่อนลงจากตัก“ฉันทิ้งมันไปแล้ว เพราะมันก็ไม่กี่ชิ้น แล้วจะจ่ายเงินชดใช้ให้”เธอกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตาเรียวคมเฉียงขึ้นมีน้ำรื้นขึ้น ชักมือกลับมาวางไว้บนตัก“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ นายหัวไม่ต้องให้แพรว แพรวได้เงินจากนายหัวมาเยอะแล้วค่ะ”นาวินทร์เอี้ยวหน้ามองเธออีกครั้ง จ้องสบตาเธอให้แพรวนภาเข้าใจไม่ผิดในสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้“ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่งสำหรับการตั้งต้นชีวิตใหม่ หลังจากนี้ฉันคงไม่ได้มาหาเธออีก ส่วนงานที่โรงแรมฉันไม่ขัดข้องที่เธอจะทำต่อไปเพราะเธอทำมันได้ดี”แพรวนภาสะอึก ท
บทที่ 10-1“พี่วินทร์แวะร้านขายยาให้เบย์ด้วยนะคะก่อนจะถึงโรงแรม”นาวินทร์เอี้ยวหน้ามองอย่างแปลกใจแต่ไม่ถามอะไรเมื่อเห็นร้านขายยาตรงข้างหน้าพอดีจึงจอดรถเทียบทางเท้า มองตามร่างบางที่เข้าร้านขายยาไปสักพักใหญ่จึงเห็นเธอเดินออกมาจากร้านพร้อมถุงในมือ ดูแล้วไม่ใช่ยาจำนวนมากปัง!“ไปกันเถอะค่ะ”นาวินทร์เคลื่อนล้อรถออกจากริมทาง เหลือบตามองมือของเบอาที่เอายาใส่กระเป๋าสะพายไปอย่างรวดเร็ว“ซื้อยาอะไรมาน่ะ”“ก็ยาของผู้หญิงค่ะ ไม่มีอะไร เออ วันนี้เบย์จะกลับไปบ้านเลยนะคะ แล้วพี่วินทร์ก็นัดเบย์มาแล้วกันว่าจะทำสัญญาวันไหน”“สัญญา?”“อ้าว ก็สัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ไงคะ”เอี๊ยดดด!!เบอาใช้มือบางยันร่างของตัวเองที่คอนโซลรถเมื่อจู่ ๆ นาวินทร์หักรถเข้าทาง เธอเอี้ยวหน้ามองด้วยความสงสัย“พี่วินทร์จอดทำไมคะ”“ยังจะถามอีก แล้วห่วงอะไรกับสัญญาเงินกู้”“อ้าว ก็มันมีการเปลี่ยนแปลงนี่คะ ต้องยึดเวลาไปอีกสองปี”“ฮึ ที่แท้ก็ถวายตัวให้พี่เพราะสัญญานี่เองใช่ไหม ต้องลงรายละเอียดด้วยไหมว่าต้องเอากันกี่ครั้งต่อวันในสัญญา”“พี่วินทร์!!”หน้าหวานคมแดงซ่านเป็นลูกตำลึง ยกมือขึ้นทุบบ่านาวินทร์สองครั้ง“พี่วินทร์จะเอายังไง! ไม่ทำก
บทที่ 9-3 18+“เบย์จะกลับบ้าน ถอยไป!”“ไปตอนนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้พี่จะไปส่ง”“พี่ไม่ต้องไปส่งก็ได้ เบย์จะเดินไปเอง แล้วถ้าเจอใครก็ขอโบกรถเข้าอำเภอ”เขาคว้าต้นแขนของเบอาไว้กระชากกลับ อกแน่นด้วยอารมณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ถูก ทั้งรู้สึกผิด ทั้งเจ็บปวด ทั้งกลัวว่าเธอจะไม่กลับมาอีกเหมือนเมื่อห้าปีก่อน“ไม่! พี่ไม่ให้ไป”เบอาฉุนขาด เธอหันหน้ากลับมาจ้องเขาเต็มตา ความรู้สึกอัดแน่นท่วมท้นอยู่ข้างในและร้องไห้ไปแล้ว แต่เธอจะไม่ปล่อยให้เขาได้เห็นน้ำตาของเธอเด็ดขาด“นายหัวมีสิทธิ์อะไรในตัวฉัน”“สิทธิ์!!”เขากระชากเธอเข้ามาแนบกายแน่นขึ้น ชะโงกหน้าลงมองสาวน้อยที่สู้ตาไม่ถอย เธอโกรธจัดและเขาก็เช่นกัน เขากำลังจะถูกทิ้งอีกครั้ง“บอกให้ว่าสิทธิ์อะไร สิทธิ์ของการเป็นผัวยังไงล่ะ”“ฮึ ผัว ผัวงั้นเหรอ! งั้นเบย์คงมีผัวร่วมกับคนอื่นเยอะเกินไปนายหัวว่ายังงั้นไหม ปล่อย!!”“ให้ตายสิเบย์ ฟังพี่ก่อน เบย์จะให้พี่ทำยังไงก็พูดมาสิ อย่าทำแบบนี้ อย่าเดินจากไปอีก”“ทำยังไง? ทำไมนายหัวจะต้องทำด้วยคะ เบย์เป็นเพียงลูกหนี้เท่านั้น นายหัวไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ กลับไปเราจะเขียนสัญญาให้ละเอียด ต่อไปก็นัดกันที่โรงแรมแล้วกันค่ะ เบย์จะได