ปออยู่นอนค้างบ้านเนตรา แม้พยายามปฏิเสธว่าสบายดี แต่เพื่อนให้เหตุผลว่ายังไงก็ห่วง ไม่เช่นนั้นคงได้โทรถามอาการกันทั้งคืนแน่
เธอซึ้งน้ำใจเพื่อนจนร่ำๆ จะร้องไห้อีกรอบ ต้องหาทิชชูซับหัวตากันวุ่นวาย
การมีเพื่อนอยู่ใกล้ในห้วงเวลานี้ดีกว่าที่คิด ปอไม่ปล่อยเธอนั่งซึม เพื่อนชวนรดน้ำต้นไม้ ล้างอ่างเลี้ยงปลาหางนกยูง ระหว่างกำลังขัดอ่างนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ...หน้าจอแสดงเป็นผู้โทรมาคือชวินทร์ เธอเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
“ใครโทรมา” ปอเดินไปปิดก๊อกน้ำ
“โน้ต”
เพื่อนมองโทรศัพท์สลับกับเธอ
“จะคุยเองไหม หรือให้ฉันบอกว่าแกไม่ว่าง”
“ไม่เป็นไร”
เนตรากดปิดเสียงโทรศัพท์ เอาใส่กระเป๋ากางเกง แล้วลงมือทำงานต่อ อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ โทรกลับมาใหม่
“เอาโทรศัพท์มานี่มา ฉันคุยเอง ไม่งั้นโน้ตจะป่วนมากกว่านี้”
ปอแบมือขอโทรศัพท์ ใบหน้าแสดงอาการเหนื่อยหน่าย
“ไม่ต้องหรอก ฉันคุยเอง” มือเนตรากำโทรศัพท์แน่น
“ไหวแน่นะ”
“อือ”
เนตราเดิ
เธอยังพอมีเพื่อนอีกหลายคนให้ถาม สุดท้ายเนตราก็หาเบอร์โทรดุลยามาจนได้ เธอหลบแอบมาโทรในห้องน้ำ“สวัสดีค่ะ”เสียงรับสายไม่ใช่ดุลยา“เบอร์แจงหรือเปล่าคะ”“จากไหนคะ”ปลายทางถามเรียบเฉย ราวกับถามคำถามนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้ง“จากดาว...เนตราค่ะ”“ติดต่อเรื่องอะไรคะ”“จะคุยเรื่องเมื่อคืนกับโน้ตค่ะ”ฝั่งนั้นเงียบไป ก่อนกลับมา“คุณแจงไม่สะดวกคุยค่ะ”สายตัดไปทันที มีหรือที่เนตราจะยอมแพ้ เธอโทรกลับไปสองหน ได้คำตอบเดียวกันทั้งสองครั้ง“ขอคุยกับแจงหน่อยค่ะ บอกเขาว่าฉันอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น”เธออ้อนวอน ปลายสายเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงหนึ่ง“ว่ามา” ดุลยา!“ฉันอยากอธิบายเรื่องเมื่อคืน”“เรื่องที่เธอนอนกับแฟนฉันนะเหรอ”ริมฝีปากเนตราสั่น ไม่คิดว่าดุลยาจะตรงขนาดนี้ โอเค...เธอนอนกับชวินทร์จริง แต่ดุลยาเรียกเขาว่าแฟนนั้นไม่ถูก เพราะตัวเองจูบกับ
เนตรากะพริบตาปริบๆ ไล่ความง่วงงุนจากนิทรารมย์ออก กายค่อยขยับคลายความเมื่อยขบแดดยามเช้าส่องลอดกระจกหน้าต่างเข้ามา เธอเผลอหลับกลางห้องรับแขก ท่ามกลางอัลบั้มรูปที่เปิดกางหกปี...เธอเคยคิดว่าตัวเองก้าวผ่านเรื่องเขามาแล้ว แต่ชวินทร์ยังตามตอแยเธอไม่เลิก หลอกหลอนทั้งในความจริงและความฝันใครล่ะจะคิดว่าเธอ ชวินทร์ ดุลยา จะมาเจอกันที่บริษัทของฉัตรบรรณเนตราได้งานเลขาฯด้วยฉัตรบรรณให้โอกาสเด็กจบใหม่อย่างเธอ แรกๆ งานเต็มไปด้วยความขัดข้อง แต่หลายปีถัดไปอะไรก็เข้าที่เข้าทางฉัตรบรรณเป็นเจ้านายที่ดีและเนตราก็รักงานที่ทำอยู่ กระทั่งฉัตรบรรณไปเจรจาเป็นพันธมิตรกับนรธิปคนทั้งบริษัทดีใจมากที่ได้สัญญาธุรกิจนี้ เพราะบริษัทฉัตรบรรณเป็นสตาร์ทอัพแอปพลิเคชันเกี่ยวร้านอาหารการได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายธุรกิจมากมาย เป็นการประชาสัมพันธ์บริษัทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นวันเซ็นสัญญามีนักข่าวมาทำข่าวเยอะ และที่สำคัญคือการปรากฏตัวของดุลยา...ในฐานะคนรักของนรธิป เนตราจำได้ในวินาทีนั้นเอง นรธิปคือคนที่จูบกับดุลยาในคืนงานเลี้ยงอำลาหลังจากที
“ดาวซื้อไอ้นั่นมาหรือยัง”ฉัตรบรรณยืนอยู่หลังโต๊ะทำงาน ยกนิ้วขึ้น ทำท่าจะพูดอะไรแต่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก ชวินทร์นั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามบนตักมีโน้ตบุค แสดงกราฟข้อมูล“สายชาร์ตไอแพ็ดอันใหม่ซื้อให้แล้วค่ะ อยู่ในลิ้นชักโต๊ะอันกลาง”เธอเอาแฟ้มงานต้องอนุมัติด่วนมาให้เขาเซ็น“บ่ายสองวันนี้...เลื่อนสัมภาษณ์นะคะ ฉันเลยจองสปาที่คุณเจมี่เคยแนะนำไปไว้ให้ เธอดีใจมาก เดี๋ยวจะให้คนเอาแบล๊คไทน์ออกงานคืนนี้ไปให้ที่นั่นเลยค่ะ จะได้ไปรับคุณเจมี่ทันเวลา”เนตราเอ่ยชื่อสื่อออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในต้นประโยค แล้วจบท้ายด้วยเรื่องเกี่ยวข้องเจมิลลา...คู่หมั้นเขา“เลขาฯมึงรู้งานดีจังว่ะแปง”ชวินทร์ชมเหมือนเยาะ เพราะมีเสียงหึตามมาด้วย“แหงล่ะ เลขาฯดีๆ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ”ฉัตรบรรณเปิดลิ้นชักหาของที่ต้องการ แล้วก็เจอจริงๆ“ว่างๆ ขอยืมตัวไปใช้ตอนทำโปรเจ็คบ้างสิ”ตาคมปลาบราวกับจะเฉือนเธอเป็นชิ้นๆ“เรื่องอะไร เลขาฯก็หาเองสิ”“เรื่องอย่างนี้มันต้
ร่างในเสื้อคอปาดแขนยาวขาว กระโปรงทรงดินสอสีแดง เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเนตรา“คุณแปงอยู่ไหม”เจมิลลาสวมแว่นกันแดดสีชา เสียงนิ่ง ยากจะเดาความรู้สึก“กำลังคุยกับฝ่ายดีเวลล็อปเปอร์อยู่ค่ะ คงสักพักถึงจะเสร็จ”“แล้วคุณดาวไม่ประชุมด้วยเหรอคะ”ศีรษะปกคลุมด้วยผมย้อมสีน้ำตาลทองยาวถึงกลางหลัง ชะเง้อไปมองทางห้องทำงานคนรัก“เรื่องระบบฉันไม่ค่อยรู้เรื่อง เดี๋ยวคุณแปงก็ย่อให้ฟังอีกที แล้วค่อยทำรายงานการประชุมส่ง ระหว่างนี้รอรับโทรศัพท์ดีกว่าค่ะ”เธอผายมือไปทางชุดรับแขกขนาดกะทัดรัดหน้าห้อง“เชิญคุณเจมี่นั่งรอก่อนนะคะ”“อยากคุยกับคุณดาวมากกว่า”“คะ”“ดื่มกาแฟ คุยกันตามประสาผู้หญิงน่ะค่ะ”เจมิลลายิ้ม เดินไปนั่งที่ชุดรับแขก คนรักของฉัตรบรรณเป็นคนน่ารัก และเนตรารู้จักเพียงผิวเผิน ขนาดจะมาจิบกาแฟเม้าท์มอยนี่ก็ไม่เคย“มาสิคะ”อีกฝ่ายเร่ง เลื่อนแว่นคาดศีรษะ พยักหน้าไปยังเก้าอี้ตัวข้างกัน“คุณ
“เล่ามาเถอะค่ะเจ้ ก่อนที่คุณแปงรู้เองแล้วมันจะเป็นเรื่อง”เนตราเลือกเจ้านายมาอ้าง ปลายสายทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนร่าย“ดาวเคยแย่งคุณโน้ตมาจากแฟนเก่าเขาใช่ไหม”“พี่ไปเอาข่าวมาจากไหน”เธอตาโต ในอกบีบรัดแน่นแทบระเบิด“ลือกัน ตั้งแต่เมื่อคืน เจ้ก็ฟังเขามาอีกที”มือกำแน่นเล็บจิกกลางฝ่ามือ จนน่ากลัวจะเป็นแผล“แล้วจริงไหม...หือ”เธอวางโทรศัพท์ลง สูดลมหายใจลึกๆ สะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่นึกเลยว่าผลการกระทำในคืนนั้นจะมาหลอกหลอนเพียงนี้ ข่าวแพร่มาที่ทำงานได้อย่างไร“บอกป้าหวานให้ชงกาแฟเข้มๆ ให้ผมถ้วยหนึ่ง”ฉัตรบรรณละจากการคุยมือถือ สั่งเธอก่อนเดินเข้าห้องไป แม่บ้านเอาของที่สั่งมาเสิร์ฟ ปรายตาดูเธอที่หน้าเครียดอยู่ กำลังจะขยับปาก เจ้านายก็เปิดประตูเรียก“ดาวมานี่หน่อย”ท้ายทอยเธอชาวาบ เลือดในกายแข็งไปหมด ฉัตรบรรณรู้เรื่องข่าวแล้วหรืออย่างไร“ช่วยดูให้หน่อยว่างานสัปดาห์นี้มีอะไรเลื่อนไปได้บ้าง ผมจะไปพัทยาเย็นวันศุก
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณแปงค่ะ”เธอรวบรวมความกล้า เข้ามายืนตรงหน้าเจ้านาย“เรื่อง?”ฉัตรบรรณมองลอดแว่น นิ้วพรมไปตามคีย์บอร์ดโน้ตบุค“มีข่าวเรื่องฉัน คิดว่าคุณแปงคงจะรู้แล้ว”เจ้านายชะงัก“ผมไม่อยากสนใจเรื่องส่วนตัวของคุณ ถ้ามันไม่ได้มีญาติผมอย่างโน้ตมาเกี่ยวด้วย”ความเงียบเคลื่อนมาเป็นเจ้าเรือนในห้องนั้น ต่างคนมองตา เนตราใจเสีย หน้าเหลือสองนิ้ว เจ้านายรู้เรื่องแล้วจริงๆ ...แต่รู้แค่ไหนกันล่ะ“ถ้าดาวไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไร”ฉัตรบรรณยกมือขึ้นประสานวางเหนือโน้ตบุคที่ปิดลง ห้วงเวลาแห่งความยากลำบากมาถึง สมองสรรหาคำพูดอย่างหนักเพื่ออธิบายเรื่องเมื่อหกปีที่แล้ว“ฉันเคยนอนกับคุณโน้ตค่ะ”เนตราเม้มริมฝีปาก รอฟังว่าเขาจะถามอะไรต่อ ฉัตรบรรณเพียงมองเธอนิ่ง“แต่ฉันไม่ได้แย่งคุณโน้ตมาจากคุณแจงนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ เราเมาทั้งคู่”ให้เป็นเหตุผลนี้จะดีกว่า เขาเมาสุรา แค่เธอเมารัก“แล้วเราก็ไม่ได้คบกันด้วย”
การอาบน้ำนอกจากช่วยให้เนตราสดชื่น ยังขจัดเมฆหมอกที่รบกวนจิตใจในหลายวันนี้มลายหายไปด้วย เธอเข้าใจจุดประสงค์ของชวินทร์แล้วเขาต้องการปกป้องฉัตรบรรณ แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นถูกที่ถูกเวลา เขาจึงเล่นตามน้ำ สวมรอยว่าเป็นแฟนเธอ จนเลยเถิดถึงขนาดมีอะไรกัน ...นำความร้าวรานมาสู่เธออีกคราเสียงกดออดหน้าบ้านดึงสติกลับสู่ปัจจุบัน เธอรีบสวมชุดอยู่บ้านสบายๆ ออกมาดูแขกในยามสาย สุชัจจ์ยืนยิ้มพร้อมในมือมีถุงของใบเขื่อง“พี่เดาถูกจริงๆ ว่าดาวยังไม่กลับไปทำงาน”“ไม่เป็นไร คุณแปงบอกแล้วว่าสบายใจเมื่อไรค่อยไป”เนตราเคยโกหกเขาว่าเริ่มเบื่องานเพราะทำมาตั้งหกปีแล้ว เลยอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อจะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือหางานใหม่“วันนี้พี่อาร์มไม่เข้าออฟฟิศเหรอคะ”สุชัชจ์ทำงานบริษัทรถยนต์อยู่ในตำแหน่งฝ่ายขายอาวุโส“จะเข้าบ่ายๆ นะจ๊ะ พี่เอาขนมจากญี่ปุ่นมาฝาก”ก่อนเกิดอุบัติเหตุ สุชัชจ์ไปญี่ปุ่นกับบริษัท เขายังไลน์มาถามเธอเลยว่าอยากได้เครื่องสำอางไหม“ขอบคุณค่ะ”แฟนเธอเป็นคนน
“เธอจะโทรไปหาใครก็โทรเลย ฉันจะได้บอกทุกคนเรื่องของเรา”เขาแสยะยิ้ม“ไม่มีเรื่องของเรา”“เรื่องหัวหินแล้วก็เช้าวันนั้นที่ตลาด ไม่คิดเหรอว่ามันอาจจะช้าเกินไป”เนตราหน้าซีด ในสมองคำนวณสิ่งที่เกิดขึ้นประจำทุกเดือนอย่างกังวล“ปฏิเสธหมอนั่นไปซะ มันไม่ใช่คนใจดีพอจะเลี้ยงลูกคนอื่นหรอก”“พี่อาร์มไม่เลวเหมือนคุณ!”“พนันกันไหมล่ะ จะให้ผมบอกหรือให้ดาวบอก”เขากอดอกยียวน เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นต่อ“ชั่วที่สุด”อยากบริภาษให้แรงกว่านี้ แต่สมองตื้อไปหมด“ผมยอมรับผลของการกระทำ ดาวล่ะ”อาจจะผิดจากที่คิดได้เมื่อครู่ แต่เขารู้สึกสบายใจได้เปลาะหนึ่ง เธอจะไม่ตอบตกลงแต่งงานกับสุชัจจ์ในเร็ววันนี้แน่“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!”“บางทีดาวอาจจะได้เห็นทั้งหน้าผมทั้งหน้าลูกตลอดชีวิตเลยก็ได้”ชวินทร์หัวเราะ สตาร์ทรถออกไปอาการปวดหัวกลับมาอีกครา เธอเดินไปมาในบ้านเหมือนหนูติดจั่น ชวินทร์
“ไม่เจอกันกี่ปีนะ หกปีแล้วใช่ไหม นายเป็นยังไงบ้าง”ฟลุ๊คถามไถ่เริ่มต้นบทสนทนา“ก็ดี ฉันดูแลกิจการครอบครัว”“ถามจริงกับดาวนี่ นายกะจริงจังกับเขานานขนาดไหน”นิ้วเรียวแกร่งที่กำลังจะกดปุ่มเลือกกาแฟจากตู้ชะงัก ดวงตาฟลุ๊คแสดงความไม่เชื่อใจฉายชัด“ถามอย่างนี้มีเคืองนะเว้ย มาต่อยกันดีกว่า”ชวินทร์มองหน้าอีกฝ่ายหมิ่นๆ“ไม่เอาล่ะ ขืนต่อยนายดาวจะพาลโกรธฉัน ฉันกับพวกสาวๆ เป็นห่วงดาว ถ้านายคิดจะเล่นๆ กับเขาก็พอได้แล้ว”เขาพุ่งตัวมา สองมือกระชากคอเสื้อฟลุ๊ค เพื่อนเนตราดาวเตี้ยกว่าเขานิดหน่อย จึงกลายเป็นต้องเขย่งเท้า“อย่าพูดหมาๆ แบบนี้อีก”ชวินทร์กัดฟันกรอด“พูดเรื่องจริงต่างหาก เมื่อหกปีก่อนตอนดาวเสียใจก็มีพวกฉันนี่แหละที่อยู่ปลอบใจ ตอนนั้นนายยังไปง้อแจงอยู่เลย” อีกฝ่ายไม่กลัวเขาเสียด้วย คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ถ้าต้องมีเรื่องก็พร้อม“เออ เรื่องตอนนั้นฉันยอมรับผิด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ฉันจริงใจกับดาว”“ฉ
ชวินทร์กลับบ้านตอนห้าโมงเย็น เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด เตรียมไปเฝ้าเนตรา คนรับใช้รีบรายงานเขาทันทีว่ารัชนีรออยู่ในห้องนั่งเล่น มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา“อาการเขาเป็นยังไงบ้าง เด็กคนนั้นที่ชื่อดาวน่ะ”เนตราเล่าว่าโดนไล่ออก ชวินทร์ไปไล่เบี้ยกับฉัตรบรรณ พบว่าคำสั่งมาจากฉวีวรรณ ฉัตรบรรณรอคุยกับมารดาช่วงเช้า แต่ท่านก็เลี่ยงด้วยเหตุผลไม่สบายสองหนุ่มวิเคราะห์กันว่ามารดาทั้งสองรวมหัวกันเล่นงานเนตรา เขาไม่แปลกใจนักที่ท่านรู้เรื่องเธอเข้าโรงพยาบาล“ฟื้นแล้วครับ ยังปวดหัวนิดหน่อย เพราะซ้ำรอยแผลที่เคยแตกเดิม”รัชนีพยักหน้า“แน่ใจแล้วเหรอกับคนนี้น่ะ แม่เห็นเขาหาแต่เรื่องเดือดร้อน เสียชื่อเสียง”“แล้วคนยังไงละครับที่คุณแม่ชอบ แบบแจงหรือเจมี่”ดวงตาภายใต้คิ้วเข้มวาวขึ้นทันใด เมื่อนึกถึงสิ่งสองคนนั้นทำ“อย่าประชดแม่นะ”นางเอ็ด แต่ลูกชายไม่สน“ถ้าเป็นดาว เขาจะไม่ทำให้ใครเจ็บตัว ว่าร้ายใครก็ไม่เคย”“ลูกตีค่าผู้หญิงคนนี้สูงไปหรือเปล่า”
“ใครกันมาแต่ไก่โห่”บิดาตวาดด้วยอารมณ์กำลังขึ้น คนรับใช้หน้าเสีย“เขาบอกว่าเป็นลูกน้องเฮียไช้ค่ะ” ชื่อที่ได้ยินทำเอาชะงัก“คุณยังติดต่อกับไอ้เสี่ยนั่นอยู่เหรอ”ภรรยาเบ้ปากอย่างรังเกียจ“ไหนว่าคืนเงินที่ยืมมันหมดไปแล้วไง”สามีหลบตา เดินออกประตูไปหาแขกที่มิได้เต็มใจต้อนรับ“คุณเดี๋ยวก่อนสิ กลับมาพูดกันก่อน!”มารดาดุลยาร้องไล่หลัง“ใครมาหาพ่อคะแม่”“เสี่ยเจ้าของบ่อนที่พ่อแกไปยืมเงินไงล่ะ”นางตอบเสียงสะบัด“ไหนคุณพ่อบอกว่าเล่นพนันนิดๆ หน่อยๆ ไงคะ”บิดาเธอชอบแบบนี้ ท่านมีเพื่อนก้วนที่เล่นกันประจำ โดยเล่าว่ากินเงินกันขำๆ“นิดหน่อยกับผีล่ะสิ เป็นหนี้เสี่ยนั่นทีเป็นสิบล้าน ถามทีไรก็บอกแต่ว่าคืนแล้ว นี่ไม่รู้รอบใหม่เอามาอีกเท่าไร”ดุลยาอึ้งกับความจริงในฐานะครอบครัวที่ยอบแยบมากกว่าที่คิด“พ่อแกก็เป็นแบบนี้ บริหารงานรึก็ไปไม่รอด ญาติคนอื่นก็รอจะฮุบบริษัท”มาร
“แล้วนี่ละพี่”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตา“ทั้งไลน์ที่ส่งให้คุณเจมี่ คุณแจง ทั้งรูปถ่าย”ฉัตรบรรณรับมาสไลด์ดูช้าๆ ชัดๆ พร้อมกับคิ้วที่ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ภิรมย์เหงื่อแตกอ้าปากพะงาบๆ“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะคุณแปง คือ...”“รูปนี้ของผมกับดาวมาอยู่ในกล้องพี่ได้ยังไง”ชายหนุ่มเปิดรูปที่เขาปลอบเนตรดาวในวันที่เธอร้องไห้“...พี่เซฟรูปมาจากที่เขาแชร์กันมา”โธ่เอ๋ย! เธอน่าจะตั้งรหัสโทรศัพท์ตั้งแต่แรก เป็นผลจากความกลัวจำไม่ได้ ประมาทว่าจะไม่มีใครยุ่งกับของตัว“แล้วในไลน์ล่ะ”ฉัตรบรรณกดไปดูแอปพลิเคชั่นแชทสุดฮิตในทันใด แชทกลุ่มเจมิลลากับดุลยาปักหมุดไว้บนสุด เขาไล่สายตาตามบทสนทนาทุกบรรทัด ดุลยาเป็นตัวเสี้ยม ภิรมย์เป็นลูกคู่ ช่วยกันวางแผนบงการให้เจมิลลาไปทำเรื่องต่างๆ“ยังมีที่ไปปั่นเฟซอีกค่ะ”เจ้านายกดปิดหน้าจอ เพราะข้อมูลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว“พี่ไปเซ็นใบลาออกที่เอชอาร์ได
ชื่อสายเรียกเข้าจากจอมือถือทำดุลยาสะดุ้ง เธอสูดหายใจลึกรวบความกล้าส่งเสียงรับ“ไงคะโน้ต”“คุณแสบมากนะ ทำร้ายคนที่ผมรัก”...คนที่ผมรัก ยิ่งทำใจดุลยาร้อนรุ่ม แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวอ่อนวัย จนกรีดร้องเก็บอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ไม่อยู่“แจงไม่ได้ทำอะไรนะ แค่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ เจมี่ต่างหากเป็นคนลงมือ เขาหึงคุณแปง”“แล้วใครล่ะที่คอยยุเขา คุณไม่ใช่เหรอ”“อย่ามากล่าวหากันนะ!”ดุลยาไม่เคยทำอะไรผิด ทุกอย่างเพราะสถานการณ์บังคับ หรือไม่ก็กดดันจนเธอต้องตัดสินใจทำอย่างนั้น หญิงสาวหาเหตุผลเข้าข้างตนเองได้เสมอ“ไปสอบสวนเจมี่โน่น”“ผมทำแน่”เขาย้ำเยือกเย็น แต่ดุลยาใจดีสู้เสือทำไม่กลัว“แล้วคุณจะได้รู้ว่าเจมี่เพ้อเจ้อขนาดไหน เขาน่ะเด็กเลี้ยงแกะตัวจริง เรียกร้องความสนใจ รู้เรื่องความแสบของเจมี่สมัยอยู่อเมริกาไหม”“ผมไม่อยากฟังจากคุณ จะคุยกับเจ้าตัวเอง”อย่างน้อยดุลยาก็ปล่อยพิษที่เรียกว่าความค้างคาใจไว้ให้เขาแล้ว
เนตรากะพริบตาปริบๆ เห็นเท้าตนกำลังยืนอยู่บนพื้นที่นุ่มมาก สีขาวและบางเบาเรี่ยข้อเท้า ราวอยู่บนเมฆ ลมอ่อนพัดโชย กลิ่นสดชื่นเหมือนฝนตกใหม่ เธอกำลังก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงหน้าปรากฎคนคู่หนึ่ง“พ่อคะ...แม่”เธอวิ่งถลาเข้าไปหา เหมือนเวลาเด็กอนุบาลมีพ่อแม่มารับหลังเลิกเรียน ท่านทั้งสองโอบกอดเนตราอย่างอบอุ่น น้ำตาเธอไหลพรากอย่างไม่อาย“หนูคิดถึงพ่อแม่ที่สุด”หญิงสาวบอกอู้อี้กับปกเสื้อพ่อ ซึ่งชื้นด้วยน้ำตา จำได้ว่าตัวนี้สวมให้กับมือก่อนนำร่างท่านบรรจุโลง“พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหน เราอยู่กับลูกเสมอในความทรงจำ”แม่ยิ้มละไม มือลูบศีรษะเธอด้วยความรัก“หนูอยากอยู่กับพ่อแม่”การที่ได้เห็นทั้งสองแบบนี้ แสดงว่าชีวิตเธอดับไปแล้วแน่ และที่นี่คงเป็นสวรรค์ แม้ไม่มีนางฟ้า เทวดา ไม่มีทิพยวิมาน แต่ขอแค่มีพ่อแม่ลูก แค่นั้นก็พอแล้ว“ยังจ้ะดาว ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”เนตราเงยหน้ามองแม่แบบเหวอๆ ท่านยกนิ้วแตะริมฝีปาก“หนูต้องเจอเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ เข้มแข็
จนสักพักคนเริ่มซา ดุลยาจึงเดินเชิดหน้ากลับไปลานจอดรถ ทิ้งให้ภิรมย์กับเจมิลลาอยู่บนชั้นสอง โดยไม่สนใจเลยฉัตรบรรณรู้เรื่องเนตรดาวจากผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่รู้แค่เพียงเธอตกบันได ยังไม่รู้เรื่องคำสั่งไล่ออก เพราะผู้จัดการเกรงอำนาจฉวีวรรณ เนื่องด้วยรู้ว่าเงินทุนในบริษัทมาจากมารดาเจ้านาย ฉวีวรรณคือผู้ชี้เป็นชี้ตายที่แท้จริงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่หัวใจชวินทร์เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะหลุดจากขั้ว ไม่ใช่ด้วยความยินดี แต่ด้วยความกลัว ฉัตรบรรณโทรมาบอกว่าเนตราตกบันไดศีรษะฟาดพื้น“แม่งเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถให้รถคันหน้าที่บีบแตรยามเขาขับแซง เนตราก็ซุ่มซ่ามเหลือเกิน หกล้มหัวฟาดถึงสองหน คราวนี้จะความจำเสื่อมอีกหรือเปล่า แต่ชวินทร์ไม่รอแล้ว ตั้งใจจับแต่งงานเสียเลย เธอจะได้ไม่อยู่ไกลสายตาจนเกิดเหตุแบบนี้ดุลยาขับรถไปจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอเลือกร้านเงียบๆ ห่างไกลผู้คน กะเวลาสักประมาณยี่สิบนาทีแล้วก็โทรหาฉัตรบรรณ“ครับ คุณแจง”เขารับสายในทันทีทันใด เธอทำเสียงอ่อนๆ“คุณแปงว่าหรือเปล่าคะ แจงมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”
เนตรามองของในกล่องกระดาษสลับกับโต๊ะทำงานโล่งโจ้ง หกปีที่ผ่านมากับการทำงานที่นี่ เธอมีสมบัติน้อยชิ้นขนาดนี้เชียวหรือ แต่ที่น้อยกว่านั้นคือเพื่อนร่วมงาน เนตราเข้าใจว่าทุกคนเกรงอำนาจฉวีวรรณจึงได้แต่แอบดูเธอเก็บของอยู่ห่างๆ“รีบเก็บของเร็วจัง ฉันคิดว่าเธอจะย่องมาเก็บดึกๆ เสียอีก เหมือนที่ชอบย่องทำอะไรลับหลังคนอื่น”ตัวเป้งๆ มากันครบ ทั้งดุลยา ภิรมย์ เจมิลลา แขกไม่ได้รับเชิญทั้งนั้น“ไปแล้วขอให้ไปลับ อย่ากลับมานะ”ดุลยาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษ“เราได้เจอกันอีกแน่ ในงานแต่งฉันกับโน้ต”ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงตัวตัวแท้จริงว่า ...ฉันเป็นนางร้ายนะจ๊ะ เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นนางเอก จึงกวนกลับเสียเลย“คิดเหรอว่าจะได้แต่ง”“ไม่ได้คิดแต่มีคนมาขอแล้ว”ชวินทร์เคยพูดกับเธอแล้วนะ ถือว่าเนตราไม่ได้โกหก“หน้าด้าน! โกหก!”พอเอ่ยถึง “คนที่ว่า” อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ยิ่งเพิ่มความฉุนหนัก“ยังดีกว่าคนที่ชอบยุแยงคนอื่นไปทั่วอย่างเธอละ
“แจงทำผิดเหรอคะ”“แล้วทำไมไม่เล่าด้วยล่ะ ว่าสาเหตุที่เมาจนมีอะไรกับดาวมันมาจากที่คุณนอกใจผม”ชวินทร์เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แฉฝ่ายหญิง แต่ดูที่เธอทำสิ“เราเลิกกันแล้วนะคะ โน้ตจะรื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาทำไม”“หยุดปล่อยข่าวเรื่องดาวซะ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการคุณ”“โน้ตจะทำอะไรแจงเหรอคะ”เธอเหยียดยิ้มท้าทายให้กระจก“บริษัทที่อยากจะขายให้จีนใจจะขาดนั่น ถ้าเขารู้ปัญหาที่ซุกไว้จะเป็นยังไงนะ”ฉัตรบรรณเคยเล่าให้ฟังเรื่องกิจการบ้านดุลยา เพราะเจมิลลาเคยถูกขอให้ช่วยเหลือ แต่เขาแนะนำให้คู่หมั้นปฏิเสธ ด้วยไม่ไว้ใจในรายงานผลประกอบการประจำปีของบริษัท กลัวจะเป็นการตกแต่งตัวเลข“คุณจำได้ไหมว่าผมมีเพื่อคนจีนหลายคนสมัยเรียนโท บางคนก็กลับไปทำกิจการหนังสือพิมพ์ของที่บ้าน”“อย่ามาขู่แจงเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำไป”ชวินทร์เคยอ่อนโยนมากกว่านี้ เขาทั้งรัก ทั้งหลงเธอ สาเหตุที่เลิกกันไปเพราะดุลยาเลือกนรธิป เธอเคยอยู่เหนือเขา แล้ววันนี้ชวินทร์กลับมาข