แคว้นเป่ยฉิน
รัชศกหลิงไท่ปีที่ 30
เพล้ง!!!
"ลากมันไปโบยสามสิบไม้ ตายแล้วก็เอาไปโยนทิ้งนอกวังหลวงซะ"
"องค์รัชทายาทโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!!! องค์รัชทายาท!!!"
เสียงของขันทีน้อยผู้หนึ่งที่ร้องขอความเมตตาจากหยางจิ่ง องค์รัชทายาทแคว้นเป่ยฉินที่ยามนี้กำลังมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ในดวงตาคู่นั้นไม่มีแม้แต่ความสงสารเห็นใจหรือว่าเมตตาเลยแม้แต่น้อย ผู้ใดที่กล้าล่วงเกินเขาและพูดจาไม่น่าฟังก็จะถูกองค์รัชทายาทผู้นี้สั่งโบยอย่างไร้ความปรานี
หยางจิ่งเขวี้ยงจอกสุราลงพื้นจนแตกกระจาย เหล่าขันทีและนางกำนัลในตำหนักบูรพาต่างพากันก้มหน้างุด ไม่กล้าเปล่งเสียงใดแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ ด้วยเกรงว่าจะทำให้องค์รัชทายาทอารมณ์ร้ายผู้นี้โกรธเคืองเอาได้
หลังจากขันทีผู้นั้นถูกลากตัวออกไปแล้ว หยางจิ่งก็เดินออกจากตำหนักบูรพาเพื่อจะไปพบกับไป๋อี๋ซิน สตรีที่เขาเพิ่งพานางเข้าวังมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยไม่สนใจต่อคำทัดทานของผู้ใดแม้กระทั่งเสด็จพ่อของตน นางเป็นสตรีที่มาจากหอนางโลมเลื่องชื่อแห่งหนึ่ง เขาหลงรักนางอย่างไม่อาจหักห้ามใจ แต่ด้วยสถานะของนางทำให้เขาไม่อาจเชิดหน้าชูตาและมอบตำแหน่งใดให้แก่นางได้ กว่าเขาจะพานางเข้าวังหลวงมาได้ก็ยากลำบากอยู่ไม่น้อยเลย แต่ทว่านางกลับยินยอมขอเพียงได้อยู่ใกล้ชิดเขา สตรีที่อ่อนหวานงดงามน่าทะนุถนอมถึงเพียงนี้ เขาจะไม่รักนางได้เช่นไรกัน
หยางจิ่งคือองค์รัชทายาทแห่งเป่ยฉิน พระโอรสสายตรงที่กำเนิดเกิดจากอดีตฮองเฮา มีน้องสาวต่างมารดา นามว่าหยางจินจิน และน้องชายต่างมารดานามว่าหยางเฉิง เพราะเสด็จพ่อรักเขามาก อีกทั้งยังทรงตามใจเขาเป็นอย่างมาก เพราะเห็นแก่เสด็จแม่ที่ตายจากไปตั้งแต่เขาคลอดได้เพียงสองวัน จึงทำให้เขามีนิสัยที่ไม่เห็นหัวผู้ใด เอาแต่ใจและบ้าอำนาจ ใช้ชีวิตติดสุราเคล้านารี หยางจิ่งไม่เคยรักราษฎรอีกทั้งยังไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา เขารังเกียจผู้คนที่อยู่ต่างระดับชนชั้นกับตน ทั้งยังถือว่าตนคือองค์รัชทายาทที่ไม่จำเป็นต้องเก่งกาจ หรือต้องเล่าเรียนหาความรู้ใดให้มากเฉกเช่นผู้อื่น เพราะอย่างไรบัลลังก์มังกรก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี และผู้คนต่างต้องก้มหัวยอมศิโรราบให้กับเขา
หยางจิ่งเคยได้ยินข่าวเล่าลือเกี่ยวกับตนเอง ที่ผู้คนต่างกล่าวขานว่าเขานั้นเป็นองค์รัชทายาทที่โง่งมที่สุด!!
เขาล่ะอยากจะเอากรรไกรไปตัดลิ้นโสโครกของพวกมันเสียจริง!!!
ยามนี้ใต้หล้ามีแคว้นทั้งหมดสี่แคว้น คือแคว้นเป่ยฉิน แคว้นเยี่ยน แคว้นฉู่ และแคว้นฉี ทุกแคว้นต่างมีฮ่องเต้ปกครองและมีเมืองหลวงของตน แต่ทว่าแคว้นเป่ยฉินมีอาณาเขตกว้างขวางกว่าอีกสามแคว้น ก่อนหน้านี้ใต้หล้าล้วนมีแต่ความสงบสุข จนกระทั่งฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนและแคว้นฉู่คิดก่อกบฏหวังทำสงครามชิงแคว้น สงครามจึงปะทุขึ้น ท้ายที่สุดก็ต้องยอมจำนนต่อแคว้นเป่ยฉินของเขา
ระยะนี้สงครามสงบ เสด็จพ่อก็ทรงสะสางงานราชกิจเอง เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ใดของเสด็จพ่อเลยแม้แต่น้อย แม้บิดาจะเอ่ยเตือนสักเพียงใดก็ตาม แต่เขาเองกลับไม่เคยใส่ใจ
หยางจิ่งกำลังจะเดินไปที่ตำหนักปีกข้างเพื่อดูไป๋อี๋ซินร่ายรำ แต่ทว่าเขากลับได้พบกับโจวหว่านหรู พระชายาเอกของตนเองเสียก่อน
เขาไม่เคยนึกชอบนางเลยแม้แต่น้อย ที่เขาต้องแต่งกับนางก็เพียงเพราะนางเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ เป็นถึงบุตรสาวของจวนแม่ทัพใหญ่ ตระกูลโจวภักดีต่อฮ่องเต้ทุกพระองค์ของแคว้นเป่ยฉินมาอย่างช้านาน ทำให้เสด็จพ่อทรงไว้วางพระทัยตระกูลโจวไม่น้อย อีกทั้งยามสมัยที่ยังวัยเยาว์ เสด็จพ่อที่ยังเป็นเพียงองค์ชายก็ได้แม่ทัพใหญ่โจวช่วยสนับสนุนให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ อีกทั้งยังสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายสิบปี จนสนิทสนมและสาบานเป็นสหายร่วมตายกัน
ช่างน่ารังเกียจที่สุด เพียงเพราะนางเกิดมาในตระกูลเรืองอำนาจจึงได้มีโอกาสที่ดีกว่าสตรีคนอื่น ๆ แต่ทว่าไป๋อี๋ซินของเขากลับต้องเป็นสตรีไร้ตำแหน่ง เพียงเพราะมีฐานะตำต้อยกว่าโจวหว่านหรู
หยางจิ่งปรายตามองโจวหว่านหรูคราหนึ่งโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
"ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ"
"อืม"
"พระองค์จะทรงเสด็จไปที่ใดเพคะ?"
หยางจิ่งที่ได้ยินโจวหว่านหรูเอ่ยถามเช่นนั้นก็ปรายตามองนางด้วยแววตาที่เย็นเยียบ
"ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะสอดรู้"
"แต่วันนี้เป็นวันที่พระองค์จะต้องทรงอยู่กับหม่อมฉันนะเพคะ"
"เจ้าเคยเห็นข้าทำตามกฎหรือ? หึ"
หยางจิ่งเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปโดยมิได้หันมาสนใจโจวหว่านหรูเลยแม้แต่น้อย โจวหว่านหรูดวงตาแดงก่ำ ทำได้เพียงมองดูหยางจิ่งเดินจากไปโดยมิอาจห้ามปรามได้
นางรู้ดีว่าเขาไม่เคยรักนาง ตั้งแต่เข้าวังมาเขาไม่เคยแตะต้องนางเลยสักครา สตรีที่เขารักคือไป๋อี๋ซิน เมื่อหนึ่งเดือนก่อน หยางจิ่งรับไป๋อี๋ซินเขาวังโดยไม่สนใจคำทัดทานของผู้ใด ส่วนนางก็เป็นเพียงดอกไม้งามที่เอาไว้ประดับบารมีให้เขาดูมีอำนาจเท่านั้น
เขาลืมนางสิ้นแล้ว เขาจำไม่ได้หรือว่าแกล้งไม่จำกันแน่ ในครั้งวัยเยาว์นางและเขาเคยพบกัน ยามนั้นนางอายุเพียงแปดขวบปี ส่วนหยางจิ่งอายุสิบเอ็ดขวบปี นางในวัยเด็กนั้นซุกซนอยู่ไม่น้อย และยังชอบติดตามท่านพ่อเข้าวังหลวงอยู่บ่อยครั้ง จนครั้งหนึ่งนางพบกับหยางจิ่งที่กำลังปีนอยู่บนต้นไม้ ก่อนจะร่วงตกลงมาร้องไห้ นางในยามนั้นไม่รู้ว่าเขาคือองค์ชาย จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นมา และใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนมากดบาดแผลเขาเอาไว้เพื่อช่วยห้ามเลือด จนกระทั่งมีแม่นมมาพบนางกับหยางจิ่ง นางจึงได้รู้ว่าเขาคือองค์ชายแห่งเป่ยฉิน
ไม่นานนักสงครามเริ่มปะทุ ทั้งท่านพ่อและพี่ชายต้องไปร่วมรบเพื่อปกป้องแว่นแคว้น ท่านพ่อเป็นห่วงนางและท่านแม่เพราะในจวนไม่มีบุรุษคอยดูแลเกรงว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ นางจึงต้องติดตามท่านพ่อไปอยู่ที่ชายแดน นับแต่นั้นเขาและนางก็ไม่ได้พบกันอีกเลย จนกระทั่งวันที่นางกลับมาเมืองหลวงในวัยสิบสามปี นางจึงได้พบกับเขาอีกครา ยามนั้นเขายังเป็นเพียงองค์ชายเสเพล นางจำดวงตาคู่นั้นของเขาได้ไม่เคยลืม วันนั้นนางไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะพานางไปพบกับหยางจิ่งด้วย เดิมทีพี่ใหญ่บอกว่าจะพานางไปเดินเล่นเพียงเท่านั้น
การพบกันอีกครา ทำให้นางหลงรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
โจวหว่านหรูทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของหยางจิ่งที่เดินออกไปจนลับสายตา โดยไม่อาจทักท้วงอันใดได้เลยแม้แต่น้อย
หยางจิ่งมุ่งหน้ามาที่ตำหนักปีกข้าง เมื่อมาถึงเขาก็พบกับไป๋อี๋ซินที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ เมื่อเห็นว่าเขามา นางก็รีบโผเข้ามากอดเขาทันทีด้วยความรักใคร่
"จิ่ง ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว"
หยางจิ่งยิ้มให้ไป๋อี๋ซินอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยกับนาง
"ไม่มาได้เช่นไรกัน หัวใจของข้าอยู่ที่นี่"
ไป๋อี๋ซินยิ้มด้วยความเขินอาย หยางจิ่งที่เห็นเช่นนั้นจึงอุ้มนางขึ้นไปบนเตียง ก่อนที่คนทั้งสองจะร่วมรักกันจนถึงรุ่งสาง
"พระชายาเพคะ อย่าทรงรอองค์รัชทายาทอีกเลยเพคะ"
สาวใช้น้อยนามว่า เย่หยวน เอ่ยบอกโจวหว่านหรูด้วยความห่วงใย พลางหยิบผ้าคลุมขนจิ้งจอกมาห่มให้เจ้านายตน โจวหว่านหรูยิ้มให้เย่หยวนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ข้านอนไม่หลับ เย่หยวน หากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าจะไม่เข้าร่วมคัดเลือกเป็นพระชายาองค์ชาย ข้าจะตามท่านพ่อและพี่ใหญ่เข้าค่ายทหาร ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบจนชั่วชีวิต"
นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตน ใบหน้าสวยหวานพลันโศกเศร้าและเจ็บปวดจนเกินจะบรรยาย
หยางจิ่งมักจะไปที่ตำหนักของไป๋อี๋ซินเกือบทุกวัน จวบจนกระทั่งไป๋อี๋ซินเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ราชสำนักเริ่มระส่ำระสาย เนื่องจากพระชายาเอกยังไม่ทรงตั้งครรภ์ แต่สตรีไร้หัวนอนผู้นี้กลับชิงตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน นี่นับไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย
หลายเดือนต่อมา ไป๋อี๋ซินก็ให้กำเนิดพระโอรส นั่นทำให้สถานะของโจวหว่านหรูเริ่มสั่นคลอน
สามปีให้หลังฮ่องเต้หลิงไท่บิดาของหยางจิ่งเสด็จสวรรคต ใต้หล้าเกิดสงครามใหญ่ คนในก่อกบฏ แคว้นเป่ยฉินตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก ราชสำนักถูกเหล่ากบฏยึดครอง และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หยางจิ่งตาสว่างและได้รู้ว่าตนเองเห็นผิดเป็นชอบ!!!
หยางจิ่งถูกบุรุษผู้หนึ่งลากตัวมาที่ด้านหน้าตำหนักบูรพา ก่อนจะเอ่ยกับเขาอย่างดูแคลน
"มองสิ!! มองตำหนักบูรพาที่ยามนี้กำลังจะมอดไหม้ไปพร้อมกับโจวหว่านหรู สตรีที่เจ้าเกลียดหน้านางนักหนา ยามนี้นางกำลังจะตายจากเจ้าไปแล้ว แม้กระทั่งนางยังทอดทิ้งเจ้า!!!"
"เจ้าให้นางทำสิ่งใด!!!"
หยางจิ่งหันไปเอ่ยถามบุรุษผู้นั้นด้วยแววตาที่เกลียดชัง บุรุษผู้นั้นยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย
"ข้ายื่นข้อเสนอให้นาง ข้อแรก หากนางยอมเป็นของข้า ข้าจะเลี้ยงดูนางอย่างดี โดยไม่สนใจว่านางจะเคยเป็นของเจ้ามาก่อนหรือไม่ หากนางยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า นางจะสุขสบายไปทั้งชีวิต ส่วนข้อสอง หากนางไม่ตอบตกลง ก็จงฆ่าตัวตายเสีย ในเมื่อข้าไม่ได้นาง เจ้าก็ไม่สมควรได้ครอบครองนาง แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่านางช่างโง่งมยิ่งนัก นางเลือกไม่ยอมรับข้อเสนอของข้า ทั้งที่ข้าก็รักนางมากกว่าเจ้า!!! ในเมื่อนางเลือกเช่นนี้ ข้าก็จะสงเคราะห์นางให้ตายตามตระกูลโจวไปเสีย หยางจิ่ง เจ้ารู้หรือไม่ ว่าพระโอรสที่ไป๋อี๋ซินให้กำเนิด แท้จริงไม่ใช่บุตรของเจ้า และข้าจะบอกความจริงให้เจ้าตาสว่าง ความจริงแล้วเขาคือบุตรชายของข้า ยังมีอีกหลายเรื่องที่คนโง่งมเช่นเจ้ายังไม่รู้ แต่เจ้าอย่ารู้ให้เจ็บปวดเลย รีบไปปรโลกเถิด ฮ่า ๆ !!!! เจ้าคนหน้าโง่ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่เลี้ยงดูบุตรของข้ามานานหลายปี โอ้ววว บิดาเจ้าข้าก็เป็นคนวางยาเขาเองกับมือเชียวนะ วางทีละน้อย ๆ ค่อย ๆ ตายอย่างช้า ๆ ฮ่า ๆ ส่วนเจ้า ข้าก็ให้ไป๋อี๋ซินวางยาพิษที่มีฤทธิ์กล่อมประสาทให้เจ้ากินวันน้อย จนเจ้ามีสภาพเช่นนี้อย่างไรเล่า"
หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็หวนนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ระยะหลังมานี้เขามักจะมองเห็นภาพหลอน ไล่ทุบตีเหล่าขันทีเพียงเพราะคิดว่าคนเหล่านั้นด่าทอเหยียดหยามเขา บางคราก็ฝันร้ายทำให้ไม่ได้นอนทั้งคืน ทุกคราที่ไปพบไป๋อี๋ซินนางมักจะนำสุรามาให้เขาดื่ม สุรานั้นหอมหวานไม่เหมือนสุราจากที่ใด เขาชื่นชอบมันมากจึงดื่มมันทุกเวลา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหยางจิ่งก็กำมือแน่น ก่อนจะสบถด่าทอคนผู้นั้นด้วยความเกลียดชัง
"เจ้ามันคนสารเลว!!!!"
"ผู้ใดใช้ให้เจ้าโง่เขลากันเล่า มีสตรีที่ดีงามอยู่ข้างกายไม่รัก แต่กลับมาใช้ภรรยาร่วมกับข้าอยู่นานหลายปี เจ้าไม่รู้เลยหรือว่านางตั้งครรภ์กับข้าก่อนจะเข้าวังไปเป็นของเจ้า ทั้งหมดมันคือแผนของข้า แผนที่คนหน้าโง่เขลาเช่นเจ้าไล่ไม่ได้ตามไม่ทันอย่างไรเล่า"
หยางจิ่งตัวสั่นเทาด้วยไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดออกมา รู้สึกโกรธแค้นจนแทบคลั่ง เพราะความหลงใหลจนหน้ามืดตาบอด ความหลงทะนงตน และความเชื่อใจในตัวคนที่ไม่เคยคิดว่าจะหักหลังเขาได้
เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ภาพของสตรีนางหนึ่งก็ปรากฏเด่นชัดในความคิดของเขา
"จิ่ง ท่านหยุดดื่มสุราบ้างเถิด มันไม่ดี อีกเดี๋ยวเสด็จพ่อจะทรงกริ้วเอาได้"
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!!!"
"จิ่ง ข้าทำขนมมาให้ท่าน มันดีต่อสุขภาพท่านมากเลยนะ"
"เอาไปโยนทิ้ง!!"
"จิ่ง ข้ารักท่าน ท่านไม่เคยรักข้าเลยหรือ"
"ในใจข้าไม่เคยมีเจ้า"
ไป๋อี๋ซินสตรีที่เขารักแท้จริงแล้วหลอกลวงเขามาโดยตลอด
แต่ทว่าโจวหว่านหรูสตรีที่เขาเกลียดชัง นางกลับตัดสินใจเลือกความตายและไม่ยอมตกเป็นของบุรุษอื่น
เขารู้แล้ว!!! ยามนี้เขารู้แล้วว่าเขามันโง่งมมาตลอด
หยางจิ่งกำมือแน่น เขาตะโกนจนสุดเสียง หวังว่าเสียงของเขาจะดังมากพอทำให้โจวหว่านหรูได้ยิน
"ไม่นะ!!! หว่านหรู ออกมา อย่านะ!!! หว่านหรู ข้าผิดไปแล้ว หว่านหรู ข้ารู้สำนึกแล้ว เจ้าออกมาเถิด เจ้าห้ามทำเรื่องสิ้นคิดเด็ดขาดนะ เจ้าออกมาสิ!!!"
"ร้องเรียกให้ตายนางก็ไม่มีวันออกมาพบเจ้าได้อีกแล้วหยางจิ่ง!"
ตำหนักบูรพา
ยามนี้โจวหว่านหรูกำลังให้เย่หยวนช่วยบรรจงแต่งหน้าและเลือกเครื่องประดับที่งดงามที่สุดให้กับนาง นางจ้องมองตนเองในกระจก ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเย่หยวน
"ไปสืบข่าวมาได้ความใดบ้าง"
"เอ่อ..."
"พูดมาเถิด"
"ท่านแม่ทัพใหญ่และนายน้อยเสียชีวิตในสนามรบแล้วเพคะ คนของแคว้นเราร่วมมือกับกบฏลอบสังหารแม่ทัพตระกูลโจวจนตกตาย ยามนี้ฮูหยินใหญ่ผูกคอตนเองตายแล้ว ตระกูลโจว ฮึก ล่มสลายแล้วเพคะ"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาลงช้า ๆ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบใบหน้างามของนางจนเปียกชุ่ม นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเย่หยวน
"เจ้าออกไปเถิด รักษาตัวให้ดี จำทางลับที่ข้าบอกเจ้าได้หรือไม่ รีบหนีไปเสีย"
"ไม่เพคะพระชายา หม่อมฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งพระองค์!!!"
"ของมีค่าที่ข้ามอบให้เจ้าจงใช้มันให้เกิดประโยชน์ ยามนี้ข้าไม่เหลือผู้ใดแล้ว ท่านปู่เพิ่งล้มป่วยตายจากไป ท่านพ่อและพี่ใหญ่ก็มาตายในสนามรบเพราะปกป้องราษฎร ท่านแม่ก็ผูกคอตายหนีข้าไปแล้ว คนในตระกูลโจวทิ้งข้าไปหมดแล้ว ข้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้วเย่หยวน"
"ฮือ พระชายา"
"ออกไป!!! นี่คือคำสั่ง!!!"
โจวหว่านหรูยื่นมือไปจับมือของเย่หยวนเอาไว้ ก่อนจะพานางมาที่ประตูลับด้านหลังตำหนัก แล้วจึงผลักสาวใช้ผู้จงรักภักดีออกจากตำหนัก หลังจากนั้นนางก็จัดการปิดประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะยื่นมือไปปัดเชิงเทียนทุกอันในตำหนักจนล้มลงกับพื้น เพลิงไหม้ค่อย ๆ ลุกโหมทั่วทั้งตำหนักบูรพา โจวหว่านหรูทิ้งกายนั่งลงหน้ากระจก ก่อนจะหยิบหวีขึ้นมาหวีผมของตนอย่างไม่รีบไม่ร้อน ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปโดยรอบอย่างเลื่อนลอยราวกับว่าใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีผู้ใดให้นางพึ่งพาได้อีกแล้ว
"จิ่ง ข้าเหนื่อยแล้ว หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราทั้งสองอย่าได้พบเจอกันอีกเลย"
โจวหว่านหรูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ พลันนึกถึงทุกคนในตระกูลโจวของนาง
นางคิดถึงท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ใหญ่เหลือเกิน
นางช่างโง่งมเหลือเกิน โง่งมเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียว
โจวหว่านหรูเหม่อมองไปโดยรอบตำหนักบูรพา รอบตัวนางมีเพียงควันล่องลอย นางไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ ในจิตใจ ก่อนที่ร่างบางระหงจะล้มลงไปบนพื้น กองเพลิงลุกโหมมอดไหม้ทุกสิ่งในตำหนักบูรพาไม่เหลือแม้กระทั่งร่างของโจวหว่านหรู
ยามนี้หยางจิ่งถูกทุบตีจนขาหัก ลนลานคลานไปข้างหน้าเพื่อหวังจะเข้าไปหาโจวหว่านหรู
"หว่านหรู!!!"
ข้าผิดไปแล้วโจวหว่านหรู!!! ข้าผิดไปแล้ว!!!
แม้แต่วาระสุดท้ายเจ้าก็ยังไม่ยอมออกมาพบข้า เจ้าเกลียดข้าแล้วใช่หรือไม่!!!
เจ้าออกมาฟังคำขอโทษจากข้าก่อนไม่ได้หรือ!!!
บุรุษผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นสูงแล้วจึงแทงมาที่ร่างของหยางจิ่ง เขากระอักโลหิตออกมา ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าไปมองบุรุษผู้นั้นด้วยแววตาที่เย็นเยียบ
"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยคนชั่วช้าเช่นเจ้าที่ทำร้ายแม้กระทั่งญาติพี่น้องตนเอง"
หยางจิ่งกำมือแน่น ก่อนจะกระอักโลหิตออกมาอีกครา
"ยังไม่รีบสังหารเขาอีกหรือ?"
"ข้ากำลังจะสังหารเขาแล้ว"
หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำ ความเจ็บปวดที่ถูกทำร้ายทางกาย ยังไม่สู้ความอัปยศในใจเขายามนี้เลย
"เสด็จแม่"
"ข้าไม่เคยนับเจ้าเป็นลูก เจ้าก็แค่บุตรของสตรีที่ข้าเกลียดชัง ข้าทนเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ก็นับว่าเมตตามากแล้ว"
"เสด็จ..."
"น่ารำคาญเสียจริง รีบฆ่ามันสิ!!!"
สิ้นสุดคำสั่งของสตรีวัยกลางคนนางนั้น ดาบในมือของบุรุษปริศนาก็แทงลงมาที่ร่างของหยางจิ่งอีกครา เขาหมดลมหายใจตายอยู่ที่ด้านหน้าตำหนักบูรพาซึ่งถูกไฟไหม้ ก่อนจะสิ้นใจ เขาเอื้อมมือไปด้านหน้าหวังจะเข้าไปคว้าจับโจวหว่านหรูเอาไว้ แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
หากชาติหน้ามีจริง ข้าจะตามชดใช้ให้เจ้าอย่างไม่บิดพลิ้ว ข้าจะยอมเจ้าทุกอย่าง ข้าจะทำทุกอย่างให้เจ้าไม่เจ็บปวด ข้าจะดีต่อเจ้าไปชั่วชีวิต!!!
ข้าสัญญา!
รัชศกหลิงไท่ปีที่ 25"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ รอสักครู่บ่าวจะนำของว่างมาให้ท่านนะเจ้าคะ"สายลมต้นฤดูหนาวพัดผ่านเข้ามาปะทะกับแก้มขาวผ่องของโจวหว่านหรู จนนางรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งใบหน้า กลีบดอกเหมยปลิดปลิวตามสายลมมาตกลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมของมันทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างช้า ๆ ก่อนจะครุ่นคิดในใจปรโลกเย็นเยียบถึงเพียงนี้เชียวหรือ?โจวหว่านหรูถอนหายใจพลางยกยิ้มออกมาคราหนึ่ง นางจำได้ว่านางเผาตนเองไปพร้อมกับตำหนักบูรพา เพลิงไหม้ลุกโหมทุกอย่างจนไม่เหลือซาก รอบ ๆ ตัวนางค่อย ๆ ดำมืด ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนราวกับร่างกายจะแหลกสลายนั้นมันช่างทรมานเหลือเกินโจวหว่านหรูหันมองซ้ายขวาด้วยความมึนงงสับสน นางยื่นมือไปหยิบกลีบดอกเหมยขึ้นมามองดู ก่อนจะค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้นางถึงกับตื่นตระหนกนี่มัน!!!จวนตระกูลโจวของนางมิใช่หรือ?โจวหว่านหรูลนลานมองไปโดยรอบอีกครา เพื่อต้องการแน่ใจว่าตนไม่ได้เลอะเลือนยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ที่ศาลาริมสระบัว บนโต๊ะมีตำราการต่อสู้ที่นางชอบอ่านเป็นประจำก่อนหลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวง ยามนี้หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ดอกเหมยบานสะพรั
ตำหนักบูรพาหลายวันก่อนหน้าที่ตระกูลโจวจะกลับเมืองหลวงหนึ่งเดือน"แคก ๆ องค์ชาย องค์ชายใหญ่ทรงฟื้นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ เร็วเข้ารีบตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!!!"เสียงร้องเรียกของหวังซุน องครักษ์ผู้ทำหน้าที่คอยรับใช้หยางจิ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ เมื่อพบว่ายามนี้เจ้านายของตนได้สติกลับมาแล้ว ไม่นานนักหมอหลวงก็มาถึง เมื่อตรวจดูอาการหยางจิ่งต่ออีกสักครู่ ก็มีสีหน้าที่คลายความกังวลลงไปไม่น้อย"ยามนี้ไอเย็นถูกขับออกหมดแล้ว องค์ชายใหญ่ทรงปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ค่อย ๆ หันไปมองหมอหลวงคราหนึ่ง ก่อนแววตาของเขาจะหยุดลงที่หวังซุน องครักษ์ที่ภักดีกับเขาเป็นที่สุดภาพในกาลก่อนฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิดของเขา"องค์รัชทายาท ต่อให้พระองค์จะทรงสังหารกระหม่อม กระหม่อมก็ต้องเอ่ยเตือนพระองค์ คนผู้นั้นคิดไม่ซื่อ เขาหวังจะช่วงชิงตำแหน่งของพระองค์""หุบปาก!!! ข้าไม่เชื่อเจ้า เจ้ากำลังดูหมิ่นราชวงศ์ของข้าหวังซุน ทหาร ลากมันไปโบยจนตาย!!!""องค์รัชทายาทโปรดเชื่อกระหม่อมด้วยเถิด องค์รัชทายาท!!!"หยางจิ่งหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ฉับพลันเขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครา ก่อนจะมองไปโดยรอบอี
วันนี้หิมะค่อนข้างดูบางตากว่าปกติ หยางจิ่งสวมชุดคล้ายคุณชายสูงศักดิ์ กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ถนนในเมืองหลวง โดยมีหวังซุนติดตามมาด้วย ยามนี้สุขภาพของเขาแข็งแรงขึ้นมากแล้ว จึงตั้งใจออกจากวังหลวงเพื่อมารอพบนาง ได้ยินว่าตระกูลโจวกลับมาจากชายแดนหลายวันแล้ว เสด็จพ่อเองก็ไม่ได้รีบร้อนให้แม่ทัพใหญ่เข้าเฝ้า บอกเพียงว่าพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเข้าวังหลวงก็ไม่เป็นปัญหา สองวันก่อนเขาสั่งให้หวังซุนนำจดหมายไปส่งให้โจวอวี้หานนัดหมายให้เขามาดื่มสุราด้วยกันหยางจิ่งเดินมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ร้านสุราร้านหนึ่ง มันคือร้านที่เขามักชอบออกมาดื่มเป็นประจำ สุราที่นี่หรูหราราคาแพง และรสชาติดีไม่น้อยยามนี้เขายังเป็นเพียงองค์ชายที่มีอายุเพียงสิบหกปี และยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท แต่อีกไม่นานเสด็จพ่อย่อมต้องแต่งตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาทเร็ว ๆ นี้เขาจำได้ว่ายามนั้นราชสำนักวุ่นวาย เนื่องจากเหล่าขุนนางไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาขึ้นนั่งตำแหน่งนี้ เพราะเขาเสเพล ไม่เอาไหน วัน ๆ เมามายสุรา อยู่กับสตรีไม่ซ้ำหน้า งานราชกิจก็ไม่สน ทั้งยังไม่เห็นหัวใคร หากเขาได้เป็นใหญ่บ้านเมืองย่อมต้องเข้าสู่กลียุคเป็นแน่
คล้ายห้วงเวลาในชาติภพก่อนย้อนกลับมาอีกครา หยางจิ่งจ้องมองไป๋อี๋ซินด้วยแววตาที่ล้ำลึก ไป๋อี๋ซินเองรับรู้ได้ว่าตนถูกจ้องมองก็หันกลับมาสบสายตากับหยางจิ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา ดวงตาของนางช่างดูงดงามและน่าทะนุถนอมหยางจิ่งยกยิ้มมุมปาก หากเป็นชาติที่แล้วยามนี้เขาคงตกหลุมพรางของสตรีผู้นี้ไปเสียแล้ว ท่าทีอ่อนหวาน งดงาม ร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ราวกับต้องลมก็จะล้มลงได้นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งทั้งสิ้นไป๋อี๋ซินเดินจากไปแล้ว แต่ทว่าหยางจิ่งยังคงมองตามแผ่นหลังของนางไปจนลับสายตาเขาอยากจะรู้เช่นกันว่าจิตใจของไป๋อี๋ซินทำด้วยสิ่งใด นางจึงหลอกลวงและทรยศเขาได้ลงคอ ทั้งที่เขารักนางอย่างสุดหัวใจโจวอวี้หานที่เห็นว่าหยางจิ่งนิ่งงันไม่ยอมเดินก็รีบหันมามอง ก่อนจะเอ่ยหยอกเย้า"นี่อาจิ่ง เจอสตรีที่พึงใจหรือ ข้าเห็นเจ้ามองนางไม่วางตาเลยนะ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้โจวอวี้หานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ไม่ใช่ ข้าเพียงรู้สึกคุ้นหน้านางน่ะ ไปกันเถิด""ข้าเห็นเจ้าก็คุ้นหน้าสตรีทุกคน""พูดมาก รีบไปเร็วเข้า""รู้แล้ว ๆ"หยางจิ่งเอ่ยเพียงเท่านั้น แล้วเดินตามโจวอวี้หานเข้าไปนั่งในรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่จวน
โจวหว่านหรูรีบเร่งฝีเท้าไปที่ศาลาริมสระบัวในทันที เมื่อมาถึงก็พบกับเฉินป๋อเหวินที่ยามนี้สวมชุดสีขาว ในมือถือพัดโบกไปมา กำลังยืนมองไปที่สระบัวเบื้องหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน"ป๋อเหวิน"เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้โจวหว่านหรูคราหนึ่งเขากับนางนับว่าเป็นสหายสนิทกันตั้งแต่วัยเยาว์ ยามนั้นนางติดตามบิดาไปอยู่ที่ชายแดน เฉินป๋อเหวินเองก็ได้ตามท่านพ่อของเขาไปค้าขายใกล้ชายแดนเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีหลายครั้งที่ตระกูลเฉินต้องเดินทางมาที่ชายแดนเพื่อช่วยเหลือเรื่องเสบียงอาหาร ตระกูลเฉินนับว่าร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแคว้นเป่ยฉิน ท่านพ่อของเขาสนับสนุนเสบียงและตั๋วเงินเข้าคลังหลวงทุกเดือน ฝ่าบาทเองก็ไว้วางพระทัยตระกูลเฉินไม่น้อย บางคราเฉินป๋อเหวินต้องมาทำการค้าและพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมติดกับชายแดนอยู่หลายเดือนวัน ทำให้เขาได้พบกับนางอยู่บ่อยครั้ง ด้วยนิสัยที่กล้าหาญและซุกซนของโจวหว่านหรู นางเคยช่วยเหลือเขาอยู่หลายครา ยามนั้นเขาตกลงไปในน้ำ เป็นนางที่กระโดดลงไปช่วยเขาอย่างไม่คิดชีวิต เขาในวัยเก้าขวบปียังคงจดจำโจวหว่านหรูเด็กสาวตัวน้อยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้เป็นอย่างดี เขากั
หยางจิ่งขยับกายเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก พลางจ้องมองหยางจินจินและเจียงหมิงเจ๋อด้วยความสงสัยเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชาติที่แล้วหยางจินจินและเจียงหมิงเจ๋อจะรู้จักกันหรือว่าวันนั้นที่หยางจินจินต่อต้านการแต่งงานและบอกว่านางมีคนรักอยู่แล้ว บุรุษผู้นั้นก็คือเจียงหมิงเจ๋อเขาจำได้ว่าก่อนเสด็จพ่อจะสิ้นพระชนม์ เขาได้ข่าวว่าเจียงหมิงเจ๋อหนีออกจากเป่ยฉินได้สำเร็จ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนั้นเขาไม่ได้สนใจองค์ชายกบฏผู้นี้เท่าใดนัก จึงไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของเจียงหมิงเจ๋ออีกเลย ได้ข่าวอีกคราก็พบว่าเจียงหมิงเจ๋อขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นเยี่ยนไปเสียแล้วหลังจากเจียงหมิงเจ๋อขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน ไม่นานเสด็จพ่อของเขาก็สวรรคตในสามวันให้หลัง บ้านเมืองก็นองไปด้วยโลหิต ด้วยฝีมือคนในที่ก่อกบฏสำเร็จเขาจ้องมองไปที่เจียงหมิงเจ๋อคราหนึ่ง บางอย่างบอกเขาว่าชาตินี้เขาจะต้องจับตาดูเจียงหมิงเจ๋อให้มากกว่าชาติที่แล้วหยางจิ่งขมวดคิ้วมุ่น คล้ายว่าในชาติก่อนจะมีเรื่องราวอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่รู้?ด้านเจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน จึงหยุดฝีเท้าก็หันไปมองคราหนึ่
ยามเช้าของวันต่อมา หยางจินจินตื่นแต่เช้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ตำหนักของฉินกุ้ยเฟยในทันที ยามนี้วังหลังยังไม่มีฮองเฮาพระองค์ใหม่ ฉินกุ้ยเฟยจึงเป็นผู้ที่มีอำนาจปกครองวังหลังเพียงผู้เดียว ฝ่าบาทเองก็ทรงโปรดปรานและไว้ใจนางไม่น้อย ผู้คนต่างเล่าลือกันว่า ตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาพระองค์ใหม่ย่อมต้องตกเป็นของฉินกุ้ยเฟยไม่ช้าก็เร็ว แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ดีเท่าฉินกุ้ยเฟย เดิมทีพี่สาวของนางตายจากไปนานแล้ว นางเองก็อดทนกัดฟันเลี้ยงดูหยางจิ่งมาราวกับบุตรในอุทร ทั้งที่ความจริงนางเกลียดชังหยางจิ่งยิ่งนัก นางกับมารดาของหยางจิ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน นางเป็นบุตรของภรรยารอง ต้องทุ่มเทกำลังแรงกายไปไม่ใช่น้อยกว่าจะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ หากนางเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก ยามนี้ตำแหน่งฮองเฮาคงตกเป็นของนางนานแล้ว ไม่ต้องมาทนรอคอยอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้!!!ฝ่าบาทเองก็ช่างกระไร นางทำดีถึงเพียงนี้ ผ่านมาหลายสิบปีกลับยังได้เป็นเพียงฉินกุ้ยเฟย ช่างน่าเจ็บใจนัก"ถวายพระพรฉินกุ้ยเฟยเพคะ"ฉินกุ้ยเฟยที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มพลันปรายตามองหยางจินจินคราหนึ่ง เดิมทีนางไม่ได้ใส่ใจองค์หญิงที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยผู้นี้เท่าใดนัก แต่ทว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ได้มีราชโองการจากฮ่องเต้หยางหลิงไท่ ประกาศให้คุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ เข้าร่วมคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียนขององค์หญิงรองหยางจินจินเดิมทีหากไม่มีราชโองการจากฝ่าบาท เหล่าขุนนางก็พอจะหลับหูหลับตาไม่ส่งบุตรสาวของตนไป องค์หญิงรองนางนี้อย่างไรเสียพวกเขาก็หาผลประโยชน์อันใดจากนางไม่ได้อยู่แล้วแต่ทว่าเมื่อมีราชโองการออกมาเช่นนี้ ย่อมไม่อาจนิ่งเฉยได้พวกเขาจำต้องส่งบุตรสาวของตนเข้าร่วมคัดเลือกเป็นพระสหายเล่าเรียนในครานี้ด้วย ไม่เว้นแม้แต่ โจวหว่านหรูยามนี้โจวหว่านหรูกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงที่เรือนใหญ่ พลางมองดูมารดาของตนกำลังเย็บปักผ้าเช็ดหน้าอย่างประณีตงดงาม หากพูดเรื่องการบ้านการเรือนนั้น นางไม่เก่งเลยสักอย่าง นางชื่นชอบการยิงธนู ขี่ม้า ฟันดาบ แม้ท่านแม่จะสอนนางเท่าใดนางก็ไม่สามารถทำออกมาได้ดีเลยสักอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นท่านแม่ก็ไม่เคยบังคับนางให้ทำในสิ่งที่นางไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย"หวานหว่าน อีกไม่กี่วันเจ้าจะต้องเข้าวังเพื่อคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียนขององค์หญิงรอง เจ้าเตรียมตัวให้ดีเล่า""เจ้าค่ะ"โจวหว่านหรูรับคำ ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวในกาลก่อนนั้นหลังจากที่นางตกหลุมรักหยางจิ่
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่
ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า
โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ
เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห
ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย
หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย
เจียงหมิงเจ๋อปรายตามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น เหล่าทหารแคว้นเยี่ยนของเขาก็พุ่งเข้าสังหารทหารแคว้นฉีในทันที อู๋เจี๋ยตื่นตระหนกไม่น้อย เพียงมองอาภรณ์ที่สวมใส่เขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาใหม่นี่คือใครฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเช่นนั้นหรือ!!!เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองอู๋เจี๋ยคราหนึ่ง ก่่อนจะเอ่ย"เจ้าสินะ ที่ขโมยศีรษะของเจียงหย่งหลางส่งไปให้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน ศีรษะของพี่ชายข้าก็เสียบประจานอยู่ที่หน้าประตูชายแดนดี ๆ เจ้ากลับไร้มรรยาทเอาหัวเขาไปเที่ยวเล่น ช่างบังอาจนัก!!!"อู๋เจี๋ยตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะถูกล่วงรู้ได้รวดเร็วเช่นนี้เขารู้ว่ายามนี้ไม่อาจต่อกรได้แล้ว เจียงหมิงเจ๋อพาทหารแคว้นฉู่ที่ยามนี้รวมเป็นหนึ่งกับแคว้นเยี่ยนบุกเข้ามาเพื่อจัดการเขา มันเป็นไปได้เช่นไรไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเจ๋อต้องสังหารหยางจิ่งหรอกหรือ!!!อู๋เจี๋ยไม่รั้งรอ เขารีบควบม้าคิดจะหนี เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก มีหรือที่เขาจะปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ ใครที่มันคิดรุกรานเขา เขาไม่เคยเก็บเอาไว้เจียงหมิงเจ๋อคว้าคันธนูมาจากฟ่านเฉียน ก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่อู๋เจี๋ย ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะทะลุเข้าไปที่กลางอกข
โจวหว่านหรูสวมชุดเกราะเตรียมออกรบ ในมือของนางถือดาบยาวที่ส่องประกายวาววับ ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและพุ่งทะยานออกไปที่ประตูชายแดนในทันที โดยมีหยางจิ่งและโจวอวี้หานเป็นผู้นำทัพ ยามนี้แขนของท่านพ่อนางดีขึ้นมากแล้ว เมื่อภัยมาถึงด้วยนิสัยของท่านพ่อย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้ด้านหยางจินจินนั้นคอยดูแลเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บและถูกหามกลับเข้ามา ใจของนางสั่นไหวไม่น้อยหยางจิ่งที่ควบม้ามายังสนามรบ เมื่อได้มองเห็นกองกำลังทหารเรือนแสนที่แคว้นฉียกทัพมาก็จ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนจะมองไปที่อู๋เจี๋ยซึ่งเป็นผู้นำทัพออกรบอู๋เจี๋ยจ้องมองหยางจิ่งอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะปรายตามามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ในใจนึกเสียดายที่ไม่อาจนำสาวงามนางนี้มาครอบครองได้ หากเขารบชนะศึกในครานี้และหยางจิ่งพ่ายแพ้ เขาจะลากตัวนางกลับแคว้นฉีและทรมานให้สาแก่ใจโจวหว่านหรูจ้องมองอู๋เจี๋ยด้วยแววตาเกลียดชัง"ไม่คิดว่าคนแคว้นฉีจะตีสองหน้าได้เก่งกาจปานนี้ อาศัยช่วงที่ทัพของข้าอ่อนไหว ตลบหลังได้อย่างหน้าไม่อาย"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ อู๋เจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ว่าแคว้นฉีขอ
หยางจิ่งรีบเข้ามากอดโจวหว่านหรูทันที ก่อนจะเอ่ย"เจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด ข้าแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า"โจวหว่านหรูไม่ได้ขัดขืนหยางจิ่ง ยังคงปล่อยให้เขากอดนางอยู่เช่นนั้น"ข้าเหนื่อยแล้ว"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นเรากลับเป่ยฉินกันเถิด"หยางจิ่งกำลังจะพาโจวหว่านหรูเดินไปยังรถม้า แต่ทว่านางกลับรั้งมือของเขาเอาไว้ หยางจิ่งหันกลับมามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"มีสิ่งใดหรือ"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าหายไปแคว้นเยี่ยนตั้งหลายวัน ท่านไม่สงสัยข้าเลยหรือ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางอย่างรักใคร่"ข้าไม่สนใจ และไม่ติดใจเรื่องใดทั้งสิ้น ข้ารู้ว่าคนเช่นเจ้าหากถูกเอาเปรียบเจ้ายอมตายดีกว่า จริงหรือไม่"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของนางเขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว แต่วันนี้นางกลับยิ้มให้เขาอีกคราโจวหว่านหรูก้าวขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะหันมามองหยางจินจินที่นั่งอยู่ หยางจินจินก็ห