หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระบรมศพของไท่ซ่างหวงเทียนตี้อันแล้ว เทียนตี้ฮุ่ยก็ไม่มีทีท่าจะเดินทางกลับไปอยู่ในเมืองซู่แต่อย่างใด เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน พระเจ้าเต๋อหมิงจึงให้คนตามเทียนตี้ฮุ่ยเข้าเฝ้า ตั้งพระทัยว่าจะต้องบอกให้กลับเมืองซู่ได้แล้ว แต่ผู้ที่ไปตามกลับมาทูลว่า“กระหม่อมไม่ได้พบองค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ แต่พระชายาบอกว่าองค์ชายรองป่วยหนัก ไม่สามารถลุกขึ้นได้ จึงให้กระหม่อมมากราบทูลว่า หากอาการทุเลาลงสักหน่อยจะรีบมาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”“เขาเป็นโรคอะไร” พระเจ้าเต๋อหมิงตรัสถาม“พระชายาแจ้งว่าเป็นโรคเกี่ยวกับการอักเสบภายในช่องท้องพ่ะย่ะค่ะ”พระเจ้าเต๋อหมิงรับทราบแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าควรจะห่วงดีหรือไม่ พี่รองของเขาอาจจะใช้เล่ห์เจ็บป่วยเป็นข้ออ้างไม่ยอมเดินทางกลับเมืองซู่ แต่หากเจ็บป่วยจริงก็สมควรจะรักษา ตรึกตรองแล้วพระเจ้าเต๋อหมิงจึงสั่งให้สำนักหมอหลวงส่งหมอไปที่จวนองค์ชายรอง ไม่นานนักหมอหลวงก็กลับมารายงานว่า“องค์ชายรองไม่ยินยอมให้พวกกระหม่อมตรวจพ่ะย่ะค่ะ มีเหตุผลว่าที่จวนมีหมอประจำจวนตรวจอยู่แล้ว หากต้องใช้ยาของหมอหลายคน ฤทธิ์ของยาอาจตีกันส่งผลร้ายต่อการรักษาได้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอ๋อง เทียนตี้ห
“ข้านึกไม่ถึงเลยจะว่าพี่รองจะใช้วิธีนี้หาเงิน หากเสด็จพ่อยังมีพระชนม์ชีพจะต้องเศร้าโศกแน่นอน ข้าจะให้พี่คนไปทำลายเห็ดเมาที่จวนพี่รองให้สิ้น”“แล้วพี่สี่จะทำอย่างไรกับพี่รองพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าจะคาดโทษเขา แต่เรื่องนี้ไม่อยากให้อื้อฉาว คงต้องทำอย่างเงียบ ๆ ราชวงศ์มีเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว หากเพิ่มเรื่องนี้อีกราษฎรจะเสื่อมศรัทธาเอาได้”จวนองค์ชายรองต้องตกตะลึงเมื่อทหารจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาในจวน ก็ต้องเรียกว่าบุกเพราะเมื่อเรียกแล้วไม่มีคนมาเปิดประตู พวกเขาก็ถีบจนดาลประตูเสียหาย เมื่อเข้ามาในจวนได้แล้วพวกเขาก็ใช้กิ่งไม้เสียบแทนดาลประตู หัวหน้าชุดเข้าไปแจ้งแก่พระชายาว่าพระเจ้าเต๋อหมิงให้นำคนมาทำลายเห็ดเมา แน่นอนว่าพวกเขาสืบรู้แน่ชัดมาก่อนแล้วว่าแปลงผักในลานหลังจวนล้วนแต่เป็นที่เพาะปลูกเห็ดเมา เมื่อทำลายแล้วพวกเขาก็เผาทิ้งไม่ให้นำไปเพาะปลูกใหม่ได้พระชายาองค์ชายรองได้แต่นิ่งเฉย นางเองก็ไม่ชื่นชอบวิธีหาเงินเช่นนี้ของสวามี ความคิดที่เลวร้ายเช่นนี้เป็นความร่วมมือขององค์ชายรองและเหอฮวา เมื่อทำลายเห็ดเมาราบคาบแล้ว ทหารก็ยกกำลังกลับไปองค์ชายรองจึงเดินออกมาที่โถงกลางพร้อมกับเหอฮวา เขาจ้องมองพระชายาอย่างโก
เช้าวันรุ่งขึ้น แม้อากาศจะสดใส แต่บรรยากาศที่จวนองค์ชายรองกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า สาวใช้พบร่างของท่านหญิงติดอยู่ที่โขดหิน กลุ่มโขดหินนั้นถูกวางประดับไว้ริมบึงน้ำในสวน ร่างนั้นนอนคว่ำหน้าอยู่ในน้ำแต่ปลายเท้าอยู่ที่ซอกหินทำให้ร่างไม่จมลงและไม่ลอยออกไปไกล ที่แขนมีเสื้อเด็กพันอยู่ ไม่ไกลนักพบร่างเล็ก ๆ ติดอยู่ที่พุ่มไม้น้ำ พุ่มไม้น้ำนี้หนาแน่นมากพอที่จะรองรับร่างเด็กเอาไว้ไม่ให้จมลงก้นบึง แต่ร่างของเด็กนั้นก็อยู่ในน้ำทั้งตัวทั้งสองร่างถูกนำขึ้นมาวางเรียงกันไว้ริมบึง สีหน้าของท่านหญิงและเพียวเพียวน้อยขาวซีด คาดว่าจะไร้วิญญาณตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เหอฮวาสันนิษฐานว่าท่านหญิงโกรธแค้นนางจึงตั้งใจจะนำตัวเพียวเพียวมาโยนทิ้งน้ำ แต่กลับพลาดพลั้งลื่นและพลัดตกลงไปด้วย มีรอยลื่นที่ริมบึงน้ำ นางร้องไห้แทบขาดใจชี้ชวนให้คนคล้อยตาม องค์ชายรองกอดร่างไร้วิญญาณของธิดา ดวงตาของเขาแดงก่ำเปี้ยนวาน้ำตาไหลอย่างเงียบ ๆ บางครั้งก็เหลือบมองเหอฮวาอย่างสงสัย ปกตินางเป็นคนที่รู้สึกตัวตื่นเร็วมาก ตอนกลางคืนหากเพียวเพียวขยับตัวก็เปี้ยนวาคนนี้แหละที่คอยลูบหลังให้เด็กน้อยหลับต่อไป แต่เมื่อคืนนางหลับสนิทไม่รู้สึกตัวเลย
รถม้าหรูหราคันใหญ่แล่นเข้ามาในตลาดที่เงียบเหงา มีสตรีสูงศักดิ์สามนางนั่งอยู่ข้างใน พระชายากู้ชุนฉืออยู่ในเครื่องแต่งกายสีแดงสด มวยผมปักปิ่นทองคำฝังทับทิมเม็ดใหญ่หลายเม็ด คอ แขน และนิ้วมือเป็นเครื่องประดับทองคำฝังทับทิมที่ออกแบบอย่างสวยงาม สุ่ยเฉินเฟิงอยู่ในชุดสีม่วงเข้ม ใช้เครื่องประดับมุกชุดเล็ก แม้จะดูไม่อลังการแต่การออกแบบนั้นประณีต เหมยกุ้ยดูสดใสในชุดสีเขียวอ่อน ใช้เครื่องประดับพลอยเนื้ออ่อนสีเขียวอ่อนซึ่งราคาไม่สูงเท่าหยกหรือมรกต แต่การออกแบบให้ทองคำเป็นกิ่งไม้เกี่ยวพันมวยผมและฝังพลอยเนื้ออ่อนลงไปย่อมมองดูแปลกตาวันนี้เป็นการติดตามพระชายากู้ชุนฉือออกมาเที่ยวชมตลาดเท่านั้น สตรีวัยเยาว์ทั้งสองนางจึงแต่งกายสวยงามแต่ไม่หรูหรามาก พระชายากู้ชุนฉือจึงเป็นเป้าสายตาของคน พวกนางทั้งสามเดินเลือกซื้อสินค้าในร้านเครื่องหอมเหวินอย่างเพลิดเพลิน แต่ก็สังเกตได้ว่าในร้านค้าอันใหญ่โตนี้มีลูกค้าเพียงพวกนางทั้งสามเท่านั้นสุ่ยเฉินเฟิงเหลียวมองรอบกาย เถ้าแก่เนี้ยร้านเหวินจึงกล่าวขึ้นว่า “ช่วงนี้ตลาดซบเซาเพคะ ตามถนนหนทางแทบจะไม่มีคนเดิน ผู้ที่ซื้อสิ่งของจำเป็นก็จะรีบซื้อและรีบกลับ”“นั่นสิ แทบไม่มีคนเด
พระชายากู้ชุนฉือนั่งหน้าซีดตัวสั่นฟังข่าวที่ลูกสะใภ้เล่าให้ฟัง “ถ้าพวกเรานำองครักษ์ไปน้อยอาจจะถูกฆ่าชิงทรัพย์ตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็ได้” นางหันไปทางโอรส “พวกมันน่ากลัวมากนะจื่อหยวน เมื่อวานมันจ้องแม่เขม็งเลย ทำท่าเหมือนจะเข้ามาหาแม่ด้วย”ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง สีหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้อาชญากรรมพุ่งสูงมากพ่ะย่ะค่ะ จำนวนมือปราบมีไม่มากพอรับมือพวกมัน”สุ่ยเฉินเฟิงสงสัยว่า “แล้วทางการรับสมัครมือปราบเพิ่มให้เพียงพอไม่ได้หรือเพคะ”“ข้าเสนอแนะพี่สี่ไปแล้ว แต่มีผู้แย้งว่าตอนนี้เก็บภาษีจากราษฎรไม่ค่อยได้ เงินในท้องพระคลังเหลืออยู่ไม่มาก พี่สี่จึงให้ชะลอการเพิ่มคนออกไปอีกหน่อย”“แต่ความเดือดร้อนของราษฎรรอได้หรือจื่อหยวน” พระชายากู้ชุนฉือแย้งขึ้นมา แล้ววงสนทนานั้นก็เงียบกริบในวันต่อมา ฉินอ๋องก็บอกกล่าวผู้เป็นมารดาว่า “จับกุมตัวคนร้ายที่ปล้นฆ่าเถ้าแก่เนี้ยและลูกจ้างร้านเหวินได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เป็นโจรมาจากที่อื่นใช่หรือไม่ แต่ก่อนเมืองหลวงไม่เคยมีการปล้นฆ่ามากเท่านี้เลยนะ”“เป็นคนต้าเจียนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ บางคนอายุยังน้อยอยู่เลย แต่ริเป็นโจร”สุ่ยเฉินเฟิงถามว่า “เป็นคนยากไร้หรือเพคะ แต่ก่อนเมืองหลวงมีเศร
ไม่คาดคิด องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย ขอเข้าเฝ้าเพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับขบวนการบ่อนการพนันเถื่อน พระเจ้าเต๋อหมิงอนุญาตให้เข้าเฝ้าที่ห้องทรงพระอักษร“คารวะฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ยทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม มองดูน้องชายซึ่งบัดนี้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดเหนือกว่าผู้ใดในใต้หล้า พระเจ้าเต๋อหมิงสุขภาพแข็งแรงขึ้น ร่างกายมิได้ผอมบางเหมือนก่อน ผิวพรรณขาวแต่ไม่ซีด เพียงแต่ในเวลาไม่นานที่ขึ้นครองราชย์ พระเศียรก็มีพระเกศาสีขาวขึ้นแซมบ้างแล้ว พระเนตรของพระเจ้าเต๋อหมิงยังคงเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาเช่นเดิม “ไม่ต้องมากพิธี พี่รองเชิญนั่งเถิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”พระเจ้าเต๋อหมิงมิได้อนุญาตให้เทียนตี้ฮุ่ยเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่าน้องสี่อีกต่อไป แม้จะอภัยให้ในความผิดที่พี่ชายก่อแล้ว แต่ก็ควรจะมีระยะห่างพอสมควร สำหรับเทียนตี้หย่งนั้นแตกต่างออกไป พระเจ้าเต๋อหมิงถือว่าเขาเป็นหนี้ชีวิตเทียนตี้หย่ง จึงให้เรียกขานว่าพี่สี่เช่นเดิม“พี่รองมีธุระอะไรหรือจึงมาขอเข้าเฝ้า”“กระหม่อมทราบว่าฝ่าบาทกังวลพระทัยเรื่องอาชญากรรมในเมืองหลวงที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว กระหม่อมขอบังอาจเสนอแนะวิธีการปราบปรามบ่อนการพนันเถื่
องค์ชายรองตะโกนลั่น เหล่ามือปราบตรงเข้าฟาดฟันบรรดานายบ่อนการพนันเถื่อน ปกตินายบ่อนจะจ้างนักเลงคุ้มกัน แน่นอนว่านักเลงหัวไม้ไม่สามารถต่อสู้กับมือปราบที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ไม่นานนักห้องโถงใต้ดินของหอฟ้าลั่นก็เต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของบรรดานายบ่อนการพนันเถื่อนและนักเลงคุมบ่อน เอกสารต่าง ๆ ในห้องโถงเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดถึงการกระทำผิด ทั้งการจัดตั้งบ่อนการพนันเถื่อน ทั้งการสั่งให้คนปล้นฆ่าและวางเพลิง แต่น่าแปลกใจไม่มีหลักฐานการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของทางการก่อนตายคหบดีตงกูชี้นิ้วมือที่สั่นระริกไปยังองค์ชายรอง “ท่าน ทอ..ระ..” ดาบในมือขององค์ชายรองฟันฉับลงบนคอของคหบดีตงกู ในขณะเดียวกันหน่วยมือปราบส่วนหนึ่งก็ไปตรวจค้นและจับกุมนักเลงคุมบ่อนและนักพนันในบ่อนเถื่อนต่าง ๆ ได้จำนวนมาก ล้วนแต่เป็นองค์ชายรองชี้เป้าให้ทั้งนั้น พระเจ้าเต๋อหมิงมอบหมายให้มือปราบวังหลวงไปสนธิกำลังปราบปรามบ่อนการพนันเถื่อนด้วยเช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวการปราบปรามบ่อนการพนันเถื่อนก็เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวง ราษฎรผู้ทำมาหากินสุจริตดีใจแทบน้ำตาไหลกันแล้ว สังคมค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบสุข การทำมาค้าขายก็คึกคักเช่นเดิมพระเ
ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง และแม่ทัพใหญ่ สุ่ยฝานหรง รับรู้การตัดสินพระทัยของพระเจ้าเต๋อหมิงด้วยความกังวล แต่เรื่องนี้ก็มีพระราชโองการแล้วจึงได้แต่เก็บปากเก็บคำเมื่อเทียนตี้ฮุ่ยคืนสู่ตำแหน่งฉู่อ๋องแล้ว ฉินอ๋องก็คาดว่าเขาคงจะขอพระราชทานอภัยโทษให้เมิ่งกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาด้วย แต่หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควร องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทำให้แปลกใจฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง ไม่ได้ไปเยือนจวนแม่ทัพใหญ่นานแล้วเพราะสุ่ยเฉินเฟิงแต่งให้เขาแล้ว จวนแม่ทัพใหญ่จึงไม่มีแรงดึงดูดเขาอีกต่อไป กลับกลายเป็นว่าสุ่ยฝานหรงเป็นฝ่ายมาเยือนจวนอ๋องมากขึ้น สุ่ยฝานหรงมักจะแวะไปรับเหมยกุ้ยมาด้วยวันนี้ก็เช่นกัน ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงในลานข้าง อากาศอบอุ่น กลิ่นดอกไม้หอมอ่อน ๆ ทำให้บรรยากาศสดชื่น บนโต๊ะมีอาหารหลายชนิด สุ่ยเฉินเฟิงจับตามองพี่ชายเงียบ ๆ นางรู้สึกว่าเขาเอาใจใส่เหมยกุ้ยเป็นพิเศษ สุ่ยฝานหรงคีบอาหารวางให้บนข้าวของเหมยกุ้ย“เจ้าลองซักคำ เนื้อกวางป่าผัดเห็ดนี่อร่อยมาก”เหมยกุ้ยใช้ตะเกียบคีบเห็ดขึ้นมาดูแล้วกล่าวว่า “คล้ายเห็ดเมาเลย”ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะต่างก็เพ่งตามองเห็ด สุ่ยฝานหรงบอกว่า “ไม่ใช่เห็ดเมา เพียงแ
สิบปีผ่านไป ณ ตำหนักคุนหนิง ฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิง นั่งดื่มชาในสวนดอกไม้ อากาศอบอุ่น มีลมพัดผ่านเบา ๆ นึกถึงชะตาชีวิตที่แปลกประหลาด ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่มีชีวิตสงบสุขเหมือนคุณหนูสูงศักดิ์ทั่วไป แต่เมื่อถึงวัยมีคู่ครองก็มีเรื่องเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น ชีวิตเหมือนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง กว่าจะฝ่าฟันมาถึงวันนี้ก็ได้รับประคับประคองจากพระสวามีผู้สง่างามและครอบครัวเดิม สุ่ยเฉินเฟิงสัญญากับตนเองว่าจะทะนุถนอมความรักของพวกเขาไว้อย่างดีฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง และฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิง มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมห้าองค์ องค์ชายหย่งเฉิงคล้ายเสด็จพ่อมากที่สุดทั้งรูปร่างหน้าตา อุปนิสัย และความรู้ความสามารถ องค์ชายหย่งเฉิงชื่นชอบการฝึกซ้อมอาวุธทุกประเภท อีกทั้งยังชำนาญหมากล้อมและการฝึกเชาว์ปัญญาต่าง ๆ เรียกว่าเก่งทั้งบู๊และบุ๋นองค์หญิงเฟิงซินหน้าตาคล้ายเสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือ ทำให้นางเป็นที่โปรดปรานของเสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือยิ่งนัก บางครั้งฮ่องเต้ยังจำใจต้องอนุญาตให้องค์หญิงเฟิงซินไปพักค้างที่ตำหนักนอกวังบ้างเพราะทนการรบเร้าของผู้เป็นมารดาไม่ไหว แรก ๆ ก็ไปพักค้างครั้งละหนึ่งคืน พอนานเข้าเสด็จย่าไทเฮา
ราษฎรต้อนรับการประสูติขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงอย่างเอิกเกริก ร้านค้าในตลาดและบ้านเรือนราษฎรปักธงถวายพระพร เหลาเฉียนจัดทำอาหารพิเศษแจกจ่ายให้ลูกค้าโดยไม่คิดเงิน ร้านขายผลไม้ก็นำส้มมงคลมาแจกจ่ายให้ผู้คนที่สัญจรไปมาเมื่อครั้งเทียนตี้หย่งยังดำรงตำแหน่งฉินอ๋อง ราษฎรก็รักใคร่ชื่นชม แม้ในจวนอ๋องจะไม่มีพระชายา พระชายารอง หรืออนุ ก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจ ต่อมาขึ้นครองราชย์ ราษฎรก็ปลื้มปิติ แต่ก็กังวลเพราะฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ลั่นวาจาไว้ว่าจะมีฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิงเพียงพระองค์เดียวแม้ในขณะที่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฮองเฮา พระนางจะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม หากเป็นพระราชธิดาพวกเขาก็ยังไม่วางใจ ดังนั้นเมื่อองค์ชายน้อยหย่งเฉิงประสูติ จึงเป็นทั้งความยินดีและความโล่งใจของราษฎรทั้งหลาย อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่า แคว้นต้าเจียมีผู้สืบทอดบัลลังก์มังกรแล้วในแต่ละวันขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงมีเสด็จย่าทั้งสองและท่านยายผลัดกันมาดูแล คือเสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้ เสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือ และท่านยายเจียงจือไฉ แต่เสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้จะได้เปรียบมากกว่าเพราะประทับในวังเช่นเดียวกัน จึงมาดูแลเกือบทุกวัน เว้นแต่วันที่เสด็จย่าไทเฮ
พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาเป็นไปอย่างเรียบง่ายตามความประสงค์ของสุ่ยเฉินเฟิง ตำหนักคุนหนิงของฮองเฮาได้รับการปรับปรุงใหม่ มีห้องสำหรับทารกติดกับห้องบรรทมของฮองเฮา สำหรับฮ่องเต้เทียนคงอิงฉงนั้นแม้จะมีตำหนักเฉียนชิง แต่พระองค์ก็จะมาบรรทมที่ตำหนักคุนหนิงเป็นประจำ เว้นแต่ช่วงที่ทรงงานดึกจึงจะพักผ่อนที่ตำหนักเฉียนชิงเพื่อให้ฮองเฮาพักผ่อนเต็มที่ ไม่ต้องตื่นกลางดึกสุ่ยฝานหรงซึ่งบัดนี้ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีนั้น บางวันจะพาเหมยกุ้ยเข้าวังมาส่งที่ตำหนักคุนหนิงในช่วงเช้า และมารับกลับหลังจากประชุมขุนนางเสร็จ ชีวิตของสุ่ยเฉินเฟิงจึงไม่เงียบเหงาเกินไป ส่วนถิงถิงซึ่งบัดนี้เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาก็ช่างมีเรื่องซุบซิบมาเล่าให้ฟัง แม้กระทั่งองค์หญิงนาราที่เสวยผลไป่เซียงกั่วเพื่อให้เกิดผื่นจะได้ยืดเวลาการอยู่ในวังหลวงเพื่อมีเวลาขอถวายตัวเป็นสนมก็มาเล่าให้ฟัง เรียกได้ว่าทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ถิงถิงไม่ค่อยจะพลาดข่าว ถิงถิงมีความเห็นว่ารู้มากหน่อยดีกว่ารู้น้อยไปเมื่อสุ่ยฝานหรงเข้ารับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีแล้ว ฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ก็ต้องวางกำลังคนที่ไว้ใจให้ควบคุมหน่วยกำลัง
ไทเฮาสือจินอวี้ลุกขึ้นจากที่ประทับ ตรงไปยังองค์หญิงนาราที่นั่งคุกเข่า ใช้สองพระหัตถ์แตะไหล่ประคองให้องค์หญิงน้อยลุกขึ้นยืน แล้วตรัสว่า “องค์หญิงนารามีหน้าตาสวยงามและเพียบพร้อมด้วยความรู้ ไม่ควรจะมาเป็นสนม ความหวังดีนี้ไม่อาจรับไว้ได้ ขอให้แคว้นต้าเจียและเผ่าตู้ผูกพันเป็นมิตรที่ดีต่อกันเถิด”ภายนอกมีเสียงดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”เมื่อร่างสูงสง่าของฮ่องเต้ก้าวเข้ามาในโถงกลางของวังหลัง พระองค์ทำความเคารพไทเฮาก่อน แล้วจึงหันไปตรัสแก่ผู้อื่นที่ทำความเคารพว่า “ไม่ต้องมากพิธี” องค์หญิงน้อยมองด้วยสายตาหลงใหลเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยแล้วตรัสด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เจิ้นขอบใจในน้ำใจของถู่ซือและองค์หญิง แต่ไม่อาจรับไว้ได้ ต้าเจียและเผ่าตู้ไม่จำเป็นต้องผูกพันกันด้วยการอภิเษกหรือการเป็นสนม แต่ยังเป็นพันธมิตรกันต่อไปได้”องค์หญิงน้อยทำได้เพียงกล่าวเสียงเบาว่า “เพคะ” รู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดิน ไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกปฏิเสธแม้แต่การเป็นสนม เทียนตี้หย่งหันไปทางทูตเผ่าตู้แล้วตรัสว่า “เผ่าตู้มีสินค้าหายากหลายอย่างที่ต้าเจียไม่มี เจิ้นจะให้ทูตการค้าต้าเจียหารือเรื่องการพัฒนาการค้าขายระหว่างกันดีห
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เทียนตี้หย่ง ขึ้นครองราชย์สถาปนาเป็นฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง ราษฎรทั่วแคว้นต้าเจียเฉลิมฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกเขาล้วนมีความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดที่เคยหวัง ต่างแคว้นล้วนส่งทูตมาแสดงความยินดี ไม่มีแคว้นใดหาญกล้าทดสอบความแข็งแกร่งของฮ่องเต้พระองค์ใหม่เผ่าตู้เป็นชนเผ่าที่เคยถูกแคว้นต้าเลี่ยงรุกรานและสร้างความอัปยศให้แก่องค์หญิงหลายองค์จนปลิดชีพตนเอง เมื่อแคว้นต้าเจียปราบปรามแคว้นต้าเลี่ยงทำให้เผ่าตู้ได้รับอิสระอีกครั้ง เมื่อมาแสดงความยินดีในครั้งนี้ มีองค์หญิงน้อยเผ่าตู้ร่วมเดินทางมาด้วย องค์หญิงนาราเป็นองค์หญิงองค์เดียวที่ปลอดภัยจากการรุกราน เนื่องจากช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่ในดินแดนเผ่าตู้ ในท้องพระโรง พระเจ้าเทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ขาวใส ดวงตาดำขลับยาวรีปลายชี้ฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ช่างสง่างามเหลือเกิน องค์หญิงน้อยมองดูด้วยความตะลึง หลงรักบุรุษผู้สง่างามนี้ทันทีเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์ขอบคุณแคว้นต่าง ๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี และเชิญทูตทุกแคว้นทุกชนเผ่าเข้าร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น เนื่องจากยังไม่มีการแต่งตั
หลังจากพระเจ้าเต๋อหมิงได้รับบาดเจ็บ คณะหมอหลวงก็พยายามทุกวิธีในการรักษา เพราะฤทธิ์ยาระงับความเจ็บปวดที่หมอหลวงปรุงขึ้น แม้พระพักตร์จะขาวซีดแต่ก็ไม่แสดงถึงความเจ็บปวด เวลาผ่านไปสิบกว่าวัน ลมหายใจที่แผ่วเบานั้นก็หยุดนิ่ง หัวหน้าหมอหลวงตรวจชีพจรอีกครั้งก่อนจะหันมาทูลต่อไทเฮาสือจินอวี้ว่า“พระองค์กลับคืนสู่สวรรค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาสือจินอวี้ตัวอ่อน เป็นลมล้มพับ ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง ที่ยืนอยู่ใกล้กันรับตัวเสด็จป้าสะใภ้ไว้ทันก่อนพระวรกายกระทบพื้น หมอหลวงแบ่งคนมาปฐมพยาบาลไทเฮา ความเศร้าโศกเสียใจล้นห้องบรรทมออกไปครอบคลุมวังหลวงและกระจายออกไปทั่วแคว้น พระเจ้าเต๋อหมิงเป็นผู้ปกครองใต้หล้าด้วยความเมตตา จึงเป็นที่รักใคร่ของราษฎร ในช่วงเวลาอันเศร้าหมอง ฉินอ๋องเป็นกำลังหลักในการสั่งการเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยหลังจากพิธีการต่าง ๆ ผ่านพ้นไป ไทเฮาสือจินอวี้ก็เรียกฉินอ๋องเข้าเฝ้า สุ่ยเฉินเฟิงดูแลเครื่องแต่งกายให้พระสวามี ฉินอ๋องใช้นิ้วดันคางของนางให้เงยหน้าขึ้น“เฟิงเอ๋อร์ เจ้ากังวลอะไรหรือ”สุ่ยเฉินเฟิงถอนหายใจ “ไม่แน่ว่าการเรียกตัวเข้าเฝ้าในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับบัลลังก์ที่ว่างอยู่เพ
พระเจ้าเต๋อหมิงบาดเจ็บสาหัส นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุพระองค์ก็ยังไม่ลืมพระเนตรขึ้นมา มีเพียงชีพจรและลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ เกิดความโกลาหลในการบริหารงานเล็กน้อย ไทเฮาสือจินอวี้ต้องออกนั่งเป็นประธานการประชุมขุนนางในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พระนางไม่ประทับบนบัลลังก์มังกร แต่กลับให้คนนำเก้าอี้หงส์จากตำหนักของพระนางมาใช้ประทับเป็นการชั่วคราวแม้ว่าปกติไม่ว่าไทเฮาหรือฮองเฮาพระองค์ใดก็ตาม ไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของวังหลวงได้ ผู้เป็นมารดาของแผ่นดินมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลวังหลังให้เป็นไปโดยเรียบร้อย แต่สถานการณ์ของแคว้นต้าเจียในคราวนี้แตกต่างออกไป พระเจ้าเต๋อหมิงไม่ได้อภิเษกสมรสเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ให้กับไท่ซ่างหวงซึ่งก็คือเสด็จพ่อของพระองค์นั่นเอง อีกทั้งพระเจ้าเต๋อหมิงก็ไม่มีสนมจึงยังไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาแม้แต่พระองค์เดียว แคว้นต้าเจียจึงยังไม่มีรัชทายาทเดิมทีเหล่าขุนนางตั้งใจว่าหลังจากพ้นการไว้ทุกข์ให้ไท่ซ่างหวงแล้ว พวกเขาจะกดดันให้พระเจ้าเต๋อหมิงอภิเษกสมรสและแต่งตั้งฮองเฮา รวมทั้งให้เริ่มการคัดเลือกสนมเข้ามาปรนนิบัติตามธรรมเนียมท
ก่อนที่สุ่ยฝานหรงจะออกไป ฉินอ๋องสั่งการเพิ่มเติมว่า “ตอนที่จับกุมเมิ่งกุ้ยเฟย คนที่สุสานบรรพชนล้วนถูกลงโทษ นางกำนัลอู่ก็ติดตามกุ้ยเฟยไปที่สุสานด้วย ท่านตรวจสอบด้วยว่าผู้ใดช่วยเหลือให้นางหลบหนีจนรอดพ้นได้” “พ่ะย่ะค่ะ”สุ่ยฝานหรงออกไปแล้ว ฉินอ๋องกลับเข้าไปในห้องบรรทมของพระเจ้าเต๋อหมิง มีโต๊ะวางไว้มุมห้อง เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จางชุนรินน้ำชาส่งให้ เขารับมาถือไว้นิ่ง ๆ มองตรงไปก็เห็นญาติผู้พี่นอนนิ่ง พระพักตร์ซีดเซียว นี่คือสิ่งที่เขากังวลอยู่เสมอว่าจะเกิดขึ้น และแล้วก็เกิดขึ้นจริง พี่สี่ของเขาพระทัยอ่อน ใช้สายพระเนตรที่เมตตามองผู้คนโดยรอบ ใช้พระคุณแต่เพียงอย่างเดียวในการปกครองเวลาผ่านไป แม่ทัพใหญ่สุ่ยฝานหรงกลับมาอีกครั้งเมื่อเข้ายามอิ๋น เขาสีหน้าไม่ดีนัก รายงานว่า“ตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางกำนัลอู่ไม่ถูกจับกุมเพราะนางลากลับบ้านเดิมเพื่อจัดการงานศพของมารดา เมื่องานศพเสร็จแล้ว ระหว่างทางที่เดินทางกลับเมืองหลวง ก็ได้ข่าวว่าคนที่สุสานบรรพชนถูกจับกุม นางจึงซ่อนเร้นตัว เมื่อทหารที่ไปตรวจค้นสุสานบรรพชนและทำลายเห็ดเมากลับไปแล้ว นางก็ลักลอบเข้าไปในสุสานบรรพชน เพราะนางอยู่ที่นั่นกั
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ หลานจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้สภาพในคุกไม่เหมาะสำหรับผู้บาดเจ็บ” เขาหันถามหัวหน้าหมอหลวงว่า “จะเคลื่อนย้ายฝ่าบาทได้หรือไม่ หรือต้องรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน”หัวหน้าหมอหลวงตอบว่า “สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง คุกหลวงไม่เหมาะกับการรักษาผู้ป่วยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ในที่สุด พระเจ้าเต๋อหมิงก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังตำหนักเฉียนชิง ฉินอ๋องประคองไทเฮา สือจินอวี้ไปพร้อมกัน โดยให้สุ่ยฝานหรงซึ่งตามมาถึงแล้ว ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ไทเฮานั่งกุมพระหัตถ์พระราชโอรส พระพักตร์ของพระองค์และพระเจ้าเต๋อหมิงซีดขาวพอกัน"เสด็จป้าสะใภ้พักผ่อนก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ไทเฮาสือจินอวี้ส่ายพระพักตร์ “ป้าสะใภ้จะเฝ้าเต๋อเอ๋อร์ เมื่อเขาฟื้นจะได้เห็นหน้าแม่เป็นคนแรก”“ถ้าเช่นนั้นหลานจะให้คนจัดห้องด้านข้างเป็นที่บรรทมชั่วคราวดีไหมพ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ไปพักผ่อนก่อน มิฉะนั้นอาจจะประชวรไปอีกพระองค์ หากพี่สี่รู้สึกตัวแม้เพียงเล็กน้อยจะให้คนไปทูลให้ทรงทราบทันที”ไทเฮาพยักพระพักตร์ ฉินอ๋องจึงสั่งให้ขันทีประจำตำหนักเฉียนชิงเร่งจัดห้องบรรทมช