ผู้ชายเอเชียผิวแทนตัวสูงรูปร่างดีไม่ต่างจากนายแบบต่างประเทศที่หล่อนเคยออกเดตด้วย เขาสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คสีดำทั้งชุด ใบหน้ามีแว่นดำบดบังดวงตา ขนาดเห็นไกลหล่อนยังรู้ว่าหล่อจัด เพราะออร่าความหล่อของเขาพวยพุ่งจนคนที่อยู่ด้านข้างตะลึงมอง
เนตรชนกยิ้มน้อยๆ แค่หล่อนย่างเท้าก้าวเข้าสู่เมืองไทย ชีวิตดูก็ดูจะตื่นเต้นซะแล้ว
ร่างงามระหงก้าวเดินเข้าหาคนหล่อและหล่อนก็เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เดินตรงมาที่หล่อนเช่นกัน รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปากเก๋ คงไม่ใช่แค่หล่อนแล้วล่ะที่ปิ๊งเขา แล้วหล่อนก็แน่ใจว่าพ่อคงจะอกแตกตายแน่ ถ้ารู้ว่าหล่อนหิ้วผู้ชายมาจากสนามบิน
แค่เจ้าของร่างสูงมาหยุดตรงหน้า เนตรชนกก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดไป
“ขอเบอร์ได้ไหมคะหรือแอพอะไรที่คุณใช้”
หล่อนเปิดฉากทักทายก่อน ในเมื่อเขาน่าสนใจหล่อนก็พร้อมจะกล้า และไม่คิดว่าจะเสียมารยาทด้วยที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายขอเบอร์โทรศัพท์หรือขอแอพฯ ติดต่อผู้ชายก่อน เพราะโลกเสรีใครๆ ก็ต่างทวงถามและเรียกร้องความเท่าเทียม นี่แหละความเท่าเทียมของหล่อน ในเมื่อผู้ชายอยากได้เบอร์หน้าอกหล่อน หล่อนก็อยากได้เบอร์โทรศัพท์พวกเขาได้
“ว่าไงคะ ขอเบอร์ได้ไหม” แต่เขาที่นิ่งไปทำให้หล่อนต้องถามย้ำ แต่ครั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะเพราะเขาอาจไม่ใช่คนไทยก็ได้ “คุณจะกดให้... หรือว่าจะให้ฉันกดเอง”
เสียงหวานสื่อความหมายแบบหมาหยอกไก่ และก็เห็นว่าคิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าหากันแต่หล่อนอยากเห็นดวงตาของเขา เพราะนั่นคือสิ่งที่ปกปิดไม่มิด หล่อนเชื่อว่าคนจะดีคนจะร้ายมองตาก็รู้
“ถอดแว่นได้ไหมคะ”
คำพูดออดอ้อน รอยยิ้มยั่วเย้า ดวงตาแพรวพราว กิริยาอาการของผู้หญิงตรงหน้าทำให้นิรยะไม่อยากจะเชื่อว่าหล่อนคือเป้าหมายที่เขาต้องมารับในวันนี้ แต่ก็คงไม่ผิดตัวแน่ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อกดดูรูปเปรียบเทียบ
หญิงสาวใบหน้าอ่อนหวานกับเจ้าของร่างอรชรแต่งตัวเน้นเนื้อนมไข่ที่ยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา ไม่มีตรงไหนที่ว่าไม่ใช่ โดยเฉพาะหน้าอกขนาดใหญ่ที่แทบจะล้นทะลักเสื้อเกาะอกตัวจิ๋วออกมานั้นไม่ผิดตัวแน่
“มาค่ะ ฉันกดเอง แต่รอบหน้าให้คุณกดนะ และ...”
หล่อนคว้าโทรศัพท์ในมือเขาไป ปากยังพูดคำสองแง่สองง่ามก่อนจะชะงัก ดวงตาเฉี่ยวสวยตวัดมองเขา อ้าปากเหมือนจะพูดแต่ก็อ้ำอึ้ง
“นี่... ทำไม... ทำไมคุณมีรูปฉันในโทรศัพท์ อย่าบอกนะว่า... คุณ... คุณเป็นคนที่จะมารับฉัน”
นิรยะแค่นยิ้มกับสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงสั่นพูดประโยคแรกเป็นภาษาอังกฤษและประโยคตามมาเป็นภาษาไทยของผู้หญิงสวยสะเด็ดเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของหล่อนเบาๆ
“คุณพ่อคุณให้ผมมารับ กระเป๋าล่ะครับ” ภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำส่งตรงออกไป ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเชิงทักทาย
“กระเป๋าไม่มี มีมาแค่ใบเดียวนี่แหละ”
เสียงหวานแต่ห้วนจัดช่างแตกต่างจากยามที่ออดอ้อนขอเบอร์โทรศัพท์เขาเมื่อครู่ลิบลับ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นิรยะควรใส่ใจ เวลานี้เขาต้องพาหล่อนกลับคฤหาสน์นฤปนาถให้เร็วที่สุด
“งั้นตามผมมา รถผมจอดอยู่ทางโน้น” พูดพร้อมก้าวเดินทว่าเสียงหวานที่ดังตามก็ทำให้ช่วงขายาวหยุดเคลื่อนไหว
“นี่นาย! ฉันบอกนายแล้วเหรอว่าฉันจะตามนายไป”
นิรยะหันกลับมามองลูกสาวเจ้านาย ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉยไม่ได้แสดงอาการอะไร แม้จะเห็นได้ชัดว่าคุณหนูเนตรชนกใกล้จะแผลงฤทธิ์กับเขาแล้วเพราะจาก ‘คุณ’ เปลี่ยนเป็น ‘นาย’ ทันทีที่สถานะเปลี่ยนไป
“นายกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันกลับเอง”
“คุณกลับไม่ถูกหรอก เมืองไทยตอนนี้ไม่ได้เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน”
“นี่นาย... ฉันไม่ได้ห้าขวบ แค่มีไอ้นี่ ที่ไหนๆ ก็ไปได้ทั้งนั้น”
หล่อนชูโทรศัพท์ในมือเป็นเชิงจะบอกว่าอยากรู้อะไรก็หาเอาในนั้น
“แต่คุณพ่อคุณ ให้ผมพาคุณส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัยก่อนหกโมงเย็น”
“อ๋อเหรอ... แต่ฉันยังไม่อยากกลับ ขอเดินดูอะไรหน่อยละกัน”
“ไม่ได้ คุณต้องกลับกับผมเดี๋ยวนี้”
“ใครเป็นนายจ้างไม่ทราบ”
“พ่อคุณ”
น้ำเสียงเรียบตอบกลับมาทำให้เนตรชนกร้อนปนสั่น ที่หล่อนถามคือให้เขารู้สถานะว่าเขาเป็นลูกจ้างและหล่อนมีฐานะเป็นนายจ้าง เขาไม่ควรขัดใจหล่อน แต่เขาดันตอบว่านายจ้างคือพ่อหล่อน แต่แล้วไงล่ะ ใครแคร์!
“ฉันจะซื้อเสื้อผ้า ถ้านายอยากเดินตามก็ตามมา แต่ถ้าไม่อยากตามก็แล้วแต่”
เนตรชนกพูดก่อนจะก้าวตรงไปยังทิศทางของร้านค้าปลอดภาษีเพราะหล่อนไม่ได้หิ้วอะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย
แสงแดดเหนือยอดตึกเริ่มเป็นสีส้มจัดส่งผลให้ดวงตาไหวระริกที่มองทุกสิ่งรอบตัวเริ่มมีน้ำรื้น แต่แล้วแพขนตางอนงามก็กะพริบถี่ขับไล่ทุกความอ่อนแอออกไปให้สิ้น
เดิมทีหล่อนอยากจะแสดงอาการว่าตื่นเต้นที่ได้มาเห็น แต่ก็คงจะเกินไป เพราะหล่อนไม่ตื่นเต้นเลย หล่อนรอคอยต่างหาก รอคอยว่าวันนี้จะมาถึง วันที่หล่อนสามารถกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยได้โดยที่พ่อไม่มีข้ออ้าง เพราะถึงอ้างหล่อนก็มีสิทธิ์จะไม่ฟังไม่ทำตาม
หมดเวลาแล้วสำหรับการทำตามคำสั่งโดยไร้จุดหมาย
เงาสะท้อนในกระจกยามที่ฟ้ามืดแสงเผยให้เห็นดวงตาเจือเศร้า เนตรชนกหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมทันที ไม่มีแสงแต่แว่นก็ยังมีประโยชน์ หล่อนมีแว่นกันแดดเป็นของสะสม เพราะนอกจากคุณสมบัติตรงตัวแล้วนั้น มันยังช่วยอำพรางดวงตาและช่วยบดบังความรู้สึกที่ไม่ต้องการให้ใครได้เห็นอีกด้วยดวงตาสวยเหลือบมองกระจกมองหลังเมื่อรับรู้ว่าคนขับเหลือบตาขึ้นมองหล่อนเช่นกัน หล่อนไม่เห็นดวงตาของเขา เพราะตั้งแต่เจอกันนายคนนี้ที่เป็นลูกน้องของพ่อก็ยังไม่ยอมถอดแว่น แต่เพราะหล่อนนั่งอยู่ฝั่งซ้าย ยามที่ดวงตาคมล้อมไปด้วยแพขนตาหนาเหลือบหรือหลุบมองสิ่งใด หล่อนก็เห็นด้วยเนตรชนกบึนปากบอกตัวเองว่าหล่อนโกรธเขา ทั้งโกรธใบหน้าหล่อๆ เชิดๆ ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนกับหล่อน ทั้งเขายังถือดีไม่ฟังคำสั่งหล่อน และที่โกรธสุดก็คือเขาทำให้หล่อนมโนไปไกลว่าจะหิ้วเขากลับบ้านไปทำให้พ่อโมโห ตอบแทนที่พ่อทิ้งหล่อนให้เผชิญโลกกว้างอยู่ต่างประเทศถึง 20 ปีพ่อให้หล่อนเรียน เรียน และก็เรียนทุกอย่างได้ตามที่ใจหล่อนต้องการ ข้อแม้มีแค่... ห้ามหล่อนกลับเมืองไทยเด็ดขาด โดยเหตุผลของพ่อคือ ‘อันตราย’ เมืองไทยอันตรายสำหรับหล่อนแรกๆ นั้นหล่อนเข้าใจว่าพ่อกลัว เพราะแม่ถูกลูก
“รอยกระสุน... อ๊ายยยยย! จอดรถเดี๋ยวนี้นะ! จอดรถเดี๋ยวนี้! จอด!”เนตรชนกกรีดร้องตบเบาะปากก็ตะโกนให้เขาจอดรถ หล่อนทนอยู่ร่วมรถกับผู้ชายคนนี้ไม่ไหวแล้ว มาวันแรกก็เสี่ยงตาย แล้วยังไม่รู้เลยว่าจะกลับถึงบ้านหรือเปล่า“นี่คุณ! อะไร! จะบ้าหรือไง!”“นายนั่นแหละบ้า ฉันบอกให้จอดรถ! จอด! ไม่จอดใช่ไหม...”ฝ่ามือเคลื่อนจากเบาะก่อนจะกระชากแขนคนขับรถอย่างแรง แต่เขากลับเบรกเอี๊ยดจนหน้าหล่อนคะมำถลาขึ้นไปเกยอยู่ที่อกเขา ขาก็ชี้โด่เพราะสะโพกเข้าไปติดระหว่างเบาะ“ว้าย! ไอ้บ้า! ว้าย! ว้าย!”“นี่คุณ! คุณ! หยุดโวยวายสักที หยุด!”“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน! ฉันไม่ไปตายกับนายแน่ ฉันจะกลับบ้าน ปล่อยสิ! ขยับไป!”“คุณ! แหกตาดูสิ คุณเองที่เกยมาอยู่บนอกผม ผมไปจับคุณเมื่อไร!”“นาย... ก็นาย ไอ้บ้า!”เนตรชนกขยับสะโพกให้ก้นถอยไปที่เบาะและค่อยๆ ยันตัวเองให้ออกห่างจากเขา แต่ยิ่งดิ้นทั้งหน้าตัวและหน้าอกก็ยิ่งเสียดสีให้หล่อนดิ้นไปกรี๊ดไป กว่าจะกลับมานั่งที่เบาะได้ก็ทุลักทุเล“ฉันจะบอกพ่อให้ไล่นายออก เพราะนายทำให้ฉันเกือบตายไปกับนายด้วย พ่อไม่น่าใช้คนอย่างนายมารับฉันเลย ถ้าพ่อฉันรู้ว่านายถูกคู่อริตามฆ่าจนฉันเกือบจะถูกลูก.
เสียงประกาศจากรถหาเสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งชุมชนทำให้ชาวบ้านร้านตลาดออกมายืนอยู่ด้านข้างถนนเพื่อมองดูผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนายกเทศบาลประจำตำบลแห่งนี้บนด้านหลังรถกระบะคันโก้ ‘นายนารถ นฤปนาท’ นักการเมืองท้องถิ่นอดีตนายกฯ 3 สมัย ลงชิงตำแหน่งอีกครั้งนารถใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีขาวด้านหลังมีโลโก้ชื่อพรรคและเบอร์ผู้สมัคร ลำคอคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองสด ใบหน้าเขายิ้มแย้ม ดวงตาภายใต้กรอบแว่นใสบ่งบอกถึงความเป็นมิตรและจิตใจดีอยู่เสมอ“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง สวัสดีครับ สวัสดีครับ อ้าว! สวัสดี สวัสดี ทิด! สวัสดี ป้า! สวัสดี”เขาโบกไม้โบกมือให้กับชาวบ้านทั่วไป ทั้งคนไม่คุ้นหน้า คนคุ้นเคย และคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วพร้อมร้องทักทายยกมือไหว้ เพราะทำงานอยู่ในพื้นที่นี้มานานนับ 10 ปี ทำให้รู้จักชาวบ้านเสียมากกว่ารู้จักญาติพี่น้องของตนเองเสียอีก ด้วยภาพลักษณ์นักการเมืองจิตใจดี คนซื่อ มือสะอาด ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านทั้งรักทั้งบูชาท่านอดีตนายกฯ 3 สมัย อย่างที่คิดจะเปลี่ยนใจเลือกคนใหม่ได้ยาก เรียกได้ว่าหาเสียงพอเป็นพิธีเพราะนอนมาชัดๆทว่าการรักษาภาพลักษณ์กลับเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะโครงการใหญ่ในภายภาคหน้า
“ใกล้เวลาที่เนเน่จะมาแล้ว นายไปได้”“แต่ท่านครับ ผมว่าท่านกลับพร้อมผมดีกว่านะครับ เชื่อผม”เพราะยืนอยู่ด้านหลังรถบิ๊กอัพหาเสียงทำให้นิรยะกวาดสายตามองบ้านเรือนและผู้คนที่ออกมาต้อนรับได้โดยทั่ว แม้จะเป็นชุมชนเดิมๆ ที่เคยมาหาเสียงแล้วหลายครั้ง แต่ใกล้วันเวลาเลือกตั้งเข้ามาทุกที เขาก็ไม่อาจวางใจ“กลับพร้อมผมเถอะนะครับ”“เอาน่าที่โล่งขนาดนี้ ใครจะทำอะไรได้ นายไปเถอะ เดี๋ยวเนเน่มาถึงแล้วไม่เจอใคร จะยุ่งกันใหญ่”“ท่านแน่ใจนะครับว่าอยู่ได้”“ไปเถอะ เชื่อฉันสิ มันไม่มีอะไรวันนี้หรอก ถ้ามันจะมีมันก็มีใกล้ๆ เลือกตั้งนั่นแหละ ใครมันกล้ามาทำอะไรในชุมชนแบบนี้ เพราะถ้ามีใครถูกลูกหลงตายไปก็ไม่มีใครได้เลือกตั้งทั้งนั้นแหละ ไปเถอะ ไปทำหน้าที่ของนาย เวลานี้ไม่มีใครที่ฉันจะไว้วางใจได้เท่านายอีกแล้ว”น้ำเสียงหนักใจเทไปยังใครบางคนที่กำลังเดินทางมาถึงเมืองไทยในวันนี้ คนที่มีความสำคัญมากที่สุดที่ถูกส่งตัวไปอยู่แสนไกลนับตั้งแต่เหตุการณ์ร้ายๆ เมื่อ 20 ปีก่อนเกิดขึ้นตลอดเวลาคนทางนั้นร่ำร้องแต่จะกลับมาเมืองไทย แต่เป็นเขาที่ไม่ยอม ทว่าเวลานี้เขาคงห้ามไม่ได้ การรับรู้และดูแลให้ปลอดภัย คงดีกว่าให้รั้นและเกิดอันตรา
“รอยกระสุน... อ๊ายยยยย! จอดรถเดี๋ยวนี้นะ! จอดรถเดี๋ยวนี้! จอด!”เนตรชนกกรีดร้องตบเบาะปากก็ตะโกนให้เขาจอดรถ หล่อนทนอยู่ร่วมรถกับผู้ชายคนนี้ไม่ไหวแล้ว มาวันแรกก็เสี่ยงตาย แล้วยังไม่รู้เลยว่าจะกลับถึงบ้านหรือเปล่า“นี่คุณ! อะไร! จะบ้าหรือไง!”“นายนั่นแหละบ้า ฉันบอกให้จอดรถ! จอด! ไม่จอดใช่ไหม...”ฝ่ามือเคลื่อนจากเบาะก่อนจะกระชากแขนคนขับรถอย่างแรง แต่เขากลับเบรกเอี๊ยดจนหน้าหล่อนคะมำถลาขึ้นไปเกยอยู่ที่อกเขา ขาก็ชี้โด่เพราะสะโพกเข้าไปติดระหว่างเบาะ“ว้าย! ไอ้บ้า! ว้าย! ว้าย!”“นี่คุณ! คุณ! หยุดโวยวายสักที หยุด!”“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน! ฉันไม่ไปตายกับนายแน่ ฉันจะกลับบ้าน ปล่อยสิ! ขยับไป!”“คุณ! แหกตาดูสิ คุณเองที่เกยมาอยู่บนอกผม ผมไปจับคุณเมื่อไร!”“นาย... ก็นาย ไอ้บ้า!”เนตรชนกขยับสะโพกให้ก้นถอยไปที่เบาะและค่อยๆ ยันตัวเองให้ออกห่างจากเขา แต่ยิ่งดิ้นทั้งหน้าตัวและหน้าอกก็ยิ่งเสียดสีให้หล่อนดิ้นไปกรี๊ดไป กว่าจะกลับมานั่งที่เบาะได้ก็ทุลักทุเล“ฉันจะบอกพ่อให้ไล่นายออก เพราะนายทำให้ฉันเกือบตายไปกับนายด้วย พ่อไม่น่าใช้คนอย่างนายมารับฉันเลย ถ้าพ่อฉันรู้ว่านายถูกคู่อริตามฆ่าจนฉันเกือบจะถูกลูก.
เงาสะท้อนในกระจกยามที่ฟ้ามืดแสงเผยให้เห็นดวงตาเจือเศร้า เนตรชนกหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมทันที ไม่มีแสงแต่แว่นก็ยังมีประโยชน์ หล่อนมีแว่นกันแดดเป็นของสะสม เพราะนอกจากคุณสมบัติตรงตัวแล้วนั้น มันยังช่วยอำพรางดวงตาและช่วยบดบังความรู้สึกที่ไม่ต้องการให้ใครได้เห็นอีกด้วยดวงตาสวยเหลือบมองกระจกมองหลังเมื่อรับรู้ว่าคนขับเหลือบตาขึ้นมองหล่อนเช่นกัน หล่อนไม่เห็นดวงตาของเขา เพราะตั้งแต่เจอกันนายคนนี้ที่เป็นลูกน้องของพ่อก็ยังไม่ยอมถอดแว่น แต่เพราะหล่อนนั่งอยู่ฝั่งซ้าย ยามที่ดวงตาคมล้อมไปด้วยแพขนตาหนาเหลือบหรือหลุบมองสิ่งใด หล่อนก็เห็นด้วยเนตรชนกบึนปากบอกตัวเองว่าหล่อนโกรธเขา ทั้งโกรธใบหน้าหล่อๆ เชิดๆ ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนกับหล่อน ทั้งเขายังถือดีไม่ฟังคำสั่งหล่อน และที่โกรธสุดก็คือเขาทำให้หล่อนมโนไปไกลว่าจะหิ้วเขากลับบ้านไปทำให้พ่อโมโห ตอบแทนที่พ่อทิ้งหล่อนให้เผชิญโลกกว้างอยู่ต่างประเทศถึง 20 ปีพ่อให้หล่อนเรียน เรียน และก็เรียนทุกอย่างได้ตามที่ใจหล่อนต้องการ ข้อแม้มีแค่... ห้ามหล่อนกลับเมืองไทยเด็ดขาด โดยเหตุผลของพ่อคือ ‘อันตราย’ เมืองไทยอันตรายสำหรับหล่อนแรกๆ นั้นหล่อนเข้าใจว่าพ่อกลัว เพราะแม่ถูกลูก
ผู้ชายเอเชียผิวแทนตัวสูงรูปร่างดีไม่ต่างจากนายแบบต่างประเทศที่หล่อนเคยออกเดตด้วย เขาสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คสีดำทั้งชุด ใบหน้ามีแว่นดำบดบังดวงตา ขนาดเห็นไกลหล่อนยังรู้ว่าหล่อจัด เพราะออร่าความหล่อของเขาพวยพุ่งจนคนที่อยู่ด้านข้างตะลึงมองเนตรชนกยิ้มน้อยๆ แค่หล่อนย่างเท้าก้าวเข้าสู่เมืองไทย ชีวิตดูก็ดูจะตื่นเต้นซะแล้วร่างงามระหงก้าวเดินเข้าหาคนหล่อและหล่อนก็เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เดินตรงมาที่หล่อนเช่นกัน รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปากเก๋ คงไม่ใช่แค่หล่อนแล้วล่ะที่ปิ๊งเขา แล้วหล่อนก็แน่ใจว่าพ่อคงจะอกแตกตายแน่ ถ้ารู้ว่าหล่อนหิ้วผู้ชายมาจากสนามบินแค่เจ้าของร่างสูงมาหยุดตรงหน้า เนตรชนกก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดไป“ขอเบอร์ได้ไหมคะหรือแอพอะไรที่คุณใช้”หล่อนเปิดฉากทักทายก่อน ในเมื่อเขาน่าสนใจหล่อนก็พร้อมจะกล้า และไม่คิดว่าจะเสียมารยาทด้วยที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายขอเบอร์โทรศัพท์หรือขอแอพฯ ติดต่อผู้ชายก่อน เพราะโลกเสรีใครๆ ก็ต่างทวงถามและเรียกร้องความเท่าเทียม นี่แหละความเท่าเทียมของหล่อน ในเมื่อผู้ชายอยากได้เบอร์หน้าอกหล่อน หล่อนก็อยากได้เบอร์โทรศัพท์พวกเขาได้“ว่าไงคะ ขอเบอร์ได้ไหม” แต่เขาที่นิ่งไปท
“ใกล้เวลาที่เนเน่จะมาแล้ว นายไปได้”“แต่ท่านครับ ผมว่าท่านกลับพร้อมผมดีกว่านะครับ เชื่อผม”เพราะยืนอยู่ด้านหลังรถบิ๊กอัพหาเสียงทำให้นิรยะกวาดสายตามองบ้านเรือนและผู้คนที่ออกมาต้อนรับได้โดยทั่ว แม้จะเป็นชุมชนเดิมๆ ที่เคยมาหาเสียงแล้วหลายครั้ง แต่ใกล้วันเวลาเลือกตั้งเข้ามาทุกที เขาก็ไม่อาจวางใจ“กลับพร้อมผมเถอะนะครับ”“เอาน่าที่โล่งขนาดนี้ ใครจะทำอะไรได้ นายไปเถอะ เดี๋ยวเนเน่มาถึงแล้วไม่เจอใคร จะยุ่งกันใหญ่”“ท่านแน่ใจนะครับว่าอยู่ได้”“ไปเถอะ เชื่อฉันสิ มันไม่มีอะไรวันนี้หรอก ถ้ามันจะมีมันก็มีใกล้ๆ เลือกตั้งนั่นแหละ ใครมันกล้ามาทำอะไรในชุมชนแบบนี้ เพราะถ้ามีใครถูกลูกหลงตายไปก็ไม่มีใครได้เลือกตั้งทั้งนั้นแหละ ไปเถอะ ไปทำหน้าที่ของนาย เวลานี้ไม่มีใครที่ฉันจะไว้วางใจได้เท่านายอีกแล้ว”น้ำเสียงหนักใจเทไปยังใครบางคนที่กำลังเดินทางมาถึงเมืองไทยในวันนี้ คนที่มีความสำคัญมากที่สุดที่ถูกส่งตัวไปอยู่แสนไกลนับตั้งแต่เหตุการณ์ร้ายๆ เมื่อ 20 ปีก่อนเกิดขึ้นตลอดเวลาคนทางนั้นร่ำร้องแต่จะกลับมาเมืองไทย แต่เป็นเขาที่ไม่ยอม ทว่าเวลานี้เขาคงห้ามไม่ได้ การรับรู้และดูแลให้ปลอดภัย คงดีกว่าให้รั้นและเกิดอันตรา
เสียงประกาศจากรถหาเสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งชุมชนทำให้ชาวบ้านร้านตลาดออกมายืนอยู่ด้านข้างถนนเพื่อมองดูผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนายกเทศบาลประจำตำบลแห่งนี้บนด้านหลังรถกระบะคันโก้ ‘นายนารถ นฤปนาท’ นักการเมืองท้องถิ่นอดีตนายกฯ 3 สมัย ลงชิงตำแหน่งอีกครั้งนารถใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีขาวด้านหลังมีโลโก้ชื่อพรรคและเบอร์ผู้สมัคร ลำคอคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองสด ใบหน้าเขายิ้มแย้ม ดวงตาภายใต้กรอบแว่นใสบ่งบอกถึงความเป็นมิตรและจิตใจดีอยู่เสมอ“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง สวัสดีครับ สวัสดีครับ อ้าว! สวัสดี สวัสดี ทิด! สวัสดี ป้า! สวัสดี”เขาโบกไม้โบกมือให้กับชาวบ้านทั่วไป ทั้งคนไม่คุ้นหน้า คนคุ้นเคย และคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วพร้อมร้องทักทายยกมือไหว้ เพราะทำงานอยู่ในพื้นที่นี้มานานนับ 10 ปี ทำให้รู้จักชาวบ้านเสียมากกว่ารู้จักญาติพี่น้องของตนเองเสียอีก ด้วยภาพลักษณ์นักการเมืองจิตใจดี คนซื่อ มือสะอาด ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านทั้งรักทั้งบูชาท่านอดีตนายกฯ 3 สมัย อย่างที่คิดจะเปลี่ยนใจเลือกคนใหม่ได้ยาก เรียกได้ว่าหาเสียงพอเป็นพิธีเพราะนอนมาชัดๆทว่าการรักษาภาพลักษณ์กลับเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะโครงการใหญ่ในภายภาคหน้า