เขาไม่อยากจะเชื่อที่ตนเองจู่ ๆ ก็ได้ขึ้นเป็นประธานนักเรียนแบบฟลุก ๆ เพียงแค่ท่องจำบทพูดที่ให้พ่อเป็นคนช่วยเขียนไปพูดหน้าเสาธง แค่นั้นคนก็แห่เทคะแนนเสียงให้แล้ว
กันต์ธีร์ในวัยสิบห้าย่างสิบหกหัวจะปวด ตอนแรกเพื่อน ๆ แค่เสนอชื่อเพราะผู้สมัครมันน้อยเกินสรุปตัวเองกลายเป็นม้ามืดด้วยคะแนนเสียงร้อยละแปดสิบเฉยเลย สรุปสุดท้ายในเมื่อเขาคือตัวแทนนักเรียนก็ต้องเป็นผู้นำทำหน้าที่ทุกอย่างจนหัวหมุนไปหมด ยิ่งเป็นกิจกรรมไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องเรียนกันแล้วตัวเรา
กันต์ธีร์อยากจะร้องไห้ ไม่น่ายืนกรานให้พ่อเป็นคนช่วยเขียนปราศรัยเลย ทั้งเจ้าตัวยังบอกอีกนะว่า ‘ได้ข่าวว่าลูกเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนอยู่แล้วนี่ ไม่ต้องให้พ่อช่วยก็ได้นะ’ เขาน่าจะเชื่อมันตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมานั่งทำงานจำบทพูดงก ๆ แบบนี้หรอก!
เนื่องจากเดือนมกราคมของทุกปี ทางโรงเรียนจะมีการจัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติ นอกจากเขาจะต้องเป็นคนนำสวดมนต์ดำเนินรายการในช่วงเช้าแล้ว ยังต้องเข้าร่วมฟังเทศน์ทั้งวันร่วมกับคณะกรรมการนักเรียนบางส่วน ทั้งที่ใจเขาอยากขึ้นไปเรียนกับเพื่อนกับฝูงแท้ ๆ
“พี่ธ
วันนี้เขาออกมาซื้อยาเข้าบ้าน โดยปกติพี่จะกลับมาพร้อมแผลที่ข้อนิ้วตลอดเพราะออกไปซ้อมมวยไม่ก็ใช้ร่างกายตัวเองลงพื้นที่เสียจนยับเยินไปหมด ดีหน่อยที่เดี๋ยวนี้พี่ชายตำรวจได้ปรับยศขึ้นหนึ่งขั้น งานที่รับผิดชอบจึงเบาลงและหันมาใส่ใจกับการวางแผนบริหารบุคลากรแทน กระนั้นก็มีบ้างที่ผู้บังคับบัญชาเจาะจงให้พี่เป็นคนลงพื้นที่ไปจัดการพวกโจรมาจนถึงตอนนี้นอกจากยาหยอดที่จำเป็น ยาทาผิวก็สำคัญเช่นกัน ไม่ใช่สำหรับพี่ไกรแต่เป็นเขาต่างหากถึงเราจะไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียงบ่อยทว่าในแต่ละครั้งนั้นทำให้ร่างกายเขารับภาระหนักพอสมควร ในจังหวะเริ่มเขาเพียงนึกสนุกโดยลืมผลที่ตามไปเสียทุกครั้ง เขาเองก็เตือนพี่ว่าให้เพลา ๆ การขบกัดคอหรือหน้าอกลงไปบ้างเพราะมันค่อนข้างอ่อนไหวเวลาต้องสวมใส่เสื้อผ้าเครื่องแบบเมื่อมันเสียดสีกับผิวทั้งเมื่อใกล้เวลาแผลจะหายมันจะชอบคันยุบยิบให้รู้สึกไม่สบายตัว ต้องใช้เวลาเป็นหลักสัปดาห์กว่ารอยพวกนั้นจะหายสนิทด้วงสะพายกระเป๋าเดินผ่านประตูรั้วเข้ามาในเขตบ้านหลังออกไปจับจ่ายซื้อของมา วันนี้เป็นวันหยุดดังนั้นพวกเราจึงอยู่บ้านกันครบทุกคนคุณอาในชุด
1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน) , เคะกล้ามหนุบหนับ และความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างสายเลือด4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึงองค์กรศาสนา, ความรุนแรง, สภาวะผิดปกติทางจิต, Fetish(BDSM)*ที่ผิดหลัก และสิ่งเสพติด/อบายมุขโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .จำนวนตอนหลัก 35+10 ตอนจำนวนตอนพิเศษ 11+3 ตอนรวมทั้งหมด 59 ตอน***พิสูจน์อักษร 2 ครั้ง***อัปเดตครั้งล่าสุด 10/07/2024#
“อาด้วงออกไปทำงานแต่เช้าตลอดเลยนะครับ”เสียงเด็กชายวัยมัธยมต้นกล่าวทักญาติคนสนิทที่แม้ตอนนี้หน้าปัดนาฬิกาจะบอกเวลาตีสี่สี่สิบห้า กระนั้นคุณอาชายที่แปะชื่อนายสถานีก็ยังขยันขันแข็งสะพายกระเป๋าเป้ใบเดิมคว้ากุญแจเตรียมออกจากบ้าน ทั้งเมื่อครู่พวกเขานั่งทานมื้อเช้าด้วยกันสามคน วางจานอาหารพร้อมกัน แต่เจ้าตัวกลับทานหมดคนแรกทั้งที่ข้าวพูนจานกว่าใครแท้ ๆคุณอาเมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำของหลานชายจึงใช้ฝ่ามือสีน้ำผึ้งยีเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติกระเซิงด้วยความมันเขี้ยว“แซวอาได้ทุกวันนะกันต์”“ผมพูดจริงนี่ครับ อาด้วงไปแต่เช้าทุกวัน ทิ้งผมกับคุณพ่อให้กินข้าวต่อกันสองคน บางครั้งกันต์ก็อยากเดินออกจากบ้านพร้อมกันบ้างนะครับ”กันต์ธีร์พูดไปอมข้าวไป กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เป็นที่พอใจของตัวเขาสักเท่าไรนัก เนื่องจากเขาสนิทกับคุณอามากที่สุดในบ้าน แม้ทีแรกใคร ๆ จะบอกว่าอาด้วงน่ากลัวเพราะมีรอยบากที่หางคิ้ว ลำคอ จะมีฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเก่า หรือแม้ยามปกติอีกฝ่ายจะชอบทำหน้านิ่งแต่ใครรู้ว่าแท้จริงเจ้าตัวจิตใจดี ทั้งยังชอบพาเขาทำก
ด้วงเดินทางมาไม่นานก็ถึงสถานีกรุงเทพ เพราะบ้านหลักอยู่ห่างจากที่ทำงานเพียงข้ามถนนสองเส้น จึงเดินทางมาได้โดยง่ายไม่ต้องนั่งรถรางให้ยุ่งยากเวลานี้ท้องฟ้ายังมืดสนิทเห็นดวงจันทร์แจ่มชัด ผู้คน รถบนถนนบางตา ฝนที่ตกปรอย ๆ เมื่อคืนเมื่อสัมผัสกับผืนดินผืนหญ้าส่งกลิ่นหอมธรรมชาติโชยมาแตะจมูกชวนให้ใจสงบเงียบท่ามกลางบรรยากาศยามไร้ผู้คนในเวลาเช้าตรู่ขาสูงยาวก้าวอย่างมั่นคงบนทางเท้า มองเหล่าแมลงซึ่งสะท้อนแสงจากโคมไฟรายทางที่พวกมันตอม พลางคิดเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่วนอยู่ในหัวเขามาร่วมสิบปีเขารักคนคนหนึ่งรักมาตลอดตั้งแต่วันที่จากลากันทีแรกเขาไม่รู้สึกถึงมัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าตัวไม่สามารถอยู่ที่แห่งนั้นได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นเขาเองที่ต้องพาเจ้าตัวหนีขึ้นรถไฟจากไอ้พวกคนจัญไรเหล่านั้นย้อนนึกไปเท่าไรก็รู้สึกเจ็บปวด ภาพทุกภาพหวนคืนเข้ามาในห้วงความคิดอย่างไม่อาจหักห้ามได้เรือนไม้สีเข้มเก่าแก่สะท้อนแสงจันทร์ขาวนวลยามค่ำคืน สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านกระทบผิว เหล่าก้านไม้ใบไม้เสียดสีกันชวนให้ค่ำคืนสุดท้ายในที่แห่งนั้นน่าขนลุก และเสียงแปร่ง
ด้วงสูดลมหายใจเข้าเมื่อวิ่งมาถึงยังหน้าชานชาลาในการดูแล อีกไม่นานรถไฟขบวนแรกจากชุมพรก็จะเข้าเทียบ เขาต้องมีสมาธิจดจ่อกับหน้าที่และผู้คนเพื่อมองหาใครคนนั้นให้เจอทว่าเหมือนที่เขาแกล้งหัวเราะอาจารย์แกไปเมื่อครู่จะโดนเอาคืน เพราะจู่ ๆ หมวกประจำตำแหน่งก็ถูกถอดออกทำให้เขาต้องหันไปมองจนเห็นว่าเป็นคุณอุ่นที่ยืนถือหมวกเขาอยู่ก่อนจะรีบเดินเข้ามาสวมหมวกให้เหมือนเดิมเมื่อเห็นสีหน้าอันไม่พอใจ“ผมแกล้งหนักไปเหรอครับ?”“ถามมาได้”นายสถานีเม้มปากไม่พอใจ เขาหัวเราะนิดเดียวเองดันมาแกล้งถึงเนื้อถึงตัวกันเสียได้ ไหนเจ้าตัวบอกคนญี่ปุ่นเรียบร้อยตามขนบอย่างไรเล่า“วันนี้ขอให้โชคดีนะครับ”สิ่งที่อาจารย์กล่าวก่อนจะขึ้นตู้สื่อถึงคนที่เขากำลังเฝ้าตามหาอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้ป่าวประกาศว่ากำลังตามหาคนแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับแก่คนใกล้ชิดด้วงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กระชับปีกหมวกประจำตำแหน่งให้เข้าที่เพราะอีกไม่ถึงนาทีจะถึงเวลารถไฟรอบแรกของวันเข้าเทียบ นัยน์ตาสีดำประกายม่วงไร้แวว มองหัวรถจักร สดับฟังเรียงหวูดอย่างเหม่อลอย เสียงพ
ด้วงเดินออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็เจอแล้วในเมื่อแก้วบอกว่าจะมาหาเขาวันพรุ่ง เช่นนั้นวันนี้เขาจะตะลอนหาที่นั่งสบาย ๆ รอบพระนครตระเตรียมแผนการเดินทางให้โฉมงามเพื่อนสมัยเด็กได้ประทับใจรวมไปถึงการบอกเรื่องนี้กับพี่ไกร เพราะเจ้าตัวเมื่อเช้าดูจะเป็นกังวลในเรื่องนี้มากโข ไว้เดี๋ยวคืนนี้เขาจะอยู่รอนั่งเล่าให้ฟัง ในเมื่อเป้าหมายในชีวิตเขาสำเร็จแล้ว คุณพี่ชายจะได้ไม่ต้องมาหนักใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .“ผู้กำกับ เหม่ออีกแล้วนะครับเมื่อคืนนอนน้อยรึหรือไง?”“มาค้ง มาครับอะไรไอ้พูน เรียกชื่อฉันเหมือนเดิมเถอะ แสลงหู”พูนเพื่อนร่วมงานบุ้ยปาก ไอ้เขาก็อยากทำตัวมีมารยาทกับพ่อพันตำรวจเอกผู้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สน.เสียหน่อย ดันมาขัดขากันได้“ตกลงกันว่าจะเริ่มคดีเสือขามวันนี้ใช่ไหม?”“นอกเรื่อง”“กำลังจะเข้าเรื่อง”พูนกอดอกกลอกตามองบน เขาล่ะหน่ายใจกับท่าทีเก๊กขรึมข
ตกเย็นใกล้พลบค่ำด้วงรีบกลับบ้านมา วันนี้เขาอารมณ์ดีนัก ตั้งแต่รู้ว่าจะได้กลับไปพูดคุยกับแก้วอีกครั้งเขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุณอาในชุดลำลองเสื้อโปโลสีเนยกางเกงน้ำตาลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้าพลางยกเสื้อผ้าที่พนักงานแนะนำมา มีตั้งหลายตัวแต่ไปแค่พรุ่งนี้วันเดียวไม่รู้จะใส่ตัวไหน สงสัยคงต้องถามพี่ไกรเสียแล้ว“ด้วง วันนี้ไปไหนมาครับ”เสียงเข้มแว่วมาจากระเบียงชั้นสอง เป็นเจ้าของบ้านที่ยืนค้ำราวไม้ทักทายลงมา เจ้าตัวคงจะกลับบ้านมาสักพักแล้วจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเรียบร้อย“ผมไปซื้อของที่ห้างมา”“ไหนเอาขึ้นมาให้พี่ดูซิ”จากประสบการณ์สอบปากคำตลอดหลายสิบปี หากอยากได้คำตอบที่ชัดเจน อย่าตั้งแง่กับผู้ต้องสงสัย ค่อย ๆ ใจเย็นตะล่อมถาม หากร้อนใจขึ้นประเดี๋ยวลูกไก่ในมือจะวิ่งหนีไปเสียฉิบ“เราลางานกะทันหันแบบนี้ ไม่กระทบเพื่อน ๆ ที่ทำงานเหรอ?”“วันนี้รอบรถถี่แค่ช่วงสาย ตกบ่ายมาก็น้อยแล้ว”“แล้วไม่กลัวโดนหักเงินเดือนเหรอ?”“ผมมีเงินเก็บเยอะ ไม่กลัวเรื่องแบบนั้นหรอก”“พี่เห็นเรายิ้มไม่หุบมาสักพักแล้ว
เสียงนกร้องภายนอกแว่วเข้ามาผ่านช่องเล็กช่องน้อยภายในห้องนอนขนาดย่อม เครื่องเรือน เครื่องนอนล้วนถูกคัดสรรมาอย่างเหมาะสมให้เขากับผู้อยู่อาศัย แต่เพราะเจ้าของห้องไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ จึงมีแต่ของใช้จำเป็นเพียงโต๊ะ ตู้ เตียง และม่านมุ้งห้อยจากเพดานกันแมลงในตอนกลางคืนทว่าวันนี้นาฬิกาปลุกถูกตั้งให้ช้ากว่าปกติเพราะนี่นับเป็นวันแรกที่คนบนเตียงจะได้ออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนที่รอมานานนับสิบปี จนเมื่อเสียงกริ๊งดังไม่ทันใดมันก็ถูกกดหยุดลงพร้อมนายสถานีร่างโปร่งที่ลุกขึ้นมาบิดกายยืดเส้น ดวงหน้าอิ่มเอิบประดับรอยยิ้ม แต่เช้าตรู่พลางมองเสื้อผ้าของวันนี้ที่ถูกแขวนเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนด้วงสูดลมหายใจเข้าระหว่างนั่งเล่นให้ร่างกายตื่นเต็มตา แล้วจึงกระเด้งตัวออกจากเตียงไปผลัดผ้าผลัดผ่อนบ้านหลังนี้กว้างโอ่อ่าพอจะทำห้องส่วนตัวให้แก่ทุกคนรวมไปถึงห้องอาบน้ำในทุกห้องนอนเช่นกัน เพิ่มความสะดวกสบายให้สมาชิกในบ้านที่ต้องทำกิจในเวลาไล่เลี่ยกันกระจกบานเล็กหน้าโต๊ะสะท้อนร่างสูงโปร่งประดับลอนกล้ามเนื้อสีเข้มกระนั้นก็พอมีช่วงเอวไม่ตีบตันไร้สัดส่วนด้วงรีบเข้าไปรดน้ำทำความสะ
วันนี้เขาออกมาซื้อยาเข้าบ้าน โดยปกติพี่จะกลับมาพร้อมแผลที่ข้อนิ้วตลอดเพราะออกไปซ้อมมวยไม่ก็ใช้ร่างกายตัวเองลงพื้นที่เสียจนยับเยินไปหมด ดีหน่อยที่เดี๋ยวนี้พี่ชายตำรวจได้ปรับยศขึ้นหนึ่งขั้น งานที่รับผิดชอบจึงเบาลงและหันมาใส่ใจกับการวางแผนบริหารบุคลากรแทน กระนั้นก็มีบ้างที่ผู้บังคับบัญชาเจาะจงให้พี่เป็นคนลงพื้นที่ไปจัดการพวกโจรมาจนถึงตอนนี้นอกจากยาหยอดที่จำเป็น ยาทาผิวก็สำคัญเช่นกัน ไม่ใช่สำหรับพี่ไกรแต่เป็นเขาต่างหากถึงเราจะไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียงบ่อยทว่าในแต่ละครั้งนั้นทำให้ร่างกายเขารับภาระหนักพอสมควร ในจังหวะเริ่มเขาเพียงนึกสนุกโดยลืมผลที่ตามไปเสียทุกครั้ง เขาเองก็เตือนพี่ว่าให้เพลา ๆ การขบกัดคอหรือหน้าอกลงไปบ้างเพราะมันค่อนข้างอ่อนไหวเวลาต้องสวมใส่เสื้อผ้าเครื่องแบบเมื่อมันเสียดสีกับผิวทั้งเมื่อใกล้เวลาแผลจะหายมันจะชอบคันยุบยิบให้รู้สึกไม่สบายตัว ต้องใช้เวลาเป็นหลักสัปดาห์กว่ารอยพวกนั้นจะหายสนิทด้วงสะพายกระเป๋าเดินผ่านประตูรั้วเข้ามาในเขตบ้านหลังออกไปจับจ่ายซื้อของมา วันนี้เป็นวันหยุดดังนั้นพวกเราจึงอยู่บ้านกันครบทุกคนคุณอาในชุด
เขาไม่อยากจะเชื่อที่ตนเองจู่ ๆ ก็ได้ขึ้นเป็นประธานนักเรียนแบบฟลุกๆ เพียงแค่ท่องจำบทพูดที่ให้พ่อเป็นคนช่วยเขียนไปพูดหน้าเสาธง แค่นั้นคนก็แห่เทคะแนนเสียงให้แล้วกันต์ธีร์ในวัยสิบห้าย่างสิบหกหัวจะปวด ตอนแรกเพื่อน ๆ แค่เสนอชื่อเพราะผู้สมัครมันน้อยเกินสรุปตัวเองกลายเป็นม้ามืดด้วยคะแนนเสียงร้อยละแปดสิบเฉยเลย สรุปสุดท้ายในเมื่อเขาคือตัวแทนนักเรียนก็ต้องเป็นผู้นำทำหน้าที่ทุกอย่างจนหัวหมุนไปหมด ยิ่งเป็นกิจกรรมไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องเรียนกันแล้วตัวเรากันต์ธีร์อยากจะร้องไห้ ไม่น่ายืนกรานให้พ่อเป็นคนช่วยเขียนปราศรัยเลย ทั้งเจ้าตัวยังบอกอีกนะว่า ‘ได้ข่าวว่าลูกเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนอยู่แล้วนี่ ไม่ต้องให้พ่อช่วยก็ได้นะ’ เขาน่าจะเชื่อมันตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมานั่งทำงานจำบทพูดงก ๆ แบบนี้หรอก!เนื่องจากเดือนมกราคมของทุกปี ทางโรงเรียนจะมีการจัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติ นอกจากเขาจะต้องเป็นคนนำสวดมนต์ดำเนินรายการในช่วงเช้าแล้ว ยังต้องเข้าร่วมฟังเทศน์ทั้งวันร่วมกับคณะกรรมการนักเรียนบางส่วน ทั้งที่ใจเขาอยากขึ้นไปเรียนกับเพื่อนกับฝูงแท้ ๆ“พี่ธ
การกลับมาของคุณแม่ทำให้สถานการณ์ทางบ้านเปลี่ยนไปหลายอย่าง จากทุกสิ้นปีพวกเขาจะเดินทางไปเยี่ยมเจ้าหล่อนโดยแวะพักทานอาหารกลางวันในร้านใหญ่แทนมื้อพิเศษทีเดียว ทว่าคราวนี้สิ้นปีมาถึง แทนที่จะกลับบ้านนาทุกคนในบ้านลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกระนั้นก็เลือกลำบากว่าจะไปจังหวัดไหน เพราะบ้านนี้ไม่ค่อยเที่ยว มากที่สุดก็เป็นด้วงที่คอยพาน้องกันต์ไปเที่ยวรอบเมือง จนเมื่อกันต์ธีร์รู้มาว่าเพื่อนตัวเองทำโรงแรมอยู่ชลบุรี เมื่อนั้นทุกคนจึงเตรียมเสื้อกันหนาวไปเที่ยวกันอย่างพร้อมเพรียง เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นจะอากาศหนาวสักแค่ไหนกันเชียวต้องขอบคุณเส้นสายของกันต์ธีร์ที่โทรศัพท์ประสานกับเพื่อนให้จนพวกเขาได้ตารางการท่องเที่ยวและร้านอาหารมากมายมาอยู่ในกำมือโดยไม่ต้องหาเองให้วุ่นวาย เนื่องจากการเข้าพักโรงแรมต้องไปลงพื้นที่อย่างเดียวจึงจะรู้ หากสุ่มโดนที่ไร้คุณภาพแล้วละก็มันคงเป็นฝันร้ายตลอดการท่องเที่ยวเลยเชียวหากเป็นจังหวัดใกล้เคียงไกรวิชญ์คงขับรถไฟเองแต่คราวนี้เล่นไปไกล พวกเขาจึงพากันถือกระเป๋ามาขึ้นรถไฟ“พี่ มื้อเช้าจะซื้อของบนรถไฟกินไห
ย้อนไปเมื่อคราวที่เขาตกลงปลงใจจะมานอนร่วมห้องกับพี่ไกรและยกห้องนอนของตัวเองให้เป็นห้องนอนส่วนตัวของแม่มาลีอย่างเต็มตัว เขานั้นจำต้องเก็บข้าวเก็บของทำความสะอาดครั้งใหญ่และตรวจทานทุกอย่างภายในห้องให้สะอาดพร้อมใช้แม่เขาก็ดีอกดีใจมีห้องนอนเป็นของตัวเองหลังจากต้องนอนห้องเขาบ้างห้องหลานชายบ้างแล้วแต่อารมณ์ว่าวันไหนอยากนอนกับลูก วันไหนอยากนอนกับหลานทว่าแม่เจ้าผู้มีประสบการณ์มากกว่าเมื่อรู้วันที่เขาจะเข้าไปนอนกับพี่ก็บอกเคล็ดลับนู่นนี่ตามฉบับอดีตภรรยานายตำรวจให้เขาฟังจนเขินหน้าแดงไปหมด ตอนนั้นเขายังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องราวแบบนั้นเลยเสียด้วยซ้ำ นี่แม่อยากทำให้เขาหมกมุ่นลามกหรือไรด้วงในช่วงสายของวันเสาร์ทยอยยกสัมภาระ กล่องรวมของกระจุกกระจิกและชุดเครื่องอาบน้ำส่วนตัวย้ายเข้าห้องจนมาถึงการขนย้ายเสื้อผ้าซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายและง่ายเป็นอันดับแรก เพราะก็มีแค่ชุดทำงานชุดนอนกับชุดสุภาพอีกไม่กี่ชุดเดินเวียนสองสามรอบก็หมดตู้ จนเมื่อคราวเขาจะพับเก็บผ้าขนหนูสำรองใช้ ณ ลิ้นชักชั้นล่างของตู้เสื้อผ้าก็บังเอิญไปเห็นเข้ากับกล่องปริศนาบางอย่างซ่อนเอาไว้ยังด้านในสุดด้
ดันกิ × เจียมดันกิจำได้เป็นแม่นเหมาะว่าเมื่อราว ๆ หนึ่งปีก่อนซึ่งเป็นช่วงที่เขาย้ายตัวเองจากการเป็นสายสืบรายการลับที่ต่างจังหวัดในประเทศไทยเข้ามายังพระนคร นอกจากจะต้องตะบี้ตะบันหางานทำในสภาวะที่คนไทยต่างก็รังเกียจคนญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานอยู่นั้นเองในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่รอบสัมภาษณ์การเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศ เอกภาษาญี่ปุ่น ประจำวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเขตใกล้เคียงทว่ารู้แต่ที่อยู่ตอนที่ส่งจดหมายไปสมัครไป แต่ไม่รู้วิธีการเดินทางมันก็เท่านั้น เขาได้แต่เดินอย่างสิ้นหวัง เขาว่าก็สื่อสารภาษาไทยได้พอสมควรจากการสอนส่วนตัวตามบ้านเศรษฐีและการตระเวนชิมอาหารไปทั่วทุกสารทิศ แต่ทำไมพอได้ยินสำเนียงแปร่งหูแม่ค้ารายทางจำต้องทำหน้าขยะแขยงหอบข้าวหอบของหนีกันเป็นแถว หรือว่าเขาหล่อไม่พอหรือเปล่า หรือว่าเขาแต่งตัวไม่เนียนพอจะเป็นครู หรือจริง ๆ แล้วมีชาวบ้านสืบรู้มาว่าเขาเป็นทหารก่อนจะเอามาบอกปากต่อปากคุณครูชาวญี่ปุ่นผู้อาภัพนั่งเหี่ยวหดอยู่ยังขั้นบันไดที่ไหนสักแห่ง เพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองป้าย หรือถึงมองก็อ่านไม่
ฤดูหนาววนมาบรรจบกันอีกครั้งในอีกหลายปีต่อมา อากาศในย่านครึกครื้นของพระนครยังคงอุดมไปด้วยลมเย็นและไอแห้งผากชวนให้นายสถานีในเครื่องแบบสีกากีและผ้าพันคอสีม่วงแก่รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาโดยพลันเมื่อรถไฟที่เข้ามาพาลมแรงมาด้วยด้วงกระชับผ้าพันคอผืนใหม่ของปีนี้ให้ชิดขึ้น ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่แม่มาลีย้ายข้าวของกลับมาอยู่บ้านที่เมืองหลวงอย่างเต็มตัว นอกจากจะพกเสื้อผ้า สัมภาระ และแมวมาด้วยแล้วยังมีงานอดิเรกใหม่นั่นคือการถักไหมพรม เจ้าหล่อนชื่นชอบในการนั่งตากพัดลมเชยชมธรรมชาติรอบบ้านไปพร้อมกับการนั่งฟังวิทยุและถักเส้นไหมพรมเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มากในตอนแรกสิ่งที่ถักได้ก็เป็นสิ่งของเครื่องใช้เครื่องแขวนเล็ก ๆ เช่นที่รองแก้ว ปลอกคอแมว ที่ห้อยพวงกุญแจ แต่เดี๋ยวนี้เจ้าหล่อนมีฝีมือมากขึ้นทั้งยังได้ทำความรู้จักกับสมาคมแม่บ้านในชุมชนตำรวจจึงได้แบ่งปันประสบการณ์ในครัวเรือนกัน จนตอนนี้หญิงเจ้าสามารถถักไหมพรมทำเป็นเสื้อทั้งตัวได้แล้วด้วงที่ได้รับมันมาพร้อมกับผ้าพันคอผืนใหม่คิดจะใส่มาสถานีเพื่อกันหนาว แต่คิดอีกทีมันคงจะเกะกะรุงรังน่าดูเพราะมันยาวลงมาปิดต้นขาไม่ต่าง
“อือ...อื้อ...”ไอร้อนจากอากาศนอกหน้าต่างชวนให้คนที่ยังนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าเมื่อหรี่ตาขึ้นมองบรรยากาศแวดล้อมห้องยังคงมืดสนิท แต่สิ่งที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวันคงจะเป็นแสงที่เล็ดลอดเข้ามาผ่านรูหน้าต่างด้วงในตอนนี้รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวมากกว่าเมื่อคืนหลังร่วมเตียงกันเสร็จใหม่ ๆ เสียอีก แต่มันก็ใช่จะทำให้เขาเดินไม่ได้แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอนอนอยู่เฉย ๆ จนกว่าจะหายปวดดีกว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ส่องกระจกตรวจสภาพตัวเองชัด ๆ เพราะกว่าจะจบคืนเขาก็ง่วงงุนจนคิดอยากจะนอนลูกเดียว ทว่าหากให้เดาบนผิวส่วนที่คันยุบยิบไม่หยุดมาตั้งแต่ตื่นคงจะเต็มไปด้วยรอยฝังเขี้ยวของพี่ไกรเป็นแน่ด้วยนิสัยอยากรู้อยากเห็นด้วงจึงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มเพื่อลองกดนิ้วไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย“อึก!”เจ็บ...ทุกตรงเลยด้วงพลิกตัวเพราะความเมื่อยล้าบริเวณหลัง พอได้นอนคว่ำแบบนี้แล้วค่อยสบายขึ้นมาหน่อยถึงแผลช่วงอกจะถูกทับจนคันขึ้นมาบ้างก็ตามตอนนี้พี่ไกรไม่อยู่ในห้อง และเขาได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างสองย่าหลานแว่วเข้ามา กัน
สองเต้าเต่งตึงจากการบีบเคล้นด้วยแรงมหาศาล แต่งแต้มด้วยรอยขบเม้มฝังเขี้ยวมากเกินจะบรรยาย การที่เขาติดใจมันมากถึงขนาดนี้คงเพราะทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสเหมือนตัวเองกำลังได้กัดกินก้อนแป้งนุ่มหยุ่นอย่างไรอย่างนั้น“อ๊ะ!”นั่นส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นการลากนิ้วผ่านหรือแตะเบา ๆ ไปยังยอดอกชูชัน เจ้าของร่างบนตักจึงเปล่งเสียงครางหวานออกมาให้สดับฟังได้ตลอดเวลาไกรวิชญ์ตลอดการนั่งฟังน้องชายอธิบายใช่ว่าจะกักเก็บอารมณ์ได้มิดชิดเพราะมันไปรวมกันยังส่วนกลางกายจนครั้งนี้มันบ
ไกรวิชญ์อดทนมาตลอด ไม่ใช่แค่ตอนที่น้องชายเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าวับ ๆ แวม ๆ ทว่าตั้งแต่วันแรกที่ได้นอนเตียงเดียวกัน เขาไม่อยากเป็นตาแก่ตัณหากลับในสายตาด้วงจึงควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองมาเสมอมา ไหนจะเรื่องในอดีตที่เป็นปมฝังใจ แม้จะไม่ถึงขั้นถูกกระทำชำเราแต่เพียงแค่รู้ว่าร่างกายตัวเองมีคนจ้องจะเอาเปรียบอยู่ ด้วงก็คงเสียความรู้สึกไปไม่ใช่น้อย และเขาไม่อยากเป็นคนคนนั้นในวันที่เขาเปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่าด้วงไม่ได้สวมกางเกง ทั้งยังสะลึมสะลือตื่นขึ้นมานั่งคุดคู้บอกต้อนรับเขาเป็นสิ่งที่น่ารักน่าชังเกินจะบรรยาย ทว่าเขารู้ตัวเองดีว่าหากมองไปมากกว่านี้มันจะไม่จบแค่กล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วเข้านอนแน่ ๆ เขาจึงรีบโผเข้าไปคว้าผ้าห่มมาห่อตัวน้องชายเอาไว้มิดชิด ปิดตาสนิทไม่ให้มันไปแทะโลมสัดส่วนโค้งเว้าใต้เสื้อตัวบาง จัดแจงหากางเกงกันหนา