หน้าที่ทำงานหาสตางค์คือหน้าที่ของเธอ หลังจากฝืนกล้ำกลืนเรียนจนจบในชั้นอนุปริญญาแบบเลือดตาแทบกระเด็น เมื่อต้องทำงานด้วย เรียนด้วย เลี้ยงลูกด้วย ฝ่าฟันกันมากับนมแผ้วแบบที่ไม่เคยย่อท้อเช่นกัน ไม่ว่าจะทุกข์เข็ญ ลำบากสาหัส ปูชิดาไม่เคยปริปากบ่น ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตนเองอย่างภาคภูมิ ในวันที่เธอประสบความสำเร็จ เธอจึงยิ้มได้เต็มหน้า มีนมแผ้วคอยให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง
“ยายจ๋าบอกว่าน้ำพริกค่ะ กินแล้วจะได้สวยๆ”
เด็กช่างประจบรีบพูดสอดและตอบแทนหญิงชรา อัปสราเลยได้รับรอยยิ้มหวานของทั้งมารดาและคุณยายเป็นรางวัล
“เก่งค่ะ จำแม่น...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะคุณหนู จะได้มาทานข้าวร้อนๆ พร้อมกัน”
นางชมหลานสาวตัวน้อย แล้วจึงหันไปคะยั้นคะยอบุตรสาวเจ้านาย ปูชิดาทำงานหนัก ทำทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่เคยมีวันหยุดเมื่อต้องเร่งหาเงินไว้สำหรับบุตรสาว เพราะอายุถึงเกณฑ์ที่จะได้เข้าเรียน
“แม่จ๋าเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ นางฟ้าอย่ากวนคุณยายนะจ้ะ”
ปูชิดาเอ่ยกับบุตรสาว เจ้าตัวรับรู้ ก่อนจะวิ่งตื้อตามหลังนมแผ้วไปติดๆ
หญิงสาวจึงเดินไปทางห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะได้พัก หลังรับประทานมื้อเย็นจนอิ่ม เธอจะต้องออกไปทำงานอีกที่ เวลานอนของเธอคือหลังเที่ยงคืน เต็มที่เลยคือการนอน4-5 ชั่วโมงในหนึ่งวัน เพราะเวลาทั้งหมดเธอทุ่มให้กับการทำงานหาเงิน!! เมื่อจำเป็นต้องสำรองเงินไว้ ในวันที่บุตรสาวเข้าโรงเรียน
“อีกแล้วเหรอคะ นางฟ้าอยากอดแม่จ๋าก่อนหลับอ่า”
ใบหน้าสดชื่นเริ่มสลดลง เมื่อมองเห็นมารดาในชุดทำงาน และกำลังเตรียมตัวออกไปเหมือนทุกๆ วัน
“เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอคะ แม่จ๋าไปทำงานเพื่อนางฟ้าจะได้มีชุดสวยๆ ใส่ไปโรงเรียน”
หญิงสาวทรุดนั่งพร้อมกับเอ่ยปลอบขวัญบุตรสาว เธอรู้...เด็กๆ ต้องการความอบอุ่น แต่เธอมีภาระที่ต้องทำ ในวันที่เขาโตพอ เขาจะรู้... เงินไม่ใช่สิ่งจำเป็นก็จริง แต่หากไม่มีเงิน นั่นคือความทุกข์ล้วนๆ เพราะทุกสิ่งในโลก ล้วนแล้วแต่ต้องใช่เงิน หากไม่มีเงินละก็... ความทุกข์ยากกำลังเคาะหน้าต่างบ้าน และสรรพันปัญหาจะโถมเข้าใส่
“ถ้านางฟ้าไม่เอาชุดสวยล่ะคะ นางฟ้าจะได้นอนกอดแม่จ๋าไหม?”
เป็นคำถามแสนซื่อ แต่ในความเป็นจริงคือความรันทด ใช่ว่าเธออยากจะออกไปท่องราตรีทำงานหามรุ่งหามค่ำเมื่อไร แต่เพราะอนาคตของเด็กผู้หญิงตรงหน้านี่ต่างหาก ทำให้ปูชิดาต้องพากเพียร เธอยิ้มอ่อนๆ ยืนมือไปสวมกอดบุตรสาว พร้อมกับเอ่ยเสียงเครือ “สักวันแม่จ๋าคงมีเวลากอดนางฟ้าตอนนอน...แต่วันนี้แม่จ๋าจำเป็นจริงๆ จ้ะ มันไม่ได้หมายถึงแค่ชุด ไหนจะกระเป๋า รองเท้า ขนมที่หนูจะต้องมีกิน เข้าใจแม่ไหมจ้ะ”
คำอธิบายของมารดา อัปสราไม่ใคร่จะเข้าใจ แต่เพราะเธอเองก็รู้ มารดารักเธอยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะฉะนั้นท่านคงจำเป็นจริงๆ ใบหน้าเล็กๆ พยักหงึกหงัก แม้จะสลดลง แต่ก็พยายามไม่ให้ตัวเองเป็นตัวถ่วง
“แม่คุ๊ณ...”
มือเหี่ยวย่นยกชายผ้าขึ้นซับน้ำตา มันน่าสงสารจนสุดซึ้ง อนาถใจในชะตาชีวิตของสองแม่ลูก แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ดีกว่านี้ชดเชยให้ได้ นางมีแค่ความภักดี แต่ไม่มีสตางค์...
“กินข้าวกันดีกว่า กินเยอะๆ นะจ้ะ หนูจะได้แข็งแรง เรียนเก่งๆ มีเพื่อนเยอะๆ”
ปูชิดาทำเสียงร่าเริง เธอสลัดความเศร้าทิ้งแบบรวดเร็ว เมื่อความรู้สึกเหล่านี้อาจจะทำให้ตัวเองหมดกำลังใจ ในเมื่อเธอเองเลือกเดินทางนี้...ก็ต้องจำทนด้วยความเข้มแข็ง เธอเป็นเสาหลักของบ้าน...เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง เธอต้องแกร่ง...เป็นหญิงเหล็ก ไม่หวั่นไหวกับความทุกข์ตรมที่รุมเร้า...
มือเล็กๆ โบกไหวไปมา เด็กหญิงเกาะขอบรั้วโบกมือส่งมารดา แม้จะปรารถนาอยากให้ท่านอยู่ใกล้ๆ แต่ความจำเป็นบางอย่างเจ้าตัวเลยได้แต่จำยอม... “ยายจ๋า พ่อนางฟ้าไปไหน?”
ครอบครัวอื่นๆ ในละแวกบ้านเท่าที่เจ้าตัวน้อยเห็น มักจะประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก แต่ทำไมเล่า ทำไมครอบครัวของเธอถึงขาด? ไม่มีบุคคลสำคัญเช่นคนอื่นๆ
นมแผ้วน้ำตาตก นางอยากจะเปิดปากเล่าความจริงให้คุณหนูตัวน้อยฟังเหลือเกิน แต่เพราะปูชิดาสั่งห้ามเด็ดขาด!! เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับ ‘พ่อของลูก’ ไม่ใช่เพราะเกลียดชัง แต่เพราะเธอกลัวเขาไม่เชื่อ เมื่อเธอเป็นแค่คนเคยรัก ถึงจะเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่มันก็เนิ่นนานจนเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ อีกอย่างสถานภาพของปูชิดาเวลานี้ไม่เหมือนเดิม เธอไม่ใช่บุตรสาวของเศรษฐีใหญ่ เธอถูกอับเปหิออกมาจากบ้าน ถูกเสือกไสออกมาแบบไร้ความปราณี ไม่มีสายสัมพันธ์ใดใดหลงเหลืออยู่กับครอบครัว ไวศยปรานนท์ เป็นแค่เด็กสาวใจแตกที่มีลูกเป็นเรือพ่วง ด้วยวัยที่ยังไม่เต็มสาวดี แล้วชายหนุ่มที่เป็น ‘พ่อของลูก’ เขาจะสนใจอะไรกับอดีตอย่างปูชิดา เมื่อเวลานี้ ‘เขาผู้นั้น’ อยู่ท่ามกลางวงล้อมของสาวๆ มีอนาคตสดใส กับเป้าหมายชีวิตที่ตัวเองวาดไว้...
“แม่จ๋าบอกนางฟ้าว่าอย่างไรบ้างล่ะลูก” นางย้อนถามเสียงแผ่ว ก้อนสะอื้นวิ่งมาจุกอยู่ที่อก ลดสายตาเศร้าสลดมองใบหน้าเล็กๆ ที่แหงนเงยขึ้นมอง
เด็กหญิงเม้มปาก ก่อนจะค่อยๆ ตอบเสียงอ่อย “ยายสวรรค์อยู่ที่ไหนคะ? นางฟ้าอยากไป แม่จ๋าบอกว่าปะป๊าทำงานอยู่ที่นั่น” คำตอบที่นางฟังมาจนชิน เพราะปูชิดาจงใจปิดบัง หล่อนไม่ต้องการให้ลูกน้อยมีความทรงจำไม่ดีกับบิดา หญิงสาวจึงเลี่ยงที่จะพูดความจริง
“รอให้โตก่อนดีไหมลูก เวลานั้นรับรองได้ นางฟ้าได้ไปหาปะป๊าแน่ๆ” นางกลั้นใจตอบ พร้อมกับชักชวนเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน “เข้าบ้านกันดีกว่า ป่านนี้น้องหมีนอนรอนางฟ้าบนเตียงแล้วมั้งคะ” เด็กบ้านแตก ขาดความอบอุ่นมักจะมีสิ่งยึดเหนี่ยว และอัปสราก็เช่นกันเธอมีตุ๊กตาหมีเก่าแสนเก่า แต่เจ้าตัวหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด เธอมักจะนอนกอดตุ๊กตาตัวนั้นก่อนจะหลับใหลไปในห้วงนิทรา
“อีกกี่ปีคะ อีกี่ปีนางฟ้าถึงจะโต” เจ้าตัวยังไม่วายถาม เมื่อยอดปรารถนาของเธอ คือการได้พบเจอบิดาสักครั้ง เด็กหญิงอยากมีบิดาเหมือนแฉกเช่นเพื่อนๆ
“กินเยอะๆ นอนเยอะ เดี๋ยวก็โตเองแหละค่ะ”
มือเหี่ยวย่นคลี่ผ้าห่มผืนบางห่มคลุมให้เจ้าตัวเล็ก เปิดพัดลมปัดเป่าความอบอ้าวให้เด็กหญิงก่อนจะเดินถอยหลังกลับห้องพักตัวเอง นางยังมีงานเล็กๆ น้อยรอให้ไปจัดการ ก่อนจะได้พักผ่อนในราตรีอันแสนเงียบสงบ “แพนด้า...ปะป๊านางฟ้าหน้าตาเป็นไงนะ?” เพื่อนคุยยามความมืดเข้าครอบคลุมก็คงไม่พ้นตุ๊กตาตัวโปรด มันมีชื่อเสียเลิศหรู ‘แพนด้า’ “ยายชอบพูดบ่อยๆ นางฟ้าตาสวยเหมือนปะป๊า” ลูกเสี้ยวมักจะได้รับยีนส์บางตัวมาจากผู้ให้กำเนิด และอัปสราได้รับมาเธอมีดวงตาถอดมาจากออสติน ดวงตาของเธอสีคาราเมล ไม่ได้ดำสนิท แต่ออกเหลือบๆ สีน้ำตาล หวานซึ้งเหมือนมีน้ำเชื่อมลอยฟ่อง ส่วนโครงร่างอย่างอื่นถอดมารดามาทั้งกะบิ!! “ปะป๊าของนางฟ้าต้องหล่อแน่ๆ เลย ใช่ไหม?” หางเสียงเริ่มอ่อย เมื่อเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจ ไม่มีรูปถ่ายบิดาสักใบ และเธอก็ไม่กล้าถามหาเพราะมารดามักจะดูเศร้าๆ อัปสราเลยไม่กล้าซักไซ้ มีบางครั้งเท่านั้นที่เผลอตัวหลุดปากพูด “เห้อ!! ทำไมปะป๊าถึงเห็นงานดีกว่านางฟ้า ปะป๊าไม่คิดถึงนางฟ้าบ้างเหรอ” เป็นคำพูดซื่อๆ ที่มันฝังอยู่ก้นบึ้งหัวใจ จะปริปากพูดแจ้วๆ ก็ต่อเมื่อได้อยู่
คอนโดหรูกลางกรุง... สายตาคมกล้าทอดมองแสงไฟบนท้องถนน เนื่องจากความสูงของตัวอาคาร จึงทำให้มองเห็นไฟจากหน้ารถยนต์ทอดยาว เหมือนลำแสง มันมีความสวยคลาสสิคแบบที่เขาชอบ มุมนี้จึงเป็นมุมโปรดที่ออสตินมักจะมาหยุดยืนมองเพื่อผ่อนคลายความหนักหน่วงในอก... “ยืนดูอะไรเอ่ย?” เสียงหวานชะอ้อนถาม หล่อนเบียดกายกับแผ่นหลังหนั่นแน่น มือเรียวบางคล้องที่เหนือบ่า พร้อมกับการกระแซะใส่แบบยั่วเย้าอารมณ์ “เปล่า” เสียงตอบกลับแบบเลื่อนลอย เขาหมุนตัวกลับมา ตวัดมือโอบรัดเรือนร่างอวบอัดไว้ พร้อมทั้งกระตุกยิ้มเริงร่า ในอ้อมกอดเขาเวลานี้คือผู้หญิงที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุด หล่อนกำลังดังดั่งพลุแตก หลังภาพยนตร์ที่หล่อนแสดงนำติดโผหนังทำเงิน หล่อนสวย...เขาไม่เถียง แต่หล่อนไม่ใช่คนที่เขา ‘รัก’ ออสตินเหยียดยิ้ม ความรัก...เป็นเช่นไร? เขาไม่อยากรู้จักและไม่ได้อยากสัมผัสมันสักนิด ความคิดไร้สาระนั่น ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง...ความรู้สึกที่รังจะทำให้เขามีแต่ความอ่อนแอ...ความรู้สึกที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่ง...กลายเป็นคนโง่!! เขาสาปส่งความรู้สึกเช่นนั้นทิ้ง...ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน... คว
บทที่2.เงาอดีต!! เหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนเวลาบนโลกจะหยุดเดิน เพียงแค่เห็น ‘เขา’ คนเดิมปรากฏกายอยู่ตรงหน้า เหมือนฝัน เป็นความอัศจรรย์ที่ไม่คาดคิด แต่ให้ตายเถอะ!! สายตาคู่เดิมของเขา ไม่ได้มีไว้เพื่อมองเธออีกต่อไปแล้ว ปูชิดาทอดสายตามองตาม เธอจึงเห็นว่า... เวลานี้สายตาคู่นั้นของออสตินกำลังโฟกัสอยู่ที่ใด!! เขายังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เหมือนทุกกะบิในความทรงจำของเธอ ที่เพิ่มเติมคือดูดีขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า!! ในขณะที่เธอทรุดโทรมลง ไม่ได้มีค่าควรคู่กับเขาเหมือนเมื่อก่อน เธอเป็นแค่คุณแม่ลูกหนึ่ง ที่ไม่มีสามี ถึงจะยังคงใช้นามสกุลเดิม แต่เธอเป็นแค่ลูกที่ถูกเสือกไสออกจากบ้าน ไม่มีสมบัติติดกาย เป็นคนมีตำหนิ แม้ตำหนินั้นเขาจะมีส่วนร่วมในการก่อ แต่เขาไม่รู้นี่สิ!! “ดาร์ลิ่ง!! คุณมาช้า” เสียงหวานชะอ้อนพูด พร้อมกับสาวเท้าเร็วๆ เข้าไปหา “คนสวย คุณต้องเข้าใจว่าผมงานยุ่งแค่ไหน?” ออสตินไม่ได้แก้ตัว หล่อนควรรู้ว่าเขามีภารกิจมากมายก่ายกอง หากไม่ติดใจว่าหล่อนลีลาเด็ด!! เขาคงไม่ตามมาแบบนี้หรอก ใช่ว่าเขาไม่มีผู้หญิงข้างกายเมื่อไร เขามีจนจำหน้าไม่หมดเลยแหละ เพีย
นางเตือนด้วยความหวังดี ผิดหวังกับผู้หญิงเพียงคนเดียว บุตรชายของนางถึงกับปิดประตูใจ เขาประชดชีวิตทำตัวเป็นเพลย์บอย เพียงเพราะไม่อยาก ‘รัก’ ใครอีก ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ เขาข่มความโกรธไว้ในอก ไม่มีวันยอมให้ใครย่างกรายเข้ามาในหัวใจ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ “แม่มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมงานยุ่ง ผมขอตัวก่อน” เขาเปรยเสียงแผ่ว ผุดลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไป แบบไม่ให้ท่านมีโอกาสได้รั้งไว้อีก มืออวบอูมยกขึ้นกดลงบนอกข้างซ้าย เปลือกตาหลุบลง รีบเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆ ขึ้นมาในบริเวณนั้น “แม่ผิดเหรอออสติน? แม่ผิดเหรอที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ โดยไม่มีเรื่องกวนใจ” มีบางสิ่งที่เป็นความลับ!! มีเรื่องบางเรื่องที่นางทำ เพื่อให้บุตรชายไร้ความกังวล นางไม่คิดว่ามันจะมีผลทำให้เขากลายเป็นคนกระด้างเย็นชาแบบนี้ ช
บทที่3.เป็นการพบเจอของโชคชะตาหรือความซวย!! อาจจะเป็นเพราะปูชิดาต้องสำรองเงินไว้ให้บุตรสาวมากกว่านี้อีกสักหน่อย เธอจึงยอมรับการจ้างวานของเพื่อน โดยไร้ข้อแม้ การทำงานค่าเวลา กับการต้องมานั่งคิดสตางค์แทนเจ้าหล่อน สาเหตุเพราะสามีของเธอก่อเรื่อง จนต้องขึ้นโรงพัก...เป็นคดีความที่ต้องเจรจา รำเพยจึงจำใจลางาน... “นะชิดา แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง นึกว่าช่วยรำเพย เธอก็ได้สตางค์ด้วย” เสียงเพื่อนคะยั้นคะยอ แถมควักสตางค์ยัดใส่มือเธอเสียอีก เป็นการบีบบังคับแบบอ้อมๆ “แล้วคนที่ทำงานของรำเพยจะไม่ว่าเอาเหรอ?” หญิงสาวติงเสียงอ่อนๆ กำธนบัตรนั่นจนแน่น แม้จะไม่เยอะ แต่หากสะสมไว้มันก็มากพอที่ทำให้ตัวเองอุ่นใจเพิ่มขึ้น
แต่... “เดี๋ยวสิ...สนใจนั่งเป็นเพื่อนฉันไหม? ฉันจ่ายไม่อั้น!!” ไม่รู้เพราะอะไร เขาควรรังเกียจหล่อน แต่ปากเจ้ากรรมกลับรั้งไว้ ปูชิดาชะงัก เธอยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อช้อนสายตามองหน้าลูกค้าหนุ่ม หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ครั้งแรกเธอฉุนกึก!! เพราะคำพูดเหยียดหยามของอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นหน้ากันจังๆ หญิงสาวกลับหวาดกลัวจนขนลุกชัน!! คนที่เธออยากหนี...คนที่เธอไม่อยากเจอ เวลานี้เขานั่งอยู่ตรงหน้า และสายตาของเขาทำให้เธอเกือบน้ำตาร่วง!! ไม่มีรอยพิศวาสเหมือนเก่า ไม่มีความอบอุ่นเหมือนเช่นเคย ในดวงตาคู่นั้นมีแต่รอยเหยียดหยาม...หญิงสาวตกตะลึงพรึงเพลิด!! เธอตัดพ้อออสตินในใจ เธอทำอะไรให้เขาล่ะ ทำไมถึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น เธอต่างหากเป็นฝ่ายถูกกระทำ เขาไม่รู้หรอก...เธอผ่านความลำบากอะไ
บทที่4.ผู้ชายอย่างเขามันปีศาจชัดๆ “ซวยชิปหาย!! มันอยากได้อะไรว่ะ ผู้หญิงมีลูก มีผัวแล้ว สวยๆ ดันไม่ชอบ!!” เก่งบ่นอุบ เขาเดินหาที่เหมาะๆ เพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัวของปูชิดาจากรำเพย เมื่อลูกค้าต้องการรู้และไอ้หมอนั่นคงเปย์ไม่อั้นเพราะกระเป๋าออสตินตุงพอตัว “รำเพย...พี่มีเรื่องอยากถาม?...” หนุ่มใหญ่รีบกรอกเสียงถาม หลังปลายสายกดรับ “มีอะไรเหรอพี่เก่ง หนูกำลังยุ๊งยุ่ง!!” หญิงสาวบ่นอุบ หล่อนกำลังวุ่นวายกับเรื่องสามี เธอจึงตอบเสียงเคร่งๆ เกือบจะกดวางสาย หากฝ่ายนั้นไม่รีบกรอกเสียงตอบกลับมา“อย่าเพิ่งวางนะโว้ย!! อีเพย...นี่เรื่องคอขาด หากแกตัดสายพี่ พรุ่งนี้แกเตรียมตัวตกงาน”เก่งไม่ได้ขู่ ไอ้หนุ่มนั่นดูจริงจัง เขาเชื่อว่าหมอนั่นทำได้ หากไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้อง
ในขณะที่ปูชิดาพยายามจะลืม อีกคนกลับไม่คิดเช่นนั้น ออสตินนั่งบนเก้าอี้นวมเนื้อนุ่ม ในมือของเขามีบรั่นดีรสเลิศ ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วที่ขอบแก้วไปมา เขากำลังใช้ความคิด ความคิดในการวางแผนจัดการใครบางคน...เทรย์เวอร์คอปเรชั่น... ห้องทำงานของรองประธาน...ออสตินนั่งหน้านิ้วอยู่หัวโต๊ะ เบื้องหน้าของเขาคือนักวางแผนมือดี เขากำลังคิดโปรเจ็กต์ใหม่ๆ และโครงงานอันนี้เขาลงมือทำด้วยตัวเอง เป็นการร่างแบบสร้างอาคารพาณิชย์บนเนื้อที่กว้างพอสมควร มีเสียงแย้งจากคนรอบข้าง เมื่อเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยของคนหาเช้ากินค่ำ มันจะเกิดความยุ่งยากและอาจจะใช้เวลานานกว่าเก่า ในการเคลียร์กับคนเก่าๆ ที่พักอาศัยอยู่ แล้วก็มีหลายเสียงเช่นกันที่เห็นด้วย...เพราะการเดินทางสะดวก อาคารที่สร้างจะถูกซื้อ-ขายได้ไม่อยาก เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากสามารถเจรจาตกลงกับคนเก่าๆ ได้ &ldqu
หญิงสาวซุกหน้ากับแผงอกอุ่น “อ๋อ!! ทุกวันนี้ชิดาขี้เหร่งั้นสิ” เธอตอบเสียงแผ่ว “โอ้ย!! ไม่ใช่อย่างนั้น ความหมายของฉัน คืออยากเห็นชิดาดูดีไม่มีที่ติต่างหาก” ออสตินรีบแก้ตัว “เรื่องพิธีมันสมควรมีก็จริงค่ะ เมื่อมันเป็นประเพณีการทางสังคม และเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง...ชิดารักคุณ ชิดาไม่เคยหวังไกล...ทุกครั้งที่ชิดาหลับ ชิดาจะภาวนาก่อนหลับ ขอให้เวลาที่ชิดาลืมตาขึ้นมา ทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิม” หญิงสาวช้อนนัยน์ตาหวานฉ่ำมองสบตาสามี เธอไม่เคยหวังไกลถึงขนาดนั้น ขอแค่ความเมตตาของเขาบ้าง แค่นั้นก็คือสิ่งที่ปูชิดาปรารถนา ออสตินกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาเปรยเบาๆ “ฉันเป็นคนโง่ ที่แสร้งทำเป็นคนฉลาด อวดตัวว่าข้าเก่ง ข้ามีดีจนใครๆ ก็อยากได้ แต่ไม่เลย...ฉันเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ร่ำร้องหาความรัก ความรักที่เคยเกิดขึ้น
บทที่23.มหาเศรษฐีสิ้นลาย... ประตูห้องนอนถูกปิดและล็อกเพื่อกันคนภายนอกเข้ามาภายใน ในเวลาที่ไม่เหมาะสม วันนี้ออสตินอารมณ์ดี เขามีแผนเด็ด แผนเด็ดที่ทำให้เขากระชุ่มกระชวย จนปูชิดาเริ่มระแวง สายตาของสามีฉ่ำวาวจนหล่อนขนลุก “อาบน้ำด้วยกันนะ...ทูนหัว” น่านไง!! เสียงออดๆ ของออสติน เขาเดินย่างสามขุมเข้าหา และเธอก็คงไม่สามารถปฏิเสธความตั้งใจของเขาได้ มันจึงลงเอ่ยในอ่างน้ำกุชชี่ ขนาดใหญ่ในห้องน้ำภายในห้องนอน“โอย...แสบตา” ออสตินแสร้งโวย วันนี้เขาอ้อนเมียสำเร็จ เป็นการอาบน้ำด้วยกันครั้งแรก หลังจากหอบหิ้วกันมาอยู่ใต้ชายคาคฤหาสน์เทรย์เวอร์เกือบ1 อาทิตย์ โดยที่มาดามเยาวเรศอ้าแขนรับด้วยความเต็มใจ “ขอโทษค่ะ ชิดามือลื่น...”เพราะเธอเขินจัด เลยหลับหูหลับตาถูฟองน้
“เอาเป็นว่า...ฉันยอมรับแม่นั่นก็ได้...แต่แกต้องให้สัญญา แกจะต้องมีหลานให้ฉันอีก5 คน” นางพูด หลังเงียบไปหนึ่งอึดใจ รอยยิ้มของมาดามเยาวเรศทำให้ออสตินหัวเราร่า คุณแม่ก็คือคุณแม่วันยังค่ำ หากอยากบีบให้นางก้มหัว หรืออ่อนให้ นางก็ต้องไว้เชิงบ้าง “ตามนั้นเลยครับ อีกแปดเดือนไม่เกินนั้น แม่ได้อุ้มหลานคนที่สองแน่!!” ออสตินคุยโอ่!! เขารวบกอดมารดาแน่นๆ “แม่ไม่ได้เป็นลมใช่ไหมครับเมื่อสักครู่?” ชายหนุ่มกระซิบถามปัญหาคาใจ เขาว่ามันแหม่งๆ พิกล “มันคือการแสดง แม่น่าจะได้ออสก้านะ...ว่าไหม?” นางยิ้ม สอดมือกอดเอวสอบของออสตินไว้ นางไม่ได้กอดบุตรชายนานเท่าไรแล้วนะ “ครับ...เนียนมาก” ชายหนุ่มหัวเราะ “อีกคำถามนะออสติน...นามสกุลนางฟ้า แกจั
“แกใจดำมาก...ออสติน แกเป็นลูกอกตัญญู กล้าทิ้งฉันเพราะผู้หญิงคนเดียว” ชายหนุ่มถอนใจ เขาลุกจากที่นั่ง เดินมาทรุดตัวนั่งด้านหน้ามาดามเยาวเรศ ออสตินคุกเข่า เขาก้มลงกราบแทบปลายเท้านาง ก่อนจะยืดตัวขึ้นนั่ง มองสบนัยน์ตามารดาด้วยความเศร้า “ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยครับ ชิดาท้อง เธอเลี้ยงลูกคนเดียวมา4ปี โดยที่ไม่คิดบอกพวกเรา ผมผิด... ผมอยากชดเชยให้เธอ หากแม่จะบีบให้ผมทิ้งเธออีกครั้ง ผมคงทำไม่ได้ ผมไม่ได้เลือกนะครับ แต่ผมจำเป็นต้องทำ...ถ้ามันผิดต่อแม่ ผมก็จนใจ ผมไม่ได้ทิ้งแม่ ผมไม่ได้เลือกชิดา ผมทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุด” “เหอะ!! ต่อให้แกพูดอย่างสวยหรูยังไง เรื่องมันก็จบตรงที่แกเลือกแม่นั่น” นางถอยหลังสองก้าว มองสบนัยน์ตาบุตรชาย ดวงตาของนางแดงก่ำ เพราะกำลังเสียใจสุดขีด “แม่จะให้ผมทำยังไงครับ นั่นเมีย นี่แม่ ผมเลือกยืนข้างฝ่ายไหน ผมก็เป็นคนผิดอยู่ดี” 
บทที่22.คุณแม่ขอร้อง เป็นอีกวันที่ออสตินเริ่มต้นวันทำงานด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เดิมทีเขาเบื่อหน่ายหน้าที่ที่แบกรับไว้จนหนักบ่า แต่ทำไงได้เขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเทรย์เวอร์ เวลานี้เขามีภาระที่หนักหน่วงให้แบกรับเพิ่มเติม แต่เป็นความเต็มใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่คลี่คลายปัญหาของตัวเองกับปูชิดาได้ เขากับปูชิดากลับมาเหมือนเดิม...เพิ่มเติมคือรักยิ่งกว่าเดิม ไม่มีความคลางแคลงในใจหลงเหลืออยู่ เหลือก็แค่ปัญหาหนักอกเพียงอย่างเดียว นั่นคือมารดา... หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ในห้องทำงานสีขรึม ออสตินนั่งอยู่ตรงนั้น เขากำลังก้มหน้าอ่านเอกสารสำคัญ ก่อนจะลงนามเซ็นกำกับ หากเขาพอใจ...มันเป็นวันเรียบง่ายอีกหนึ่งวัน ไม่มีงานเร่งด่วนชวนให้ปวดหัว ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงให้ต้องแก้ปัญหา และในมือเขาคือแฟ้มงานของบริษัทไวศยปรานนท์ ผลกำไรเกินคาดของบริษัทนั้นเกินกว่าที่คาดไว้ เขาไม่คิดว่าคุณทรง
“อืม...ดี ฉันมีโปรแกรมให้เธอเรียนรู้อีกเยอะ” เรียวไม่ได้ขยาย โปรแกรมที่แป้งหอมต้องเรียนคืออะไร เพราะที่เขาวางแพลนไว้คร่าวๆ คือการทำให้แป้งหอมเพอร์เฟคที่สุด สำหรับการเป็นภรรยาใครสักคน... และเมื่อแป้งหอมกับเรียว เดินเข้ามาในสถานที่ทำงานพร้อมกัน หญิงสาวจึงตกเป็นเป้าสายตา พร้อมกับคำนินทา ที่ตามมาในไม่ช้า เป็นเพราะแป้งหอมอยู่ไม่สุข เธอขยันทำงาน จนทำให้ในวันทำงานวันที่2 เธอก็ได้ยินเรื่องที่ขาเม้าทั้งหลายซุบซิบกันเข้าพอดี “เธอๆ ว่าไหม ยัยคนที่เดินตามคุณเรียวต้อยๆ ไม่พ้น เมียน้อยคุณเรียวแหงๆ” แป้งหอมสะดุดกึก...เธอรีบหลบหลังซอกตู้ มือเรียวกำแน่น “พูดแบบนั้นได้ไง คุณเรียวยังโสด อย่างแม่นั่นก็แค่เมียเก็บ ทำกำแหงชูคอ อีโธ่!!” 
เรียวกดปิดทีวีจอยักษ์ ภาพดับวูบไป เขาหันมาหาแป้งหอมพร้อมกับเริ่มต้นอธิบายเนื้องานช้าๆ ระหว่างนั้น แป้งหอมแทรกถามเป็นระยะ หล่อนจริงจัง ใส่ใจ จดรายละเอียดไว้ได้เกือบหมด จนเรียวเองยังทึ่ง หลังแป้งหอมเข้าใจเนื้องานทั้งหมดเธอปิดสมุด เตรียมตัวถอยหลังกลับเข้าห้องพักเหมือนเดิม เรียวถามก่อนที่หญิงสาวจะผุดลุกขึ้นยืน “เธอจบอะไรมา?” เขาไม่ได้ดูแคลนหล่อน เรียวอยากรู้เรื่องของแป้งหอมบ้าง แป้งหอมชะงัก เธอตอบกลับเสียงแผ่วๆ “หอมกำลังเรียนในวิทยาลัย’ เปิดแห่งหนึ่งค่ะ ยังไม่จบ” เพราะการทำงานกินเวลาเธอไปเกือบหมด ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ แต่เธอก็ไม่เคยท้อ ปริญญาคือเป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของแป้งหอม เธอจะทำให้คนรอบตัวเห็น เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีใครเลย ก็ประสบความสำเร็จได้ เรียวพยักหน้าทำเหมือนเข้าใจ เขาสอดมือล้วงไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเครดิตกา
บทที่21.จับคู่ชู้ชื่น เปรียวเปิดประตูห้องพักของแป้งหอม เขานำอาหารตามสั่งมาส่งให้เจ้านาย พร้อมกับโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยม ชายหนุ่มถอยหลังกลับ เขาเดินไปชะโงกหน้าดูหมายเลขห้อง เขามาไม่ผิดห้องนี่นา แต่ที่เขาเห็นมันคืออะไร? เรียวนอนเอนๆ ดูภาพยนตร์ โดยมีแป้งหอมนั่งอยู่ใกล้ๆ เจ้านาย ขยันส่งข้าวโพคั่วให้คนข้างๆ และหล่อนก็อ้าปากงับโดยไม่แย้ง เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น...มันไม่ใช่วิถีคาสโนว่า เปรียวคาดเดาว่า เจ้านายอาจจะกำลังสะบึมแป้งหอม เมื่อเรียวทุ่มทุ่นสร้างขนาดนี้ เขาจึงไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น “ฮ่าๆ คุณตลกบ้าๆ หอมไม่เคยดูหนังอะไรตลกเท่านี้เลย” ถ้าว่ากันตามจริง แป้งหอมไม่เคยชมภาพยนตร์เลยด้วยซ้ำ เธอไม่มีเวลาว่าง ทุกนาทีของเธอคือการทำงาน 
“มันดีมาก ดีเกินจนหอมกลัว” หญิงสาวนั่งคอห้อย เกิดมาเธอไม่เคยสบายแบบนี้ ตอนอยู่ในสถานสงเคราะห์ นอนรวมๆ กันใช้สอยพื้นที่ห้องร่วมกัน แต่ต้องคอยระวังสมบัติส่วนตัว ถึงถูกอบรมมาอย่างดี แต่เมื่อพวกเขาขาด ก็จำเป็นต้องไขว่คว้า ความอดยากนำมาซึ่งการทำผิด แม้จะไม่ตั้งใจ...แต่ก็คือก้าวแรกที่ทำให้ติดเป็นนิสัย เธอไม่โทษพวกเขา หากพอแบ่งปันได้ แป้งหอมก็จะทำเป็นลืมๆ แต่หากสิ่งนั้นสำคัญมาก เธอจะเก็บรักษาและระวังเป็นอย่างดี “กลัว?” เรียวเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง เขากดปิดทีวีจอยักษ์ หันมาสนใจคนข้างตัว ที่นั่งหัวห้อยเหมือนกำลังคิดหนัก “ใช่ค่ะ...ขอหอมไปอยู่ห้องอื่นได้ไหมคะ ที่นี่มันเหมือนสวรรค์ และหอมไม่ใช่นางฟ้า” ของอ้างของหล่อน ทำเอาเรียวเกือบขำ...แป้งหอมช่างสรรหาคำมาแก้ต่าง เป็นข้ออ้างที่ฟังแล้วอารมณ์ดี “ลองดู...ไม่ใช่นางฟ้